สึกพระเกษมและคลิป

ขีดเส้นตาย 3 วัน 'พระเกษม' ต้องลาสิกขาเข้มห้ามนุ่งเหลืองแต่งกายเลียนแบบพระ พร้อมตัดไม่สังฆกรรม ตามมาตรการสูงสุด ไม่ถือเป็นพระสงฆ์อีกต่อไป

พระเกษมแจงเหตุไม่สึกขึ้นยูทูบ

“สุรวิทย์” ระบุพฤติกรรมของ “พระเกษม” ผิดพระธรรมวินัย

‎สำนักข่าวไทย - 20 hours ago
กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการกับ พระเกษม อาจิณณสีโล เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ป่าสามแยก จ.เพชรบูรณ์ ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม

ตำรวจไม่เห็นด้วยพระเกษมขอกำลังอารักขา

รองผบก.ภ.เพชรบูรณ์ชี้พระเกษมขอตำรวจไปอารักขาเพื่อขัดขวางคณะสงฆ์หรือเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการ ระบุไม่ถูกต้อง พ.ต.อ.ปริญญา วิศิษฐฎากุล

พระเกษม ยันไม่สึกจากการเป็นพระ

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขีดเส้นตาย และนำประกาศไปติดไว้ที่วัดสามแยก อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้พระเกษม อาจิณณสิโล

 

พระฟ้องดำเนินคดีกับโยม ถ้าโยมแพ้ พระต้องอาบัติปาราชิก

Oct 3, 2011
​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=OQPsxXBPuAU&feature=player_embedded"]พระฟ้องดำเนินคดีกับโยม ถ้าโยมแพ้ พระต้องอาบัติปาราชิก - YouTube[/ame]

มีคำสั่งให้พระเกษมสึกจากเพศสมณะ
Oct 3, 2011
​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=I2QvkRFAwko&feature=player_embedded"]มีคำสั่งให้พระเกษมสึกจากเพศสมณะ - YouTube[/ame]

คำสั่งให้พระเกษมสึก เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยพระธรรมวินัยชัดเจน
Oct 4, 2011
​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=wxxyC82bsHw&feature=player_embedded"]คำสั่งให้พระเกษมสึก เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยพระธรรมวินัยชัดเจน - YouTube[/ame]

 

สมควรสึกๆออกไปได้แล้ว​

 

เรื่องนี้ไม่อยากออกความเห็นเลย กลัวบาปอะ


หางานใหม่ หางานทำเสริม | รายได้เสริม รายได้พิเศษ

 

ทำไมเอ็งไม่ไปเขียนกระทู้ความคืบหน้าในการ แสวงหาจิตสำนึกของตัวแกเองล่ะ นั้นจะมีประโยชน์กว่าเยอะ ที่จะมานั้นติดตามเรื่องของไอ้โล้นอย่างข้านะโว้ย

 

ถามคนรักศาสนาจะเอาถูกต้องหรือถูกใจ

ศาสนาเป็นสถาบันหนึ่งที่มีสัญญลักษณ์อยู่ในธงชาติไทย ลูกหลานไทยจึงพึงช่วยกันรักษาให้ดำรงไว้คู่บ้านเมืองสืบไป
ดังนั้นเราผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ที่มุ่งหมายเข้าสู่นิพพาน ควรพิจารณาให้ดีว่า จะรักษาศาสนาอย่างไรไม่ให้ถูกทำลายหรือถูกเปลี่ยนแปลง บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก การตัดสินอะไรอย่าเอาความถูกใจมาเหนือความถูกต้อง จะทำให้เป็นบาปติดตัวไปจนตาย แม้เกิดใหม่แล้วก็ลบล้างไม่หมด
การกระทำผิดถูกให้ดูที่เจตนา การตัดสินต้องให้อยู่ในหลักการความถูกต้องตามพระธรรมวินัย อุปมาดังปุถุชนอย่างเรา ๆ แม้ดุสอนลูก-หลานที่ทำผิดแล้ว ต้องรับโทษทางกฎหมายที่รุนแรง ต่อไปบุตร-หลาน จะรู้ตัวว่าผิดหรือ? สังคมจะดีขึ้นได้อย่างไร?
ปัจจุบันสังคมเราเสื่อมลงอย่างมากเข้าขั้นวิกฤต แยกไม่ออกว่าอะไรผิดอะไรถูก คงสาเหตุจากคุณธรรมจริยธรรมในสังคมหายไป ใช้ความถูกใจกับความเคยชินแก้ปัญหา มัวลุ่มหลงอยู่กับพิธีกรรม พิธีการ ซึ่งเป็นกระพี้ธรรม แทนที่จะศึกษาหาแก่นธรรมคำสอนเป็นองค์ความรู้นำสู่การปฏิบัติ เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข ตลอดจนแม้ใครมีบุญก็เข้าถึงนิพพาน ตามหลักที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้ในพระไตรปิฎก
อย่างกรณีพระเกษม ฯ เจตนาจะรักษาต้นฉบับพระธรรมของพระไตรปิฎกให้คงอยู่ตามที่องค์พระศาสดาบัญญัติไว้ 8400 พระธรรมขันต์ อันนี้เป็นข้อดีมิใช่หรือ? เมื่อมาเทียบกับพฤติกรรมที่หลายท่านว่าไม่เหมาะสมแล้วกล่าวโทษขนาดให้พ้นความเป็นพระ อันนี้ความดีน้อยกว่าอย่างนั้นหรือ? ที่สำคัญถ้าให้ท่านพ้นจากความเป็นพระ แล้วมีใครที่จะกล้าแสดงออกถึงความถูกต้องแทนท่านหรือ? ก็คงมีแต่พระที่สอนให้คนหลงในวัตถุเต็มบ้านเต็มเมืองแล้วไม่ยึดหลักธรรมอย่างนั้นหรือ?.. ฝากพวกเราชาวสหายธรรม ช่วยกันคิดพิจารณาด้วยครับ... ถ้าเราคิดว่าเราคือ พุทธศาสนิกชนแท้จริง จาก นก ฅนสรณธรรม

 

ปริศนาธรรมคำคม
สี่คนหาม สามคนแห่ นั่งแคร่หนึ่ง
สองคนจึง พาไป ไม่หนีหาย
นี่คือ...ปริศนาธรรม นำมาทาย
ว่าความหมาย นัยยะ คืออะไร
สี่คนหาม นั้นหรือ คือธาตุสี่
ช่วยเรานี้ ประคองตน เป็นคนได้
ประกอบด้วย ดิน,น้ำ ลมและไฟ
หากวันไหน ธาตุแตกดับ ชีพลับลา
สามคนแห่ แปลได้ ว่าไตรลักษณ์
สังขารจัก ไม่ยืนยง คงคุณค่า
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
มีเกิดมา ก็แตกดับ ไปกับกาล
หนึ่งคนนั่ง บนแคร่ แปลว่าจิต
ซึ่งมีสิทธิ์ สั่งกายทำ ตามคิดอ่าน
ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว มาเนานาน
ต้องทำงาน ตามใจสั่ง ทั้งร้ายดี
สองคนซึ่ง พาไป แปลให้ทราบ
คือบุญบาป ที่ทำไว้ ในวิถี
หากวันไหน เราล่วงลับ ดับชีวี
สองสิ่งนี้ จะพาไป รับใช้กรรม
หากเราทำ แต่บาป ใจหยาบช้า
บาปจะพา ไปนรก ต้องตกต่ำ
หากทำบุญ ทำดี บุญที่ทำ
จะหนุนนำ ให้เป็นสุข ทุกชาติเอย

 

ระวังลงนรกโดยไม่รู้ตัว

บุคคลไดวิจารณ์ พูดแบบไม่รู้จริง บุคคลไดได้เข้าไปยุ้งจะโดย

ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ในครอบครัว และตัวท่านเองจะมีเรื่อง

วุ้นวายในตัวท่านเองและครอบครัว ถึงขั้น นรก

จะช้าหรือเร็ว จะเกิดแน่นอน มีตัวอย่างแถวๆๆ อุดร

ไม่ตายก็มีเรื่องวุ้นวายไม่จบสิ้น พระผู้ใหญ ข้าราชการ โดนมาแล้ว

ผู้ที่หาพระ อรหัน ที่อุดรมีนะแต่ไม่ดัง เงียบๆๆ

 

ปล่อยเป็นหน้าที่ของกรรม...ก็พอแล้ว

 

น้อมนมัสการ ด้วยความเคารพ พระคุณเจ้า

 

บริสุทธิ์ หรือไม่บริสุทธ์รู้ด้วยตนเอง

 

ไอ้เกษมมึงย่อมรู้ตัวว่าขาดจากความเป็นพระแล้วทางการเขามีมติให้สึก เห็นเวลาเขาจะจับสึกหนีเป็นหมากลัวสวิง ยังจะมาอวดอำนาจวิเศษ มึงและสาวกที่ต่อไปนี้จะอยู่อยากในผืนแผ่นดินพุทธ เพราะจะมีแต่คนรังเกียจไม่มีใครคบ จะมีคบก็แต่พวกสาวกของมึงเท่านั้น และพวกสาวกประชาชนทั่วไปก็จะรังเกียจเพราะเป็นพวก เดียรถีร์ มึงทำแบบนี้กูฟันธงได้เลยว่าเจอคดีอาญาอีกแน่ เตรียมหาทนายไว้ ทำให้พระพุทธศาสนาแตกแยก ดูหมิ่นศาสนาโดยใช้ตีนเหยียบย่ำพระพุทธรูป อ้อและที่สำคัญ ที่ที่มึงใช้ซุกหัวนอน มึงบุกรุก เอาแค่นี้ก่อนมึงสึกออกมายังมีกลุ่มคนที่เขาจะแจ้งความ กล่าวโทษอีกรอดูไป

 

อืม สรรพนามแทนตัวพระคุณเจ้า สมมติสงฆ์เดี๋ยวนี้ เปลี่ยนจาก "อาตมา" เป็น "ไอ้โล้นอย่างข้า" แล้วเหรอเนี่ย เคยได้ยินแต่สมณะแทนตนว่า "อาตมา" หรือ "อาตมภาพ"
ส่วนสรรพนามบุรุษที่สอง แบบสุภาพๆ จาก "โยม" หรือ "สีกา" ก็เป็น "เอ็ง" ไปเสียแล้ว ดูๆ ผู้ฟังท่าทางจะดู "ต่ำต้อยด้อยค่า" ในสายตาของท่านเสียเหลือประดา

โทสะจริต กิเลสหยาบๆ ตัวนี้ของตน เห็นบ้างไหมหนอ

 

ไม่ต้องเที่ยวขู่ใครต่อใครหรอกกระมัง รอให้ "กรรม" เป็นผู้ตัดสินท่าจะเหมาะกว่า เพราะ "กรรม" ยุติธรรมที่สุดในโลก ปฏิบัติเท่าเทียมกัน ไม่เลือกชนชั้น วรรณะ ไม่เลือก "พวกข้า" หรือ "พวกเอ็ง"
วันที่ผลของกรรมมาถึง คงไม่นานแล้วสินะ

 

ไอ้เกษมต้องให้คนธรรมดามาสอนแบบนี้ แสดงถึงตัวตนของเกษมอย่างแท้จริงนี่หรือที่เหล่าบรรดาสาวก กราบไหว้เชื่อฟัง อนิจา

 

ขออนุญาตยกข้อความของคุณ "ชาวสุวรรณภูมิ" ที่ได้อ่านในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์วันนี้ มาเพื่อเป็นประโยชน์แก่ชาวพุทธ ผู้ใฝ่ธรรม ในทาง "สัมมาทิฏฐิ" ทุกท่าน อนุโมทนา

ขออนุญาตครูบาอาจารย์ถวายความเห็นแลคำแนะนำกรณีนี้ ในฐานะฆราวาสญาติโยมผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ดังนี้

ใน สกลจักรวาลนี้ ประกอบด้วยสมมติธรรมแลโลกุตรธรรม เมื่อครั้งพระบรมศาสดายังดำรงพระชนมชีพอยู่ ก็ครองธรรมทั้งสองส่วนนี้เสมอกัน เพื่ออนุเคราะห์แก่ชนชาวโลก ตราบจนถึงวันปรินิพพาน ในวาระสุดท้ายนั้น พระพุทธองค์ได้ละซึ่งสมมติธรรมอันเป็นสภาพที่ทนได้ยาก เสวยวิมุติสุขจากผลของโลกกุตรธรรม มิได้กลับมาเวียนว่ายตายเกิดในภพนี้อีก

ทางสายกลางที่พระพุทธองค์แสดงไว้ ล้วนมุ่งแต่อนุเคราะห์ให้มวลหมู่สรรพสัตว์ทั่วสากลจักรวาล ได้รับอรรถธรรมตามแต่กำลังอินทรีย์ของตน มิได้หักหาญขนบธรรมเนียมประเพณีของชนชาวโลกที่มีมาแต่ครั้งโบราณกาลให้เกิด การตำหนิติเตียนขึ้นได้ ทั้งนี้ เพื่อให้พระพุทธศาสนาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม หรือมาอยู่ร่วมกับสมมติทางโลก อันจะเป็นธรรมชี้นำให้ขนมวลหมู่สัตว์ออกจากสงสารวัฏฏ์นี้ตามลำดับต่อไป มิได้บังคับให้พระสงฆ์ต้องอยู่ป่าเป็นวัตร ฉันมังสะวิรัติ หรือนุ่งห่มแต่ผ้าบังสุกุล เป็นต้น ตามอย่างการถือเคร่งของพระเทวทัตแต่ถ่ายเดียว หากแต่มีพุทธานุญาตให้พระสงฆ์อาศัยอยู่ได้ทั้งคามวาสีแลอรัญญวาสี หรืออยู่ได้ทั้งในป่าแลในเมือง เพื่อจรรโลงพระศาสนาให้อยู่ได้ตราบถึง 5,000 ปี

ยกตัวอย่างข้อที่พระพุทธองค์ได้อนุวัติตามสมมติชาวโลก เช่น การเคารพอาวุโสภัณเต ให้พระสงฆ์นั่งแลยืน ตลอดถึงการได้สลากภัติตามลำดับผู้บวชก่อนหลัง หรือกรณีนางวิสาขา ขอพระราชทานพุทธานุญาตให้พระสงฆ์รับผ้าจำนำพรรษา อันนอกเหนือจากผ้าไตร 3 ผืนที่พระสงฆ์ครองอยู่ในวาระนั้น อีกทั้งยังมีพุทธานุญาตให้พระสงฆ์จากถิ่นทุรกันดารได้ใส่เครื่องรองเท้า หรือมีผ้าปูนั่ง เป็นต้น ตัวอย่างดังกล่าวนี้เป็นการอนุวัติไปตามกำลังอินทรีย์ของผู้ถือบวชและเป็นไป ตามกาลสมัย แต่ไม่ทรงทิ้งอรรถทิ้งธรรมอันเป็นแก่นสารของพระศาสนา ที่สำคัญพระศาสนาต้องอยู่อนุเคราะห์ชนชาวโลกทั้งในป่าแลในเมือง ถึงพร้อมทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธไปตลอดอายุพระศาสนา

กรณีพระสงฆ์ ตามข่าวนี้ ทิ้งสมมติธรรมไม่ถือเอาธรรมเนียมประเพณีของชนชาวโลก แลประพฤติปฏิบัติตนให้ชนชาวโลกตำหนิติเตียน กระด้างกระเดื่องต่อพระเถระแลพระสงฆ์ฝ่ายปกครอง สร้างความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนาแลพระธรรมวินัย การอ้างถึงอาบัติ หรือการกระทำผิดวินัยสงฆ์ว่าผิดเล็กน้อยนั้นหาควรไม่ เพราะพระวินัยที่กำกับกาย วาจาและใจของพระสงฆ์นั้นมีมากกว่าที่บัญญัติไว้ 227 ข้อ อันเป็นวินัยบัญญัติที่รวบรวมเท่าที่จะกระทำได้ในคราวสังคายนาเมื่อคราก่อน โน้น การที่พระสงฆ์ไม่พึงสังวรระวังการกระทำทางกาย วาจาและทางใจ อันเป็นต้นกำเนิดของวินัยบัญญัติทั้งปลายทั้งปวง โดยที่อ้างถึงการกระทำนั้นว่ามิได้บัญญัติไว้ในพระวินัย หรือเป็นความผิดเล็กน้อย จนได้รับการตำหนิติเตียนจากคณะสงฆ์แลฆราวาสญาติโยมอย่างกว้างขวาง ถือได้ว่าเป็นการละเมิดทั้งธรรมแลวินัย มิได้เป็นตัวอย่างอันดีแก่พระผู้น้อยแลฆราวาส อีกทั้งเหยียบย่ำทำลายศรัทธาของญาติโยมที่มีต่อพระพุทธศาสนา แลท้ายที่สุด มิได้สำนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบรมศาสดา อันเกิดจากความขลาดเขลาเบาปัญญา มิรู้จักแยกแยะปัญญาทางโลกแลปัญญาทางธรรม หรือสมมติธรรมแลโลกุตรธรรม อันเป็นสารัตถะสำคัญให้พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ในสังคมโลกนี้ได้

ขอพระคุณเจ้าได้ตริตรองด้วยวิจารณญาณแลพิจารณาปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้พระพุทธ พระธรรมแลพระสงฆ์ได้อยู่เป็นเนื้อนาบุญของชนชาวโลกสืบต่อไป สาธุ
ชาวสุวรรณภูมิ

Quality of Life - Manager Online -

 

[FONT=&quot]ดูกรอานนท์ การที่รักษาแก้วไม่ดีไม่มีราคา แม้จะรักษามากหลายพันดวง ก็สู้ผู้ที่รักษาแก้วที่ดีที่มีราคาดวงเดียว
ไม่ได้

แก้วที่ไม่ดีไม่มีราคาจะขายก็ไม่ได้ จะเก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์ ตกลงต้องรักษาไปเปล่าๆ ส่วนแก้วที่มีราคานั้น จะขายก็ได้เงิน
มาก หากจะเก็บไว้ก็เป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ตน
การเรียนมนต์แลเรียนคาถาที่ไม่ดีไม่ขลังแม้จะเรียนตั้งร้อยตั้งพันบทก็สู้มนต์คาถาที่ดีที่ขลังบทเดียวไม่ได้ แม้การที่รักษาพระวินัยบัญญัติแลข้อวัตรก็เหมือนกันเช่นนั้น เมื่อรู้ประโยชน์แห่งศีล

และข้อวัตรแล้ว ก็ไม่ต้องรักษามาก เมื่อไม่รู้ไม่เข้าใจก็รักษาพร่ำเพรื่อไปจนไม่มีเขตแดน จึงต้องได้รับความลำบาก เหมือนผู้ที่
ไม่รู้การงานต้องแบกเอาไม้ทั้งเปลือกทั้งกระพี้
ผู้ที่มีปรีชาท่านรักษาวินัยและข้อวัตรไม่มาก แต่หากได้รับอานิสงส์เพียงพอ
เหมือนอย่างผู้รักษาแก้วดีดวงเดียว หรือผู้ที่เรียนมนต์และคาถาที่ดีที่ขลังบทเดียวเท่านั้น ก็ให้สำเร็จประโยชน์ได้เต็มที่
ฉะนั้น

คิริมานนทสูตร
[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT]

 

อ่านตำราให้แตกฉานนั้น ต้องใช้ปัญญาในทางโลก หากแต่ขบปัญหาทางธรรมให้แตกนั้น ต้องใช้ปัญญาในทางธรรมเท่านั้น หาใช่ปัญญาทางโลกที่ท่านเข้าใจเอาเองไม่
ปัญญาในทางธรรม ได้จากการเจริญ "สติปัฏฐานสี่"เท่านั้น ท่านเล่า ได้ลงมือปฏิบัติให้เข้าถึง "แก่นธรรม" จริงๆแล้วหรือไม่ หรือติดอยู่เพียงแค่กระพี้ หรือแค่เปลือกนอก ที่เข้าใจเอาว่า คือ แก่นธรรมโดยแท้จริง

หากเป็นพระอริยะเจ้าแล้วไซร้ จิตย่อมพิสุทธิ์หลุดพ้น ไม่ยึดติดทั้งสุข หรือทุกข์ อย่าว่าแต่ยึดถือในตำราเลย

วันนี้ ท่านตั้งคำถามกับตัวเองแล้วหรือยังว่า จิตของท่าน ยังยึดสุขหรือยึดทุกข์อยู่หรือไม่ประการใด
ส่วนตัวแล้ว เข้าใจว่าขณะนี้ ท่านคงทุกข์ใจมิน้อย ด้วยเวลาแห่ง "เ้ส้นตาย" คือไม่เกินเที่ยงคืนคืนนี้ อืม...หรือไม่ประหวั่นใจเลยแม้แต่นิดเดียว

 

ดูกรอานนท์ บุคคลจำพวกใด หากเบียดเบียนเสียดสีหมิ่นประมาทในพระสังฆเถระแลภิกษุสามเณรที่เป็นศิษย์ของพระ
ตถาคตโดยที่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีโทษ ไม่มีปาราชิกและบังคับให้สึกออกจากเพศพรหมจรรย์ หรือกระทำปัพพาชนียกรรมไปเสีย
ก็ดี บุคคลจำพวกนั้นเป็นบาปยิ่งนัก ไม่อาจพ้นนรกได้ บุคคลจำพวกใดมีความเชื่อความเลื่อมใสในคุณธรรมคำสั่งสอนของ
เราตถาคต แล้วเชิดชูยกย่องไว้ให้ดี มิได้ดูถูกดูหมิ่น บุคคลจำพวกนั้นก็จะมีความเจริญด้วยความสุข ทั้งในโลกนี้แล
โลกหน้า แม้ปรารถนาสุขอันใดซึ่งไม่เหลือวิสัย ก็อาจสำเร็จสุขอันนั้นได้ตามปรารถนา

บุคคลที่ทำลายพระพุทธรูป พระสถูป พระเจดีย์ แลตัดไม้ศรีมหาโพธิ์ แล

บุคคลจำพวกที่กล่าวหมิ่นประมาท เย้ย
หยันแก่สานุศิษย์ของเราตถาคตที่มีโทษไม่ถึงปาราชิก บุคคลจำพวกนี้มี

โทษหนักยิ่งกว่า จำพวกที่ทำลายพระพุทธรูปแล

พระสถูปพระเจดีย์นั้นหลายเท่า บุคคลที่ทำลายพระพุทธรูป เป็นต้นนั้น เป็นบาปมากก็จริงอยู่ แต่ยังไม่นับว่าเป็นการทำลาย
พระพุทธศาสนา ผู้ที่กล่าวหมิ่นประมาทนั้น ได้ชื่อว่าทำลายพระพุทธศาสนาของพระตถาคต เพราะว่าผู้ที่มีความผิด โทษไม่ถึง
ปาราชิกนั้น ยังนับว่าเป็นลูกศิษย์ของเราตถาคตอยู่ ต่อเมื่อเป็นปาราชิกแล้วจึงขาดจากความเป็นลูกศิษย์ของเรา ถ้าเป็นโทษ
เช่นนั้น แม้จะลงโทษหรือกระทำปัพพาชนียกรรมก็หาโทษมิได้แลได้ชื่อว่าช่วยพระศาสนาของเราด้วย
การทำลายพระพุทธรูปหรือพระสถูปพระเจดีย์นั้น ยังมีทางเป็นกุศลได้อยู่ ดังพระพุทธรูปไม่ดีไม่งาม แล้วทำลายเสีย
แก้ไขให้งามให้ดีขึ้น แม้พระเจดีย์แลไม้ศรีมหาโพธิ์ก็เช่นกัน ต้นโพธิ์ที่ตั้งอยู่ในที่ไม่สมควร เช่น ตั้งอยู่ในที่ใกล้ถาวรวัตถุ อาจทำลาย
ถาวรวัตถุนั้นได้ จะตัดเสียก็หาโทษมิได้

ถ้าทำลายเพื่อหาประโยชน์แก่ตน หรือทำลายโดยความอิจฉาริษยาเช่นนั้น ย่อมเป็นบาป
เป็นกรรมโดยแท้

แม้ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ชื่อว่าเป็นการทำลายศาสนา พวกที่หมิ่นประมาท ทำให้สงฆ์ที่มีโทษยังไม่ถึงอันติมะให้

ได้รับความเดือดร้อนถึงแก่เสื่อมจากพรหมจรรย์ได้ชื่อว่าทำลายพระพุทธศาสนาโดยแท้ ข้าแต่พระมหากัสสปะ พระพุทธเจ้า
ได้ตรัสเทศนาแก้ข้าฯ อานนท์ ดังนี้