การเตรียมตัว เตรียมใจ ไปสู่ยุคภัยพิบัติ

ขอเรียนถามว่าที่อำเภอเมืองที่ปราจีนจะปอดภัยอยู่รอดไหมครับหรือต้องพบเจอเหุตุอะไรหรือไม่กำลังจะซื้อที่ไว้ ส่วนวันฟ้ามืดน่าจะเกิดจากมหาพายุหรือไม่ครับถ้าใช่จะได้มีเวลารู้ล่วงหน้าได้นะครับ

 

สวัสดีครับ ผมเองช่วงนี้ก็ต้องเร่งขัดเกลากิเลสที่ท่วมหัว ให้เบาบางลง ฟังธรรมจากหลวงพ่อวัดท่าซุง อ่านคำแนะนำของหลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุน (ท่านแนะนำคนอื่นแต่เรื่องมาตรงกับผมอย่างประหลาด) พิจารณาให้จิตเข้าใจอนิจจังในทุกๆอย่าง ก็พยายามทำครับ จิตมันดีบ้างเลวเยอะก็ต้องสู้กันครับ ทุกท่านก็สู้ๆนะครับ ต่างคนต่างสู้กันเพราะคนเราบำเพ็ญมาไม่เสมอกันเลยต้องเอาตัวเองมาคุยเพราะคุยของคนอื่นไม่ได้ 555+ อาจจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณที่อ่านครับ++

 

รบกวนสอบถามคุณเด็กผู้ชาย เรื่องของผู้รับเหมาครับ ผมได้ PM สอบถามไปแล้วครับ
อย่างไรแล้วรบกวนขอข้อมูลในส่วนนี้ด้วยครับ

 

ต้องขออภัยหลายๆท่านที่ผมยังไม่ได้ตอบคำถามให้ครับ แล้วจะหาเวลามาทะยอยตอบให้ครับ ช่วงนี้งานยุ่งมากจริงๆ อีกทั้งต้องเตรียมสิ่งของสำหรับงานบุญด้วย รอบนี้ต้องเสาะแสวงหาของหายากหลายสิ่ง ยากทั้งหาสิ่งของ ยากทั้งการนำมาประกอบเป็นโครงสร้างเพื่อประกอบพิธี บางอย่างต้องใช้กำลังสมาธิและความว่างสูงๆเพื่อเดินจิตเข้าไปตรวจสอบในวัตถุสิ่งของ เป็นเรื่องของพระจักรพรรดิ์ที่ท่านให้การบ้านมาทำครับ ศาสตร์นี้ต้องเรียนรู้มาจากจิตต่อจิต พุทธันดรนึงท่านก็จะเปิดระบบให้มาทำเครื่องสักการะแบบนี้ครั้งนึง

สำหรับสภาวะจิตของแต่ละคนนั้น ก็เป็นการยากที่จะประคับประคองได้ในระยะเวลาอันสั้นครับโดยเฉพาะทุกคนมีความกลัวเป็นพื้นฐาน ผมเลยจะชี้แนวทางเฉพาะคนที่มีบุญบารมีสามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติได้ ซึ่งส่วนใหญ่ปรารถนาไปในยุคของพระศรีอริยเมตตรัย(จะรู้หรือไม่รู้ตนเองก็ตาม) เมื่อเขารอดแล้วจะไปยกระดับจิตเขาขึ้นในภายหลัง(เมื่อถึงตอนนั้นกระแสธรรมแห่งพระพุทธเจ้า อริยเจ้าจะเปิดเต็มที่) แม้จะเมตตาขนาดไหนก็ต้องวางอุเบกขาครับ เดินผ่านคนรู้จักคนไหนหากเล็งเห็นว่าเขามีบุญบารมีที่จะรอดพ้นได้ก็จะบอกกล่าวเขา(และจะบอกเพียงครั้งเดียว) หากเดินผ่านคนใดแล้วรู้สภาวะเจตภูติที่จะต้องไปภูมิต่ำก็ต้องผ่านไป

บุญบารมีและหน้าที่ผมไม่ใช่ว่าจะช่วยชี้แนวทางได้ทุกคนแต่จะช่วยได้แค่บางคนเท่านั้นซึ่งเป็นคนส่วนน้อยมากๆ โดยเฉพาะผู้ที่สร้างบารมีมาและปรารถนาไปสู่ยุคศาสนาของพระศรีอริยเมตตรัยเท่านั้น ส่วนผู้ที่เขาอธิษฐานและเข้าใจว่าเขาจะจบกิจในยุคของพระสมณโคดมก็ต้องปล่อยวางเพราะเขาปรารถนามาอย่างนั้น บางทีเขาอาจจะมีบุญวาสนาไปต่อในศาสนาของพระศรีอริยเมตตรัยได้แต่เขาอธิษฐานมาสร้างบารมีแค่ยุคนี้ก็ต้องเป็นไปตามความปรารถนาแห่งจิตวิญญาณของเขาเองครับ

ก็เล็งเห็นถึงกระแสของความเมตตาในส่วนของคุณภูทยานฌาน2 ครับ แต่เราอาจจะมีหน้าที่ที่แตกต่างกัน ผมมีหน้าที่มาสร้าง มาทำนุบำรุงและจรรโลงพระศาสนาในกึ่งพุทธกาลในส่วนที่รับพุทธบัญชามาเกี่ยวกับศาสนสถานและศาสนพิธีที่เกี่ยวข้องเท่านั้นครับ ส่วนการนำพาจิตวิญญาณของผู้คนโดยอาศัยศาสนคำสอนนั้น ผมมีหน้าที่ชี้ทางได้เฉพาะบุคคลที่เขาปรารถนามาทำหน้าที่ด้วยกันเท่านั้นครับ นอกเหนือจากนี้แล้วคงไม่ใช่หน้าที่ผมครับ คงต้องเป็นหน้าที่ของท่านอื่นๆ(ส่วนนึงอาจจะเป็นหน้าที่ของคุณภูทยานฌาน2 ก็ได้ครับ)

พระพุทธองค์ทุกๆพระองค์นั้นท่านทรงมีเมตตามหาเมตตาต่อมนุษย์และสัตว์โลก แต่สุดท้ายทุกๆพระองค์ก็ต้องวางอุเบกขา ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่เขาทำหน้าที่คัดเลือกมนุษย์ผู้มีศีลธรรมได้ทำหน้าที่ และสัตว์โลกก็ต้องเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์และกฏแห่งกรรม ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงสอนก็จะได้อยู่รอด ปลอดภัยแน่นอนครับ

 

รบกวนถามคุณอัญญาสิทธิ์ค่ะว่า ที่ อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน เวลาเกิดภัยพิบัติจะปลอดภัยไหมคะ
และใน จ.ลำพูน ตำแหน่งที่ปลอดภัย อยู่ตรงไหนบ้างคะ

 

ใช่คนที่มีวงแสงรอบศรีษะไหม

/..อ่านคุณหนุมานฯ ^^

ปรกติเราก็อธิษฐานขอให้เข้าถึงธรรมในยุคพระสมณโคดมนี้นะคะ แต่ก็กันเหนียวว่าหากยังไม่ได้ธรรมด้วยประการใดๆ
ขอให้ได้ทันฟังธรรมจากพระโอษฐ์ขององค์พระศรีอาริยเมตไตรย แล้วจบกิจ อธิษฐานแบบนี้...ได้รึเปล่าไม่รู้ อิอิ

 

โมทนาสาธุด้วยครับพี่ภู

 

ผมโมทนาบุญกับจขกท.ด้วยนะครับ ที่ท่านปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ
และผมขออนุญาตนำบทความ "จิตเกาะพระ" มาลงในกระทู้นี้เลยนะครับ เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่สนใจ และส่งPM ไปถามกันมาก
ถือว่าเป็นธรรมาทานก็แล้วกันนะครับ เผื่อมีบางท่านทำกันได้ สัมผัสกันได้ ก็นับว่าเป็นบุญของท่านเองนะครับ

 

โมทนาสาธุด้วยครับ
จิตยังไม่ถึง ไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน

 

โมทนาสาธุด้วยครับพี่ภู

 

สวัสดีครับทุกๆท่าน

ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ
ขอแนะนำ "จิตเกาะพระ"
ซึ่งผมค้นพบหลังการปฎิบัติ เมื่อประมาณ มาราคม 2555

ข้อดี และจุดเด่นของจิตเกาะพระ
ประการแรกก็คือ จิตเป็นสมาธิไว
ประการที่สองก็คือ จิตทรงสมาธิ หรือจิตทรงฌานสูงขึ้นไปตามลำดับอัตโนมัติ โดยที่เราก็ยังไม่ทันรู้สึกตัวด้วยซ้ำไป
และตรงนี้แหล่ะ! ที่นักปฎิบัติส่วนใหญ่จะขาดกันก็คือ ความต่อเนื่อง เพราะจิตเป็นสมาธิ จิตทรงฌาน มิใช่ทำกันได้ง่ายๆ
คนที่จะเข้าถึงกระแสธรรมกันได้นั้น จะต้องอาศัยเข้าไปให้ถึงกระแสจิตแห่งตนเสียก่อน
แต่ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ไม่มีวันจะเข้าถึงธรรมะของพระพุทธองค์กันได้
ประการที่สามก็คือ สะดวกทั้งเวลา(ทำได้ทุกสถานการณ์)
และสถานที่(ไม่ต้องไปวัด หรือสำนักปฎิบัติธรรม หรือไม่ต้องไปนุ่งขาวห่มขาว คือบวชใจกันตอนนี้ และตรงนี้กันได้เลย)

ลองอ่าน และค่อยทำความเข้าใจไปเรื่อยๆนะครับ



9 มีนาคม 2555
วิธีปฏิบัติทำจิตเกาะพระในเบื้องต้นสำหรับผู้ที่ไม่เคยฝึกมาก่อนเลย


การดูภาพพระไม่ต้องเพ่ง แค่ดูเฉย ๆ เหมือนดูภาพถ่ายทั่วไป ดูบ่อย ๆ ดูทุกวัน จะวันละกี่เวลาก็ได้ ขณะมองดูภาพให้มองดูรายละเอียดขององค์พระนิดหนึ่งว่ามีอะไรสะดุดตาเราบ้าง เช่น พระพักตร์ เศียร ไหล่ คอ แขน มือ นิ้ว ตา ปาก จมูก อก ท้อง หน้าตัก ขา เท้า เครื่องประดับ แท่นที่ประทับ และอื่น ๆ ดูแล้วก็ไม่ต้องจำ

เมื่อมองดูภาพแล้วถ้ารู้สึกว่ามีใจรักจุดใดของพระเป็นพิเศษ หรือมีใจรักชอบพระองค์ใดเป็นพิเศษ ก็ให้ระลึกถึง ณ จุดนั้นบ่อย ๆ

การระลึกถึงภาพพระ เมื่อใจนึกถึงภาพใดแล้วก็ให้ทำใจจดจ่อหรือจดจ้องอยู่ ณ จุดนั้นจนกว่าจิตจะผ่อนคลายหรือรู้สึกสบายขึ้น อาการที่ใจผ่อนคลายหรือรู้สึกสบายนั้นเป็นอาการจิตเข้าฌาน หรือจิตทรงสมาธิอย่างต่ำ ๆ มาถึงตรงนี้ถ้าจิตไม่อยากจับภาพพระก็ไม่ต้องไปบังคับจิต ปล่อยไปตามสบาย

การทรงฌานต่ำ ๆ ในเบื้องต้นนี้จะทรงอยู่ได้นานหรือไม่ขึ้นอยู่กับความนิ่งของจิตผู้ฝึกฝน แต่ส่วนใหญ่เมื่อเริ่มฝึกใหม่ ๆ ก็เหมือนกันทุกคนคือจิตไม่นิ่ง ในเมื่อมันไม่นิ่งเราก็จะทำให้มันนิ่งด้วยการระลึกถึงภาพพระ หรือจุดใดจุดหนึ่งของพระอยู่บ่อย ๆ แม้จะเป็นการนิ่งในระยะสั้น ๆ ก็ถือได้ว่าจิตเข้าฌานหรือจิตเป็นสมาธิแล้ว และถ้าทำให้จิตเข้าฌานยิ่งบ่อยก็ยิ่งดี มิมีอะไรเสียหาย

ถ้าคนที่ไม่เคยทำจิตเกาะพระ ใหม่ ๆ จะทำไม่ได้เพราะไม่รู้จะเกาะอย่างไร เกาะตอนไหน เอาอย่างนี้ เรามาเริ่มต้นด้วยการฝึกทำจิตเกาะพระเป็นเวลาก่อนก็แล้วกัน ตั้งเวลาไว้ให้อย่างนี้

1. ก่อนนอนเมื่อล้มตัวลงนอนหลับตา แต่ความรู้สึกยังไม่หลับ ให้เอาสติไปมองหาพระที่เราถูกใจ หรือติดตาติดใจ หรือรักชอบเป็นพิเศษ เห็นภาพไหนชัด หรือเห็นส่วนไหนของท่านชัดที่สุดก็ให้มองตรงจุดนั้น เอาสติไปจดจ้องหรือจดจ่ออยู่กับองค์พระหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของพระ (สติก็คือจิตตัวหนึ่ง) จนกว่าจิตจะเกิดอาการคลายจิตแล้วมีความรู้สึกเบาสบายตามมา เหมือนตอนเราเข้าฌาน ตัวจะเบา ๆ ชา ๆ ว่าง หวิว ใช่ไหม ความรู้สึกคล้ายกัน เพียงแต่เราเปลี่ยนวิธีเข้าฌานจากภาวนาพุท – โธ มาเป็นดูภาพพระเข้าฌานแทน ให้มองดูภาพพระหรือจุดใดจุดหนึ่งของพระจนกว่าจะหลับไป

2. ตื่นนอนแต่ยังไม่ลืมตา ก็ให้นำสติไปมองหาภาพพระก่อน ทำเหมือนเมื่อคืนก่อนหลับทุกอย่าง เมื่อจิตสบายหรือจิตทรงฌานจึงค่อยลุกไปทำธุระส่วนตัว

3. ก่อนทานอาหารเช้าให้ระลึกถึงภาพพระที่จำได้แล้วแผ่เมตตาให้อาหารที่เราทาน แม้ว่าจะทานกาแฟเพียงถ้วยเดียวก็ให้แผ่เมตตาก่อน แผ่เมตตาให้ใครก็แผ่เมตตาให้คนปลูกกาแฟและต้นกาแฟ การแผ่เมตตาให้อาหารก็ทำเช่นเดียวกัน ใครที่เกี่ยวข้องเราระลึกแผ่เมตตาให้หมดทุกคนหรือสัตว์ทุกตัว

การระลึกแผ่เมตตาก็เช่น ขอให้คนปลูกข้าว คนสีข้าว คนหุงข้าว คนทำอาหารในมื้อนี้จงมีแต่ความสุขความเจริญ และขอให้อาหารในจานนี้ อาหารทั้งหมดบนโต๊ะนี้จงมีความบริบูรณ์พูนสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป เราขออุทิศบุญกุศลของเราให้หมดด้วยกัน อย่างนี้เป็นต้น หรือท่านจะระลึกแผ่เมตตาว่าอย่างไรก็ย่อมทำได้ มิมีอะไรผิด เพียงแต่ขอให้จิตในขณะแผ่เมตตานั้นเป็นกุศล คือไม่คิดร้ายกับใครก็เป็นพอ

4. ก่อนทานอาหารกลางวันก็ทำเช่นเดียวกัน

5. ก่อนทานอาหารเย็นก็ทำเช่นเดียวกัน

6. ก่อนจะสวดมนตร์ไหว้พระก็ทำเช่นเดียวกัน(ถ้ามี)

7. ก่อนจะนั่งสมาธิประจำวันก็ทำเช่นเดียวกัน(ถ้ามี)

เริ่มต้นลองทำเป็นเวลาอย่างนี้ก่อน เพียงเท่านี้ท่านก็จะสามารถระลึกถึงพระได้วันละหลายเวลา เมื่อทำแล้วได้ผลเป็นประการใดช่วยบอกเล่าให้ทราบด้วยค่ะ จะได้แนะนำกันต่อไป

การทำจิตเกาะพระเป็นการทำกรรมฐาน-พุทธานุสสติ แต่แทนที่เราจะนั่งภาวนาเฉย ๆ เหมือนเราฟังวิทยุ คือหลับตาฟังก็ยังได้ยินแต่มันไม่เห็นภาพนะ เราก็มาฝึกระลึกดูภาพด้วย คล้ายกับเราขยับฐานะขึ้นมาหน่อย คือ มีโทรทัศน์ดูกับเขาด้วย จึงได้ยินทั้งเสียงและได้ชมทั้งภาพ ที่กล่าวมาเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างสักเล็กน้อย

การทำจิตดูภาพพระในช่วงแรกจะเป็นการนึกหรือระลึกถึง เหมือนเรานึกถึงภาพวิวที่เราเคยเห็นแล้วประทับใจ หรือรูปดารา รูปนักร้อง รูปคนที่เรารัก หรือรูปสิ่งของที่เรารักและชอบเป็นพิเศษ เราเพียงใช้อุบายนี้มาช่วยให้จิตจดจำและระลึกถึงภาพพระบ่อย ๆ

เมื่อจิตชินกับภาพพระ ต่อไปจิตจะนึกหรือระลึกถึงพระได้เอง ภาษาสมมุติท่านว่าอัตโนมัติ หรือเป็นไปโดยมิต้องกำหนด คือเมื่อเวลาใดที่จิตมันว่าง หมายถึงว่างโดยตัวจิต มิใช่รอให้ขันธ์ห้า(ร่างกาย)ว่างการว่างงานนั้นไม่ใช่นะ เมื่อจิตว่างหรือคิดถึงพระ จิตก็จะวิ่งเข้าไปหาภาพพระเหมือนมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน

ขออธิบายสักเล็กน้อยเกี่ยวกับอาการจิตทรงฌานหรือจิตเป็นสมาธิ ให้สังเกตว่าถ้าจิตทรงฌานอย่างน้อยปฐมฌานจิตจะมองหาภาพพระได้ง่ายและเร็วขึ้น แต่ถ้าหลุดจากฌานจะมีอาการว่าจิตส่งสายออกไปในกระแสโลกมาก จิตจะรู้สึกอึดอัด หงุดหงิด และรำคาญ ก็ให้รู้ว่าหลุดฌานหรือฌานเสื่อมแล้ว ก็ให้เริ่มต้นจับภาพพระขึ้นมาใหม่ มองดูภาพพระไปจนกว่าจิตจะเบาสบาย ถ้าจิตเข้าฌานแล้วให้สังเกตที่ลมหายใจ ลมหายใจจะเบา ละเอียด เย็น

ให้ฝึกทำตามที่แนะนำไปก่อน ถ้ามีเวลาว่างช่วยรายงานผลให้ทราบด้วย จะได้เห็นความก้าวหน้าในการฝึกปฏิบัติด้วย และจะได้ช่วยแนะนำเพิ่มเติมได้

ขอให้ท่านจงมีจิตตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ขอให้ท่านจงเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ

ภูทยานฌาน2

 

ทุกจิตวิญญาณมีหน้าที่ มีเส้นทางของตัวเอง จึงขออนุโมทนา มา ณ โอกาสนี้ครับ

 

พี่ภูครับ จากบทความ "จิตเกาะพระ" ดูเหมือนจะมีขั้นต่อไป
ไม่ทราบว่าพี่ภูพอจะโพสลงขั้นต่อไปเลยได้หรือเปล่าครับ

 

1.ที่อำเภอคลองหาด , วังน้ำเย็น,วัฒนานคร,วังสมบูรณ์,เขาฉกรรณ์ จ.สระแก้ว จะปลอดภัยหรือเปล่าครับ หรือมีภัยอะไรบ้าง ต้องเตรียมรับมืออย่างไร ขอคำแนะนำด้วยครับ
2.ที่อำเภอศรีมหาโพธิ ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรม 304 ,อำเภอศรีมโหสถ จะปลอดภัยหรือเปล่าครับ จะได้เตรียมรับมือถูกครับ เพราะยังหาที่ไปไม่ได้เลยครับ ขอบพระคุณอย่างสูงนะครับที่ช่วยตอบคำถาม

 

ขอฝากธรรมะของหลวงตามหาบัวฯ ด้วยนะครับ
ธรรมะตรงนี้ฯ
ขอให้ตั้งใจฟังกันให้ดีๆนะครับ อาจจะได้พระนิพพานกันตอนจบกันเลยนะครับ
เพราะเป็นจุดเริ่มต้นจนเข้าถึงพระนิพพาน หรือ
"การปฏิบัติเริ่มต้น จนเข้าถึงพระนิพพาน"

ท่านเสียสละเวลาฟังธรรมะแค่ 1:19:34 ยังดีกว่าท่านเสียเวลาไปทั้งชีวิต หรือทั้งภพ ทั้งชาติกันเลยนะครับ
เพราะนาทีนี้อะไรไม่สำคัญเท่ากับจิตตนเอง
เพราะกายตาย แต่จิตไม่ตาย และต้องเดินทางต่อไป แต่ที่แน่ๆดวงจิตตนเองเท่านั้นที่จะต้องเดินทางแต่เพียงผู้เดียว นี่ขนาดเรามีดวงตาทั้งสองข้าง มีคุณพ่อ คุณแม่ คุณพี่คุณน้อง คุณสาีมี/คุณภรรยา และคุณลูก ยังบอกว่าเหงากันอีก ยังต้องกลัวกันขนาดนี้ แต่ถ้าเราจากโลกนี้ไปกันจริงๆหล่ะ
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่มีผู้ใดไปด้วยกับเราเลยสักคน แล้วเราๆท่านๆกำลังห่วงอะไรกันอยู่ มัวทำอะไรกันอยู่ เพราะท้ายที่สุดจิตของตนเองเท่านั้นสำคัญยิ่งกว่าอื่นใด

"วันนี้คุณดูแลจิตตนเองดีแล้วรึยัง?"

ผมเตือนสติกันได้เพียงเท่านี้ฯ ผิดพลาดประการใด กระผมขอรับผิดชอบทั้งหมด โดยไม่มีเงื่อนไข หรือต่อรองใดๆ ยอมน้อมรับด้วยจิตอันบริสุทธิ์เท่านั้น

เริ่มต้นจนเข้าถึงพระนิพพาน - YouTube

 

ออกแนวพุทธานุสสติควบกสิณนะ

 

สถานที่ปฏิบัติธรรม วัดอัมพวัน จ สิงห์บุรี ปลอดภับไหมค่ะ จะไปบวชชีพราหม ช่วงเกิดภัยพิบัติค่ะ
ดิฉัน บ้านอยู่ อำเภ วิเชียรบุรี จ เพชรบูรณ์ ปลอดภัยไหมค่ะ
วัดธรรมยาน ต.นาเฉลียง จะปลอดภัยไหมค่ะถ้าพาแม่ไปปฏิบัติธรรมที่นั่นช่วงที่เกิดภัยพิบัติค่ะ

 

ผมนั่งดูข่าวมีเด็กเกิดจากท้องแม่ปั๊ปแล้วเดินหายเข้าไปในป่ามีคราบรอยเท้าน้อยๆเปื้อนเลือดเดินออกจากบ้านไปช่อง11ไปทำข่าว
แม่แข็งแรงดีไม่เป็นไรเลย แต่เด็กเดินหายไปเลยเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
เป็นข่าวเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วก่อนเปลี่ยนจากช่อง11เป็นNBT

ที่แปลกคือข่าวนี้ไม่ดังมีคนได้ดูน้อยมาก เด็กเกิดแถวๆภาคใต้แม่เป็นคนจนมากดูเหมือนมีเชื้อลาวหรืออะไรซักอย่าง
คลอดเอง เดินไปเอง หายไปเลย เหลือไว้แต่คำถามที่ไม่มีใครเฉลย.....

ปล.แม่เด็กยังสาวมากๆและไม่ได้ประโยชน์อะไรจากพิธีกรรมต่างๆที่คนจะมาขอหวยอะไรเลย เหมือนข่าวมันเกิดขึ้นแล้วก็จากไป วันรุ่งขึ้นผมพยายามดูรีรันในเวปต่างๆก็หาไม่เจอสรุปว่าเสนอข่าววันนั้นแล้วจบแล้วจบเลย
ใครที่ได้ดูข่าวนั้นเหมือนผม เหมือนมาให้รู้ว่ามาแล้วนะ
ข้ามาแล้วอะไรทำนองนี้
เล่าให้ฟังด้วยความงง ทุกวันนี้ยังมีแต่คำถามครับ...

 

ขอเป็นคลิปเสียงได้มัย .......... Mp3 ค่าเน็ตแพงโหลดไม่ไว้ ขอบคุณครับ....

 

ดิฉันอยู่สมุทรปราการ ถ้าจะหนีต้องไปทางไหน รบกวนช้วยแนะนำด้วยค่ะ ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ