เมื่อพระอภิญญาท่านว่า...

ไม่แน่ใจว่าท่านขอทางกำลังต้องการสื่อสารเรื่องอะไร ถึงได้ทะลุขึ้นมาในกระทู้นี่

เราว่าปีนี้55 ค่อนข้างเนียนนะ..แต่ที่หนักคือเรื่องพายุลมแรง ดินถล่มแค่นั้น

ส่วนเรื่องน้ำท่วม..ไม่เน้น พอวางใจได้
..ย้ำว่าไม่เน้นจริงๆ

ถ้าปี 56เข้า57 อันนี้สงสัยหนักหนาย้ายบ้านกันดีกว่า
เจ็บนี้...รสปูอัด ๆ

 

วันอาสาฬหบูชา วันพระใหญ่ วันนี้ได้พลังคะแนนเพิ่มขึ้นด้วย ..ว๊ายๆ!

 

แต่วัยนะ่หนุ่มตอนปลายนะคร้าบ[/QUOTE]

Welcome to the club ka:d

 

การที่จะทําความดีนี่ก็ยังมี...มาขัดขวาง เมื่อสองวันก่อนว่าจะDonateให้เวปพลังจิต พอกรอกข้อความเสร็จจะกดปุ่มpay now ก็พอดีฟ้าแลบ เนตหลุด เลยต้องพยายามอีกในวันรุ่งขึ้น เฮ้อ;aa24

 

....................................................................
อ้าวววววววววววววววววววววววววววววววววว.....(one-eye)รอฟังอยู่น่ะchearr

 

ขอบคุณที่รอฟังอยู่..

กะว่า..วันเข้าพรรษานี้จะมาลุยให้จบตอนซะหน่อย

แต่พอดี พระอาจารย์ได้ติดต่อบอกมาว่าขอให้ไปรายงานตัวที่ถ้ำด่วน..

คงมีภาระกิจบางอย่างให้ทำ...

ปีที่แล้วก็รวบรวมมวลสารแร่ศักดิ์สิทธิเพื่อทำวัตถุมงคล

ปีนี้จะให้ลงมุดถ้ำลึกเพื่อภาระกิจอะไรอีกหรือเปล่า หรือจะเรียกไปอบรมบ่มนิสัยให้ดีขึ้น( เพราะเสียมาเยอะแล้ว..รึเปล่า)อันนี้ก็ไม่แน่ใจ


งั้นเข้าไปดูคลิปลับจากเวปอ้างอิง ...
การฝึกพลังจิตสายลับ KGB ของรัสเซียไปพลางๆก่อนล่ะกัน..ท่านทั้งหลาย

http://atcloud.com/stories/16734

 

เดินทางกลับจากวัดถ้ำมวกเหล็ก ในช่วงเข้าวันพรรษานี้ 2 วัน
ได้รับมอบวัตถุมงคลจากพระอาจารย์ถ้ำมาจำนวนหนึ่ง
เป็นพระเครื่อง รุ่นเนื้อผงแร่พิเศษ ขนาดเล็กๆเหมาะสำหรับเลี่ยมเป็นจี้ห้อยคอ..

เพื่อมามอบสมนาคุณสำหรับแฟนคลับพอเป็นกำลังใจกัน
ไว้มีจังหวะเหมาะๆจะหาเรื่องเพื่อทำการแจกฟรี...ในโอกาสต่อไปให้จงได้ (ได้ง่ายๆเกินไป ไม่ได้โชว์ฝีมือปะเดี๋ยว!จะว่าเป็นของไร้ค่า)

แต่ขอให้นึกเรื่องที่จะแจกได้ก่อนนะครับท่าน ...อีกไม่นานๆ

ส่วนแฟนคลับรุ่นเก่าๆที่เคยส่งคำตอบมาครั้งก่อนหลายท่าน Toplus99ไม่เคยลืม..แล้วจะPM ติดต่อหาท่านเป็นรายๆไปนะจ๊ะ

...หากท่านรู้คุณสมบัติพิเศษของพระเนื้อผงแร่ตระกูลเหล็กไหลเล็กๆองค์นี้ แล้วจะร้องว้าวว!กันเลยทีเดียว

ของไม่ดีจริง...เราไม่แจกให้ขายขี้หน้าแน่นอน พระเครื่องนี้รับรองว่าไม่เป็นสองรองใคร ( เร็วๆนี้เราจะมาบรรยายคุณสมบัติพร้อมภาพที่มีการทดสอบท้าพิสูจน์วิทยาศาสตร์ให้งงงัน..กันมาแล้ว)

ระดับ Toplus99 ซะอย่าง ขอคุยโม้ซะหน่อย ..อิ อิ

 

ยังจำกันได้มั๊ย...เราจำได้ไม่ลืมนะ..

มีน้ำใจดีๆให้กัน..เราต้องระลึกและตอบแทน
จากหน้า29 #573
http://palungjit.org/threads/เมื่อพระอภิญญาท่านว่า-เขื่อนป่าสักจะกลายเป็นบางแสน.314750/page-29

 

อยากไปเที่ยวถ้ำ..ด้วย..จัง..
ติดตามอ่านอ่านอยู่เสมอ...เป็นกำลังใจให้นะท่าน..งิงิ

 

อยากสอบถามคุณ จขกท นิดหนึ่งนะครับว่าภัยพิบัติ 2012 จะเกิดจริงมากน้อยเพียงใด เท่าที่ดูหลายกระทู้ขัดแย้งกันมากมาย บ้างว่าเกิด บ้างว่าไม่เกิด แท้จริงเป็นเช่นใดไม่รู้ แต่ที่แน่ๆบางกระทู้พูดเรื่องย้ายบ้านหนีภัยกันแล้ว จึงขอทราบในความรู้ของท่านที่ทราบมาเป็นอย่างไร ช่วยแถลงให้ทราบหน่อยครับ

 

ได้อ่านบทความเรื่อง คลื่นกระแสจิต พลังแห่งจิต แล้ว....ทำให้นึกถึงเรื่องนึงขึ้นมา
ขอเล่าย่อๆ ให้เพื่อนสมาชิกได้อ่านกัน...ระหว่างรอ คุณ toplus99 เสร็จจากภาระกิจ

เรื่อง.....พลังจิตของ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร

เมื่อหลายปีก่อน....มีพระลูกวัดของหลวงพ่อ ท่านนึง.....ท่านปฎิบัติสมาธิ แล้วท่านชอบในแนวฤทธิ์....ครั้งเมื่อท่านจะจัดงานผ้าป่าสามัคคี ไปทอดที่บ้านเกิดของท่าน(อยู่ทางภาคอีสาน ผมจำจังหวัดไม่ได้) ญาติโยมก็ร่วมกันทำบุญ และ ร่วมกันอนุโมทนากับท่านเป็นจำนวนมาก

มีคณะญาติโยมจากกรุงเทพ ร่วมเดินทางไปทำบุญกันมาก....แต่....ก่อนไป....ท่านได้แจ้งให้ทางญาติโยมทางบ้านท่าน....ว่า...เมื่อเราไปถึง....เราจะเอา...ฝน....ไปด้วย

เมื่อใกล้จะถึงวันงาน(ด้วยสาเหตุใดไม่ทราบ)....ท่านได้อธิฐานจิต ว่า...ถ้าไปแล้ว ฝนไม่ตก...ท่านจะสึก....(ท่านบวชมาหลายพรรษา บวชตั้งแต่เป็นเณร).....พอถึงวันงาน ท่านเดินทางไปถึง พร้อมด้วยคณะญาติโยมจากกรุงเทพ...ปรากฏว่า.....ฝนตก...จริงๆ

แต่........พอเมื่อท่านได้กลับมาถึงกรุงเทพ....ท่านก็ป่วย....ไม่มีแรง...อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ.....จนต้องเข้า ร.พ.จุฬา.....ไปอยู่โรงพยาบาลหลายวัน...อาการก็ทรุดลงเรื่อยๆ จนลุกขึ้นเดินไม่ได้...ต้องนอนอยู่บนเตียง....หมดแรงไปเรื่อยๆ

เมื่อท่านคิดว่า ตัวท่านเองต้องตายแน่ๆ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว....ท่านจึงเข้าสมาธิ ในระหว่างที่นอนบนเตียงคนไข้....ระลึกถึงพระคุณ บิดา มารดา พระรัตนตรัย และ พระคุณของหลวงพ่อ วิริยังค์ ที่เมตตาท่าน ตั้งแต่เริ่มบวชเป็นเณร จนมาบวชเป็นพระ......เพื่อ....ลาตาย.....(ช่วงเวลานั้น หลวงพ่อวิริยังค์ ท่านอยู่ที่ประเทศแคนนาดา ท่านไปสร้างวัด และ เปิดศูนย์สอนสมาธิ หลายแห่ง)

ท่านบอกว่า...เวลาประมาณตี 3 เมื่ออธิฐานจิต....ลาตาย....กับหลวงพ่อวิริยังค์...เสร็จแล้ว ท่านก็ทำจิตสงบ จะเป็นยังไงก็เป็นไป......สักพักเดียว....ท่านก็ลืมตา....มองออกไปนอกหน้าต่างของโรงพยาบาล.....เห็นลูกไฟ....กลมๆ....สีเขียวเรืองแสง....มองเห็นในระยะไกลมาก....เป็นลูกกลมๆสีเขียวเรืองแสงวิ่งจากระยะไกล.....วิ่งโค้ง...จากขอบฟ้า...เข้ามา.....เรื่อยๆ.....ท่านก็มองไป....สักพัก....ก็วิ่งตรงเข้ามาใกล้ขึ้นๆ.....

แล้วท่านก็เห็นว่า วิ่งมาทางท่าน....ท่านก็มองไป....จนลูกกลมๆสีเขียวเรืองแสง วิ่งทะลุกระจกหน้าต่าง....ดัง...ตึง....แต่กระจกไม่แตก....แล้ว....วิ่งทะลุเข้าไปใน...อก...ของท่าน....(ท่านบอกว่า ตัวท่านกระเด้ง เหมือนในหนัง ตอนใช้เครื่องปั้มหัวใจเลย)

เมื่อท่าน...ตั้งสติได้...ก็รู้สึกว่าเริ่มมีเรี่ยวแรงมากขึ้น....ก็ลองขยับแขน ขา จากนั้นก็ขยับตัว...แล้วลองลุกขึ้นนั่ง แล้วลุกขึ้นเดินได้(ท่านบอกว่า รู้เลยว่าหลวงพ่อวิริรยังค์ ท่านส่งพลังจิตมาช่วย).....เช้ามา...หมอตรวจอาการก็ให้กลับวัดได้...เป็นที่แปลกใจของหมอและพยาบาล

ท่านเล่าให้ฟังว่า....ที่ท่านป่วย...เพราะไปอธิฐานจิต บังคับขอฝนโดยไม่จำเป็น เบื้องบนท่านก็ เดือดร้อน ไม่ช่วยก็จะสึกจากพระ ก็เลยโดนเกือบตาย เพราะบารมียังไม่สูง

***ป.ล. หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร เคยบอกไว้ว่า....แอฟเฟ็กในหนังฮอลลี่วู้ดที่ทันสมัยที่สุด ก็ยังไม่สุดพิศดาร...เท่า...พลังจิต....การทำสมาธิ....ถึงแม้จะทำได้วันละน้อยนิด...แต่ทำบ่อยๆ มันก็สะสมมากเอง....เหมือนเราเก็บพลังจิต...วันละ 100 ยูนิต 200 ยูนิต เก็บบ่อยๆ มันก็เป็น 1000ยูนิต เมื่อทำบ่อยๆ ระยะเวลามันก็นานขึ้น...มันก็ชาร์ตได้เป็น 1000ยูนิต ต่อครั้ง เขาเรียกว่า...ฐานเล็ก....ฐานใหญ่...ไม่เท่ากัน ทำบ่อยๆฐานมันก็ใหญ่ไปเอง....หลวงพ่อทำสมาธิตั้งแต่อายุ 13 ปี(ปัจจุบัน 95 ปี)....อันนี้...ฐานใหญ่...หมายความว่า....หลวงพ่อทำสมาธิ 1 ครั้ง....อาจได้ยูนิตมากกว่า คนปกติทำสะสม 10 ปี เหมือนถังบรรจุใหญ่กว่า ชาร์ตได้มากกว่า....ฉะนั้น อย่าขาดจากการทำสมาธิ ถึงแม้จะเล็กน้อย ก็เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

 

พระอภิญญาท่านว่า " เขื่อนป่าสักจะกลายเป็นบางแสน "

ส่วนคนล้านนายุคเก่า ก็บอกว่า " น้ำปิงจะกลายเป็นสันดอย "

 

ก่อนจะไปถึงบทบรรยายสรพคุณพระเครื่ององค์เล็กสีดำ
..ที่จะนำมาแจกสมนาคุณแฟนคลับของToplus99 ให้ร้อง ว๊าวว๊าว…ว๊าว! อยากได้ๆจังเลย

ก็มาต่อเรื่อง
# เมื่อพระอาจารย์ ...ผจญภัยจากเดอะสแกนเนอร์ ไฮโช...กันต่อดีกว่า
<O</O
เมื่อรถเก๋งยุโรปหรูมาจอดนิ่งสนิท บริเวณลานวัดใต้ต้นก้ามปูใหญ่
ร่างของชายทั้ง 4 คน ก้าวเท้าลงจากรถ พร้อมกวาดสายตาสำรวจสอดส่ายเพื่อค้นหาเป้าหมายบางอย่างอยู่นั่นเอง

“สวัสดีค่ะ.. พี่หมอ” เสียงทักทายเสียงดังฟังชัด จากหญิงวัยร่วม 50 ปี ( ที่พระอาจารย์เรียกแม่แอ๊ด) พร้อมยกมือไหว้ทักทายในคณะทุกคนที่มากับรถคันนี้

แม่แอ๊ดเธอนั่นเอง คือคนที่แนะนำให้กลุ่มชายเหล่านี้มากราบคุยสนทนาในเรื่องราวของพระอาจารย์ โดยเธอเองเดินทางเพื่อมาปฏิบัติธรรม ณ สำนักสงฆ์แห่งนี้ ล่วงหน้าก่อนแล้ว 2-3 วัน

“เดินทางมาลำบากไม๊ค่ะ พี่หมอ? แม่แอ๊ด
<O</O
“ไม่ยากเท่าไร อาศัยดูจากแผนที่ ที่เขียนให้นี่แหละ...แล้วพระอาจารย์ท่านอยู่รึเปล่า?

“อยู่ค่ะ ท่านกำลังคุมงานก่อสร้างอยู่เดี๋ยวไปตามพระอาจารย์ให้”

จากนั้นสักพัก พระอาจารย์จึงมาพบสนทนาปราศรัยกับคณะโยมกลุ่มนี้
<O</O
“เจริญพรโยม....อ๋อรู้จักกับแม่แอ๊ดเหรอ...เดี๋ยวทุกคน เชิญแวะพักดื่มน้ำ ดื่มกาแฟก่อนนะ แล้วขึ้นไปเที่ยวชมถ้ำบนเขาให้สบายใจก่อน ลงจากเขาแล้วค่อยมาคุยกันดีมั๊ย ฉันขอสั่งงานกับพระที่ทำงานให้เรียบร้อยก่อน”
พระอาจารย์แสดงไมตรีจิตอันดีกับคณะที่ลูกศิษย์ท่านเชื้อเชิญมาจากเมืองหลวง....

อีกหนึ่งชั่งโมงต่อมา หลังจากที่กลุ่มชายดังกล่าว ที่ได้เดินเที่ยวชมทั่วบริเวณถ้ำ ภายใต้ไกด์ชำนาญเส้นทางอย่างแม่แอ๊ดนำทาง...
ก็ลงมานั่งพักคุยกันบนเสื่อผืนใหญ่ในศาลาธรรม ส่วนพระอาจารย์ท่านก็มีน้ำใจ ยอมสลละงานที่ท่านกำลังดำเนินการอยู่เพื่อมาพูดคุยต้อนรับอีกครั้ง
พระอาจารย์ท่านนั่งบนพื้นปูนแท่นยกสูงสำหรับคณะสงฆ์ ที่ยังไม่ปูกระเบื้องไม่เรียบร้อย
(เนื่องจากทุนทรัพย์น้อยนั่นเอง)

“เป็นไงกันบ้าง เหนื่อยรึเปล่าไปเที่ยวบนถ้ำมา ถ้ำสวยม๊ย?”

“อ้าวเอ๊ะ! นั่นโยม....ที่แสดงหนังเป็นพระเอกบ่อยๆไมใช่เหรอ คุ้นๆหน้าอยู่นี่”

“ครับท่านอาจารย์ ..ถ้ำสวยดีนะครับ ช่วงนี่ผมไม่ค่อยได้แสดงแล้ว เริ่มแก่ตัวลงเด็กรุ่นใหม่ๆก็มีเยอะเลยหันมาทำธุรกิจส่วนตัว”
ชายหนุ่มหนึ่งในกลุ่มที่เป็นพระเอกหนุ่มลูกครึ่งรุ่นใหญ่ตอบ

ตำแหน่งการนั่ง เมื่อพระอาจารย์นั่งอยู่ตำแหน่งกลางซึ่งนั่งบนอาสนะสูงกว่าเล็กน้อย
และห่างจากคณะนี้เพียงประมาณเมตรเศษๆ

มีชายสองคน นั่งซ้าย- ขวา ตรงด้านหน้าอีกสองคน รวมแม่แอ๊ดอีกหนึ่งก็รวมเป็น 5คน
การสนทนาในเบื้องต้นประมาณ10 นาทีแรก ก็เป็นไปในเรื่องสอบถามสารทุกข์ สุขดิบกันทั่วๆไป
ตามประสาคนไทยเรา โดยส่วนใหญ่จะมีการถามตอบไปมา เฉพาะกลุ่มคนที่อยู่ด้านเบื้องหน้าพระอาจารย์เท่านั้น
อีกสองคนที่นั่งประกบ ซ้าย-ขวา กลับเงียบกริบซ่อนเลศนัยบางอย่าง
<O</O
จากนั้น พระอาจารย์ก็รู้สึกได้ถึงเกิดอาการผิดปกติกับตัวท่าน อันเนื่องจากมีพลังงานบีบอัดที่รุนแรงมากบางอย่าง ที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยสายตาเปล่า กำลังพุ่งอัดเข้ามาเข้ามาปะทะท่านเข้าอย่างแรง จากทั้งสามด้าน คือ ซ้าย-ขวา-ด้านหน้า

“โอ๊ะ! โอ๊ก ๆ อ๊อกๆ” ท่านสำลักๆ กระอักน้ำหมากกระฉอกออกปาก เป็นรอยเปื้อนแดงอาบคางเลยทีเดียวท่านจึงคว้าผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ด
<O</O
“ เป็นอะไรค่ะอาจารย์ “ แม่แอ๊ด ร้องถามด้วยความเป็นห่วงถึงอาการที่ผิดปกติที่เกิดกับพระบ้านนอก

“ไม่มีอะไรหรอกแม่แอ๊ด..เฮ่อะๆ “ท่านพูดยิ้มๆ<O</O
“โอ๊กๆๆ “
อีกสักพักพระอาจารย์ ท่านก็มีอาการคล้ายจะอาเจียนออกมาอีกครั้ง

“พระอาจารย์รับยาหอม แก้อาเจียน เวียนหัวหน่อยมั๊ยครับ ในรถผมมีติดมาอยู่ด้วย ”
อีกชายหนึ่งคนที่อยู่ด้านหน้าท่าน พยามยามชักชวนให้ท่านตอบไปมา ในขณะที่ท่านแสดงอาการกระอักกระอ่วน อย่างหนัก

โดยจุดประสงค์แท้จริงเขากำลังต้องการเบี่ยงเบน ก่อกวน เพื่อมิให้ท่านได้ตั้งสมาธิเพื่อสู้รับกับพลังงานที่ อีก3 คน ที่เหลือ ได้เร่งเพ่งพลังงานเพื่อบีบอัดทำลายไปที่ร่างของท่านได้โดยสะดวกต่างหากล่ะ
....มิใช่ว่าหวังดีเป็นห่วงแต่อย่างใด ทั้งสิ้น
<O</O
โอ้นี่หรือคือ..เล่ห์เหลี่ยมทรชนคนพลังจิต...จบจากเมืองนอกเมืองนา
(มันชั่วจริงๆ 3 คน ใช้พลังจิตรุมอัดพระบ้านนอกรูปเดียว จะเรียกว่าอะไรดี...แบบนี้)

เดี๋ยว....มาต่อกำลังมันส์ๆเลย พักก่อนเมื่อยนิ้ว<O</O

 

โธ่!กำลังตื่นเต้นเลย ใช่มุกนี้อีกและ ต้องคอยจนเมื่อยคอแน่เลยเรื่องแกล้งคนนี่ท่านอาเก่งพอกับพระอาจารย์เลย:'''(

 

อยากฟังต่อเร็วๆสิท่า...
ฮ่าๆ... ได้แกล้งคนแล้วมัน สะใจๆ ชอบๆ

อย่ามาทำ.. งอแง.. เงียบไว้ เดี๋ยวอาให้ตังค์กินหนม!

รอแปร๊บเดียว วันนี้รับรองจบแน่...
ตามดูกันว่า สุดท้ายจะเป็นจั๋งได๋

แถมเพิ่มออพชั่น เรื่องพลังพระเครื่องที่คุณชื่นชอบให้ด้วยเอ๊า!ดีมั๊ย?

 

แถมเพิ่มออพชั่น เรื่องพลังพระเครื่องที่คุณชื่นชอบให้ด้วยเอ๊า!ดีมั๊ย? ออพชั่นดีอย่างนี้ยังงัยก็รอได้ครับคุณอา(kiss)(kiss)(kiss)

 

มารอติดตามตอนต่อครับ รอเรื่องออพชั่นด้วย

 

มาต่อเรื่อง# เมื่อพระอาจารย์ ...ผจญภัยจากเดอะสแกนเนอร์ ไฮโช...กันต่อดีกว่า
<O</O
พระอาจารย์ท่านนั่งเล่าเรื่องราวย้อนหลังที่เกิดขึ้นกับท่าน เมื่อผู้เขียนสอบถามท่าน
หลังจากที่เจอกับพลังจิตที่บีบอัดร่างกายท่าน จากการผนึกกำลังจิตทั้งสามทิศทางพร้อมๆกันโดยการชักนำภัยร้ายครั้งนี้เข้ามาจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์โดยลูกศิษย์ผู้หญิงคนหนึ่ง

ดังสำนวน"ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน"
<O</O
ผู้เขียนรับทราบเรื่องนี้ หลังจากที่มีพระในสำนักแห่งนี้ ได้เล่าว่ามีเหตุการณ์ทีมนักพลังจิตที่ฝึกฝนวิชาจากต่างประเทศคล้ายๆในหนังเรื่อง The Scanner มาใช้เล่ห์กล ลอบทำลายท่านขณะทีเผลอ
เพื่อทดสอบวิชากับพระอาจารย์

" พลังของคนพวกนี้เป็นแบบไหนกันครับ"

“ มันจะอธิบายเอ็งยังไงดี ถึงจะเข้าใจ.. เออ เอางี้ลองนึกถึงว่า
ถ้าเอ็งถูกดึงขาลงในน้ำทะเลที่ลึกมากๆเป็นร้อยๆเมตรอย่างรวดเร็วมากๆดูก็แล้วกัน
ว่าความรู้สึกมันจะออกมาประมาณนั้นแหละ
พลังเขาแข็งแกร่งน่ากลัวเอาเรื่องเลยทีเดียวแหละ”

“หลังจากที่ท่านโดนทีมพลังจิตบีบอัดรุมสกรัม แบบนั้น ท่านแก้ไขมาได้อย่างไรกัน”

“เจอเข้าไปครั้งแรก ก็เล่นเอาข้ากระอักจุกไปเชียวแหละ ไอ้ที่เหลืออีกคน มันก็ก่อกวน ชวนคุยให้ข้าต้องตอบคำถามโน่นนี่ ไปเรื่อยที่เหลือมันรุมกันหนักเลย”

“..ทีมที่มานี้ เขาซักซ้อมนัดแนะแผนการก่อนที่จะมาที่นี่แล้ว ว่าเขาจะเล่นงานข้าแบบไหนวิธีใด จะต้านรับหรือสู้พลังจิตพวกเขาได้ไม๊ หรือจะสู้พวกเขาด้วยรูปแบบไหน ของพระสงฆ์สายพุทธเรา”

“ มันไม่กลัวบาปกลัวกรรมเลย ที่คิดทำร้ายพระสงฆ์ศิษย์ตถาคต เพียงอยากหาผู้มาทดสอบความกล้าแกร่งของพลังจิตตนตามสายวิชาพวกฝรั่งมันทดสอบกัน สนองตัณหาทิษฐิของตนเท่านั้น
<O</O
“ นี่ถ้าเป็นพระรูปอื่นที่ท่านไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หรือกำลังจิตใจอ่อนๆ ไม่ใช่ข้าที่พอแก้ไขเหตุการณ์เอาตัวรอดออกมาได้ และถ้าไม่เคยฝึกจิต ฝึกสมาธิหนักตามแนวทางสายครูบาอาจารย์เหนือโลก ป่านนี้มิต้องกระอักหยอดน้ำข้าวต้มหรือตายกันไปแล้วหรือ?

“แล้วท่านแก้ไขเหตุการณ์ สู้เขาได้อย่างไรเหรอครับ ชนะหรือแพ้”
ถึงตอนเหตุการณ์สำคัญที่ต้องลุ้นหนักมาถึงแล้ว
<O</O
“ข้าคงไม่เรียกว่า แพ้หรือชนะหรอกนะ เพราะข้าเลือกวิธีการไม่ใช่พลังจิตแบบโหดๆแบบพวกเขาหรอก”

“ในตอนแรกๆวิธีการเพ่งกระแสจิตแบบรุนแรงแบบผนึกกำลังรวมกันของคนพวกนี้ มันก็ได้ผลอยู่หรอก แต่พอข้าตั้งหลักได้พวกนี้ก็จ๋อยกันไป”

“จ๋อยแบบไหนกัน”

“โดนมันอัดหนักเข้า ข้ายกจิตแผ่เมตตากลับไปให้คนพวกนี้แบบไม่มีขอบเขตประมาณ
อธิษฐานจิตขอบารมีพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ เทพพรหมเทวดาที่รักษาพระศาสนาให้ช่วยเหลือปกป้องคุ้มครองภัยสิโง่ทำไมล่ะ
พวกมันมากันแค่สี่คน คงคิดว่าเยอะแล้วมั๊ง เจอข้าอยู่คนเดียวกะมารุมอัด หารู้ไม่ว่าข้าหนะพวกเยอะกว่ามันอีกไม่รู้กี่หมื่นกี่ล้านเท่า ฮ่า ฮ่า”

“แล้วเทวดาเข้ามาช่วยหรือเปล่า"
ลุ้นอย่างกับหนังจักรๆวงศ์ๆเลยแฮะ แต่นี่คือเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
<O</O
“ข้าไม่รู้ ข้าไม่มีเวลาสนใจมากตอนนั้น เพราะต้องหาวิธีช่วยเหลือตัวเองแบบรีบด่วนก่อน ข้าก็ยกจิต พิจารณากายไม่รับรู้ ในพลังนี้ซะ มันก็ทำอะไรข้าไม่ได้
ที่สุดพลังนี้มันก็วิ่งสะท้อนย้อนกลับเข้าหาพวกมันเอง ส่งมาเองก็รับกันเอาเองก็แล้วกัน
ส่วนข้าก็นั่งเคี้ยวหมาก ยิ้มตุ้ยไปเรื่อย”

“ดีสมน้ำหน้าแล้วนิ อ้าว.. แล้วไอ้พวกนี้เจอวิชชาแบบพุทธเราไม่เซ่อกินไปเหรอครับ”

“ก็แหงสิ..ก็มันไม่เคยเจอ ไม่มีในตำราของพวกมันด้วยแน่แหละ”


“ไหนได้ข่าวว่าภายหลังทีมนักพลังจิตพวกนี้ ได้ทำพานบายศรีกราบขอขมาต่อพระอาจารย์แล้วมิใช่เหรอครับ”
“ข้าเป็นพระเป็นสงฆ์จะไปถือสาอะไรได้ล่ะ ก็อโหสิกรรมกันไป....ข้าหนะไม่เท่าไรหรอก
แต่สิ่งศักดิ์สิทธิเบื้องบนที่เขารับรู้นี้เขาจะยอมด้วยหรือไม่
...อันนี่ข้าคงห้ามอะไรท่านไม่ได้ ว่ากันตามบาปตามกรรมก็แล้วกัน..”

“ว่าแต่ว่า..เอ็งเคยเห็นไอ้นี่มั๊ย“ว่าแล้วท่านก็หยิบหินสีก้อนขุ่นๆ หลายก้อนที่ท่านพกไว้ในอังสะ หยิบขึ้นมาวางไว้บนหน้ากระบอกไฟฉาย พอเปิดแสงรอดผ่านเห็นเป็นแสงสีสวยงาม แต่ละก้อนรวมแล้วได้ 7สีพอดี

<O</O
“มันคือหินอะไรครับ เอาไว้ทำไม?”

“นี่แหละผู้ช่วยพระเอกตัวจริงข้าไปได้มาจากแม่น้ำโขง องค์ปู่พญานาคเขาบอกให้ข้ารีบไปเก็บมาไว้ เก็บมาพกพาติดตัวไว้ ตลอดเวลาเพราะอีกไม่นานจะเจอพวกนอกศาสนามันมาทดสอบทำร้าย พลาดพลั้งอาจถึงมรณภาพได้”

“ ถ้าข้าไม่ได้หินพวกนี้ช่วยป้องไว้ในตอนแรก ข้าอาจโดนพลังจิตพวกนี้อัดจนกระอักเลือดออกหู ออกปากตายได้เลยแหละ...ไอ้ทิด”
+++++++++++++++++++++++++++++++++
วุ้ยเรื่องมันยาว...ต่อวันหลังดีกว่า..ง่วงนอนแล้ว<O

 

มาให้ลุ้นที่ละนิด เหมือนหนังดังเลยครับ
ขอบคุณมากสำหรับเรื่องเล่านะครับ
แหมแต่พวกที่มาทดสอบพระอาจารย์นี่ไม่กลังบาป กลัวกรรมกันเลย

 

ไม่เข้าใจเลยพวกนักพลังจิตพวกนี้เค้าทำอย่างนี้ทำไม เพื่ออะไร คิดทำร้ายพระอริยะสงฆ์แค่คิดก็บาปแล้ว ทดสอบแบบนี้จะได้อะไรขึ้นมา ดีนะที่พระอาจารย์เราไม่ธรรมดา