กายวัชระ หรือกายทิพย์ขั้นเพชร และการบำเพ็ญอาวุธทิพย์ชั้นเพชร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 8 พฤศจิกายน 2011.

  1. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +291
    นางมะลิเอย.........
     
  2. suphattra

    suphattra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +19
    มารายงานตัวค่ะ เข้ามาอ่าน
     
  3. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    มีวิธีบำเพ็ญแบบไหนมั้งครับ ถึงจะได้ดาบเลเซอร์มั้งมั้ยครับ ดาบเพชรฟังดูไม่ค่อยเท่ซะเท่าไรเลยอะ
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  4. arunamrin

    arunamrin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +14
    ต่อนะครับ

    ตอนเริ่มปฏิบัติใหม่ๆ...เวลนั่งมันเหมือนใครเอาของแหลมมาทิ่มตามตัวมันรู้สึกจี๊ดๆตามตัว..บางทีก็เหมือนตัวมันเล็กนิดเดียว..บางทีก็เหมือนเราพุ่งขึ้นที่สูง...บางทีก็เห็นเป็นนิมิตร..บางทีก็เห็นเป็นดวงรวบเข้าไปตรงกลางเป็นดวงแล้วก็รวบเข้าไปตรงกลาง...บางทีก็เหมือนว่าเรานั่งบนสิ่งที่เรียบเหมือนหน้ากลอง..บางทีมันก็ขาวไปหมด..บางทีก็เหมือนก้อนเมฆตัดกันส่วนก้อนเมฆนี่เคยถามท่านบอกว่ามันเป็นปัญญาที่ก้อนเมฆว่ามันเป็นอากาศธาตุที่ละเอียดยังสู้ปัญญาไม่ได้ละเอียดกว่าๆ..บางทีก็เหมือนดาบที่ชักออกจากฝักคือมันวืดขึ้นไปและก็เหมือนใครมากดเราไม่ให้ไปให้นอนหงายแต่เป็นท่านั่งขัดสมาธิ..บางทีก็กำหนดตัวตนไม่ได้ว่างไปเลย...บางทีก็ตกใตเพราะลมหายใจมันหายไปเหมือนเราลืมหายใจ...บางทีก็เหมือนตกจากที่สูง...อันสุดท้ายรู้สึกเป็นโครงกระดูกที่ซี่โครงมานผุแล้วมันก็ล่วงลง..แต่ท่านบอกว่าอย่าไปอยากรู้นั่งหลับตาพิจารณาส่งไปห้ามอยากรู้ปล่อยให้มันเป็นไปตามระบบของมันเอง..ที่นี่พอเราพิจารณาจิตมันเหฌนบ่อยๆเข้าๆมันก็เริ่มเบื่อหน่าย..เบื่อไปหมดเข้าใกล้ใครก็เบื่อเพราะมันเห็นเป็นแต่ทุกข์อยู่ในอารมณ์สมาธิมีแต่สุข..แล้วก็เริ่มเข้าไปสู่เหตุและผลพิจารณาไปถึงสิ่งที่มันตรงข้ามกันที่เป็นเหตุของกันและกัน...เช่นมีดีใจมีเสียใจที่เป็นฝ่ายตรงกันข้ามมีอะไรเราก็เก็บมาพิจารณาหมดในกายนอกกาย..รอบกายสุดท้ายมาลงที่การเกิดนี่เองตัวต้นเหตุของผลแล้วก็พิจารณาถึงการดับ...วิญญาณที่มันเข้ามาทางอายตะจะเห็นเป็นดับ..หันมามองอุปาทานบ้างหันมามองสมมุติบ้างหันมามองปรมัตบ้าง..ออลืมบอกอีกอย่างบางทีเราก็เหมือนเรานั่งอยู่บนลููกกลมๆที่เล็กกว่าเรา...เท่าลูกฟุตบอล...การพิจารณาเราได้มาเกือบตั้ง20ปีแล้วสมัยที่พระยันตระดังใหม่ๆ...ที่ท่านแสดงธรรมเราฟังท่านแสดงตรงกันกับที่เราปฏิบัติการที่ได้เข้าไปรู้ไปเห็นมา..แม้แต่อานาปานัสสติก็ต้องทำต้องรักษาไว้จนกว่าจะหมดลมหายใจ..เพาะทางสายนี้มันเป็นการเปลี่ยนเราจากอีกคนให้เป็นอีกคนที่ความคิดและการกระทำมันสวนทางจากโลกเพราะสิ่งที่โลกเป็นอยู่นี้มันหมุนเข้าส่วนเรามันหมุนออกๆพิจารณาต่อไปว่าคนเราชอบอยู่กับกิเลสซะส่วนมากๆพอใจกับมันน้อยคนนักที่จะมองเห็นและเดินออกมาเหมือนเป็นกรรมของสัตว์ที่ให้คิดได้เท่านั้นและทำได้เท่านั้นใครไปชักไปจูงมันมันก็หาว่าบ้าๆเอาของที่มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้มาสอน..แต่โทษทีที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมันมองไม่เห็นทั้งนั้นแหละกรรมทั้งนั้นผมเลยว่าคนที่จะมาอยู่ตรงจุดนี้หายากบอกยาก..ท่านที่สอนรู้และเข้าใจเราก็ไม่ถามท่าน..แต่ท่านบอกว่าโปรดเท่าที่โปรดได้ไม่ต้องใช้ธรรมชั้นสูงเอาเท่าที่เขาสามารถจะเข้าใจได้...ส่วนการกำหนดจิตให้แผ่ออกไปโดยรอบของฐานจิตที่เราทำสมาธิอยู่เพื่อสัมผัสจิตดวงอื่นนอกจากจิตของเราเอง..คือถ้าเราอยากจะสัมผัสมันก็จะรู้เลยเป็นชาย..หรือเป็นหญิงแต่งตัวยังไงรูปร่างยังไงกำลังทำอะไรอยู่มีเท่าไหร่แต่ถ้าจิตไม่อยากสัมผัสมันก็ไม่มีอะไรแต่ก็มีที่เป็นความนึกคิดอื่นที่ไม่ใช่ของเราแทรกเข้ามาในความคิดแต่เราไม่สนใจเรื่องของมัน...บางทีก็เจอมันนั่งอยู่บนขื่อหลังคาเลยชวนมันมาบ้านด้วยมาหาพ่อตอนเราปฏิบัติเราจะมาหาท่านตลอดเพื่อให้ท่านเช็คญาณท่านจะบอกว่าต่อไปจะเป็นแบบนี้ๆ...ที่นี้ก็ถามท่านว่าที่เราชวนมันมาหนะมีมั้ยท่านบอกว่าไปชวนมันมาทำไม..พอตกกลางคืนมันก็เข้าไปอำแม้ร้องลั่นเลยตื่นมาให้พ่อเอามันไปทิ้งแม่น้ำเลยรู้ว่าที่เราสัมผัสได้จากสมาธิมีจริงมีอยุ่ครั้งหนึ่งขณะที่นั่งรถเห็นเป็นนิมิตรเป็นบ้านหลังใหญ่มีบันได้วนขึ้นไปมีผู้หญิงกำลังขึ้นบันไดวนส่วนเราก็วิ่งเข้าไปหานิมิตรนั้นเลยถามท่าน...ท่านบอกว่าที่เราเห็นแบบนั้นเราผ่านที่อยู่ของเขา....แล้วเราห้ามไปขับถ่ายหรือปัสสาวะส่งเดชจะไปโดนพวกมองไม่เห็นให้ใช้ที่เขามีใว้ให้...แล้วของที่เขาเรียกออกมาเราจับได้แต่คนอื่นห้ามจับแต่เขาไม่บอกว่าเราเป็นใครมาเกิดบอกแต่ว่าถึงเวลารู้เองไปอยากรู้มันทำไมถามกี่ทีก็บอกเท่านี้..แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นใคร...แล้วจะมาเล่าต่อใหม่..
     
  5. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +291
    ข้าว่า คนที่ปฏิบัติ ทางวัชรยาน มาอ่านเข้า คง เฮ้ออออออออ!!! ข้าก็วัชรยานไม่อยากไปเถียงเขา 555
     
  6. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ดีแล้วล่ะ.. ที่คิดได้อย่างนั้น ถูกต้องอยู่แล้ว..
     
  7. arunamrin

    arunamrin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +14
    เรื่องสมบัติที่ขนมาฝังเอาไว้

    ตั้งแต่พ่อวิษณุกรรมมา..ท่านก็บอกว่าที่บ้านเกิดของแม่ซึ่งอาศัยอยู่บนที่วัดเก่าแต่สมัยนั้นไม่ได้เป็นวัดเป็นป่าไผ่ที่เขามักนำเอาคนตายมาฝังไว้เพราะตัววัดเองได้พังลงทั้งหมดมีเนินดินให้รู้ว่าเป็นอุโบสถข้างอุโบสถก็จะเป็นเจดีย์...คนที่อายุ80ยังทันได้เห็นเราก็ชอบซักไซ้รเพราะพอปิดเทอมเราก็จะไปเที่ยวกับยายที่บ้านนอกจังหวัดสุพรรณแล้วชอบไปเล่นแถวนั้นซึ่งปัจจุบันเป็นวัดแต่ไม่อะไรนอกจากศาลาในกรมศาสนาได้บันทึกไว้ว่าชื่อวัดขวางเหตุที่ชื่อวัดขวางเพราะสมัยที่โรคอหิวาตกโรคระบาดมาทางหมู่บ้านนี้มีไม้ศักสิทธิ์ชื่อว่าต้นขวางทำให้โรคหาไม่สามารถทำอันตรายหมู่บ้านนี้ได้แต่ปัจจุบันไม่เห็นมี..แต่เจ้าอาวาสรูปเก่าได้ไปค้นคว้ามาว่าได้รับการจดเป็นวัดไว้ในหมายเหตุ..สมัยรัชกาลที่5...แต่ยายบอกว่าตอนสมัยยายเป็นเด็กมีตุ่มใบใหญ่ใส่กระดูกยายยังขึ้นไปยืนเล่นเลยปัจจุบันก็หายไปไม่รู้ไปไหน..ที่แห่งมีชาวบ้านมาทำแปลงถัวไว้บนอุโบสถชื่อว่าตาฟัก..เขาเล่าว่าได้ขุดไปเจอหม้อใบหนึ่งดีใจเดินเอากลับบ้านพอเดินไประหว่างทางหม้อใบนั้นกลับหายไปจากมือเอาดื้อๆแล้วสมัยนั้นยังไม่มีตำรวจเขาได้ขุดลงไปเจอพระเยอะมากเป็นเข่งแต่มีอยู่2องค์ที่ตรงปลายพระเกศเป็นทองที่นี้พวกสรรพสามิตที่ในสมัยนั้นทำหน้าที่เหมือนตำรวจจะมาจรวจค้นบ้านความที่กลัวจะถูกจับเลยเอาพระขุดหลุมใส่แล้วกระทืบดินให้เหมือนว่าไม่มีรอยขุด..พอสรรพสามิตกลับไปมาขุดที่ฝังพระไว้ปรากฏพระหายเรียบแล้วตรงเจดีย์แกขุดลงไปได้หินที่กึ่งใส่เท่าไข่ไก่เป็นสีอมส้มข้างในมีรอยร้าวแบบสี่เหลี่ยมเล็กอยุ่ตรงกลางได้ทดลองยิงแถวที่ขุดได้ปรากฏไม่ออกมีคนมาขอซื้อไป50ล้านแห่งไปกรุงเทพไปลองยิงบางส่วนจะแบ่งทำบุญให้กับทางวัดบ้างแต่พอไปลองยิงที่กรุงเทพปรากฏแตกสิครับ..ตอนเรากลับไปบ้านนอกก็ไปขอแกดูมันแตกแล้วแต่แกใช้รวดถักเก็บเอาไว้กับเอวของแก...แล้วแก่ก็เล่าเกี่ยวกับที่นี่ให้ฟังว่าบางทีกลับจากที่อื่นดึกๆต้องผ่านทางวัดนี้แกก็เห็นคน2คนแบกเรือพายเสียงคุยกับแล้วก็เดินหายเข้าโคนต้นไม้ไปต่อหน้าแกเลยบางคนก็เห็นเรือชะล่าหัวเรืออยู่หน้าวัดถ้ายเรืออยู่หลังวัดมีสมบัติเต็มลำเรือ..หรือบางทีหน้าน้ำหลากดอนวัดมันสูงจะไม่ท่วมพวกเลี้ยงควายมาอาศัยเอาควายมาผูกจะเห็นเป็นดวงไฟลอยขึ้นมาจากดินพอใกล้จะลงถึงพื้นดินมันก็แตกกระจายเป็นไฟพะเนียงลงพื้นแล้วข้างศาลาจะมีต้นจันทร์อายุน่าจะเป็นร้อยปีเพราะยายบอกว่าเกิดมาก็เห็นมีแล้วแต่ข้างในต้นจะเป็นโพลงแถมยังมีรอยไหม้เพราะถูกฟ้าผ่าอีก..แต่มีคนมาขุดได้ของตรงที่โคนต้นจันทร์เป็นโลหะแท่งๆเก็บไปบ้านแล้วก็เป็นบ้าเที่ยวเก็บของตามข้างทางว่าเป็นทองเลยต้องนำไปฝังคืนเขานี่เจ้าอาวาสรูปเก่าเล่าให้ฟัง..แต่แม่เคยฝันเห็นเล่าให้ฟังว่าเคยฝันเห็นคนแก่ผู้ชายผมสีดอกเลาในฝันแม่ถามว่าตาอยู่ที่ไหนแกก็ชี้ไปที่โคนต้นจันทร์แล้วที่นี่มีวัดติดกันเยอะประมาณ1กิโลบ้าง2กิโลบ้างจะมีวัดแต่พังลงไปหมดและเพราะมันอยู่ในสมัยพม่ามีวัดดอนยายเตือน..วัดดอนขี้เหล็ก..2วัดนี้จะใกล้กันมากวัดดอนยายเตือนมีคนรู้จักกันเขาเล่าให้ฟังว่ามาเข้าฝันให้ไปขุดแต่ให้ไปแค่คนเดียว..แต่เขากลัวเลยพาไปขุดหลายคนพอขุดจะถึงของแล้วได้กลิ่นเหม็นเน่าเลยเผลอด่าของก็เลยเคลื่อนไปในดินเสียงเหมือนคนลากตาน้ำก็พุ่งออกมาแทนตามด้วยหน้าผีทีนี้อยู่กันไม่ได้วิ่งร้องลั่นทุ่งนาเลยรั้วที่ใช้ละเมาะทำบ้างใช้กิ่งไผ่ขัดไว้บ้างสูงท่วมหัวมันกระโดดทีเดียวถึงตีนบันไดบ้านเลยเราฟังเราก็ขำความกลัวผีๆพอเช้าเขาบอกว่าไปใหม่ทีนี้แห่ไปเลยทำพิธีได้พระมา1องค์ในละแวกนั้นมีวัดขวาง..วัดดอนยายเตือน..วัดดอนขี้เหล็ก..วัดขรัวตาหนู...ห่างไปอีก3กิโลก็เป็นวัดราษำร์กระจับเท่าที่ถามว่าคนสมัยก่อนเขารวยเขาก็สร้างวัดของใครของมันแต่ในบรรดาวัดเหล่านี้ถ้ากล่าวถึงว่าวัดไหนมีสมบัติมากที่สุดก็ต้องเป็นวัดขวางนี้พ่อบอกว่าประเมินค่าไม่ได้มีทุกอย่างจะเอาอะไรมีหมดแล้วเราก็ถามอีกว่าอย่างนี้แล้วใครจะเอาได้..ท่านบอกว่าคนที่จะได้ต้องมีจิตใจใกล้เคียงกับพระอรหันต์..และต้องเอามาสร้างวัดเท่านั้นคนที่เป็นมือเป็นเท้าเท่านั้นถึงจะใช้ได้...ทีนี้มีอยู่ครั้งหนึ่งแม่ก็ไปบ้านนอกด้วยคนที่เฝ้าสมบัติมันก็มาเข้าหัวเราะใหญ่เลย..เราก็ถามไปว่าใครมันก็บอกว่ามันรอมาตั้งนานแล้ว..เราก็ถามอีกว่ารออะไรมันก็บอกรอให้เมาขุดเอาของไป..เราก็ถามไปว่าของอะไร..มันก็บอกว่าเป็นพระทองคำอยู่ในไหประมาณ3นิ้วมีเต็มไหเลยเนื้อพระมันวาบ..เสร็จแล้วมันก็บอกคนที่จะใช้ได้ต้องเป็นมือเป็นตีนเท่านั้นแล้วมันก็บอกตำแหน่งและทิศทางซึ่งเราก็ยังจำได้จนบัดนี้แต่แม่ไม่ได้ไปขุดเพราะพ่อคงไม่อยากให้แม่ไปขุดเอาขึ้นมา..มันบอกว่าให้เดินจากโคนต้นกระหนวนไปทางทิศเหนือ7ก้าวแล้วให้ขุดตรงนั้นมันคงเป็นส่วนย่อยของที่มันกระจักกระจายที่นี้พ่อบอกว่าปู่โสมที่เฝ้าสมบัตินะมันเป็นญาตกับเราให้เราเอาน้ำไปให้มันกินบ้างเผื่อมันจะแบ่งเศษๆเงินให้ใช้บ้างมี2คนชื่อตาดำกับตาแดงถือกระบองที่คนเก่าๆเขาเคยเห็นนะเขาบอกว่าอนาคตต่อไปเราจะต้องมาอยู่ที่ตรงนั้นแล้วก็ต้องสร้างรวมถึงสอนคนด้วยเราลืมบอกไปว่าตอนโตมาเราปฏิบัติมาจนรู้ว่าตัวเองเป็นพระยาส่วนที่เฝ้าของหนะเป็นอำมาตย์เป็นญาตเราแต่ทำไม่ดีเลยต้องเฝ้าสมบัติ..ซึ่งก็ตรงกับแม่ชีทศพรดูตามวันเดือนปีเกิดซึ่งเราไม่ได้ไปดูเองแต่ฝากพี่สาวบุญธรรมไปดูให้..พี่บอกว่าเขาว่าคนๆนี้เมื่อชาติที่แล้วไม่ใช่คนธรรมดา..ซึ่งเราก็รู้แล้วว่าเราเป็นใครเราเคยมีแฟนอยู่คนหนึ่งคนๆนี้เป็นร่างจองของแม่รัศมี..มีเซ็นพิเศษสามารถเชิญเทพผ่านทางการจับปากกาได้ใครที่ไม่เคยลองมาจับปากกานะเราถามเขาว่าเป็นไงเวลาจับเขาจะบอกว่ามันเหมือนไฟดูด...แต่ตอนนี้เขาไปตามกรรมของเขาและแล้วตอนที่เราบวชใหม่ๆนะมีห้งพักอยู่คนละฝากเป็นห้องยาวพวกพระที่บวชใหม่โดนหลอกกันทุกคืนเราถามเขามามันมายังไงเขาบอกว่ามันเป็นเหมือนไฟนีออนลอยได้ยืดได้หดได้พอจะเอามือจับมันก็ลอยหนีแล้วก็โดนผีอำกันเป็นแถว...แล้วแถวศาลาที่เขาขุดลงไปบริเวณวัดจะเจอแต่กระดูกคนโบราณทั้งนั้นเลยมีทุกที่เท่ากระดูกวัวเหลืองอ๋อยเย็นเจียบพระงั่งเยอะมากพี่คนที่เาคุยด้วยเขาบอกสมัยเด็กเอามาเรีงกันแล้วเอาหนังสติ๊กยิงตัวไหนถ้ายิงไม่โดนก็เก็บไว้ตัวไหนโดนก็หัวขาด..พอมาสมัยนี้มันมีราคาหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอๆแล้วมีพวกฝรั่งมันส่องกล้องดูที่วัดนี้มันมีรังสีอะไรของมันไม่รู้แต่มันบอกว่ามีของมีค่าฝังอยู่ขอขุดแต่เจ้าอาวาสรูปเก่าไม่ยอมให้ขุดมีลายแทงไปได้มาจากทางเหนือมาขุดก็ไม่เห็นเจอของขุดที่กลางอุโบสถลงไปเจอแต่เศษกระเบื้อง..แต่เราว่ามันอยู่ลึกลงไปอีกชั้นให้เลยเศษกระเบื้องลงไปเพราะคนโบราณการที่ฝั่งอะไรมักทำปริศนาไว้แล้วก็หลอกล่อผู้ที่จะมาเอาของเขาไป...เราว่าของพวกนี้มันสนุกดีแต่สำหรับบางคนอาจถึงตายได้ไว้มาเล่าให้ฟังใหม่มีอีกเพียบๆ
     
  8. arunamrin

    arunamrin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +14
    ต่อครับจะได้จบ

    ตรงที่บ้านตาปัจจุบันไม่อยู่แล้วครับย้ายไปอยู่ที่ปลายนาซึ่งเป็นที่ของตาจริงไม่ได้อยู่บนที่วัดแล้วพ่อบอกว่าย้ายได้ให้ย้ายไปเลยไม่อยากให้อยู่ที่ธรณีสงฆ์..ก่อนหน้านี้พ่อเคยถามตาว่าตอนจะสร้างบ้านขุดหลุมฝังเสาตรงไหนก็เจอแต่กระดูกใช่ไหมตาก็บอกว่าใช่..ตอนเราเป็นเด็กเราก็นึกว่าเขาล้อเล่นชอบลงไปเล่นใต้ถุนบ้าน
    มันสูงและเย็นดีชอบขุดเล่น..เค้าก็บอกว่าให้ระวังจะขุดไปเจอกระดูกผี..ใจเราก็คิดว่าแกล้งหรอกเด็ก..ลืมบอกไปว่ามียายหลายคนมีตาหลายคน..บ้านข้างก็เป็นบ้านยายอีกคนทีนี้บ้านข้างหลังนี้ปลูกคร่อมสมบัติไว้กองหนึ่งซึ่งลูกหลานเขาก็เล่าให้ฟังว่าเคยขึ้นมาให้เห็นอยู่กับพื้นดินเลยเป็นแหวนทองแต่ไม่มีใครกล้าไปหยิบครั้งหลังสุดที่ไปท่านเสียไปหลายคนแล้วเหลือแต่ลูกหลานมีพี่สาวบุญธรรมไปด้วยเขาเป็นร่างทรงพระนารายะณ์ก็ไปลงที่นั่นและให้เขาสัญญาว่าจะไม่ย้ายไปไหนให้บ้านคร่อมกองสมบัติไว้ทีนี้เจ้าอาวาสรูปเก่ามรณะภาพไปแล้วรูปใหม่มานี่เป็นเดรัจฉานวิชาครับตอนที่ตายังมีชีวิตอยู่ตาบอกว่าทำของใส่ผู้หญิงทางเหนือผู้หญิงจะร้อนอยู่บ้านไม่ได้ต้องมาหาทำอย่างว่าด้วยกันแต่ตอนนี้ยังไงแล้วไม่รู้นะครับแล้วเขาก็ทำการสำรวจใช้วิชาที่เรียนมาทำพิธีบรวงสรวงขุดจนทั่ววัดนั่นแหละครับพอจะถึงของ...มันก็ถูกคนเฝ้าลากหนีไปทางเลื่อมไปเลยเพราะมันใช้ญาตผมคนหนึ่งที่สติไม่ดีขุดให้มันแถมมันยังทำของใส่คนในบ้านอีกผมไปเจอพอดีเลยจัดการถอนซะของทุกชนิดที่ถอนออกผมจะอธิฐานเสมอว่าให้เบื้องบนล้างวิชาชนิดนี้ไปเลยไม่ต้องให้มันใช้ทำร้ายคนอื่นได้อีกให้มันเสื่อมไปเลย...ถัดจากพ่อวิษณูกรรมแล้วก็มีภาคที่มีอายุมากหน่อยแล้วก็มีภาคกุมารมาชื่อพระฤทธิ์จักร..องค์สุดท้ายที่มาแล้วอยู่ประจำคือพ่อศิวะภาคพรหมจรรย์...แม่หน่ะเป็นลูกท่านแล้วทำผิดเลยถูกจับมัดแล้วส่งลงมาเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่จะมาใช้กรรมท่านเลยลงมาเก็บขึ้นไปช่วยเหลือคนมา9ปีไม่เคยเรียกร้องแล้วชาติสุดท้ายแม่ก็ระลึกได้ว่าตัวเอง..ชื่ออัฐกะเสนา เรากับแม่เคยเป็นเพื่อนกันเมื่ออดีตชาติแต่ที่ต้องมาเกิดกับแม่เพราะต้องการให้แม่เป็นร่างทำบารมีด้วยแล้วพ่อทั้งหลายต้องการสั่งสอนเราให้เดินถูกทางไม่ให้เดินสะเปะสปะ..เหมือนว่าลูกอยากลงมาทำบารมีถ้าไม่ตามมาคุมมีหรือมันจะตรงทางเคยได้ยินท่านกล่าวตอนมาผ่านร่างพี่สาวจริงเรื่องเข้าทรงไม่มีหรอกแต่เรื่องการใช้จิตผ่านร่างมีหรือผ่านญาณนั่นแหละแล้วท่านดูใครท่านใช้วิธีปะทะญาณเอาแต่ที่บ้านใช้ผ่านพานครูตอนตั้งนโม3จบใครเป็นไรจะรู้เลยพ่อบอกยกเว้นแต่พวกที่ไม่มีบารมีเลยจะมองไม่ออก...มองที่หน้าผาก..ที่มือ..เคาะแผ่นดินถามแม่ธรณีสุดท้ายให้ไปใส่บาตรแล้วมาใหม่..ท่านรู้บางคนไม่มีตังก็คืนค่าครูให้เขาไปไม่เอา..แม่เราใส่ผ้าถุงขาดเจอคนที่เขายากจนให้ผ้าถุงใหม่ๆกับเขาไปเลยใครมาเช่าห้องไม่มีเสื่อหมอนมุ้งแม่เราหาให้เสร็จ...ใครอดข้าวหิวไม่มีกินผ่านมาแม่เราหาข้าวให้เขากิน..ลูกดื้อไม่ตีเดียวเป็นเวรกรรมต่อกันแต่แม่ไม่รู้ธรรมะอะไรเลยแต่พอพ่อมาพูดได้คล่องพ่อบอกแม่ไม่ต้องกลัวละโลกนี้ไปแล้วจะสอนธรรมะให้ของพระพุทธเจ้า28พระองค์...บางเรื่องเราสงสัยจะถามท่านบอกอยากรู้ไปทำไม..แล้วก็ไม่บอก..ต้องหลอกถามพระกุมารเอาเค้าว่าเราฉลาดหลอกถามเทวดาได้..แต่ปัจจุบันนี้ที่ๆมีสมบัติแห่งนี้เราไม่ได้กลับไปเหยียบอีกและก็ตั้งใจว่าจะไม่ไปยุ่งกับมัน..มันดูน่าวุ่นวายแต่ถามมาหลายพระองค์แล้วว่าเราต้องไปทำตรงนั้น
     
  9. arunamrin

    arunamrin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +14
    เรื่องเมื่อตอนเป็นพระ

    เคยเข้าไปอยู่ที่กิ่งอำเภอคูคต..มองเห็นห้วยขาแข้งอยู่ที่บ้านตลิ่งสูงปัจจุบันเป็นเขื่อนเก็บน้ำไปแล้ว...เป็นศาลาหลังเล็กที่ตั้งอยู่ที่เชิงเขาอยู่ใกล้กับหมู่บ้านกระเหรี่ยงน่าจะ1กิโล...เขาที่ไปอยู่นี่เป็นเขาดินดำแต่ที่น่าแปลกคือมันมีหินเป็นก้อนเหลี่ยมอยู่หลายก้อนแล้วมันมาอยู่ได้ไงและที่นี่มีพวกลับแลอยู่ด้วยเป็นป่าไม้ผาก...ตอนนั่งสมาธิรู้สึกว่ามันเป็นหัวคนที่มีแต่หัวมีอยู่หลายหัวได้กลับบ้านเลยถามพ่อว่าหินกับหัวคนมันคืออะไร..พ่อก็บอกแล้วทำไมไม่ดึงหัวมันขึ้นมาละ..อ้าวใครจะไปรู้ล่ะว่าต้องดึงพ่อเลยบอกว่าสังเกตมั้ยว่ายอดไม้ที่นั่นมันเหมือนคนรำเราไปอยู่ที่นั่นทำให้พวกเขาลังเลว่าจะมาทางเราดีหรือเพลิดเพลินกับสิ่งที่เขาเป็นอยู่ดี...โยมแถวนั้นเขาก็ไปสร้างกระต๊อบให้พวกเราอยู่คนละหลังบางคนอยู่อีกข้างของเขาบ้างทีนี้คนที่อยู่อีกข้างของเขานะซิไปเจอดวงอะไรไม่รู้ใหญ่เท่ากระมังซักผ้าตอนแรกก็เข้าใจว่าดวงจันทร์แต่พอหันไปเจอดวงจันทร์เข้าถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่ดวงจันทร์ย้ายสิครับย้ายมาอยู่ที่ศาลาเลิกไปนอนข้างเขาและทีนี้มีโยมอยู่คนหนึ่งเขาไปโค่นต้นไม้ลงไปในที่ของกระเหรี่ยงเข้ากระเหรี่ยงเลยทำของใส่เป็นฝีขึ้นที่หน้าทองครับเท่ากับจานกินข้าวเราพอพระไปหาที่บ้านก็ทำเป็นนอนจะตายแต่พอพระกลับเท่านั้นแหละครับโดดจากเรือนลงไปเตะลูกได้หน้าตาเฉยๆทั้งที่เรือนบ้านป่ามันจะสูงท่วมหัวเราเลยเพื่อกันสัตว์ร้ายแปลกมั้ยละแต่ตอนนั้นช่วยเขาไม่ได้เพราะยังไม่รู้ตัวเองว่าเป็นใครทำอะไรได้บ้างเขาเลยตายครับแต่หลังจากที่กลับมาจากที่นั้นแล้วยังไม่ดึกซัก2ทุ่มได้มีเสียงใครโยนของหนักเหมือนลูกมะพร้าวลงดินบนเขาแล้วเขาแบบนั้นจะเอาอะไรมาโยนเราแปลกใจเลยไปหาเพื่อนอีกกลดหนึ่งคุยกับเพื่อนก็ได้ยินเสียงคึนมาหายใจรดข้างกลดเพื่อนก็ได้ยินทั้ง2เหตุการณ์สัณนิฐานว่าคงเป็นของที่กระเหรี่ยงเลี้ยงไว้มันมาแต่ทำอะไรเราไม่ได้เพราะไปสวดพุทธคุณที่บ้านคนเจ็บมาแต่ทางบ้านเขาไปหาคนดูเขาบอกว่าพอพระมามันก็ลงเรือนไปพอพระกลับมันถึงขึ้นเรือนก็เป็นประสพการณ์ครับๆ......ทีนี้วัชระญาณเคยได้ยินครับแต่ไม่รู้แนวทางอีกอย่างพ่อไม่สอนพ่อสอนแนวนี้....คล้ายๆธรรมกายไหมเราไม่ค่อยรู้หรอกแต่พ่อเคยบอกว่าเรามีบารมีแล้วต่อให้เราอุทิศให้ใครก็แล้วแต่ให้จนตัวเป็นทองก็ไม่มีวันหมดนึกถึงอดีตแล้วมันมึนหัวครับขอหยุดก่อน
     
  10. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    นี่แสดงว่าฝึกมาจริงไม่ใช่พวกพูดทฤษฎีเก่าๆ พื้นๆ แล้วแก้ไขอะไรไม่ได้


    แม่ที่ต้องเก็บคือ ภาคหนึ่งของแม่จุณฑิโพธิสัตว์ หรือแม่ของพระพุทธโคดม
    ซึ่งได้ "โสดาบันแล้วบนสวรรค์ดุสิตจำต้องลงมาเกิดชำระกรรมบนโลกมนุษย์
    ก่อนจึงจะถึงอรหันตผลแล้วนิพพานได้ พร้อมบริวารที่คั่งค้างและเกี่ยวกรรมมา
    ด้วยกัน ที่พร้อมเกิดเป็นภิกษุณีอีกจำนวนมาก ในประเทศไทย จึงต้องมีผู้รื้อฟื้น
    ภิกษุณีขึ้นมาในประเทศไทย รอแม่จุณฑิฯสำเร็จอรหันตผลมาโปรดต่อไป


    ปัญหาคือ ตอนนี้ผมได้เจอแล้วแต่แม่ไม่ยอมนิพพานนะสิ จะตามผมมาด้วย
    นี่คือ ความยากและปัญหาที่แก้ไม่จบ แม่ใกล้ได้ผ้าเหลืองแล้ว แต่ใจยังไม่ยอม
     
  11. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    ใจดีๆ เป็นไง ไปต่อยกับ อาจารย์ตัวเองปลอมตัวไป แหม่มวยถูกคู่จริง ๆๆ ศิษย์ ล้างครู
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    นี่เป็นหลักวิปัสสนาตรงนิพพานได้อยู่ ...
     
  13. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    อันนี้ถูกต้องตรงทางแล้ว


    แต่เป็นทางสายฤษีการที่ฝึกแล้วได้อย่างนี้
    ไม่เหมือนคนทั่วไป ที่จะต้องฝึกประมาณ 10 ปีขึ้น
    ถ้าได้ผลเร็วอย่างนี้ ก็น่าจะมาจาก "บารมีเก่า" ทำไว้ก่อนส่งผล


    ผมเดินสายฤษีช่วงหนึ่ง คุยกันพอเข้าใจได้
    บางส่วนในนี้ เป็นส่วนของสายเต๋า สายคนที่ฝึกลมปราณ
    บางอย่างจะแตกต่างอย่างมากกับสายฤษี แต่ถ้าเข้าใจจะเสริมกันได้ดีกมาก
     
  14. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    วัชระยานไม่มีธรรมอะไรตายตัวเลย แต่เป็น "ประสบการณ์จริงล้วนๆ"


    พวกวัชระยานหัวดื้อ คิดว่าตนเองรู้มากเพราะศึกษาเยอะหลายปี รู้เยอะแยะ
    แต่ไม่มีประสบการณ์ทางธรรม จากธรรมรอบตัวเลย พวกนี้ จะมองว่าคนที่มี
    ประสบการณ์เป็นพวกบ้าเพี้ยน และนอกแนวทางวัชรยานทั้งที่วัชรยานนั้นใช้
    ประสบการณ์จริงจากธรรมชาติรอบตัวเป็นธรรม ไม่ได้เอาธรรมจากตำราใดๆ
    ดังนั้น ผู้เข้าสู่มรรคาแห่งวัชรยานจริง จะมีประสบการณ์ทางภูติผีวิญญารมาก
    ในช่วงเวลานี้ เราจะเรียกว่า "ตันตระ คือ เริ่มเข้าทางแล้ว" แต่ ยังไม่สุดทาง
    สุดทางเมื่อไร "ผลทางธรรมจะปรากฏ" นี่วัชรตันตระแท้เขาเป็นแบบนี้ ไม่ใช่
    ไปอ่านเอาศักษาเอาจากตำราเก่า ประสบการณ์เก่าของบูรพาจารย์แล้วอ้างว่า
    ตนเป็นวัชรยานแล้วเพราะรู้มากแล้ว อ่านเยอะ ศึกษามาเยอะแล้ว อันนี้ผิดทาง
     
  15. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ประสบการณ์ทางธรรม
    จำต้องประสบเองด้วยตน
    จะหาจากตำราครูบาที่ไหนได้?


    ไม่มี ...


    จริงอยู่ว่าแรกเริ่มก่อนพบประสบการณ์
    หนังสือ, ตำรา, ครูบาอาจารย์ จำต้องใช้
    แต่เมื่อเข้าสู่ "มรรคา" อันแท้จริงแล้ว ก็ไม่จำเป็น
     
  16. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +291
    อย่าไปฐานทัพอากาศหนา......ท่วมลึกเชียว
     
  17. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    อย่าคิดว่ามี "องค์พ่อ-องค์แม่" คอยช่วยเหลือ
    ถ้าคิดอย่างนั้นเจ้าจะเป็นเด็กไปตลอดกาล
    เจ้าจงเติบโตให้เต็มที่ "โดยธรรม" รอบตัว
    ธรรมชาติรอบตัวเจ้า จะหล่อเลี้ยงเจ้าเอง
    ให้เจ้าเติบโตเต็มที่ แข็งแกร่งเต็มที่ ...


    วัชระ แกร่งดุจเพชร ...
     
  18. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นสายธรรมกายหรือไม่นะครับ
    ประสบการณ์ทางธรรมเกิดชึ้นได้กับทุกแนวทาง
    ปฏิบัติแต่ถ้าใช้ประสบการณ์ตรง ฝึกฝนจิตใจให้
    แกร่งดุจเพชร อันนี้ นับเข้าทางวัชนยานแล้ว


    ทางธรรมกายใช้ "รูปฌาน" เป็นพื้นฐาน กำหนด
    จิตเป็นรูปดวงแก้วเข้าสมาธิ เปิดตาทิพย์ได้เมื่อไร
    ก็จะเริ่ม "พิจารณากายในกาย" คือกายทิพย์ที่ซ้อน
    กันเป็นชั้นๆ จนกว่าจะสำเร็จถึงกายธรรม (ธรรมกาย)
    ก็บรรลุอรหันตผลเหมือนกัน


    สำหรับผม หนักมาทาง "ธาตุ 7" ไม่ใช่ธาตุ 4 นะครับ
    เริ่มจาก 4 ตัวแรกก่อน จากนั้นพอไหวแล้วจึงเริ่มพิจารณา
    ธาตุ 3 ตัวที่เหลือ คือ อากาสธาตุ (ความว่าง), วิญญาณธาตุ
    (พวกปราณทิพย์ พลังทิพย์ทั้งที่มีรูปและไร้รูปร่างแน่ชัด) และมโนธาตุ
    (จิตรู้ของเราเองและคนอื่น) ก็ครบหลักสูตร "ธาตุ 7" กว่าจะได้ก็เกือบไม่รอด


    (ตอนพิจารณาธาตุ 4 แรกๆ ไม่รู้ว่าต้องค่อยๆ เดินไปทีละน้อยทีละธาตุ
    ไปพิจารณาพร้อมๆ กันสี่ธาตุ แบบไม่มีระบบ คือ นึกจะพิจารณาธาตุไหน
    ก็เอาธาตุนั้น คิดว่าคงไม่มีอะไร ที่ไหนได้ ธาตุ 4 ข้างในแปรปรวนไปพักใหญ่)
     
  19. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +291
    ถามหน่อย

    เอ็งเป็นศิษย์ใคร ใครมนตราภิเษกให้เอง
    เอ็งวัชรยานสายสีอะไร
    ต้นสายมาจากวัดไหน

    ถ้าตอบมิได้หาใช่ของแท้ไม่ วัชรยาน มีพระ จตุระตรัย คือ มี พระพุทธ์ พระธรรม
    พระสงฆ์ และ พระคุรุ หรือครูบาอาจารยื นั้นสำคัญมาก ถ้าตอบไม่ได้ว่าเป็นศิษย์ใครก็ เท่ากับอุตริ

    เรื่องคำสอน แต่ละอาจารย์มีวิธีการต่างกัน แต่เรื่องวัชรยาน เป็นคุยหยาน ไม่ใช่สูตรยาน
    ที่เอามาเผยแพร่ได้ ภาษาจีนเรียกมี่ แปลว่าลับ ฉนั้น ของจริงจะไม่เอามาแพร่
     
  20. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +291
    เวลาเอ็งจะไปสนมนาธรรมกับพระวัชรยานนะ เขาจะถามก่อนเลย เป็นศิษย์ใคร
    สายไหน เขาจะได้คุยได้ไม่ผิดครู ถ้าสายเดียวกันก็คุยได้ลึกหน่อย
    ถ้าไม่มีอาจารยืก็รู้ได้แค่ผิวๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...