คนไทย มาจาก อินเดีย?????หรือ พระพุทธเจ้า อยู่ที่ สุวรรณภูมิ???

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย yutkanlaya, 20 มิถุนายน 2007.

  1. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    (b-oneeye) คนไทย มาจาก อินเดีย???????<O:p</O:p

    ทำไม?? คนไทย จึงมีนิสัย ประนีประนอม ยอมความ "ช่างเขาเถอะ" ช่างมันเถอะ "เวรกรรม"<O:p></O:p>
    หรือนี่คือ รากเหง้าของจิตใจ แห่งการรู้จักให้ อภัย ไม่เบียดเบียนกัน รู้จักปลงวาง จึงต้องยอม แล้วหนี <O:p></O:p>
    อภัย คือ ทานที่ยิ่งใหญ่ บนพื้นฐานความมีเมตตา กรุณา อุเบกขา สมานตตา<O:p></O:p>
    หรือว่า??? นิสัยเหล่านี้ เป็นนิสัยที่แท้จริง? ของผู้คนในยุคของ พระพุทธเจ้า ซึ่งมีพระอรหันต์ มากมาย หรือเปล่า??????????? ผู้คนที่เข้าใจหลักธรรม อย่างแท้จริง<O:p></O:p>
    เหตุผล<O:p></O:p>
    เพราะดินแดนกำเนิดแห่งพุทธภูมิ ชมพูทวีป หรืออินเดียในปัจจุบัน นั้นมีประวัติศาสตร์ ว่า อุดมสมบูรณ์ พรั่งพร้อมด้วยผู้คน ที่มี คุณธรรม จริยธรรม ตามหลักธรรมคำสอนของ พระพุทธองค์สมณโคดม มีชื่อเสียงเลื่องลือ ระบือไปไกลโพ้นทะเล น่ามาเที่ยวชมมาก เป็นที่หอมหวลของนักล่าอาณานิคม(โจร ปล้น ดีๆนี่เอง) ดังนั้นต่อมาอินเดียตอนบน ก็ถูกโจมตี ปล้น แตก โดย อเล็กซานเดอร์มหาราช จากตะวันตก ตามพุทธทำนาย แล้วจึงเกิดศาสนาคริสต์ ตามมา (คิดหรือว่า ผู้ชนะตีเขาแตกแล้ว จะไม่เกณฑ์เอา ทรัพย์สิน ของมีค่า ผู้คน และอารยธรรม เช่น หนังสือ คือ พระไตรปิฎก ไปด้วย เมื่อศึกษาเข้าใจถ่องแท้ ก็ก็อปปี้ ต่อยอด กลายเป็น คัมภีร์ไบเบิล โดยปราชญ์ ศาสดา ที่เรียกว่า พระเยซู)<O:p></O:p>
    หลังจากนั้นต่อมา อินเดียก็ต้องแตกกระเจิงอีกครั้งทั้งแผ่นดิน โดยมูฮัมหมัด จากตะวันออกกลาง ที่รบเก่งที่สุดในโลกยุคนั้น แล้วก็เกิด ศาสนาอิสลามตามมา <O:p></O:p>ถูกตีแตกแล้ว หนีไปไหน??????????????
    จะเห็นได้ว่าชาวอินเดียปัจจุบัน รูปร่าง หน้าตา คล้ายพวกฝรั่งตะวันตก แขกตะวันออกกลาง มากที่สุด<O:p></O:p>
    ใครมีความรู้ ช่วยค้นหาหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์กัน ระหว่างชนชาวชมพูทวีป กับ ชนชาวสุวรรณภูมิ รวมทั้ง จีน พม่า ลาว เขมร ไทย ที อยากรู้จริงๆๆๆๆๆ(b-oneeye) <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    (f) ฝันอยากเห็น สยามเมืองยิ้ม ที่จริงใจ อย่างแท้จริง(f) <O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2008
  2. เคยบวช

    เคยบวช Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +79
    ผมไม่ได้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แต่เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งของหลวงตาทองคำ หรือทองดำ (โทษครับไม่แน่ใจครับ) ซึ่งท่านเป็นพระอุปัฐฐากหลวงปู่มั่น และได้นำเอาเรื่องราวต่างๆ มาลงไว้ในหนังสือ
    ท่านเล่าในหนังสือไว้ว่า หลวงปู่มั่นเคยเล่าว่า ชาวไทยในปัจจุบันนี้รวมทั้งชาวลาวด้วย เป็นชาวแคว้นมคธที่อพยพหนีตายจากพวกศาสนาอื่นที่มารุกรานฆ่าฟัน
    ส่วนชาวพม่าเป็นชาวแคว้นโกศลที่อพยพมา ไทยกับพม่าก็เลยเป็นทั้งเพื่อนและศัตรูแบบตัดไม่ขาด เพราะเป็นมาแบบนี้ตั้งแต่สมัยแคว้นโกศลกับแคว้นมคธในสมัยพุทธกาลแล้วครับ
     
  3. เคยบวช

    เคยบวช Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +79
    เพิ่มเติมครับ หนังสือชื่อ รำลึกวันวาน ของพระอาจารย์ทองคำ จารุวัณโส ซึ่งจัดพิมพ์โดย กองทุนแสงตะวัน วัดปทุมวนารามครับ เป็นหนังสือที่ดีมากครับลองไปหาอ่านดูนะครับ
     
  4. สุริยัน-จันทรา

    สุริยัน-จันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +106
    เป็นกลางดีกว่า อิอิ กระทู้ ล่อเเหลมไปหน่อยนะครับ รู้สึกอุ่น กลัว ร้อน "อย่าถือของเราดี อย่าถือของเราเด่น อย่าข่มเหงศรัทธาอื่นว่าไร้อารยธรรม สุดท้ายมันจะกลับกลายเป็นประณามตนเอง ว่าไร้ซึ่งเนื้อนาบุญ" ล้อเล่นนะอย่าคิดมาก เเต่ผมเเค่รู้สึกไม่ดี เวลาใครเอาศาสนามาเปรียบเทียบกัน ขอบคุณครับ
     
  5. THANACHAI

    THANACHAI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +922
    หลวงปู่มั่นยืนยันว่า พระพุทธเจ้าเป็นบรรพบุรุษคนไทย
    หนังสือ "ประวัตท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต" ซึ่งเขียนโดย อาจารย์ "มุตโตทัย" ศิษย์คนหนึ่ีงของหลวงปู่มั่น ได้เขียนไว้ ในคำปรารภ หน้า ๙ ว่า หลวงปู่ฯ "...จะเล่าขณะที่ข้าพเจ้า ( "มุตโตทัย") ได้ถวายการนวด หลังจาก ท่านเทศน์เสร็จแล้ว นอกจากข้าพเจ้าแล้ว ก็มีท่านอาจารย์วิริยังค์ สิรินธฺโร ท่านอาจารย์วัน อุตตโม ท่านอาจารย์หล้า เขมปตโต ท่านก็พูดแต่ไม่มาก แต่สองรูปที่ท่านพูดให้ฟังมาก คือ ข้าพเจ้ากับท่านอาจารย์วิริยังค์...."
    เรื่องที่หลวงปู่มั่นเล่าให้อาจารย์มุตโตทัย หลายเรื่องเกิดจากอุบัติเหต เช่น เรื่อง พระพุทธเจ้าเป็นบรรพบุรุษของคนไทย ก็เกิดจากกระดาษห่อธูปที่ผู้ผลิต เอารูปพระพุทธเจ้า มาทำเป็นเครื่องหมายการค้า ซึ่งพระอาจารย์มุตโตทัย นำไป ถวายหลวงปู่มั่นดู ท่านก็เลยเล่าเรื่องพระพุทธเจ้าใหฟัง "...ซึ่งเป็นการกลับ ตาลปัตร เพราะเรื่องนี้ ไม่ปรากฎในประวัติศาสตร์ และในคัมภีร์พระพุทธศาสนา จึงทำผู้ฟังงงงวยสับสน เมื่อเรื่องมีอย่างนี้ก็ขอให้อยู่ในดุลยพินิจ..." อาจารย์มุโตทัยกล่าว
    มีคนสงสัยว่า หลวงปู่มั่นเคยไปอินเดียเพื่อสักการะสังเวชนียสถานทั้งสิ่ หรือไม่ ก็มีการยืนยันว่า ท่านไม่ไปเพราะไม่เชื่อว่า พระพุทธเจ้าประสูติในอินเดีย แต่ท่านเคยไปพม่า ตามที่อาจารย์มุตโตทัยบันทึกไว้ (หน้า ๖๔) ท่านบอกว่า ที่พม่า ไม่ค่อยมีผู้ปฏิบัติที่จะได้ถึงอริยมรรค "...คงมี็แต่ตาผ้าขาวที่ท่าน อยู่จำพรรษา ด้วยเท่านั้นไ้ดมรรคที่ ๓ ซึ่งไม่เหมือน เมืองไทย มีมาไม่ขาดขาย เกิดจากการ ปฏิบัติบ้าง จุติจากสวรรค์ มาบ้าง เพราะ ไทยคือ ศูนย์กลาง พระพุทธศาสนา ต่างประเทศที่ไม่อยู่ในแวดวงพระพุทธศาสนา (ก็) ยิ่งห่าง ไกลออกไป เพราะอยู่นอก วงจร นอกแวดวง (คงเหมือนกับต้นไม้ เมืองหนาว นำไปปลูกในเมืองร้อน ไม่ได้-บก.)
    "...ลวงปู่พูดทีเล่นทีจริงว่า พวกที่ไปสอนพระพุทธศาสนาให้ฝรั่งนั้น สอนให้เขาเป็นอะไร จะสอนจนได้สำเร็จมรรคผลนั้น เป็นไปไม่ได้ดอก เพราะเป็นพาหิราประเทศ คนไทยเราก็พอสอนอยู่ โอกาสได้มรรคผลมี เพราะอยู่ในวงศ์พระพุทธศาสนา มีบารมีอันเคยอบรมสั่งสมมาแล้ว ท่าหลวงปู่ว่า..." .
    มีหลักฐานยืนยันในพงศาวดารเหนือว่า บ้านพระโมคัลลานะและพระสารีบุตรอยู่ทางเหนือของไทย
    ในพงศาวดารเหนือ ของพระเชียรปรีชา (น้อย) แสดงชัดเจนว่า ชมพูทวีปเป็นที่ตั้งของไทยและลาว และมีชื่อเมืองต่างๆ ที่ปรากฏในพระไตรปิฎก รวมทั้งที่ระบุว่า เป็นบ้านเกิดของพระโมคคัลานะและพระสารีบุตร
    ในหน้า ๓๒๕ มีระบุพระโมคคัลานะกับพระสารีบุตร อยู่ทางเหนือของไทย ที่ระบุว่า “...ชะพ่อชีพราหมณ์ทั้งหลายอยู่ในปัญจมัชคาม อันเป็นหลานแห่งนางโมคคัลลี อันเป็นพระมารดาพระโมคคัลลานะ และนางสารี เป็นมารดา พระสารีบุตร อันอยู่ในปัญจมัชคาม ก็กลายมาเป็นเมืองสวรรคโลก พระธาตุพระสารีบุตรเจ้าบรรจุไว้ในเจดีย์พระธาตุข้างเหนือ และพระธาตุพระโมคคัลานะก็บรรจุไว้ในบ้านนางโมคคัลลี ทั้งสองนางก็เป็นญาติกัน...” อีกตอนหนึ่งในหน้า ๓๒๓ กล่าวว่า “พระธรรมราชา จึงตั้งนางท้าวเทวี อันเป็นหลานสาวแห่งนางโมคัลลี บุตรนายบ้านหริภุญชัย...”
    เมื่อถึงสมัยพระร่วง ได้กล่าวถึง เรื่องเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าอรุณราชกุมาร ขึ้นเป็นใหญ่ในเมืองสัชนาลัย พ.ศ. ๑๐๐๐ ปีมะโรง นพศก ในหน้า ๓๒๘ มีความว่า “...ท้าวพระยาประเทศเมืองใดๆ จะทนทานอานุภาพพระองค์ก็หามิได้ มาถวายบังคมทั่วสกลชมพูทวีป เพราะพระองค์ต้องต้องพระพุทธทำนาย พระพุทธเจ้า ....” ในหน้า ๓๒๙ กล่าวต่อว่า “...พระอรหันตเจ้าทั้งหลาย ๕๐๐ พระองค์ทั้งพระพทธโฆษาจารย์ มาชุมนุม ณ วัดโคกสิงคารามกลางเมืองสัชนาลัย และท้าวพระยาในชมพูทวีป คือไทยและลาว .....
    หลักฐานเดียวกันยืนยันว่า พระยากาฬวรรณดิศราชแห่งเมืองตักกสิลามหานคร เป็นผู้ให้พราหมณ์ทั้งหลายยกพลไปสร้างเมืองละโว้ เมื่อ พ.ศ. ๑๐๐๒ แล้วได้ให้พระยาทั้งหลายขึ้นไปถึงเมืองทวารบุรี เมืองสันตนาหะ เมืองอเส และเมืองโกสัมพี แล้วมานมัสการที่พระพุทธเจ้าตั้งบาตรตำบลแม่ซ้องแม้ว พระยากาฬวรรณดิศก็ถอยลงมาเมืองสวางคบุรีที่บรรจุพระรากขวัญกับพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ... เป็นการแสดงว่า ตักสิลา ก็อยู่ในประเทศไทย คือ อำเภอบ้านตากในปัจจุบัน. (อ่านภาพถ่ายเอกสาร โปรดคลิก๊ก
    โดยสรุป พระเสนาบดีทั้งสององค์ ล้วนเกิด ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งในสมัยพระพุทธกาลเรียกว่า ชมพูทวีปทั้งสิ้น
    พระราชดำรัสพระนารายณ์มหาราชยืนยันชาวไทยนับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยพระพุทธกาล
    ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ได้ส่งเอกอัครราชทูตพิเศษ นำโดย ฯพณฯ ม. เชอวาเลีย เดอ โชม็อง และบาดหลวงชัวชี เป็นรองเอกอัครราชทูตร พร้อมพระโปรดศีลจำนวนหนึ่ง เพื่อโน้มน้าวพระทัยให้กษัตริย์สยามเข้ารีตนับถือศาสนาคริสเตียน ในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๒๒๘ โดยที่ฝรั่งเศสเข้าใจผิดว่า พระองค์มีความเลื่อมใสในศาสนาของพระเป็นเจ้า เพราะทึกทักเอาจากการที่พระองค์ทรงอนุญาตให้สร้างโรงสวดพระราชทาน และอนุญาตให้ประกาศศาสนาเป็นต้น ทั้งๆ ที่พระสังฆราชและเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ก็ทราบดีว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง
    เมื่อคณะทูตเข้าเฝ้าและทูลขอให้พระองค์เปลี่ยนไปเข้ารีตฯ สังฆราชและเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ก็ไม่แปลตรงๆ แต่เลี่ยงแปลเป็นอย่างอื่น เมื่อ ฯพณฯ เดอโชม็องต์ ทราบก็โกรธจึงเขียนสาสน์กราบทูลแทน
    เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ได้เข้าเฝ้า ณ ที่รโหฐาน และแปลพระราชสาสน์ถวาย เมื่อได้ฟังคำแปลถวายอย่างยืดยาว ได้ตรัสว่า "...การที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเพื่อนรักของเรามาแนะนำการอันยาก (เปลี่ยนศาสนา)เช่นนี้ และเป็นเรื่องที่เราไม่มีความรู้เลยนั้น เป็นเรื่องที่กระทำให้เราเสียใจเป็นอันมาก แต่ขอให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ตรึกตรองดูว่า การที่จะเปลี่ยนศาสนาซึ่งได้เคยนับถือต่อๆ กันมาถึง ๒๒๒๙ ปีแล้ว จะเป็นการสำคัญและลำบากสักเพียงไร...."
    เวลาที่มีพระราชดำรัสนี้ เป็นเดือนกันยายน ๒๒๒๘ แต่ทรงตรัสว่า ชาวสยามได้นับถือพระพุทะศาสนามา ๒๒๒๙ ปี แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ประเทศสยามนับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยที่พระพุทธองค์ทรงพระชนม์อยู่ มิใช่เพิ่งมารับนับถือพระพุทธศาสนาเมื่อมีพระปฐมเจดีย์เมื่อ พ.ศ. ๓๐๐ หรือรับพระพุทธศาสนาจากศรีลังกามาในสมัยสุโขทัย เป็นหลักฐานยืนยันว่า ประเทศสยามนับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่พระพุทธองค์ยังไม่ปรินิพพาน.
    ข้อมูลจาก http://www.life-alonguniversity.com/
     
  6. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    ต้องกราบขออภัย ขอโทษ ที่ใช้ภาษาเรียบเรียงไม่เหมาะสม ไม่ได้มีเจตนาหมิ่นคนใด ชนชาติใดๆศาสนาใดๆเลย แม้แต่น้อย ตรงข้ามกลับชื่นชม ทุกๆคน ทุกๆชนชั้น ทุกๆเชื้อชาติ ทุกๆศาสนา เสมอ เพราะผมถือว่า รากเหง้าจิตใจ ของทุกๆคน ล้วนเป็นคนดีเสมอ มีความรักพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง ถิ่นฐาน ชาติ ของตัวเอง นั่นคือ ความดี ล้วนมีอยู่ในใจมนุษย์ ทุกๆคน เพียงแต่ เวลา ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ขัดกล่อม จิตใจ นิสัย ให้คนผิดเพี้ยนไปจากเดิมตั้งแต่ เกิด จน ปัจจุบัน และปัญหา???มีเพียงประเด็น การแยก เขา แยกเรา แยกหมู่แยกพวก ก็เท่านั้นเอง
    ทุกๆศาสนา นั้น ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันหมด คือ หวังให้ทุกๆคน เป็นคนดี มีความสุขร่วมกัน ในแต่ละสังคม แต่ละพื้นที่ แต่ละเชื้อชาติ แต่ละศาสนา
    ศาสดา ของแต่ละศาสนา แต่ละนิกาย ล้วนเป็น มหาบุรุษเอก ของโลก ที่ควรจะเอาเป็นตัวอย่างที่ดี ที่จะเจริญรอยตาม ยิ่ง
    ถึงเวลา หรือยัง????ที่เราจะหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ทุกๆเชื้อชาติ ทุกๆศาสนา ด้วยความดีที่ใจเป็นศูนย์กลาง

    ขอบคุณมากครับ สำหรับ คำติเตียน
     
  7. jake009

    jake009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +285
    มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราชให้ฟัง จำได้ไม่หมดนะ เอาแต่ใจความสำคัญละกัน อ.จารย์ที่สอนภาษาไทยเล่าให้ฟัง และก็มีหลักฐานบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์คือรูปปั้นเรื่องมีอยู่ว่า
    ที่ บริเวร พระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราช ตรงนั้นเคยเป็นหาด เขาเรียกว่าหาดทรายแก้ว ที่นี่ตอนหลัง พระโอรส กะพระธิดา อะไรแล้วจำชื่อไม่ได้ขออภัยด้วย วันหลังจะมาบอกชื่อให้ พระโอรสและพระธิดา สองพระองค์ลงเรือหนีสงครามมาจากอินเดีย และได้พาพระธาตุของพระพุธทเจ้ามาด้วย แล้วเรื่อเกิดล่ม คลื่นซัดมาเกยหาดทรายแก้ว และพระโอรสและพระธิดาก็เลย ทรงสร้างพระธาตุเป็นอนุสรณ์ ให้เราท่านทั้งหลายได้บูชาในปัจจุบัน
    จากเรื่องนี่ ก็เป็นการยืนยันได้ว่า ....
    ต้องขอ อภัยด้วย พอดีอาจารย์เล่าเยอะมาก จำไม่ได้หมด จำได้ย่อๆ ไว้โอกาสหน้าถ้าไม่ลืม(ปรกติเป็นคนขี้ลืม) จะเอามาเล่าให้ละเอียดกว่านี้
     
  8. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    หรือว่า พระพุทธเจ้า อยู่ที่ สุวรรณภูมิ??????
    หรือ มัชณิมประเทศ คือ ดินแดนบริเวณเส้นศูนย์สูตร
    หรือ ชมพูทวีป หมายถึง โลกนี้ทั้งหมด
    เพราะ พระองค์ ทรงเหาะเหินเดินอากาศได้
    จะไปที่ใดๆ แค่ใจคิดนึก ก็ถึงจุดหมายแล้ว


    ใครมีความรู้ประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวข้อง
    ช่วยรวบรวมที
    หรือที่ คุณเอกอิสโร และ ศจ.ประยงค์ กล่าวไว้ถูกต้อง น่าเชื่อถือได้
    (good) (good) (good)
    ร่วมด้วย ช่วยกัน ค้นหา รากเหง้า ภูมิปัญญา กันเถอะ
    (kiss) (kiss) (kiss)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2007
  9. fujin

    fujin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +344
    ส่วนข้อมูลที่ข้าพเจ้าเคยรู้มานั้น ว่ากันว่า คนอินเดียที่เรียกว่าพวกทมิฬ ได้อพยพลงมาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยเมื่อครั้งโบราณ บริเวณทางใต้นับตั้งแต่ จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป และได้นำวัฒนธรรมหลายๆอย่างเข้ามาเผยแพร่ รวมทั้งรูปร่างลักษณะหน้าตา ซึ่งปกติ คนใต้จะมีผิวคล้ำหน้าตาคมเข้มจมูกโด่ง ผิดกับคนไทยทางแถบอื่นที่มีชาติผสม ระหว่างมอญ ยวน ไทยใหญ่ ฯลฯ ซึ่งมีลักษณะผิวขาว หน้าเหลี่ยม ดั้งแฟ่บ
     
  10. The Seraphim

    The Seraphim Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +98

    มาช่วยอธิบายเพื่อความกระจ่าง

    ในสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ไม่ใช่เพียงต้องการ "ปล้น" เท่านั้น แต่พระองค์กลับคาดการณ์ไปถึงกับจะครองทั่วทั้งยูเรเซีย จึงได้ให้ทหารลงหลักปักฐาน และมีครอบครัวในดินแดนแถบอินเดีย ซึ่งเป็นการเร่งสายเลือด "อารยัน" ซึ่งเคยอพยพมาครั้งหนึ่งแล้วในกาลเก่าก่อน จึงยิ่งทำให้คนอินเดียมีโครงหน้า "แบบฝรั่ง" ไม่น้อยทีเดียว รวมทั้งยังถ่ายทอดวิชา ด้านศิลปกรรม วิศวกรรม ซึ่งในตอนนั้นถือว่ารุ่งเรือง และค่อนข้างล้ำหน้า ดังปรากฏชัดถึงพระพุทธปฏิมาหลังยุคพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ว่างดงามและมีรายละเอียดที่สมดุลย์ สมส่วน

    ส่วนในเรื่องพระคัมภีร์ไบเบิล ในสมัยพุทธกาล คัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเก่าก็ได้ถือกำเนิดแล้ว ส่วนพันธสัญญาใหม่คือในยุคคริสตกาล ก็ไม่ได้ถูกเขียนขึ้นโดน "พระเยซูคริสตเจ้า" แต่ถูกรจนาโดยอัครสาวกทั้งหลาย ซึ่งจดจำคำสอนของพระองค์ เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าสมณโคดม ที่ไม่ได้ทรงจารจารึกใดๆด้วยพระองค์เอง และถ้าหากได้อ่านพระธรรมทั้งสองฉบับ คือพระไตรปิฎก และพระคริสตธรรมคัมภีร์อย่างแตกฉานแล้ว จะเห็นได้ว่า มีความแตกต่างกันมากทีเดียวในส่วนของการมอง "ธรรม" ของโลก และแนวทางคำสอนหรือแนวทางปฏิบัติ ซึ่งทั้งสองพระองค์เองก็มีวิธีการเทศนาสั่งสอนตามแบบพระองค์เอง
    ส่วนในศาสนาอิสลาม ซึ่งเกิดขึ้นหลังสุด ได้ใช้พระคัมภีร์ฉบับเก่าร่วมกับยูดายและคริสต์ รวมไปถึงพระเยซูเองก็เป็นหนึ่งใน "นบี" ตามศาสนาของเขา และเช่นกันที่คำสอนของศาสดา นบีมูฮัมหมัด ก็ได้สอนสั่งตามแบบพระองค์เอง ผิดแต่พระองค์ทรงจารจารึกคำสอนด้วยตัวพระองค์เองเป็นสำคัญ

    คราวนี้มาอธิบายในส่วนของเชื้อชาติ

    เดิมทีในอินเดียมีชนพื้นเมืองอาศัยอยู่แต่เดิมมีรูปร่างดำ เตี้ย ล่ำสัน สังเกตได้ในแถบอินเดียใต้ และศรีลังกา ต่อมามีชาวอารยันได้อพยพแตกสายจากเอเชียตะวันตก ออกไปทางยุโรป และเอเชียกลาง และอินเดียตอนบน ทำให้รูปลักษณ์ของชนสามเขตนี้ มีส่วนร่วมและแลดูคล้างคลึงกัน รวมไปถึงภาษาซึ่งมีที่มาเดียวกัน รวมเรียกตระกูลภาษาอินโด - ยูโรเปียนอันมาจากชาวอารยัน ซึ่งยังคงสามารถพบเห็นที่มา และความเกี่ยวข้องกันในภาษา ระหว่างภาษา สันสกฤต และ ละติน ได้อย่างชัดเจน เป็นคนละชนเผ่ากับชาวไทย ซึ่งมาจากสายตระกูล "ไท" ใช้ภาษาตระกูล "ไท - กะได" พบได้ทั่วในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจีนตอนใต้ รวมไปถึงมีเผ่าหนึ่งอพยพไปทางตอนเหนือของอินเดียบริเวณรัฐอัสสัมก่อนที่พุทธศาสนาจะเข้ามายังเอเชียตะวันออก เรียกว่าชาวไทอาหมซึ่งยังคงนับถือผีบรรพบุรุษ และใช้ภาษาไทโบราณ
     
  11. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    เยี่ยมครับ
    ขอบคุณ ใน ข้อมูล
    ที่ช่วยกัน คิดวิเคราะห์
    เพราะไม่ค่อยเชื่อฝรั่ง
    ที่ชอบ โฆษณา ชี้นำ
    ตามความต้องการ เขา
    เพื่อการตลาด เศรษฐกิจ
    (เขายึดอินเดียได้ ก็ต้องหาจุดขาย เลยเขียนประวัติศาสตร์ เอง)

    ถ้าเราเปลี่ยนประวัติศาสตร์ หน้าใหม่นี้ได้
    เมืองไทยจะเป็นศูนย์กลาง อารยธรรมโลก
    แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ทางศาสนา
    ชาวพุทธทั่วโลก เกือบ 1,000 ล้านคน
    มาไทยในวันสำคัญ วิสาข มาฆะ อาสฬหฯ
    ใช้จ่าย คนละ 10,000 บาทไม่รวมค่าเครื่องบิน
    คิดดูแล้วเงินเข้าประเทศ 10,000,000 ล้านบาทเชียว GDP ดีมาก

    จุดแข็งคนไทย คือ นิสัยเอื้อเฟื้อ โอบอ้อมอารี
    นี่คือ จิตวิญญาณบริการ Service mind
    ขายบริการดีที่สุด คือ ท่องเที่ยว อาหารไทย นวดแผนไทย แพทย์แผนไทย อารยธรรมไทย ฯลฯ
    อย่าเห่อในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี่ ที่เราได้แค่ค่าแรงงาน เพราะวัตถุดิบก็นำเข้าหมด
    ยกเว้น อุตสาหกรรมการเกษตร

    มาร่วมด้วย ช่วยกัน เปลี่ยน ประวัติศาสตร์ เพื่อชาติเถอะ
    (good) (good) (good) (kiss) (kiss) (kiss)
     
  12. juten

    juten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2006
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +296
    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่เป็นประโยชน์ครับผม
     
  13. The Seraphim

    The Seraphim Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +98
    ก็พอจะเข้าใจในความรักชาติของคุณอยู่

    แต่การเปลี่ยนประวัติศาสตร์โดยไม่คำนึงถึงหลักฐานทางธรณีวิยา และปุราณวิทยา ก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องของการแต่งความเท็จเพื่อผลประโยชน์อยู่

    เพราะจากการศึกษาวิจัยของชาวต่างชาติ เข้าไม่ได้ทำเพียงเพื่อให้ชาติเขาดี ชาติเขาได้ แต่ทำเพราะต้องการ ปัญญา ต้องการรู้ถึงความเป็นไปขอโลกในอดีต ซึ่งเขาเองก็ศึกษาวิเคราะห์ ทั้งจากหลักฐานต่างๆที่ขุดพบ จารึก วรรณกรรม พงศาวดาร จดหมายเหตุฯ ซึ่งผ่านการตรวจสอบมาอย่างถี่ถ้วน ไม่ใช่อ่าน แปล ออกมาได้แล้วก็เชื่อตามนั้น

    ขอให้ใจเย็นๆ และลองศึกษาประวัติศาสตร์อย่างละเอียดดู
     
  14. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +1,830
    คนไทยมาจาก เทือกเขาอัลไตครับ ถูกจีนรุกรานจึงถอยร่นมาเรื่อยจนมาถึงแผ่นดินไทย ติดทะเลไม่มีที่หนีละเลยต้องปักหลักสู้ จึงมาเปนประเทศไทยปัจจุบัน
     
  15. *จอมขมังเวทย์*

    *จอมขมังเวทย์* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +280
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=558 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD style="WIDTH: 558px; WORD-WRAP: break-word" align=middle height=40>วัฒนธรรมไทย</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 20px" vAlign=top align=right height=30>ลุงแทน</TD></TR><TR><TD align=middle><TABLE width=320 border=0><TBODY><TR><TD class=font-th-content style="RIGHT: 0px; LEFT: 0px; WIDTH: 320px; WORD-WRAP: break-word">ในโลกนี้มีอะไรเป็นไทยแท้
    ของไทยแน่นั้นหรือคือภาษา
    ซึ่งผลิดอกออกผลแต่ต้นมา
    รวมเรียกว่าวรรณคดีไทย

    อนึ่งศิลป์งามเด่นเป็นของชาติ
    เช่นปราสาทปรางค์ทองอันผ่องใส
    อีกดนตรีรำร่ายลวดลายไทย
    อวดโลกได้ไทยแท้อย่างแน่นอน

    และอย่าลืมจิตใจอย่างไทยแท้
    เชื่อพ่อแม่ฟังธรรมคำสั่งสอน
    กำเนิดธรรมจริยาเป็นอาภรณ์
    ประชากรโลกเห็นเราเป็นไทย

    แล้วยังมีประเพณีมีระเบียบ
    ซึ่งไม่มีที่เปรียบในชาติไหน
    เป็นของร่วมรวมไทยให้คงไทย
    นี่แหละคือประโยชน์ในประเพณี

    ได้รู้เช่นเห็นชัดสมบัติชาติ
    เหลือประหลาดล้วนเห็นเป็นศักดิ์ศรี
    ล้วนไทยแท้ไทยแน่ไทยเรามี
    สิ่งเหล่านี้คือวัฒนธรรม
    ************************</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    ทาสความคิด???
    คือ
    เชื่อง่ายๆ ในสิ่งที่เขาเล่ามา
    เชื่อง่ายๆ ในสิ่งที่สืบทอดกันมา

    หาได้พิสูจน์ด้วยตัวเองไม่
    แล้วจะเข้าใจในพระธรรม ได้หรือ???
    สรุป...ชักจูง ล่อลวง ง่ายๆๆๆ

    การค้นพบทางประวัติศาสตร์นั้น
    ใครพบ ก็ประกาศ ว่าฉันเจอ ฉันถูก
    นักประวัติศาสตร์ 10 คน จะพูดไม่เหมือนกันสักคน

    บัวทั้งหลาย ใช้ปัญญา ให้ดี
    เว็บนี้ ไม่ควรมี ลิ่วล้อ ทางการเมือง

    พวกที่กิเลสหนา มักจะปัญญาน้อย
    เพราะมีอารมณ์เยอะ ไม่ค่อยใช้สติพิจารณา นัก
    :) :) :)
     
  17. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +1,830
    เฮ้ยไหง แวะมาการเมืองได้อีกแล้วกระทู้นี้ ที่คุณปั่นตั้งกระทู้ครั้งเดียว4-5ทู้เนี่ยเพื่อนการเมืองทั้งนั้นเลยใช่มั้ย -*-

    อ่านๆเรื่องอื่นๆอยุ่มาเจอการเมืองคั่นเสียรมหมด
     
  18. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    [​IMG]
    หลวงปู่มั่นยืนยันว่า พระพุทธเจ้าเป็นบรรพบุรุษคนไทย
    หนังสือ "ประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต" ซึ่งเขียนโดย อาจารย์ "มุตโตทัย" ศิษย์คนหนึ่ีงของหลวงปู่มั่น ได้เขียนไว้ ในคำปรารภ หน้า ๙ ว่า หลวงปู่ฯ "...จะเล่าขณะที่ข้าพเจ้า ( "มุตโตทัย") ได้ถวายการนวด หลังจาก ท่านเทศน์เสร็จแล้ว นอกจากข้าพเจ้าแล้ว ก็มีท่านอาจารย์วิริยังค์ สิรินธฺโร ท่านอาจารย์วัน อุตตโม ท่านอาจารย์หล้า เขมปตโต ท่านก็พูด(เล่า)แต่ไม่มาก แต่สองรูปที่ท่านพูด (เล่า)ให้ฟังมาก คือ ข้าพเจ้ากับท่านอาจารย์วิริยังค์...."
    เรื่องที่หลวงปู่มั่นเล่าให้อาจารย์มุตโตทัย หลายเรื่องเกิดจากอุบัติเหต เช่น เรื่อง พระพุทธเจ้าเป็นบรรพบุรุษของคนไทย ก็เกิดจากกระดาษห่อธูป ที่ผู้ผลิต เอารูปพระพุทธเจ้า มาทำเป็นเครื่องหมายการค้า ซึ่งพระอาจารย์ มุตโตทัยนำไป ถวายหลวงปู่มั่นดู ท่านก็เลยเล่าเรื่องพระพุทธเจ้าใหฟัง "...ซึ่งเป็นการกลับ ตาลปัตร เพราะเรื่องนี้ ไม่ปรากฎในประวัติศาสตร์ และใน คัมภีร์พระพุทธศาสนา จึงทำผู้ฟังงงงวยสับสน เมื่อเรื่องมีอย่าง นี้ก็ขอให้อยู่ ในดุลยพินิจ (ขอผู้อ่าน พิจารณาเองว่าจะ เชื่อว่า พระพุทธเจ้าเป็น อินเดีย หรือเป็นบรรพบุรุษคนไทย แต่คงไม่ใช่ว่าพระพุทธเจ้าเป็นชาวอินเดีย แล้ว อพยพก็มาเป็นบรรพบุรุษคนไทย อย่างแน่นอน -บก.)...." อาจารย์ มุโตทัยกล่าว
    มีคนสงสัยว่า หลวงปู่มั่นเคยไปอินเดียเพื่อสักการะสังเวชนียสถานทั้งสิ่ หรือไม่ ก็มีการยืนยันว่า ท่านไม่ไปเพราะไม่เชื่อว่า พระพุทธเจ้า ประสูติใน อินเดีย แต่ท่านเคยไปพม่า ตามที่อาจารย์มุตโตทัยบันทึกไว้ (หน้า ๖๔) ท่าน บอกว่า ที่พม่าไม่ค่อยมีผู้ปฏิบัติที่จะได้ถึงอริยมรรค "...คงมี็แต่ตาผ้าขาว ที่ท่านอยู่จำ พรรษาด้วยเท่านั้นไ้ด้มรรคที่ ๓ ซึ่งไม่เหมือนเมืองไทย (ผู้ได้อริย มรรค)มีมาไม่ขาดขาย เกิดจากการปฏิบัติบ้าง จุติจากสวรรค์มาบ้าง เพราะไทย คือ ศูนย์กลางพระพุทธศาสนา ต่างประเทศที่ ไม่อยู่ในแวดวง พระพุทธศาสนา (ก็)ยิ่ง ห่างไกลออกไปเพราะอยู่นอกวงจรนอกแวดวง (คงเหมือนกับต้นไม้ เมืองหนาว นำไปปลูกในเมืองร้อน ไม่ได้-บก.) "...หลวงปู่พูดทีเล่นทีจริงว่า พวกที่ไปสอนพระพุทธศาสนาให้ฝรั่งนั้น สอนให้เขาเป็นอะไร จะสอนจนได้ สำเร็จมรรคผลนั้นเป็นไปไม่ได้ดอก เพราะเป็นพาหิราประเทศ (พาหิรา หมายถึงภายนอกหรือนอกวง-บก.) คนไทยเราก็พอสอนได้ โอกาสได้ มรรคผลมี เพราะอยู่ใน วงศ์พระพุทธ ศาสนา มีบารมีอันเคยอบรม สั่งสมมาแล้ว ท่าหลวงปู่ว่า..." หลวงพ่อมุตโตทัยกล่าว.

    <NOSCRIPT>
    </NOSCRIPT>
    เปิดสอนวิชาประวัติพระพุทธศาสนาใหม่
    "พระพุทธศาสนาเกิดในประเทศไทย"
    ดย
    ศาสตราจารย์ ดร. ชัยยงค์ พรหมวงศฺ์
    ทุกวันอาทิตย์ เวลา ๙.๐๐-๑๑.๓๐ น.
    เริ่มวันอาทิตย์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๐
    (สถานที่จะประกาศภายหลังจากทราบจำนวนผู้สมัคร)
    สนใจสมัครเรียน "ฟรี" ได้ที่
    chaiyong@irmico.com
    หรือโทร ๐๘๓-๙๐๕-๘๓๐๑
    (good) (good) (good)
    อิ อิ อิ โผล่แล้ว...แนวป่วนเว็บ(นปว)..ลิ่วล้อ..แนวป่วนกรุง(นปก)
    ..ลิ่วล้อ..เล่ห์ เหลี่ยม ลวง รวย กิเลสหนา..ผู้มากด้วยสติปัญญา เขารู้ทันหมดแล้ว 5555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2007
  19. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +1,830
    กรรม สรุปโยงมาการเมืองซะงั้น- -
     
  20. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณ yutkalaya คุณนำเสนอโดยไม่อ้างอิงหลักฐานให้เห็นเป็นรูปธรรม การนำเสนอแบบชี้นำเยี้ยงนี้เป็นเพียงแค่เดาสุ่มให้เกิดข้อกังขา วิเคราะห์แบบคิดไปเองหรือเปล่า หากคุณเข้าใจถึงสภาพแวดล้อม ศาสนา วัฒนธรรม ศิลปะ หรือศาสนาเปรียบเทียบ รวมไปถึงการค้นคว้าทางโบราณคดี แล้วนำเสนอโดยมีเหตุผลและหลักฐานประกอบ อย่างนี้น่าจะเชื่อถือและยอมรับได้ แค่เขาเล่าต่อๆ กันมา แล้วจะให้เชื่อคุณได้อย่างไร บางคนก็อ้างพระอริยะเจ้าว่าท่านกล่าวเยี่ยงนั้น สมควรแล้วหรือ หากไม่ใช่ขึ้นมาละ มันจะเป็นการปรามาสท่านนะ บาปกรรมเปล่าๆ นำเสนอหรือชี้นำอะไรก็ควรระมัดระวัง คำถามที่อ่อนไหว หากไม่จำเป็นก็อย่าตั้งกระทู้ มีแต่ขัดแย้ง หาประโยชน์ไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2007

แชร์หน้านี้

Loading...