พื้นที่ปลอดภัยยามเกิดอภิมหันตภัย ในจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทย

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย truethailove, 27 พฤศจิกายน 2011.

  1. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    วัดพระธาตุปูตุ๋ง

    บ้านพญาเม็งราย อำเภอพญาเม็งราย

    เป็นพระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของอำเภอพญาเม็งราย ซึ่งมีร่องรอยของ
    อารยธรรมดั้งเดิม ตั้งอยู่บ้านสันป่าสัก ตำบลเม็งราย อำเภอพญาเม็งราย
    ภายในบริเวณพระธาตุยังมีซากโบราณสถานและโบราณวัตถุปรากฎให้เห็น
    อยู่ห่างจากคุ้มพญาเม็งรายไปทางทิศตะวันออกเล็กน้อย ปัจจุบันเป็นสำนักสงฆ์
    อยู่ในความดูแลของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรมพระธาตุองค์ปัจจุบัน
    ได้บูรณะใหม่เพิ่งแล้วเสร็จ เมื่อปี ๒๕๕๑
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • watputung.jpg
      watputung.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.3 KB
      เปิดดู:
      25
  2. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    วัดพระธาตุแม่เจดีย์

    ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ อำเภอเวียงป่าเป้า

    ประวัติ ตำนานกล่าวว่า พระเจ้าอโนรธามังช่อ กษัตริย์แห่งพุกาม ได้อัญเชิญพระไตรปิฎก
    พระบรมธาตุ
    และพระแก้วมรกต จากศรีลังกามายังพุกาม ระหว่างการเดินทางกลับ เรือสำเภาเกิด
    พลัดหลงไปยังอ่าวของกรุงกัมพูชา พระเจ้ากรุงกัมพูชาจึงยึดเรือเอาไว้ พระเจ้าอโนรธามังช่อได้
    ส่งฑูตไปขอคืน คงได้คืนมาแต่พระบรมสารีริกธาตุและพระไตรปิฎก ส่วนพระแก้วมรกตนั้นไม่ได้
    กลับคืนมา เมื่อเดินทางกลับมาจนถึงตำบลแม่เจดีย์ ในเขตเมืองเวียงป่าเป้า เมื่อ พ.ศ.๑๕๘๓
    จึงโปรดให้สร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมธาตุ และพระไตรปิฎกไว้ ณ แห่งนี้


    การเดินทางไปยังวัดพระธาตุแม่เจดีย์ หากเดินทางมาจากกรุงเทพ ฯ ไปได้ ๒ เส้นทาง
    เส้นทางแรก ไปผ่านจังหวัดลำปาง แจ้ห่ม วังเหนือ แล้วไปออกแม่ขจานย้อนกลับมาบ้านแม่เจดีย์
    เส้นทางที่สอง คือไปเชียงใหม่ก่อน เมื่อถึงเชียงใหม่แล้วก็ไปทางอำเภอดอยสะเก็ด
    ไปตามถนนสายดอยสะเก็ด - เชียงราย จะผ่านร้านขาหมูภูเก็ตที่อยู่บนเขาทางขวามือประมาณ
    กิโลเมตร ๕๓ ต้องเลี้ยวขวาแล้วขึ้นเขาไปนิดหนึ่ง

    ที่มา วัดพระธาตุแม่เจดีย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->พระธาตุเวียงฮ่อ

    [FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]ตั้งอยู่ที่ 215 บ้านฮ่างต่ำ หมู่ที่ ๓ ตำบลป่างิ้ว อำเภอเวียงป่าเป้า
    จังหวัดเชียงราย บนเนื้อที่ ๖ ไร่ ๑ งาน พื้นที่โดยรอบของวัดจะสงบ
    ร่มรื่น ปกคลุ่มไปด้วยธรรมชาติ เหมาะอย่างยิ่งกับการศึกษา
    พระปริยัติธรรมและเหมาะกับการบำเพ็ญเพียร ตามตำนานเล่าว่า......

    [/FONT]
    [FONT=Georgia,]วัดพระธาตุเวียงฮ่อ เป็นวัดเก่าแก่มานาน แต่เนื่องจากอยู่ห่างไกล
    ความเจริญและทุรกันดาร ทำให้วัดแห่งนี้ได้กลายเป็นวัดร้าง และมี
    สถานะเพียงสำนักสงฆ์เท่านั้น หลักฐานการก่อตั้งพระธาตุเวียงฮ่อและ
    สำนักสงฆ์เวียงฮ่อนั้นไม่ปรากฎหลักฐาน แน่ชัดว่า ได้ก่อตั้งตั้งแต่
    สมัยไหน พ.ศ.ใด ทราบแต่เพียงว่า มีมาช้านานแล้ว[/FONT]

    [FONT=Georgia,]เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๐ ท่านพระใบฎีการุ่งโรจน์ มุนินโท (เมื่อครั้งที่ยังไม่ได้
    เป็นพระฐานานุกรม) ได้จาริกแสวงบุญตามสถานที่ต่างๆจนได้มาถึง
    ดอยพนะธาตุเวียงอ่อ แห่งนี้ ด้วยความที่สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่
    สัปปายะเหมาะแก่การปฏิบัติและศึกษา พระธรรมวินัยเป็นอย่างมาก
    ท่านจึงคิดที่จะบูรณะปฏิสังขร ดอยพระธาตุแห่งนี้ เพื่อใช้เป็นสถานที่
    เผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยมุ่งเน้นทั้งทางด้านปริยัติและ ปฏิบัติควบคู่
    กันไป[/FONT]
    [FONT=Georgia,] ท่านจึงได้ริเริ่มโครงการต่างๆมากมาย เพื่อให้ประชาชนที่เป็น
    พุทธศาสนิกชนที่อาศัยอยู่โดยรอบได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ ทางพระพุทธ
    ศาสนา อาทิ การจัดบรรพชาสามเณร ภาคฤดูร้อน ทำให้เกิดความ
    ผูกพันธุ์ระหว่างบ้านและวัดมากขึ้น[/FONT]


    [FONT=Georgia,]ที่มา ประวัติวัดพระธาตุเวียงฮ่อ - วัดพระธาตุฯ - DVH ดอยเวียงฮ่อ - Powered by Discuz!
    Facebook
    [/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • watwainghor.jpg
      watwainghor.jpg
      ขนาดไฟล์:
      101.6 KB
      เปิดดู:
      29
  4. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    วัดพระธาตุทุ่งก่อ

    ตั้งอยู่บนดอยพระบาท บ้านดงชัย หมู่ที่ 2 ผู้คนในท้องถิ่นเชื่อเป็น
    พระธาตุที่บรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า มีอายุเก่าแก่ เป็นสถานที่
    เคารพบูชาของชาวตำบลทุ่งก่อ สมัยนั้นซึ่งมีเพียงตำบลเดียว ปัจจุบัน
    ก็คือประชาชนอำเภอเวียงเชียงรุ้งพระธาตุทุ่งก่อ คนเฒ่าคนแก่ใน
    ท้องถิ่นเล่าขานว่า สร้างขึ้นโดยกษัติริย์แห่งโยนกนครเชียงแสน
    เมื่อวันพุธ เดือน 6 ปีพุทธศักราช 1555 ต่อมาปี พ.ศ.2037 ตรงกับ
    สมัยพระยาเมืองแก้ว เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ได้บูรณะพระธาตุ
    พร้อมกับการสร้างรอยพระพุทธบาทจำลองบนดอยพระบาท ทาง
    ทิศเหนือและทิศใต้ อยู่บริเวณพระธาตุชาวบ้านเรียกว่า พระบาทเหนือ
    และทางทิศใต้อีก 1 รอย ชาวบ้านเรียกว่า พระบาทใต้ ซึ่งมีระยะ
    ห่างกันประมาณ 3 กิโลเมตร ต่อมาในปี พ.ศ.2510 ได้มีการบูรณะ
    ก่อสร้างพระธาตุเจดีย์องค์ใหม่แทนองค์เก่าที่หักพักไปตามกาลเวลา
    คือพระธาตุที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ในปี พ.ศ.2513 ได้สร้างพระเจดีย์
    ขึ้นอีก 1 องค์ บนก้อนหิน ซึ่งห่างจากองค์เดิมประมาณ 30 ศอก
    วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2532 ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
    โดยนายบรรสิทธิ์ สลับแสง พร้อมกับชาวบ้าน ข้าราชการ กำนัน
    อ้ายสิทธิขันแก้ว ผู้ใหญ่บ้านดงชัย นายพินิจ กาจีนะ ได้วางศิลาฤกษ์
    บันไดนาค ซึ่งสร้างสำเร็จในปี พ.ศ.2533 ได้บันไดนาคเป็นทางขึ้นลง
    จึงจนทุกวันนี้ ต่อมาในปี พ.ศ.2540 ได้รับงบประมาณ จากโครงการ
    พัฒนาตำบลพิเศษงบประมาณทั้งสิ้น 2,179,500 บาท ได้ทำทาง
    รถยนต์ ขึ้น –ลง โดยรอบดอยพระบาททุกปีจะมีประเพณีสักการะ
    พระธาตุและพระบาท ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 (ตรงกับเดือน 8 เหนือ)
    คือวันวิสาขบูชา ชาวบ้านมีความเชื่อและศรัทธาว่าใครที่ได้มาสักการะ
    บูชา พระธาตุและพระบาท จะทำให้อยู่เย็นเป็นสุข ในวันนี้จะมีพิธี
    ทำบุญตักบาตรสักการะบูชาพระธาตุ และมีการจุดบั้งไฟบูชา เพื่อขอ
    ให้ฝนตกตามฤดูกาลก่อนทำนาผู้คนในท้องถิ่นและอำเภอใกล้เคียง
    กิ่งอำเภอเวียงเชียงรุ้ง ในวันนี้จะมาทำบุญตักบาตรและมีดอกไม้
    ธูปเทียน น้ำขมิ้นส้มป่อย มาสักการะบูชาพระธาตุและพระบาทเป็น
    ประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้


    ที่มา http://province.m-culture.go.th/chiangrai/vdn/map/show.php?c_id=514
    http://ban-doungchai-porntip.blogspot.com/2011/10/blog-post_8333.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • wattungkau.jpg
      wattungkau.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.2 KB
      เปิดดู:
      376
    • wattungkau2.JPG
      wattungkau2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      20.1 KB
      เปิดดู:
      19
    • wattungkau3.JPG
      wattungkau3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      15.8 KB
      เปิดดู:
      23
  5. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    พระธาตุม่อนผ้าขาว
    บ้านใหม่ใต้ ตำบลสันมะค่า อำเภอป่าแดด


    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->พระธาตุจอมคีรี

    ตั้งอยู่หมู่ที่ 11 ตำบลป่าแดด อำเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย
    น่าจะมีอายุประมาณ 1,800 ปี เพราะจากลักษณะของพระพุทธรูป
    หินทรายและลักษณะองค์พระธาตุ (องค์เดิม) เป็นหินทราย และจะต้อง
    มีการเคลื่อนย้ายมาจากเมืองพะเยาหรือเวียงลอ เพราะในพื้นที่ของ
    อำเภอป่าแดดไม่มีหินทราย ลักษณะดังกล่าวและสันนิษฐานว่าพื้นที่
    อำเภอป่าแดดทั้งหมดเป็นเมืองหน้าด่าน หรือหัวเมืองของเมืองพะเยา
    หรือเวียงลอสมัยนั้น


    เนื่องจากได้พบคูเวียง 3 แห่ง คือ คูเวียงหลวงพ่อหนุ่ม อยู่หมู่ที่ 11
    ตำบลป่าแดด คูเวียงแก่นดอนแก้ว อยู่หมู่ 6 ตำบลโรงช้าง และคูเวียง
    ศรีโพธิ์เงิน อยู่หมู่ 8 ตำบลศรีโพธิ์เงิน พระธาตุจอมคีรีและวัดร้างอีก
    6 แห่ง ในอำเภอป่าแดด ได้ถูกทิ้งให้รกร้าง ปรักหักพัง ต่อมา
    พ.ศ. 2480 ครูบาศรีวิชัยเดินธุดงค์ผ่านป่าแดด พบพระธาตุจอมคีรี
    จึงได้ขอความร่วมมือจากชาวป่าแดด ช่วยกันบูรณะในปี พ.ศ. 2496
    เจ้าอาวาสวัดศรีชุมประชาได้บูรณะอีกครั้งในปี พ.ศ. 2516 พระครู
    ศิริปัญญาจารย์ เจ้าอาวาสวัดศรีประชุมประชา เจ้าคณะอำเภอป่าแดด
    ได้ร่วมกับชาวป่าแดด ก่ออิฐฉาบปูน ครอบองค์พระธาตุองค์เดิมไว้
    และสร้างศาลาไว้ทำบุญ 1 หลัง และถังน้ำฝน 1 ถัง ในปีพ.ศ. 2538

    ที่มา Study Square Travel – ท่องเที่ยว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • watjomkiri.jpg
      watjomkiri.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.8 KB
      เปิดดู:
      23
  6. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    วัดมหาธาตุดอยจัน บ้านดอยจัน (พระเกศาธาตุ, สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงบรรทม)
    ตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน

    พระธาตุวัดถ้ำผาจม
    ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย

    ตั้งอยู่ติดชายแดนระหว่างไทย– พม่า มีแม่น้ำแม่สายเป็นเขตแดนกั้น
    ห่างจากสะพานข้ามไปประเทศพม่าประมาณ ๘๐๐ เมตร จะเดินไปก็ไม่ไกล

    [​IMG] ลักษณะวัดถ้ำผาจม
    วัดถ้ำผาจมนั้น ตั้งอยู่ในหุบเขา และอยู่ในแนวนอน เทือกเขาเขาลูกนี้
    เป็นรูปผู้หญิงนอนหงายสยายผมไปทางประเทศพม่า
    ฉะนั้น วัดถ้ำผาจม
    จึงอยู่ปลายผม
    เมื่อมองไปทางทิศตะวันออก จะเห็นพระธาตุดอยเวา
    ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร
    และจะเห็นเทือกเขาเป็น
    คุ้งมังกรสวยงามมาก


    ที่มา http://www.freewebs.com/prawichai/biologywat3.htm
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. นางไพจิตต์

    นางไพจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +956
    .........................................
    เด่วนะประมาณ La15องศา 53ลิปดา0.14ฟิลิปดาเหนือ
    Long104องศา 36ลิปดา 53.54ฟิลิปดาตะวันออก(อำนาจเจริญค่ะ) ใกล้Area พระมงคลมิ่งเมืองค่ะ แต่มีอ่างเก็บน้ำไม่ไกลนัก ทั้งทางเหนือ และใต้ลงไปค่ะ...ขอบคุณน่ะค่ะที่ช่วยตอบค่ะchearr
     
  8. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]ถ้ำ[/FONT]
    [FONT=&quot]อำเภอเมือง[/FONT]

    [FONT=&quot]ถ้ำพระ ถ้ำพระ (อ.เมือง)ตั้งอยู่บริเวณ หมู่ 5 [FONT=&quot]บ้านป่าอ้อ ตำบลแม่ยาว
    อำเภอเมือง[/FONT]
    [FONT=&quot]จังหวัดเชียงราย (อยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองเชียงราย ประมาณ [/FONT]6 [FONT=&quot]กม.[/FONT][FONT=&quot])[/FONT]
    [/FONT]

    ความสำคัญ/จุดเด่นของสถานที่ โบราณสถานถ้ำพระ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก
    ตรงข้ามกับหาดเชียงราย ลักษณะเป็นภูเขาหินลูกเดียว สูงประมาณ
    800 เมตร
    ถ้านั่งเรือผ่านสามารถมองเห็นทัศนียภาพบริเวณโดยรอบภายนอกถ้ำ
    ภายในถ้ำพระมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่เป็นพระประธาน และยังมีพระพุทธรูป
    บูชาอีกหลายองค์ นอกจากนี้ในถ้ำยังมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม และมี
    ค้างคาวอยู่จำนวนมาก นอกจากถ้ำพระแล้วภายในภูเขาหินลูกนี้ ยังมี
    ถ้ำอื่น ๆ อีก คือ ถ้ำช้างล้วง ถ้ำลม และถ้ำหวาย นักท่องเที่ยวสามารถ
    เดินเที่ยวชมให้ทั่วถึงทั้ง 3 ถ้ำ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ควรเตรียม
    อุปกรณ์ให้พร้อม นอกจากนี้โบราณสถานถ้ำพระยังเป็นแหล่งประวัติศาสตร์
    ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ 7 เคยเสด็จประพาส
    เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2469 อีกด้วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • tampha.jpg
      tampha.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.2 KB
      เปิดดู:
      23
  9. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ถ้ำช้างล้วง อยู่ทางทิศเหนือของภูเขาห่างจากถ้ำพระประมาณ 150 เมตร
    ภายในถ้ำจะเป็นลานโล่ง มีแสงสว่างเล็กน้อย มีลมพัดผ่านตลอดเวลา
    อากาศภายในเย็นสบายมาก ไม่อึดอัด เวลาเข้าเที่ยวชมต้องใช้เทียน
    หรือไฟฉายเพื่อเพิ่มแสงสว่างจะได้เห็นทัศนียภาพภายในถ้ำได้ชัดเจน
    และสวยงามยิ่งขึ้น


    ถ้ำลม อยู่ห่างจากถ้ำช้างล้วงประมาณ 50 เมตร ซึ่งเป็นถ้ำที่ไม่ลึกมาก
    มีแสงสว่างพอมองเห็นภายในถ้ำได้ และมีลมพัดแรงออกจากปากถ้ำตลอดเวลา


    ถ้ำหวาย อยู่ห่างจากถ้ำลมประมาณ 10 เมตร ถ้ำลึกประมาณ 100 เมตร
    ทางเดินเข้าถ้ำค่อนข้างแฉะและมืดถ้าจะให้ดีต้องใส่รองเท้าบูชและ
    ควรมีอุปกรณ์ที่ให้แสงสว่าง เช่น ไฟฉาย เทียน เป็นต้น ภายในถ้ำ
    เป็นลานกว้างมีหินย้อยที่สวยงามมาก บริเวณถ้ำยังคงสภาพของ
    ธรรมชาติสวยสดงดงามมาก ซึ่งถ้ำต่าง ๆ อยู่ภายในภูเขาหินลูกเดียวกัน
    มีทางเดินรอบภูเขา เวลาเที่ยวชมจะเดินวนไปตามถ้ำต่าง ๆ พอสุดท้าย
    ก็จะมาบรรจบที่ถ้ำพระซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าลานจอดรถ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น
    การเที่ยวถ้าจะให้ทั่วถึงควรมีเวลาประมาณ
    2 ชั่วโมง และควรเตรียม
    อุปกรณ์ในการเที่ยวให้พร้อมด้วย


    [FONT=&quot]ที่มา [/FONT]http://www.maeyaomail.com
     
  10. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]อำเภอแม่สาย[/FONT]

    [FONT=&quot]- [FONT=&quot]ถ้ำปลา[/FONT][FONT=&quot] ตั้งอยู่ บ้านโป่งงาม[/FONT][FONT=&quot]ต.โป่งงาม อ.แม่สาย ลักษณะเป็นลำธารเล็กๆ
    ไหลออกจากใต้ภูเขาหินปูน[/FONT]
    [FONT=&quot]ไหลทะลุผ่านภูเขาหลายเส้นทาง โดย
    ไหลออกทางหน้าปากถ้ำด้านทิศตะวันออกสายน้ำเหล่านี้มีต้นกำเนิด
    มาจากน้ำตกห้วยเนี้ย[/FONT]
    [FONT=&quot] ถ้ำนี้วัดความกว้างได้ประมาณ [/FONT][FONT=&quot]2.50 [/FONT][FONT=&quot]เมตร[/FONT][FONT=&quot]
    ความสูงวัดจากฝั่งน้ำขึ้นไป สูงประมาณ [/FONT]
    [FONT=&quot]1.50 [/FONT][FONT=&quot]เมตร[/FONT][FONT=&quot] น้ำลึกประมาณ
    [/FONT]
    [FONT=&quot]0.50 [/FONT][FONT=&quot]เมตร[/FONT][FONT=&quot] ซึ่งบริเวณนี้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก[/FONT][FONT=&quot]
    เนื่องจากเป็นที่อยู่ของปลาดั้งเดิม คือ ปลาพวงเงิน ปลาไม้หีบ[/FONT]
    [FONT=&quot]
    ตลอดจนปลาที่นักท่องเที่ยวนั้นนำมาปล่อย ได้แก่ ปลาดุก ปลาคร๊าฟ
    ปลาไหล ปลาทับทิม[/FONT]
    [FONT=&quot]เต่า ปลาเงินปลาทอง ปลาไน ฯลฯ เป็นต้น
    แต่เนื่องมาจากไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร[/FONT]
    [FONT=&quot] อีกทั้งนักท่องเที่ยวให้
    อาหารปลาจำนวนมาก ปัจจุบันจึงมีน้ำสีคล้ำ[/FONT]
    [FONT=&quot] ถ้ำปลามีปลาที่มีลักษณะ
    พิเศษ ซึ่งเกี่ยวข้องกับตำนานที่เรียกว่า [/FONT]
    [FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]ปลาหีบหนีบปิ้ง[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]ซึ่งไม่มีใคร
    พบเห็นตัวมานานแล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot] ในอดีตถ้ำนี้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปใน
    ถ้ำได้ ลึกประมาณ [/FONT]
    [FONT=&quot]10 [/FONT][FONT=&quot]เมตรและมักจะพบเศษกระเบื้องดินเผา
    (ดินขอ)[/FONT]
    [FONT=&quot]สมัยโบราณไหลมาตามน้ำด้วยนอกจากนี้บริเวณปากน้ำ
    ยังพบก้อนหินขนาดใหญ่ [/FONT]
    [FONT=&quot]3 [/FONT][FONT=&quot]ก้อนและลำธารที่น้ำไหลออกมานี้มีความลึก
    ประมาณ [/FONT]
    [FONT=&quot]3 [/FONT][FONT=&quot]เมตร[/FONT][FONT=&quot] ปลาพวงเงินและปลาไม้หีบ[/FONT][FONT=&quot]สามารถแหวกว่ายไปมา
    มองเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะในตอนเช้าตรู่ พระ สามเณร[/FONT]
    [FONT=&quot]และเด็กวัด
    มักจะให้ข้าวปู่จา (ข้าวที่เหลือจากการฉันขอพระ)เป็นอาหาร ต่อมา
    ประมาณปี[/FONT]
    [FONT=&quot]พ.ศ [/FONT][FONT=&quot]2526[/FONT][FONT=&quot]พระสงฆ์ที่จำพรรษา ชื่อ พระสาม ซึ่งตาบอดทั้ง
    [/FONT]
    [FONT=&quot]2 [/FONT][FONT=&quot]ข้างได้ปรับปรุงและบูรณะปฎิสังขรณ์โดยขุดลอกขยายบริเวณปากถ้ำ
    และ[/FONT]
    [/FONT]และปรับก้อนหินให้เป็นบันไดทางเข้าถ้ำบริเวณที่ต่อเนื่องกับ
    เปลวปล่องฟ้าซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • tampa1.jpg
      tampa1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.2 KB
      เปิดดู:
      192
  11. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    - ถ้ำเปลวปล่องฟ้า เป็นถ้ำที่อยู่ถัดจากถ้ำปลาไปทางทิศใต้ ถ้ำนี้ตั้งอยู่
    บนยอดเขามีลักษณะเป็นถ้ำทะลุสู่ท้องฟ้า แสงอาทิตย์สามารถส่องผ่าน
    พื้นถ้ำได้ การขึ้นไปชมถ้ำนี้นักท่องเที่ยวจะต้องเดินบันไดซึ่งวัดระยะทาง
    จากทางขึ้นบันไดชั้นแรกถึงปากถ้ำ ประมาณ
    180 เมตร ที่ระยะความสูง
    ประมาณ
    90 เมตร ทางแยกซ้ายมือ นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันได
    ไปชมยังจุดชมวิว ซึ่งมีความสูง ประมาณ
    17 เมตร บริเวณนี้ สามารถ
    มองเห็นทิวทัศน์บริเวณใกล้เคียงอย่างสวยงามอาทิเช่นแผงขายของ
    บริเวณโรงเรียนวัดถ้ำปลาวิทยาคม บ้านห้วยปูแกง บ้านถ้ำสันติสุข เป็นต้น
    เมื่อเดินลงมาจากจุดชมวิวแล้ว จะเป็นทางเดินเรียบ ระยะทางประมาณ
    11 เมตรจะถึงบริเวณปากถ้ำช่วงแรก ซึ่งมีช่วงกว้างที่สุดวัดได้ประมาณ
    4.40 เมตร ช่วงแคบที่สุดวัดได้ประมาณ 2.50 เมตรความสูงของถ้ำ
    ช่วงนี้วัดได้ประมาณ 1.90 เมตร ภายในถ้ำได้รับการบูรณะตกแต่ง
    ด้วยการปูพื้นถ้ำด้วยหินอ่อน มีพระพุทธรูปขนาดกว้างตักกว้าง 2 เมตร
    สูง 2.50 เมตร ประดิษฐาน ไว้ให้บูชา ภายในถ้ำวัดความกว้างได้
    ประมาณ 21 เมตรลึกประมาณ 32.20 เมตร ด้านบนสุดเป็นช่อง (ปล่อง)
    ทะลุท้องฟ้า แสงอาทิตย์สามารถลอดผ่านได้ถึง 2 ช่อง ช่องที่ 1
    กว้างที่สุดอยู่ทางทิศตะวันออกวัดความกว้างได้ประมาณ 8 เมตร
    สูงประมาณ 15 เมตรช่องที่ 2 อยู่ทางทิศตะวันตก วัดความกว้างได้
    ประมาณ 3 เมตรสูงประมาณ 20 เมตร ด้วยเหตุนี้ถ้ำนี้ ชาวบ้านจึงเรียกว่า ถ้ำเปลวปล่องฟ้า
     
  12. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    - ถ้ำฆ้องหรือถ้ำก้อง เป็นถ้ำที่ใช้ทางเดินขึ้นร่วมกับถ้ำเปลวปล่องฟ้า
    คือ เมื่อถึงระยะทางประมาณ
    65.40 เมตร ด้านซ้ายมือของทางขึ้น
    นักท่องเที่ยวสามารถเดินลัดเลาะไปตามโขดหินด้านทิศใต้ ระยะทาง
    ประมาณ
    30 เมตรจะพบถ้ำก้อง(ฆ้อง) ที่มีลักษณะป็นโพรงลึก ทางลง
    ต้องปีนป่ายไปตามโขดหินถึงพื้นถ้ำ วัดความกว้างของถ้ำได้ ประมาณ
    4.40 เมตร สูงประมาณ 2.10 เมตร ต่อจากบริเวณนี้เดินลัดเลาะตาม
    โขดหินไปทางทิศตะวันออก จะพบบ่อน้ำที่ชาวบ้านเรียกว่า "น้ำบ่อทิพย์"
    ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณแยกประมาณ 35 เมตร และภายในบริเวณนี้
    วัดความกว้างของถ้ำได้ ประมาณ 6.20 เมตร ยาวประมาณ 30 เมตร
    หลังจากนั้นจะเป็นโพรงทะลุลงสู่หน้าผาที่ สูงชันมองเห็นทิวทัศน์ของ
    โรงเรียนบ้านถ้ำ ตชด.และบริเวณใกล้เคียงได้อย่างสวยงาม เมื่อมีเสียงดัง
    ภายในน้ำนี้ เสียงจะดังก้องทะลุออกทางโพรงด้านนี้ ชาวบ้านจึงขนานนาม
    ถ้ำนี้ว่า "ถ้ำก้อง (ฆ้อง) "


    - ถ้ำน้อย เป็นถ้ำที่อยู่ห่างจาก จุดทางขึ้นถ้ำเปลวปล่องฟ้าไปทางทิศใต้
    ประมาณ
    100 เมตร มีลักษณะเป็นโพรงเล็กๆ มีลำธารไหลทะลุผ่าน
    ซึ่งมี
    2 จุด จุดที่ 1 ขนาดของถ้ำกว้างประมาณ 5 เมตร บริเวณที่ลำธารไหล
    ออกจากปากถ้ำ วัดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวประมาณ 0.50 เมตร จุดที่ 2
    อยู่ห่างจากจุดที่ 1 ประมาณ 20 เมตร ถ้ำบริเวณนี้มีขนาดใหญ่กว่าจุดแรก
    วัดความกว้างได้ประมาณ 2.40 เมตร ความสูงประมาณ 3 เมตร ธารน้ำ
    ที่ไหลออกจากถ้ำ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.60 เมตร บริเวณนี้มี
    ลักษณะเด่น คือ ด้านหน้ามีเถาวัลย์ของสะบ้าใหญ่ (มะบ้าใหญ่) ซึ่งแต่เดิม
    เคยมีค่างหางยาวใช้เป็นที่อยู่อาศัยและปีนป่ายเล่น
     
  13. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    - ถ้ำเงิบ ถ้ำนี้อยู่ห่างจาก ถ้ำน้อยจุดที่ 2 ประมาณ 30เมตร อยู่ในเขต
    ความรับผิดชอบของหมู่ที่ 3 บ้านถ้ำ-ปลา และอยู่ในบริเวณถ้ำเสาหิน
    มีลักษณะเป็นหน้าผายื่นออกมา วัดความกว้างของปากถ้ำได้ประมาณ
    8 เมตร สูงประมาณ 3 เมตร ลึกประมาณ 5 เมตร ส่วนใหญ่ใช้เป็นที่
    หลบฝนและพักผ่อนหย่อนใจ


    - ถ้ำวอก อยู่ถัดจากถ้ำเงิบไปทางทิศใต้อยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำถ้ำเสาหิน
    เป็นถ้ำที่อยู่บนเนินสูง ทางเดินขึ้นค่อนข้างชัน ลักษณะเอียงประมาณ
    45 องศา มีระยะทางจากสันอ่างเก็บน้ำ ถึงบริเวณถ้ำยาว ประมาณ 50 เมตร
    เมื่อนักท่องเที่ยวขึ้นไปถึงที่นี่จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของ
    อ่างเก็บน้ำฝูงปลา นก หมู่บ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงตลอดจน
    ทุ่งนาอันกว้างใหญ่ไพศาลของตำบลโป่งงาม
     
  14. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    - ถ้ำเสาหินพญานาค เป็นถ้ำที่อยู่ปลายสุดของแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้
    อยู่ในความรับผิดชอบของหมู่ที่
    3 บ้านถ้ำปลา การเดินทางไปถ้ำนี้
    สามารถไปได้ ทั้งทางน้ำและทางบก โดยการเดินลัดเลาะตามขอบ
    อ่างเก็บน้ำทางทิศใต้ปากถ้ำวัดความกว้างได้ประมาณ 4.70 เมตร
    สูงประมาณ 2.40 เมตร ลักษณะของถ้ำเป็นโพรงสูงขึ้นในแนวดิ่งหินงอก
    มีลักษณะเป็นแท่ง ๆ ซ้อนกันคล้ายเสาบ้านชาวบ้านจึงเรียกถ้ำนี้ว่า
    ถ้ำเสาหิน ซึ่งมีลักษณะเป็น 3 ชั้นคือ ชั้นที่ 1ลึกจากปากถ้ำเข้าไป
    ประมาณ 20 เมตรมีลักษณะเป็นแท่งนี้มีทางเดินทะลุเป็นช่อง (ปล่อง)
    เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.50 เมตร แสงอาทิตย์ สามารถทะลุผ่านได้
    ทำให้มองเห็นทิวทัศน์ภายในถ้ำแห่งนี้ให้สวยงามตระการตายิ่งนัก
    ชั้นที่ 2 มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชันต้องปีนป่ายขึ้นบันไดระยะทาง
    ประมาณ 10 เมตร เป็นแท่งหินสวยงามและเด่นชัดกว่าชั้นที่ 1
    ด้านทิศตะวันออกมีทางเดินสามารถทะลุผ่านเป็นทางออกของถ้ำทางหนึ่ง
    ซึ่งมีความกว้างประมาณ 4 เมตร ชั้นที่ 3 สามารถปีนป่ายไปตามแง่หิน
    ขึ้นไปประมาณ 15 เมตร เป็นแท่งหินสูงต่อ จากนั้นจะเป็นเหวลึก
    ประมาณ 40 เมตร และทางขึ้นลงชันประมาณ 80 องศา การเดินทาง
    ช่วงนี้ควรใช้อุปกรณ์ช่วยจึงจะปลอดภัยถ้ำแห่งนี้เหมาะสำหรับ
    นักท่องเที่ยวที่ชอบผจญภัยและท้าทายให้ไปพิสูจน์ยิ่งนัก
     
  15. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    - ถ้ำกู่แก้ว เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่และลึกที่สุดของบริเวณนี้ ทางขึ้น
    ถ้ำเป็นบันได
    29 ชั้น วัดความกว้างของปากถ้ำได้ประมาณ 4.60 เมตร
    ความสูงประมาณ 2.16 เมตร ลึกประมาณ 509 เมตร ภายในถ้ำเป็น
    ทางเดินที่คดเคี้ยวบางแห่งเป็นโพรงขนาดใหญ่บางแห่งเป็นทางเดินแคบๆ
    ต้องคลานไประหว่างทางเดินจะพบหินงอก หินย้อยที่สวยงาม ละลานตา
    มีน้ำหยดตลอดทางเดิน ภายในถ้ำจึงชื้นและลื่น ประมาณกึ่งกลางถ้ำ
    จะพบหลุมโพรงหินลึก 2 หลุมซึ่งนักท่องเที่ยวควรระมัดระวังขณะเที่ยวชม
    เป็นอย่างมาก นอกจากนี้จะพบหินงอกที่ก่อตัวขึ้นใหม่ของชาวบ้านที่
    เรียกว่า "นมสาว" และมีบ่อน้ำเล็กๆ ภายในถ้ำเป็นระยะๆบริเวณจุดลึกที่สุด
    จะพบห้องพระร้อยองค์ซึ่ง พระครูบาชุ่ม ได้ปั้นไว้เมื่อครั้งที่ท่านเคย
    ปฎิบัติกรรมฐานอยู่เรียงรายอยู่อย่างสวยงามเป็นที่ ประทับใจยิ่ง


    - ถ้ำตุ๊ปู่ อยู่ถัดจากถ้ำกู่แก้วทางด้านทิศเหนือประมาณ 500 เมตร
    ซึ่งอยู่ในบริเวณโรงเรียนวัดถ้ำปลาวิทยาคม ซึ่งมีอยู่ 2 จุด คือ จุดที่ 1
    เป็นถ้ำขนาดกว้างประมาณ 4.5 เมตร สูงประมาณ 2 เมตร ลึกประมาณ
    4.80 เมตร ถ้ำแห่งนี้เคยได้รับการบูรณะให้เป็นอาศรมของพระที่ธุดงค์
    และจำพรรษามาก่อน จุดที่ 2 เป็นถ้ำที่ทะลุผ่านภูเขาทางทิศตะวันออก
    ถึงทิศตะวันตก หน้าถ้ำทางทิศตะวันออกประดิษฐานมีพระพุทธรูป
    ประดิษฐานอยู่ ขนาดถ้ำกว้าง ประมาณ 4.40 เมตร สูงประมาณ 2.60 เมตร
    ภายในถ้ำเป็นทางเดินเล็กและแคบบางแห่งสูงชัน ประกอบด้วยหินงอก
    หินย้อยระยิบ ระยับ สวยงามตลอด ทางเดินเมื่อทะลุถ้ำทางทิศตะวันตก
    จะพบทางเดินสู่ สวนสุขภาพและ สวยงาม ซึ่งคนในชุมชนใช้เดินทาง
    ออกกำลังกายในตอนเช้าและตอนเย็นทุกวัน
     
  16. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    - ถ้ำปุ่ม ถ้ำนี้อยู่ในเขตบ้านดง หมู่ที่ 2 ตำบลโป่งงาม อ.แม่สาย
    จ.เชียงราย เป็นถ้ำที่มีประเพณีประจำปีในการทำบุญในวันแรม9 ค่ำ
    เดือน 6 ของทุกปี ชาวบ้านเรียกประเพณี
    ถ้ำปุ่ม - ถ้ำปลา
    ถ้ำปุ่ม มีลักษณะเป็นถ้ำที่อยู่บนหน้าผาสูงจากพื้นดิน ประมาณ 30 เมตร
    ทางขึ้นเป็นบันได 73 ขั้น ลึกประมาณ 132 เมตร ถ้ำนี้มีลักษณะเด่น
    คือ บริเวณเหนือทางเดินก่อนเข้าถ้ำ จะปรากฎรูปปั้นสิงห์ อายุประมาณ
    200 ปี ตั้งเด่นตรงหน้าหันหน้าไปทางทิศเหนือสูงขึ้นไป ประมาณ
    16 เมตร นอกจากนี้ภายในถ้ำยังมีหินงอกเป็นปุ่ม (ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์)
    เด่นชัดชาวบ้านจึงเรียกถ้ำนี้ว่า ถ้ำปุ่ม ภายใน มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่
    ให้นักท่องเที่ยวมาสักการะบูชาด้วยภายในถ้ำ เมื่อเดินเข้าไประยะ
    ประมาณ 60 เมตรจะมีทางเดินด้านขวามือจะพบหน้าผาสูงประมาณ
    3.80 เมตรกว้างประมาณ 1.50 เมตร มีลักษณะเป็นหินย้อยติดหน้าผา
    ติดต่อกันคล้ายน้ำตกสวยงามมาก เมื่อเดินเข้าไประยะทางประมาณ
    88 เมตรจะมีทางเดินแยกทางขวามือสามารถทะลุออกทางเดินเดิม
    อีกด้านหนึ่งได้ในลักษณะครึ่งวงกลม ระหว่างทางนี้จะมีบ่อน้ำ ซึ่งชาวบ้าน
    เรียกว่า "บ่อน้ำทิพย์" มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 เมตร ต่อจากนั้น
    ที่ระยะทางประมาณ 110 เมตร จะพบแนวหินย้อยเป็นริ้วติดต่อกับ
    เกาะติดผนังถ้ำเป็นทางยาวติดต่อกันเป็นสีขาวคล้ายน้ำตกสวยงามมาก
    และบริเวณปลายสุดของถ้ำมีพระพุทธรูปปางสมาธิหน้าตัดกว้าง 32 นิ้ว
    สูง 46 นิ้ว ตั้งเด่นเป็นสง่าให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชา


    การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว จากออำเภอแม่จันมุ่งหน้าไปทาง
    อ.แม่สาย ตามทางหลวงหมายเลข
    10 มีทางแยกซ้ายมือที่หลัก
    กม. 877-878 ปากทางเข้าเป็นตลาดบ้านถ้ำ มีป้ายบอกทางไป
    วัดถ้ำปลาได้อย่างชัดเจน ระยะทาง 1.5 กม. ผ่านบ้านโป่งงาม
    วัดถ้ำปลาอยู่สุดถนน ถ้ำปลาอยู่ทางด้านซ้ายมือ ห่างจากลานจอดรถ
    ประมาณ 100 ม. ส่วนถ้ำเปลวปล่องฟ้า อยู่ถัดจากถ้ำปลาประมาณ
    50 เมตร มองเห็นได้ชัดเจน ส่วนถ้ำอื่นๆก็อยู่บริเวณเดียวกันกับวัดถ้ำปลา


    [FONT=&quot]ที่มา http://www.tourismchiangrai.com/?p=preview&id_travel=[FONT=&quot]39[/FONT][/FONT]
     
  17. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ถ้ำผาจม
    <table class="MsoNormalTable" style="width:100.0%;mso-cellspacing:1.5pt;mso-padding-alt:2.25pt 2.25pt 2.25pt 2.25pt" border="0" cellpadding="0" width="100%"> <tbody><tr style="mso-yfti-irow:0;mso-yfti-firstrow:yes;mso-yfti-lastrow:yes"> <td style="padding:2.25pt 2.25pt 2.25pt 2.25pt"> ลักษณะวัดถ้ำผาจมวัดถ้ำผาจมนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาและอยู่ในแนวนอน
    เทือกเขาเขาลูกนี้เป็นรูปผู้หญิงนอนหงายสยายผมไปทางประเทศพม่า
    ฉะนั้น วัดถ้ำผาจมจึงอยู่ปลายผม เมื่อมองไปทางทิศตะวันออกจะเห็น
    พระธาตุดอยเวา ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร และจะเห็น
    เทือกเขาเป็นคุ้งมังกรสวยงามมาก


    ในถ้ำมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ซึ่งประชาชนมาเคารพบูชามากมาย
    ได้แก่ พระยืนสององค์พระไสยาสน์หนึ่งองค์ และพระหลวงพ่อสายรุ่ง
    อีกองค์หนึ่ง เป็นพระที่สวยงามมากเป็นพึ่งทางใจของประชาชน
    ซึ่งเข้าไปกราบไหว้สักการบูชาตลอดเวลา ถ้ำข้างในเข้าไปอีก มี
    หลวงพ่อทองทิพย์ ชื่อของหลวงพ่อในถ้ำนี้เป็นชื่อที่คนถิ่นนั้น
    เรียกกันติดปากมาช้านานแล้ว


    ในถ้ำบรรจุคนได้ประมาณ ๒๐๐ กว่าคน แต่ทางด้านหลังของหลวงพ่อ
    ทองทิพย์นั้นมีถ้ำลึกลงไป เป็นถ้ำที่กว้างใหญ่มาก สามารถบรรจุคน
    ได้ถึงสามพันหรือสี่พันหรือทีเดียว ถ้ำนี้อยู่ลึกจากปากถ้ำลงไป
    ประมาณ ๑๐๐ กว่าเมตร ยาวไปทางประเทศพม่าลอดใต้แม่น้ำสาย
    ไปทะลุขึ้นถ้ำผาปูนทางฝั่งพม่า ซึ่งห่างจากถ้ำผาจมไปประมาณ
    ,๕๐๐ เมตร ทั้งนี้จากคำบอกเล่าของพระตา (ผู้เป็นผ้าขาว) เป็น
    ชาวจีนฮ่อและเคยได้มาทำความเจริญให้แก่วัดถ้ำผาจมพอสมควร)
    ซึ่งได้ลงไปในถ้ำและไปโผล่ขึ้นที่ถ้ำผาปานดังกล่าว มีญาติโยมที่เคย
    ได้ไปกราบนมันการหลวงพ่ออุตตะมะซึ่งอยู่ที่อำเภอสังขละ จังหวัด
    กาญจนบุรีเล่าว่า หลวงพ่อได้ปรารภให้ญาติโยมฟังว่าถ้ำผาจมที่อยู่ที่
    อำเภอแม่สายนั้น เป็นถ้ำที่มหัศจรรย์มาก คือ คือ
    ถ้ำนี้จะลึกเข้าไป
    ถึงเมืองหาสาวดีในประเทศพม่า
    นี่เป็นคำพูดที่ญาติโยมได้ยินจาก
    หลวงพ่ออุตตมะสำหรับข้าพเจ้านั้น ได้ฟังจากโยมเที่ยงเสกกระโกว่า
    โยมเคยได้มาช่วยกันปิดถ้ำนี้ไว้ สาเหตุที่ทำให้ต้องปิดไว้นั้นเพราะเคยมี
    หนุ่มสาวสองคู่คงไปในถ้ำเสร็จแล้วหายไปเลยไม่กลับขึ้นมาอีก มีอยู่ที่
    เคยนั่งสมาธิเห็นว่าใต้ถ้ำนั้นเป็นสระใหญ่สวยงามมากและยังเห็น
    หนุ่มสาวสองคู่นั้นยืนอยู่ริมของสระด้านละคู่สมัยที่ข้าพเจ้ามาอยู่นี้
    ในวันพระจะได้ยินเสียงสวดมนต์ในช่วงเวลาตั้งแต่ ๑.๐๐ น. เป็นต้นไป
    สำหรับในระยะเข้าพรรษานั้น แม้แต่กลางวันก็จะได้ยินเสียงสวดมนต์เสมอ
    และถ้ำแห่งนี้ กล่าวกันว่า เป็นที่อยู่ของพญานาค ๒ ตัวด้วย

    </td> </tr> </tbody></table>
     
  18. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]อำเภอพาน[/FONT]

    [FONT=&quot]ถ้ำน้ำลอด[/FONT]
    [FONT=&quot]ตั้งอยู่ ตำบลป่าหุ่ง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย มีลักษณะเป็นถ้ำเชิงเขา[FONT=&quot]
    มีธารน้ำไหลออกจากถ้ำตลอดปี มีนักท่องเที่ยวตลอดปี[/FONT]
    [/FONT]

    [FONT=&quot]ที่มา http://www.thaitambon.com/tambon/ttrvlist.asp?ID=570508[/FONT]

    [FONT=&quot]ถ้ำผายาว[/FONT]

    [FONT=&quot]ถ้ำผายาว (อ.พาน) ตั้งอยู่ที่ หมู่ 13 [FONT=&quot]บ้านดงเจริญ ตำบลม่วงคำ
    อำเภอพาน[/FONT]
    [/FONT]

    เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความสวยงามมาก นักท่องเที่ยว
    สามารถเดินทางเข้าไปชมความงามภายในถ้ำ โดยจะต้องเดินทางเท้า
    เข้าไปเท่านั้น ปากทางเข้าถ้ำจะอยู่บนยอดเขาและทางเดินขึ้นไป
    เมื่อเข้าไปในถ้ำจะต้องลอดเข้าไปประมาณ
    10 เมตร ภายในถ้ำมีขนาด
    กว้างใหญ่มาก ซึ่งมีลักษณะคล้ายท้องพระโรงที่ยังคงสภาพสวยงามมาก
    และมีหินย้อย บางจุดเป็นเสาเดี่ยว บางจุดเป็นเสาคู่มีลักษณะคล้ายหัวสัตว์
    และมีอยู่จุดหนึ่งมีลักษณะคล้ายอ่างเลี้ยงปลา บริเวณโดยรอบยังคง
    สภาพป่าและเขาที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์
     
  19. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ถ้ำผาโขง
    [FONT=&quot]ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 [FONT=&quot]ต.ป่าหุ่ง อ.พาน จ.เชียงราย[/FONT][FONT=&quot]เป็นพื้นที่รับผิดชอบของ
    องค์การบริหารส่วนตำบลป่าหุ่ง และเขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวง[/FONT]
    [FONT=&quot]
    อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอพานไปทางทิศตะวันตก ประมาณ [/FONT]
    6
    [FONT=&quot]กิโลเมตร [/FONT][FONT=&quot]เป็นถนนลาดยางประมาณ [/FONT]15 [FONT=&quot]กิโลเมตร[/FONT][FONT=&quot] และถนนลูกรังอีก [/FONT]
    1
    [FONT=&quot]กิโลเมตร[/FONT][FONT=&quot] ลักษณะ เป็นถ้ำหินปูน[/FONT][FONT=&quot]มีน้ำไหลผ่านตลอดทั้งปี ภายในถ้ำ
    เป็นโพรงกว้าง มีหินงอก หินย้อยลงมาสวยงามมาก[/FONT]
    [FONT=&quot]สามารถเดินผ่าน
    และไปเที่ยวได้ถึงหลังถ้ำ สามารถเข้าเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี[/FONT]
    [/FONT]

    ถ้ำผาวี (ภาษาพื้นบ้านเรียกว่า ถ้ำ สามหน้า)
    ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 ต.ป่าหุ่ง อ.พาน จ.เชียงราย เป็นพื้นที่รับผิดชอบของ
    องค์การบริหารส่วนตำบลป่าหุ่งและเขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวง
    อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอพานไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 30
    กิโลเมตร เป็นถนนลาดยางประมาณ 15 กิโลเมตร จากนั้นจะเป็น
    ถนนลูกรัง และเดินไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร แล้วเดินไต่ขึ้นไปจนถึง
    หน้าถ้ำอีก 100 เมตร ประมาณ 10-15 นาที ลักษณะเป็นถ้ำหินปูน
    ข้างในถ้ำมีหินงอก หินย้อย เมื่อกระทบกับแสงไฟจะมีแสงประกาย
    สวยงามมาก และภายในถ้ำจะมีลานกว้าง สามารถจุคนได้ประมาณ
    1,000
    คน สามารถเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี
     
  20. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ถ้ำพระ-ถ้ำลม (อ.พาน)

    อยู่ในเขตตำบลธารทอง อำเภอพาน ตั้งอยู่บนกลุ่มดอยเตี้ย ๆ สูงไม่เกิน
    200 เมตร มีดอยอยู่ 4 - 5 ดอย อยู่ในบริเวณเดียวกัน ห่างกันไม่เกิน
    สองกิโลเมตร ทอดตัวยาวไปตามทิศเหนือ-ใต้ ยาวประมาณ หนึ่งกิโลเมตร

    ตัวถ้ำอยู่ทางด้านเหนือสุดของดอย หน้าถ้ำเป็นลานกว้างประมาณ 3 ไร่
    มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่หลายต้นทำให้บริเวณร่มรื่น ถ้ำทั้งสองอยู่ใกล้กัน
    ถ้ำแรกอยู่สูงจากระดับพื้นดินประมาณ
    5 เมตร ปากถ้ำกว้างประมาณ
    4 เมตร
    สูงประมาณ 2 เมตร ตัวถ้ำลึกประมาณ 18 เมตร ตัวถ้ำกว้าง
    ไปทางด้านข้าง จุคนได้ประมาณ
    50 คน ภายในถ้ำมีฐานชุกชีพร้อม
    พระพุทธรูปหลายองค์ พื้นภายในถ้ำเทคอนกรีตไว้ทั้งหมด เคยพบ
    กระดูกมนุษย์และสัตว์โบราณ ก่อนที่จะมีการลาดคอนกรีต เมื่อประมาณ ปี
    พ.ศ.2533 ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปสำรวจ อีกถ้ำหนึ่งอยู่ใน
    บริเวณเดียวกัน แต่ลึกเข้าไปจากถ้ำแรกประมาณ 60 เมตร ปากถ้ำแคบ
    กว้างประมาณ 2 เมตร สูงประมาณ 5 เมตร ภายในถ้ำเป็นหุบเหวลึก
    และมืดสนิท สามารถเดินเข้าไปจากปากถ้ำเพียง 2 เมตรเท่านั้น มีลมพัด
    ออกมาจากภายในถ้ำแรงมาก จึงเรียกว่าถ้ำลม อากาศเย็นทึบและอับ
    จึงยังไม่มีผู้ใดเข้าไปสำรวจถ้ำนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...