ลำดับชั้น การบรรลุธรรม

ลำดับชั้นการบรรลุธรรม
การที่บุคคลจะสำเร็จธรรม หรือ บรรลุธรรม ตั้งแต่ชั้นโสดาบัน เป็นต้นไป ต้องรู้จักหลักธรรม และหลักการปฏิบัติที่ถูกต้อง
ไม่เกี่ยวกับว่า บุคคลนั้นๆจะอยู่ในเพศ ฆราวาส หรือ เพศ บรรชิต หากบุคคลเหล่านั้น รู้จักหลักธรรม เข้าใจหลักธรรม และปฏิบัติตามหลักวิชชาได้ เขาเหล่านั้น ก็สามารถบรรลุธรรม ตั้งแต่ชั้น โสดาบันเป็นต้นไปได้
อนึ่ง นิพพาน ไม่ได้หมายถึง ความตายนะขอรับ เพราะฉะนั้น หากบรรลุนิพพาน ก็ไม่ได้หมายความว่าตัองตาย ยกตัวอย่าง อย่าหาว่าข้าพเจ้าโอ้อวดเลยนะ ข้าพเจ้า บรรลุนิพพานมาประมาณ 10 ถึง 12 ปี แล้ว ก็ยังอยู่เป็นปกติดี อย่างนี้เป็นต้นขอรับ (อ่านแล้วกรุณาใช้วิจารณญาณด้วยนะขอรับ)

คำถาม... “นิพพานท่านเป็นอย่างไรช่วยอธิบายเป็นธรรมทานด้วยครับ”

คำตอบ..
ข้าพเจ้าได้รับการฝึกอบรม ขัดเกลา พร่ำสอน โดยบุคคลในทางพุทธศาสนา ถึงแม้ว่า หลักวิชชาการทางศาสนาที่ข้าพเจ้ามีอยู่ จะไม่เหมือนกับที่มีอยู่ในพระไตรปิฏก แต่การฝึกตน การปฏิบัติธรรม ของข้าพเจ้า ก็ได้แนวทางมาจากพุทธศาสนา เพียงแต่ หลักการฝึกตนและปฏฺิบัติตนของข้าพเจ้า ผสมรวมเอาหลักวิชชาการทางศาสนาของทุกศาสนาเข้าไว้ด้วยกัน ดังนั้น ข้าพเจ้าย่อมต้องศึกษา และวิจัย ในการบรรลุธรรมชั้นต่างๆ อันมีชื่อชั้นทางพุทธศาสนาให้ไว้ เพราะโดยส่วนตัว ก็สนใจใคร่รู้อยู่แล้ว ถ้าจะอธิบายเพียงนิพพานอย่างเดียว ท่านทั้งหลายคงไม่สามารถไปถึงได้(ไม่ได้ดูหมิ่นนะขอรับ)
ข้าพเจ้าจะอธิบาย ตามประสบการณ์ที่ได้ฝึกฝน วิจัย ปฏิบัติ ทดลอง จนได้ผลดีแล้ว ว่า..

๑.ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจในหลักธรรม สามารถรู้และเข้าใจว่า อันไหนคือ มรรค (เหตุปัจจัย) อันไหนคือ ผล ที่เกิดจากมรรค(เหตุปัจจัย) จนรู้จริงรู้แจ้ง ตามหลักธรรมนั้นๆแล้ว บุคคลนั้นไซร้ จักเป็น ผู้บรรลุธรรม ชั้น "โสดาบัน" สามารถขจัดอาสวะได้ เป็นบางอย่าง บางชนิด และขณะขจัดอาสวะ ก็จะเปล่งฉัพพรรณรังสีออกมาด้วย

๒. ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจจนเข้าสู่ธรรมชั้น โสดาบันแล้ว หากบุคคลนั้น ขวนขวาย ขยัน หมั่นฝึกฝน จนเกิดความรู้ความเข้าใจ อันกว้างไกลลึกซึ่งกว่าที่เป็นอยู่ สามารถจำแนกได้ว่า สิ่งที่มากระทบทางอายตนะทั้งหลาย เป็นเหตุทำให้เกิดกิเลสใด ก็จักทำให้บุคคล เป็นผู้บรรลุธรรมชั้น "สกทาคามี" สามารถขจัดอาสวะที่มากระทบ อันจักเกิดผลทำให้จิตใจเกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง ฯลฯ ได้เป็นบางอย่าง บางชนิด แล ขณะขจัดอาสวะนั้น ก็จะเกิดฉัพพรรณรังสีสามารถมองเห็นได้ด้วยตา

๓. ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจ ในธรรมทั้งหลายอย่างกว้างขวาง ละเอียด ลึกซึ่งมากกว่าเดิม จนธรรมทั้งหลายเหล่าน้้น สามารถทำให้จำแนกแหล่งที่เกิดคลื่นแห่งกิเลส นับตั้งแต่ร่างกายของเราเป็นต้น อีกทั้งสามารถจำแนกแห่งที่เป็นเหตุแห่งกิเลสทั้งปวงที่อยู่ภายนอกร่างกาย สามารถจำแนกคลื่น ความคิด การระลึกนึกถึง อารมณ์ ความรู้สึก อันเกิดจากเหตุ อันเป็นผลต่อร่างกาย แลสามารถขจัด คลื่น ความคิด การระลึกนึกถึง อารมณ์ ความรู้สึก ให้ออกจากร่างกายได้ อีกทั้งยังสามารถป้องกันคลื่นเหล่านั้นจากภายนอกได้ บุคคลนั้นได้บรรลุธรรมชั้น "อนาคามี" อันจักคาบเกี่ยวกับขั้น "อรหันต์"

๔.ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจ ในหลักธรรมที่ละเอียด แตกฉาน ประกอบกันเข้ากับหลักวิชาการด้านต่างๆ สามารถผสมผสานหลักวิชชาการต่างๆ แลรู้จักหลักวิชชาการต่างๆ สามารถวิเคราะห์จนเกิดความรู้ตามหลักธรรม แลรู้จักวิธีการปฏิบัติหรือฝึกตน นับหมายรวมตั้งแต่ชั้น โสดาบัน,สกทาคามี,อนาคามี บุคคลผู้นั้นก็จักบรรลุธรรมสู่ชั้น "อรหันต์" แลจะคาบเกี่ยวไปสุ่ชั้น "นิพพาน" ด้วย กล่าวคือ ในชั้น อรหันต์ นี้ จะสามารถขจัดอาสวะได้มากอย่างขึ้น ละเอียดขึ้น สามารถป้องกันคลื่นแห่งกิเลสได้ บางครั้ง ร่างกายก็จะเป้นคล้ายกระจกเงา บางครั้ง ร่างกายก็จะโปร่งแสง ฯลฯอย่างนี้เป็นต้น

๕. ในชั้น "นิพพาน"นั้น จะควบรวมตั้งแต่ชึ้น โสดาบันจนถึงชั้น อรหันต์ แต่วิธีการฝึกตนหรือการปฏิบัติ จะมีเทคนิคหรือวิธีการที่ละเอียด มากกว่าชั้นอื่นๆ เมื่อสรีระร่างกายโปร่งแสง เป็นอณูอากาศ สภาพสภาวะจิตใจ ถ้าหากจะกล่าวตามหลักพุทธศาสนา ก็จะเป็น อรูปฌาน กล่าวคือ สภาพสภาวะจิตใจนั้น จะว่าจำก็ไม่ใช่ จะว่าไม่จำก็ไม่ใช่ จะว่ามีอารมณ์ก็ไม่ใช่ จะว่าไม่มีอารมณ์ก็ไม่ใช่ ทุกส่วนเป็นวิญญาณ เพราะไม่มีส่วนของกายมนุษย์หลงเหลืออยู่เลย ร่างกายมีแต่ความว่างเปล่า แต่ยังสามารถมองเห็นตัวเองได้ หากร่างกายไม่โปร่งแสง เป็นอณูอากาศ ก็จักสามารถขจัดอาสวะได้ทุกชนิด และรู้จักกำหนดว่าจะให้เกิดหรือให้ดับ(หมายถึง อารมณ์ ความรู้สึก ความคิด การระลึกนึกถึง) ก็ได้เช่นกัน
ฉัพพรรณรังสีที่เกิดขึ้น อันเกี่ยวเนื่องมาตั้งแต่ชั้นโสดาบัน จะมีแสงสีแตกต่างกันไปในชั้นแรก ต่อเมื่อขจัดอาสวะอยู่เป็นนิจ ฉัพพรรณรังสี ก็จะปรากฏเป็นแสงสีขาวใสบ้าง ขาวขุ่นบ้าง เป็นคล้ายกระจกเงาบ้าง ฯลฯ อย่างนี้เป็นต้น
ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปทั้งหมด เป็นการกล่าวถึง ลำดับชั้นในการบรรลุธรรม มิใช่การกล่าวถึงการฝึกตนหรือวิธีการฝึกตน และการบรรลุธรรมที่ได้กล่าวไป ก็เป็นการวิจัย ทดลองปฏิบัติ ตามชื่อชั้นในทางพุทธศาสนา
จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕
(ผู้เขียน)

 

ไปคุยกับขี้เหอะครับ

 

บารมีที่ท่านบำเพ็ญมานับกัปไม่ถ้วน ทำให้คุณเป็นได้แค่จ่าสิบตรีเองหรอครับชาตินี้ ขอให้เจริญในธรรมครับ

 

บทความดีมากครับ

 

เรื่องข้อธรรมที่เจ้าของกระทู้ได้แสดง ไม่มีความเห็นเพิ่มเติมแต่อย่างใดครับ

อยากร่วมเสวนาเรื่องความเป็นพุทธภูมิ ถ้าอ่านตามชาดก จะพบว่าก่อนที่พระโพธิสัตว์จะบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ ก็เคยเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานมาแล้ว หลายภพ หลายชาติ เพื่อสั่งสมบารมี

ดังนั้น ถ้าจะมีผู้ปรารถนาพุทธภูมิ มาเป็นจ่าสิบตรีบ้าง ผมว่าก็ไม่แปลกอะไร ตรงไหน

ผมไม่ทราบหรอกครับว่าท่านใดจะเป็นพระศรีอาริยเมตไตรย์ เพราะมีอยู่มากมายเหลือเกิน ที่เห็นๆ กันในบอร์ดนี้ ก็กล่าวชัดๆ กันสองท่านแล้ว

แต่ที่แน่ๆ เจ้าของกระทู้เขาปรารถนาพุทธภูมิแน่ๆ เพราะประกาศตัวชัดเจนมานานแล้ว ก็ต้องยกให้เป็นเรื่องเฉพาะตัวของเจ้าของกระทู้ไป

อันว่าความปรารถนาพุทธภูมิ จะมีผู้ใดดลบันดาลหรือบังคับให้เป็นไปก็หาได้ไม่ ต้องขึ้นกับเจ้าตัวเองอย่างแท้จริง ว่าจะปรารถนาหนทางใด พุทธภูมิหรือสาวกภูมิ แล้วจึงหาหนทางเดินไปให้ถึงที่สุดของปลายทาง

ร่วมเสวนาเพียงเท่านี้ก่อน ขอขอบคุณครับ

 

เรื่องบางเรื่อง ก็อาจจะละเอียดอ่อน เกินเข้าใจหยั่งถึงได้

( จขกท แจ้งให้ทราบแล้วว่า ให้ใช้วิจารณญาณในการอ่าน )

 

อรหันต์ มีนิ้วชี้มีไว้ทำไม?

 

เขาว่า คนหนึ่งในโลกนี้จะถึงขั้นหมดกิเลสได้ ต้องมี 3 อย่างๆ ในตัวคนๆนั้น
1 บุญบารมีเก่าที่สะสมมา
2. กัลยาณมิตร แและอาจารย์ที่บอกทางชี้หนทางมรรคและสอบอารมณ์ให้
3. คามเพียรจากตัวเราเอง ที่มีหลักปฏิบัติที่เหมาะสมดีแล้ว อันเกิดจากกายสามัคคี จิตสามัคคี หรือได้จากการสงบในอินทรีย์ทั้ง6 กับสงบในกาย วาจา และใจ
มีสามอย่างนี้ เรียกว่า เปิดประตูแห่งมรรค เปิดประตูนิพพานได้

แต่ผมยังทำไม่ได้ขนาดนั้นหรอกนะ555 เล่าสู่กันฟังเฉยๆๆ

 

กิเลส ตัณหา ความโง่เขลา เบาปัญญา ทำให้เกิดความคิดต่ำๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 

บาด โซ๊บบ เอ๊ยยย

คุยอวดตัวเองเป็นถึงพระศรีอารย์
แค่ใครมาโต้แย้งไม่เห็นด้วย ยั่วยวนนิดหน่อย ก็ออกอาการแต๋วแตก ด่าทอ ดูหมิ่น

แค่ขันติ การปล่อยวาง ง่ายๆธรรมดาสามัญ
คนที่เขาไม่ได้คุยอวดตัวเองว่าเป็นนักปฏิบัติ บรรลุธรรมขั้นสูง เป็นเทพเทวดาอะไรเขายังทำได้

สันดานเกรียนไม่ต่างจากพระศรี "จรจัด" เลย
พี่น้องกันหรือจบมาจากสำนักเดียวกันมั๊ง

ถ้าพุทธศาสนามีพระศรีอารย์ฟายฟราย จอมปลอม นิสัยเฮงซวยตามเว็บบอร์ดแบบนี้
มันคงชิบหายวายวอด ไม่ได้อยู่เป็นศาสนามานานถึง 2 พันกว่าปีแบบนี้ร๊อกกก

กร๊ากกกกก

(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)

 

คุณ HLC เขากำลังจะมาแระ พี่ศรี พี่อิง พี่อวด

 

คุณ telwada เราเองมีบางอย่างที่ยังไม่ทราาบชัดเจนจึงต้องการสอบถามบางอย่างหน่อยคงไม่เป็นปัญหาอะไร

๑. ขณะนี้ท่านบรรลุมรรคผลนิพพาน เป็นพระอรหันต์ พระองค์หนึ่งในโลกไช่ใหม

๒. ท่านเป็นโพธิสัตว์ผู้หวังพุทธภูมิและจะได้ เป็นพระพุทธเจ้า ในอนาคตแน่นอนไช่ใหม

๓. ขณะนี้ท่านทราบว่าตนเองคือ พระศรีอารียเมตไตรย์ องค์เดียวกันที่พระไตรปิฏกกล่าวและที่ทุกคนเข้าใจ ที่จะมาตรัสรู้ในกาลข้างหน้าไช่ใหม

เราเองเพียงอยากทราบให้กระจ่างจึงถามให้ตรงประเด็นแต่ไม่มากคิดว่าคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับท่านเราขอบคุณมาล่วงหน้าด้วย สาธุ

เจริญในธรรมทุกท่าน

 

คุณ อิคคิว ถ้าเชื่อและยกย่อง เขาไม่ขัดคุณหรอก แต่ให้ระวังคำว่า
โ่.. แล้วอวดรู้ อวดฉลาด ฮ่า ๆ ๆ นะขอรับ คร๊าบผม

 

๑. คำถามของคุณที่ถามมา คลุมเครือไปนิดหนึ่ง ในโลกปัจจุบันนี้ มีแต่ข้าพเจ้าเพียงผู้เดียว เท่านั้น เพราะไม่มีผู้ใด บรรลุนิพพานได้ ถ้าข้าพเจ้าไม่สอนให้
๒.ข้าพเจ้าไม่ใช่พระโพธิสัตว์ และไม่ได้หวังพุทธภูมิ เป็นพระพุทธเจ้า เพราะข้าพเจ้า "ไม่ใช่พระพุทธเจ้า"
๓.ข้าพเจ้าคือ "พระศรีอาริยเมตไตรย องค์เดียวกันกับที่พระไตรปิฎกกล่าวถึง แต่ข้าพเจ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้า
เพราะ "พระศรีอาริยเมตไตรย" เป็นศาสนาดาแห่งศาสนา ไม่ใช่พระพุทธเจ้า
และ หลักธรรม รวมไปถึงหลักปฏิบัติ ก็ล้วนเป็นหลักต้นตอแห่งศาสนาทุกศาสนา ไม่ได้มีหลักธรรมเฉพาะของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง
หมายความว่า หลักธรรม ที่มีอยู่ และได้ประกาศออกไปเพื่อค้ำจุนโลกมนุษย์เอาไว้นั้น เป็นหลักธรรมต้นตอ ทางพุทธศาสนา ยังมี หลักธรรมต้นตอของ ศาสนาอื่นๆ ที่ยังไม่ได้เผยแพร่ แต่ก็ได้ยื่นข้อเขียนหลักธรรมทั้งหมดต่อสำนักงานพาณิชย์ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นลิขสิทธิ์ ไว้นานแล้ว ขอรับ

 

ขอบคุณมากที่กรุณาใขข้อข้องใจ เราเองขอสรุปตามที่ท่านตอบอีกสักนิดแล้วกันหนา

1 ข้อนี้คุณหมายความว่าคุณคือ พระอรหันต์ หรือ ผู้บรรลุถึงนิพพาน เพียงผู้เดียวของโลกในยุคนี้

2 คุณหมายความว่าคุณไม่ไช่โพธิสัตว์ พุทธภูมิ พระพุทเจ้า แต่คือศาสดาแห่งศาสนาและทุกศาสนา
ซึ่งนั่นก็หมายความต่ออีกว่า คุณตรัสรู้ด้วยตนเอง หรือ บรรลุถึงนิพพานเป็นคนแรก

3 คุณทราบว่าตนคือ พระศรีอารียเมตไตร องค์เดียวกับพระไตรปิฏกกล่าวไว้และที่ทุกคนเข้าใจ และยังหมายความว่า พระศรีอารีย์เมตไตรไม่ไช่พระพุทธเจ้า

ต้องขอโทษที่ถามอีกครั้งเพื่อความเข้าในคิดว่าท่านคงกรุณาตอบได้ นอกจากนี้ยังอยากทราบถึงเรื่องที่คุณกล่าวว่า ได้ยื่นข้อเขียนหลักธรรมทั้งหมด ต่อสำนักงานพาณิชย์ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นลิขสิทธิ์ ไม่ทราบว่าผลเป็นอย่างไรตอนนี้ ถ้ามีอะไรสงสัยอาจจะได้โอกาสสอบถามต่อไปคงจะไม่เป็นปัญหาอย่างไร

ขอบคุณที่กรุณาตอบด้วยเมตตา สาธุ

 

555 ๕๕๕ --++

เฮ้ออออออ..เนาะ

 

ไหนบอกบอกกระทู้เก่าจะอยู่คู่เวบบอร์ดไปจนตลอดกาลไง ทำไมไม่หายไปพร้อมกับกระทู้แปดปี(แปดเปื้อนมาแปดปี) ด้วยเล่า...............

 

๑.ถูกต้อง ในปัจจุบันนี้ อนาคต อาจมีเพิ่มขึ้น
๒.ใช้แล้วขอรับ ไม่ใช่พระพุทธเจ้า แต่เป็นศาสดาแห่งศาสนา(ไม่ใช่แต่งตั้งตัวเองนะขอรับ) ว่ากันตามหลักตรรกวิทยา เพราะหลักธรรมหรือหลักวิชชาแห่งข้าพเจ้า เป็นหลักวิชชาหรือหลักธรรมต้นตอ ของทุกศาสนา
๓.เข้าใจได้ดีมาก ถูกต้อง เพราะข้อความในพระไตรปิฎกนั้น ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้ทำนาย ถ้าจะมาอ้างว่า เป็นพระสมณโคดมทำนาย ก็ผิดหลักพุทธศาสนาอยู่แล้ว ขอรับ
คำถามของคุณ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ ข้าพเจ้ายื่นข้อเขียนหลักธรรมศรีอริยเมตไตรย ต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อประมาณ ๒๐ ปีที่ผ่านไปแล้ว และทาง สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ก็มีได้มีหนังสือตอบรับมาภายในปีเดียวกันนั่นแหละขอรับ ข้าพเจ้ายังเก็บไว้อยู่นะ น่าจะอยู่ในแฟ้มขอรับ

 

แล้วผลการเขียนหนังสือตอนนี้เป็นอย่างไรเป็นที่ยอมรับดีหรือไม่ แล้วท่านได้ตั้งสำนักสอนหรือว่ามีใครเป็นลูกศิษย์ลูกหากันมากหรือปล่าว ที่สำคัญทางบ้านของคุณในครอบครัวและในที่ทำงานมีความเห็นอย่างไร ขอโทษที่ถามมากสักหน่อย

ขอบคุณล่วงหน้าที่กรุณาตอบด้วยดี สาธุ

 

ลืมถาม สัตว์เดรัจฉาน อย่างท่านนี่ อรหันต์ ได้ด้วยเหรอ!!!!!!!!!!!!!!!