ทำยังไงดีกับความคิด จริง หรือว่าเป็นแค่สมมุติ !?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เสขะ บุคคล, 29 กันยายน 2011.

  1. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    - ความคิดชั่วเท่านั้นใช่ไม๊ที่ต้องละ ?
    - ความคิดฝ่ายดีที่ไม่ละเมิดศีลหละ ต้องทำไงกับสมมุตินี้ดี ?
    - คนที่ไม่คิดเลยมีไม๊ ทำยังไงดีกับความคิด หรือปล่อยมันไปเกิดดับ ?


    [​IMG]



    สาธุ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
     
  2. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หากเฝ้าดูจิตอยู่ จะไม่มีการนึกคิดแต่อย่างใด

    แต่หากมีการนึกคิดอยู่ จะไม่เห็นจิต จึงไม่ได้เฝ้าดูจิต

    ผู้ที่เห็นจิตจริงๆ จะเข้าใจในเรื่องนี้ครับ

    ไม่มีการนึกคิด ไม่ว่าจะดี หรือ ไม่ดี เพราะการนึกคิดเป็นการปรุงแต่ง

    ต่อให้นึกคิดดีแค่ไหน แต่เมื่อมีการนึกคิด การนึกคิดย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำ คือ การนึกคิดที่ไม่ดี

    การนึกคิดดี จะมาหลอกล่อให้เรามีการนึกคิด และ จะพาให้เราติดข้องในการนึกคิด

    แล้วผลนั้นจะเริ่มแสดงออกมา โดยที่เราไม่สามารถห้ามได้ ซ้ำยังมีความอาลัยอาวรณ์ต่อการนึกคิด

    และ การนึกคิดนี้เอง ที่ทำให้ผู้คน เป็นทุกข์มาช้านานแล้ว
     
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    วิภาคแห่งปัญจุปาทานักขันธ์ พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย ปัญจุปาทานักขันธ์ เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุทั้งหลาย รูป ชนิดใดชนิดหนึ่ง มีอยู่จะเป็นอดีต อนาคตหรือ ปัจจุบันก็ตาม เป็นภายในหรือภายนอกก็ ตาม หยาบหรือ ละเอียดก็ ตามเลวหรือปราณีตก็ ตาม มีในที่ใกลหรือ ใกล้ก้ตาม ซึ่งยังมีอาสวะ เป็นที่ตั้งอาศัยอยู่แห่งอุปาทาน ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า รูปขันธ์ ที่ยังมีอุปาทาน......................................................ภิกษุทั้งหลาย เวทนา ชนิดใดชนิดหนึ่งมีอยู่ จะเป็นอดีต อนาคตหรือ ปัจจุบันก็ตาม เป็นภายในหรือภายนอกก็ตาม หยาบหรือละเอียดก็ ตาม เลวหรือปราณีตก็ ตาม มีในที่ใกล้หรือที่ใกลก็ตาม ซึ่งยังมีอาสวะ เป็นที่ตั้งอาศัยแห่งอุปาทาน ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าเวทนาขันธ์ ที่ยังมีอุปาทาน............................................ภิกษุทั้งหลาย สัญญา ชนิดใดชนิดหนึ่ง มีอยู่ จะเป็น อดีต อนาคตหรือปัจจุบันก็ ตาม เป็นภายในหรือภายนอกก็ ตามหยาบหรือละเอียดก็ตามเลวหรือปราณีตก็ตาม มีในที่ใกลหรือใกล้ก็ตาม ซึ่งยังมีอาสวะ เป็นที่ตั้งอาศัยอยู่แห่งอุปาทาน ภิกษุทั้งหลายนี้เรียกว่าสัญญาขันธ์ที่ยังมีอุปาทาน.........................ภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลาย ชนิดใดชนิดหนึ่งมีอยู่ จะเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบันก็ตาม เป็นภายในหรือภายนอกก็ตาม มีในที่ใกลหรือใกล้ก็ ตามซึ่งยังมีอาสวะ เป็นที่ตั้งอาศัยอยู่แห่งอุปาทาน ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า สังขารขันธ์ ที่ยังมีอุปาทาน...........................ภิกษุทั้งหลาย วิญญาน ชนิดใดชนิดหนึ่ง มีอยู่ จะเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบันก็ตาม เป็นภายในหรือภายนอกก็ตาม หยาบหรือละเอียดก็ตามเลวหรือปราณีตก็ตาม มีในที่ใกลหรือใกล้ก็ตาม ซึ่งยังมีอาสวะ เป็นที่ตั้งอาศัยแห่งอุปาทาน ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า วิญญานขันธ์ที่ยังมีอุปาทาน......ภิกษุทั้งหลาย ขันธ์ ที่ยังมีอุปาทานห้าขันธ์เหล่านี้ เรียกว่าปัญจุปาทานนักขันธ์ แล..............................(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส)
     
  4. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    รู้ตามจริงไปครับ คิดก็รู้ว่าคิด ไม่คิดก็รู้ว่าไม่คิด

    หากเราตามรู้สิ่งเหล่านี้ จะเห็นเหมือนลักษณะหนืดๆเหนียวๆ เหมือนคนในนี้เคยอธิบายให้ผมฟัง

    ผมเห็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ความคิดฟุ้งซ่านทั้งดีและไม่ดี จะไปไม่ไกลจากปลายจมูก

    ตรงนี้แหละที่ว่ายากไม่ใช่ ง่ายก็ไม่เชิง มันเป็นอะไรก่ำกึ่งๆนิดๆ ต้องประคองให้อยู่กลางๆให้ได้ เหมือนยืนบนถังน้ำมันแล้วกลิ้งไปมาโดยที่เราไม่ตกไปข้างหน้าและข้างหลัง

    ทำตรงนี้เพื่ออะไร ?
    ก็ถ้าหากทำตรงนี้ ทรงตรงนี้ให้ได้จนชำนาญเรียกว่า ปรมัตถธรรม คือการเห็นจิตเกิดดับเป็นปรกตินั่นเองครับ

    เจริญธรรมกันครับ :cool:
     
  5. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    "ธรรมชาติใด ย่อมคิดซึ่งอารมณ์ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อว่าจิต"

    ง่ายๆ เราจะกิน ดื่ม ทำ พูด ลุกขึ้นยืน เดิน นั่ง นอน ถ่าย หรือ ทำอะไรๆซักอย่างหนึ่ง มันคิดก่อนแล้วว่าจะทำยังงั้นๆ ฯลฯ นี่ธรรมชาติของมัน แต่จะมีปัญญาหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง ตัวอย่างเช่น คิดจะลุกเดินไปขโมยของๆเค้า แล้วลุกไปขโมย ฯลฯอย่างนี้ จิตถูกอกุศลครอบงำ ขาดปัญญา

    แต่ตรงข้ามมันคิดแล้วว่าจะลุกขึ้นเดิน แล้วไปหยิบของๆเค้า แต่สติปัญญาเกิดกีดกันอกุศลจิตนั้นได้ ก็ไม่ลุกขึ้นเดินไปขโมยของๆเค้า ฯลฯ
     
  6. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    คำถามพี่เสขะ..เข้มข้นขึ้นทุกวัน..รอก่อน ยังก่อน รอผมด้วยครับ..!
    .....นกกระจิบขอตอบ..หากยังเห็นสมมุติก็ยังรับสัญญาอยู่ แสดงถึงสังขารต้องร่วมปรุง จึงเกิดเป็น ความคิด..แล้วปฎิเวธเป็น อารมณ์..รวมแล้วคือไม่ใช่คิดจริงเป็นสมมุติเท่านั้น หากคิดจริง ต้องเป็นความคิดที่ทรงใน"สมาธิ"..สังเกตุได้ชัดเจนตรง เมื่อคิดเสร็จ จะได้คำตอบที่จิต เกิดปฏิเวธอย่างลึกซึ้งจะเกิดอาการ เชื่อง สงบ ระงับ..เข้าใจ เมตตามหาศาล..ฯลฯ
    ถ้าคิดเป็นสมมุติ "สติ" จะไม่แกร่ง จิตจะซัดส่ายไปเรือย ดึงเรื่องโน้น เรื่องนั้น เข้ามาแทรกได้ง่ายๆๆ ..เพราะจิตไม่สามารถแยกสมมุติ สัญญา กับสังขารได้แบบสายฟ้าแล็บ.. แต่ถ้าเกิดสติหรือมีสมาธิ..จิตเขาจะ ตัด กั้น ไม่รอให้ สมมุติ สัญญา และสังขาร "ร่วมมือ" กันปรุงแต่งได้ทันเลยครับ
    เขาดักหน้ารู้ทันก่อนตั้ง100เมตรแล้วครับตามกำลัง สติ..
    อย่างไรก็ตาม พี่เสขะรูปหล่อ..น้อยกว่าผมนิดเดียว ต้อง รอผมก่อน..รอผมด้วย..ยังก่อนครับ เดี๋ยวจะเหงาขาดเพื่อนรู็ใจนะคัรบ
     
  7. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    -คำที่อยู่บนเส้น น่าจะเห็นความนึกคิดนะครับ คนที่ไม่เห็นความนึกคิดคือผู้ที่ทำสมาธิถึงความสงบนิ่งอยู่ ตรงนี้ละจะไม่มีความคิด
     
  8. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    การเฝ้าดูจิต ไม่มีการนึกคิดครับ ความสงบนิ่งนั้น จะเห็นสิ่งใดครับ หากไม่เห็นจิต
     
  9. loguttara

    loguttara Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +39
    หลักสูตรอภิธรรมมัตถสังคหะ
    มีคำตอบในทุกๆ เรื่อง

    เหมาะสำหรับผู้ค้นหาความจริง
     
  10. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    ขอบคุณทุกคำแนะนำครับ
    ขอทัศนะเพิ่มเติมครับ หลายๆความคิดและการปฏิบัติ จะนำไปให้ซีพียูประมวลครับ :cool:
     
  11. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    จริง หรือสมมุติ และคำตอบทุกคำถามอยู่ที่ญาณทัศนะ อยู่ที่ภูมิธรรมครับ

    คิด หรือไม่คิด มันก็มีความคิดที่ประกอบด้วยโลภ โกรธ หลง กับคิดที่มันทวนกระแสโลภ โกรธ หลง เช่นกัน ซึ่งอย่างหลังจะเรียกว่ามรรคก็ได้ วิชชาก็ได้ ทุกสิ่ง ย่อมมีเหตุผล มีปัจจัย

    จะปฎิบัติถูกผิด ขึ้นกับธรรมหลายประการ โยนิโสมนสิการ ก็เป็นธรรมที่สำคัญ เป็นธรรมที่ให้มรรคเจริญได้

     
  12. loguttara

    loguttara Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +39
    - ความคิดชั่วเท่านั้นใช่ไม๊ที่ต้องละ ?
    หากละชั่วได้ทั้งหมด
    จะไม่ยึดติดในกุศลเลยครับ
    (หมดกิเลส)
    เพราะการอยากทำดี
    ตัวอยากนั่นหละคือโลภะ (จิตฝ่ายอกุศล)

    เหตุไม่ดี ให้ผลไม่ดี
    เหตุดี ให้ผลดี
    เมื่อจิตหลุดพ้นจะไม่ยึดทั้งดีและไม่ดี

    - ความคิดฝ่ายดีที่ไม่ละเมิดศีลหละ ต้องทำไงกับสมมุตินี้ดี ?
    ความคิด (จิต) คือ ปรมัตถ์ นะครับ เพราะเป็นของจริงแท้
    ไม่ว่ากาลไหน ก็มีสภาพรู้อารมณ์
    ส่วนความคิด คือ เจตสิก ที่เกิดพร้อมจิต เป็นผู้ปรุงแต่งครับ

    - คนที่ไม่คิดเลยมีไม๊ ทำยังไงดีกับความคิด หรือปล่อยมันไปเกิดดับ ?
    ผู้ที่ไม่คิดคือผู้ที่อยู่ในสัญญาเวทยิตนิโรธ คือ นิโรธสมาบัติ แล้วก็พรหมที่อธิฐานดับจิต (พรหมลูกฟัก) เพราะไม่มีจิต
    คนทำสมาธิระดับณาณ 4 อรูปฌาณ 4
    ก็ยังมีความคิด คือคิดในอารมณ์ของณาณ
    แต่คิดแค่อารมณ์เดียวครับ

    ให้มีสติรู้ทันความคิด ว่าดี ไม่ดี ควรทำ ไม่ควรทำ
    เพราะธรรมชาติของจิต เป็นแบบนั้นครับ
    ที่ต้องทำสมาธิเพราะให้มันรู้ในอารมณ์น้อยอย่าง
    เพราะอารมณ์หลากหลาย ทำให้ฟุ้งซ่านง่าย(หากสติตามดูจิตไม่ทัน)

    นี่เป็นส่วนหนึ่งในพระอภิธรรม ที่ได้ศึกษา และพิจารณา รวมถึงปฏิบัติ
    จากประสบการณ์ตัวเองนะครับ
     
  13. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    - การเฝ้าดูจิตจะต้องมีความนึกคิด 100% ครับท่าน หากไม่มีความนึกคิดจะเฝ้าดูอะไร เพราะจิตคือความนึกคิด หากท่านเป็นตำรวจไปจับโจร แต่ไม่รู้จักว่าใครเป็นโจรท่านจะจับได้มั้ย เพราะโจรกับคนก็คือสิ่งเดียวกัน เพราะจิตกับความนึกคิดมันคือสิ่งเดี่ยวกัน

    -การเฝ้าดูจิต คือ จิตคิดอะไรก็รู้ว่าจิตคิดและไม่มีอารมณ์กับความคิด ถึงจะเป็นการเฝ้าดูจิต หากจิตคิดแล้วใหลไปตามจิตนั้นคือ อารมณ์ เพราะไม่ได้เฝ้าดูจิต
     
  14. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    การนึกคิดเป็นการเห็นของจิตครับ ไม่ใช่จิต การปรุงแต่งเป็นผลของจิต

    แต่ไม่ใช่จิต การเห็นจิตไม่มีการนึกคิดเข้ามาปะปนครับ

    ผู้ที่เห็นการนึกคิด ครั้นได้ลองหยุดการนึกคิด จะเห็นในสิ่งไหน

    จิตเดิม ที่ไม่ได้ปรุงแต่ง เป็นเช่นไรครับ หากยังปรุงแต่ง ใช่จิตเดิมรึไม่ครับ

    อย่านำผลของจิต มาคิดเห็นว่าเป็นจิต คุณลองหันกลับเข้าไปดูจิตที่มองดูการนึกคิดสิครับ
     
  15. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    - จิต คือ อายตนะภายใน+อายตนะภายนอก ผลคือ เจตสิกกิเลสและเจตสิกธรรม = อารมณ์ ผลคือ กุศล และ อกุศล สิ่งที่อยู่เหนือขึ้นไปอีกคือผู้รู้หรือสติหรือผู้ดูหรือตัวรู้

    -ลักษณะของผู้รู้ อุปมาดัง คนที่ยืนอยู่ข้างถนนคือผู้รู้ มองรถที่ผ่านไปมาซึ่งเปรียบดังอารมณ์มีทั้งรถใหม่รถเก่ารถดีไม่ดี ผู้รู้ไม่ได้ไปกับรถ หากผู้รู้โดยสารไปด้วยผลคือ กุศล หรือ อกุศล
     
  16. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    สติเกิดมาจากไหนครับ สิ่งใดคือตัวรู้ครับ

    สติ คือการะลึกได้ใช่ไหมครับ

    สัมปชัญญะ คือการรู้ตัวพร้อมใช่ไหมครับ

    จิต คือผู้รู้ใช่ไหมครับ ลองใตร่ตรองดูใหม่ครับ
     
  17. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    คิดดีหรือชั่ว เหตุจาก ขณะนั้นมีโลภะ โทสะ โมหะ


    เห็นสมมุติ มุ่ง รู้ปรมัตถ์ตามความเป็นจริงที่ปรากฏ


    ไม่มีใครที่ไม่คิด ควรรู้ทันความคิด ด้วยการระลึกความคิดก็ไม่เที่ยงครับ
     
  18. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572

    -สติเกิดจาก สมาธิ ตัวรู้คือ สติที่มีปัญญา

    -สติ ไม่ใช่การระลึกได้ 100% ครับท่าน แต่สติคือการระลึกรู้

    -สัมปรัญญะ คือ สติที่มีปัญญาหนุน

    -ผมพอจะได้นั้งสมาธิบ้าง ผมรู้คันลองของธรรมแล้ว แต่ยังมีกิเลสอยุ่มาก
     
  19. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ความคิด มันเกิดจากใจ คิดดี คิดชั่ว หยาบ ละเอียด โดยเราต้องเอาสติพิจารณาอยู่ที่ใจตลอดเวลา เมื่อนั้นความคิดของเราก็จะอยู่ในอำนาจควบคุมของเรา เมื่อความคิดทั้งหมดมารวมอยู่ที่จุดเดียว เราใช้ประโยชน์มันคือให้มันไปอยู่ในคำบริกรรมของเราครับ เช่น ภาวนา"พุทโธ" อย่างนี้เป็นต้น ก็จะทำให้เราสามารถเริ่มต้นของหนึ่งในเจ็ดข้อของโพชฌงค์ทั้งเจ็ดครับ ก่อนที่จะเจริญธรรมในข้อต่อไปได้ครับ
     
  20. คุณากโร9

    คุณากโร9 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2008
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +54
    ธรรมดาตานั้นเห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นรู้รส กายรู้สึกสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งเป็นธรรมดา ในที่สุดกายก็ต้องตาย ในที่สุดจิตก็ต้องคิด กายตายจิตคิดเป็นธรรมดาธรรมชาติ ไม่ใช่สัตว์ตัวตนบุคคลของเขาของเราเลย (สรุปคือไม่ต้องไปทำอะไรกับความคิด จริงหรือสมมุติสุดท้ายก็ต้องดับไปเป็นธรรมชาติจะหาคำตอบไปเพื่ออะไร)
     

แชร์หน้านี้

Loading...