สนทนาสบายๆ ตามประสา

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย ธณต, 8 พฤศจิกายน 2011.

  1. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,966
    ค่าพลัง:
    +53,093

    ผมก็เคยคิด พอมาได้อ่าน ก็คิด ตามเหตุ และ ผล ที่พี่ ว่ามาเลย ครับ มันก็น่าจะจริงอย่างนั้น
     
  2. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    ครับผมก็คุยแก้เบื่อรอน้ำลดนะครับ

    มีคนเคยบอกผมว่า การที่เราดูพระองค์หนึ่งว่า แท้ หรือปลอม แล้วมีอีกคนดูครงข้ามเรา
    ถ้าเราคิดว่าไอ้หมอนี้ไม่รู้จริง หรือโง่ตาย ห่ะ เรานี้เหละที่ไม่รู้จริง แล้วก็โง่บัดซบ
    เพราะ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนที่ดูแตกต่างจากเราเขาอาจมีวิธีดู หรือรู้ในสิ่งที่เรานึกไม่ถึงก็ได้ เปิดใจรับความคิดคนอื่นนะดีที่สุด
     
  3. keepbarking

    keepbarking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +852
    ผมก็เคยคิดว่าโค๊ดธรรมจักรมีแบบเดียว..จริงๆมีถึงสี่แบบ..ขอบคุณครับที่ให้คำแนะนำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2011
  4. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    ครับบางตำราว่าโค๊ดอกเลามีสองแบบหมือนกันแต่ผมไม่มีข้อมูลจริงๆใครรู้เล่าให้ฟังทีครับ
     
  5. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    มีประโยชน์กับพี่น้องพลังจิตมากมายครับ
     
  6. texsum

    texsum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +1,511
    ข้อมูลแจ่มๆทั้งนั้นเลยครับ ^^
     
  7. DHAMMAPHOL

    DHAMMAPHOL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,744
    ค่าพลัง:
    +2,105
    "พระพิมพ์เนื้อดินเผาศิลปะทวารวดี(ลำพูน)ครับ"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2011
  8. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    ขอบคุณพี่ธรรมพลครับ

    ผมมีเรื่องรบกวนถามหน่อยครับ คือ เราจะรู้ได้อย่างไรครับว่าเป็นศิลปทวาราวดี แบบเอกลักษ์เฉพาะนะครับ คือถ้าแบบดูแบบบ้านๆแบบผมผมยังคิดว่าเป็นศิลปทางขอมเลย

    รบกวนด้วยครับ
     
  9. DHAMMAPHOL

    DHAMMAPHOL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,744
    ค่าพลัง:
    +2,105
    "พระพุทธรูปในประเทศไทยที่ได้ชื่อว่ามีอายุเก่าแก่มากที่สุดคือ พระพุทธรูปสมัยทวารวดี(อายุราวพุทธศตวรรษที่๑๒-๑๖)ครับ พุทธศิลป์ที่เห็นได้ชัดคือ พระพักตร์แบนและกว้าง,พระนาสิกค่อนข้างแบน,พระเนตรโปน,พระขนงโค้งติดกันเป็นรูปปีกกา,พระโอษฐ์หนา,พระเกตุมาลาเป็นต่อมกลม,เม็ดพระศกใหญ่,พระวรกายสะโอดสะอง,พระภูษา(จีวร)บางแนบติดพระวรกาย อาณาจักรทวารวดีเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่มีการพบศิลปะโบราณวัตถุและจารึกต่างๆกระจายอยู่ในทุกภาคของไทยเช่นภาคเหนือ:ที่จ.ลำพูน,อ.สรรคโลก,อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย,ภาคตะััวันออกเฉียงเหนือ:พบเกือบทุกจังหวัด,ภาคตะวันออก:ที่จ.ปราจีนบุรี,จ.สระแก้ว,ภาคใต้:จ.ปัตตานี,ภาคกลาง:กระจายอยู่ตามลุ่มแม่น้ำสายสำคัญต่างๆเช่น แม่น้ำเพชรบุรี,แม่น้ำแม่กลอง,แม่น้ำท่าจีน,แม่น้ำลพบุรี,แม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยา เดิมทีเชื่อกันว่าศุนย์กลางหรือเมืองหลวงของอาณาจักรทวารวดีอันเป็นอาณาจักรแรกในดินแดนไทยอยู่ที่เมืองนครปฐมโบราณเพราะพบเหรียญเงินจารึกภาษาสันสกฤตอายุราวพุทธศตรรษที่๑๒.อ่านและแปลเป็นภาษาไทยได้ความว่า ศรีทวารดีศวรปุณ-ยะ:บุญกุศลของพระราชาแห่งศรีทวารวดี หรือบุญของผู้เป็นเจ้าแห่ง(ศรี)ทวารวดี หรือพระเจ้าศรีทวารวดีผู้มีบุญอันประเสริฐ แต่ต่อมาพบเหรียญเงินที่มีลักษณะคล้ายกันอีก ๒ เหรียญ ที่อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรีและอ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ทำให้ความสำคัญของเมืองนครปฐมเปลี่ยนไป นักวิชาการบางท่านเชื่อว่า อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี หรือจ.ลพบุรีน่าจะเป็นเมืองหลวงหรือศูนย์กลางของอาณาจักรทวารวดีมากกว่า ราวปลายพุทธศตวรรษที่๑๖.วัฒนธรรมทวารวดีเริ่มเสื่อมลงเมื่ออิทธิพลวัฒนธรรมแบบขอมที่มีคติความเชื่อและรูปแบบศิลปะกรรมที่แตกต่างออกไปเข้ามาแทนที่ สำหรับพระพิมพ์ดินเผาที่ผมระบุว่าเป็น ศิลปะทวารวดี นั้นเพราะพุทธศิลป์เข้าตำราครับ ผมมีรูปภาพพระพุทธรูปที่วัดพระปฐมเจดีย์มาให้คุณธณตเปรียบเทียบด้วยครับ รูปภาพอาจขยายไม่ได้แต่พอจะสามารถดูได้ครับ"

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. DHAMMAPHOL

    DHAMMAPHOL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,744
    ค่าพลัง:
    +2,105
    "พระพุทธรูปศิลปะทวารวดี"
    พระพุทธรูปที่วัดพระปฐมเจดีย์ประทับนั่งห้อยพระบาทส่วนพระองค์นี้ประทับนั่งสมาธิขัดเพชรครับแต่พระหัตถ์ของพระพุทธรูปทั้ง ๒ องค์แสดงวิมุทราที่คล้ายคลึงกันครับ"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2011
  11. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    ครับขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ใหม่ครับ
     
  12. DHAMMAPHOL

    DHAMMAPHOL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,744
    ค่าพลัง:
    +2,105
    "พระปางประทานพร กรุวัดมหาวัน จ.ลำพูน" โดยทั่วไปเรียกกันว่า พระยืน หรือพระรอดยืน ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,966
    ค่าพลัง:
    +53,093

    ขอบคุณพี่ธรรมพล มากครับ อ่านแล้ว ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมาอีกเยอะเลย ครับ
     
  14. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    เนื้อชินเงิน หรือชินแข็ง หมายถึง การผสมตะกั่วกับดีบุก ซึ่งพระที่พบส่วนใหญ่จะมีเปอร์เซ็นต์ของดีบุกมากกว่า บางคนเรียก "ชินกรอบ" เมื่อผ่านอายุและกาลเวลาจะเกิดปฏิกิริยากับอากาศ คือเกิดเป็นรอยสนิมกัดกร่อนลงไปในเนื้อเรียกกันว่า "สนิมขุม" และอาจมีรอยปริแตกตามผิวทั้งหน้าและหลัง

    นอกจากนี้ ยังมีพระบางส่วนที่มีส่วนผสมของตะกั่วมากกว่าดีบุก เรียกกันว่า "ชินอ่อน" เนื้อจะไม่แข็งกรอบเหมือนชินเงิน ข้อดีของพระที่ตะกั่วมากกว่าดีบุกก็คือ จะไม่เกิดขุมสนิม รอยกร่อน หรือรอยระเบิดปริตามผิวเหมือนเนื้อชินเงิน หากแต่เมื่อเกิดสนิมจะขึ้นเป็นไขสีนวลขาวเรียกกันว่า "สนิมไข" และสนิมไขนี้จะไม่เป็นเม็ดเต่งตึงเหมือนสนิมไขที่เกิดขึ้นในพระกรุประเภทอื่น แม้จะเป็นเนื้อชินอ่อนเหมือนกัน
     
  15. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    "พระมเหศวร" เป็นพระพิมพ์เนื้อชินเงิน สนิม ไขของพระมเหศวรจะเกิดเป็นแผ่นบางๆ เหมือนทำเทียมขึ้นแต่ของจริงค่อยๆ เขี่ยจะหลุดออก แต่หากอาราธนาขึ้นคอพอเจอไอเหงื่อสักพักก็จะขึ้นมาอีก ไม่เหมือนของปลอมที่หากล้างออกก็จะเกลี้ยงเกลาไม่เกิดขึ้นใหม่เมื่อโดนเหงื่อ "ผิวขององค์พระ" นั้น หากไม่ใช้จะนวลเนียนและค่อนไปทางคล้ำดำ แต่ถ้าถูกใช้จนสึกแลเห็นเนื้อในเป็นสีค่อนข้างขาวนวล พูดง่ายๆ ว่า ถ้าส่องแล้วดูเหมือนว่าผิวพระเป็นสองชั้นนั่นแหละพระแท้ คนโบราณเรียก "พระใส่เสื้อ"

    แต่เดิม "พระมเหศวร" นิยมเล่นหากันไม่กี่พิมพ์ พิมพ์นิยม ได้แก่ พิมพ์มีขีดที่พื้นผนังเหนือเศียรองค์พระ เรียกว่า พิมพ์สิบโท สิบเอก ส่วนพิมพ์ไม่มีขีดนั้นเรียกว่า พิมพ์ไม่มีบั้ง มีทั้งพิมพ์หน้าใหญ่ (นิยม) พิมพ์หน้ากลาง พิมพ์หน้าเล็ก ซึ่งความจริงขีดที่ปรากฏนั้นแทนความหมายของพระศรีมหาโพธิ์ ขีดบั้ง ก็คือ ใบโพธิ์ ซึ่งองค์พระจะประทับนั่ง ขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย ใต้โพธิ์บัลลังก์นั่นเอง แต่ด้วยความหายากขึ้นทุกวัน ปัจจุบันก็เล่นหากันทุกพิมพ์ไม่ว่าจะเป็น สวนเดี่ยว สวนตรง พิมพ์หน้าเดียว พิมพ์สองหน้า บางครั้งพบพิมพ์พิเศษ ที่ด้านหน้าเป็นพระมเหศวร แต่ด้านหลังเป็นพระนาคปรก หรือเป็นพระซุ้มจิก แต่หาค่อนข้างยาก ซึ่งล้วนแล้วแต่มี ราคาค่างวดทั้งสิ้น

    อาจกล่าวได้ว่า "พระมเหศวร" เป็นพระกรุเก่าแก่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเทคนิควิธีการผสมโลหะและการเทที่ชาญฉลาด ที่สำคัญ องค์พระจะไม่เกิดสนิมแดงเป็นเด็ดขาด และจะมีขุมสนิมคล้ายตีนกาแผ่เป็นแห่งๆ ในองค์ ก้นกรุจะมีรอยระเบิดจากภายในออกมายังผิวภายนอก ส่วนของเก๊นั้น จะเป็นรอยระเบิดจากภายนอกเข้าไปข้างใน พิมพ์ทรงก็จะดูตื้นๆ และในองค์ที่ใช้สึกแล้วเห็นเนื้อใน จะเห็นออกเป็นสีขาวนวลคล้ายสีเงินยวง

    แต่ถ้าใช้แล้วสึกเห็นเนื้อในเป็นสีดำหม่นๆ ซีดๆ คล้ายเนื้อตะกั่วน้ำนม ก็ต้องกราบสวัสดีแล้วนิมนต์ท่านไปไว้วัดดีกว่าครับผม
     
  16. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    สนทนา เล่าเรื่อง เก็บเล็กผสมน้อย ความรู้พระ วันนี้เรื่องคาร์บอน14

    คุยนอกเรื่องเล็กน้อยครับ

    เรื่องคาร์บอน 14

    เห็นว่ามีการพูดถึงการเช็คคาร์บอน 14 เลยเอามาคุยกันเล่นๆ เอาเเบบไม่เป็นวิชาการมากนัก

    การเช็คความเก่าของด้วยวิธีเช็คคาร์บอน14สามารถเช็คได้ต้องมีอายุตั้งแต่ 200ปีขึ้นไปและต้องมีส่วนผสมของคาร์บอนด้วยเช่น ไม้ ถ่าน เปลือกหอย กระดูก และพีช เพราะสิ่งพวกนี้สามารถคลายหรือสลายคาร์บอนออกสู่บรรยากาศได้ การเหลือคาร์บอนเท่าไรก็นำไปคำนวนหาอายุ ซึ่งมาจากสิ่งที่เคยมีชีวิตทั้งสิ้น แต่สำหรับสิ่งที่ผ่านการทำให้เเห้งด้วยความร้อนหรือไม่มีชีวิต เช่นเครื่องปั้นดินเผาไม่สามารถนำมาหาอายุโดยวิธีนี้ได้
    ไอ้เรื่องวิธีตรวจ หรือการคำนวนอย่าไปสนใจเลยครับเราไม่อาจหาซื้อตามตลาดนัดได้แน่
    แต่ที่เเน่ๆเมื่ออ่านดูวิธีทั้งหลายในการตรวจสอบแล้วจะต้องมีความเสียหายเกิดขึ้นกับวัตถุชิ้นที่ตรวจสอบแน่นอน เช่นต้องสกิดเอาชิ้นตัวอย่าง แปรสภาพ หรืออะไรก็แล้วแต่
    อีกอย่างการกระทำต่างๆต้องกระทำในห้องแลป ไม่ได้เอาอะไรมาหยดแล้วรู้แบบหนัง
    ฉะนั้นวิธีตรวจสอบจึงมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงและการที่พวกเราๆทานๆจะดุ๋ยๆเข้าไปตรวจสอบบอกได้ว่าคงไม่มีทาง เมืองไทยมีมั้ย ตอบว่ามี ผมจำชื่อหน่วยงานที่มีคนบอกมาไม่ได้แต่จำได้ว่าอยู่ตรงข้ามรพ.รามา และก็อีกหลายๆที่แต่ก็เท่าที่ได้รับฟังน่าจะเป็นหน่วยงานรัฐทั้งนั้นครับ

    ไม่ทราบว่าไอ้ผมนี้จะเป็นพวกโง่แล้วอวดรู้มั้ย
     
  17. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    อันนี้เป็นวิชาการหน่อยอ่านผ่านก็ได้ครับ

    วิธีการวัดอายุโบราณวัตถุที่รู้จักกันดีที่สุดคือ คือ การวัดการสลายตัว ของสารกัมมันตรังสี ที่ปะปนอยู่ใน เนื้อโบราณวัตถุ เช่น คาร์บอน 14 ซึ่งใช้ในการวัดอายุของอินทรีย์วัตถุ เช่น ซากพืชซากสัตว์ ท่อนไม้ หนังสัตว์ ผ้า หรือแม้แต่เมล็ดพืช คาร์บอน 14 เป็นไอโซโทปกัมมันตรังสีของคาร์บอน ที่มีอยู่เล็กน้อยในบรรยากาศโลก มีครึ่งชีวิตเท่ากับ 5,730 ปี มีสมบัติทางเคมีเหมือนกับคาร์บอน 12 ซึ่งเป็นคาร์บอนที่พบกันทั่วไป ทุกประการ ดังนั้นจึงสามารถถูกดูดซึม และสะสมอยู่ตามอวัยวะส่วนต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับคาร์บอน 12 ในขณะที่อินทรีย์วัตถุดังกล่าวยังคงอยู่ในร่างกายที่มีชีวิต การสะสมและการสลายตัวของคาร์บอน 14 จะอยู่ในสภาพสมดุล แต่เมื่ออินทรีย์วัตถุส่วนนั้นตาย (ไม่ว่าเป็นเพราะถูกตัดออกจากร่างกายหรือสิ่งมีชีวิตนั้นสิ้นชีวิต) การสะสมคาร์บอน 14 จะยุติลงเหลือแต่การสลายตัวเพียงอย่างเดียว ดังนั้นสัดส่วนของคาร์บอน 14 ต่อคาร์บอน 12 ในอินทรีย์วัตถุนั้นจะลดลง และยิ่งเวลาผ่านไปนานขึ้นสัดส่วนก็จะยิ่งลดลง ดังนั้นหากวัดสัดส่วนของคาร์บอน 14 ในอินทรีย์วัตถุนั้นเทียบกับอินทรีย์วัตถุชนิดเดียวกันที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะทราบว่า อินทรีย์วัตถุดังกล่าว ตายมาเป็นเวลานานเท่าใดแล้ว วิธีดังกล่าวนี้สามารถใช้กำหนดอายุโบราณวัตถุ ได้ในช่วงประมาณ 500-40,000 ปี หากน้อยหรือมากกว่านี้ ปริมาณคาร์บอน 14 จะสลายตัวไปน้อยหรือมากเกินไป ทำให้การวัดเกิดการคลาดเคลื่อนได้มาก ไอโซโทปกัมมันตรังสีอื่นๆ ที่ใช้ในการวัดอายุของวัตถุ ได้แก่ โพแทสเซียม 40 และยูเรเนียม 238 ซึ่งมีครึ่งชีวิต 1,300 ล้านปี และ 4,510 ล้านปี ตามลำดับ เหมาะกับการใช้สำหรับ การวัดอายุของก้อนหิน หรือโบราณวัตถุที่ไม่มีอินทรีย์วัตถุเป็นองค์ประกอบ
    วิธีที่ใช้หาอายุของโบราณวัตถุ ได้อีกวิธีหนึ่งก็คือ การวัดการเรืองแสงเมื่อได้รับความร้อน (thermoluminescence) หลักการคือ วัสดุที่เป็นผลึก เช่น เพชร, หินควอร์ทซ์ และหินฟันม้า เมื่อถูกเก็บไว้ โดยไม่ให้ถูกแดด หรือความร้อนสูง จะสามารถสะสมประจุอิเลกตรอน ไว้ในโครงผลึกในอัตราสม่ำเสมอตลอดเวลา เมื่อนำโบราณวัตถุชิ้นนั้น ไปเผาที่อุณหภูมิสูง (ประมาณ 500 องศาเซลเซียส) อิเลกตรอนที่ถูกกักไว้ดังกล่าว จะหลุดออกมา และทำให้เกิดการเรืองแสงขึ้น จากปริมาณความเข้มแสงที่เปล่งออกมา นักวิทยาศาสตร์สามารถคำนวณเวลา ที่วัตถุดังกล่าวนั้น ได้รับความร้อนเป็นครั้งสุดท้ายได้ วิธีนี้มักใช้ในการหาอายุของโบราณวัตถุ ที่ทำจากหิน โลหะ และเครื่องปั้นดินเผา เป็นต้น
     
  18. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    ทำไมต้องเล่นพระแบบสากลนิยม

    คือจริงแล้วผมไม่ได้มาเถียงกับท่านใดนะครับว่าพระบางรุ่นนั้นมีหรือไม่มี คือเล่นกับความเชื่อเล่นยาก แต่ต้องนึกนิดนะครับว่าทำไมเราต้องเล่นพระที่มีคนอื่นเล่นกันเป็นแบบที่นิยมกัน อ้อสากลนิยมในความเข้าใจผมคือถ้าเป็นพระแท้แล้วเดินเข้าสนามไหนก็แท้ เรียกพิมพ์เหมือนกัน ไม่ใช่เล่นหากันแค่ในกลุ่มครับ ถ้าเราเล่นหาพระที่เขาไม่เล่นหากันการดู การคุย การแลกเปลี่ยนแม้แต่การบูชาก็เป็นไปได้ยากถึงยากมาก ไอ้ที่ว่าพระเเท้นอกพิมพ์สนามไม่เล่น จริงแล้วสนามจะตีเก๊ก็เกรงใจเจ้าของนะครับ

    บางคนบอกว่าพระสมัยนี้เป็นพานิช ก็มีคนว่าเช่นกันว่าถ้าเราเกิดทันหลวงพ่อเราก็คงไปขอกับท่านแล้ว ในเมื่อเราเกิดไม่ทันแต่อยากได้จะทำอย่างไรได้

    แล้วเกิดไม่ทันรู้ได้ไงว่าพระแท้
    ก็ตอบยากนะครับพระมันเป็นอคติส่วนบุคคลนะครับ จริงๆแล้วครูบาอาจารย์ก์สอนถ่ายทอดกันมา หนังสือเป็นทางการก็ไม่มี แต่หนังสือสมัยก่อนนะรูปไม่สวยแต่ความรู้แน่นครับ แต่การตัดสินพระโดยหลักการนะจะยึดอยู่ไม่กี่ข้อ

    พิมพ์ถูก เนื้อใช่ เก่าได้ ธรรมชาติดี จบครับ

    คือเราต้องรู้ว่าพระองค์นี้ตำหนิเอกลักษณ์สำคัญเป็นไง เนื้ออะไรผสมอะไร อายุเท่าไร พระทำให้เก่าเป็นไง ธรรมชาติคือกรุหรือไม่ หรือเหรียญก่อนปี90ยังไม่มีเเท่นตัดถ้ามีลอยกระเเทกของเเท่นก็คงไม่ใช่ อยากรู้ก็ลองดูเรื่องขอบเหรียญของคุณ สโตว์ครับ

    ก็มีคนบอกอีกว่าเกิดไม่ทันเรียนก็ไม่ได้เรียนแล้วทำรู้ดี ผมก็แค่บอกไปว่าไอ้วิชาต่างๆก็มาจากไหนก่อนเป็นตำราก็ต้องถ่ายทอดต่อมา แล้วรู้ได้ไงครับว่าเมืองหลวงไทยต้องเป็นสุโขทัยก่อนอยุธยา

    พระนะถ้าได้ดูของแท้ซักครั้ง จำเนื้อหาได้รับรองครับโอกาศพลาดยากครับ

    ไอ้ผมก็คุยไปวันๆนะครับยังต้องดูระดับน้ำต่อไป
     
  19. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    วันนี้ดูรูปหล่อครับ

    รูปหล่อไม่ใช่ผมนะครับ แต่จะเป็นตาตี๋ ซัวเรสมั้ยไม่ทราบ หลักดูพระหล่อเบื้องต้นไม่ได้มีอะไรวุ้นวายมากมายออกจะกำปั้นทุบดินด้วยซ้ำ คือคุณต้องรู้ก่อนว่าพระองค์นั้นมีกรรมวิธีแบบหล่อแบบไหน หล่อสมัยใหม่นิยมเป็นพระฉีด ซึ่งเนื้อค่อนข้างเนียน และมีรอยตะไบก้นทุกองค์ เช่นพระหล่อเจ้าคุณนร การดูก็จะต้องรู้ตำหนิพิมพ์ทรงเพราะพระแบบนี้ไม่เก่าเท่าไรนัก
    อีกอย่างคือหล่อโบราณ ก็จะมี2อย่างคือ เบ้าประกบ ต้องดูตะเข็บให้ออกซึ่งยังไงก็ต้องมี ที่สำคัญคีอโดยมากก้นจะเทไม่เต็ม เช่นพิมพ์ขี้ตาหลวงพ่อเงินถ้าก้นเต็ม รับรองตามสนิทครับ อีกอย่างคือเบ้าทุบ ก็จะไม่มีตะเข็บครับก้นเต็มแต่มีรอยตะไบตัดฉนวน ซึ่งรอยตะไบนี้ถ้าดูให้ดีจะบอกความเก๊แท้ได้ ปกติจะไปในทิศทางเดียวกัน เนื้อของร่องตะไบกับผิวพระต้องเหมือนกันเพราะอายุพระและต้องหมดคมและไม่ขึ้นสัน ลองดูนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2011
  20. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    ดูหลวงปู่ภูแซยิดเเขนกลมครับ

    แซยิดแขนกลมมีด้วยกัน2พิมพ์นะครับ ระวังจะหลุดพลาดไป พิมพ์แรกคือพิมพ์ที่เรียกกันสมัยนี้ว่าพิมพ์ใหญ่ แต่เมื่อก่อนเรียกว่าหน้าใหญ่ครับ เพราะหน้าท่านจะใหญ่กว่า

    [​IMG]
    ก็เป็นพิพ์ที่ส่วนใหญ่อยู่ในสนามนะครับเก๊มีระดับทีเดียว วิธีดูเบื้องต้นนะครับก็ดูที่คอนะครับ ด้านบนที่ติดกับหน้าท่านจะสอบเข้านะครับ เกศไม่ลอย
    และไอ้ที่เบอร์4นะครับดูให้ดีจะมีติ่งแหลมยื่นมา ใต้มือมีเนื้อเกินมาเป็นติ่ง2เส้นนะครับเล็กมาก เดี๋ยวมาต่ออีกพิมพ์ครับ​
     

แชร์หน้านี้

Loading...