จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ของผมก็ยังขึ้นๆลงๆ ยังแย็บๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆครับ เมื่อก่อนเร่งอยากมาก เลยไม่ไปไหนซะที ตอนนี้จิตสบายๆขึ้นมากแล้วครับ
     
  2. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    เดี๋ยวจะยกให้เป็นครูสอนจิตเกาะพระคนต่อไป
    จิตยกเมื่อ อย่าหนีพี่ภูไปก็แล้วกัน มาช่วยครูสอนก่อน


    ดับแซ้บบบบบบบ ฮ่าๆๆ

    จิต่บุญท่านใดประสงค์จะช่วยสอนทางเมล
    มาขึ้นชื่อบนกระทู้เลยค่ะ
    ถ้าท่านไม่แจ้งให้ทราบพี่เพ็ญจะไม่ตามแล้ว
    ตามแต่จิตท่านจะเมตตากับผู้ทุกข์ผู้ยาก

    ใครที่กำลังทำจิตเกาะพระอยู่
    ไม่ต้องสอนยังไม่ใช่หน้าที่
    ขอให้ปฏิบัติให้สำเร็จก่อน
    แต่พอสำเร็จแล้วก็เห็นเงียบ...ดับแซ้บบบบบบบบบ
    ไม่เห็นว่ามีใครอยากสอนเลยอ่ะ
    ตอนนี้มีคุณหมออุษาวดีแสดงเจตนาชัดอยู่ท่านเดียว
    ส่วนน้องเอิ้นถ้ามาเห็นข้อความนี้นะ
    คำตอบของท่านเหมือนไม่มั่นใจ
    ถ้างั้นพี่เพ็ญจะขอให้ท่านพิจารณาก่อนว่า
    ท่านมั่นใจที่จะสอนไหม
    ให้เปรียบเทียบอารมณ์ก่อนยกจิตกับหลังยกจิตนะ

    จิตเกาะพระนี้ชอบส่งส่ายไปสอนเขาไปทั่ว
    ทั้งที่จิตตัวเองก็ยังไม่ดีพอ
    แต่พอจิตยกแล้ว.......ดับแซ้บบบบบบบบบบ
    ฮ่าๆๆ โลกนี้มันไม่เที่ยง จิตที่อยู่ในขันธ์ห้าก็ไม่เที่ยง
    มีนิพพานเท่านั้นที่เที่ยง
    โมทนา สาธุ
     
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ช่วง..ธรรมะจัดสรร ธรรมะoption
    ทำไม? มนุษย์ต้องปฎิบัติธรรม

    (มี 2 ไฟล์)​

    ทำไมมนุษย์ต้องปฏิบัติธรรม
    หรือ PDF file
    3BB CloudBox

    ใครไม่อ่านผมว่าน่าเสียดาย
    อ่านแล้วไม่ปฎิบัติ...ผมถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ
    และถ้าไม่อ่านและไม่ปฎิบัติด้วยแล้ว...ผมว่าเสียชาติที่เกิดมาเป็นมนุษย์

    แต่..
    "จิตเกาะพระ"
    ที่นี่ ไม่ต้องเสียเวลามานั่งอ่านกัน
    รีบปฎิบัติเลย เดี๋ยวจะเสียมรรค ผล นิพพาน
    เพราะถ้าตายก่อน ก็ขาดทุน คือโง่ไปอีกชาตินึง
    แต่ถ้ามัวแต่อ่านไม่ปฎิบัติตาม ก็แค่ชื่นใจกับเขาที่ทำได้
    แต่ถ้าลงมือปฎิบัติเดี๋ยวนี้ เรายังมีโอกาสสำเร็จ
    ไม่ยิ่งกว่า คำว่า ชื่นใจหรอกหรอ
    ยิ่งกว่า คำว่า "บรมสุข"
    จริงไหม๊???
     
  4. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ
    ( สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ )
    ประณีต ก้องสมุทร​

    ในฤดูที่ดอกไม้บาน เป็นฤดูที่ยังความรื่นรมย์ให้แก่มนุษย์และสัตว์ ดอกไม้หลากชนิด หลายสี
    บานสะพรั่ง อวดสีและกลิ่นอยู่บนต้น บางอย่างหอมมาก บางอย่างหอมน้อย บางอย่างไม่หอมเลย
    บางอย่างสวยทั้งสีและกลิ่น บางอย่างสีสวยแต่ไม่มีกลิ่น บางอย่างไม่สวยทั้งสีและกลิ่น บางอย่าง
    หอมชั่วเวลาเช้า บางอย่างหอมตอนสาย บางอย่างหอมเวลาบ่าย บางอย่างหอมเวลาเย็น บางอย่าง
    หอมเฉพาะกลางคืน บางอย่างหอมทั้งวันทั้งคืน แต่บางอย่างก็หอมทนอยู่ได้หลายวัน ถึงกระนั้น
    เมื่อเหี่ยวแห้งร่วงโรยแล้วก็หมดหอม ไม่มีดอกไม้ชนิดใดเลยที่จะหอมอยู่เป็นนิจทั้งในเวลาบาน
    และโรยหล่น แม้เมื่อเวลาบานอยู่ ถูกลมพัดร่วงพรูจากต้น ลงประดับพื้นดินจะยังมองดูงามแปลกตา
    และกลิ่นของมันยังหอมกรุ่น เป็นที่ชื่นชอบของผู้พบเห็น แต่เมื่อมันเหี่ยวแห้งอับเฉา ก็ไม่เป็นที่ต้องการ
    ของผู้ใด

    แต่คนมีศีลมิได้เป็นเช่นนั้น

    คนมีศีลนั้นหอมอยู่เสมอ หอมทั้งตามลมและทวนลม หอมทั้งในเวลามีชีวิตอยู่ และละโลกนี้
    ไปแล้ว เป็นที่ชื่นชมรักใคร่ของคนทั่วไปในเวลาที่มีชีวิต เป็นที่เสียดายอาลัยรัก และกล่าวขวัญสรรเสริญ
    ถึงในเวลาที่ตายไป ทั้งนี้เพราะตลอดเวลาที่มีชีวิต คนมีศีลไม่มีพิษมีภัยต่อผู้ใด มีกิริยาวาจาละมุนละไม
    น่ารัก ไม่ฆ่าตี ข่มเหง เบียดเบียน ทำร้ายใคร ทั้งด้วยกายและวาจา ประกอบด้วยความเมตตากรุณาแก่
    สัตว์ทั้งปวงอยู่เป็นนิจ
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    (ต่อ)
    ศีล คือความไม่ล่วงละเมิดของผู้มีเจตนาความตั้งใจงดเว้นจากความชั่วทางกาย วาจา
    และอาจตลอดไปถึงใจด้วย
    ศีล มีความหมายว่า ปกติ คือปกติของกาย วาจา ใจ ศีลจึงมี* ๓ อย่าง
    คือ กุศลศีล อกุศลศีลและอัพยากตศีล


    ปาปชน มีอกุศลศีลเป็นส่วนมาก มีกุศลศีลเป็นส่วนน้อย

    กัลยาณชน มีกุศลศีลเป็นส่วนมาก มีอกุศลศีลเป็นส่วนน้อย

    พระอริยบุคคลที่ยังเป็นเสกขบุคคล ๓ จำพวก คือพระโสดาบัน พระสกทาคามี
    และพระอนาคามี มีกุศลศีลเพียงอย่างเดียว เพราะท่านเป็นผู้มีศีลบริบูรณ์แล้ว

    พระอริยบุคคลที่เป็นอเสกขบุคคล คือพระอรหันต์มีอัพยากตศีลเพียงอย่างเดียว

    ในกิมัตถิยสูตร อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต ข้อ ๑ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ทรงแสดงอานิสงส์ของศีลที่เป็นกุศล คือกุศลศีล ที่มีกุศลจิตเป็นสมุฏฐาน แก่ท่านพระอานนท์ไว้
    ๑๐ ประการ คือ

    ๑. ศีลที่เป็นกุศล มีอวิปปฏิสาร คือความไม่เดือดร้อนใจเป็นผล เป็นอานิสงส์
    ๒. ความไม่เดือดร้อนใจ มีความปราโมทย์เป็นผล เป็นอานิสงส์
    ๓. ความปราโมทย์ มีปีติเป็นผล เป็นอานิสงส์
    ๔. ปีติ มีปัสสัทธิ คือความสงบใจเป็นผล เป็นอานิสงส์
    ๕. ปัสสัทธิ มีสุข คือความสุขใจเป็นผล เป็นอานิสงส์
    ๖. สุข มีสมาธิเป็นผล เป็นอานิสงส์
    ๗. สมาธิ มียถาภูตญาณทัสสนะ คือความเห็นด้วยญาณตามความเป็นจริงเป็นผล เป็นอานิสงส์
    ๘. ยถาภูตญาณทัสสนะ มีนิพพิทาวิราคะ คือความหน่ายความคลายเป็นผล เป็นอานิสงส์
    ๙. นิพพิทาวิราคะ มีวิมุตติญาณทัสสนะ คือความเห็นด้วยญาณเป็นเครื่องหลุดพ้นเป็นผล
    เป็นอานิสงส์
    ๑๐. ศีลที่เป็นกุศลย่อมถึงอรหัตโดยลำดับ ด้วยประการฉะนี้

    เพราะฉะนั้น โลกียศีลจึงเป็นบันไดให้เข้าถึงโลกุตตรศีล เข้าถึงอธิศีลสิกขา เป็น
    อริยศีลได้ในที่สุด

    มนุษย์นั้นมีมากมายหลายประเภท สวยมาก สวยน้อย ดีมาก ดีน้อย บางคนทั้งสวยทั้งดี
    บางคนไม่สวยด้วยไม่ดีด้วย บางคนเรียบร้อย บางคนหยาบคาย บางคนอ่อนโยน บางคนดุร้าย
    บางคนมีศีล บางคนไม่มีศีล สุดแท้แต่กรรมจะจำแนกให้เป็นไป

    ในจำนวนคนมากมายหลายประเภทเหล่านี้ คนมีศีลเป็นคนประเสริฐ ยิ่งมีศีลด้วย
    สวยด้วย ยิ่งประเสริฐสุด เหมือนดอกไม้ที่สวยทั้งสีและกลิ่น

    ส่วนคนสวยที่ไม่มีศีลนั้น ก็เหมือนดอกไม้ที่สวยแต่สี หามีกลิ่นไม่


    (คัดลอกบางส่วนฯ)
    ที่มา:
    http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เหตุผลไม่มี..ไม่มีเหตุผล
    ศีล สติ และจิต ต่างก็เป็นเรื่องปกติ
    แต่คำว่า "ปกติ"นี้ จึงแฝงไปด้วย ความละเอียดอ่อน

    เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีศีลที่สูงกว่า(จิตละเอียดกว่า)
    อย่าไปดูถูก ดูหมิ่น ดูแคลงกับผู้ที่มีศีลต่ำกว่า(ศีลพร่อง เพราะจิตหยาบ)
    ได้โปรดเมตตากับเขาเหล่านี้ด้วย
    เพราะอยากจะให้ผู้ที่เขาอยากที่จะกลับตัว กลับใจ
    เพราะคนที่เกิดมา ต่างก็ไม่อยากจะเป็นคนเลว
    เหตุที่เป็นคนเลว เพราะไม่รักษาศีล เพราะกิเลสพาไป
    เรื่องของเรื่อง ขาดสติกันเสียเป็นส่วนใหญ่
    นี่ก็คือ สาเหตุหลัก
    และเป็นสิ่งที่เริ่มต้นของการกระทำไม่ดี เพราะสติตัวเดียว
    สตินะ..สติ+

    เพราะฉะนั้นแล้ว ผู้ที่มีศีลสูงกว่า ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
    ย่อมมีความเมตตาสูง ย่อมให้โอกาสกับผู้ที่เคยผิดพลาด
    เพราะไม่มีใครอยากจะทำสิ่งที่ผิดพลาดกันหรอก
    ยกเว้นผู้ที่ตั้งใจจริงๆ อันนั้นก็ปล่อยไปตาม กฎแห่งกรรม

    คำว่า "โอกาส" นี้สำคัญกับชีวิตคนๆหนึ่ง เลยทีเดียว
    ท่านลองคิดว่ามีคนที่ให้โอกาสกันบ้าง เราจะรู้สึกดีว่ามาก(ปิติ)
    ผมจะบอกให้ คนที่เกิดมาทุกคนแหล่ะ ก็คือ คนหลงทั้งนั้น
    เพราะฉะนั้น เราก็อย่าไปหลงตำหนิเขา เพราะถ้าใครหลงไปตำหนิ
    ตนเองนี่แหล่ะ ก็จะผิดศีลละเอียด คือตนเองนี่แหล่ะจะไม่สบายใจเอง

    ก็เพราะด้วยเหตุผลนี้แหล่ะ!
    ที่จิตพระโสดาบันไม่สามารถล่วงรู้ จิตของพระอรหันต์
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอให้ผู้ปฎิบัติจิตเกาะพระทุกท่าน
    ได้โปรดสำรวมกาย วาจา ใจของตนเองให้ดี
    ผู้ปฎิบัติจะต้องมีวินัยในตนเอง

    เพราะฉะนั้นแล้ว อย่าไปมุ่งสนใจจิตคนอื่น จริยาของผู้อื่น
    ขอให้ผู้ปฎิบัติมุ่งแต่ สนใจจิตตนเองเพียงแต่ผู้เดียว
    เพราะมันจะทำให้เราเสียเวลาปฎิบัติถึงมรรคผลของตนเอง
    ผมไม่ไ้หวังที่จะมีเจตนาร้ายเพื่อดิสเครดิตใครนะ ได้โปรดเข้าใจ
    เพราะทุกท่านก็รู้ดีกันอยู่ว่า ท่านเข้ามาณ.ที่นี้ เพื่ออะไร
    เพื่อมาหาประตูพระนิพพานของตนเอง ใช่ไหม๊?
    ทำไปๆ อย่าแวะๆ

    เมื่อก่อนผมพูดมากไป คือพูดให้ผู้ปฎิบัติมีความสำนึกในทางที่ดีขึ้น
    และผมก็ไม่ได้กล่าวชื่อว่าเป็นใครด้วยนะ แหม๊เป็นเดือดเป็นร้อนใจยิิ่งนัก
    แต่ถ้าผมไม่พูด ไม่กระทุ้งจิต ที่เต็มไปด้วยกิเลสหยาบ กิเลสละเอียด
    ได้แก่ อีโก้ อัตตา มานะ ให้กระเด็นออกกันมาเร๊ะ
    มันนอนมอลแช่นิ่งอยู่ในจิตของตนเองก็ไม่รู้ มองไม่เห็นกันหรอก
    จะมารอให้จิตของผู้ปฎิบัติ รอให้มีปัญญากันเร๊ะ รอไปเต๊อะ ชาติหน้า
    นี่ขนาดบอกกันทุกวันเรื่องสติ
    ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัว
    เดี๋ยววันหน้าผมจะมากระทุ้งให้แรงๆกว่า เอาให้กระทู้นี้แตกไปเลย
    เพราะกระทู้นี้ ตั้งขึ้นมาเพื่อมิใช่มาพูดกันเล่น หัวเราะกันไปวันๆ
    ชื่อกระทู้ก็บอกกันอยู่แล้วว่า
    "จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ"

    ครูเพ็ญท่านก็บอกกับผู้ปฎิบัติอย่างชัดเจนกันแล้วว่า
    ขอถามว่า ท่านจะมาปฎิบัติเพื่ออะไร
    แต่ถ้าท่านบอกว่า ปฎิบัติเพื่อมรคผลนิพพาน โดยเฉพาะพระนิพพานนะ
    ครูเพ็ญท่านจะทุ่มสุดแรงเกิด มีใครเห็นใจครูเพ็ญบ้าง?

    แต่ถ้าผู้ปฎิบัติบอกว่า เพื่ออยากได้ฤทธิ์เดช อภิญญา ฯลฯ
    ขอเชิญท่านลงที่ป้ายหน้า...นะครับ
    โน้นเลย ที่ห้องอภิญญา

    เพราะที่นี่พวกเราเน้นแก่น(ธรรมปฎิบัติ เน้นสร้างสติเพื่อดูจิตให้ทัน)
    เน้นเดินตรงเข้าสู่่ "อริยมรรค" คือเน้นจิตที่มีสติมาก+สมาธิ(ฌาน)+ปัญญา
    เพื่อจิตวิปัสสนา ไปจนถึงลำดับของวิปัสสนาญาณ
    จิตพวกเราถึงจะยกกันได้ หลุดพ้นกันได้
    แค่กำลังฌานเฉยๆ มิอาจจะหลุดพ้นกันไปได้ พ้นทุกข์กันได้แค่ชั่วคราว

    ขอให้ผู้ปฎิบัติตั้งใจ...สำหรับผู้ที่มีความตั้งใจจะไปพระนิพพาน
    ไม่ต้องถอย
    แต่ถ้าใครถอยช่างเขา เดี๋ยวไปเจอลวกเพี่ยยย(ลูกพี่) คือทุกข์ คือกิเลส
    อีกไม่นานก็จะตกเป็นเหยื่อกิเลสไปในที่สุดเอง
    คอยดู...
    (ใช่แล้ววันผีเข้า)

    ผมไม่กลัวคนด่าหรอก แต่ผมกลัวคนไม่ได้ไปพระนิพพาน..มากกว่า
     
  8. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    โฆษณา...คั่นเวลา

    ประกาศ!!!
    พี่เพ็ญขอปิดรับสมัครจิตเกาะพระทางอีเมลชั่วคราว
    เนื่องจากสต๊อกเต็มจ้า
    ท่านที่ส่งเมลมาก่อนหน้านี้พี่เพ็ญรับไว้หมดแล้วค่ะ
    แต่ตอบการบ้านไม่ทันจ้า
    เนื่องจากงานทางโลกสุนอ๊ะสุนอาน(ยุ่งหลาย)
    ต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ
    หากเปิดรับสมัครเมื่อไรจะแจ้งให้ทราบค่ะ
    ส่วนท่านที่เรียนบนกระทู้ก็ขอให้ส่งการบ้านต่อไปค่ะ
    จะมีครูจิตบุญโคจรมาตอบให้ค่ะ
    แต่ถ้าไม่เห็นคำตอบขอให้ท่านย้ำคำถามบนกระทู้ใหม่ค่ะ
    เพราะบางทีครู...ตาลาย ฮ่าๆ
    ขอให้เจริญสุขและเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2012
  9. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    โมทนาสาธุด้วยครับ.. ใช้ได้..ใช้ได้.. 
    ความจริงเรียกว่า ดีใช้ได้เลยล่ะครับ สำหรับมือใหม่7วันทำแบบยังไม่จริงจังมาก..(ห้ามเหลิง..นะครับ)

    เอาหล่ะ.. ก่อนอื่นขอถามหน่อยครับว่า เรื่องศีลของเราเป็นอย่างไรบ้าง? (รักษาศีลบริสุทธิ์ไหม?)
    ถ้ายัง?.. ก็ให้หมั่นมีสติให้มากๆ รักษาศีลให้บริสุทธิ์ (ศีลเป็นบาตรฐานของสมาธิ ถ้าศีลไม่บริสุทธิ์ ปฎิบัติไปสักระยะนึงก็จะตันและไม่ก้าวหน้านะครับ จำเอาไว้..)
    ถ้าบริสุทธิ์แล้ว?.. ก็ให้หมั่นมีสติให้มากๆอีกเช่นกัน รักษาความดีนี้เอาไว้(จนวันตาย..) เพื่อให้ศีลเราบริสุทธิ์อยู่เสมอๆ..

    เรานึกถึงพระตรงกลางจิตกลางใจนี่.. หมายถึงฐานไหนครับ? (กลางทรวงอก? หรือที่ไหน?)
    การวางกำลังใจนะครับ:-
    - ให้นึกถึงพระแบบ เบาๆสบายๆกลางๆ อย่าอยากอย่าเข่นอย่าเพ่งแรงๆนะครับ..
    - จะเห็นหรือไม่เห็นก็ยังไม่เป็นไร แต่ต้องมีสติรู้ว่าจิตเราเกาะพระอยู่(ตามฐานในกายของเราเองน่ะ) ให้หมั่นระลึกนึกถึงพระให้บ่อยๆๆๆๆๆๆ(แปลเป็นภาษาทางโลกคือ ซักทุกๆ10นาทีอย่างต่ำ หรือทำได้ตลอดเวลานาทีเลยก็ยิ่งดีใหญ่) เป็นหลักก่อน ส่วนเรื่องความคมชัดของภาพพระเป็นรองนะครับ.. ถ้าเราทำความถี่ได้มากๆๆๆๆแล้ว ไม่ต้องห่วงครับเดี๋ยวภาพพระจะคมชัดเอง..
    - ส่วนว่าการเห็นภาพพระจะเห็นเติมองค์หรือบางส่วนหรือเห็นจากมุมไหนหรือสีอะไร ก็บ่เป็นหยังครับ.. ให้มีสติรู้-วาง อย่างเดียวนะครับ..(แต่ก็ต้องรายงานผลภาพพระเข้ามาด้วยนะครับ)

    [555.. เพิ่งจะมาเจออีกคนล่ะ.. ที่บอกว่า"ตามรู้ตามดู เล่นไล่จับกับจิตมัน สนุก!" (ครูดัช.. ว่าไง?...555) นอกเรื่องไปหน่อย..]

    สรุปว่า
    1. ต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์
    2. ต้องมีสติระลึกรู้ว่า จิตเราเกาะพระอยู่ตลอดเวลานาที..(คือเป้าหมายนะครับ ทำให้ได้ทั้งวันทั้งคืนเลย) 
    (ไม่ใช่ทำแค่ตอนนั่งสมาธิอย่างเดียวนะครับ ที่พูดนี่.. คือว่าตอนทำการทำงานด้วยนะครับ..)

    เอาแค่นี้ก่อนในชั้นนี้.. ลองกลับไปทำมา แล้วก็ค่อยรายงานเข้ามาใหม่นะครับ..
    เอ้า..สู้ต่อไป..ทาเคชิ..

    สาธุครับ
     
  10. chalesa

    chalesa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +135
    ถ้าพี่เพ็ญเห็นว่า กานต์น่าจะสอนได้ ก็ยินดีค่ะ เป็นครูฝึกหัดก่อนก็ได้ อิอิ
     
  11. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    รายงานอารมณ์เจ้าค่า

    ทุกๆเช้าที่ตื่นจิตจะถามหาภาพพระอยู่ร่ำไป
    วันนี้ภาพพระที่ปรากฏชัดเจนขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ลายละเอียดชัดเจนขึ้น แต่ยังขาดอีกเยอะ ที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนคือ เวลาว่างจากความคิดภาพพระจะปรากฏขึ้นมาเอง และยาวนานมากขึ้น ความเครียดของจิตนั้นหายไปแล้ว
    ทุกครั้งที่นอนหลับนั้น จะเห็นความคิด(ความฟุ่งซ่าน) และร่างกายขยับเป็นบางครั้ง ซึ่งอาการแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเรามานานแล้ว
    มีสิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าอยากเลิกคือ บุหรี่ แต่ก็ยังทำมิได้เลย คงเป็นผลกฏกรรมที่ติดตามมา ผลกรรมที่ไม่ดีของเราก็มีมามากยังต้องชดใช้อีกนาน กรรมที่ทำไม่ดีกับผู้อื่นก็มาก
    อีกข้อหนึ่งที่แก้ยากมากคือ ของเดิมกรรมฐานเดิม ภาวนาในชีวิตประจำวัน เจออานาปาณสติ หลับตาเจอกสินอีก เฮ้ยอะไรกันหนักหนา

    เมื่วานนี้ข้าพเจ้าขอบารมีสมเด็จองค์ปฐมและพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ช่วยให้ข้าพเจ้าทำจิตเกาะพระสำเร็จด้วยเทอญ ข้าพเจ้ารับรู้ได้ถึงพลังงานที่เกิดขึ้น

    ข้าพเจ้ารำลึกถึงศีลทุกๆวัน ก่อนนอน
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    หนีไม่พ้น คำว่า "สติ"​


    ถ้าคนเรามีสติอยู่แค่กายในกาย จิตในจิตของตน
    พวกเราจะไม่รู้จัก คำว่า เบียดเบียน
    การเบียดเบียนกันนั้น เกิดขึ้นได้ ก็เพราะว่า ไม่ค่อยจะมีสติกัน
    พอสติไม่เกิด แล้วจิตเราจะไปที่ไหน ถ้าไม่ออกไปข้างนอก จริงไหม๊?
    แต่เมื่อเรามีสติ จิตเราก็จะอยู่กับที่สติของตนเอง
    แล้วจิตจะออกไปข้างนอกไหม๊? ไม่ออกไป ใช่ไหม๊?
    ลองทำดูนะ
    ง่ายนิดเดียว สำหรับเรื่องสติ

    สติถือเป็นฝ่ายบุญ ฝ่ายกุศล
    เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่เกิดไม่มากพอที่จะทำให้เราตามจิตได้ทัน
    เมื่อสติน้อยก็ทำให้เราตามไม่ทันกิเลสตามไปด้วย
    กิเลสถือว่าเป็นฝ่ายบาป ฝ่ายอกุศล
    เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เกิดมาจากทางอายตนะทั้ง๖

    และไม่สงสัยเลยว่า
    สำหรับผู้ที่ไม่ได้ฝึกจิตตภาวนา หรือ เจริญสติภาวนา(ทำสมาธิ) จึงพบแต่ความทุกข์มากมาย
    เพราะเมื่อไม่ฝึกจิต บอกไปแล้ว ว่าจิตก็จะไปวิ่งตามกิเลสทันที
    เพราะความไม่อยู่นิ่งเฉยของจิต
    แต่สำหรับผู้ฝึกจิตมาดี จึงไม่ค่อยรู้สึกมาก หรือไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นทุกข์เลย
    เพราะเมื่อฝึกจิต จิตก็จะนิ่งเพราะมีสติเกิด
    แต่ถ้าเราขาดสติ หรือพลั้งเผลอสติ จิตก็จะกลับไปวิ่งตามกิเลสได้อีก
    จิตจะสลับไปมาอยู่แบบนี้ ตราบใดถ้าพวกเราไม่ฝึกสติกัน
    สติที่เรามีอยู่ทุกวันนี้มันไม่เพียงพอ มีแค่ให้ทรงตัวเคลื่อนไหวของร่างกายเราเท่านั้น
    แต่จะให้ไปตามดู ตามรู้จิตหรือกิเลสนั้น มีไม่พอ

    เพราะฉะนั้นผู้ที่อยากพ้นทุกข์
    ถามว่าถ้าเราจะเอาแค่พ้นทุกข์ชั่วคราว ก็ทำแค่จิตนิ่ง(สมาธิ/ฌาน)ก็พอ
    แต่ถ้าเราอยากพ้นทุกข์อย่างถาวร หรือเพื่อความหลุดพ้น ก็ต้องทำวิปัสสานาให้ผ่าน
    แต่จิตจะต้องอาศัยสมถสมาธิเป็นพื้นฐานเสียก่อน+ความต่อเนื่อง
    แต่ถ้าเราทำสมาธิหรือฌานไม่ต่อเนื่อง จิตก็จะไม่ยอมทำวิปัสสนา
    พอจิตเราไม่ยอมทำวิปัสสนา จิตเราก็ไม่เป็นวิปัสสนาญาณ
    เพราะฉะนั้น พวกเราจึงหนีไม่พ้นคำว่าทุกข์กันไปได้ เพราะจิตไปไม่ถึงธรรม
    จิตจึงไม่รู้ความจริงแห่งสัจจธรรมนั้นๆได้ จิตจำเป็นจะต้องไปรับรู้ธรรมทุกอย่างเอง
    จึงมิใช่ตัวเราไปเรียนรู้ธรรมแทนจิตของเรา
    เพราะฉะนั้น เราแค่มีปัญญาเฉยๆ ปัญญายังไม่เข้มพอ จิตก็ไม่สามารถทำวิปัสสนา
    เพราะจิตปัญญาจะต้องอาศัยจิตปัญญา+ความต่อเนื่องด้วย
    เมื่อจิตไม่เป็นวิปัสสนาญาณกันแล้ว เราก็ไม่สามารถละปล่อยวางกับรูปสมมุติ
    กับนามสมมุติกันไปได้
    ความสุขที่แท้จริงก็เกิดขึ้นกันไม่ได้

    ที่ผมอธิบายธรรมมานี้ ทุกท่านจะทราบแท้จริงกันได้ด้วย
    จิตจะต้องผ่านวิปัสสนาญาณกันมาแล้ว ทุกอย่างจะประจักษณ์จากจิตของท่านเอง
    การมีดวงตาเห็นธรรม จึงจะปรากฎขึ้นได้สำหรับผู้ที่มีคสามเพียร+ความต่อเนื่องเท่านั้น
    มิใช่แค่เห็นเกิดและดับของดวงจิตเท่านั้น หรือทำแค่ฌานเท่านั้น
    แม้จะเจริญถึงขั้นฌานสูงสุด(ฌาน๘) มโนยิทธิ มีฤทธิ์ทางใจ หรืออภิญญานั้น
    หากไม่ก้าวสู่ขั้นใช้ปัญญาแล้ว ย่อมไม่สามารถทำให้ถึงจุดหมายของพุทธธรรมได้อย่างเป็นอันขาด
    ยังเป็นเพียงโลกีย์เท่านั้น จะนำไปปะปนกับจุดมุ่งหมายทางพุทธธรรมหาได้ไม่
    ในภาวะแห่งฌานที่เป็นผลสำเร็จของสมาธินั้น กิเลสต่างๆสงบระงับไป
    จึงเรียกว่าเป็นการหลุดพ้นเหมือนกัน แต่ความหลุดพ้นนี้มีชั่วคราว
    และถอยกลับสู่สภาพเดิมได้ ไม่ยั่งยืนแน่นอน
    จึงเรียกการหลุดพ้นชนิดนี้ว่าเป็นโลกียวิโมกข์(ความหลุดพ้นขั้นโลกีย์)
    เป็นกุปปวิโมกข์(ความหลุดพ้นที่กำเริบคือเปลี่ยนแปลงกลับกลายหายสูญได้)
    และเป็นวิกขัมภนวิมุตติ(ความหลุดพ้นด้วยข่มไว้ คือกิเลสระงับไปเพราะถูกกำลังสมาธิข่มไว้
    เหมือนเอาแผ่นหินทับหญ้า ยกแผ่นหินออกเมื่อใด หญ้าย่อมกลับงอกงามขึ้นได้ใหม่)
    ในการปฏิบัติเพื่อเข้าสู่จุดมุ่งหมายของพุทธธรรมนั้น
    องค์ธรรมหรือตัวการสำคัญที่สุดที่เป็นตัวตัดสินใจในขั้นสุดท้าย จะต้องเป็นปัญญา
    ปัญญาที่ใช้ในการปฎิบัติการในขั้นนี้ เราเรียกว่า "วิปัสสนา"

    พวกท่านยังจำกันได้ใช่ไหมว่า...
    พระพุทธเจ้าท่านได้ร่ำเรียนกับพระอาจารย์ผู้เป็นพระฤาษีสองตนนั้น จนสำเร็จสมาบัติ(ฌาน๘)
    พระพุทธเจ้าก็ไม่หลุดพ้น เพราะท่านเกิดมาเพื่อที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้า
    ท่านจึงลาพระอาจารย์ทั้งสอง และท่านไปตรัสรู้เมื่อตอนที่ท่านใช้ฌาน๘นี้
    เข้าวิปัสสนา ตามกฎพระไตรลักษณ์ที่พระองค์ท่านทรงค้นพบ
    พระองค์ท่านจึงตรัสรู้ หรือบรรลุธรรมขั้นสูงสุด คือ ปฏิจจสมุปบาท/นิพพาน และอริยสัจ๔

    ปฏิจจสมุปบาทและนิพพาน เป็นแต่ตัวธรรมชาติล้วนๆ ตามธรรมชาติ
    ส่วนอริยสัจ๔ เป็นหลักธรรมในรูปที่มนุษย์เข้าไปเกี่ยวข้อง
    หรือ พูดได้ว่าอริยสัจ๔ คือ...
    ธรรมทั้งหมดมีจุดซึ่งเป็นแก่นแท้เข้าใจยากที่สุด อยู่ที่ปฏิจจสมุปบาทและนิพพานเท่านั้น
    แต่ถ้าเข้าใจปฏิจจสมุปบาทและนิพพานแล้วก็เป็นอันเข้าใจพุทธธรรมทั้งหมด

    และธรรมสุดท้ายก่อนที่พระองค์ท่านจะดับขันธปรินิพพาน ก็คือความไม่ประมาท
    สรุปแล้ว
    ผู้ที่ไม่ประมาทนั้น ก็น่าจะหมายถึง ผู้ที่ตั้งจิตอยู่กับศีลและภาวนา
    สติ+สมาธิ+ปัญญาให้อยู่ตลอดเวลา
     
  13. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    วันนี้ไปสอนปฏิบัติจิตเกาะพระที่วัดดอยเปามาค่ะ
    นำบุญทั้งหมดมาฝากทุกท่าน
    ลูกขออาราธนาบารมีสมเด็จพ่อองค์ปฐม
    โปรดช่วยดลบัลดาลให้ชาวจิตเกาะพระ
    จงทำจิตเกาะพระได้แนบแน่น
    และมีความรักความศรัทธาพระพุทธเจ้าให้มาก ๆ
    เพื่อเป็นทางนำไปสู่พระนิพพานโดยง่าย
    ขอให้ทุกท่านเจริญในศีลและเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป
    จนถึงซึ่งนิพพานโดยเร็วพลันในชาติปัจจุบันนี้เทอญ
     
  14. ทิวลิปขาว

    ทิวลิปขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +1,555
    เจ้าค่ะ คุณคูรลูกพลัง

    ดิฉันมิอาจเหลิงหรอกนะคะ รู้สึกเฉยๆ เพราะรู้ตัวเองดี
    แต่ถ้าคุณคูรชมก็รับไว้เจ้าค่า
    พอเห็น รู้จักตัวสติ ขึ้นมาได้หน่อย
    ตอนนี้เลยสำนึกเลย ที่คุณภูพูดบ่อยๆ ย้ำแล้วย้ำน่าว่า
    สติ หนอ สติ
    ศีล หนอ ศีล
    เลยต้องพยายามดูแลรักษา พยายามเข้าเช็คดูตัวเองเนื่องว่า เราได้ผิดศีลหรือหลงกระทำผิดคิดชั่วอะไรบ้างหนอ

    - ดิฉันวางความรู้สึกถึงพระท่านที่กลางทรวงอกค่า เพราะรู้สึกสัมผัสพลังตรงนี่ได้ดี

    รายงานการบ้านวันนี้ นะคะ
    วันนี้รู้สึกสังเกตุตัวเองดู จิตเค้าจะอยากลงสมาธิ กองลม มากกว่า
    อย่างอื่น คือก็สมาธิแบบรู้สึกตัวตามปกติน่ะคะ แต่จะรู้สึกที่ลมหายใจเข้า-ออก มากกว่าอย่างอื่น

    -รู้สึกคงสมาธิ (ลมหายใจเข้า-ออก)ได้นานมากและต่อเนื่อง เกือบทั้งวัน แต่ว่าก็รู้อยู่นะว่าร่างกายส่วนอื่นๆมันก็เคลื่อนไหวทำอะไรๆไป

    -สลับกับนึกถึงพระท่านไปด้วย ท่านยังอยู่ที่ดีที่เดิมเน้อยังไม่หนีหายไปไหน

    กราบขอบพระคุณ คุณคูรลูกพลัง และคูรภู คูรดัช คูรเพ็ญและคูรทุกๆๆๆๆๆท่านด้วยนะคะแม้ไม่ได้เอ่ยนาม
    ที่เมตตาสอน เมตตานำทาง สาธุ สาธุ สาธุ กราบครูทุกท่านเจ้าค่ะ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ครูเพ็ญครับ
    ท่านนี้คือใครหรอ? พี่ภูเคยรู้จักป่าว
    หรือว่า คนที่เคยถูกลืม...อิอิ
    แล้วน้องอัตตา พี่มานะของเธอหายไปหมดหรือยัง?
    แต่ถ้ายัง ก็โกรธพี่ภูต่อไป...แบกเข้าไปนะ...อิอิ
    เอ้ หรือน่าจะหายไปแล้วนะ แต่ถ้าไม่หายนี่ จิตก็ยกไม่ได้สินะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 สิงหาคม 2012
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    คนชื่อ Dhammanee หายไปไหนแล้ว
    สงสัยเป็นเสือสุ่ม เสือแหง่ม! ปรากฎตัวเดี๋ยวนี้นะ...อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 สิงหาคม 2012
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ทิวลิปขาว..ท่านนี้กำลังมาแรง
    เกาะครูลูกพลังให้แน่นๆนะ

    แล้วลูกทิวลิปชมพูของพ่อภูหายไปไหนแล้ว

    คุณWatjojoj เร่งเครื่องหน่อย...อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 สิงหาคม 2012
  18. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    เร่งแบบแนวสบายๆครับ คุณภู เดี๋ยวคุณเกษUplineท่านจะทิ้งไปไกลครับ ทุกวันนี้นึกถึงพระได้บ่อยขึ้นครับ จากเมื่อก่อนนี่ 2-3ชั่วโมง/ครั้ง ตอนนี้บ่อยๆๆๆๆ แล้วครับ เมื่อก่อนเพ่งจัด ตอนนี้เน้นถี่เอาครับ (หลงทางครับ)
     
  19. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    รายงานอารมณ์เจ้าค่า
    ตอบเจ้าครับ..

    ทุกๆเช้าที่ตื่นจิตจะถามหาภาพพระอยู่ร่ำไป 
    วันนี้ภาพพระที่ปรากฏชัดเจนขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ลายละเอียดชัดเจนขึ้น แต่ยังขาดอีกเยอะ ที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนคือ เวลาว่างจากความคิดภาพพระจะปรากฏขึ้นมาเอง และยาวนานมากขึ้น ความเครียดของจิตนั้นหายไปแล้ว

    ตอบ:นี่แสดงว่าจิตเรามันเริ่มที่จะทำการเกาะพระเป็นออโต้เล็กๆแล้วล่ะครับ เอ้า..ออกหมัดถี่ๆเข้าไปครับ.. "แก้ว..สู้สู้"

    ทุกครั้งที่นอนหลับนั้น จะเห็นความคิด(ความฟุ่งซ่าน) และร่างกายขยับเป็นบางครั้ง ซึ่งอาการแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเรามานานแล้ว 

    ตอบ:เห็นไหม? กายกับจิตมันสามารถแยกกันทำงานได้
    ที่เราพูดเสมอๆว่า ให้ทำจิตเกาะพระให้ได้ทั้งวัน"ทั้งคืน" คือว่าในขณะที่เรา(กาย)หลับอยู่ แต่ว่าจิตเรามันก็ยังทำการเกาะพระอยู่ตลอดทั้งคืน.. (ผู้ที่เดินมาถึง จึงจะรู้ได้ด้วยตนเอง)

    มีสิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าอยากเลิกคือ บุหรี่ แต่ก็ยังทำมิได้เลย คงเป็นผลกฏกรรมที่ติดตามมา ผลกรรมที่ไม่ดีของเราก็มีมามากยังต้องชดใช้อีกนาน กรรมที่ทำไม่ดีกับผู้อื่นก็มาก 

    ตอบ:ก็อย่างนี้ซิครับ.. ฝึกจิตเกาะพระไป แล้วก็ค่อยๆทะยอยลดปริมาณการสูบต่อวันลงก่อนนะครับ จากนั้นก็ทะยอยลดไปเรื่อยๆจนมันเลิกไปเอง เหมือนกับจิตเราเกาะพระจนแนบแน่นได้เองในที่สุด แค่ให้รู้-วาง เท่านั้นเป็นพอ ไม่ต้องเอามาเป็นกังวลครับ.. ทำไปๆ..

    อีกข้อหนึ่งที่แก้ยากมากคือ ของเดิมกรรมฐานเดิม ภาวนาในชีวิตประจำวัน เจออานาปาณสติ หลับตาเจอกสินอีก เฮ้ยอะไรกันหนักหนา

    ตอบ:ต้องขออนุญาติให้"วาง"อานาปานลงก่อน(แค่ชั่วคราวเท่านั้นนะครับ.. คนเราถ้าขี่จักรยานเป็นแล้ว เข้าป่าไปซัก10ปีกลับมาก็ยังขี่จักรยานเป็นอยู่ดี) เพราะฉะนั้น ฝึกจิตเกาะพระไปก่อนแบบจริงจัง พอจิตยกแล้ว จะทำกรรมฐานกองไหนๆก็เข้าฌานได้เหมือนๆกันแหล่ะ.. เพียงแต่ว่าถ้าเราทำไปสองอย่างสลับควบคู่กัน มันจะเอาดีไม่ได้ซักอย่างเลย.. 
    การทำจิตเกาะพระนี่..ธรรมดาแรกๆก็ยังไม่ค่อยถนัดนัก แต่ทำไปซักพักนึง..สมาธิจะรวมดิ่งๆๆๆโร้ดดดๆเลย(คือมันจะเร็วมากและกำลังฌานสมาบัติแข็งโป้กเลย..) จิตบุญหลายๆท่านก็อดีตลูกศิษย์อานาปานมาทั้งนั้น.. แต่ว่ามันจะช้า(ไม่ค่อยทันใจวัยสะรุ่นซักเท่าไหร่) ทุกท่านก็วางอานาปานลงชั่วคราวก่อน แล้วก็มาได้ดีที่จิตเกาะพระนี่(ไวดี ทันใจ แถมเครื่องแรงอีก..) จากนั้นก็สามารถเดินมรรคต่อไปขั้น"ปัญญา"ได้ เพื่อก้าวสู่ความหลุดพ้นได้อย่างรวดเร็ว
    ถ้ากำลังฌานสมาบัติต่ำเกินไปเวลาที่เราวิปัสสนามันจะตัดได้ไม่เด็ดขาดจริงๆแล้วหวนกลับมากำเริบอีกเรื่องกิเลสนี่..
    กรรมฐานกองอื่นๆบางครั้งมันก็มีข้อจำกัดในขณะที่เราต้องการจะเจริญสมาธิหรือทรงฌานในขณะประกอบกิจการงานไปด้วย.. คือว่าเรื่อง"ความต่อเนื่อง+กำลังสมาธิ ในขณะทรงฌาน"มันจะแยกกายแยกจิตได้ลำบากกว่า(มิได้หมายความว่าทำไม่ได้นะครับ แต่เรากำลังจะสื่อว่า"มันอาจจะทำได้ยากลำบากกว่า" ดังนั้นผู้ที่จะทำได้สำเร็จจะต้องอาศัยความเพียรอย่างซุปเปอร์ยิ่งยวดเลยจึงจะทำให้สำเร็จผลได้ แถมช้ากว่าอีกด้วย.. สายพระป่าทางอีสานจะนิยมอานาปาน+พุทโธ) แต่เราก็คิดอยู่เหมือนกันนะว่า บางทีมันก็เกี่ยวเนื่องด้วย"สายบุญ"กันมาแต่เก่าก่อนๆ..

    เมื่อวานนี้ข้าพเจ้าขอบารมีสมเด็จองค์ปฐมและพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ช่วยให้ข้าพเจ้าทำจิตเกาะพระสำเร็จด้วยเทอญ ข้าพเจ้ารับรู้ได้ถึงพลังงานที่เกิดขึ้น
    สาธุด้วยครับ..

    ตอบ:ขออย่างเดียวไม่ได้นะครับ ต้องบวก"ความเพียร"เข้าไปด้วยจึงจะสำเร็จนะครับ..

    ข้าพเจ้ารำลึกถึงศีลทุกๆวัน ก่อนนอน

    ตอบ:ดีแล้วครับ.."สีลานุสสติ" หมั่นระลึกนึกถึงอยู่เนืองๆเพื่ออบรมจิตใจตนเอง
    แต่เหนืออื่นใด.. ต้องน้อมนำมาปฎิบัติด้วยนะครับ..

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุครับ
     
  20. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214

    "ตอนนี้เน้นถี่เอาครับ"


    ถูกต้องคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบ
    ครูสอนจิตเกาะพระท่านก็สอนให้ทำง่าย ๆ แค่นี้
    แต่ท่านดันไปติดทำของยากกันหมด
    เข้าถึงใจกันเสียทีนะคุณ watjojoj

    จิตเกาะพระท่านใดที่อ่านมาถึงข้อความนี้
    ขอให้ท่านย้อนกลับไปสำรวจจิตตนเองนะว่า
    ที่ผ่านมาเราทำแบบนี้หรือเปล่า "ตอนนี้เน้นถี่เอาครับ"
    ถ้าใครยังเกาะพระไม่ได้ก็ขอบอกให้ทราบว่าเป็นเพราะท่านไม่ได้ "เน้นถี่"

    นี่พี่เพ็ญยกประเด็นคำตอบออกมาให้เห็นชัด ๆ ถึงขนาดนี้แล้ว
    ท่านใดยังหลงทางอยู่เหมือนคุณ watjojoj ในอดีต
    ขอให้กลับลำด่วน หันหัวเรือมุ่งสู่ทางตรงไปขึ้นฝั่งพระนิพพานก่อน

    อย่าเพิ่งเอาเรือออกอ่าว!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...