ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย คุณสนุก, 4 พฤศจิกายน 2010.

  1. ธุลี-ดิน

    ธุลี-ดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2012
    โพสต์:
    12,650
    ค่าพลัง:
    +12,202
    [​IMG] [​IMG]
     
  2. ธุลี-ดิน

    ธุลี-ดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2012
    โพสต์:
    12,650
    ค่าพลัง:
    +12,202
    [​IMG] [​IMG]
     
  3. ธุลี-ดิน

    ธุลี-ดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2012
    โพสต์:
    12,650
    ค่าพลัง:
    +12,202
    [​IMG] [​IMG]
     
  4. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,819
    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะอิติภะคะวา บารมีหลวงพ่อทวดคุ้มครองแท้ๆ...:love:

    รุ่นไหนไม่ต้องพูดถึง ท่านคุ้มครองเราได้หมด.. (y)
     
  5. ธุลี-ดิน

    ธุลี-ดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2012
    โพสต์:
    12,650
    ค่าพลัง:
    +12,202
    [​IMG] [​IMG]
     
  6. ธุลี-ดิน

    ธุลี-ดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2012
    โพสต์:
    12,650
    ค่าพลัง:
    +12,202
    [​IMG] [​IMG]
     
  7. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,819

    นึกว่าพุฒซ้อน 2509 เหมือนเลย :cool:
     
  8. ธุลี-ดิน

    ธุลี-ดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2012
    โพสต์:
    12,650
    ค่าพลัง:
    +12,202
    [​IMG] [​IMG]
     
  9. ธุลี-ดิน

    ธุลี-ดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2012
    โพสต์:
    12,650
    ค่าพลัง:
    +12,202

    วัดบวรครับ :cool:
     
  10. motana2008

    motana2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    4,929
    ค่าพลัง:
    +10,336
    ชอบพิมพ์นี้จริง สวยครับ

    แหล่ม เยอ
     
  11. จงอาง

    จงอาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +7,799
    อิทธิพลานุภาพ หลวงพ่อทวด วัดช้างให้

    ข้อมูลจากจากหนังสือ พระเครื่องกรุงสยาม

    ความจริงแล้วประสบการณ์ของหลวงพ่อทวดได้เกิดขึ้นอย่างมากมายจนนับครั้งไม่ถ้วน และได้มีการบันทึกเป็นตัวหนังสือที่มีประจักษ์พยานยืนยันชัดเจน ท่านผู้อ่านก็คงได้อ่านผ่าน สายตากันไปแล้วทุกคน การเขียนประสบการณ์ครั้งนี้ผมได้คิดไตร่ตรองอยู่หลายครั้งแล้วว่าจะเขียนดีหรือไม่ เพราะมีคนเขียนบอกเล่ากันหลายคนและเขียนกันหลายครั้ง ผมเขียนครั้ง นี้จะเป็นการเอามะพร้าวมาขายสวนหรือปล่าวก็ไม่ทราบ อีกประการหนึ่งเรื่องนี้เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของบุคคลและอาจเกี่ยวกับคดีด้วย แต่เห็นว่าเวลามันผ่านไปเนิ่นนานมาแล้ว ประกอบกับต้องการยกย่องและหลวงพ่อทวดให้หลายๆคนได้ศรัทธายิ่งๆขึ้น

    ผมจึงตัดสินใจจับปากกาขึ้นมาเขียนประสบการณ์หลวงพ่อทวดอีกครั้งหนึ่งที่เกิด ขึ้นมานานแล้วและขอให้ท่านผู้อ่านเรื่องนี้จบแล้วโปรดใช้วิจารณญาณ ประกอบด้วยว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้เพราะอะไร? เพราะความบังเอิญหรือเพราะบารมีของหลวงพ่อทวดกันแน่

    เหตุการณ์ ครั้งนั้นมันเกิดขึ้นมาร่วม 30 ปีแล้ว ขณะนั้นผมราชการเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี พอมีเวลาว่างๆอย่างช่วงวันหยุดหรือโรงเรียนปิดเทอม ผมจะมาดูสวนดูไร่ที่ อ.ละแม จ.ชุมพร เสมอๆ เพราะเป็นสวนที่คุณตาของผมมาซื้อไว้ตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ.2500 ซึ่งสมัยนั้นราคายังถูกอยู่มาก ตอนแรกสวนของผมอยู่แต่บริเวณปากนำ้ละแมเท่านั้น ต่อมาได้ขยับขยายไปซื้ออีกแปลงหนึ่งที่บริเวณเขาชะมด บริเวณ เขาชะมดเมื่อก่อนเป็นที่แบบที่คนทางภาคใต้เรียกกันว่านิคม คือยังไม่มีการออกโฉนดหรือ นส.3 มีเพียงแต่หลักฐานที่ทำกินเท่านั้น อาณาบริเวณก็ยังเป็นป่าดงอยู่มาก สัตว์ป่าก็ชุกชุม เหนือๆขึ้นไปก็ยังมีที่วางให้คนมาถากถางจับจองได้ บริเวณเขาชะมดมีคนอพยพมาจับจองและซื้อที่ทำสวนทำไร่กันมากและก็มาจากหลายถิ่นหลายจังหวัด

    ที่เขาชะมดนี้ผมได้รู้จักชายคนหนึ่งผมเรียกแกว่าน้า ยม (ขออภัยที่ผมต้องสงวนชื่อจริงนามสกุลจริง) ซึ่งแกอพยพมาจาก อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช มาอยู่ก่อนหน้าผมไม่กี่ปี
    สำหรับน้ายมนี้แกเป็นคนมี อัธยาศัยดีมาก เพื่อนบ้านต่างให้ความรักความเกรงใจ ประกอบอาชีพด้วยความขยันจนสร้างฐานะขึ้นมาอยู่ได้แบบไม่เดือดร้อน แต่ลึกๆแล้วทุกคนก็ทราบว่าน้ายมนี้แกเป็นนักเลง เป็นคนจริงไม่รังแกและสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นแต่จะมีใครมารังแกหรือกลั่นแกล้งแกไม่ได้เหมือนกัน ปกติ น้ายมแกจะ้ห้อยหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ เตารีดใหญ่ปี 05 อยู่องค์เดียวในคออยู่เป็นประจำ โดยใส่ตลับเงินหนาแบบสมัยก่อนและห้อยติดกับสร้อยสแตนเลส เวลานั้นหลวงพ่อทวดไม่ได้ดังเหมือนสมัยนี้ ราคาไม่แพงด้วย ขนาดเนื้อว่านปี 97 ยังให้กันปล่าวๆได้เลย

    คืน วันหนึ่ง...แกลงมานั่งเฝ้ามะพร้าวแห้งที่บรรจุในกระสอบแห้งเพื่อจะนำไปขาย ที่อ.หลังสวน จ.ชุมพร แต่รุ่งเช้า ที่ต้องลงมาเฝ้าเพื่อป้องกันคนมาขโมยนั่นเอง ด้วยเห็นว่าสนิทสนมกัน ผม จึงไปนั่งเฝ้าเป็นเพื่อนแกด้วย ปกติน้ายมแกไม่ค่อยดื่มเหล้าแต่เวลามีการมีงานแกก็นั่งสังสรรค์และดื่มกับ เขาบ้าง แต่ก้ดื่มแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนมากแกจะนั่งฟังคนอื่นคุยเสียมากกว่า พอเห็นว่าผมไปอยู่เป็นเพื่อนแก แกเลยใช้ให้ลูกแกไปซื้อเหล้าโรงจากร้านค้ามาหนึ่งขวดแล้วเอามานั่งดื่มกับผม กันสองคน ตอนหนึ่งผมเอ่ยถามแกว่าเคยมีประสบการณ์กับหลวงพ่อทวดหรือถึงได้ห้อยคอไม่เคยห่างเลย?

    พอผมเอ่ยถาม น้ายมนิ่งครู่นึงแล้วพยักหน้าช้าๆ ผมจึงขอให้แกเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ซึ่งแกก็ยินดีเล่าให้ฟังดังนี้

    เมื่อ ก่อนนั้นน้า (หมายถึงน้ายม ผู้เล่า) ไม่ได้มีอาชีพเป็นคนดีอย่างนี้หรอกแต่มีอาชีพแบบว่าคนดีเขาไม่ทำกันคือมี อาชีพเป็นมือปืนรับจ้าง แต่งานก็ไม่มีบ่อยนัก นานๆครั้งถึงจะมีสักที
    วัน หนึ่งได้มีคนว่าจ้างให้ไปยิงคนที่ นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ในราคา 1000 บาท (1000บาท เมื่อ 30 ปีก่อน) คนติดต่อได้พาน้าไปอยู่บ้านเขา อยู่ประมาณ 2-3 วัน เพื่อรอโอกาส จนวันหนึ่งคนติดต่อได้มาบอกแกว่าวันนี้ตอนเย็นให้ลงมือได้เพราะเหยื่อจะเดินทางไปธุระด้วยรถไฟ ซึ่งรถไฟจะมาถึง ต.นาบอน (สมัยนั้นยังไม่ได้เป็นอำเภอ) ในตอนเย็นๆ เกือบๆจะค่ำแล้วเดินทางคนเดียวด้วย

    พอถึงเวลาคน ติดต่อก้ได้มารับน้านั่งรถมอเตอร์ไซค์ไปที่สถานีรถไฟนาบอน พอไปถึงคนติดต่อก็ได้พาไปนั่งแอบอยู่หลังห้องขายตั๋วแล้วก็ชี้เป้าหมายไปที่ คนๆหนึ่ง ซึ่งเป็นเหยื่อในครั้งนั้น เหยื่อเป็นชายอายุประมาณ 33-34 ปี นั่งอยู่บนเ้ก้าอี้ม้าหินอ่อนหน้าสถานีรถไฟ โดยมีสัมภาระเป็นกระเป๋าเดินทาง 1 ใบและชะลอมใส่ผลไม้ 1 ชะลอม เมื่อชี้เป้าหมายเป้นที่มั่นเหมาะแล้ว คนติดต่อก็บอกว่าเมื่อทำงานสำเร็จแล้วให้วิ่งไปที่จุดนัดพบข้างสถานีรถไฟ ซึ่งที่นั้นจะมีคนเอามอเตอร์ไซค์มารอรับอยู่คนหนึ่ง ส่วนคนติดต่อจะนั่งดื่มกาแฟข้างๆสถานีนั่นเอง

    เมื่อจำเหยื่อ ได้แม่นยำและตกลงเป็นที่มั่นเหมาะแล้ว คนติดต่อก็ได้เดินไปที่ร้านกาแฟ ส่วนน้าได้เดินไปหาเหยื่อเพื่อรอโอกาสจังหวะที่จะลงมือ แค่น้าเดินมา จากหลังห้องขายตั๋วมายังเหยื่อที่นั่งอยู่ จากผู้ชายอายุประมาณ 33-34 ปี กลับเป็นพระสงฆ์แก่ๆ รูปหนึ่งนั่งอยู่แทน ด้วยคิดว่าเหยื่อจะเดินไปทำธุระหรือเข้าห้องน้ำเพราะกระเป๋าเดินทาง และชะลอมผลไม้ยังวางอยู่เหมือนเดิม น้าจึงนั่งลงที่บนม้าหินอ่อนข้างๆพระสงฆ์แก่ๆสูงอายุรุปนั้นเพื่อรอเหยื่อ กลับมาและคิดว่าจะลงมือขณะที่รถไฟจอดเทียบสถานีดีกว่าเพราะตอนนั้นคนกำลังชุลมุนง่ายต่อการทำงาน

    วันนั้นรถไฟเสียเวลานานมากแต่เหยื่อที่น้ารออยู่ไม่มาสักที ขณะที่นั่งรออยู่นั้น พระภิกษุชราภาพรูปนั้นก็ได้หันหน้าที่น้าแล้วพูดเปรยๆขึ้นว่า

    "ชีวิตใครเขาก็รัก ต่างคนต่างก็กลัวตายกันทั้งนั้น สูก็กลัวความตายเหมือนกัน"

    เมื่อพระภิกษุรูปนั้นพูดจบ น้าตัวชาดิก หน้าร้อนผ่าว ท่านพูดแบบนี้เพื่ออะไรกัน? เมื่อ พูดประโยคแรกจบแล้ว
    พระภิกษุชรารูปนั้นได้หันหน้ากลับแล้วมองทอดสายตาไปยังป่าสวนยางพาราด้าน หน้าสถานีอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดเปรยๆขึ้นมาอีก โดยไม่หันหน้ากลับมา

    "เวรกรรมนั้นมีจริง ทำอะไรก็ได้นั้น ฆ่าเขาลูกเมียเขาก็เดือดร้อน เขาฆ่าเราลูกเมียเราก็เดือดร้อน งานการดีๆก็มีเยอะ ทำไมถึงไม่ไปทำ"

    พูด จบน้าตัวสั่นเลย ทั้งๆที่น้าเป็นคนใจแข็งมาก แต่ทำไมพอพระสงฆ์รูปนั้นพูดน้าถึงเกิดความกลัวจนต้วสั่นก็ไม่รู้ ท่านพูดเหมือนกับว่าท่านรู้ว่าน้ามาที่นี่เพื่อทำอะไร ขณะนั้นน้าก็ได้ หัน ไปมองรอบๆก็ไม่เห็นเหยื่อเดินมาสักที ทั้งๆทีกระเป๋าเดินทางและชะลอมใส่ผลไม้ก็ยังวางอยู่ที่เดิม พอหันกลับมามองพระภิกษุรูปนั้นก็เห็นว่าท่านกำลังจ้องมองน้าอยู่พอดี แล้วท่านก็ได้พูดขึ้นมาอีกว่า

    "สูทำบาปมามากแล้ว หยุดสักทีเถอะ"


    ขณะ ที่น้ากำลังสับสนอยู่นั้น ก็พอดีรถไฟที่จะเข้ากรุงเทพ ก็เข้ามาจอดที่ชานชาลาสถานี ผู้คนต่างก็กุลีกุจอรีบขึ้นรถไฟ
    พระภิกษุรูปนั้นก็ลุกขึึ้นยืนมือหนึ่งถือกระเป๋าเดินทางและมือหนึ่งถือชะลอมใส่ผลไม้ของเหยื่อที่น้ามานั่งรออยู่แล้วหันมาพูดกับน้าว่า

    "สูเลิกทำชั่วได้แล้วละ ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป กลับตัวเสียแต่ตอนนี้เลยยังมีโอกาสอยู่"

    จาก นั้นท่านก็หิ้วกระเป๋าเดินทางและชะลอมใส่ผลไม้ขึ้นรถไฟ ส่วนน้ายืนงง จนรถไฟออกจากสถานีไป พอหายงงก็หันกลับมามองที่ม้านั่งหินอ่อนที่พระภิกษุชรานั้นนั่งอยู่ ก็เห็นว่าบนม้านั่งหินอ่อนนั้นมีห่อกระดาษเล็กๆวางอยู่ ก็หยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นซองบุหรี่แต่ข้างในเหมือนกับมีของหนักๆบรรจุอยู่

    ยังไม่ทันจะแกะดู ก็พอดีคนที่มาติดต่อเดินเข้ามาต่อว่าทันทีว่าทำไมไม่ลงมือ? น้าก็บอกว่า ไม่ทราบว่าเหยื่อหายไปไหน? คนติดต่อก็ว่าจะหายไปไหนล่ะ ก็นั่งคุยอยู่ด้วยกันตั้งนานแล้วหิ้วของขึ้นรถไฟไปต่อหน้าต่อตา น้านี้พอได้ฟังขนลุกชูชัน ทันที ขณะนั้นคนติดต่อได้ก้มลงมองดูห่อกระดาษในมือน้าพอเห็นว่าเป็นซองบุหรี่ก็ไม่ สนใจ จากนั้นก็ได้ชวนกันกลับ ตกลงงานนั้นก็ไม่สำเร็จ รุ่งขึ้นน้าเลยเดินทางกลับอ.หัวไทร ทันที

    ในห่อกระดาษซองบุหรี่นั้น ภายหลังเมื่อน้าแกะออกดูแล้วปรากฎว่าเป็นพระเครื่องหลวงพ่อทวด พิมพืเตารีดใหญ่ปี 05 ที่น้าห้อยคออยู่นี่แหละและหลังจากนั้นคำพูดของพระภิกษุชรารูปนั้นก็ยังก้องอยู่ในหุของน้าตลอดเวลาโดยเฉพาะคำพูดประโยคที่ว่า

    "สูเลิกทำชั่วได้แล้วละ ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป กลับตัวเสียแต่ตอนนี้เลยยังมีโอกาสอยู่"


    หลัง จากคิดอยู่หลายวัน น้าจึงตัดสินใจเลิกอาชีพทำชั่วอย่างเด็ดขาดและด้วยที่เคยทำชั่วไว้มากก็กลัว ว่าญาติพี่น้องและพรรคพวกที่น้าได้กระทำเอาไว้จะตามล้างแค้น น้าจึงได้อพยพครอบครัวพาลูกเมียมาทำไร่หากินอยู่ที่เขาชะมดมาจนทุกวันนี้แหละ ผม นั่งฟังน้ายมจนจบ เห็นว่าประสบการณ์ของหลวงพ่อทวดทีมีต่อแกนั่นผิดแปลกกับคนอื่นๆ

    คือไม่ได้เป็นประสบการณ์ที่ช่วยให้รอดพ้นจากอันตราย
    แต่เป็นประสบการณ์ที่ ช่วยดึงน้ายมรอดพ้นจากวังวนของการประกอบกรรมชั่ว และหากไม่เพราะ บารมีของหลวงพ่อทวดที่ช่วยให้กลับเนื้อกลับตัวได้ น้ายมยังบอกว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าแกจะมีชีวิตรอดและอยู่สุขสบายเหมือนบัดนี้หรือเปล่า?
    ที่ สำคัญแกยังสงสัยไม่หายว่าวันนั้นทำไมแกถึงมองเห็นเหยื่อเป็นพระภิกษุชราไปได้? แล้วพระภิกษุชรารูปนั้นยังช่วยสอนเตือนให้แกคิดได้อีกและ.....
    หลวงพ่อทวด พิมพืเตารีดใหญ่ปี 05 องค์นี้มาจากไหน

    --------------------------------------------------------------------------------
    ขอบคุณ ข้อมูลจากจากหนังสือ พระเครื่องกรุงสยาม
     
  12. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    สวัสดียามดึกค่ะ...มายามวิกาลค่ะ ...
    คติธรรมคำสอน หลวงปู่ทวด - เตือนมนุษย์

    <TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>[​IMG]


    มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่งานส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีงานทำในไม่ช้า

    มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า

    มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่นอนมาก มนุษย์ผู้นั้น จะไม่ได้นอนในไม่ช้า

    อ้างอิง
    http://www.oknation.net/blog/times/2010/07/31/entry-1

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

     
  13. จงอาง

    จงอาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +7,799
    หลวงปู่ทวด ทรงเตารีด วัดช้างให้ รุ่นมหาราช เฉลิมพระเกียรติครองราช 50 พรรษา ปี 38

    [​IMG][​IMG]
    ที่ระลึก ๕ ธันวาคม ๒๕๓๘

    แขวนหลวงปู่ทวดแล้วไม่ตายโหง

    “แขวนพระหลวงปู่ทวด แล้วไม่ตายโหง” เป็นความเชื่อของคนในวงการพระเครื่องและคนที่ห้อยพระหลวงปู่ทวด และคติความเชื่อนี้เองทำให้มีการสร้างหลวงปู่ทวดออกมาจำนวนมาก จนมีคำพูดในวงการสร้างพระเครื่องว่า “สร้างพระหลวงปู่ทวดอย่างไรก็ขายได้และไม่ขาดทุน”
    ไม่น่าเชื่อว่าพระหลวงปู่ ทวด วัดช้างให้ ซึ่งสร้างโดยพระครูวิสัยโสภณ (พระอาจารย์ทิม ธมมธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างให้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๗ หรือเมื่อ ๕๗ ปีที่แล้ว จะโด่งดังสูงล้ำด้วยค่านิยม ชนิดไล่หลังพระสมเด็จวัดระฆังเลยทีเดียว ทุกวันนี้กลับกลายเป็นค่านิยมที่มีการแสวงหากันทั่วประเทศ

    การสร้างพระหลวงปู่ทวด เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗ พระอาจารย์ทิม ได้สร้างพระพิมพ์จากนิมิต รูปพระภิกษุชราองค์ดำ ที่มีวัยประมาณ ๙๐ ปีตามนิมิต มีรูปกายสันทัด ผิวคล้ำ หน้าเข้มคมแบบคนพื้นทางใต้ แฝงไปด้วยตบะเดชะและอำนาจ และความเมตตา จึงเป็นที่มีของการแกะแม่พิมพ์ด้วยครั่ง เพื่อนำมาพิมพ์พระที่สร้างขึ้นจากเนื้อว่าน ๑๐๘ ชนิด ผสมด้วยดินกากยายักษ์ โรยหลังด้วยแร่ ภายใต้การอนุเคราะห์ของคหบดีชาวปัตตานี คือ คุณอนันต์ คณานุรักษ์ ซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์วัดช้างให้เรื่อยมา
    ทั้งนี้ พระอาจารย์ทิมได้สร้างเพื่อมอบเป็นที่ระลึกให้ผู้ร่วมทำบุญในการสร้างอุโบสถ วัดช้างให้ในขณะนั้น ซึ่งมิได้มีการกะเกณฑ์มูลค่า จะทำบุญ ๑๐ บาท ๒๐ บาท ก็หยิบเอาไปได้ตามชอบใจ โดยได้สร้างตามกำหนดฤกษ์ที่หลวงปู่ทวดลงประทับแล้วกำหนดไว้ให้ ตามกำหนดเวลาฤกษ์สร้างพระเนื้อว่านได้ ๖๔,๐๐๐ องค์ ซึ่งตามความตั้งใจจะสร้างให้ได้ ๘๔,๐๐๐ องค์ แต่หมดเวลาฤกษ์เสียก่อน พระเครื่องหลวงปู่ทวดเนื้อว่านรุ่นแรก ปี ๒๔๙๗ มีจำนวนแม่พิมพ์ ๑๖ แม่พิมพ์ แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลางและพิมพ์เล็ก

    กระแสความนิยมประหลวงปู่ทวดเกิดขึ้นคล้อยหลังจาก พ.ศ. ๒๔๙๗ มาประมาณ ๓-๔ ปี เกิดขึ้นเมื่อนางเอกดังในขณะนั้น ซึ่งปัจจุบันคือดาราอาวุโสรุ่นใหญ่ คุณรัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ห้อยหลวงปู่ทวดแล้วประสบอุบัติเหตุ จนเป็นที่อัศจรรย์ว่ามิได้รับการบาดเจ็บแม้แต่น้อย ทั้งที่สภาพอุบัติเหตุควรจะต้องมีการบาดเจ็บล้มตายกันขึ้น หนังสือพิมพ์ลงข่าวหน้าหนึ่งถึงปาฏิหาริย์ของหลวงปู่ทวด กระแสนิยมตั้งแต่ท้องถิ่นภาคใต้อย่างรวดเร็ว และยิ่งเลื่องลือกระฉ่อนขจรขจาย จนทำให้บรรดาคนในวงการบันเทิงขณะนั้นไม่ว่าจะเป็น มิตร ไชยบัญชา ผู้ล่วงลับ อีกทั้งนักร้องนักแสดงมากมายต่างมุ่งหน้าสู่วัดช้างให้ เช่นเดียวกับคนในแวดวงอื่นๆ

    ในครั้งนั้นกลายเป็นค่านิยมว่า หากเดินทางไปภาคใต้ถึงจังหวัดปัตตานี ต้องตรงไปที่วัดช้างให้เพื่อร่วมทำบุญบูชาพระหลวงปู่ทวด ทั้งเพื่อตนเองและนำมาฝากญาติมิตรลูกหลาน จนกระทั่งพระหลวงปู่ทวดกระจายไปทั่วประเทศ และยิ่งนับวันยิ่งเกิดประสบการณ์มากมาย ล้วนแล้วแต่แคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยอันตรายร้ายแรงอย่างน่าอัศจรรย์ เช่นเดียวกับกระแสความนิยมจตุคามรามเทพเมื่อหลายปีก่อน ใครที่ไป จ.นครศรีธรรมราช ก็จะไปวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เพื่อเช่าจตุคามรามเทพเป็นของฝาก
    เรื่องราวของหลวงปู่ทวดเป็นเรื่องเล่าไม่รู้จักจบสิ้น โดยเฉพาะประสบการณ์ปาฏิหาริย์ จนก่อให้เกิดกระแสความเชื่อว่า แม้พระหลวงปู่ทวดที่สร้างจากวัดอื่นหรือพระที่พวกมือผีจงใจปลอมแปลงขึ้นมา หากผู้บูชามีศรัทธาในหลวงปู่ทวดอย่างแท้จริงก็สามารถก่อให้เกิดปาฏิหาริย์ เป็นอัศจรรย์ได้เช่นเดียวกัน

    “พระหลวงปู่ทวดมีค่าควรแสน” นี่เป็นการคาดการณ์ของ นายอรรถภูมิ บุณยเกียรติ ผู้อำนวยการสถาบันโบราณศิลป์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๕ หรือ ๑๘ ปีที่แล้ว ขณะที่เป็น บก.อาวุโสของวงการพระเครื่อง เจ้าของนิตยสาร “สนามพระ” และ “คู่มือนักสะสม” ที่กล้าประกันฟันธงไว้ในขณะนั้นว่า “พระหลวงปู่ทวดหลังเตารีดพิมพ์ใหญ่ ซึ่งขณะนั้นราคาอยู่ประมาณองค์ละหลายๆ พันถึง ๑ หมื่นบาทโดยเฉลี่ย จะต้องพุ่งทะยานขึ้นสู่หลักหลายแสน เทียบได้กับหลวงพ่อเงินวัดบางคลานทีเดียว” และแล้ววันนี้ความจริงก็เป็นไปดังที่นายอรรถภูมิคาดการณ์ไว้

    ทั้งนี้ นายอรรถภูมิ ได้จัดลำดับค่านิยมไว้ได้ดังนี้ คือ เนื้อว่านรุ่นแรก พิมพ์ใหญ่ยอดนิยมเอ หรือที่เรียกกันว่าพิมพ์หัวไม้ขีด มีค่านิยมหลักล้านโดยเฉลี่ย ในกรณีที่เป็นพระสวยสมบูรณ์ พิมพ์ใหญ่ยอดนิยมบี หรือที่เรียกกันว่าพิมพ์ใหญ่ลึก ก็มีค่านิยมหลักล้านเช่นเดียวกัน พิมพ์ใหญ่ยอดนิยมซี ที่เรียกกันว่าพิมพ์ไหล่จุดก็มีค่านิยมเฉลี่ยหลักแสนกลางๆ ส่วนพิมพ์อื่นๆ ก็อาจถึงพิมพ์ต้อใหญ่ซึ่งหายากมาก ก็อยู่หลักแสนกลางๆ พิมพ์พระรอดหน้าใหญ่ ซึ่งอยู่ในกลุ่มพิมพ์เล็ก ถ้าสวยแชมป์ก็หลักแสนกลางๆโดยเฉลี่ย
    ในขณะที่พระรูปเหมือนเลขใต้ฐาน ถ้าเลขสวยตัวเดียว อย่างเช่นเลข ๙ แน่นอนว่าทะลุหลักล้าน หรือ ๙ หน้า ๙ หลัง ก็ต้องถึงล้าน ส่วนเลขอื่นๆ ถ้าสวยก็เริ่มต้นที่หลักแสนกลางๆ เช่นเดียวกับพระหลังเตารีดพิมพ์ใหญ่เนื้อนวโลหะ ตอกโค้ด ฉ ฉิ่ง ก็เริ่มต้นที่หลักแสนกลางๆ ยิ่งมี ฉ ฉิ่งหลายตัวยิ่งมากแสนหรืออาจถึงล้าน และดังที่กล่าวแล้ว เหรียญหัวโตรุ่นแรก ถ้าสวยแชมป์ก็ทะลุล้าน เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ ปี ๒๕๐๘ สวยแชมป์ก็หลายแสน

    “เรื่องการปลอมแปลงหลวงปู่ทวดเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้สนใจศึกษาควรต้อง รับรู้ว่าพระเนื้อว่านหลวงปู่ทวดมีการปลอมแปลงมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๐ ต้นๆ และปลอมแปลงกันมากมายหลากหลายฝีมือ แต่การปลอมแปลงก็ไม่อาจปิดกั้นให้พระหลวงปู่ทวดมีค่านิยมที่ตกต่ำลง แต่กลับยิ่งทวีมูลค่า นอกจากนี้แล้วจากคติความเชื่อที่ว่าแขวนพระหลวงปู่ทวดแล้วไม่ตายโหง โดยเฉพาะรุ่นและองค์ที่มีประสบการณ์ย่อมทำให้ค่านิยมของพระรุ่นนั้นๆ สูงขึ้น” นายอรรถภูมิกล่าวทิ้งท้าย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 เมษายน 2012
  14. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    เห็นลิงค์เขาไปกราบหลวงพ่อทวดวันสงกรานต์ที่วัดช้างให้
    นำมาให้ชมค่ะ....





    <CENTER>ลุยน้ำท่วมไปหาดใหญ่ นั่งรถไฟไปปัตตานี กราบบารมีหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ ด้วยทหารคอยนำทางฯ

    </CENTER>


    [​IMG]
    พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด
    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
    "ลูกช้าง" มาร่วมงานอุปสมบทหลานชายที่วัดช้างให้แห่งนี้ กราบขอพรบารมี "หลวงปู่ทวด" ช่วยบันดาลดลให้ลูกช้าง ประสบแต่ความสุขสวัสดี มีชัย มีโชคมีลาภ การงานรุ่งเรือง ชีวิตรุ่งโรจน์ ขอบารมีหลวงปู่ทวด โปรดอำนวยพรให้พ่อแเม่ของลูกช้างมีอายุมั่นขวัญยืน เป็นมิ่งขวัญของลูกหลาน ด้วยอานิสงค์ที่ลูกช้างได้มากราบหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ในครั้งนี้ ขอพรบารมีเผื่อแผ่สู่ญาติสนิท มิตรสหาย คุณผู้อ่าน และเพื่อนๆชาวโอเคเนชั่น โดยทั่วถึงกัน ด้วยเทอญ.
    [​IMG]
    เช้ามืดที่สุราษฎร์ธานี เมฆฝนเริ่มก่อตัว​
    น้ำเอ๋ย...น้ำท่วมปักษ์ใต้ ทำให้ผมต้องกลับลงมาเยี่ยมบ้านเกาะ บ้านเกิดอีกครั้ง ประจวบเหมาะกับที่หลานชายลูกครึ่งพัทลุง-ปัตตานี มีกำหนดวันอุปสมบท ณ วัดช้างให้ การเดินทางด้วยรถไฟจากหัวลำโพง ไม่สามารถวิ่งผ่านสายใต้ได้ชั่วคราว จึงต้องเปลี่ยนมาเดินทางด้วยรถทัวร์ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ดูภาพข่าวน้ำท่วมหนักจากภูเขาไหลสู่ถนนตัดขาด นั่งรถทัวร์ด้วยใจลุ้นๆๆ คงจะได้ลุยน้ำท่วมที่สุราษฎร์ฯ นครศรีฯ พัทลุง แต่ปรากฎว่าผิดคาด ถนนสายใต้ไม่มีน้ำท่วมขังมาก จนทำให้การเดินทางต้องเป็นอุปสรรคและเสียเวลา...
    ขอบคุณฟ้าฝนที่หยุดตก เปิดเส้นทางให้ลูกหลานได้เดินทางกลับบ้าน เยี่ยมพ่อแม่ญาติพี่น้องในเทศกาลสงกรานต์

    ขอบคุณฟ้าฝนที่หยุดตก เปิดเส้นทางให้ลูกหลานได้เดินทางกลับบ้าน เยี่ยมพ่อแม่ญาติพี่น้องในเทศกาลสงกรานต์
    [​IMG]
    ตั๋วรถไฟฟรี ชั้น 3 ครับ
    [​IMG]
    รองท้องมื้อเช้า ไก่ทอดรถไฟหาดใหญ่ หร้อยจังหู้​
    เช้าสายถึงบขส.หาดใหญ่ รีบนั่งรถสองแถวต่อมายังสถานีชุมทางหาดใหญ่ เพื่อต่อรถไฟไปลงสถานีวัดช้างให้ ด้วยความรู้สึกลุ้นๆๆ ระทึกใจอีกครั้ง กับการเดินทางสู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ในสถานการณ์ไม่ปกติ ภาพที่เห็น เป็น อยู่ คือ ถูกบันทึกภาพแล้วภาพเล่า อาจเป็นภาพชินตาของคนในพื้นที่ แต่เป็นภาพ...ทำไม? ของคนเดินทางจากต่างถิ่น...
    ภาพบันทึกการเดินทาง หาดใหญ่-ปัตตานี รถไฟฟรีชั้น 3 ด้วยทหารคอยนำทางสู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ แบบลุ้นๆ เสียวๆ ครับ
    [​IMG]
    ลาดตระเวณ
    [​IMG]
    ตรวจตรา
    [​IMG]
    เฝ้าระวัง
    [​IMG]
    โปสการ์ดบันทึก
    [​IMG]
    รักษาการณ์
    [​IMG]
    ด่านสถานีวัดช้างให้
    [​IMG]
    วัดช้างให้ โดดเด่นริมทางรถไฟ​
    ผมเคยมาเที่ยวปัตตานี-ยะลา เมื่อกว่า 20 ปีมาแล้ว ด้วยพี่ชายที่มาแต่งงานกับสาวปัตตานี วันนี้ได้กลับมาเยือนอีกครั้ง เมื่อหลานชายอายุครบบวช วัฒนธรรมประเพณี คือสายใยที่ทำให้ญาติพี่น้องสองฝ่ายได้มาพบเจอกัน ด้วยความห่วงใย ในสถานการณ์ไม่ปกติ ฟังเรื่องเล่าที่พรั่งพรูจากผู้อยู่ สู่ผู้ไปเยือน ความเศร้าถูกลบเลือนด้วยรอยยิ้ม ความเป็นไปของชายแดนใต้ ที่เราได้เห็นผ่านภาพข่าวจนเคยชิน และเกิดความกลัวที่จะไปเยือน ความเป็นจริงของสถานการณ์ ที่คนภายนอกไม่อาจสัมผัสได้เท่าคนในพื้นที่ ความกลัวยังคงอยู่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง...
    เก็บภาพนั่งรถผ่านสวนยางเปลี่ยวๆ เที่ยวปัตตานี แวะไปยะลา ที่นี่...เขตทหารไม่ห้ามเข้า มาเที่ยวได้นะครับ
    [​IMG]
    หลวงพ่อทวดนำทาง
    [​IMG]
    ค่ายทหารในวัด
    [​IMG]
    โต๊ะไทยงานบวช
    [​IMG]
    ดอกตะบองเพชร
    [​IMG]
    ฟ้าครึ้มฝนที่ปัตตานี
    [​IMG]
    ขับรถตามทหาร(ใช่ว่าจะ)อุ่นใจ
    [​IMG]
    แวะแปะโป้ง จดทะเบียนซิมโทรศัพท์มือถือที่ยะลา
    (ท่านที่ใช้มือถือแบบเติมเงิน ให้จดทะเบียนซิมก่อนมาเที่ยว 3 จังหวัดชายแดนใต้ก่อนนะครับ
    เพราะในพื้นที่นี้ จะถูกบล๊อคสัญญานเพื่อความปลอดภัย)
    [​IMG]
    แวะซื้อเครื่องสังฆภัณฑ์ สำหรับงานบวช
    [​IMG]
    ร่องรอยที่ถูกเผา มีให้เห็นอยู่ทั่วเมืองยะลา...เศร้า!
    [​IMG]
    ผ่านหอนาฬิกา บอกเวลาใกล้ค่ำ
    [​IMG]
    ต้องรีบกลับปัตตานี ก่อนฟ้ามืด
    [​IMG]
    นี่ไม่ใช่สนามรบ​
    หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ศูนย์รวมใจศรัทธา ของประชาชนในพื่นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ด้วยบารมีแห่ง "หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด" ยังนำพาความเชื่อความศรัทธาของผู้คนจากภายนอก ให้เดินทางไปสักการะ กราบขอพรที่วัดช้างให้ แม้ในยามสถานการณ์ไม่ปกติ ช่วยให้เมืองปัตตานี ยังคงมีชีวิต มีความเคลื่อนไหวด้วยพลังศรัทธา หากท่านจะไปท่องเที่ยว ไปร่วมงานประเพณี หรือจะไปเช่าบูชาพระเครื่อง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างธุรกิจ และรายได้ให้กับคนในพื้นที่ วิถีปัตตานีผสาน 3 วัฒนธรรม งดงามน่าไปเยือนยิ่งนัก หากพื้นที่นี้มีความสงบสุข...
    ตามไปร่วมงานบวชหลานชาย กราบขอพรหลวงปู่ทวด ที่วัดช้างให้ ด้วยกันนะครับ
    [​IMG]
    ทหารคอยนำทาง และตามประกบขบวนแห่นาค
    [​IMG]
    วัดช้างให้ งดงามอร่ามใจ
    [​IMG]
    คุณยาย(แม่)มาจากพัทลุง ร่วมงานบวชหลานชาย
    [​IMG]
    ขอบคุณพี่ๆทหาร ที่มาช่วยดูแลความปลอดภัยครับ
    [​IMG]
    น้องเณรบวชภาคฤดูร้อน
    [​IMG]
    แห่นาครอบโบสถ์
    [​IMG]
    เจ้านาคหลานชาย (คนเดียวกับหลานชายนักเรียนเตรียมนายร้อยฯ
    หากใครเคยอ่านในเอ็นทรี่ เตรียมทหารพร้อมปฏิวัติ! ลูกผู้ชาย)
    [​IMG]
    ลูกหลานหลวงปู่ทวด บวชถวายแก้บน
    [​IMG]
    ครองไตรจีวร
    [​IMG]
    สวดถามอันตรายิกธรรม นัตถิ ภันเต ๕ สำหรับพระใหม่
    [​IMG]
    คุณยายเหม่อมองอะไร
    [​IMG]
    สงสัยมองพระเจดีย์​
    วัดช้างให้ราษบูรณาราม (หรือวัดราษฎร์บูรณะ) ชื่อช้างให้ หมายความว่าที่ดินวัดนี้ช้างบอกให้ เป็นวัดโบราณซึ่งสร้างมาแล้วกว่า ๔๐๐ ปี ตามตำนานสร้างเมืองปัตตานีเล่าว่า พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิฐานปล่อยช้างคู่บ้านคู่เมืองให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินติดตามไป จนมาถึงวันหนึ่งช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำ จึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดีจะใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบ พระยาแก้มดำ จึงให้สร้างวัดขึ้น ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า "วัดช้างไห้" และได้นิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกว่า ท่านลังกา หรือ สมเด็จเจ้าพะโคะ มาจำพรรษา...
    พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ หรือหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ เป็นที่นับถือสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน เป็นที่รู้จักของชาวไทยไปทั่วทุกภูมิภาค ตลอดจนถึงชาวต่างประเทศ ในฐานะพระอริยสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีอิทธิปาฏิหาริย์ และอภิญญาแก่กล้าจนได้สมญาว่า "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" (อ่านต่อ : www.watchanghai.com)
    (*วัดช้างให้ หรือ ช้างไห้ เขียนอย่างไร? ผมดูจากป้ายในวัดก็เห็นมีเขียนทั้งสองแบบครับ)

    ได้มีโอกาสมาวัดช้างให้ กราบขอพรหลวงปู่ทวด เก็บภาพบรรยากาศภายในวัดมาให้ชมกันครับ
    [​IMG]
    รูปปั้นลุงพรานตามช้างที่หน้าวัด
    [​IMG]
    "เขื่อนท่านช้างให้" หรือสถูปศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอัฐิของหลวงปู่ทวด
    [​IMG]
    ที่จุดประทัดแก้บน
    [​IMG]
    ผ้าแดงภาษาจีนมงคล พร้อมเลขเด็ดจากห่อประทัด (ห่อที่เจ้านาคหลานชายจุด 88 ครับ:)
    [​IMG]
    ที่วัดช้างให้ จะมีการบวชแก้บนตลอดทั้งปี ทั้งโปรยทาน ช่วยจุดประทัด จัดรองเท้าให้นักท่องเที่ยว
    สร้างรายได้พิเศษให้เด็กๆ น้องสองคนนี้ได้ธนบัตรจากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย เลยช่วยแลกเก็บไว้เป็นที่ระลึก
    [​IMG]
    แวะเช่าบูชาเหรียญหลวงปู่ทวด มาฝากบล็อกเกอร์ปวิภา ถ่ายภาพมารับประกันว่าของแท้จากวัดช้างให้ เลยนะ นะ
    [​IMG]
    วิหารรูปเหมือน สมเด็จหลวงพ่อทวด
    [​IMG]
    ปิดทองหลวงปู่ทวด (เห็นมุมภาพสวยเลยแอบถ่าย)
    [​IMG]
    เสี่ยงทายยกช้าง หนักอึ้งเลยละครับ คงต้องทำงานหนักกว่าจะรวย เฮ้อ !​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 เมษายน 2012
  15. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    [​IMG]
    รูปเหมือนหลวงพ่อทิม อยู่ใต้พระเจดีย์ (วันนั้นพระเจดีย์ปิด เลยไม่ได้ขึ้นไปสักการะ)
    [​IMG]
    คลิกฟังเพลงอีกครั้ง ตั้งนะโม โพธิสัตโตฯ ไปพร้อมกัน น้อมระลึกถึงหลวงปู่ทวด วัดช้างให้
    "ขอให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้ บังเกิดสันติสุข"
    <EMBED height=390 type=application/x-shockwave-flash width=480 src=http://www.youtube.com/v/qsRNjnU8yps?fs=1&autoplay=1&hl=th_TH&rel=0 allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true">
    ขอบคุณบทเพลง หลวงปู่ทวดเหยียบใจ : ศิลปินปักษ์ใต้ โรม ศรีธรรมราช
    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
    ด้วยสายใยแห่งครอบครัว ด้วยพลังศรัทธาประเพณี ที่ทำให้ลูกช้างได้มากราบสักการะหลวงปู่ทวด ถึงวัดช้างให้ปัตตานี ในครั้งนี้ ขอพรบารมีแห่งหลวงปู่ทวด จงช่วยคุ้มครองพี่น้องชาวใต้ ให้แคล้วคลาดปลอดภัย จากภัยธรรมชาติ จากภัยผู้ก่อการร้าย ขอให้ทหารที่เข้ามาดูแลพื้นที่ มีความปลอดภัยในชีวิต และขอให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้บังเกิดสันติสุข โดยเร็ววันด้วยเทอญ.
    ...............................................................................[​IMG]
    [​IMG]
    "สวัสดีปีใหม่ไทย สุขสันต์เทศกาลสงกรานต์ แด่ทุกๆท่านครับ"
    ขอบคุณลิงค์
    http://www.oknation.net/blog/print.php?id=704034]<!-- google_ad_section_end --> ​
    </EMBED />​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 เมษายน 2012
  16. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735

    ยิ่งอ่าน,ยิ่งรู้,ก็ยิ่งศรัทธาหลวงปู่ทวดเป็นทวีคูณครับอาจารย์จงอาง... (^__^)
     
  17. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  18. บรรยงก์

    บรรยงก์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +350
    สวัสดีปีใหม่ไทย สวัสดีวันสงกรานต์ ๒๕๕๕ ครับ พี่เสี่ยล้างใจ พี่นวล พี่อาจารย์จงอาง พี่ท่านรอง และพี่ๆทุกท่าน วันนี้แวะมาทักทายครับ ขออภัยที่ผมไม่ค่อยได้แวะเข้ามาชมตั้งนานแล้ว มัวแต่ไปสนใจศิลปะ พระพุทธศิลป์ สวัสดีปีใหม่นะครับ ^ ^
     
  19. จงอาง

    จงอาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +7,799
    อ.หนู กันภัย "ปาฏิหาริย์เหมือนแบตเตอรี่"

    [​IMG]

    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD height="100%" vAlign=top width="85%">ลูกศิษย์ทุกคนเมื่อได้รับการสักยันต์แล้ว มีข้อห้ามอย่างเคร่งครัด คือ

    ๑.ไม่เป็นคนเจ้าชู้กับเมียใคร

    ๒.ไม่ด่าว่าพ่อแม่ใครโดยเด็ดขาด

    ๓.ไม่ทำลายพระพุทธศาสนา

    ๔.ไม่ลบหลู่บิดามารดา เวลาท่านต่อว่า

    ๕.ไม่เสพสิ่งเสพติดที่ผิดกฎหมายทุกประเภท

    ๖.ไม่ทำผิดในศีลธรรม

    ๗.ห้ามเป็นนักเลงหัวไม้ และ

    ๘.ห้ามตีรันฟันแทงกับใครอย่างเด็ดขาด

    ขณะเดียวกัน ต้องหมั่นสวดมนต์ภาวนาอยู่เป็นประจำทุกๆ วัน หากปฏิบัติตามได้ ก็จะเป็นคนอยู่ยงคงกระพันชาตรี ไม่มีอะไรทำร้ายได้

    แต่ถ้าศิษย์คนใดทำผิดศีล ไม่ปฏิบัติตาม ลายสักยันต์ก็จะเป็นเพียงรูปวาดบนผิวหนังเท่านั้น

    ทั้งหมดนี้เป็นข้อห้ามและข้อปฏิบัติในการสักยันต์ของ อ.หนู กันภัย เจ้าสำนักสักยันต์แห่งเมืองปทุมธานี

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นถึงเจ้าสำนักสักยันต์ที่มีชื่อเสียง มีลูกศิษยทั้งชาวไทย และต่างประเทศเป็นจำนวนมาก แต่ อ.หนู ก็ยังต้องพึ่งพุทธคุณจากองค์พระเช่นกัน โดยเฉพาะพระพุทธคุณจากพระหลวงปู่ทวด

    อ.หนู บอกว่า การอาราธนาพระแขวนติดตัว จะต้องทำด้วยกายและใจให้อยู่จุดเดียวกัน เอาคุณงามความดีอธิษฐาน ไปไหนก็ให้แคล้วคลาดปลอดภัย ให้หมดทุกข์ หมดโศก ถ้าลูกยังมีบุญอยู่ ถ้าลูกยังมีกรรมอยู่ก็ขอให้กรรมนั้นค่อยๆ หมดไป จึงขอชี้แนะทางธรรมให้ได้ทำบุญทำทานให้หมดเคราะห์นี้ พร้อมยึดถือบิดามารดาเป็นพระอรหันต์ เคารพสักการะบิดามารดา ครูบาอาจารย์เป็นที่ตั้ง และต้องยึดถือให้จริง

    ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้จากตัวเราที่มาจากกระแสจิต เหมือนกับแบตเตอรี่ ที่มีไฟอยู่เต็ม แต่ถ้าเราไปจี้ผิดขั้ว ไฟก็จะไม่เข้า เช่นเดียวกัน เมื่อเรามีสิ่งดีๆ อยู่ในตัวเอง แล้วไปทำในสิ่งที่ไม่ดี กระแสจิตที่เกิดจากตัวเราก็จะไม่เกิด นี่ก็เป็นอำนาจจิต กระแสจิตที่นำพาให้เราพบกับความเป็นปาฏิหาริย์

    สำหรับปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นนั้น อ.หนู เล่าว่า เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นระหว่างที่ขับรถออกไปพร้อมกับอาราธนาหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ เพื่อไปซื้อกลอนหน้าต่าง จังหวะที่ขับรถไปเรื่อยๆ เห็นร้านที่เราจะเข้าไปซื้อของ ไม่ทันได้ระวังอะไรก็หักรถเข้าประชิดทางขวาเพื่อไปยังร้าน ไม่ทันเห็นว่ารถสิบล้อวิ่งตามมาข้างหลัง

    แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลก จังหวะหักพวงมาลัยไปทางขวามือ ความรู้สึกวันนั้นเหมือนมีคนมาดึงพวงมาลัยกลับ เสี้ยววินาทีนั้น เป็นจังหวะที่ฉิวเฉียดเพียงฝ่ามือเดียว เพราะถ้าไม่มีใครมาช่วยดึงพวงมาลัยเอาไว้ วันนั้นต้องตายแบบสยอง รถที่ขับก็ต้องเละไม่เป็นท่า หรือไม่เช่นนั้นเราก็คงตายไปแล้ว

    ประสบการณ์ครั้งที่สอง ขับรถยนต์คันใหม่เอี่ยม หยุดอยู่สี่แยกไฟแดง พอรอจังหวะไฟเขียวขึ้น ก็แตะเกียร์ทันที แต่ไม่รู้เป็นอย่างไร จังหวะที่แตะเกียร์เพื่อจะขับรถออกไป กลับไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเหมือนมีคนมาตบเกียร์กลับคืนมา จึงไม่สามารถออกรถไปได้ และเป็นแบบนี้อยู่ ๓ ครั้ง จนรถคันหลังต่างบีบแตรไล่

    แต่พอเข้าเกียร์ครั้งที่สี่ได้ ก็ขับรถออกไปทันที เสี้ยววินาทีนั้นเอง ก็มีรถสิบล้อวิ่งแหกออกมากลางสี่แยกดังกล่าว นับว่าเป็นโชคช่วย เกือบตายไปแล้ว เพราะห่างจากรถสิบล้อเพียงสองศอก นี่แหละที่เขาเรียกว่าปาฏิหาริย์

    ครั้งที่สาม เป็นช่วงที่กำลังปลูกสำนักใหม่ ประกอบกับเราศรัทธาหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ มาก เนื่องจากท่านเป็นพระโพธิสัตว์ จึงบอกกับช่างว่าต้องการหน้าจั่วของสำนักอยากให้เป็นองค์หลวงปู่ทวดตั้งอยู่ พอช่างบอกว่า ทำไม่ได้ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร

    พอตกกลางดึก หลวงปู่ทวดมาเข้าฝันว่า มึงต้องทำให้กู กูจะอยู่ตรงนี้

    เช้าวันนั้น ช่างป๋องมาที่บ้านด้วยสีหน้าตาแตกตื่นแล้วบอกว่า หลวงปู่ทวดมาเข้าฝันว่า กูจะอยู่ตรงนี้ มึงต้องทำให้กู

    ส่วนอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น เมื่อครั้งเดินทางไปต่างประเทศ โดยอาราธนาหลวงปู่เอี่ยม หลวงปู่ทวด กับหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ระหว่างที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้านจีนเก่าๆ ซึ่งทุกครั้งจะสั่งบะกุ๊ดเต๋ และจะมานั่งร้านนี้เป็นประจำ แล้วสังเกตเห็นพัดลมเก่าๆ ไปกี่ครั้งก็จะมองแทบทุกครั้ง เรียกว่าเก่าจนน่ากลัว

    วันนั้นไม่รู้เป็นยังไง ไม่อยากนั่งโต๊ะตัวเดิมที่เคยนั่ง จึงย้ายไปนั่งอีกฝั่งหนึ่ง เพียงเสี้ยววินาทีนั้น พัดลมที่ว่าก็ตกลงมาขณะหมุนด้วยความเร็ว ชามโต๊ะแตกกระจายไปหมด หากนั่งอยู่คอคงขาดเป็นแน่

    อ.หนู บอกด้วยว่า จากที่ท่องคาถาเวทมนตร์ ทำให้เคารพครูบาอาจารย์ที่กราบไหว้ท่านอยู่ทุกวันแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงชอบสะสมพระเครื่องเพื่อเอาไว้บูชาสักการะ โดยจะไม่ขายไม่เช่าใดๆ ทั้งสิ้น และส่วนใหญ่มีคนให้มา ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงพ่อพรม วัดช่องแค หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง พระนางพญา เป็นต้น

    หลายคนที่ประสบกับเรื่องปาฏิหาริย์ การแขวนพระเครื่องของคนเราจิตใจต้องมีศีลมีธรรม ไม่ใช่เราแขวนพระกันแล้วไปคดโกง ไปโกงกิน ไปโกหก ไปทำในสิ่งที่ไม่ดี พูดง่ายๆ ไปทำให้สังคมเดือดร้อน ยิ่งร้ายไปกว่านั้น ถึงขั้นไปผิดภรรยาคนอื่น ก็เป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม

    เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณพระก็จะคุ้มครองได้น้อย เพราะคุณพระจะคุ้มครองผู้ที่ทำความดี อยู่ในศีลในธรรมเท่านั้น

    "การแขวนพระเครื่องอย่างถูกต้อง ต้องอาราธนาศีล เหมือนกับเราวิงวอนให้อำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาครูบาอาจารย์แห่งอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย ระหว่างที่อาราธนาก็ขอให้เราแคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาหากินให้เจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าสัจจะในตัวเราไม่มี กลับไปคดโกงผู้อื่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็จะไม่คุ้มครอง ดังนั้น คนแขวนพระต้องมีศีลมีธรรม ไม่ใช่แขวนพระเพื่อไปเป็นนักเลงหัวไม้ เป็นมาเฟีย ไปข่มเหงผู้อื่น การแขวนพระจึงต้องมีพรหมวิหาร ๔" อ.หนู กล่าวทิ้งท้าย

    ขอขอบคุณ ข้อมูลดีมีสาระจาก www.komchadluek.net

    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2><HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2012
  20. จงอาง

    จงอาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +7,799
    [​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...