ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ก่อนหน้านี้ผมเคยได้ยินถึงชื่อโรคนี้มาบ้าง และรู้ว่าเป็นโรคเกี่ยวกับความร้อนในตัวสูง
แต่ไม่สนใจเท่าไรนัก เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น จึงไม่รายละเอียดวิธีแก้
จนเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมานี้

ผมได้ไปทำงานบุญให้วัดๆนึงที่ จ.กาญจนบุรี วันนั้นอากาศร้อนจัดมาก
ผมทำงานจนถึงเช้า กะว่าจะนอนตอนเช้า พอดีตอนเช้ามีงานเข้ามาอีกเลยต้องตื่น
ทำให้นอนไม่พอ ผมตัดสินใจเก็บข้าวของออกมาจากวัดนั้นอย่างเร่งรีบ
หิวน้ำมาก กินน้ำส้มไปขวดเดียว และยกของเก็บขึ้นรถต่อ

หลังจากนั้น ผมก็ขับรถเข้าตัวเมือง พอดีรถเก๋งแอร์มันเสีย ผมเลยต้องขับแบบเปิดหน้าต่าง
ระหว่างทางที่ขับรถออกมานั้น(หลายสิบกิโล)
ผมเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าเกิดสิ่งผิดปกติกับร่างกาย น้ำลายแห้ง คอเหนียว และไม่มีเหงื่อ
ผมจึงแวะข้างทางกินน้ำเปล่า (ปกติจะชอบกินเป๊ปซี่)
แต่ผมรู้แล้วว่าอาการแบบนี้จะกินน้ำหวานไม่ได้
ต้องกินน้ำเปล่า คอถึงจะหายแห้ง
แต่น่าตกใจที่กินน้ำเปล่ามากเท่าไรๆ ปากคอก็ยังไม่หายแห้ง น้ำลายเหนียวฝืดคอ

แล้วผมก็ขับรถเข้าตัวเมือง ระหว่างทางนั้น คอก็ไม่หายแห้ง เหงื่อก็ไม่ออก ตัวก็ร้อนขึ้นๆ
พอถึงในเมือง ผมกินข้าว กินน้ำเปล่า น้ำแตงโม น้ำเป๊ปซี่ กินทุกอย่างรวมกันเป็นลิตรๆ
แต่อาการกระหายน้ำก็ไม่หายไป คอยังแห้งเหมือนเดิม

ผมจึงรีบไปเปิดห้องพัก แล้วอาบน้ำอุ่น กินน้ำเย็นแล้ว นอนเปิดแอร์แรงๆ
ใจก็คิดว่า ถ้าผมมีอาการหนาวสั่นเมื่อไร นั่นแสดงว่าผมปลอดภัยแล้ว

แต่ไม่น่าเชื่อว่า ในสภาพที่ตัวเปียกชิ้นแบบนั้น แถมกินน้ำเย็นเข้าไป และนอนตากแอร์
ผมยังต้องใช้เวลาซักพักใหญ่ๆ กว่าที่ผมจะรู้สึกว่าหนาวสั่น

ผมเพลียจนหลับไป ตื่นมาก็ยังรู้สึกเพลียอยู่ พอดูนาฬิกาก็ตกใจว่าตัวเองนอนหลับยาวถึง8ชม.
ผมไม่เคยนอนหลับนานขนาดนี้มานานแล้ว
อาการเพลียเหมือนฟื้นไข้ยังอยู่ ผมพยายามกินน้ำ กินเกลือแร่ เพื่อชดเชย
กลับมากรุงเทพ ผมยังรู้สึกเหมือนคนฟื้นไข้ ต้องพักผ่อนมากๆๆ
เกือบตายไปซะแล้ว

มาอ่านความรู้ในเนต เพิ่งรู้ว่า เป็นโรคเกี่ยวกับความร้อนในแกนกลางของร่างกายสูงขึ้นเรื่อยๆ
โดยที่เหงื่อไม่ออก จะรู้สึกทรมานมาก และอาจจะเสียชีวิตได้
มารู้ทีหลังว่า วันนั้นเป็นวันแรกของหน้าร้อน ที่มีอุณหภูมิร้อนจัด
และเผอิญว่า ที่ๆมีอุณหภูมิร้อนจัดที่สุดในไทยในวันนั้น อยู่ที่ จ.กาญจนบุรี ที่ผมอยู่พอดี
เป็นความบังเอิญในปัจจัยหลายๆอย่างมาผสมกัน ที่ทำให้เกิดภาวะเกือบตายอันนี้ขึ้น<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- edit note -->

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ฮือจี้ตรวจสอบต้นตอภาพ "โรงงาน" ปล่อยน้ำเสียทิ้งทะเลอ่าวไทย </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพ : ภาพ สกายรีพอร์ต </TD></TR></TBODY></TABLE>วันที่ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า เว็บไซต์เฟซบุ๊ก "SKY Report CH3" ของทีมข่าวสกาย รีพอร์ต

สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 โพสต์เผยแพร่ภาพมุมสูงโรงงานแห่งหนึ่งแถวปากอ่าวไทย จ.สมุทรปราการ ลักลอบปล่อยน้ำเสียสีดำคล้ำลงทะเล และเขียนข้อความบรรยายภาพว่า "ไม่มีใครเห็นเลย / โรง-------บริเวณ ปากอ่าวไทย สมุทรปราการ ปล่อยน้ำเสียลงทะเล ออกข่าวไปแล้ว ตอนนี้ก็ยังแอบปล่อยอยู่ เส้นใหญ่จริงๆ อย่านึกว่าไม่มีใครเห็น!"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพดังกล่าวที่ ฮ.ทีมข่าวสกาย รีพอร์ต โพสต์ เอาไว้

ปลุกให้เกิดกระแสการประณามโรงงานดังกล่าวอย่างหนักในหมู่ผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก และเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนักการเมืองในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นน้ำเสียที่ปล่อยจากโรงงานใดกันแน่

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>นักท่องเที่ยวสุดเซ็งตกค้างสนามบินภูเก็ต หลัง "แอร์ออสเตรเลีย" ล้มละลายกะทันหัน </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 17 ก.พ. เอเอฟพีรายงานว่า ผู้โดยสารจำนวนเกือบ 4,000 คน ของสายการบิน "แอร์ออสเตรเลีย" (Air Australia)

ต้องตกค้างอยู่ที่สนามบินภูเก็ต ของไทย สนามบินโฮโนลูลู ที่ฮาวายของสหรัฐ และที่สนามบินบนเกาะบาหลีของอินโดนีเซีย เนื่องจากสายการบินราคาประหยัดแห่งนี้ยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดอย่างกะทันหัน และยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ในฐานะล้มละลาย

สายการบินแอร์ออสเตรเลีย หรือเดิมชื่อ สแตรททีจิก แอร์ไลน์ เป็นสายการบินในเมืองบริสเบนที่ให้บริการเที่ยวบินทั้งในและต่างประเทศ

ประกาศยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดของฝูงบินที่มีอยู่ 5 ลำ และไม่สามารถรับจองเที่ยวบินใหม่ได้เนื่องจากไม่มีเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ผู้โดยสารที่ได้ชำระค่าตั๋วด้วยบัตรเครดิตหรือได้ทำประกันการเดินทางไว้อาจได้รับเงินคืน

ด้านเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ออสเตรเลียเผยกับสถานีวิทยุแฟร์แฟ็กซ์เรดิโอว่า มีผู้โดยสารราว 4,000 คน

จองเที่ยวบินต่างประเทศแบบไป-กลับกับสายการบินนี้ ในจำนวนนี้มีผู้โดยสารที่ตกค้างอยู่ในเมืองโฮโนลูลูของรัฐฮาวาย ที่บาหลี และจังหวัดภูเก็ตในไทย สายการบินได้แจ้งว่าไม่สามารถเติมน้ำมันเครื่องบินที่ภูเก็ตได้เมื่อคืนที่ผ่านมาและกำลังหาทางแก้ไขสถานการณ์ที่ยุ่งยากดังกล่าว

ด้านนายอลัน จอยซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินแควนตัส เผยว่า แควนตัสและเจ็ทสตาร์

ซึ่งเป็นสายการบินราคาประหยัดในเครือกำลังพิจารณาเพิ่มเที่ยวบินช่วยเหลือผู้โดยสารตกค้างให้ไปถึงจุดหมาย ด้วยการจำหน่ายตั๋วในราคาเดียวกับที่ผู้โดยสารซื้อกับแอร์ออสเตรเลีย เพื่อให้สามารถเรียกคืนเงินจากบริษัทจัดนำเที่ยวหรือบริษัทบัตรเครดิตได้ในจำนวนเท่ากัน

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

สิ่งทั้งปวงย่อมเกิดแต่เหตุ...​

รายละเอียดของภัยพิบัติทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น มีอยู่ในหน้าที่ 1 ของกระทู้นี้ครับ

ปลดชนวนกรรม ๓ จังหวัดภาคใต้…คำเตือนครั้งสุดท้ายก่อนมหาภัยพิบัติมาเยือน โดยคุณ เอกอิสโร วรุณศรี

...ครั้งนี้ต้องขออนุญาตเป็นสื่อญาณ ของบรรพกษัตริย์ในอดีตที่ผ่านเข้ามาในภวังคจิต ครั้นจะคิดว่าเป็นอุปาทาน ไม่บอกกล่าวก็เกรงจะไม่ดี ครั้นจะบอกกล่าวไปแล้วไม่เกิดอย่างที่ว่าก็คงตกเป็นที่ครหาและอาจชักนำภัยมาสู่ตัว เอาเป็นว่าหากไม่เกิดภัยจากโลกมนุษย์ ก็จะต้องประสบภัยจากโลกวิญญาณ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ขอเลือกที่จะเปิดเผยก็แล้วกัน

...ขอดวงญาณแห่งพระมหาเถระวิสุทธิสงฆ์ องค์พระอรหันต์ผู้บรรลุธรรมวิเศษ มีนามว่า “พระมาลัยมหาเถรเจ้า” ผู้เคยได้พำนักอยู่ในลังกาทวีป และท่านได้เกิดในมลัยชนบทนี้ ขอดวงญาณพระอินทคุตตะมหาเถรเจ้า ผู้ได้อำนวยการสร้างพระมหาสถูปเจดีย์ในเมืองอนุราธบุรี ลังกาทวีปนี้ ขอดวงญาณแห่งองค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ผู้คุ้มครองทะเลใต้ ผู้จะตรัสรู้เป็นพระศรีอริยเมตไตรย์ในภายหน้า ขอดวงญาณแห่งพระเจ้าอภัยทุฏฐคามินี ผู้จะได้เป็นอัครสาวกเบื้องขวาของพระศรีอริยเมตไตรย์ ขอดวงญาณของพระเจ้าสัทธาดิสผู้จะได้เป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระศรีอริยเมตไตรย์ และดวงญาณของบรุพมหากษัตริย์ บรรพชนทั้งหลายที่ยังคงเฝ้ารักษาผืนแผ่นดินอันเป็นที่ตั้งแห่งลังกาทวีปนี้ จงเป็นสักขี

ณ บัดนี้ ข้าฯ จะขอเปิดชนวนกรรมของแผ่นดิน เพื่อเป็นเครื่องอนุเคราะห์แก่หมู่คนผู้มีวิสัยจะพ้นจากภยันตราย ให้ช่วยกันแก้ไขปลดชนวนกรรม ก่อนมหาภัยพิบัติอันเนื่องจากผลกรรมจะทำลายเหล่าคนอาสัตย์อาธรรม เปิดฟ้าเปิดดินในอนาคตอันไม่ไกลจากนี้ หรือหากแม้ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดจะคิดอ่านแก้ไขได้ทัน ก็ขอให้ดวงญาณของท่านทั้งหลายได้คุ้มครองดลจิตดลใจผู้เป็นสัมมาทิฐิได้ขยับขยายหนีย้ายไปสู่ที่อันปลอดภัย ส่วนมันผู้ใดเป็นมิจฉาทิฐิแม้มีชีวิตต่อไปย่อมจะก่อสร้างบาปเวรเป็นอันยิ่งไปกว่านี้ ก็ขอดวงญาณของท่านทั้งหลายอย่าได้ปกป้องเขาเหล่านั้นคงวางอุเบกขาปล่อยให้เป็นไปตามกรรมของพวกเขาเทียว

...กรรมทั้งหลายที่คนอาสัตย์อาธรรมได้กระทำแก่พระพุทธศาสนา แก่แผ่นดินแห่งนี้ เป็นเวลาล่วงมาช้านาน จนคนรุ่นหลังไม่อาจสืบสาวราวเรื่องได้ บัดนี้ ข้าฯ จะขอเทวานุญาต ชี้ทางแก้ไขพอเป็นเครื่องบรรเทากรรม ว่าหากแม้นมีผู้หนึ่งผู้ใด คณะหนึ่งคณะใด จะได้ขุดค้นหาพุทธสถานสำคัญคือ “พระมหาเหมมาลิกเจดีย์” ที่พระเจ้าอภัยทุฎฐคามินี ได้สร้างขึ้นด้วยอิฐทองคำ อันเป็นพระสถูปเจดีย์ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอันเป็นส่วนแบ่งปันประมาณสองทะนานทองแห่งกษัตริย์ในรามคามประเทศได้บรรจุไว้ในมหาเจดีย์ริมแม่น้ำต่อมาได้พังทะลายลง และพญานาคได้อัญเชิญไปไว้ในนาคพิภพ

ซึ่งสามเณรผู้มีฤทธิ์ได้อัญเชิญมาบรรจุใน “พระมหาเหมมาลิกเจดีย์” นี้นั่นเอง และเมื่อใดได้ค้นพบ “พระมหาเหมมาลิกเจดีย์” อันจะเป็นเครื่องยืนยันที่ตั้งของอนุราธบุรี แห่งลังกาทวีป และผู้คนทั้งหลายได้พร้อมใจกระทำการตั้งพิธีขอขมาลาโทษต่อพระรัตนตรัย ดวงพระวิญญาณบรุพมหากษัตริย์ และบรรพชน ตลอดเทพยดาอารักษ์ พระแม่ธรณีแล้วไซร้ ขอกรรมทั้งหลายเหล่านั้น จงเป็นอันระงับไปด้วยเถิด...

...ถามว่าปริศนาที่ตั้งแห่ง “พระมหาเหมมาลิกเจดีย์” อยู่ที่ใดไซร้ ข้าฯ ขอแจ้งแถลงไขด้วยอาศัยสัญญาแห่งอดีตชาติว่า บัดนี้เทพเทวาทั้งหลายได้มอบให้พระแม่ธรณีรักษาไว้อยู่ใต้ผืนดินไม่ลึกไม่ตื้น อยู่ไม่ห่างจากศาลเจ้าพ่อหลักเมืองยะลา ในเขตพื้นที่ตั้งโรงเรียนพลตำรวจนั่นเอง...

...หากแม้นมีผู้หนึ่งผู้ใด คณะหนึ่งคณะใด เร่งแก้ไขปลดชนวนกรรมนี้ได้ภายในวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๔๘ นี้ไซร้ ขอภัยอันตรายทั้งหลายจงเป็นอันระงับ หากข้ามพ้นวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๔๘ นี้ไป ท่านท้าวจตุโลกบาลเห็นสมควรอย่างไร ข้าฯ จักไม่ขอวิงวอน ออดอ้อนอันใดอีก ขอพระยายมราชจงเป็นสักขีตามนี้ด้วยเทียว...

ตัวข้าฯ นี้ ขอประกาศนาม ให้ลูกหลานทั้งหลายได้รู้ ได้ประจักษ์ หากแม้นรอดอันตรายและยังมีชีวิตเหลือ จงเชื่อใน “กฎแห่งกรรม” และ “การเวียนว่ายตายเกิด” ว่าเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงแท้ ตัวข้าฯ นี้ เวียนว่ายในสังสารวัฏ ก็ด้วยผูกพันในธุระพระพุทธศาสนาและแผ่นดิน เกิดแล้วตาย ไม่รู้เมื่อใดจักจบสิ้น กว่าจะจบกิจพุทธภูมิ บรรลุพระโพธิญาณสมดังตั้งความปรารถนา

ตัวข้าฯ นี้คือ พญาอโศกธรรมิกราช ผู้แผ่ประกาศพระพุทธศาสนามายัง ลังกาทวีปแห่งนี้

ตัวข้าฯ นี้คือ พระยารามคำแหงมหาราช ผู้อาราธนาพระพุทธสิหิงค์จากลังกาทวีปสู่สุโขทัยธานี

ตัวข้าฯ นี้คือ พระบรมไตรโลกนาถผู้ไร้ความสามารถจะปกป้องดินแดนพระพุทธศาสนาจากพวกมะละกา

ตัวข้าฯ นี้คือ พระเอกาทศรถผู้ไร้ความสามารถจะปกป้องดินแดนพระพุทธศาสนาจากพวกอุชงฆตะ

ตัวข้าฯ นี้คือ พระยาตากสินผู้ไร้ความสามารถไม่อาจกู้แผ่นดินลังกาถวายเป็นพุทธบูชาได้

...มายุคสมัยบัดนี้ ตัวข้าฯ นี้ แสนจะรันทดหดหู่ อย่าว่าแต่จะกู้แผ่นดินพระพุทธศาสนากลับคืน แม้ชีวิตของผู้คนก็ไม่แน่ว่าจะช่วยมันได้อยู่หรือ? อยู่ที่บุญและกรรมของมันทั้งหลายเทียว จึงขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ความหายนะวิบัติฉิบหายจะมาเยือน.

ที่มา http://bbznet.pukpik.com/scripts2/view.php?do=form_edit_reply&board=1&id=390&numreply=2&user=nara

 

*** หลักตนพึ่งตน ****

หมดเวลาแล้ว !!!
ทุกคน ต้องพึ่งผลการกระทำที่ได้ทำไปแล้ว
ใครไม่มีสัจจะ ไปไม่รอด
บารมี ก็คือตัวกระทำ เป็นผลตนทำได้

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

วันนี้ตอนเช้าหนูไปโรงเรียนแต่ระหว่างทางได้หลับเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เวลา 7.58 น. แม่ปลุกหนูให้ตื่น(หลับบนรถ)หนูเดินเข้ามาในโรงเรียนรู้สึกบรรยากาศมันแปลกๆ มันดูมืดมากๆ เหมือนประมาน ตี 5 หนูขึ้นห้องแล้วเริ่มเรียนไปตามปกติ
เวลาประมาณ 9 โมงกว่าๆ ท้องฟ้ามืดมาก มากกว่าเดิม บรรยากาศน่ากลัวมาก ท้องฟ้ามืดมากเหมือนจะเกิดพายุ(ตอนนั้นกลัวมากค่ะ นั้งสั้นอยู่กับเพื่อนเพราะคิดว่าสึนามิจะ
ถล่มเพราะอยู่ระยอง) แล้วจู่ๆไฟก็ดับ เสาไฟฟ้าหน้าโรงเรียนช็อดค่ะ แล้วฝนก็ตก
แต่เสียดายมากค่ะ เพราะหนูไม่ได้ถ่ายรูปไว้ กลัวครูวิชาคณิตค่ะ
ไม่น่าเชื่อนะคะว่าตอน10โมงท้องกลับมืดเหมือนกลางคืน แถมลมก็พัดแรงมาก

 

เกมนี้ใครตายก่อนชนะครับ

แต่อย่าได้โปรดฆ่าตัวตาย เพียงแค่เจริญมรณานุสติ

รอดไปวันนี้ ก็เพื่อไปตายวันหน้า

รอดจากภัยพิบัติ ก็เพื่อไปเจอสงครามนิวเคลียร์

แล้วจะเตรียมตัวไปเพื่ออะไร ตายก่อนชนะครับ

 

ทศกัณฑ์ ยก สยาม.... มีพระราม ช่วย ....

 

แกนนำพันธมิตรฯ คาด “สหรัฐฯ-อิหร่าน” ตอบโต้กันหนักแน่ หลังซีไอเอสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์อิหร่าน ขณะเมืองไทยกำลังกลายเป็นสวรรค์นักก่อการร้าย เพราะระบบ ตม.อ่อนแอ แนะไทยแสดงจุดยืนไม่เป็นเวทีขัดแย้งให้ทั้งสองฝ่าย เลิกเป็นสมุนรับใช้ตะวันตก

วันนี้ (16 ก.พ.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้ความเห็นเมื่อสายวันนี้ว่า ความขัดแย้งของโลกมาอยู่ที่อเมริกา กับอิหร่าน เพราะชาวอิรักคงจะทะเลาะเบาะแว้งภายในเพื่อช่วงชิงอำนาจกันอีกนาน และโลกตะวันตกใช้อิสราเอลเป็นตัวแทน การตอบโต้จากอเมริกาที่จะกระทำกับอิหร่าน ทำตรงๆ ไม่ได้ในเวลานี้ แต่เกิดขึ้นในลักษณะการสังหารนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านโดยซีไอเอ (หน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐอเมริกา) จึงไม่แปลกใจที่อิหร่านจะหาทางตอบโต้โลกตะวันตกและยิวทั่วโลก

“และประเทศไทยเหมือนเป็นสวรรค์เพราะอ่อนแอในระบบตรวจคนเข้าเมือง ชาวตะวันออกกลางที่ขัดแย้งกับโลกตะวันตกจึงเข้ามาอยู่ในประเทศไทยอย่างเสรี ในขณะเดียวกัน ตำรวจและฝ่ายปกครองบ้านเราก็ตกเป็นเครื่องมือให้พวกฝรั่ง ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นสมรภูมิแห่งความขัดแย้ง ไทยควรแสดงจุดยืนในการเจรจากับทั้ง 2 ขั้วว่าประเทศไทยจะไม่ยอมให้เกิดความขัดแย้งภายในประเทศโดยเด็ดขาด (ไม่ว่าการจับกุมฝ่ายตรงกันข้าม หรือเข้ามาก่อวินาศกรรมเพื่อล้างแค้น) ใครทำไม่ได้ก็ไม่ควรให้เข้าประเทศ และควรเลิกทำตัวเป็นสมุนรับใช้โลกตะวันตกได้แล้ว เพราะรังแต่จะทำให้ประเทศไทยถูกลากเข้าไปในความขัดแย้งโดยไม้ได้ประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ใครอยากจะทะเลาะกันจะไปที่ไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ในประเทศไทย”

ต่อมานายปานเทพได้โพสต์ข้อความต่อว่า นายสนธิแสดงความเห็นก่อนเที่ยงวันนี้ว่า "ถ้าจะดูโลกใบนี้ จะเห็นได้ว่า โลกถูกออกแบบโดยตะวันตกเพื่อให้ตอบสนองกับทุน ผ่านเศรษฐกิจโดยฉันทานุมัติกรุงวอชิงตัน ใน 4 รูปแบบ ได้แก่ 1. Cross Cultural (การข้ามผสานเผยแผ่ทางวัฒนธรรม) 2. Diversity (ความหลากหลาย) 3. Networking (โครงข่าย) และ 4. inter-dependent (การพึ่งพิงอาศัยซึ่งกันและกันระหว่างประเทศ) โดยมีคำอธิบายโดยสังเขปดังนี้

1. Cross Cultural คือ การข้ามผสานเผยแผ่วัฒนธรรม ผ่าน เพลง แฟชั่น ภาพยนตร์ ทีวีซีรี่ย์ สถานีข่าว การศึกษา และภาษา เพื่อให้โลกตะวันตกสามารถเข้าครอบงำให้เกิดความเชื่อว่า ตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา คือความก้าวหน้านำสมัย คือความถูกต้อง เช่น ฮอลลีวู๊ด โคคา-โคลา ในขณะที่วัฒนธรรมและความเชื่อของโลกตะวันออกคือความเลวร้าย ความล้าสมัย คือสิ่งผิด ในระยะหลังจะทำให้เกิดความแนบเนียนให้มากขึ้นโดยการแทรกชาวตะวันออกเข้าไปเพื่อให้ได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้น เช่น ภาพยนตร์บางเรื่องแทรกตัวละครชาวจีนเข้าไปในการป้ายสีความเลวร้ายของกระบวนการยุติธรรมในจีน เพื่อปูพื้นฐานให้ทั่วโลกดูถูกและหล่อหลอมทำให้เชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมของจีนไม่ยุติธรรมอันจะนำไปสู่การต่อต้านและไม่ยอมรับนับถือกระบวนการยุติธรรมของจีนในอนาคต แม้กระทั่ง สำนักข่าวในโลกตะวันตก เช่น BBC, Bloomberg, และ CNN ก็มักจะเอาคนเอเชียออกอากาศเป็นผู้ประกาศข่าว หรือวิเคราะห์ข่าวมากขึ้น เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือในข้อมูลโลกาภิวัฒน์เกิดขึ้นบทฐานส่งของโลกตะวันตกและอเมริกา ทั้งนี้ถือเป็นการหล่อหลอมหัวดำหัวฝรั่งให้เกิดขึ้นเพื่อนำไปสู่ตลาดเดี่ยว Single market เพื่อให้ซึมซับทั้งโลก ถ้าอยู่ในโลกาภิวัฒน์ที่ถูกต้องอยู่แบบชาวตะวันตกและอเมริกา

2. Diversity คือ ความหลากหลาย ถือเป็นจุดเปลี่ยนของการตลาด ในอดีตโลกผลิตแบบสายพาน แต่เดี๋ยวนี้ มีรุ่นและเวอร์ชั่นของสินค้าให้มีความหลากหลายมากมาย เพราะหลังจากได้เผยแผ่ทางวัฒนธรรมแล้ว ก็ต้องมีการการเพิ่มโอกาสทางการตลาด เพราะถ้าใช้ระบบสายพานแต่เพียงอย่างเดียวก็จะแพ้ตะวันออกซึ่งมีต้นทุนถูกกว่า อเมริกาและตะวันตกจึงต้องเป็นเจ้าแห่งดีไซน์ ควบคูไปกับการจดลิขสิทธิ์ จดสิทธิบัตรเพิ่ม เพื่อดึงความได้เปรียบและดึงความมั่งคั่งจากตะวันออก

3. จากการสร้างขบวนการ Cross Cultural และ Diversity แล้ว จึงต้องสร้าง Networking คือ โครงข่าย ได้แก่การย้ายฐานการผลิตไปยังตะวันออก ไม่ว่าจีน เวียดนาม ไทย ฯลฯ ทำให้นอกจากจะได้ต้นทุนที่ถูกแล้ว ยังสร้างระบบที่แบ่งประโยชน์ค่าแรงและการผลิต(ในราคาถูกๆ)ให้เป็นผลตอบแทนในประเทศโลกตะวันออกเพื่อไม่ให้เกิดการต่อต้าน อันเป็นการเพิ่มหลักประกันในประการต่อมา คือ

4. Inter-dependent การพึ่งพิงอาศัยระหว่างประเทศ เมื่อ โลกถูกล้างสมอง และเกิดกระบวนการทั้งสามแล้ว คือ Cross Cultural + Diversity + Networking แล้วก็จะทำให้ โลกตะวันออกถูกครอบงำทางความคิด และการผลิต และต้องเกิดการพึ่งพิงพิงโลกตะวันตกและอเมริกาโดยโงหัวไม่ขึ้น

ด้วลักษณะ 4 รูแแบบดังกล่าวข้างต้น ทำให้ทุนที่มีขนาดใหญ่กว่าจากโลกตะวันตกและอเมริกา จึงสามารถเข้าครอบงำและสูบความมั่งคั่งจากโลกตะวันออกได้ สอดคล้องกับเป้าหมายของฉันทานุมัติกรุงชิงตัน และเกิดการสร้างเครื่องมือในรูปแแบบของายองค์กรเพื่อเคลื่อนไหวให้เป็นประโยชน์ต่อทุนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตก หรือขจัดอุปสรรคทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่จะขัดขวางการสูบความมั่งคั่งของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ในประเทศต่างๆ เช่น กลุ่ม illuminati, Council on Foreign Relation (CFR), CIA, บริษัทล็อบบี้ยิสต์ หรือกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากทุนใหญ่หรือสภาคองเกรซในสหรัฐอเมริกา

“ประเทศไทยจึงต้องระวังพวกเรา ไม่ลุ่มหลง มีสติ อันเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า และความรักชาติรักแผ่นดิน ตลอดจนสถาบันพระมหากษัตริย์ทีทรงทศพิธราชธรรม ถือเป็นลักษณะของชาตินิยมและเป็นภูมิคุ้มกันประเทศ ซึ่งย่อมเป็นอุปสรรคต่อทุนข้ามชาติที่มุ่งหวังเพียงแค่จะสูบความมั่งคั่งและปล้นทรัพยากรในประเทศออกไป หากเรายอมจำนน โลกทั้งใบจะตกเป็นทาสทุนของบรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ในที่สุด และสุดท้ายทักษิณจะอยู่ในฐานะเป็นแค่ "Butler" หรือ "หัวหน้าคนใช้" ของบรรษัทข้ามชาติเท่านั้น !!!”
Politics - Manager Online -

 

อยากให้มองตรงนี้ ว่าภัยจากธรรมชาติ ถึงแม้ว่ามันยังความหฤโหด ร้ายแรงที่จะทำลายชีวิตมนุษย์และสัตว์ หรือวัตถุไปมากมายสักเพียงใด

มันก็เป็นเพียงภัยธรรมชาติ ที่แวะเวียนมาบรรจบครบรอบในวัฎจักรของมัน

ถึงแม้ภัยธรรมชาติฟังดูจะน่ากล้ว แต่ผมว่าภัยจากฝีมือคนด้วยกัน น่ากลัวมากกว่า

 

ผมเพิ่งได้ชม คลิปวีดีโอ เรื่องจริงผ่านจอ ย้อนหลังทาง youtube ตอนแรกตั้งใจจะดู เรื่องของชายผู้สัมผัสวิญญาณ ที่ชาวบ้านเรียกว่า หมอปลา ภายนอกอาจดูคล้ายเพี้ยน แต่วิธีสัมผัสวิญญาณและแง่คิดเกี่ยวกับ ความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การแก้กรรม แกให้เหตุผลดีทีเดียว หลังดูจบ มีต่อเรื่องพุทธทำนายปีมะโรงด้วย เพิ่งเห็นหน้าคุณเอกอิสโร ก็ครานี้เอง จริงแล้ว รายการเรื่องจริงผ่านจอ เล่นประเด็นเรื่อง 2012 มาหลายสัปดาห์ เชื่อว่าข้อมูลส่วนหนึ่งคงมาจากเวบพลังจิต นี่กระมังครับ ...

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=d-7Y0dszVZ8]เรื่องจริงผ่านจอ 9 กุมภาพันธ์ 2555 [HD] part 1/2 - YouTube[/ame]

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=lNUQm_7Q_8M]เรื่องจริงผ่านจอ 9 กุมภาพันธ์ 2555 [HD] part 2/2 - YouTube[/ame]

credit EKNOOKCLUB

 

ได้เข้าไปอ่านกระูทู้ "แนวคิดทำหัองป้องกันภัยพิบัติ"
คุณอิงบุญได้เข้ามาโพสว่า 20 ก.พ. 55 นี้
ทางสยาม สตีลจะจัดบรรยายเรื่องห้องป้องกันภัยพิบัติ
และอาจมี อ.ปิยะชีพ จาก เครือข่ายรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินภาคประชาชน
มาพูดด้วย
ผมเห็นว่าน่าสนใจ
เขาให้สอบถามได้ที่คุณโอ๋ ๐๘๙ ๖๙๙ ๐๖๐๑

....ใครสนใจก็เชิญ....ตามอัชฌาศัย

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2555 </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2555 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมา ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้
ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็น และอุณหภูมิจะลดลงได้อีกประมาณ 2-3 องศาเซลเซียส สำหรับภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นในระยะ 1-2 วันนี้

อนึ่ง เมื่อเวลา 0400 น. วันนี้ (19 ก.พ.) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 620 กิโลเมตร ทางตะวันออกของเมือง

โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 9.7 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.4 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกอย่างช้าๆ และยังไม่มีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาจะเฝ้าระวัง ติดตามอย่างใกล้ชิด และจะประกาศให้ทราบเป็นระยะๆต่อไป

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองเป็นบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดลำพูน ตาก และกำแพงเพชร อุณหภูมิต่ำสุด 15-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 15-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่
อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ช่วงนี้เหตุการณ์ต่างๆเงียบจังเลยนะครับ

 

วันนี้ที่บางแสนมีปลาในทะเลจำนวนมากว่ายน้ำเข้าหาฝังเองที่ท่าเรือ มีชาวบ้านจำนวนมากนำเครื่องมือจับปลาแบบง่ายๆเท่าที่หาได้ออกไปจับปลาได้คนละมากๆ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในทะเลไทย เพื่อนๆสมาชิกใครทราบช่วยบอกที ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามันผิดปกติชอบกลอยู่นะ:'(

 

สงสัยใต้ทะเลคงร้อน

 

<TABLE id=post5735570 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175>ข้อความเดิม
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ตาลเดี่ยว<!-- google_ad_section_end --> <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5735570", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต




</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_5735570 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->วันนี้ที่บางแสนมีปลาในทะเลจำนวนมากว่ายน้ำเข้าหาฝังเองที่ท่าเรือ มีชาวบ้านจำนวนมากนำเครื่องมือจับปลาแบบง่ายๆเท่าที่หาได้ออกไปจับปลาได้คนละมากๆ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในทะเลไทย เพื่อนๆสมาชิกใครทราบช่วยบอกที ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามันผิดปกติชอบกลอยู่นะ:'(<!-- google_ad_section_end -->

จำที่ภูเก็ตได้ไหม ครั้งแรกหอยมาเต็มหาด เก็บกันสนุกสิ่งที่ตามมาคืออะไร
ครั้งที่ 2 ลุกกุ้งลุกปูมาเต็มหาดสิ่งที่ตามมาคืออะไร
ปลาเต็มหาด ระวังไว้ด้วยอย่าได้ประมาท
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ชลบุรี-หมึก กุ้ง ปลา ลอยเหนือน้ำชายหาดบางแสนอีกแล้ว

วันอาทิตย์ ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555


สัตว์ทะเลลอยคอขึ้นมาหายใจเหนือน้ำชายหาดบางแสน ชาวบ้านแห่นำอุปกรณ์มาจับสัตว์น้ำทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา กันอย่างสนุกสนาน บางรายนำไปขายได้หลายพันบาทภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

เช้าวันที่ (19 ก.พ.) ชาวบ้านที่ทราบข่าวว่ามีสัตว์น้ำหลายชนิดลอยเข้าฝั่งขึ้นมาหายใจ จึงได้นำเอาอุปกรณ์ที่สามารถช้อนตักได้มาดักจับที่บริเวณขอบสะพานปลาหาดวอนนภา โดยบรรยากาศชาวบ้านกำลังสนุกสนานกับการตัก ปู ปลา กุ้ง และปลาหมึก กันเป็นแถวยาวเหยียด บางรายนำแหมาทอดเพื่อนำจับมากิน

นายอนุชา โชตจินดา ชาวบ้านประมงเรือเล็ก บอกว่าเหตุการณ์ที่มีสัตว์น้ำลอยเข้าฝั่งในครั้งนี้ จำได้ว่าเกิดขึ้นประมาณ 4- 5 ครั้งติดต่อกันแล้ว ตนเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่ดูจากสภาพน้ำไม่น่าจะมีสัตว์น้ำลอยเข้าฝั่งได้ หลังจากที่กลุ่มประมงด้วยกันบอกว่า น้ำที่อยู่ด้านนอกมีสภาพไม่ดีมีน้ำจืดผสมอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้สัตว์น้ำตื้นขาดออกซิเจนแล้วหนีเข้าฝั่งเพื่อต้องการอากาศหายใจ แต่สัตว์ทะเลที่ชาวบ้านจับได้นั้นสามารถนำมารับประทานได้ไม่เป็นอันตราย เพราะทุกครั้งที่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ชาวบ้านก็จับไปกินไปขายกันทุกครั้งไป แต่ที่น่ากังวลคือขณะนี้สัตว์น้ำตื้นเริ่มมีปริมาณลดน้อยลงทุกที อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยออกมาตรวจสอบสภาพน้ำว่าสาเหตุเกิดจากอะไร จะช่วยกันแก้ไขอย่างไร มิฉะนั้น กุ้ง หอย ปู ปลาในบริเวณชายหาดบางแสนจะต้องสูญพันธุ์อย่างแน่นอน.

















ชลบุรี-หมึก กุ้ง ปลา ลอยเหนือน้ำชายหาดบางแสนอีกแล้ว ข่าวต่างประเทศ ข่าวอาชญากรรม ข่าวสัง

 

น้ำข้างล่างคงร้อนนะ เลยขึ้นมาลงหม้อไฟกันหมด เฮ้อ :boo:

 

สงสารคนที่ไปจับเขามากินน่ะครับ เคยรับรู้เรื่องราวของสัตว์ที่หนีภัยแล้วโดนคนจับไปต้มยำทำแกง คนๆนั้นจะได้รับผลกรรมแบบติดจรวดแบบไม่น่าเชื่อ...น่ากลัวมาก