นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขยายยังไงดีล่ะ เราไม่เก่งเรียงความ เก่งแต่ย่อความ เรียงความเคยได้คะแนนเต็ม ตอนที่เขียนเรื่องแม่เท่านั้นแหละ

    เห็นเมื่ออาทิตย์ก่อนโน้น ที่บอกว่าฝันเรื่องพระอริยะกับพระธรรมนั่นแหละ แ้ล้วก็เห็นอยู่ในกระทู้นี้มีพระอริยะ 3 และพระศิวะเทพ 3 ขยายแค่นี้พอหรือยัง ถ้ายังไม่พอ คืนนี้เข้ามาอยู่ในฝันเรานะ จะได้ช่วยกันจำรายละเอียด อิอิ

    พระอริยะก็มี พระอนาคามี 1 พระสกิทาคามี 1 พระโสดาบัน 1 แต่ไม่บอกหรอกนะว่าเป็นใคร?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2012
  2. นํ้า้ทิพย์

    นํ้า้ทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +836
    เปล่าค่ะตอนนี้ยังอยู่ต่างประเทศอยู่ค่ะ

    และก็ทำงานด้วยค่ะก็เลยไม่ค่อยมีเวลามาคุยบ่อยค่ะ
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นั่นไง...นึกแล้วเชียว ถ้าอย่างนั้นอีก 5 ชั่วโมงเจอกันนะคะ ตามที่คุณคุรุวาโรบอกไว้ เราได้เจออีกประเทศนึงแล้ว น้องแตอยู่ที่สวีเดนถูกมั้ยคะ เพราะว่าแม่ย่าเคยบอกไว้ว่าเราจะต้องติดต่อกับคนอีก 8 ประเทศ มี ออสเตรเลีย สวีเดน โปแลนด์ ศรีลังกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เจอ 2 ประเทศแล้วค่ะ เอาไว้ครบก่อนแล้วค่อยบอกนะ
     
  4. นํ้า้ทิพย์

    นํ้า้ทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +836
    ใช่ค่ะแตอยู่สวีเดน
     
  5. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nouk [​IMG]
    ขยายยังไงดีล่ะ เราไม่เก่งเรียงความ เก่งแต่ย่อความ เรียงความเคยได้คะแนนเต็ม ตอนที่เขียนเรื่องแม่เท่านั้นแหละ

    เห็นเมื่ออาทิตย์ก่อนโน้น ที่บอกว่าฝันเรื่องพระอริยะกับพระธรรมนั่นแหละ แ้ล้วก็เห็นอยู่ในกระทู้นี้มีพระอริยะ 3 และพระศิวะเทพ 3 ขยายแค่นี้พอหรือยัง ถ้ายังไม่พอ คืนนี้เข้ามาอยู่ในฝันเรานะ จะได้ช่วยกันจำรายละเอียด อิอิ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ป๊าดดดดด อุตส่าห์พูดอ้อมๆ แระ ยังลื่นไปได้อีกอ่ะ
    งั้นฟันธงเลยนะ...พระอริยะ 3 และพระศิวะเทพ 3 น่ะ คือใคร? ยังไง? ตรงประเด็นดีม๊ะ อิอิ
     
  6. kanid

    kanid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +2,596


    น่าสนใจค่ะ:cool:

    นิทานวันนี้หนุกหนานค่ะ
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เราเคยบ่นกับตัวเองว่าด้วยภาระทางโลกในปัจจุบัน แล้วเราจะไปพบเจอกับคนที่แม่ย่าบอกไว้ได้ยังไง ไม่มีเวลาไปหาใครหรอก แก่ไปทุกวันๆ ใกล้จะตายอยู่แล้ว ชาตินี้จะเจอมั้ย และแล้วคนแรกก็เข้ามา จากออสเตรเลียค่ะ เจอกันเมื่อปีก่อนโน้น

    เค้าติดต่อเข้ามาเองเหมือนกันค่ะ แล้วก็คุยกันทางอินเตอร์เน็ตเป็นเวลา 1 ปีเต็ม เพิ่งพบกันเมื่อปีที่แล้วเอง

    เค้าเล่าว่า เค้าเห็นเราในนิมิตว่าเราเคยเป็นพี่ชายที่แสนดีของเขาในอดีต เราคุยกันอย่างคุ้นเคยโดยที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย ครั้งแรกที่เค้าได้คุยกับเรา เค้าบอกว่าเค้าขนหัวลุกและเชื่อว่าเรามีองค์แม่จริงๆ

    เค้าติดต่อเข้ามาเพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องโดนคุณไสย ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ แต่ได้แนะนำให้เค้าไปแก้ไขเอง เพราะว่าอยู่กันคนละซีกโลก และเค้าก็ทำตามจนเป็นปกติ แรกๆ ก็คุยไม่รู้เรื่องเหมือนคนขาดสติ

    ตอนที่เ้ค้ามาเมืองไทย เค้าถามว่าพี่ชอบสีอะไรจะซื้อเสื้อมาฝาก เราบอกไปว่าชอบสีน้ำตาล แต่พอมาถึงจริงๆ กลับเป็นสีเหลืองซะนี่ เค้าบอกว่าหาสีน้ำตาลยากก็เลยเอาสีเหลืองมาให้ ดูดิ อะไรๆ ก็เหลืองไปหมด
     
  8. kanid

    kanid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +2,596
    พักจิบน้ำเสร็จ เล่าต่อค่ะคุณนู๊ก

    8 ประเทศ หากรวมคุณนุ๊กด้วย เป็น 9 อรหันต์จิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 พฤษภาคม 2012
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    มิกกี้ เรื่องนี้บอกไม่ได้จริงๆ เป็นความลับสวรรค์ค่ะ ยังไม่ถึงเวลา
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    แต่โปแลนด์เนี่ยเป็นผู้ชายค่ะ เคยเจอกันที่ประชุมเทวโลก ขึ้นไปได้ยังไงก็ไม่รู้ มีการประชุมกันหลายประเทศมาก เรื่องการช่วยเหลือมนุษย์เกี่ยวกับภัยพิบัติ (ใครอยากว่าบ้าก็เชิญนะ ไม่กลัวบาปกรรมก็แล้วไป)

    แต่ละคนก็แต่ละหน้าที่ค่ะ แม่ย่าบอกว่าเราจะเป็นศูนย์กลาง ต่อไปอนาคตข้างหน้าเราจะบินเป็นว่าเล่น ถูกเชิญไปที่โน่นที่นี่ ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรแล้ว

    ตอนที่ได้รับทราบใหม่ๆ ฟิตมากเลยค่ะ แต่เวลามันก็ผ่านมานานแล้ว เรื่องนี้ท่านสั่งไว้ก่อนที่ท่านจะจากไป ท่านให้เราจดไว้ด้วย แต่กระดาษที่จดไว้ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหนแล้ว (มีความสนใจมากไปหรือเปล่า)
     
  11. kanid

    kanid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +2,596
    กว่าจะครบ 8 ประเทศ ใช้เวลานานมั้ย
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ให้น้องแตเล่าบ้างดีกว่านะคะ อยากฟังเรื่องราวค่ะ รออ่านหนอ
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ไม่ทราบค่ะ อยู่ที่ความสนใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ พอนึกได้ทีก็จะถามท่านพร้อมทั้งตัดพ้อต่อว่าๆ เมื่อไหร่จะได้เจอ บางทีก็ปลงค่ะ คงจะหากันเจอจนครบชาติหน้าซะล่ะมั้ง ก็เราอยู่เมืองไทยตลอดจะไปเจอกันได้ยังไงใช่มั้ยคะ

    เมื่อคืนก็บ่นกับท่านว่าเราเบื่อที่นี่มากๆ แล้ว อยากกลับบ้าน ทำยังไงก็ได้ให้เราได้กลับไปอยู่บ้านที เบื่อที่จะมีชีวิตแบบนี้แล้ว (ที่จริงมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร) ถ้ามันสงบไม่ได้ก็จะไปเกิดใหม่แระ
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    8 ประเทศเนี่ย ไม่เกี่ยวกับ 9 อรหันต์ค่ะ เพราะ 9 อรหันต์ได้ครบแล้ว และแต่ละคนก็ได้แยกย้ายกันไปทำหน้าที่คนละทิสคนละทาง ตั้งแต่แม่ย่าจากไปแล้วค่ะ ทุกวันนี้ก็ไม่เคยได้ติดต่อกันอีกเลย เหมือนท่านไม่ต้องการให้เรายึดติดกับท่าน หรือยึดติดกับอะไร ให้ละทั้งหมด

    เหมือนครั้งพุทธกาล ที่พระสาวกของพระพุทธองค์เมื่อบรรลุธรรมแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันไปเพื่อเผยแพร่พระธรรม ยังไงยังงั้นค่ะ

    และ 8 ประเทศนี้ คือสายญาณที่จะเข้ามาช่วยงานเรา
     
  15. kanid

    kanid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +2,596


    โลกอินเตอร์เนต ปัจจุบันรวดเร็ว คงช่วยได้เจอจนครบนะคะ

    จะรีบไปไหนค่ะ บ่นน้อยใจน๊า
     
  16. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    น่าสนใจคำว่า "อรหันต์"

    หนึ่งใน 9 อรหันต์ ซึ่งแน่นอนว่า รวมถึงเจ้าตัวด้วย และเหตุใดจึงใช้คำว่า 9 อรหันต์

    ทั้งยังเปรียบไปยังเหล่าพุทธสาวกในครั้งพุทธกาล แต่ไฉนกล่าวอะไรออกมาจึงไม่พ้น บูชาเหล่าเทพเทวานารี

    ก็ไม่เห็นจะมีบริบทใดที่เป็นพระธรรม หรือต้องให้คิดเอง เออเอง นิมิตเอง เข้าใจเอง

    แล้วก็จะเปรียบไปอีกว่า นั่นเป็นเรื่องของ สองคนยลตามช่อง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ในความไม่ตรงต่อธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2012
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ไปเกิดใหม่เพื่อไปตั้งต้นใหม่ยังไงคะ จะได้มีเวลาเยอะๆ

    จริงๆ ทุกวันนี้ก็สุขสบายดี ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องอะไร หน้าที่การงานก็ดี ลูกหลานก็โตช่วยเหลือตัวเองได้หมดแล้ว แทบจะไม่มีภาระอะไรเลย มีคนดูแลเอาใจใส่ มีบริวารที่เคารพเชื่อฟัง แต่ขาดอิสระภาพด้วยหน้าที่การงาน อิสระภาพเนี่ยเรียกว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ ไขว่คว้าหามาตั้งแต่เด็กๆ ค่ะ
     
  18. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    เห้ย..! อรหันต์ อะไรยังมีแดนเกิดอีก นี่มันนิยายหลอกเด็กนี่

    หรือเป็นทฤษฏีสมคบคิด ใช้ จขกท. เป็นเครื่องมือ ตามปาระกิจเปื้องบน ล่ะจบกัน

    ซึ่งก็ไม่สามารถให้คำจำกัดความได้ กับที่กล่าวออกมาว่า 9 อรหันต์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2012
  19. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    บร๊ะเจ้าโจ๊ก..เละยิ่งกว่าโจ๊ก...มาทำไมแถบระยองอ่า..
    หนู๋อยู่แถวนี้น๊า...กลัวง่า..
    โห..กว่าจะตามอ่านทัน นู๋แทบคลานเลยนิ..
    กองหน้า กองกลาง กองหลัง...มาละเเหวยยยย มาละวา..
    มาแต่ของเขาของเราไม่มา ตะละล่า...*-*
     
  20. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ความเดิมจากตอนแรก!

    นางผู้มีจิตอันเข้มแข็ง บำเพ็ญเพียรประพฤติพรหมจรรย์อยู่จนตลอดชีวิต...
    ลุอำนาจมนต์สกด ของคนธรรพ์ และเหล่าอสูร ยักษ์ร้าย ฯลฯ.....
    ไม่สามารถนำเธอมาเป็น บาทบริจาค และนางสนมกำนันได้เลย

    เนื่องจากเธอนั้น สมัยเป็นมนุษย์ประกอบกุศลจิต ได้กระทำความเพียรโดยรวบรวม
    น้ำบริสุทธิ์(น้ำค้าง)จากยอดหญ้า ดอกไม้ และใบไม้ นำมาใส่ภาชนะแล้วเดินทางขึ้นเขาไปทำการสักการะ สงน้ำพระบรมสารีริกธาตุบนยอดเขา ยุคนธร..
    แล้วอธิษฐานจิตให้ วรรณะนางมีสีใสบริสุทธิ์ดุจน้ำค้างบนยอดหญ้า
    ด้วยว่านางระลึกชาติได้ถึงอกุศลกรรมเก่า ที่เป็นเหตุให้นางเกิดเป็นหญิง ซึ่งเป็นอัตภาพอันไม่พึงปรารถนา....นางอธิษฐานจิตว่า
    "หากแม้นว่าข้าพเจ้า ยังมิได้อัตภาพความเป็นบุรุษอยู่ตราบใด ตลอดกาลท่องเที่ยวไปในวัฎฎะ ขอให้ร่างกายอันมีองค์กำเนิดนี้มีวรรณะใสดุจดั่งน้ำค้างบนยอดหญ้าตราบนั้นเทอญ"
    เพราะเหน็ดเหนื่อยต่อการเดินทางไกล เกรงว่า
    น้ำบริสุทธิ์นั้นจะเหือดแห้งหมดไปในระหว่างการเดินทาง นางจึงเร่ง
    ฝีเท้าจนเกินกำลังของร่างกาย สุดที่จะต้านทาน!....เมื่อได้ทำการสงน้ำพระบรมธาตุ และสิ้นคำอธิษฐานจบลง
    นางก็ขาดใจตาย ลงทันที.....ไปบังเกิดเป็น พญานาค มีนามว่า
    "โกมาลิกะนาคราช" นางนั้นมีวรรณะดุจแก้วใสดั่งน้ำคัาง มีรัศมีอันสว่างรุ่งโรจน์
    ดุจแสงสว่างของดวงดาว เทียวไปอยู่ ฉะนั้น.

    เพื่ออะไร ครับ ทำไม่นางถึงอธิษฐานเช่นนั้น ?
    1. เพราะไม่อยากให้ใครเห็นนางได้โดยง่าย จะทำให้นางบำเพ็ญพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์
    2. เป็นการอำพรางตัวไม่ให้ ภัยมาถึงตัว
    3. เพื่อการได้อัตภาพเป็นชาย โดยเร็ว จะได้บวชและบรรลุธรรมในบวรพุทธศาสนา
    4. เพื่อความงามเลิศกว่าสตรีใด
    5. เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ทางกาย ไว้ให้แก่คนรัก จะได้เกิดมาคู่กันทุกภพทุกชาติไป

    นางมักออกมายืนมองดูยอดเขา "ยุคนธร" เพื่อระลึกถึงบิดาที่จากไป....
    "โกมาลิกา เอย" ลูกเห็นแสงสว่างโพยพุ่งออกจากยอดเขาลูกนั้นไหม?"
    "เห็นค่ะพ่อ"
    "แล้วลูกรู้สึกอย่างไร?"
    "รู้สึกสงบ เยือกเย็น มากค่ะพ่อ"
    "รอยยิ้มของท่านผู้เป็นรัตตัญญู เผยให้เห็น บนใบหน้าอันอ่อนโยน..."
    "เจ้ายังเด็กนัก ลูกเอย บนยอดเขาลูกนั้นเป็นเขตแดนอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรของนักปราชญ์ ราชบัณฑิตมาแต่ครั้งปางบรรพ์จวบจนสมัยนี้...และที่สำคัญยังเป็นสถานที่ใช้บรรจุพระบรมสารีริธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รัศมีแห่งพระองค์ท่านที่ลูกเห็นนั้นแล...ลูกรัก"
    "โอ้โห น่าอัศจรรย์จริงค่ะพ่อ...(ขนาดเราอยู่ห่างไกลยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น และสงบร่มเย็นถึงเพียงนี้ ถ้าเราได้พบเห็นพระองค์ท่านจริงๆซักครั้งหนึ่ง เราคงมีความสุขยิ่งขึ้นกว่านี้) งั้นหนูจะขึ้นไปบนเขาพบพระองค์ท่านได้มั้ยค่ะพ่อ?"
    "...ลูกรักพระองค์ท่านเสด็จดับขันธ์ปรินิพานนามมาแล้ว...คงเหลือไว้แต่คุณอันประเสริฐ...แม้พ่อเองก็มิได้เคยพบเห็น...เป็นแต่เพียงว่าครั้งหนึ่งเคยได้มาสู่ธรรมวินัยของพระองค์ท่าน...หากไม่พบเจอแม่ของเจ้าเสียก่อน! ป่านนี้พ่อคงจะได้ไปอยู่กับพระองค์ท่านนานแล้ว....เสียงลมหายใจยาว ถูกขับออกมาด้วยความยากลำบาก..."
    "ทำไม่ค่ะพ่อ?"
    "เพราะพ่อมิได้ประพฤติพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์หมดจด จึงทำให้ไปไม่ถึงฝั่งอันเกษมจากโยคะ ลูกเอย...พระองค์ท่านทรงประทับอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น!...ถ้าลูกอยากพบเห็นพระองค์ท่าน จงประพฤติธรรมยังสัมมาทิฎฐิให้เกิดขึ้น บำเพ็ญพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์เถิด...
    ก็แต่ว่าในอัตภาพความเป็นหญิงของเจ้านั้นพระศาสดาไม่ทรงสรรเสริญให้บวช เพราะหญิงนั้นเป็นมนทิลของพรหมจรรย์...ดั่งเช่นแม่ของเจ้า!...และบัดนี้ยุคแห่งพระสัทธรรมใกล้จะถึงกาลสิ้นสุดแล้ว...ถ้าลูกยากพบเห็นพระองค์ท่าน....จงตั้งจิตอธิษฐานเอาเองเถิด ลูกรัก"

    คำสอนครั้งสุดท้ายของพ่อ ยังคงกึกก้องอยู่ในโสตประสาท....
    ภาพชายวัยกลางคน เดินบ่ายหน้าขึ้นสู่ภูเขายุคนธร หายลับจากไป...ชั่วกาลนาน!...."พ่อไปอยู่กับพระองค์ท่านแล้ว...สักวันหนูจะตามไปค่ะพ่อ!" นางรำพันถึงความปราถนาแห่งใจ พร้อมจิีตอันเข้มแข็ง....

    ๑๖ ปีแล้วสินะ บัดนี้เราได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว...คงถึงเวลาที่เราจะได้กระทำในสิ่งที่ทำได้ยาก คือการอธิษฐานจิตมั่นเพื่อการได้แลเห็นพระพักตร์และชื่นชมทัศนาการในพระมหาปุริสลักษณะแห่งองค์พระบรมศาสดาในอัตภาพที่พระองค์ทรงสรรเสริญ(ชาย)เมื่อพระองค์ท่านทรงแสดงธรรมอยู่ เรานั้นจักพึ่งถึงฝั่งอันเกษมจากโยคะในอัตภาพนั้น(เป็นคำเฉลยแรกมีในข้อ 3)
    ก็แต่ว่า...ในวัฎฎสงสารอันหาที่สุดไม่มีประมาณนี้ เราอาจพลาดจากธรรมของพระศาสดา...อย่ากระนั้นเลย เราจึงควรที่จะหาวิธิป้องกันตนเองมิให้ภัยมาถึงตัว ด้วยการรักษาและประพฤติพรหมจรรย์จนตลอดชีวิต เราจะไม่เป็นดั่งเช่นแม่ของเรา!กระทำพรหมจรรย์ของตนให้เศร้าหมอง(เป็นคำเฉลยรอง มีอยู่ในข้อ ๒)
    ....ก็แต่ว่าวรรณะของเรานั้นเป็นที่เย้ายวญใจของบุรุษ จำเราจะต้องปกปิดอำพรางไว้ด้วยสิ่งใดหนอ?(เป็นคำเฉลยลำดับสุดท้ายมีอยู่ในข้อ ๑)
    คืนนั้นนางมองดูดาวบนท้องฟ้า กอบกับเป็นช่วงเหมันตฤดู น้ำค้างลงจัด
    พลันความคิดหนึ่งได้บังเกิดขึ้น ในห้วงมโนนึก.....ดังที่ได้เล่าไว้แล้วในตอนต้น

    ....เหตุที่นางได้อัตภาพเป็นพญานาคนั้น เพราะทำบุญเจือด้วยราคะจิต ที่ดำริอยากจะชื่นชมทัศนาการแห่งองค์พระบรมศาสดา(ด้วยนางเห็นแต่เพียงรัศมีจากองค์พระบรมสารีริกธาตุบนยอดเขา...ยังมิอาจทำความปราถนาแห่งใจให้เต็มบริบูรณ์ได้)
    ส่วนวรรณะสดใสดั่งแก้วนั้น คงพอทราบแล้วกระมัง!


    โกมาลิกะนาคราช ตอนที่ ๒ "อุปปาติกะบุญ"

    เขายุคนธร เป็น ๑ ในเขาทั้ง ๗ ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ(หรือภูเขาสิเนรุ)...ครั้งนั้นยังมีปราสาทเมืองยุคนธร ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา
    เมื่อพระราชาธิราชเจ้ายุคันธระราชบิดา ทรงสละราชบันลังค์ ให้แก่พระราชโอรสผู้มีบุญญาธิการสูงพระองค์นั้น ครบกำหนดได้เพียงเจ็ดวัน...จักรแก้วนั้น ล่องลอยมาจากมหานทีสีทันดร ส่งเสียงดังไปไกล ๑๒ โยชน์
    และส่องแสงสว่างไปไกล ๓ โยชน์ พอบินไปถึงประตูเมืองก็เวียนอยู่ ๓ รอบ แล้วบินช้าลงมาบนถนนเข้าไปสู่เขตพระราชวัง แล้วจึงบินวนอยู่ในนั้น ๓ รอบ
    ๗ รอบ แล้วก็เข้ามาหาพระเจ้าจักรพรรดิ์เหมือนมีชีวิต ดุจจะมานบน้อมแทบเบื้องยุคลบาทของพระเจ้าบรมจักรพรรดิ์ จากนั้นก็บังเกิดมีจักรแก้ว
    ปรากฏขึ้นอยู่โดยทั่วทั้งเมืองเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง!(ด้วยฤทธิ์ธานุภาพของจักรแก้วดุจการแยกร่างเพิ่มจำนวน)ฝูงคนก็พากันนำข้าวตอกดอกไม้ เทียนธูป และน้ำมันหอมมาไหว้บูชาจักรแก้ว
    จักรแก้วนั้นได้ทำให้ทุกคนมีกายอันงามบริสุทธิ์ปราศจากมลทิน แม้ว่าแต่ก่อนเคยมีตำหนิข้อด้อยในกายตนก็ตาม (เพราะกุศลผลบุญทำให้ได้อุบัติร่วมสมัยกับพระเจ้าจักรพรรดิ)
    จักรแก้วนั้นเปล่งรัศมีสว่างไสวรุ่งเรืองไปทั่วทั้งเมือง ดังยอดเขายุคนธร ยามที่มีแสงจันทร์วันเพ็ญทอดมาจากหลังเขา ก็ปานกัน

    เสนาบดีจึงสั่งให้เจ้าเมืองทั้งหลายตีกลองป่าวประกาศราษฎรว่า บัดนี้ พระยาเจ้านายของเรา ได้เป็นพระมหาจักรพรรดิ์ผู้ปราบทั้งสี่ทวีป
    ใครจักชม จักไหว้ให้รีบมา พระเจ้าจักรพรรดิจะไปปราบทั้งสี่ทวีปแล้ว เร่งแต่งตัวละการงาน ตามเสด็จท่านไป
    ตามเสียงกงจักรที่ดังออกมาก่อน แล้วนำข้าวตอกดอกไม้ไปเพื่อบูชา เพียงแค่อธิษฐานก็จะได้ตามเสด็จไปในอากาศกับพระเจ้าจักรพรรดิ์นั้น!

    จักรแก้วพาพระเจ้าจักรพรรดิเสด็จชมทวีปทั้งสี่ มาหยุด ณ สถานที่แห่งหนึ่งในอุตรกุรุทวีป ในเขตพระราชวังนั้น ยังมีธิดานางหนึ่ง นามว่า "ศรีสุวรรณา"เป็นสตรีผู้มีคุณสมบัติ ๖ ประการ
    คือ ไม่สูงเกินไป ไม่ต่ำเกินไป ไม่อ้วนเกินไป ไม่ผอมเกินไป ไม่ดำเกินไป ไม่ขาวเกินไป มีผิวพรรณเปล่งปลั่งเกินผิวพรรณมนุษย์ธรรมดา งามจนเกือบจะถึงขั้นผิวพรรณทิพย์ของเทพนารีก็ปานกัน!
    มีกายหอมเหมือนกลิ่นจันทน์ ปากหอมเหมือนกลิ่นอุบล เป็นสตรีผู้มีสิริโฉมงดงาม น่ารัก น่าชม ใครเห็นต้องถูกตาติดใจ ใครเห็นต้องเลื่อมใส

    ด้วยกุศลผลบุญ บำเพ็ญสร้าง...บุปเพสันนิวาสบันดาล เกื้อหนุน
    พระธิดาศรีสุวรรณางามแท้...เจริญคุณ
    พระ ๑๖ ชันษา อบอุ่น สุขสม...ชมวิมาน
    พร้อมเครื่องทรงเบญจมาภรณ์...คุณประเสริฐ
    แพรวพราวเลิศรัตนแก้วมณี...เปล่งแสง
    ล่องลอยออกไปสู่อุทยาน...ไม้หอมจันทร์แดง
    นางครางแครงออกเดินรี่...เร่งติดตาม
    เพลานั้นพระองค์เจ้า...บรมจักร
    แปลกใจนัก เหตุอันใด...ไฉนหนอ!
    จักรจึงหยุดสดุดหมุน...รั้ง รอ
    แสงประกายก่อบังเกิดแก้ว...ไพฑูรย์งาม
    นางเดินตามแก้วดวง...เสน่หา
    สบสายตาปฎิพัทธ์ ให้...หทัย ไสว
    สมมุติเทพองค์บรม จักรเจ้า...พอพระทัย
    เอ่ยความนัย ใคร่ชมเมือง...ยุคนธร

    นัยว่าแก้วดวงงามสถิตย์คู่...กรงจักร
    ดั่งความรักสองพระองค์สม...สุขุมาลมารศรี
    ชาวเมืองเอิบอิ่มยิ้มแย้ม...เปรมปรีด์
    พระทรงมีนางแก้วเคียงคู่...บรมวงค์!

    ครั้งนั้น เมือง "กุรุรัตนราชธานี"เป็นมหานครใหญ่ มีสระโบกขรณีอันน่ารื่นรมณ์ ๔ สระอยู่ประจำทิศทั้งสี่ หนึ่งในสระนั้นเบื้องทิศบุรพามีชื่อว่า "โกมุทาโบกขรณี"เป็นสระบัวเก่าแก่ซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนาน กล่าวขานว่ามีประตูน้ำอยู่ข้างใต้เชื่อมไปสู่สระอโนดาตในหิมวันตประเทศ เป็นที่อาศัยบำเพ็ญพรตแห่งพญานาคีนาคราช(ฤาษีณี)โดยเฉพาะ น้ำในสระนั้นใสเย็นสะอาดบริสุทธิ์ใช้เป็นที่สรงสนาพระวรกายแห่งธิดา และเชื้อพระวงค์ทั้งหลายเฉพาะผู้ยังมีได้ออกเรือน(ยังมีพรหมจรรย์บริสุทธิ์)
    น้ำในสระทั่วทั้งบริเวณมีดอกบัวพิเศษชนิดหนึ่งชื่อ "โกมุท" ปีหนึ่งจะบานแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในยามราตรี เพ็ญเดือน ๑๒ เพื่อรับแสงพระจัทร์วันเพ็ญ...น้ำในสระทั่วทั้งบริเวณจักเรืองแสงเงินยวงสว่างไสวตลอดรัติกาลเพ็ญเดือน ๑๒ นั้น...เทพธิดานางฟ้าจะมาเก็บดอกโกมุทเพื่อนำไปบูชาธรรมยังเทวสภา และตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย...พระราชธิดาต่างๆทั่วทั้งแว่นแค้วนต่างปรารถนาจะมาสงสนานพระวรกาย สักเพียงครั้งหนึ่งในชีวิตก็ถึอว่าเป็นอุดมมงคลคุณอันประเสริฐล้ำ
    โดยเฉพาะวันเพ็ญเดือน ๑๒ นั้น เชื่อกันว่าความบริสุทธิ์ของน้ำในสระอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จะช่วยบำบัดรักษาโรคและทำให้พระฉวีวรรณสดใสงดงามเปล่งปรั่งอยู่ตลอดเวลาไม่รู้จักแก่ มีอายุยืน อีกทั้งยังได้ชื่นชมความงามของดอกโกมุทที่เบ่งบานดูดรับแสงจันทร์เปล่งรัศมีสีทองตัดกับท้องน้ำสีเงินยวง ดูน่าทัศนาการเจริญใจยิ่งนัก...แต่หากว่าใครกระทำผิดกฎสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ก็จักบังเกิดเหตุอาเพทภัยร้ายแรงแก่ตนเอง คือต้องพิษแห่งนางพญานาคีและจะถูกตบะฤาษีผู้มีฤทธิ์ธานุภาพ ซึ่งบำเพ็ญพรตอยู่ทางริมฝั่งสระอโนดาตแผดเผาให้เร้าร้อนทรมานไปจนตลอดชีวิต
    ฤาษีและผู้ทรงฌานมักจะมาชำระกายเพื่อใช้อาโปธาตุปรับสมดุลภายใน บางท่านก็ใช้วิธีเพ่งกสิณไฟลงไปแผดเผาไหม้อยู่ในน้ำ...บางท่านก็ชอบทดสอบใช้ตบะสู้รบกัน เพื่อชิงความเป็นใหญ่ ฯลฯ

    กล่าวถึง "โกมาลิกะนาคราช" นางนั้นอุบัติแล้วด้วยแรงอธิษฐาน เป็น "อุปปาติกะ"(ผู้เกิดแล้วโตทันที ไม่มีพ่อแม่)มีอัตภาพเจริญวัยดุจผู้มี อายุ ๑๖ ปีเที่ยวไปอยู่จนตลอดอายุขัย แต่นางนั้นเป็น "อเหตุกะ"(มีลำตัวดำเนินไปตามขวาง ,พญานาค)อาศัยอยู่ในสระโกมุทาโบกขรณีแห่งนี้มาช้านาน มีพิภพอันงดงามสว่างไสว่สดใสเต็มไปด้วยรัตนแก้วอันวิจิตร เครื่องประดับอาภรณ์ล้วนส่องแสงประกายเพชร มีฉวีวรรณสดใสงดงามดุจน้ำค้างบนยอดหญ้า รัศมีดั่งแสงดาวพระกายพฤก...เวลาออกไปสู่สถานที่ภานนอกชอบเนรมิตรกายเป็นมนุษย์ เพื่อแสวงหาทางแห่งสัจจธรรม
    หากจะกล่าวถึงเหล่าพญานาคทั้ง ๔ ตระกูลใหญ่แล้ว...นางถึอว่าเป็นกรณีพิเศษ เพราะไม่มีเหล่าเครือญาติให้สืบสัตตะติวงค์เนื่องจากอุบัติด้วยแรงอธิษฐานเจือด้วยราคะอันประณีต คืออยากอุบัติร่วมสมัยกับพระพุทธองค์,อยากทัศนาการพระมหาปุริสลัษณะอันวิจิตรโอฬาร,จึงเจริญรอยตามคำสอนของบิดา...มิได้มีความปรารถนากำหนัดทางกามราคะอย่างชู้สาว...ดังนั้นวิบากกรรมจึงจัดสรรคให้ นาง ฯ เป็นไปตามอำนาจกฎแห่งกรรมแล้ว แล

    "หม่อมฉัน อยากจะได้กลับไปร่ำลา สหายเก่าเพค่ะ!"
    "พี่ว่า เธอคงมีความนัยมากกว่านั้น!...เป็นการสมควรยิ่งแล้วที่เราจักกระทำตามจารีตประเพณีอันดีงาม มิควรให้ใครได้ติฉินนินทราเราได้...ว่าเป็นผู้ใช้อำนาจบังคับเบียดเบียนนำพระราชธิดาฯ มาครอบครอง"
    ครั้งนั้น คหบดีแก้วคู่พระบารมี...ทราบวาระจิตแห่งพระบรมจักรแล้ว จึงได้เร่งจัดไพรขบวนพลพยุหยาตรา บรรทุกทรัพย์สินสอดมหาศาลมีค่าควรเมืองเป็นอันมาก เพื่อเตรียมงานอภิมหามงคลราชาอภิเสกสมรส ไปสู่เมืองกุรุรัตนราชธานี...
    เมื่อพระราชธิดาศรีสุวรรณาชื่นชมพระบรมมหาราชวังจนเป็นที่พอพระทัยแล้ว พญาม้าแก้ว "วิมละวลาหก"ก็โจนทยานออกมาจากโรงม้า ดุจสายฟ้าแลบ!มาสู่ที่เฉพาะหน้าอุทยาน พาพระเจ้าบรมจักรพร้อมพระธิดาพุ่งทยานกลับคืนสู่เมืองกุรุรัตนราชธานี...
    พระราชบิดรมารดาทางฝ่ายพระธิดานั้น รู้สึกพอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง...ตั้งแต่ครั้งได้ทอดพระเนตเห็นจักรแก้ว มาหยุดพร้อมด้วยขบวนพลพระยุรยาสตรา แล้ว...ก็มิได้มีข้อกังขาอะไรอีก (กลับคิดว่าเป็นบุญของเราแล้วหนอ)
    ครั้งพอได้สนทนาปฎิสันฐานเจริญสำพันธไมตรีกัน อย่างสมพระเกียรติตามทำเนียมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...ราตรีนั้นเสร็จเข้าประทับ ณ ห้องทรงพระราชา เมืองกุรุรัตนราชธานี ดุจจะทรงสละมอบราชบันลังค์ให้พระราชโอรส ผู้ถึงพร้อมด้วยคุณขึ้นครองราชก็มิปาน!

    "ความจริงน้องใคร่ อยากจะได้สงสนานพระวรกายในห้วงมหามงคลนทีธารอันศักดิ์สิทธิ์ แห่งนี้เป็นครั้งสุดท้าย!...(นางกล่าวด้วยเสียงเรียบ)"
    "ครั้งสุดท้ายหรือ? ศักดิ์สิทธิ์อย่างไรฤา? น้องแก้วขวัญพี่...ขอเจ้าจงได้เฉลย ความนัยจิตนั้น!"
    แล้วพระธิดาก็ทูลเล่าประวัติความเป็นมาอันยาวนานของสระโกมุทาโบกขรณี ให้พระเจ้าบรมจักรได้รับสดับฟังตั้งแต่ต้นจนจบ...
    "สหายเจ้าคนนี้แปลกจริงนา พี่ยังมิได้พบพาน ไป่เชื่อ
    มีหรือคนธรรมดา จักพาเจ้าว่ายแหวก คุ้งน้ำ
    เที่ยวสนานเสมอ สนุก ใต้โกมุท พิภพเมืองบาดาล!"...เอาเถอะ พี่จักยอมเชื่อบ้าง หากสนทนาแล้ว สหายเจ้า งามน่าอัศจรรย์จริง!
    "เกรงว่าเสด็จพี่จักปันใจให้นาง น้องคงเศร้ากำสรวญ!"(นิสัยผู้ชายเจ้าชู้ทุกคน...นางรำพึงในห้วงมโนนึก)
    "น้องเจ้า อย่าได้คิดเช่นนั้นเลย หทัยพี่มีไว้เพียงหนึ่งมั่น รักแล้วมิปันใจแบ่งให้ หญิงใดอย่าหมายสถิตย์ห้องหทัยข้า ฟ้าสูญดินมลาย มิคลายแก้วเอย!"(พระจอมบรมจักรเจ้ากล่าวด้วยพระสุรเสียงอันหนักแน่น)
    "ถ้าเช่นนั้นน้องขอกลับไปถาม โกมาลิกะ ดูก่อนนะเพค่ะเพราะปรกตินางจะไม่ยินยอมให้ชายใดเห็นและเข้าใกล้ สระโบกขรณีนั้น"
    "สุดแล้วแต่เธอเถิด น้องหญิง พี่นี้แค่เพียงสงสัย หากเธอมิยินยอมสนทนาด้วย จักข่มเหงน้ำใจใครหาควรไม่"(ความจริงพระเจ้าจักรพรรดิ์มีอานุภาพมากสามารถเสด็จไปได้ทุกที่ แต่เพราะคุณธรรมท่านมีอนันต์จิตมารจึงมิอาจครอบงำได้)

    "โกมาลิกะ โกมาลิกะ...เธออยู่หรือเปล่า?"(เสียงตะโกนเจื้อยแจ่ว จากพระโอธฐ์ธิดาน้อย)
    ปรากฎเรือลำหนึ่งค่อยๆ ลอยฝ่าม้านหมอก มาสู่ท่าน้ำ...เหมันตฤดูยามเช้าเหนือคุ้งน้ำกลางสระใหญ่แห่งนี้ ช่างเป็นรมย์มณีสถานอันน่ารื่นรมณ์ยิ่ง เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน เพ็ญเดือน ๑๒ นั้น ก็จักมาถึง
    "นั้นพระธิดา ศรีสุวรรณา หรือเพค่ะ"
    "ใช่ ใช่จ๊ะ ฉันเอง..ฉันมีเรื่องบางอย่างจะบอกเธอ"
    ร่างสตรีน้อยนางหนึ่ง กำลังลงจากเรือ ซึ่งยกเป็นบ้านไม้เรือนงาม ทรงกระทัดรัด (ดูคลายเรือนแพของไทยสมัยก่อน)
    เมื่อทั้งสองเข้าสู่ที่ประทับริมสระ คำสนทนาแรกถูกเปล่งออกมา ให้ฉงนสนเท่ในจิตนัก ยังมิทันที่พระราชธิดาจะเอื่อนเอย
    "หม่อมฉันรอเวลานี้มานานแล้ว เพค่ะ"
    "เธอรู้หรือเพื่อนรัก!"
    "พระธิดาจะทรงเข้าพิธีอภิเสกสมรส!"
    "โอ้โห...สมแล้วที่เธอเป็นที่ปรึกษาเรา รอบรู้ได้ทุกเรื่องจริงๆ"
    "มันเป็นทำเนียมของแว่นแค้วนแดนนครแห่งนี้นะเพค่ะ ที่พระราชธิดาทุกๆพระองค์จักต้องทรงเข้าพิธิอภิเสกสมรส...หม่อมฉันทราบดีตลอดระยะเวลาที่หม่อมฉันทำหน้าที่รักษาสระโกมุทาแห่งนี้
    หม่อมฉันเห็นพระราชธิดา พระองค์แล้วพระองค์เล่ามาสงสนานพระวรกาย เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเพ็ญเดือน ๑๒ มาถึง...จนกระทั้งถึงบัดนี้ พระราชธิดาเจ้าศรีสุวรรณาก็จักทรงเสด็จจากหม่อมฉันไป
    เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้วนะ เพค่ะ (นางผู้เป็นกัลยานมิตรแห่งพระธิดาทั้งหลาย กล่าวด้วยเสียงเศร้า)"
    "โกมาลิกะ...เธอพูดเหมือนตัดพ้อ!"
    "ก็พระธิดาเจ้า มีความพิเศษกว่าสตรีนางใดที่หม่อมฉันเคยพบเห็นมา จะไม่ให้ห่วงหาอาลัยได้อย่างไร ละเพค่ะ"

    ความจริงคนทั้งสองเคยผูกพันธ์เป็นเพื่อนรัก ประพฤติพรหมจรรย์ร่วมกันมาแต่กาลก่อน...ธรรมดานางแก้วคู่บารมีของพระเจ้าจักรพรรดิจะต้องบำเพ็ญ "พรหมจรรย์"อย่างยิ่งยวด บารมีถึงจะสมดุลกัน
    สมัยที่ยังมิได้เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ พระองค์ท่านทรงบำเพ็ญเนกขัมบารมี นางแก้วก็จำต้องบำเพ็ญด้วย เป็นผู้มีธรรมเสมอกัน กรรมถึงจัดสรรคให้เกิดร่วมสมัยกันได้

    "...แต่หม่อมฉันก็เป็นที่เบาใจเพราะเชื่อแน่ว่า พระราชสวามีคู่บารมีของพระองค์ท่าน(พระธิดา)จักต้องเป็นผู้มีบุญญาธิการสูงส่งมาก "
    "เธอทายถูกอีกแล้วนะ โกมาลิกะ...เก่งจริงๆ เรื่องนี้แหละที่เราอยากจะสนทนากับเธอ พระองค์ท่านเป็นพระมหาราชาธิราชเจ้าบรมจักรพรรดิ์ ครองเมืองยุคนธร เสด็จมาเยือนเมืองกุรุรัตนราชธานีของเรา
    ด้วยอภินิหาร เสด็จลอยมาจากนภากาศ พร้อมเหล่าเสนาข้าราชพลเรือนมากมาย ฯลฯ"
    ยังมิทันที่พระธิดาฯจะทรงพูดสาธยายจนจบ...พลันนางโกมาลิกะ ก็เปล่งอุทานแทรกออกมาก่อนว่า
    "ยุคนธร!...ยุคนธร หรือ เพค่ะ!!"
    "...ใช่ เธอฟังไม่ผิดหรอก เมืองยุคนธร เราไปเยือนมาแล้ว บ้านเมืองน่าอยู่มาก ชาวเมืองมีน้ำใจอัชฌาสัยดีงาม เธอเคยไปหรือ โกมาลิกะ...ว่าแต่!เราไม่เคยเห็นเธอออกไปไหนไกลรัศมีสระแห่งนี้เลยนะ
    อ้าว!...ทำไมทำท่าเหมือนปวดหัวอย่างนั้นหล่ะ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?"
    "หม่อมฉันไม่เป็นไร แค่เกิดความรู้สึกปราบปลื่มยินดีด้วยกับพระธิดาเพค่ะ(ทำไมเราถึงได้รู้สึกคุ้นเคยนัก กระแสความสงบเยือกเย็นที่สัมผัสได้ มันคืออะไรกัน?)"
    "ถ้าอย่างนั้นเธอจะไปเข้าเฝ้าพระเจ้าบรมจักร พร้อมกันกับฉันได้ไหมโกมาลิกะ เพื่อนรัก พระองค์ท่านอยากสนทนากับเธอนะ?...(พระธิดาน้อยได้ช่อง ถามกลับในบัดดล!)"
    "...อะ ไร นะ เพค่ะ!จะ ทรงอยากพบหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันมิบังอาจหรอกนะ เพค่ะ"(สงสัยธิดาน้อยคงจะเล่าเรื่องพาไปเที่ยวพิภพของเรา ให้พระองค์ท่านฟัง)
    "แต่มันเป็นพระราชประสงค์ของพระองค์ท่านนะ เธอจะขัดได้หรือ?"(ธิดาน้อยเจ้าปัญญา มองเห็นอุบาย)
    "ความจริงหม่อมฉันก็มิได้อยากขัดพระราชประสงค์หรอกนะเพค่ะ...เพียงแต่ว่า เพียงแต่ว่า "

    เรื่องราวของพระธิดาศรีสุวรรณา กับ โกมาลิกะนาคราช จะเป็นเช่นไร?นางจะได้เป็นพระสนมของพระเจ้าบรมจักรพรรดิ์หรือไม่?...(โปรดติดตามตอนต่อไป):cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...