ทำไมพระอรหันต์หัวเราะได้ ร้องไห้ได้ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

พระพุทธเจ้าไม่สอนให้เอารูปไปสวรรค์นิพพานแทน

ด้านวัตถุนี้เกลื่อนทีเดียว แต่ด้านนามธรรมคือประพฤติตัวให้เป็นคนดีไม่ค่อยปรากฏนะ นี่ละมักง่ายชุ่ย ๆ เหลือเกิน ในวัดป่าบ้านตาดไม่ค่อยเหมือนใครนะ พระพุทธรูปเอาไปให้ให้เอากลับคืน แล้วอะไรต่ออะไรที่ไม่เป็นหน้าเป็นหลังทำด้วยความมักง่ายชุ่ย ๆ นี้ศาสนาไม่ใช่ความมักง่ายให้เอาคืนเลย พระพุทธรูปไปถวายเรามากต่อมากเราไม่เอา เรากราบพระพุทธเจ้าทุกเวลา เอากลับคืนว่างั้นเลย ให้เอาคืนจริง ๆ นะเรา เลอะเทอะมากเวลานี้ ถ้าจะรับไป ๆ จะเสริมคนให้มากขึ้น จึงต้องเด็ดกันตรงนี้ให้ได้ข้อคิดบ้างนะ ไปที่ไหนมีแต่พระพุทธรูปเต็มกุฏิพระจนจะนอนไม่ได้นะ พระท่านก็เกรงใจซิ คนนั้นก็ไป คนนี้ก็เอาพระพุทธรูป คนนั้นก็เอาพระพุทธรูป คนนั้นก็ของขลัง คนนี้ก็ของขลัง ในกุฏิพระมีตั้งแต่ของขลัง ๆ แต่พระที่อยู่ในกุฏิจะขลังหรือไม่ขลังเราก็ไม่รู้นะ เต็มไปหมดนะเวลานี้
ชาวพุทธเรามักง่ายเอาเหลือประมาณ วัดป่าบ้านตาดจึงไม่ค่อยมีพระพุทธรูป มีแต่เฉพาะองค์ที่กราบไหว้บูชาเป็นประจำเพียงองค์สององค์พอแล้ว ไม่ได้หรูหราฟู่ฟ่าแบบโลกทั้งหลายทำกันนะ เขาเอาไปถวายเราให้เอาส่งคืน เราไม่รับเราบอก ให้มากต่อมาก ไม่งั้นวัดป่าบ้านตาดเต็มไปด้วยพระพุทธรูป ไม่ใช่ธรรมดานะ เราไม่รับ เราพิจารณาโดยเหตุผลทุกอย่างแล้ว ถ้ารับแล้ว ๆ มันจะเสริมคนให้มักง่ายตลอดไปเลย เราจึงไม่รับแล้วสอนด้วย ๆ ให้รู้ความพอเหมาะพอดี ไปที่ไหนมีแต่พระพุทธรูปเต็มวัดเต็มวา ใครก็ยื่น เอ้า พระ ๆ ไปอย่างงี้นะ ทำมักง่ายเหลือเกิน ไปที่ไหนมีแต่เอาพระพุทธรูปไปถวายพระ ให้พระพุทธเจ้าไปสวรรค์นิพพาน แทนพระพุทธเจ้าไปนิพพานแล้ว เจ้าของทำชุ่ย ๆ พระพุทธเจ้าไม่ใช่พระองค์ชุ่ย ๆ มักง่ายสุกเอาเผากิน
อันนี้ละอันหนึ่งนะ พี่น้องทั้งหลายจำเอานะ ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตัว ดีกว่าที่จะไปทำชุ่ย ๆ ต่อพระพุทธเจ้า อย่างที่เห็นมานี ชุ่ย ๆ ชุ่ยเอามากทีเดียว มองดูไม่ได้ นะ วัดเราไม่ค่อยจะเหมือนวัดใครง่าย ๆ เอาธรรมกางไว้เลย ขัดข้องกับธรรม เพราะธรรมเป็นเครื่องสอนคนให้ดี ทำเลอะ ๆ เทอะ ๆ มีแต่คอยเจริญพร ๆ นี่ไม่เจริญพรง่าย ๆ นะถ้าไม่ถูกไม่เจริญพร ถ้าถูกไม่บอกก็เจริญพร นั่น มันไม่ถูก มีแต่เรื่องอุบายสอนพระ หาอุบายบังคับพระไปในตัว พระท่านจะทำยังไงก็รับไว้ ๆ สุดท้ายห้องพระจนจะไม่มีที่หลับที่นอน มีตั้งแต่พระพุทธเจ้าเต็มในห้อง ดีไม่ดีมีของขลังประเภทต่าง ๆ เต็มในห้องพระอีก
เดี๋ยวนี้ศาสนามีแต่ด้านวัตถุนะ ด้านนามธรรมคือความประพฤติตัวให้ดีงามตามหลักธรรมไม่ค่อยมี เราอยากจะพูดว่าไม่มีว่างั้นเสียเลย มันจะถึงใจดีกับความขี้เกียจขี้คร้านของชาวพุทธเรา เป็นอย่างงั้นนะ พากันพิจารณาหน่อยนะ เอะอะเอาพระพุทธรูปไปให้พระ เอาไปให้พระ ซื้อง่าย ๆ ขายคล่อง ๆ ทีเดียว พระพุทธเจ้าเป็นสินค้าอันใหญ่โตซื้อง่ายขายคล่องด้วย เอ้าพระ ๆ เรื่อยไปเลย เราจะเป็นยังไงไม่สนใจ นี่ความมักง่ายมันไม่ดีนะ ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เอารูปพระพุทธเจ้าไปสวรรค์นิพพานแทน สอนให้คนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ดัดกาย วาจา ใจ ประพฤติความดีงามแก่ตัวของตัว นี้ไปสวรรค์นิพพานแทนพระพุทธเจ้าเลยก็ได้
นี้มันมีแต่เรื่องเลอะ ๆ เทอะ ๆ จำให้ดีนะที่ฟังอยู่ทั้งหมดนี่ แล้วกลับไปนี่เข้าไปโรงเขาหล่อพระอีกนะ ให้ไปขนเอามาให้หมด โยนใส่กุฏิหลังนั้น โยนใส่กุฏิหลังนี้นะ เอ้าพระๆ เรื่อยไป ในเมืองพุทธเราให้มีแต่พระพุทธรูปเต็มบ้านเต็มเมือง หาคนดีตั้งใจปฏิบัติตามศีลธรรมไม่ค่อยมี นี่ที่มันเลอะเทอะอย่างนี้นะ เลอะเทอะจริง ๆ อย่าว่าแต่ประชาชนเลย พระก็มีคนมีกิเลสเหมือนกัน เลอะ ๆ ได้ทั้งเขาทั้งเรานั้นแหละ จึงสอนให้ดีด้วยกัน เราเป็นลูกพระพุทธเจ้าชั่วด้วยกัน สอนให้เป็นคนดีด้วยกัน ปฏิบัติดีด้วยกันได้
ขอให้พากันจำเอานะ โห มันมีแต่เลอะเทอะเข้าไปทุกวัน ๆ ยังไงเดี๋ยวนี้มีแต่ศาสนาของกิเลสมันเหยียบหัวคนทั้งโลก ซึ่งเป็นลูกชาวพุทธแหลกไปโดยลำดับลำดา ศีลธรรมในการปฏิบัติตัวเพื่อความเป็นคนดีนี้ไม่สนใจนะ ทำเอาอย่างมักง่ายที่สุด เอาเท่านั้นละไม่พูดมาก มันมากมาพอแล้ว

คัดลอกมาจาก Luangta.Com -

 

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๕ หน้าที่ ๑๙๒/๔๑๘
๗. ธาตุสูตร
[๒๒๒] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว
พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว
เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ ๒ ประการนี้ ๒ ประการเป็นไฉน
คือ สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑ อนุปาทิเสสนิพพาน ธาตุ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สอุปาทิเสสนิพพานธาตุเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ
อยู่จบพรหมจรรย์ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว
มีสังโยชน์ในภพนี้ สิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้นย่อมเสวยอารมณ์ ทั้งที่พึงใจ
และไม่พึงใจ ยังเสวยสุขและทุกข์อยู่ เพราะความที่อินทรีย์ ๕เหล่าใด เป็นธรรมชาติไม่บุบสลาย
อินทรีย์ ๕ เหล่านั้นของเธอยังตั้งอยู่นั่นเทียว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไป
แห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่งโมหะ ของภิกษุนั้น นี้เราเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ

ดูกรภิกษุทั้งหลายก็อนุปาทิเสสนิพพานธาตุเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้
เป็นพระอรหันตขีณาสพอยู่จบพรหมจรรย์ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว
มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ
เวทนาทั้งปวงในอัตภาพนี้แหละของภิกษุนั้น เป็นธรรมชาติอันกิเลสทั้งหลาย มีตัณหาเป็นต้น
ให้เพลิดเพลินมิได้แล้ว จัก (ดับ) เย็น ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นี้เราเรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ ๒ ประการนี้แล ฯ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว
ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า นิพพานธาตุ ๒ ประการนี้
พระตถาคต ผู้มีจักษุผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยแล้ว ผู้คงที่ประกาศไว้แล้ว อันนิพพานธาตุอย่างหนึ่ง
มีในปัจจุบันนี้ ชื่อว่าสอุปาทิเสส เพราะสิ้นตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพ ส่วนนิพพานธาตุ (อีกอย่างหนึ่ง)
เป็นที่ดับสนิทแห่งภพทั้งหลายโดยประการทั้งปวง อันมีในเบื้องหน้าชื่อว่าอนุปาทิเสส
ชนเหล่าใดรู้บทอันปัจจัยไม่ปรุง แต่งแล้วนี้มีจิตหลุดพ้นแล้วเพราะสิ้นตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพ
ชนเหล่านั้นยินดีแล้วในนิพพานเป็นที่สิ้นกิเลส เพราะบรรลุธรรมอันเป็นสาระ เป็นผู้คงที่ละภพได้ทั้งหมด ฯ
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วฉะนี้แล ฯ
จบสูตรที่ ๗

----
พระอรหันต์ประเภท สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ ยังมีเวทนาอยู่ เสวยสุขและทุกข์อยู่
พระอรหันต์ประเภพ อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ดับเวทนาได้ เวทนาเป็นของดับเย็น หมดสิ้นตัณหา

ก่อนจะแสดงความคิดเห็น ถ้าไม่รู้อะไรเลยก็อ่านข้อความที่แสดงคิดเห็นก่อนหน้าบ้าง ในพระไตรปิฏกก็มี ครูบาอาจรย์ก็สอนไว้ ลบหลู่ปรามาสพระอรหันต์ นรกก็จะไม่มีที่ให้อยู่ครับ

 

ตกลงดับเวทนา หรือดับอุปาทานครับ

 

อุปาทานขันธ์ครับ

 

- ท่านจะหา นิพพาน ในธาตุ 4 ขันธ์ 5 หรอ ใน ธาตุ 4 ขันธ์ 5 มันไม่มีนะ ถ้าจะพูดภาษานักเลงให้ท่านยก โคตร มาหาดูในธาตุ 4 ขันธ์ 5 นิพพานอยู่ในนั้นมั้ย หากเจอ ท่านจะต้องเป็น ศาสาดาเอก แน่นอน แต่รับรองได้ว่าคงเป็นได้แค่ ตาเอก

 

อย่าเยอะ

กราบพระเถิด ใจมุ่งไปที่คุณธรรม๔คู่ ๘บุรุษเลย ก็จักกราบสนิทใจ

คุณธรรมหลวงตาท่านก็มีอยู่ หากพิจารณาคุณธรรม ผู้ควรกระทำความเคารพ

 

-เหมือนกับว่า พระอรหันต์ ของท่านไม่ต้องกินข้าว ไม่ต้องหายใจเลยนะ

-พระอรหันต์สาวกทั้งหลาย ก็มาจากเราๆท่านๆ มีเหมือนกันหมดนี้ละ แม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็ตาม

 

แน่ใจแล้วหรือที่ว่าเป็นพระอรหันต์ ดูจากตรงไหน

 

ผม นับถือพระ แต่ หาก ..บอกว่า สำเร็จ อรหันต์ ผม ดู ปฏิปทา ตาบัวแล้ว...
ผม..ว่า ยังไม่ ใช่ จุด ผิดปกติ ท่านเยอะ..หาก บอกกว่า ท่านยังเป็นสมมติสงฆ์

ผผม ยอมรับได้..แต่ บอกว่า เป็นอรหันต์ ยัง ไม่ใช่แน่ๆ...

พระ อรหันต์ ไม่มีทางผิด สัจจะ...อันนี้ ตาบัว ก็ ไม่ผ่านแล้ว...
พระอรหันต์ ปล่อยวาง ทุกๆ ความยึดติด แล้ว อันนี้ตาบัวก็ไม่ผ่าน เพราะไป ช่วยชาติ หา เงินหาทอง เพื่อ ช่วยชาติไทย ..ชาติ ไทยไม่ใช่ ชาติ ศษสนาพุทธ ครับ...ตาบัวบวช เป็นพระ ในศาสนาพุทธ .ช่วยศาสนา ไม่ใช่ช่วยชาติ
หน้าที่ พระ อรหันต์ นั้น ...จะว่าไป ไม่มีหน้าที่อะไรแล้วทั้งนั้น...เหลือ อย่างเดียว คือ เผยแผ่ พระสัทธรรม เท่านั้น และ ต้อง เป้น ผู้ เคย อธิษฐาน ว่าจะ เผยแผ่ด้วย ไม่ใช่ ทุก รูป ที่สำเร็จธรรม แล้วต้องเผยแผ่...

ตาบัว ด่าพ่อ ด่าแม่..จะ อธิบายยังไง ล่ะ พระอรหันต์ เวลา เทศนาธรรมเนี่ย ต้องด่าพ่อ ด่าแม่ ด้วยหรอ...

คุณ หลง เข้า มา...ผม ไม่ได้ ว่า ตาบัวไม่ใช่พระ พระ มีหลาย ระดับ..
แต่ผม ไม่เชื่อว่า ท่าน สำเร็จ อรหันต์...เข้าใจตามนี้ด้วย

 

อีกอย่าง....นะ
คำว่า อย่าเยอะ..เนี่ย ผม ไม่ชอบเลย....
นี่มันภาษานักเลง รุ่นใหม่ เขาใช้กัน....

คุณ หลง จะ เยอะ กับผม หรอ...อย่า เม้นทำนอง เดียดฉันท์ กัน..
ผม ไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณ ..และ ผม ก็ไม่ได้เป็นลูกไล่คุณด้วย

อย่ามา เม้นนักเลงกับผม...คุณ จะนักเลง...กับผม อย่าดีกว่า
ผมเลิก แล้ว...ชีวิตผม ผ่านอะไรมา มากกว่าคุณ แน่ๆ เชื่อ ผมสิ..

 

ข้อนี้ หมายถึง ไม่พอใจ เกิดที่ใจ ก็ดับที่ใจ

หากสำเร็จโทษทางวาจา มันมีแต่จะเพิ่มกรรม ไม่ได้หยุดกรรม

ภาษานักเลงเขาว่า ห้ามใจไม่เหนี่ยวไกปืนมันยาก

 

ข้อนี้ข้ามไปได้เลย ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย

หากทำให้ข้องใจ ก็ขออภัยด้วย

 

หลวงตา บัว ญาณสัมปัณโน.....

ท่าน จบ เปรียญ..จนเป็นมหา....ท่านเรียน ปริยัติมามาก...ท่านบวช แล้วไป ปรนนิบัติ หลวงปู่มั่น...หลวงปู่มั่น สอนกรรมฐาน ท่านก็ ได้ ปฏิบัติ บ้าง แต่ ใจท่าน ต้องการ เรียนปริยัติมากกว่า..สุดท้าย ท่าน จบ เปรียญ((ประโยคไหนผมไม่รู้)) จนได้ เป็นมหา...ท่าน อ่าน ตำรามามาก และ เข้าใจ หลัก ปฏิบัติ ตามพระ ปริยัติ ที่สอนๆ กันมา....

และ จากการ เคยรับใช้ใกล้ชิด หลวงปู่มั่น...เมื่อ ท่านเปิด ตัว จะช่วยชาติ
ท่านก็ ดังเป็น พลุแตก..ครั้งแรก บอกว่า ทำครั้งเดียวเลิก..ผม ยังจำได้ วันสุดท้ายที่รับ บริจาค ผม วิ่งขึ้นธนาคาร กลัวจะไม่ทัน เพื่อไป โอนเงินให้..หุหุหุ

ให้ หลัง ไม่นาน ท่าน บอกว่า จะทำต่อ ผ้าป่าช่วยชาติ...ผม งง เลย..ทำไม
ไม่รักษาสัจจะ.....ไหน เทศนา บอก ว่า สำเร็จ ธรรม ที่ดอย ธรรมเจดีย์ นั่ง 9 วัน 9คืน จน ขี้เยี่ยวแตกไป...จน จิต บรรลุธรรม...

แต่ คำว่า ช่วยชาติ ทำครั้งเดียวเลิก..ยัง ลืมคำพุดไปได้....

หาก ไม่ใช่ บารมี หลวงปู่มั่น จะมีคน เชื่อ ถือ หลวงตา บัว กี่คนเชียว..
ภายหลังมา เทศนา ที ด่าพ่อ ด่าแม่ คนอื่น เสียๆ หายๆ...ผม ก็ ตาสว่างๆๆๆๆ

อีกเรื่อง....คน มุสลิม มา ถวายทอง ช่วยชาติ...เขามา กันเป็นกลุ่ม แทนที่จะเทศนา ให้ พวก ต่างศาสนา ได้ คิด ได้เห็นสัจจธรรม ..กลับ ไป ด่าว่าพวก เขา
หาว่าพวก มุสลิม มักมากในกาม..มีเมียทีละ 4 คน..พวก มุสลิม ก็ เอ๋อ แดก เลย..เขามา ถวายเงิน ถวาย ทอง กลับไป ด่าเขา...

นี่ หรือ พระอรหันต์ ของ คนไทย..หลายๆคน...

 

ไม่ต้องห่วงผม...คนในนี้ ปาก บอกว่าห่วงกัน.หุหุ..ห่วงจริง หรือ อยาก โชว์ พาวมากกว่า

คนอย่างผม หาก ไม่มั่นใจ ผม ไม่พูด และ ผม กล้ารับความจริงเสมอ..
หาก ผม เข้าใจผิด ไป..ว่า ตาบัว ไม่ใช่ อรหันต์ ผม รับ เรื่อง ของผมเอง
ไม่ต้องห่วง ผม...ผม ไม่กลัว...จะ นรก หรือ สวรรค์ มัน แค่ มายา..

ผม เรียนรู้ ธรรม มา ผม รู้ แค่ สิ่งที่ผม รู้.อะไรจะเกิด มันเป็นเรื่อง ของ สภาวะ
ผม พร้อมรับ และ ไม่เคยกลัวเลย...

 

พระอรหันต์

รวมภาพพระ วัด นปช. วราราม

 

http://palungjit.org/threads/เมื่อม...นามว่าเมตไตรย์จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก.346216/

Luangta.Com -

----
พึ่งรู้หลวงตาไปด่า...ไว้ มิน่า... ใจว่าร้อนแล้ว นรกร้อนมากกว่าเป็นไหนๆ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ผู้มีอำนาจไม่มีศีลธรรม มนุษย์เป็นอันมากก็จะไม่มีศีลธรรม ไม่นับถือกัน ไม่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบต่อกัน แม้แต่สมณะก็ไม่เว้น เกิดการด่าทอกัน เกิดการทะเลาะกัน เกิดการอาฆาต ความพยาบาท ความคิดร้าย เกิดการฆ่ากันและกัน นรกมีที่ให้อยู่เสมอ รักษาตัวกันดีๆ มนุษย์อายุ 100 ปี ลดลงเหลือ 10 ปี ฆ่ากัน 7 วัน

 

ไม่ใช่เรื่องหันไม่หันอะไรหรอกครับ
เพียงแค่เห็น เพียงแค่จำ เพียงแค่ได้คำ หลวงตา
ของไม่เคยมีแล้วมี ของเคยมีแล้วไม่มี มันทะลักออกมาหมด

 

ระหว่างที่ พาว์รกำลังกระจาย ตัดเข้าโฆษณา............

 

ดีครับ...ที่เม้น ไว้แบบนี้..ไม่ว่าคุณจะ เตือนด้วยใจจริง หรือไม่ อย่าลืม เตือนตัวเองด้วย..นะครับ

ผม ดูๆ ทิฎฐิ คุณ จาก หลายๆ เม้น..แล้ว..ก็ รู้ว่า คุณเอง มีทิฎฐิ ที่ ไม่ถูกหลายอย่าง ธรรมมะ เข้าใจ แบบ ขอไปที คิดๆเอาเอง ซะส่วนใหญ่...

ห่วง ตัวเอง มากๆนะครับ...หลับ ตา แล้วมองลงในกาย ในใจตน ของคุณด้วย.ว่า...ยัง หลงทางมั้น ยังโง่ หลายๆเรื่องมั้ย...

ดู นะครับ..อาจจะ ทิฎฐิ ดีขึ้น...

 

ใครกล้าห่วงท่านก็ห่วงไปครับ ผมคนหนึ่งบอกเลยผมไม่กล้าห่วงท่าน พวกไม่เชื่อว่ามีนรก มีสวรรค์ พวกนี้มันไม่กล้วนรก ไม่เกรงกลัวต่อบาป โบราณเขาว่า ไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตา วันไหนเจ็บปวดจนถึงที่สุด ธาตุขันธ์ มันชรา ธาตุขันธ์มันจะแตก ก็ทำให้ได้อย่างที่พูดครับ