นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    พระจี้กงเปิดใจ

    พระสูตรบทแรกที่ท่านอาจารย์หยวนเซียถังสอนให้ข้า คือเรื่องวิบากกรรม
    สรรพสัตว์ สุข ทุกข์ เพราะผลกรรมที่สร้างไว้แต่ปางก่อน บวกกับกรรมใน
    ชาติปัจจุบันเล็กน้อย

    แรงใดก็ไม่สู้แรงกรรม กรรมดีกรรมชั่วย่อมให้ผลเมื่อถึงเวลาของมันเสมอ
    กรรมเราเป็นผู้ก่อ ก็ต้องรับกันไปเอง กรรมดีกรรมชั่วให้ผลยุติธรรมเสมอ
    แรงไปแรงมา เหมือนกระแทกลูกบอลกระทบฝาผนัง ย่อมมีแรงสะท้อนกลับ
    เท่านั้น การสร้างกรรมดีมากๆ ในชาติปัจจุบัน หรือสร้างกรรมชั่วมากๆ เท่านั้น
    ที่สามารถเปลี่ยนแปลงผลกรรมในอดีตได้

    หลังจากที่ข้าได้บรรลุธรรมแล้ว ได้ท่องเที่ยวโปรดสรรพสัตว์ทุกแห่งตามทาง
    ที่ข้าจะไป หากยังทำตัวเป็นพระที่ดี อยู่วัดเล่งอุ้งเหมือนเก่า ทุกวันนี้ก็จะไม่มี
    ใครรู้จักข้าแล้ว ชื่อของข้าคงจะเงียบหายไปพร้อมกับประวัติศาสตร์ หายไป
    จากความทรงจำของผู้คน

    เมื่อข้าได้เห็นแจ้งความจริงของสรรพสิ่งแล้ว พลันพบว่าจิตใจของมนุษย์ใน
    ยุคนั้น น่าสะพรึงกลัวมาก คือ ถือศีลกันแต่ปาก โหดร้ายทารุณต่อคนยากไร้
    เอาเปรียบขูดรีดราษฎร ยกย่องนับถือแต่พระผู้ใหญ่ ซึ่งมียศศักดิ์ว่า เป็นพระ
    ที่ดี เหยียดหยาม ดูหมิ่น ไม่ค่อยต้อนรับพระสามัญชนคนธรรมดา ยากแก่การ
    ที่ข้าจะโปรดให้ตลอดรอดฝั่งได้ ทำให้ข้าเสียใจมาก จึงหันเข้าหาสุรายาเมา
    เพื่อกลบเกลื่อน

    อนึ่ง ข้าเป็นพระมีอภิญญาติดตัวมา มีธรรมจักรหมุนเวียนอยู่ในกาย ผิดกับคนอื่น
    มีทิพยรสหลั่งไหลอยู่เสมอ ไอธาตุพวยพุ่งขึ้นสู่เบื้องบน เหมือนเหล้าที่ถูกอุ่นให้
    ร้อน ทำให้รู้สึกสะลึมสะลือ หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามวัฏจักรของฟ้าดิน ส่วนจิตใจ
    นั้นผ่องใสยิ่งนัก

    ได้เห็นหมู่พระและนางชี จิตใจล้วนว้าวุ่นสับสน ไม่มีที่จะปลูกต้นโพธิสัตว์ เฝ้าแต่
    ถือศีลคนเดียวไร้ประโยชน์ ข้าถือพัดสลับแก้ว พัดเย็นๆ ลมเย็นๆ ใจเย็นๆ แก้วใสๆ
    ใจใสๆ โบกพัดส่องแก้ว เพื่อให้ใจของสรรพสัตว์เข้าซึ้งถึงธรรมะ

    ข้าสวมหมวกงอบบนศีรษะ หมายถึง พระรัตนตรัย มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    ประทับประจำตัว เพื่อคุ้มครองชีวิตส่องวิถีทางแห่งชีวิต และควบคุมจิตใจให้
    ดำเนินตรงทางพระนิพพาน

    ในทางกลับกัน เมื่อข้าถอดหมวกงอบออก ก็กลายเป็นธรรมนาวา เรือแห่งพระธรรม
    รื้อขนสรรพสัตว์ข้ามพ้นทะเลแห่งความทุกข์ ข้าสวมจีวรเก่าๆ ปะแล้วปะอีก จนปะติด
    ปะต่อกัน เพื่อให้มนุษย์ได้ทราบว่า คนเราย่อมมีข้อบกพร่องบ้าง หากรู้จักปรับปรุง
    แก้ไข ก็ควรให้อภัย

    ดูคนต้องให้ซึ้งถึงหัวใจ อย่าดูอย่างผิวเผิน ติดอยู่ที่รูปแบบภายนอกให้มากนัก จง
    ดูที่น้ำใจ ซึ่งมีค่ามากกว่าเสื้อคลุมของข้า เปรียบเหมือนอาการ 32 ที่ห่อหุ้มใจข้า
    อยู่ มันสกปรกปฏิกูล ช่วยเตือนใจข้า ไม่ให้หลงไหลในกามราคะ รู้จักปลงอนิจจัง
    เสียบ้าง ข้าสวมรองเท้าเก่าๆ คู่หนึ่ง พาข้าเดินไปทุกหนทุกแห่ง คือ อริยมรรคสมังคี
    เป็นหนึ่ง คือใจดวงเดียว ข้าจึงเดินไปๆ มาๆ ได้โดยไม่ติดขัด

    ข้าได้ประจักษ์แจ้งว่า สรรพสิ่งล้วนเกิดจากจิต จึงยึดมั่นในพุทธจิตอย่างเดียว
    ถือศีลด้วยใจ ไม่ถือศีลด้วยปาก ปฏิบัติตัวตามสบาย ไม่ยึดติดในกิริยาภายนอก
    เพราะใจข้าเป็นพุทธะแล้ว มีอะไรต้องระวังรักษากันอีกเล่า....
     
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เพื่อพิสูจน์หน้าตาดั้งเดิมของจิตเดิมแท้ ข้าได้เปลือยกายให้บรรดา
    พระได้เห็นกับท่านอาจารย์หยวนเซียถัง ต่อหน้าพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
    พระทั้งหลายกล่าวหาว่า ข้าอนาจาร มีท่านอาจารย์เท่านั้นที่ว่าข้าเป็น
    เนื้อนาบุญ ความหมายที่ข้าเปลือยกายต่อหน้าพุทธรูป ก็เพื่อแสดง
    หน้าตาดั้งเดิมของชาติก่อน

    จิตเดิมแท้ ว่างเปล่า บริสุทธิ์ เหมือนเด็กทารก ไม่มีอะไรปกปิด
    ปราศจากสิ่งซ่อนเร้น ไม่มีมายาหลอกลวง ไฉนจึงไม่เข้าใจกันนะ
    ข้าเป็นพระไม่สะสมเงินทอง จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อสุรา นึกอยาก
    ดื่มสุราทิพย์ มือโพธิสัตว์ยื่นออกไป เหล้าอมฤตก็มีมา ซึ่งแท้จริง
    ก็คือน้ำผลไม้และน้ำเปล่าๆ ทั้งสิ้น มันคือน้ำมนต์ ดื่มแล้วเพิ่มกำลังสติ

    จะเห็นได้ว่า ข้าไม่เคยกล่าวถ้อยคำไร้สาระ แต่คำพูดของข้าแฝงไว้
    ด้วยธรรมะอยู่เสมอ ข้ารู้สึกเสียใจที่ไม่อาจโปรดสรรพสัตว์ได้ทุกถ้วนหน้า
    ตลอดระยะเวลา 60 ปีเต็ม โปรดสรรพสัตว์มานับไม่ถ้วน จนหมดอายุขัย
    สงครามทางชายแดนยังรบพุ่งกันอยู่เสมอ สรรพสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยาก
    ก็ยังมีอยู่อีกมากมาย ข้าสลดใจยิ่งนักที่ไม่อยู่ต่อไป เพื่อช่วยทุกข์มวล
    มนุษย์อีกมากมาย

    มหาสติปัฏฐาน 4 ก็ดี สุญตานุปัสสนาก็ดี รวมลงที่หลักอันเดียวกัน สติ
    กับ ความว่าง "สติรู้...ว่างไม่ยึด" ธรรมอยู่ที่รู้ รู้ด้วยจิตว่าง ไม่มีหลักอะไร
    ให้ต้องยึดถือ....
     
  3. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229

    ยังไม่เห็นถามอะไรเลย ..มาบ่นว่าฟนตกไม่ทั่วฟ้า

    ระดับ ..นุ๊ก ไม่ต้องถามใครแล้วค่ะ ......
     
  4. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    เห็นด้วยกับพี่รั้งค่ะ... ระดับพี่นุ๊กแล้ว อิอิ :cool:
     
  5. momoru

    momoru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    666
    ค่าพลัง:
    +246
    ฝันแปลกอีกแล้ว ฝันว่าขับมอไซออกมาจากบ้านพอถึงปากซอยเจอหญิงใส่ชุดขาว คิดว่าน่าจะเป็นแม่ชี เกิดความศรัทธาเลยทำบุญไปด้วยเงิน 200 บาท จากนั้นขับรถมอไซออกมาจากบ้านอีกครั้ง เลี้ยวซ้ายเจอแม่ชีคนเดิมเดินอยู่กลางถนน ฟุตบาตมีทำไมไม่เดินผมเลยแซงทางซ้ายของแม่ชี พอแซงไปได้แม่ชีเอาไม่ยาว ๆ ทุบเข้าที่ไหล่ผมอย่างแรง ผมหันไปมองรู้สึกไม่พอใจ แม่ชีบ้าอะไรป่าเถื่อน แม่ชีว่าผมไม่มีมารยาทจะแซงทำไมไม่บอก ผมก็ยังคงขับรถต่อไป แม่ชีก็ยังด่าผมต่อ ผมก็ว่าเอ๊ะนี่มันแม่ชีคนถือศีลจริงหรอวะนี่ แม่ชีวิ่งไล่ตามรถผม จะให้ผมจอดให้ได้ แล้วยังด่าผมให้คนแถวนั้นฟังอีก ประมาณว่าผมไม่มีมารยาท ไม่เคารพผู้ถือศีล แล้วแม่ชีบอกว่าจะคืนเงินทำบุญ 200 ให้ไม่อยากรับอะไรทำนองนี้ ผมก็เลยกลับรถจะไปรับเงินคืน เพราะผมก้ไม่อยากทำบุญกับคนแบบนี้เสียดายเงิน พอผมแบมือจะรับเงินคืน แม่ชีไม่ได้ส่งเงินให้แต่กลับท่องคาถาเล่นของใส่ผม ผมก็ดึงมือกลับแม่ชีก็ถ่องคาถาต่อไป ผมก็ไม่รู้คาถาอะไรนะ แต่ผมพูดว่าผมไม่กลัวหรอกของแบบนั้นไม่มีทางทำอะไรผมได้ แต่ดูท่าทางแม่ชีแบบมั่นใจมาก แม่ชีบอกว่าทำได้แน่และก็ท่อง แต่ผมก็มั่นใจเช่นกันว่าผมเหนือกว่าแม่ชีทำไรผมไม่ได้แน่นอน แล้วชาวบ้านแถวนั้นดึงผมไปคุยเกี่ยวกับแม่ชีคนนี้ แต่ผมจำไม่ได้ว่าคุยว่ายังไง แล้วผมก็ตื่นขึ้นมา ... ถ้าไม่ใช่แม่ชีสงสัยผมส่งกลับบ้านเก่าไปละ ในฝันยิ่งโหด ๆ อยู่ด้วย

    นี่มันแม่ชีหรือหมอผีกันแน่ ฝันแบบนี้จะแปลว่าอย่างไร ?
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    การปฏิบัติที่ทำอยู่ยังติดสงสัยก็เลยยังไม่ก้าวหน้า (เดา)
    รอท่านประธานมาเฉลยดีกว่านะคะ...ท่านยักษ์....:cool:
     
  7. momoru

    momoru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    666
    ค่าพลัง:
    +246
    กว่าจะมาคงตกไปหลายหน้าแล้วละ แล้วก็ไม่ได้คำตอบ :'(
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ไม่หรอกค่ะ (กระซิบนะ) เข้ามาแอบอ่านทุกวันนั่นแหละ

    พรุ่งนี้เข้ามาแน่นอน ถ้าไม่เข้ามาก็มะรืนนี้

    ถ้ามะรืนนี้ไม่เข้ามา ก็มะเรื่องนี้...ฮ่าาาาา :cool:
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สงสัยอ่ะ ระดับพี่เนี่ยมันระดับไหนคะ?

    ยกย่องให้เกียรติกันเกินไปหรือเปล่า

    อย่าเลย...ถึงเราจะบ้าแต่ว่าไม่โง่หรอกนะ

    ทำเป็นมาอ้างอิงระดับนั้น ระดับนี้...

    ที่แท้ก็ไม่อยากบอกมากกว่า กลัวอะไรเหรอ?

    เราน่ากลัวเหรอ...เราออกจะน่าร๊าก..กกกซะ
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อธิบายความหมายของคำศัพท์ที่พระจี้กงแสดงมาข้างต้นค่ะ
    (ทำไมไม่มีใครสงสัยเลย...อ๋อ ไม่ได้สนใจมากกว่านะ)

    คำว่า "ธรรมจักรหมุนเวียน" หมายถึง การพลิกจิตที่เรียกว่า เจโตวิวัฏ
    จิตว่างพลิกแพลงไปมาได้

    คำว่า "ทิพยรสหลั่งไหล" มี 2 ความหมาย

    ความหมายที่ 1 อาจหมายถึง เมื่อไม่มีการขับอสุจิออกมา ย่อมกลาย
    เป็นน้ำทิพย์หลั่งไหลไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้มีราศีผ่องใส
    มีกำลังวังชา คล่องตัว กระฉับกระเฉง

    ความหมายที่ 2 คือเมื่อมีการออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ ร่างกายจะขับ
    สารชนิดหนึ่งที่สมอง ทำให้รู้สึกอิ่มเอิบเหมือนอาหารทิพย์ เรียกสารชนิด
    นี้ว่า ฝิ่น คือจะทำให้ติด ติดนิสัยในทางที่ดี

    นายแพทย์บางท่านผู้เข้าใจในหลักการนี้ จึงใช้วิธีนี้บำบัดคนไข้ที่ติดเหล้า
    ติดบุหรี่ เพื่อให้เกิดฝิ่นชนิดหนึ่งขึ้นในร่างกาย หลั่งไหลออกมา ต่อๆ ไป
    คนไขจะเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ได้เอง เพราะติดทิพยรสหลั่งไหลอันนี้

    ทั้งหมดทั้งสิ้นเป็นเรื่องการสร้างกำลังใจ สร้างพลังจิต ด้ายการคบเพื่อนดี
    มิตรดี สหายดี ในทุกรูปแบบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม

    (กระซิบ) ทั้งหมดนี้ไม่ได้รู้เองค่ะ เอามาจากหนังสือมาแบ่งปันกัน
     
  11. saekue20

    saekue20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +757
    พี่ครับ ผมก็ฝันทำนองนี้แหละ บางที ผมก็ฝันว่า อยู่บนเขาแล้ว บ้านผมอยู่ตีนเขา ผมจะกระโดดนิดนึงแล้วกางแขนออก ล่อนเหมือนนกเท้าไม่แตะพื้นเลย สามารถควบคุมทิศทางได้ดั่งใจ เบรคได้ด้วย พี่พอจะบอกได้มั้ยว่าความหมาย คืออะไร
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วันนี้จะคุยเรื่องมนตรา ฮั่นแน่...อย่าคิดว่าเราเป็นจอมเวทย์มนต์ไปซะล่ะ
    อ่านหนังสือแล้วเห็นว่า...เออใช่ ก็เลยเอามาให้อ่านกัน

    มนตรา บทนะโม

    ตำนานพุทธ กล่าวว่าพญายักษ์ตนหนึ่ง นามว่าสาคริฎะ ได้ตั้งคำว่า นะโม
    ขึ้น ราหูอสุรินทร์ พญามารผู้กลับใจ ได้ตั้งคำว่า ตัสสะ ขึ้น ท้าวโลกบาล
    ทั้ง 4 ได้ตั้งคำว่า ภะคะวะโต องค์อินทร์เทวราช ตั้งคำว่า อะระหะโต
    ท้าวมหาพรหมเป็นผู้ตั้ง สัมมาสัมพุทธัสสะ

    พุทธมนต์บทนี้ ชาวพุทธรู้ดี เพราะได้ยินได้ฟังพระท่านสวดอยู่เสมอๆ เป็น
    บทนำเรียกว่า บทนมัสการ ใช้ขึ้นต้นในพิธีการทางศาสนา คล้ายกับเป็นคำ
    ไหว้ครูอย่างนั้น ตามคติที่ว่า ทำอะไรต้องมีครู พระพุทธองค์เป็นบรมครู ดัง
    นั้นการนมัสการจอมศาสดา จึงเป็นสิริมงคลสูงสุดของชาวพุทธ

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ แปลว่า ขอความ
    นอบน้อมจงมีแด่สมเด็จพระผู้มีพระภาคบรมศาสดาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
    พระองค์นั้น

    ชาวพุทธนิยมสวด 3 จบนั้น ย่อมมีความหมาย เพื่อความหนักแน่น ย้ำเตือนให้
    มั่นใจ และหมายถึงพระพุทธเจ้า 3 จำพวก คือ

    พระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ด้วยปัญญาอาศัยปัญญาเป็นใหญ่เรียกว่า ปัญญาธิกะ

    พระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ด้วยวิริยะ อาศัยความเพียรพยายาม อุตสาหะ บากบั่น
    เป็นเรี่ยวแรง เรียกว่า วิริยะธิกะ

    พระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ด้วยศรัทธา อาศัยความเชื่อมั่น ความเลื่อมใส ความละเอียด
    ประณีตหมดจดงดงาม ค่อยเป็นค่อยไปเป็นกำลัง เรียกว่า สัทธาธิกะ

    พระพุทธเจ้าทั้ง 3 จำพวก ไม่แตกต่างกันเลยในด้านคุณวุฒิ ตรัสรู้อริยสัจเหมือน
    กันทุกประการ ทรงมีพระสัพพัญญุตญาณเสมอเหมือนกันหมดทุกๆ พระองค์ แต่
    ต่างกันที่วาสนาบารมีภายนอก เช่น การตรัสรู้ ใช้เวลาไม่เท่ากัน ช้าเร็วต่างกัน
    ช่วงเวลาในชาติที่ตรัสรู้ก็ไม่เสมอกัน บางพระองค์ 7 วัน บางพระองค์ 6 ปี บาง
    พระองค์ 1 เดือน เป็นต้น

    ตรัสรู้ในยุคสมัยที่ต่างกันในฐานะไม่เท่ากัน เป็นกษัตริย์บ้าง เป็นพราหมณ์บ้าง
    มีวรกายไม่เท่ากัน แต่มีลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการเหมือนกัน สรุปแล้ว ต่าง
    กันที่รูปแบบภายนอก เสมอเหมือนกันด้วยคุณวุฒิและคุณธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2012
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ถ้าถามความเห็นของพี่ ออกแนวธรรมะนีสนึง การที่ฝันว่าเหาะได้ พี่จะหมายถึง
    วาระจิต ณ ขณะนั้น บางเบาจากกิเลส ตัณหา อุปทาน ความเจริญในทางธรรม
    และพลังจิตที่สั่งสมมาในอดีตค่ะ เมื่ออยู่ในสภาวะที่จิตสงบก็จะแสดงพลังนั้นๆ
    ให้ได้รู้ เช่นเวลาหลับ โดยการฝัน

    หากฝันอย่างนี้บ่อยๆ ให้เร่งความเพียรเลย พอจิตมันอิ่มสมถะ มันจะขึ้นพิจารณา
    จนถึงขั้นปัญญา คือวิปัสสนา ค่ะ ทุกอย่างจะเป็นอัตโนมัติ โดยไม่ต้องบังคับจิต
    อีก เพราะปัญญามันจะมาอบรมสมาธิและจิตเอง เมื่อนั้นจิตมันก็ไม่มีโง่อีกค่ะ

    พี่เคยเหาะข้ามแม่น้ำ ข้ามภูเขา ออกไปสู่จักรวาล ซึ่งตอนนั้นสภาวะจิตเป็น
    จิตที่นิ่งและมีพลังที่เข้มแข็งอันเกิดจากศีลและสมถสมาธิ แต่ยังมีอุปกิเลส
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2012
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    มนตราพระ 3 องค์

    "นะโม พุทธัสสะ"
    ในพุทธกาล มีครอบครัวพุทธบริษัทครอบครัวหนึ่ง ท่านอุบาสกหัวหน้าครอบครัว
    ได้สอนบุตรท่องมนตรารำลึกพุทธองค์ว่า นะโม พุทธัสสะ เด็กน้อยก็ท่องเอาคำนี้
    เวลาเล่นโยนเหรียญหยอดหลุมกับเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกัน เด็กน้อยนี้โยนได้
    แม่นยำทุกทีไป ส่วนเด็กอื่นถูกบ้าง ไม่เข้าบ้าง จนเด็กเหล่านั้นพากันแปลกใจว่า
    เพื่อเกลอมีดีอะไร เด็กน้อยก็บอกมนตราท่อง นะโม พุทธัสสะ ให้ฟัง เพื่อนๆ ก็
    เอาไปท่องตามบ้าง

    ต่อมาเด็กน้อยผู้นี้ได้ออกไปนอกเมือง พอดีจวนค่ำ ประตูเมืองได้ปิดเสียก่อน
    เข้าเมืองไม่ได้ จึงหาที่นอนในป่าละเมาะ ตอนดึกคืนนั้น มียักษ์ตนหนึ่งออกล่า
    เหยื่อ ได้กลิ่นมนุษย์ในป่า จึงตามกลิ่นมาพบเด็กน้อยกำลังนอนหลับ จึงเอื้อม
    มือจับเด็กน้อยขึ้นมาหมายจะกินเป็นอาหาร ฝ่ายเด็กน้อยถูกจับตัว รู้สึกตัวก็
    กำลังสะลืมสะลือ คำแรกที่หลุดออกมาจากปาก ก็คือ "นะโม พุทธัสสะ" เป็น
    ความเคยชินที่ไม่ต้องตั้งใจ เป็นไปโดยอัตโนมัติ ฝ่ายยักษ์ได้ยิน นะโม พุทธัสสะ
    ก็รู้สึกกลัว กลัวในพุทธบารมี กลัวฤทธานุภาพของพญายักษ์สาคริฎิ จึงปล่อย
    เด็กน้อยลง แล้วหายตัวไป

    ในกาลต่อมา เด็กน้อยได้มีโอกาสเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ตรัสว่า การ
    เจริญพุทธานุสติอยู่เสมอ ย่อมเป็นที่พึ่ง ที่ระลึก อันประเสริฐแก่ผู้เจริญ
    ชมพูทวีปสมัยนั้น พระกุมารทั้งหลายจะถูกส่งไปศึกษาในสำนักอาจารย์ทิศา
    ปาโมกข์ เชิงผาหิมพานต์ ผู้เจนจบใน 18 ศาสตร์ เจ้าชายองค์หนึ่งได้ตั้งใจ
    ศึกษาศิลปวิทยาจนจบหลักสูตร และอำลาอาจารย์กลับบ้านเมือง

    ก่อนจากกัน ท่านอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา ได้ให้ของที่ระลึกแก่ศิษย์รัก
    คือพระ 3 องค์ ได้แก่ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระกรุณาคุณ รวมอยู่
    ในมนตรา นะโม พุทธัสสะ นี้แล
     
  15. saekue20

    saekue20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +757
    ครับพี่ กระผมจะพยายามครับ
     
  16. ali-kk

    ali-kk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +200
    สวัสดีค่ะ มาตามเก็บนิทานสนุกๆคร่า เห่อๆ เข้ามาไม่ทันโหวตทุกทีเลยค่ะ ขอโหวตย้อนหลังเหมือนเช่นเคยล่ะกันจร้า เอ้าอีก 1 เสียง อ่านไปก็ลุ้นไป เรื่องราวชักเข้มข้นขึ้นทุกทีๆแล้วเนาะ อิอิ เป็นกำลังใจให้ค่ะ สำหรับผู้อ่านและติดตามคงทำได้แค่ให้กำลังใจกันล่ะเนอะ
    ขอบคุณค่ะ ^_____^~
     
  17. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    น่ารักกกกอยู่แล้วพี่นุ๊กอะ อิอิ :cool:

    เข้ามาราตรีสวัสดิ์่ค่ะ .... พรุ่งนี้เจอกันนะคะ
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    โถ...อุตส่าห์รีบวิ่งจู๊ดเข้ากระทู้ นึกว่าจะมีนิทานก่อนนอน
    ที่แท้เข้ามาราตรีสวัสดิ์ ถ้าไม่เล่านิทานก่อน ขอให้ฝันร้ายด้วย 55
     
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อ้าว...น้องฟ้ามุ่ย ยังไม่เล่าอีกหรือคะ ง่วงแล้วนะ
    รออ่านหนอ....:cool:

    ถ้างั้นขออ่านเรื่องของน้องsaekue20 ก็ได้ค่ะ
    อยากอ่านเรื่องบ้านบนดอย เอ้ยต้องเป็นบ้านตีนดอยซิเนอะ
    ถึงจะถูก....คิดๆ แล้วก็อยากไปใช้ชีวิตในป่าจังเลย
    อยู่กับธรรมชาติดิบๆ ไม่มีการปรุงแต่ง มีแต่ความจริงใจ
    อยู่ในเมืองเจอแต่คนหลอกลวงกันไปวันๆ เมื่อยหน้าจัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2012
  20. zaxc

    zaxc เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +422
    พี่นุ๊กค่ะมีความฝันอยากปรึกษาน่ะค่ะ พอดีออกแนวนี้เหมือนกัน แต่มันเปนฝันร้ายๆมาติดๆกันไม่ค่อยสบายใจอ่ะค่ะ

    ฝันครั้งแรกก่ฝันว่าบินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเปนการบินแบบหวาดเสียววมากค่ะข้ามภูเขาก่กลัวตก จำได้ว่ามีเสียงคนมาสอนให้บินได้ด้วยค่ะ คิดแต่ว่าไม่อยากฝันแบบนี้อีกกลัวบินแล้วตกเพราะเปนการบินที่ลำบากมากๆ


    คืนต่อมาหนูฝันร้ายสุดๆอ่ะค่ะ เหมือนไปเที่ยวภูเก็ตกับคุณพ่อ อยู่ๆน้ำทะเลก่ขึ้นสูงมากท่วมห้องพักที่คุณพ่อนอนอยู่ในฝันคิดว่าซึนามิรึเปล่าแต่มันออกลักษณะน้ำท่วม เลยหนีไปที่รถอยู่ๆมีกลุ่มคนชุดดำ เหวี่ยงบูมเมอแรงเปนใบมีดมาฆ่าคุณพ่อแบบเลือดทะลักอ่ะค่ะ หนูก่ร้องไห้แล้ววิ่งหนีแต่วิ่งไม่ทันโดนใบมีดตัดเลือดสาดเต็มตัวเลยค่ะเปนแผลใหญ่มากๆๆ หนูจำได้ว่าวิ่งๆๆๆหนีไปหลบอยู่หลังพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่หลายคืนแผลก่เริ่มหาย แล้วก่มีหัวหน้ากลุ่มคนชุดดำมาคุยกับหนูประมาณว่าไม่มีวันหนีได้หรอก ละก่พูดประมาณว่าน้อยใจเหมือนเปนลูกคนละพ่อหรือคนละแม่กันนี่แหละค่ะ แต่ไม่ได้รับความรักจะฆ่าหนู หนูอาศัยช่วงที่เผลอเลยหนีไปอยู่แถวๆวัดนั้นแหละค่ะ แล้วก่คิดแต่ว่าบินสิบินการบินก่หนักกว่าเดิมเหมือนใจเราไม่มั่นคงเลย ในใจขณะบินเหนื่อยมากแต่ตอนนั้นท่องแต่คำว่า ด้วยแรงอธิษฐาน ย้ำๆๆเลยบินขึ้นได้เรื่อยๆอย่างลำบาก เหมือนพี่สาวต่างพ่อรึต่างแม่นั้นก่บินหาเราให้ทั่ววัด เปนวัดไทยที่ซ้อนอยู่ข้างในวัดจีนค่ะ วัดนั้นมีรูปปั้นพระศรีอริยเมตตรัยยุตรงทางเข้าด้วยค่ะ คล้ายวัดจีนหน่อยๆ ทางออกจากวัดชั้นนอกสุดนี้ต้องบินออกเท่านั้นค่ะมันอยู่สูงมาก ตอนที่หนูบินอยู่ด้านในหนูไปเกาะขอบประตูวัดไทยค่ะต้องร้องไห้เพราะกลัวตลอดเวลา เหนผู้หญิงคนนั้นมีสภาพเหมือนนางพญาแร้งตัวใหญ่ยักษ์ยืนอยู่ กำลังมองหาหนู หนูเลยรีบบินออกไปให้เร็วที่สุด หนูไปเจอคนๆหนึ่งแอบรออยู่ที่ทางออกแล้วบอกว่าเรามารอรับหนูร้องไห้เลยรู้สึกเหมือนรักมากไม่รู้ใครแต่เป็นผู้ชายจำหน้าก่ไม่ได้ค่ะ พอดีตอนนั้นตัวหนูอยู่หลังเสา นางพญาแร้งก่บินออกมา ถามหาหนูกับผู้ชายคนนั้นเขาบอกไม่เหนผู้ญคนนั้นก่พูดว่าเราจะปล่อยมันไปก่ได้ หนูนิอกสั่นขวัญแขวนโล่งแล้วก่ตื่นค่ะ



    คืนต่อมาก่ฝันร้ายอีก ฝันนี้อาจสร้างความไม่พอใจให้เหล่าปยานาคในห้องนี้ก่ได้นะคะ ต้องขออภัยด้วยแต่ตัวเราไม่เคยคิดลบหลู่เลยค่ะ ถือว่าฟังนิทานค่ะ ก่ฝันว่าอยู่บนเรือหน้าตาแปลกๆค่ะ เหมือนขณะนั้นกำลังรบกันอยู่กลางน้ำค่ะ เหมือนกำลังรบกับพวกพญานาคกลุ่มหนึ่งค่ะอีกกลุ่มหนึ่งก่คอยช่วยเหลือเรา มีพญานาคสีเขียวเต็มแม่น้ำนั้นพากันว่ายหนีบางอย่างอย่างรวดเร็ว(ตอนที่ท่านประธานเล่าจัดหนักถึงการรบกันระหว่างเหล่าพญานาคเมื่อวานหนูนึกถึงฉากนี้ที่หนูฝันก่อนหน้าไม่กี่วันเองอ่ะค่ะ) มีผู้ชายคนหนึ่งใส่ชุดทหารของทัพเราจำหน้าคนๆนี้ได้แม่นยำเกาะหางพญานาคสีเขียวตนหนึ่งบอกว่านี่ญาติเขาเขาปลอดภัยแล้ว เหมือนคนๆนั้นเป็นคนสนิทเรา เราเปนแม่ทัพคุมทัพอยู่ ละสายตาจากชายคนนั้น หันหลังมาเจองูยักษ์สองหัวใหญ่หัวนี่ใหญ่เท่าๆเรือเลยค่ะประมาณ4เมตรอ่ะค่ะหัวงูยักษ์นั้น พุ่งตรงจู่โจมตอนนั้นถือดาบอะไรซักอย่างจำได้ว่าใส่เกราะชุดนักรบด้วยค่ะ ฟันคองูยักษ์ตัวนั้นขาดตายไปภายในครั้งเดียว แล้วจากนั้นขึ้นบกพากองทัพไปที่ไหนซักแห่งเจอพญานาคสีทองห้าเศียรค่ะ ไม่ให้เข้าไปเราก่วีนแต่ไม่มีการต่อสู้นะคะจำได้แค่ว่าเราโมโหก่เลยได้เข้าไป (อู้ยยยตื่นมาเหมือนนรกจะกินกบาล) เข้าไปก่เปนสถานที่ที่มุ่งด้วยจากทั้งหมดแต่เปนสถานที่ใหญ่มากกก เปนครอบครัวใหญ่เดินกันไปมาให้ควั่กผู้ญสวยๆเต็มไปหมดเลย(เปนบุคคลที่ไม่ค่อยมองผู้ชายเลยจริงๆ) ตอนนั้นเหมือนเรากำลังป่วยหมดฤทธิ์หมดเดชแถมพูดไม่ได้หลังจากกรำศึกมาอย่างหนัก แต่จำได้ในตอนสุดท้ายว่าเราทำศึกทุกอย่างเพื่อคุ้มครองคนที่เรารักเหมือนเขาเปนเจ้าชายอะไรซักอย่าง ตอนที่รบบนเรือเขาก่อยู่ที่นั่นด้วยค่ะ หน้าตาหล่อเหลาจำได้ว่าก่อนออกรบขึ้นเรือตอนที่ยังพูดได้ เขาพูดว่าหลงรักเราเพราะเราหล่อน่ะสิ ตอนนั้นลูบผมเขาเอาหน้าผากเข้าไปชิดหน้าผากแล้วพูดว่าเราไม่ได้รักเจ้าเพราะความหล่อซะหน่อยแล้วจูบไปที่หน้าผาก แล้วก่หัวเราะท่ามกลางญาติผู้ใหญ่(เป็นประโยคเดียวที่จำได้ว่าสนทนากับชายคนนี้) หลังจากออกจากสถานที่ที่มีครอบครัวใหญ่คอยดูแลแล้ว ก่ต้องลี้ภัยอีกเราก่ไปพักบ้านคุณยายคนหนึ่งเธอเลี้ยงจระเข้ไว้มากมาย เธอบอกว่าควบคุมดูแลได้ยามค่ำคืนแต่เหมือนเธอหมดฤทธิ์ที่จะควบคุมพวกนั้นแล้วมีตัวหนึ่งทำร้ายเธอเราวิ่งลงจากเรือนไปช่วยไปด้วยมือเปล่าประกอบกับสุขภาพอ่อนแอจึงถูกฝูงจระเข้เป็นร้อยๆข่วนทำร้ายร่างกายมันไม่กัดมีแต่แผลเหวอะหวะ(คล้ายแผลที่โดนบูมเมอแรงฟันในอีกฝันหนึ่ง)เลือดทะลัีกกระเซนไปทั้งตัวเราไม่รู้สึกเจ็บแต่รู้ตัวว่าไม่รอดแน่แล้วก่นิ่งเฉยไม่ขัดขืนต่อสู้จนสิ้นใจ ขณะก่อนสิ้นใจนั้นนึกถึงแต่ชายคนรักที่นอนหลับยุบนเรือนกับเหล่าบริวารว่าอาภัพนักไม่รู้เลยว่าเมียสิ้นใจแล้ว น้ำตาที่ไหลขณะสิ้นใจเปนผงละอองสีทองจิตวิญญาณลอยไปพร้อมกับผงนั้นลอยอยู่บนฟ้าเหนือเรือนนั้น คอยดูว่าจระเข้เหล่านี้จะทำร้ายชายคนรักบนเรือนหรือไม่ เหมือนมีชายผู้หนึ่งมาช่วยคนรักเอาไว้ ชายผู้นั้นวิ่งจากเรือนมากอดร่างเราที่เต็มไปด้วยเลือดโดยมีบริวารทั้งญ ชายวิ่งตามมาคอยดูอยู่ห่างๆเราหมดห่วงเลยจากไปเปนผงทองๆขึ้นไปบนฟ้า หนูก่ตื่นเลยค่ะ



    ฝันสองคืนนี้ติดกันเลยล่ะค่ะ แล้วหลังจากสองคืนนี้หนูก่ไม่เคยฝันดีอีกเลยค่ะพี่นุ๊กหนูฝันร้ายตลอดมา พอท่องคาถายันทุนก่อนนอนก่นอนไม่ได้นอนไม่หลับค่ะร้อนทรมาน ขอคำชี้แนะด้วยค่ะจากใครก่ได้ทรมานมาหลายคืนแล้ว
    rabbit_scaryrabbit_rest
     

แชร์หน้านี้

Loading...