นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ให้กำลังใจงวดหน้าเอาใหม่ต้องมีอีกสักวันแหละน่าที่ถูก
ซื้อลอตเตอรี่เดือนละใบแค่พอลุ้นให้ชีวิตมีสีสัน
ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังมีความหวัง....หวังกันต่อไปอิอิอิ...

สวัสดีตอนสายๆค่ะทุกๆคนไม่มีความฝันมาเล่ามารออ่านของคนอื่นค่ะ

 

เมื่อวานออกจากกระทู้ คิดว่าจะขี้เกียจสักหน่อย
พอเข้าไปที่ห้อง คิดว่าจะจัดห้องใหม่ค่ะ ลังเลนิดหน่อย
แล้วก็โยกย้ายเปลี่ยนมุมของเตียง และที่สำหรับสวดมนต์
ชอบจัดห้องค่ะ เอาแบบให้แขกงงไปเลย...อะฮ้า
ทีแรกจะเอาเตียงออก แล้วนอนกับพื้น แล้วก็เปลี่ยนใจ
เอาเตียงไว้อย่างเดิมค่ะ ห้องสะอาดเอี่ยมอ่องเลย
กว่าจะเสร็จปาเข้าไป 4 ทุ่ม อาบน้ำสวดมนต์นั่งสมาธิปกติค่ะ
แหมพอเปลี่ยนฮวงจุ้ยที่นอน วันนี้เลยมีแต่เรื่องดีๆ
การเจรจาราบรื่นในทุกเรื่อง

เมื่อวานแม่บ้านถามว่า ห้องของเราใส่น้ำหอมอะไร เดินผ่านได้กลิ่นหอมทุกวันเลย เราก็ขำนะ บ้าหรือเปล่าอยู่ดีๆ จะเอาน้ำหอมมาใส่ห้องทำไม

เอารูปมาฝาก ถ่ายเมื่อคืนนี้ เวลาไล่เลี่ยกันแต่สีของภาพออกมาแตกต่างกันซะงั้น

 

ที่สีภาพต่างกัน เป็นเพราะอะไรเหรอคะพี่นุ๊ก

ปล. ไม่รู้จะเล่าอะไรจริง จริ๊งงงงง.... จ้ะ แหะๆ

 

สงสัยกล้องไม่ดีมั้งคะ 555

 

มีอีกรูปนะที่แปลก สังเกตดีๆ นะ (มุมล่างขวามือ) มันคืออะไร???
เพิ่งเห็นตอนที่เอามาลงคอมเมื่อเช้าค่ะ

 

มองเห็นว่ามันทึบๆ แต่มองไม่ออกว่าอะไร ยังไงจ้ะ

 

ในพระธัมมสังคณีภาคหนึ่งเล่มที่ ๑ คัมภีร์ที่ ๑ ในพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ บรรยายว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ทรงแสดงพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์

เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดง เริ่มตั้งแต่พระคัมภีร์ที่ ๑ - ๖ เป็นการแสดงให้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงของปรมัตถธรรมทั้งปวง ระยะนั้นไม่มีความพิศดารแปลกประหลาด

แต่เมื่อทรงแสดงคัมภีร์ที่ ๗ มหาปัฏฐาน อันเป็นพระอภิธรรมประเสริฐยิ่ง ทรงปลื้มปิตี ยินดีอย่างล้นพ้น เกิดพระฉัพพรรณรังสี พระพุทธองค์ทรงพิจารณาธรรมนั้นอยู่ถึง ๗ วัน ด้วยสัพพัญญุตญาณของพระพุทธองค์ทุก ๆ พระองค์

ฉัพพรรณรังสีมี ๖ สี คือ สีเขียว ขาว แดง เหลือง ม่วง และประภัสสร (เลื่อมพราย) ท่านอุปมาว่า

สีเขียว - นิลกะ สีเขียวเข้มเหมือนดอกอัญชัน ดอกสามหาว กลีบบัวเขียวที่ซ่านออกไปจากพระเกสา คือ ผม และพระมัสสุ (หนวด) ออกมาจากสีเขียวแห่งพระเนตรทั้งสอง

สีขาว - โอทาตะ สีขาวเหมือนแผ่นเงิน เหมือนน้ำนม และดอกโกมุท ดอกย่านทรายและมลิวัลย์ ซ่านออกมาจากพระอัฐิ (กระดูก) พระทนต์ (ฟัน) และสีขาวออกจากพระเนตรทั้งสอง

สีแดง - โลหิต แดงเหมือนสีตะวันทอง สีผ้ากัมพล ดอกชัยพฤกษ์ ดอกทองกวาว ดอกชบา ที่ออกมาจากพระมังสะ (สีเนื้อ) พระโลหิต (สีเลือด) ซ่านออกมาจากพระเนตรทั้งสอง

สีเหลือง - ปิตะ สีเหมือนแผ่นทองคำ สีเหลืองเหมือนผงขมิ้น ดอกกรรณิการ์ที่ซ่านออกมาจากพระฉวีวรรณ(ผิว)

สีม่วง - มันชิถะ เหมือนสีเท้าหงส์ที่เรียกว่า หงสบาท สีดอกหงอนไก่ สีม่วงแดง ที่ซ่านออกมาจากพระสรีระ (ร่างกาย)

สีประภัสสร - สีเลื่อมพราย เหมือนสีแก้วผลึกที่เรียกว่า สีเลื่อมประภัสสร ออกมาจากพระสรีระเช่นกัน

 

มันคือแขกที่ไม่ได้รับเชิญค่ะ 555
เดี๋ยวคืนนี้ต้องพูดคุยกันซะหน่อย (ว่าไปนั่น)
ห้องที่อยู่ก็ไม่ได้มีข้าวของอะไร
จะเห็นว่ากลุ่มควันนี้ทาบทับที่โต๊ะบูชา
ภาพนี้ถ่ายตอนที่สวดมนต์แผ่เมตตาเสร็จแล้ว
ก็เลยถ่ายดูซะหน่อย แล้วก็นั่งสมาธิต่อค่ะ
ไม่ได้สนใจ จนเมื่อเช้าเอามาลงคอม

 

ถ้าเรียกว่า มัน เนี่ยยย...แสดงว่า ต้องไม่ค่อยดีแน่ๆเลย

อย่าลืมมาเล่าให้ฟังนะจ้ะ ว่าเคลียร์แล้วเป็นยังไงบ้าง อิอิ อยากรู้หนอ

 

เชื่อคนง่ายนิ..เราน่ะ...พี่ก็หาเรื่องโม้ไปเรื่อยนั่นแหละ ไม่รู้จะคุยอะไร

 

พี่นุกค่ะ ถ้าเราไม่อนุญาต มันเข้าบ้านเราได้ด้วยหรอค่ะ

 

แป่วววว.... พี่นุ๊กง่าาาา;9k

 

อ๋อ...สำหรับพี่เป็นคนใจดีค่ะ ไม่เคยไล่ทั้งผีและคน
ใครอยากมาก็มา ใครอยากไปก็ไป อย่ามายุ่งกับพี่ก็แล้วกัน
อยู่ให้ถูกที่ถูกทางก็พอค่ะ

เคยให้น้องที่ทำงานมาอยู่ด้วย เค้าก็พาเพื่อนมาอยู่อีกคน
พี่ก็ไม่เคยว่าอะไร อยากใช้อะไรก็ใช้ อยากทำอะไรก็ทำ
เรียกว่าอิสระเสรี ไม่เคยบ่น ไม่เคยว่าเลยค่ะ
แค่คิดในใจว่าแปลกคนดีเนอะ แทนที่จะเกรงใจเราบ้าง...คิดแค่นี้เอง
ไม่นาน เค้าก็ขอย้ายออกไป

 

ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 22 คน ( เป็นสมาชิก 10 คน และ บุคคลทั่วไป 12 คน )
nouk, ปลากะป๋อง, Margaret Th, jernnrej, Kee_Key, hastin, alline, น้าป้อม, marty

รออ่านหนอค่ะ...ใครก็ได้เล่าเรื่องราวหรือนิทานให้อ่านหน่อยจิ
คุณบุคคลทั่วไปทั้ง 12 คน ก็ได้ค่ะ ช่วย log-in มาคุยกันหน่อยดีมั้ย

 

เหมือนเดิมเลย มารอออกันเต็มถ้ำ
อึดอัดมั้ยคะ อยู่นิ่งๆ นะ อย่าขยับเดี๋ยวอ๊อกซิเจนไม่เพียงพอ
วันนี้ไม่ว่างคุยด้วยนะคะ เคลียร์งานก่อน

 

วันนี้เข้ามาได้แล้วค่ะ แต่ว่า.....จำความฝันอะไรไม่ได้เลยค่ะ รู้แต่ว่าฝัน แต่ก็จับความอะไรไม่ได้ ไม่ทราบอะไรเลย

ก็เลย........ไม่มีอะไรมาเล่าให้ฟัง :'(

นอกจากว่า สวดมนต์เมื่อคืนแล้วก็น้ำตาไหล พยายามกลั้นแล้วแต่ไม่อยู่อ่ะค่ะ มาทั้งที มีแค่เนี้ย

 

เค้าเรียกว่า ปิติ ค่ะน้องดา
ยินดีด้วยนะคะ พี่สวดมนต์ก็เหมือนไม่ได้สวด
รู้เพียงว่าฝ่ามือที่ประกบกันจะมีพลังบางอย่าง...ดึงดูดกันแค่เนี้ย
ไม่ไหวเลยเรา นับวันจะยิ่งถดถอย สมาธิก็เป็นสมาธิหัวตอไปแล้ว
นั่งหลับได้เป็นครึ่งชั่วโมง 555 เก่งจริ๊ง
ขณิก อุปจาร อัปปนา เป็นยังไง เดี๋ยวนี้ไม่รู้เลย รู้แต่นิ่งอย่างเดียว
เสียงรอบๆ ยังมีอยู่เป็นปกติ ยิ่งนิ่งก็ยิ่งได้ยิน ลมหายใจกำหนดให้หยาบ
มันก็ไม่หยาบ พุทอยู่ไหน โธอยู่ไหน หายังไม่เจอเลย เฮ้อ! แย่จริงๆ

 

ใช่ที่คุณคุรุวาโรเคยให้ไว้รึเปล่าค่ะ ด้วยความอยากรู้ จำได้ว่ามีคืนนึงลองภาวนาไปจนหลับ ฝันอะไรมากมายเลย จำได้ว่าภาพนึงที่เห็น เหมือนภาพพระพุทธเจ้า ที่เป็นพุทธประวัติตามวัดเลยคะ นอกจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย

แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้ภาวนาอีกเลย (ด้วยจิตใจไม่สงบ ฟุ้งซ่าน วุ่นวาย)

 

จิตมันมีอิสระเต็มที่ ไม่เชื่อฟังคำสั่งของใจ
เมื่อก่อนมันก็พิจารณาตลอด ไม่หลับไม่นอน
พอตอนนี้มันไม่เอาอะไรเลย มันบอกอย่างเดียวว่า
พิจารณาไป ปฏิบัติไป มันก็มีเพียงแ่ค่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ขอยกพระสูตรหนึ่ง มาให้อ่านกันนะคะ

การกำหนด จิตสัมผัสรูปปรมัตถุ์ จากพระสูตร " พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเรียก ร่างกายที่ประกอบด้วยธาตุ 4 (มหาภูตรูป 4 )นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง" ให้จิตกำหนดรู้เพียง เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ในลักษณะ ในสัมผัส แม้ทาง ตา แม้ทางใจ ไม่มีอะไรเกินไปกว่าขอบเขต เย็น ร้อน อ่อน แข็ง นี้ กามสัญญา(กามสังโยชน์) กามวิตก กามวิจาร(กามนิวรณ์) ย่อมถึงซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้ รูปราคะ รูปปฏิฆะ ก็ตั้งอยู่ไม่ได้ จิตย่อมหยุด งอกลับ สลัดทิ้ง สละ ลง ซึ่งความยินดีในกามารมณ์ทั้งหลาย จิตไม่หย่อนลงใน กามภพทั้งหลาย

จิตรู้เห็นสภาพของรูปทั้งหลายตามความเป็นจริง รูปไม่เป็นอารมณ์ที่เป็นเหตุให้เกิด ทุกข์อีก ความไม่กำหนดรู้ทุกข์เป็นอวิชา ความไม่กำหนดละเหตุแห่งทุกข์คือตัณหา และเมื่อมีอุปทานยึดมั่นถือมั่นทำกรรมใดๆ วัฏฏสงสารก็หมุนไปเพราะเหตุนั้น ได้เกิดเป็นมนุษย์แล้วได้พบพระพุทธธรรมนั้นแสนยาก อย่าให้เสียชาติเกิด กำหนดรู้ทุกข์( อุปทานขันธ์5 )ให้ได้เสียแต่ชาตินี้ " ภิกษุทั้งหลาย จงเพ่ง ภิกษุทั้งหลาย เธอควรกำหนดรู้" นี้เป็นคำตรัส ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์