จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

น่ายินดีมากมาย ที่โลกใบนี้มีจิตที่สว่างไสว เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ขอกราบอนุโมทนากับ คุณหนุ่ม ครูเพ็ญ คุณแม่สุมาลี แลครูจิตบุญทุกท่านค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

 

เมื่อก่อนฟังเพลงนี้ ก็เฉยๆค่ะ วันนี้ฟังแล้วนํ้าตาซึมเลย เดี๋ยวนี้บ่อนํ้าตาตื้นเยยเรา เดี๋ยวต้องลองหัดร้องมั่ง ขึ้นเวทีครั้งหน้าจะได้เปลี่ยนแนวเพลง อิอิ;k06

 

สาธุ สาธุ โมทนาสาธุการคะคุณหนุ่ม จิตบุญดวงที่ 42
ยินดีด้วยจริงๆถึงจุดหมายแล้วนะคะ
ขอให้เจริญในศีลในธรรมยิ่งๆขึ้น

 

โมทนาสาธุกับจิตบุญ42 ด้วยครับ

พร้อมทั้งคุณครูทั้งหมดด้วยครับ

 

ประวัติย่อการปฏิบัติจิตเกาะพระของคุณหนุ่มครับ

คุณหนุ่ม (Espanda) เริ่มฝึกจิตเกาะพระอย่างจริงจังตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2555
ยกจิตขึ้นสู่นิพพานเมื่อเช้าวันนี้ 21สิงหาคม 2555 รวมระยะเวลาฝึก 2 เดือน พอดิบพอดี

คุณหนุ่มเป็นผู้ปฏิบัติที่ขยัน ตั้งใจ มีความเป็นผู้สอนง่าย และมีความเป็นสุภาพชนสูงมาก
เชื่อฟังคำแนะนำของครูพี่เลี้ยงเป็นอย่างดี ครูบอกอะไรก็รับฟังและน้อมไปปฏิบัติ
มีความสม่ำเสมอในการส่งการบ้าน เรียกว่าส่งทุกวันแทบไม่มีวันหยุดแม้แต่เสาร์อาทิตย์
บางวันไม่มีเรื่องจะส่ง แต่ก็เขียนมาหาครูเพราะรู้สึกว่ามันขาดอะไรไป จึงต้องเขียนมา
ด้วยความเป็นคนตั้งใจ จริงจังจึงได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากครูลูกหว้า ครูแอ๋ว และครูนก (ชาย)
เป็นประจำทุกคืนที่เว็บจิตเกาะพระ

คุณหนุ่มเริ่มจากกการจับภาพสมเด็จโต แล้วต่อมาเปลี่ยนเป็นภาพพระวิสุทธิเทพ
เป็นแก้วใสมีประกายระยิบระยับ ในช่วงระยะแรกของการฝึกเกิดอาการเครียดบ่อยครั้ง
คิดว่าตนเองทำไม่ได้และไม่ก้าวหน้าสักที เพราะความไม่เที่ยงของจิต แต่ก็มีปัญญา
สามารถวางกำลังใจของตนเองใหม่ รู้จักกำหนดรู้ลงที่ความเป็นไตรลักษณ์ ทำให้ต่อมา
ไม่เป็นทุกข์เพราะความเปลี่ยนแปลงยอกย้อนของจิตอีกเลย แต่ก็มีอาการจิตสะดุดอยู่บ้าง
หลังจากที่โควต้าจิตบุญรุ่น 1 หมดไป คือจิตยกครบ 41 ดวง เพราะเสพข้อมูลต่างๆ มาก
จนเกินไปทำให้จิตฟุ้งซ๋าน แต่ก็ประคับประคองเอาไว้ได้ แถมยังคอยให้กำลังจิตบำเพ็ญ
ในเว็บจิตเกาะพระ นับว่าเป็นผู้มีกำลังใจดีและยังเป็นที่พึ่งให้กับผู้อื่นได้

การปฏิบัติของคุณหนุ่มนั้นควบคู่ทั้งการเกาะพระในระหว่างวันและการนั่งสมาธิในเวลากลางคืน
ผลจากการปฏิบัติในระหว่างวันนั้นสามารถเห็นกายและจิตแยกส่วนกัน สติไวดีมาก เห็นกระบวนการ
ปรุงแต่งของจิตได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ ในสมาธิก็สามารถแยก สติ จิต ความคิด
ออกจากกันได้ รู้ว่าตัวไหนคืออะไร

ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา สติทำงานได้อย่างอัตโนมัติ จิตทรงฌานได้ดี
เริ่มเกิดวิปัสสนาญานอย่างต่อเนื่อง เรื่องเล็กเรื่องน้อย มีการบ้านด็ดๆ
มาส่งครูเกือบทุกวัน ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จิตจะเกิดวิปัสสนาขึ้นเองอยู่บ่อยๆ
มีครั้งนึงท่านเห็นสาวสวย แล้วจิตเกิดคิดเปรียบเทียบสาวคนนั้นเหมือน "เห็นหมาสวยๆ
แล้วจิตเกิดความยินดีในความน่ารัก แต่ไม่อาจเกิดความรักความใคร่ขึ้นมาได้" นี่จิตท่าน
เกิดจินตนาการได้สุดยอดจริงๆ ระยะสี่ห้าวันนี้จิตคุณหนุ่มวิปัสสนากิเลสในความฝันหลายครั้ง
จนกระทั่งเมื่อคืนอวิชชาตัวสุดท้ายคือความพยาบาทจองเวรข้ามภพข้ามชาติได้ถูกขุดค้ยขึ้นมา
และขจัดออกไป สุดท้ายจิตก็ยกขึ้นสุ่นิพพานในตอนเช้าวันนี้เอง....


ขอบคุณครับ

นก ชาย

 

มอบให้เป็นของขวัญแด่ทุกท่านเนื่องในโอกาสทำงานทะลุเป้า+

จิตแก่น จิตแท้ จิตทรงภูมิปัญญา​

5 มี.ค. 55 เริ่มพิมพ์เวลาประมาณสามทุ่ม

พี่ภู เพ็ญย้อนกลับไปอ่านคำตอบของพี่ภู พี่ภูบอกว่าที่บ่น ๆ มาก็ตัวเราทั้งนั้น แต่เพ็ญมองไม่เห็นตัวเพ็ญอย่างที่พี่ภูว่าเลยนิ

เพ็ญเห็นมันแยกกันอยู่นะ ต่างคนต่างอยู่ อยู่กันเป็นกอง ๆ กองหนึ่งเป็นขันธ์ห้า กองหนึ่งเป็นสิติ กองหนึ่งเป็นปัญญา กองหนึ่งเป็นจิต เนี่ยเพ็ญเห็นแบบนี้ง่ะ

จาอธิบายให้ทราบนะคะ...

ขันธ์ห้ามันก็บื้อทำงานของมันไปเหมือนตุ๊กตาหุ่นยนต์
สิติก็คอยตามดูตามสอดส่องพฤติกรรมของจิตและขันธ์ห้า เดี๋ยวมันก็วิ่งไปดูข้างใน(จิต) เดี๋ยวมันก็วิ่งมาดูข้างนอก(กาย) เป็นยามคอยเตือนและเฝ้าระวังอย่างแข็งขัน

ปัญญาก็คอยเป็นที่ปรึกษาของสติ แล้วก็คอยตั้งท่าจะฟันอย่างเดียวเลยนิ รอจังหวะว่าจิตเกิดรู้ตัวเดียว ปัญญาจะช่วยย้ำและฟันซ้ำทันที กะเอาให้ขาดสะบั้นเลยเชียว เนี่ย ปัญญานี่เปรียบเหมือนดาบที่คมในฝัก ไม่ชักออกมาก็ไม่เห็นคม ตอนอยู่ในฝักก็งั้น ๆ ไม่น่ากลัว ชักออกมาเมื่อไรตายลูกเดียว(กิเลส) แถมจิตที่เอาแต่ใจตัวเองก็จะต้องพังไปด้วย สรุปว่าปัญญามีหน้าที่คอยฟันอย่างเดียว

จิตอยู่เป็นเอกเทศ มันจะเรียนและรู้อย่างเดียว มันไม่สนใจอะไรเลยนิ ไม่ว่าสิ่งที่เรียนนั้นจะถูกหรือผิดมันไม่สน มันจะเรียนแล้วก็รู้อย่างเดียว แต่จิตนี้มันเป็นใหญ่จริง ๆ มันเป็นเจ้านายที่เอาแต่ใจ มันชอบทำอะไรตามใจตัวเอง และมันก็จะทำแต่สิ่งที่มันชอบเท่านั้น

จิตที่ว่ามานี้เป็นจิตปลอมเพราะมันยังมีแต่ความชอบใจเป็นใหญ่ เพ็ญรู้แล้วว่าทำไมจิตตัวนี้จึงต้องพังสลายไปกับขันธ์ห้าด้วย ก็เพราะจิตตัวนี้เป็นจิตเปลือกหรือจิตปลอม ไม่ใช่จิตแก่น จิตแท้ หรือจิตทรงภูมิปัญญา อันจิตแท้จะไม่เอนเอียงไปตามอารมณ์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่จิตแท้จะทรงอารมณ์เป็นกลาง...

ตอนนี้ปัญญาญาณเกิดแค่นี้ก่อน ยังวิเคราะห์ต่อไปไม่ได้ว่าอารมณ์เป็นกลางมีความรู้สึกเป็นอย่างไร รอก่อนนะท่านพี่ รอให้รู้แจ้งแดงแจ๋ก่อนแล้วจะอธิบายให้ทราบ

เพ็ญจะสรุปให้ทราบนะคะว่า ตอนนี้สติเพ็ญเป็นใหญ่ไม่แพ้จิต สติตามคุมจิตแจเลยนิ ทำให้จิตไม่กล้าเบี้ยวซะแล้ว จิตก็เลยยอมกลับไปเกาะพระพุทธเจ้า ไม่งั้นมีเหรอจิตจะยอมจับภาพพระแล้วเข้าฌาน

แม้สติจะคุมไม่ให้จิตไหลออกไปข้างนอกมากเกินไป แต่จิตก็ไม่ค่อยก้าวหน้าคือพัฒนาตัวเองช้า พอสติทำงานหนักเพราะต้องคอยวิ่งต้อนจิตไม่ให้เกาะกิเลส สติก็พลอยล้าไปด้วย พอสติล้าสติก็จะเผลอบ่อย พอสติเผลอจิตก็แอบย่องไปคบกิเลสอีก

การจะกันไม่ให้จิตเกาะกิเลส ลำพังสติตัวเดียวทำไม่ไหว เพราะกิเลสมีล่อใจมาก ส่วนจิตก็ไหลอย่างกับน้ำ มีใครจับน้ำได้บ้าง จับน้ำนี้มันยากนะ สติก็เลยต้องหาวิธีคุมจิตให้อยู่ ในเมื่อเรา(กาย)จับน้ำไม่ได้ ก็เปรียบเหมือนสติจับจิตไม่อยู่ ในเมื่อมันจับไม่อยู่ก็หาที่อยู่มาให้มันซะเลย ด้วยการพาจิตไปเกาะพระแทน

เปรียบกับทางโลกเช่น ถ้าเรานำต้นกล้วยไม้ไปผูกติดไว้ที่ไหน รากของกล้วยไม้ก็จะเกาะและเจริญเติบโตอยู่ที่นั่น เช่นเดียวกับจิต ถ้านำจิตไปเกาะพระพุทธเจ้า จิตก็จะเกาะและเจริญเติบโตอยู่กับพระพุทธเจ้า จิตจะดูดซับเอาพลังงานและอาหารจากสิ่งที่ไปเกาะอยู่มาหล่อเลี้ยงดวงจิตตน เลี้ยงจนอ้วน(สมบูรณ์) เลี้ยงจนสว่าง เลี้ยงจนใส เหมือนแหล่งกำเนิดต้นแบบที่จิตไปเกาะอาศัยอยู่นั่นแล

โอ้โห ตอนนี้เพ็ญเห็นสติกับปัญญาจับมือกันดีมากเลย ช่วยกันกลั่นกรองและวิเคราะห์ออกมาได้เป็นฉาก ๆ จิตก็เลยเผ่นแน้บไปเกาะพระซะเลย เพราะเห็นท่าว่าจะดื้อกับสติและปัญญาไม่ไหว ท่านพี่ทั้งสองเล่นจับมือกันคุมเกมซะแล้ว

เรื่องการควบคุมจิตนี้ต้องใช้สติตัวเดียวเท่านั้นจึงจะเอาอยู่ แต่การเอาอยู่ของสติจะต้องเป็นไปโดยวิธีใช้ไม้อ่อน ถ้าใช้ไม้แข็งจิตก็จะยิ่งดื้อ เพราะจิตเพ็ญมันดื้อจริง ๆ

ที่มานั่งตอบพี่ภูอยู่นี้ไม่ใช่จิต แต่เป็นสติ สติมาทำงานแทนจิต เพราะเอาสติมองเข้าไปข้างใน รับรู้แค่ว่าจิตมันไม่ออกมา จิตมันสงบอยู่ข้างใน ร่างกายก็มีหน้าที่ทำงานตามคำสั่ง ตอนนี้เพ็ญเห็นสติกำลังแสดงมากกว่าตัวอื่น

และเห็นชัดว่าแต่ละสิ่งแยกกันเป็นกอง ๆ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น คือ ขันธ์ห้าแยกไปกองหนึ่ง สติแยกไปกองหนึ่ง ปัญญาแยกไปกองหนึ่ง จิตแยกไปกองหนึ่ง มันแยกกันอยู่ หมายถึงการมองเห็นรูปกับนามมันแยกกันเป็นกอง ๆ มันไม่ได้อยู่รวมกัน แต่ถ้าตัวใดตัวหนึ่งจะทำงานตัวนั้นก็นำเด่นขึ้นมาแสดง

เปรียบคล้ายดั่งว่าแต่ละสิ่งเป็นของใช้ที่จัดวางอย่างเป็นอิสระไม่ทับซ้อนกัน เราจะหยิบสิ่งไหนมาดูหรือนำมาใช้งานก็หยิบได้ง่าย ไม่ต้องวุ่นวายเสียเวลาหาเหมือนเมื่อก่อน เพราะเมื่อก่อนแต่ละสิ่งก่ายกองทับซ้อนกันไม่เป็นระเบียบ จะหาจะค้นอะไรแต่ละอย่างก็หายากใช่ป่ะ

แต่การจะมองเห็นแต่ละสิ่งได้ชัดเจน ต้องนำจิตไปไว้ในที่สงบก่อน เพราะต้นเหตุที่ทำให้อะไร ๆ ดูวุ่นวายไม่เป็นระเบียบก็เพราะจิตตัวเดียวเท่านั้น คือจิตมันวุ่นวายไปเอง ทั้งขันธ์ห้า สติ ปัญญาก็พลอยวุ่นวายไปด้วย พออะไรวุ่นวายก็เลยจัดระเบียบไม่ได้สักที แต่ถ้าทำจิตให้สงบได้ตัวเดียว ตัวอื่นเขาก็สบาย ขันธ์ห้าก็อยู่สบาย สติก็อยู่สบาย ปัญญาก็อยู่สบาย อารมณ์ก็อยู่สบาย อาการก็อยู่สบาย สรุปว่าตัววุ่นวายคือจิตตัวเดียวเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้แลพระท่านจึงสอนให้ทำจิตให้สงบเสียก่อน เพราะถ้าจิตสงบเพียงตัวเดียว ตัวอื่นเขาก็จะพลอยสงบไปด้วย พอทุกอย่างสงบ สติกับปัญญาก็จะได้ทำงานของเขาบ้าง ไม่งั้นก็ต้องคอยยุ่งวุ่นวายอยู่กับจิตนี่แหละ จิตนี่มันเป็นตัวยุ่งจริง ๆ เลยนิ นี่แหละตัวนี้แหละคือจิตปลอมหรือจิตเปลือก เพราะถ้าเป็นจิตแก่น จิตแท้ หรือจิตทรงภูมิปัญญาเขาไม่วุ่นวายหรอก

เอ่อ พี่ภูพอเข้าใจหรือเปล่าคะ อ้าว แล้วเพ็ญจะไปถามพี่ภูทำไมล่ะ อ้อ ขออภัยค่ะ
คือรูปกับนามมันคุยกัน นามกับนามก็คุยกัน แล้วความรู้สึกในรูปหรือนามมันเด่นชัดจนเห็นแต่ละอย่าง กลายเป็นแต่ละตัวไปอย่างชัดเจน มันจะละเอียดไปหรือเปล่านี่ เฮ้อ พอล่ะ เดี๋ยวเข้ารกเข้าพงไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้

เพ็ญก็ไม่รู้นะว่าจะต้องมานั่งพิมพ์เรื่องแบบนี้ทำไม รู้แต่ว่าตอนนี้เกิดรู้ขึ้นมาว่าอย่างนี้ ๆ จึงรีบพิมพ์ไว้ก่อน ก่อนที่สัญญาจะตกกระป๋อง แม้ว่าจิตรู้จะไม่ลืม แต่เวลาจะให้ขันธ์ห้าทำงานก็ต้องอาศัยสัญญาของขันธ์ห้าอีกที แต่สัญญาของเพ็ญน่ะ มันเสื่อมเอามาก ๆ ถ้ารู้แล้วไม่รีบบันทึกไว้เดี๋ยวก็ลืมอมตะนิรันดร์กาล

แต่มาคิดอีกที หรือรู้เหล่านี้เกิดขึ้นเพราะจิตไปเกาะอยู่กับพระพุทธเจ้า พอจิตสงบปัญญาจึงเกิด แถมเป็นปัญญาญาณซะด้วย เพราะปัญญาที่ทำงานอยู่นี้คงไม่ใช่ปัญญาทางโลกอย่างแน่นอน เพราะปัญญาทางโลกมันคิดอะไรไม่ได้ซับซ้อนขนาดนี้หรอก ทำได้อย่างมากก็แค่ตั้งคำถามที่ไม่ได้คำตอบในทันที แต่ปัญญาญาณนี้ไม่ต้องมีคำถามมีแต่รู้อย่างเดียวเท่านั้น นี่ปัญญาทางโลกกับปัญญาทางธรรมมันต่างกันตรงนี้

เอ๊ะ ก็ว่าจะจบแล้วนะ ทำไมจึงมาแจกมาแถมกันต่ออีก พอล่ะ เดี๋ยวพี่ภูจะเบื่อคนบ่น ขอให้คุณพี่จงมีแต่ความสุขเกษมสำราญยิ่ง ๆ ขึ้นไปและมีสุขภาพแข็งแรง ขอให้หายป่วยเร็ว ๆ นะคะ

จบการบันทึกเวลาเที่ยงคืนกับอีกสิบห้านาที

เพ็ญ

 

สวัสดีค่ะ คุณป้อม
แหม ครูพากันงงกันใหญ่ ได้ข่าวว่าถนัดทางโทรศัพท์
แต่ไม่ทราบครูเพ็ญจัดครูให้แล้วมั้ยคะ
อันนี้เป็นงง เหมือนกันค่ะ
โมทนาสาธุค่ะ

 

เฮ ๆ โมทนากันอีกรอบ โมทนากับคุณหนุ่ม และครูทุกท่าน
โดยเฉพาะคุณแม่สุมาลี เสาหลักของบ้าน ด้วยจ๊า

 

สาธุ๊ สาธุ สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยสักล้านครั้งเลยค่ะ กับจิตบุญดวงที่ 42 สาธุ

 

เขาเรียกว่า "จิตถึงธรรม"
จิตเธอถึงธรรมเพราะ จิตเธอละเอียด
จิตเธอละเอียดเพราะ จิตเธอเป็นสมาธิ หรือจิตทรงฌาน
จิตเธอเป็นสมาธิ หรือฌาน เพราะจิตเธอมีสติมาก
จิตมีสติมาก เพราะ เธอปฎิบัติจิตเกาะพระ

สรุปแล้วกายหยาบ จึงไม่สามารถเข้าไปถึงธรรมได้
จึงดูเหมือนจะเข้าใจ แต่ทำไมปฎิบัติตามยาก เพราะจิตหยาบ
พระธรรม หรือธรรมะนั้น เป็นของละเอียด
แต่ถ้าพวกเราอยากจะรู้+เข้าใจธรรมะได้อย่างลึกซึ้ง
พวกเราจะต้องทำจิตตนเองให้ละเอียดก่อน
โดยการผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การเจริญสติภาวนา
แต่ของกระทู้ที่นี่ คือ "การปฎิบัติจิตเกาะพระ"
ซึ่งเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน+กสิณ
ซึ่งทั้งสองกองนี้ก็อยู่ใน 40 กองกรรมฐาน
ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงกำหนด/วางแนวทางมาให้กับพวกเราชาวพุทธทุกท่านแล้ว นั่นเอง

สรุปรวมความว่า
การปฎิบัติจิตเกาะพระ ก็คือ การเพ่งพระ(พระพุทธเจ้า หรือพระอริยเจ้า)เป็นอารมณ์
จนเกิดปิติ เกิดสมาธิ เกิดฌาน และก็เกิดปัญญาตัวท้ายสุด
ก่อนที่จิตจะเข้าสู่การวิปัสสนาเป็นอันดับสุดท้าย
จนจิตเกิดวิปัสสนาญาณ ไปตามลำดับดังที่กล่าวไปแล้วนี้

 

ขออนุญาตประกาศจิตบุญดวงที่ ๔๓ ณ วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๕

ขอท่านทั้งหลายจงโมทนา
กับจิตบุญดวงที่ ๔๓
ของกลุ่มจิตบุญเทอญ


สาธุ สาธุ สาธุ

​

 

ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ

 

แจ้งข่าวด่วนรอบดึก คุณปลื้ม-อุไรรัตน์ ลูกศิษย์ครูวิทย์ ยกจิตเป็นจิตบุญลำดับที่ 43 ของกลุ่มจิตบุญแล้วค่า คุณปลื้มยกจิตเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2555 คุณวิทย์โทร.มาแจ้งให้ทราบ คุณแม่สุมาลีคอนเฟิร์ม

คุณปลื้มช่วยรายงานตัวด้วยค่า ขอบคุณค่า

ขอความเมตตาครูวิทย์ช่วยบอกเล่าประวัติการฝึกจิตเกาะพระของคุณปลื้มให้ทราบพอสังเขปด้วยค่า ขอบคุณค่า

โมทนา สาธุสักล้านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครั้งเน้อค่า

อ่าแฮ้ม วันนี้พี่เพ็ญได้แต่งานตามดูจิตกับงานประกาศทางเมลทางกระทู้ งานการบ้านเลยไม่ค่อยได้สักเท่าไร แปะไว้ก่อนเน้อค่า สาธุ

พรุ่งนี้ใครจะยกจิตอีกไหมเนี่ย ยกมือไว้ก่อนล่วงหน้าได้ป่าว จะได้ตั้งหลักทัน อิอิ

พี่เพ็ญ ผู้รายงานข่าวด่วน โอ่ย เมื่อไรบ้านรากแก่นฯจะมีโฆษกเสียทีล่ะพี่ภู หนูจะผอมซะก่อนล่ะน๊า อาฮ้อย อาฮ้อย

 

ขออภัยลืมทักทายคุณหนุ่ม คุณหนุ่มช่วยรายงานตัวบนกระทู้ด้วยค่า กล่าวสุนทรพจน์สักเล็กน้อยเพื่อโฆษณาจิตเกาะพระ อุ้ย ไม่ใช่อย่างนั้น เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติจิตเกาะพระ จะได้มีแรงบันดาลใจให้ทำความเพียรต่อไปค่า ขอบคุณค่า

 

ขอโมทนา สาธุ กับคุณปลื้มที่สามารถยกจิตขึ้นเป็นจิตบุญดวงที่๔๓ด้วยนะครับ สาธุ

ขอแผ่เมตตาและยกผลบุญบารมีที่ได้กระทำมาทุกภพทุกชาติให้กับคุณปลื้ม จิตบุญดวงที่๔๓ทั้งหมดทั้งสิ้น
พร้อมทั้งยกให้กับครูจิตบุญผู้เมตตา และชาวจิตบุญทั้งหลายที่ได้อธิษฐานจิต
ช่วยกันส่งให้กับผู้ปฏิบัติทั้งหลายได้ก้าวไปสู่ความสำเร็จในที่สุด สาธุ สาธุ สาธุ

ด้วยจิตคารวะ

นิวเวป จบ.๑๔

 

ก่อนอื่นพี่ภูขอโมทนาบุญกับคุณหนุ่มกับคุณปลื้มด้วย ซักล้านๆครั้ง
พร้อมครูผู้ฝึกสอนด้วยนะครับ

จิตบุญยกสองเริ่มมีเสียงดังขึ้นมาอีกรอบนึงแร๊ะ
ตามที่ผมได้แจ้งรายชื่อ จิตบำเพ็ญไปก่อนหน้านี้แล้ว
ช่วงนี้อย่าให้ท่านสนใจสิ่งอื่นๆ ขอให้ท่านสนใจแต่สติ+จิตให้มากๆ
เพราะถือได้ว่า นาทีทองจริงๆ สำหรับจิตบำเพ็ญ ที่กำลังก้าวขึ้นสู่ จิตบุญ
ก้าวเมื่อไหร่ ท่านก็จะได้รู้ซะทีว่า เอ่อ อาการหรืออารมณ์จิตของตนเองนั้น
เปลี่ยนแปลงไปมากน้อยขนาดขนาดไหน
เมื่อก่อนเรามีความอยากมากด้วยเรื่องอันใด
ต่อไปนี้ท่านจะตอบได้ด้วยจิตยก จิตด้วยปัญญาญาณของตนนั้น
จะเป็นคำตอบสุดท้ายของตนเองดีที่สุด
ครูหรือผู้อื่นๆตอบก็ไม่กระจ่างเท่า จิตคือผู้รู้ ของเราที่ไปรับรู้ หรือรู้รู้ นั้นเป็นอย่างไร
ขอยกตัวอย่าง...จิตของคุณหมอ(นามสมมุติว่า อุษาวดี)
ตอนนี้คุณหมอทราบแล้วว่า คำตอบของตนเองนั้นดีที่สุด
มีปัญญาเป็นของตนเองแล้ว ต่อไปไม่ต้องถามใคร เพราะจิตคุณหมอก็คือ พุทธะ
คือจิตมันรู้รู้อย่างเดียว และแค่รู้แล้วก็วาง นิ่งเฉย แบบคนมีสติปัญญา
คือรู้หมดว่าใครทำอะไร คิดอย่างไร
รู้กาย รู้จิตของตนและผู้อื่นเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
เหมือนเราดูหนัง คนอื่นร้อนกาย ร้อนใจ แต่เราไม่ได้เป็นเหมือนอย่างเขา
หรือเหมือนดั่งที่มนุษย์ทางโลกเขาเป็นกัน คือ
จิตจะไปตกอยู่ที่กิเลส ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่ง อันได้แก่ รัก โลภ โกรธ หลง
และมันจะไม่ได้เรียงแบบนี้นะ บางที บางวันจะเจอหนักเป็นบางตัว
แต่ถามว่า ผู้ที่ไม่ฝึกจิตนั้น พวกเขาเหล่าจะตามทันไหม๊ (คิดดู)
ทุกข์น่ะ รู้กันไหม๊? รู้หมด เพราะสติมีด้วยกันทุกคนเลย
แต่...แต่...มิอาจจออกจากทุกข์นั้นๆได้ ว่าทำไมเป็นเพราะอะไร
นี่ไงที่มาของเรื่อง ตัวพระเอกกำลังจะออกมาแล้ว
เพราะจิตของคนเราตามที่ครูเพ็ญได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
นี่ผมออกทะเลไปไกลหรือยัง?
คุยอยู่กับครูเพ็ญแล้วไง๊ ไปพูดถึงคนอื่นซะงั้น เอ่อ
เพราะจิตพาไปแท้
จะทุกข์หรือสุข ใครกำหนด จิตคนเราทั้งนั้น
รูเข็ม มด หรือว่าเชื้อโรคต่างๆ ว่าเล็กที่สุดแล้วนะ
ถึงตาคนแก่หรือตาเด็กก็ตามที ที่มองไม่เห็น เช่น เชื่อโรค
แต่ยังมีกล้องจุลทรรน์ยังตามไปเห็นกันได้

แต่นาม ได้แก่ สติ จิต หรือความทุกข์ ความสุข หน้าตามันเป็นอย่างไร
พวกเราเอากล้องที่ว่ามานั้น ส่องดูกันได้ไหม๊?
เห็นไหม๊ คำตอบว่าไม่ได้
ฉะนั้นพวกเราจะต้องใช้วิชาของพระพุทธองค์มาเรียนรู้
เริ่มจากกรรมฐาน 40 กองก่อนนะ
นี่แค่เป็นอุบายทำให้จิตคนเรานิ่งกันเฉยๆนะ มีตั้งเพี๊ยบ
นี่ยังไม่ได้นับว่า กองไหนจะถูกจริตตนเองอีก
หากันเข้าไป แต่ถ้าใครหา ใครสารมารถปฎิบัติจิตเกาะพระนี้กันได้
ก็ถือว่ายังโชคดีกว่าคนอื่นมากๆ

(ขอขั้นเวลา สำหรับจิตบุญว่า ได้โปรดอย่าไปติดสุขจากฌาน ให้ทำสติมากๆจะได้ปัญญาเยอะ
และปัญญานี้แหล่ะ จะเป็นตัวขุดจิตที่กำลังติดสุขจากฌานนั้น
เพราะมันติดจริงๆนะเหมือนคนเสพยา ติดเหล้า คือมันเลิกยากจริง
เพราะฉะนั้น ฝึกเจริญให้มาก+กระทำอย่างต่อเนื่องด้วย
ถ้าไม่อย่างนั้น จิตจะติดสูขอยู่แบบนั้น ติดเฉย ติดสุข
เมื่อมีปัญญาขุดขึ้นมาได้กันได้ ให้นำจิตไปชน คือให้จิตไปรับรู้เรื่องต่างๆที่พวกเราเจอปัญหาทุกอย่าง
ตามปกติที่เคยเป็นมาอยู่นั้น แล้วใส่ปัญญาเข้าไปหักล้างเอง
และดูมันสิว่า เมื่อเรานำจิตไปชนแล้ว ผลลัพธ์มันจะออกมารูปแบบไหน
ทุกข์ สุข หรือว่าเฉยๆ
แต่ถ้าคำตอบสุดท้ายนี้จะดีมากๆ คือเราเห็นตามความเป็นจริงดั่งธรรมนั้นๆแล้ว
นำจิตออกมาชนกับสิ่งที่กระทบจิตนะ แต่ไม่ใช่นำจิตไปวิ่งกระทบสิ่งอื่นๆ
อันนั้นเขาเรียกว่า แสไปหาเรื่องเอง อยู่ดีไม่ว่าดี...เอิ๊กๆ)

สรุปแล้วผมก็ยังไม่ได้คุยกับครูเพ็ญอีกหรอนี่ จบๆ
สงสัยช่วงนี้ครูเพ็ญอารมณ์ดีแร๊ะ พวกเราส่งการบ้านเยอะๆเลย
วิ่งชนครูเพ็ญแรงๆ...อิอิ
เพราะจิตครูเพ็ญกำลังอยู่ในช่วงวิปัสสนาญาณ
ตอธรรมะกำลังผุด รีบๆหน่อย ก่อนจิตครูจะต่ำกว่าฌาน
ถ้าต่ำแล้ว ครูจะตอบการบ้านพวกเราไม่ได้
เอิ๊กๆ

 

สาธุ๊ ขออนุโมทนาบุญกับจิตบุญดวงที่ 43 เจ้าค๊าา คือ คุณปลื้มนะค่ะ และขออนุโมทนาบุญกับคุณครูจิตบุญทุกๆ ท่านค่ะ สาธุ

 

สาธุ อนุโมทนาบุญกับธรรมมาทานนี้ค่ะ คุณหมอ เกษก็เหมือนกันค่ะ เมื่อก่อนต้องมีรูปภาพท่านพ่อมาตั้งไว้ให้เห็น แต่ตอนนี้พิมพ์แค่คำว่า ท่านพ่อ มาแปะไว้ก็เห็นภาพท่านขึ้นมาแล้วค่ะ สาธุ๊ ท่านพ่อช่วยลูกด้วยเจ้าค๊า...

 

โอ่ย ตาลาย ๑.๑
ก่อนหลับอย่าลืมนึกถึงพระกันนะ
ก่อนลืมตาก็ให้ส่งจิตไปหาพระก่อนนะ
ราตรีสวัสดิ์เจ้าค่ะ สาธุ

 

โฮ๊ยยยย...เหนื่อย อ่านไปกระโดดไป ขอต่อยอดเลยแล้วกันค่ะ ..เหนื่อย สังขารไม่เที่ยง

นั่งอ่านเฉยๆมันก็เหนื่อย

กำหนดภาพพระ แต่ ถ้ามันกลับมาที่อานาปา ก็ ให้กลับมาที่พระ เหมือนตอนที่เราฝึกอานาปาใหม่ๆใช่ไหมคะ ทำเลยแล้วกันค่ะ ติดตรงไหนจะเข้ามาถาม ขอบคุณน้อง Dhammanee มากจ้ะ ที่ส่งข้อความมาชวน

บางที ฝึกสมาธิอย่างใดอย่างหนึ่งนานๆ มันก็เฝือ ต้องหาตัวช่วยกันแบบนี้เองมั้งคะ