วัดกล้วย วัดดี แห่งอยุธยา สำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับอายุ

ชื่อเดิม ๆ ของถนนวิภาวดีรังสิต
เดิมชื่อ ถนนซูเปอร์ไฮเวย์ จ้า
ทางการเรียก ถนนกรุงเทพฯ-สระบุรี

 

อ้าววววววววว ....คุณปานโสม วันนี้คุณมีกำหนดไปหาหลวงปู่เจือไม่ใช่เหรอคะ แล้วตอนนี้ไปหรือยังคะ เห็นเข้ามาอนุโมทนาในเวปอยู่เลย
.... รีบหน่อยนะคะ

 

ตอบคุณสายทองครับ

ทราบว่า จะไปกราบพระที่วัดปทุมวนารามก่อน

เนื่องจากมีเหตุติดขัดด้านผู้ร่วมเดินทาง อย่างไรก็โมทนา เพราะไปปฏิบัติกับพระอริยะเจ้าเช่นกัน สาธุ

 

อืม..แปลกมากเมื่อคืนผมเห้นพี่ชาใส่ชุดสีขาวแบบแม่ชีมาบอกอะไรไม่รุ้ผมด้วยล่ะ...ผมจำไม่ได้อ่ะ...ว่าพี่ชาบอกอะไรบ้าง..ที่แท้ก็ไปปฏิบัติธรรมนี่เอง

 

ขอบคุณ คุณ"ง้วนดิน"
เรื่องชื่อถนนเดิม ของ วิภาวดีรังสิต
ครับ เพื่อโปรดทราบทุกท่าน

 

อยู่ในศรีลังกา เวลาไปเที่ยว จะมีไกด์ชาวศรีลังกา
เขาพูดไทย ได้ เคยมาบวชอยู่ที่วัด "กระโจมทอง" 3 พรรษา

จากเรื่องที่เขาพูด เกี่ยวกับการบวชเป็นพระ
ที่ศรีลังกา เข้มงวดเหมือนที่ ธิเบต
ถ้าใครบวชเป็นพระแล้วห้ามสึก
ถ้าสึกออกมา สังคมที่นั่นจะไม่ยอมรับ ไม่สมาคมด้วย

เขาบอกว่า เขาอยากบวชเพื่อให้ได้บุญอย่างยิ่งใหญ่
แต่มีภาระ ทางสังคม ครอบครัวและลูก
เขาจึงแอบเข้ามาบวชในประเทศไทย
เมื่อบวชแล้วก็สึกได้ ไม่มีปัญหา

จึงมีผู้ชายจากศรีลังกา แอบหนีมาบวช
ที่ ประเทศไทย อยู่เรื่อยๆๆ

 

อ้าว แล้ว วัดกล้วย ล่ะครับ วัยรุ่นใจร้อน ครับ อาจารย์ แฮะ ๆๆๆๆ

 

จากวงเวียนที่มีเจดีย์อยู่ตรงกลาง
เราเลี้ยวซ้ายไปตามป้ายที่ชี้ไป วัด ใหญ่ชัยมงคล

วัดนี้เป็นวัดที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงสร้างขึ้นมา
เพื่อให้ พระมอญ"มหาเถรคันฉ่อง"

ผู้ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ มีการหลั่งน้ำสิโนทก
ประกาศเป็นอิสระ ไม่ขึ้นแก่พม่าอีกต่อไป
ให้เป็นเจ้าอาวาสและสังฆราช ในยุดนั้น
เดิม วัดนี้ชื่อ "วัดป่าแก้ว"

ขับมาได้ ประมาณ 200 เมตร
ตรง สุดโค้งมองเห็น พระเจดีย์ใหญ่ สาม องค์
เรียงอยู่อยู่ทางซ้ายมือ มีร่องรอย ถูกทำลายบางส่วน
ในยุคกรุงแตก เมื่อ ปี พศ. 2310

 

ขับรถเลยไป เพราะ วัดใหญ่ชัยมงคล ไม่ใช่เป้าหมาย
เห็นทางรถไฟ อยู่เบื้องหน้า พร้อมป้าย ชี้ทางไปวัด กล้วย

พอข้ามทางรถไฟ ก็เลี้ยวขวา
วิ่งไปตามถนนที่ ขนานไปกับทางรถไฟ
ถนนค่อนข้างสูง คงจะสร้างเพื่อหนีน้ำท่วม
เพราะอยู่ใกล้ตลิ่ง แม่น้ำเจ้าพระยา

เข้าไปได้ ประมาณ 300 เมตร
เริ่มมองเห็น หลังคาโบสถ์ อยู่ไม่ไกล
วัดนี้ ซ่อนอยู่ในถนนซอย ไม่ใช่ถนนหลัก
เราจึงไม่เคยผ่านและไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน

จากที่สูงขนานทางรถไฟ มีทางลาดแยกเข้า วัด
เป็นถนนลาดลงไป ยังที่ต่ำกว่าประมาณ 2 เมตร

เบื้องหน้า เป็นลานคอนกรีตกว้าง
พอสำหรับรถ จอดได้ 40-50 คัน
มีต้นโพธิ อยู่ที่สุดลาน สองต้น ขนาด ค่อนข้างใหญ่

เราแล่นเข้าไปจอด ต้นทางซ้ายมือ
เพราะต้นทางขวา เห็นคนงานกำลัง ก่อสร้าง
กำแพงเตี้ย วนรอบต้นเพื่อไม่ให้ดินทะลายลงมา

มองเห็น ว่า มีโบสถ์ ใหญ่ กับ ศาลาเก่าอยู่ติดกัน
จึงถามคนงาน ว่า ท่านเจ้าอาวาส อยู่ หลังไหน
ก็ได้รับคำตอบว่า อยู่ในโบสถ์

เราจึงรีบเดินตรงเข้าไป พร้อม สัมภาระ
ที่จะถวายสังหทาน พร้อม ผ้าไตร สามผืน

 

เมื่อไปยืนที่หน้าโบสถ์ ก็ยืนทำจิต น้อมคารวะเจ้าที่
เพราะ กฏสากลมีอยู่ว่า สถานที่ทุกแห่งในโลกนี้
ล้วนแล้วแต่มีเจ้าของ

ทันใดเมื่อน้อมจิต ก็ มองเห็น
ร่างสีทองสูงใหญ่เกือบ 3 เมตร
เหมือน ยักษ์ ที่ยืนเฝ้าประตูวัด พระแก้ว
เอาสองมือ ถือตะบอง กด ขวางประตูไว้

ภาพยักษ์ยืนถือ ตะบอง ชินตามาก
นี่..คือ ท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร
ผู้เป็นหนึ่งในสี่ ของจตุโลกบาล ผู้ดูแล สี่ทิศ

เป็นที่แปลกใจ เพราะโดยปกติ เวลาเข้าวัด
จะ พบ พญานาคเป็นผู้เฝ้าวัด
โดยเราจะเห็นซุ้มประตูวัด บันได ขึ้นวัด
มีรูปปั้นของพญานาคกำลังทำหน้าที่ รปภ. มาตลอด

แต่ที่นี่ ผู้เฝ้าวัด กลับเป็น ท้าวเวสสุวรรณ
ผู้เป้นเจ้านาย ของ พยายมราช ผู้เฝ้า ประตูนรก
เราจึง กล่าว สวัสดี และบอกว่า เรามาดี
มาทำบุญ สังฆทาน ขอให้เปิดประตูให้ด้วย

ท้าวเวสสุวรรณ ยิ้มรับ แล้ว ยก ตะบอง ออก
เปิด ช่องว่าง ให้เราเข้าไป

 

เราก้าวเข้าไป ทางประตูด้านขวา
เพราะ ท้าวเวสสุวรรณ ยืนเฝ้าที่ประตูนี้

ทันทีที่ก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไป
ก็กระทบกับความเย็นซ่า ที่ทำให้หายเหนื่อย

มองไปตรงหน้า เห็นพระประธาน
ในปางนั่งสูงจรดเพดาน สูงประมาณ 3 เมตร
แต่ด้านหน้า แทนที่จะเป้รูปหล่อของ
พระ อันดับ หรือหลวงตา หลวงปู่ เหมือนที่อื่น

กลับเป็น กล่อง ตู้ พระธาตุ วางเรียงกันไปจำนวนมาก
แปลว่า ที่วัดนี้ ให้คนไป กราบพระธาตุ เป็นสำคัญ

องค์พระธาตุ นั้น เป็น วัตถุบูชาที่ ศักดิ์สิทธิ
มีพลังเย็นแห่ง ฉัพพรรณรังสีอยู่
จึงทำให้เย็นเหมือนติดแอร์ ทั้งโบสถ์

เราจึงนั่งลงกราบ บูชาพระธาตุ
พร้อม สวดมนต์ ทำวัตรเช้าไปในตัว

 

มองทางขวาเห็น มี อาสนะอยู่สองที่
พร้อมสิ่งของ ถวายสังฆทาน เรียงอยู่

แปลว่า ที่ นี่ มีการถวายสังฆทานเป็นประจำ
และคงจะมีพระสงฆ์สององค์
กันเข้าเวร ทำ พิธีกรรม

เราเริ่มหันมองหา พระ ที่จะมารับสังฆทาน
ก็พอได้เห็น พระรูปหนึ่ง อายุประมาณ 50 เดินเข้ามา
จำได้ว่า เมื่อ กี้ พระองค์นี้ เดินอยู่ข้างนอก
คุมการก่อสร้างอยู่

ท่านเดินมานั่งที่ อาสนะ ตัวนอกใกล้ประตูทางออก
เราจึงกราบ อย่างมีคารวะ
ท่านบอกว่า ท่านเป็น เจ้าอาวาส

และถามเราว่า จะมาทำอะไร
เราก็บอกท่านว่า จะมาทำ สังฆทาน ถวายจตุปัจจัย
พร้อมผ้าไตร ถวายให้แก่ลูกของ แม่ที่มาด้วย
และกำลังป่วยหนัก เพื่อ จะได้ มีอาการป่วยดีขึ้น

ท่านก็ยิ้ม และบอกให้เรา สวด มนต์ เริ่ม จาก นะโม..
อาราธนาศีล รับศีล..ตามด้วย อิมินา..ถวาย ปัจจัย
อนุโมทนา กรวดน้ำ

พอเสร็จท่านก็ถามเรื่อง เด็กคนป่วย
ผู้เป็นแม่ เอารูปเด็ก ออกมา วาง
ท่านก็เอามือ แตะ และเรื่มสวดมนต์ เบาๆๆ
เป็นบทสวดเพาะที่ไม่ค่อยได้ยินได้ฟังกัน

 

รู้สึกว่า มีพลังหนักๆๆเข้ามากระทบ
จึงตั้งจิตมองด้วยตาที่สาม

ก็เห็นภาพในอีกมิติ
ท่านเจ้าอาวาส นั่งบริกรรมอยู่ ตรงนั้น

แต่ในอีกมิติ ที่เดียวกัน กลับเป็นภาพ
พระพุทธองค์กำลัง ยืนในปาง ถือบาตรรับการถวาย
และเบื้องหน้า ของ พระพุทธองค์ เป็น ท้าวเวสสุวรรณ
กำลัง ยืนสงบนิ่ง อย่างอ่อนน้อม

จากในจิต และเทเลพาที ได้ความว่า
พระพุทธองค์กำลัง ขอ บิณฑบาตรชีวิตเด็ก
ต่อ ท้าวเวสสุวรรณ ผู้เฝ้าประตูนรก

ให้ยืดเวลาออกไปก่อน
ปล่อยให้เด็กได้มีโอกาส ทำบุญ สะสมบุญบ้าง

และก็เป็นที่เข้าใจในกลุ่มพุทธ ว่า
กรรมนั้นลด ไม่ได้ แต่เมื่อ ทำบุญมากพอ
กรรมจะตามไม่ทัน
ขณะที่กรรมยังตามไม่ทัน
ก็จะมีโอกาส สะสมบุญ เบี่ยงกรรมนั้นไปได้บ้าง

จากมิติที่เห็น
แปลว่า กระบวนการในการยืดอายุ เป็นเช่นนี้เอง

เมื่อ จบการยืดอายุ
ท่านจึงเล่าให้ฟังว่า ทำไม ที่วัดนี้
จึงมีพระธาตุเป็นสำคัญในการให้คนมากราบ
เล่าถึงพระธาตูที่ แสดงปาฏิหาริย์ มากับสายฟ้า
และรายละเอียดอื่นๆๆ ทำให้รู้ว่า
วัดนี้ เป็นวัดเก่าแก่ แห่งหนึ่ง ของ กรุงศรีอยุยา

เมื่อ จบ เราจึงหันมาทำบุญ
เอาเงินหยอดตู้ บริจาคที่อยู่ รายรอบ กำแพงโบสถ์
ใส่ตู้ค่าน้ำ เพื่อ จะได้มีน้ำใจ ต่อ คนอื่น
และ คนอื่นมีต่อเรา

หยอดในตู้ค่าไฟ ก็เพื่อ จะได้มีตาและจิตใจสว่าง
ในการปฏิบัติธรรม เห็น ทางหลุดพ้น

เสร็จก็กราบลาท่านเจ้าอาวาสออกมา
ขามา รีบเข้ามา ไม่ได้ ทันดูอะไร เพราะ จะรีบต่อ อายุเด็ก
ขากลับออกมา มีเวลามาก จึงค่อยๆๆ พิจารณาดูวัด
ทั้งสองมิติ คือ ตาใน และ ตานอก

จากตานอก จึงได้เห็นว่า ตรงหน้า ประตูเข้า
มีแผ่นป้ายเล็กๆๆ ติดไว้ มีใจความว่า
"ที่นี่ รับต่ออายุ"" อย่างชัดเจน
มิน่า..เล่า พระแม่กวนอิม จึง บอกให้มา ทำพิธีต่ออายุที่นี่
..โอ้ โอ....โฮ !!!!!!!!
(มีต่อ))

 

โห มันส์มากครับ อาจารย์

 

โห มันส์มากครับ อาจารย์

 

โมทนาสาธุค่ะ อาจารย์

เป็นกุศลแก่เด็กเหลือเกินค่ะ แหมอาจารย์เหมือนเป็นฮีโร่เลย

 

หลังจากมองดูป้าย เชิญชวนต่ออายุแล้ว
ก็หันไปมองด้านข้าง เห็นอะไรแวบๆๆสีขาวหรือสีเงิน
วางแอบอยู่ข้างๆประตูเข้า ก็เข้าไปดูใกล้ๆๆ
มองทางขวาของเสาประตูเข้าโบสถ์ ก่อน

พอเข้ามาใกล้..ก็ โอ้..โฮ..รูปหล่อ ท้าวเวสสุวรรณ
สูงประมาณ 4 นิ้ว ยืนยิ้ม อยู่หลังเสาประตู

มองไปทางซ้ายก็เห็นอีก หนึ่งรูปหล่อ
เป็นท้าวเวสสุวรรณ อีกเช่นกัน
เป็นการวางยามคู่หน้าประตูเข้าโบสถ์อันศักดิ์ สิทธิ์

แปลว่า วัดนี้ เอารูปหล่อท้าวเวสสุวรรณ
มาวางที่หน้าประตูเข้าโบสถ์

แล้วอัญเชิญ ท่านให้มาเฝ้าประตู
ป้องกันสิ่งที่ไม่ดี เข้าภายในโบสถ์

และ รับอาสา ยืดอายุ ของผู้มีกรรมหนัก
ที่มา ทำบุญถวายสังฆทาน พร้อมผ้าไตร

โดยมีบารมีสูงสุด ของ พระพุทธองค์ เป็นสิ่งเชื่อมต่อให้
ระหว่างผู้มีกรรมหนัก กับ ท้าวเวสสุวรรณ
ให้ยืดเวลา ของกรรมออกไป

สาะ...สาธุ...สาธุ...

 

พอเสร็จจากในโบสถ์ก็เดินออกมาที่ ลานจอดรถ
มองตลอดลานกว้าง เห็นสิ่งผิดปกติ อยู่อีก หนึ่งอย่าง

เป็นต้นตาลเดี่ยว สูง ชลูด อยู่กลางลาน
มีต้นเดียวจริงๆๆ
ทั้งๆที่ การเทลานพื้น คอนกรีต ไม่ควรจะเว้นไว้

เดินเข้าไปดูใกล้ๆๆ พบว่า ตาลต้นนั้น ค่อนข้างสูง
ประมาณ เสาไฟใหญ่ หรือ 15 เมตร
อายุ คงจะไม่น้อย กว่า 20 ปีขึ้น

ที่สำคัญ มีผ้าแดงผูก รอบต้น แสดงว่า สำคัญ
จึงมองด้วยตาที่สาม ภาพที่ชัดเจนคือ

พญานาค สีทอง 1 เศียร ต้วยาว ตลอดลำต้นตาลนั้น
กำลัง ยืนอยู่เอาส่วนหางลงที่โคนต้น
เอาส่วนหัว ขึ้นไปที่ยอด และหันไปทาง ขวา

เราก็หันตามว่า พญานาค มองอะไร
อ้อ..ทางขวามือ ห่างออกไป ประมาณ 5 เมตร
เป็นรูปปั้นของ องค์พระสีวลี ยืนถือร่มอยู่หน้าต้นโพธิ
ตอนมา เรารีบร้อน...จึงไม่ได้สังเกตุเห็น

พญานาค....มาเฝ้า พระสีวลี นี่เอง
เราจึงกำหนดจิตแผ่เมตตาให้แก่พญานาค
ที่ต้องอดทน มาเฝ้าวัด และ เฝ้า พระอรหันต์
ดูเขาจะพอใจที่ เมตตาที่เราให้

เมื่อจบเราก็บอกลาพญานาค
เดินตรงไปที่ องค์พระสีวลี ซึ่งได้ขื่อว่า มีเมตตา
และให้โชคลาภสูงสุด

กำหนดจิตบอกท่านว่า
เราไม่ได้ ติดใน ลาภ ยศ สรรเสริญ
แต่การอยู่ในโลกนี้ เรายังต้องอาศัย ปัจจัย
ขอให้เรามีโชคลาภด้วน เทอด
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จะได้ผลไหม

(มีต่อ)

 

อ. หายไปเลย รออ่านครับบบบบบบบบบบบบบบบ

 

มาเป็นกำลังใจให้อาจารย์นะคะ ท่าทางจะเหนื่อยกับการพิมพ์ และการมาเกรียนของคนบางคน
*****
ฉันก็เหนื่อยอยู่เหมือนกันคะ เหนื่อยกับการใช้ชีวิต เฮ้อ จบโท ตกงาน สบายใจจัง
ฮ้ากซซซซซซซ สู้ ๆ