เพราะความที่ไม่รู้ธรรมจริงจึงโดนหลอกจนเกือบตาย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Supop, 29 สิงหาคม 2012.

  1. uิwwิnา

    uิwwิnา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +146
    อย่าไปรังเกียรติมาร (ถ้าคนเป็นนะ) แต่ควรที่จะสงเคาะ

    สงเคาะ...สังเคราะห์ให้เป็นมารเต็มสูบ นั่นแหละจุด และอีกจุด (^_-)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 กันยายน 2012
  2. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    สู้กับมาร แพ้ ก็เข้าทางมาร...
    ชนะ ได้มานะเพิ่ม...
    เฝ้ามองดูการเกิดดับ...ได้ปัญญา
    แผ่เมตตา...ได้กุศล โปรดทั้งมารภายนอกและมารภายใน
    ไม่มีจิตดวงใดปรารถนาจะเป็นมาร...แต่เป็นมารเพราะอวิชชา
    แม้เราทั้งหลายก็เคยเป็นมาร...
    ไม่เช่นนั้นแล้ว จะมีกิเลสมารสะสมในอนุสัยได้หรือ...
    สังสารวัฏนี้ไม่มีความเที่ยง...
    มารกลับใจก็กลายเป็นพระ พระหลงผิดก็กลายเป็นมาร....
    ...เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก...
     
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    นึกถึงหนังจีนเลยวุ๊ย
    ฝ่ายธรรมมะชอบ ต่อว่าฝ่ายมาร
    ทั้งๆที่มารตัวจริง คือฝ่ายที่ต่อว่า​
     
  4. shaman loseless

    shaman loseless เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +185
    พระพุทธเจ้าถึงได้สอนไว้ว่าอย่าเชื่อเพราะครูบอกถ้ายังไม่ได้ปฏิบัติและเห็นว่าดีจริง

    สิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้อาจจะทำร้ายจิตใจของใครหลายๆคนนะครับ
    1 )ถ้าพระพุทธเจ้าเข้านิพพานไปแล้วยังกลับมาสอนพวกเราได้ แล้วการตายจะมีความหมายอะไร จริงไม่จริง (ศาสนาเราเชื่อเรื่องวิญญาณอยู่แล้ว)
    2)อีกอย่างถ้ากลับมาสอนพวกเราได้ แล้วจะมีพระพุทธเจ้าหลายองค์ไปทำไม
    จริงไม่จริง
    3)สรุปก็คือ ทั้งพระอรหันต์จริงๆกับพระพุทธเจ้าเมื่อเข้าพระนิพานไแล้วจะไม่สามารถมาหามาสอนใครบนโลกได้อีกต่อไป ไม่งั้น ถ้าท่านยังห่วงที่จะสอนเราขนาดนั้นท่านคงเข้านิพพานไม่ได้หรอก
    4) ใครที่บอกว่าเห็นพระพุทธเจ้าหรือพระอริยสงฆ์(ที่นิพานไปแล้ว)มาสอนมาหา คุณโดนมารหลอกแล้วครับ

    ส่วนเรื่องพระพุทธเจ้าของดาวอื่นๆที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ยังไม่เข้านิพพานมาหาอันนี้พอเป็นไปได้
    เพราะหมื่นจักวาลมีพระพุทธเจ้าได้หนึ่งองค์ หมื่นจักวาลอื่นๆตอนนี้ผมเชื่อว่ายังมีพระพุทธเจ้าที่มีชีวิตอยู่นะตอนนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กันยายน 2012
  5. rawats_99

    rawats_99 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,947
    ก็เดินตามทางที่องค์บรมศาสดาเดินสิ่ครับใช้ทางนั้นเป็นทางสายเอก....ไม่น่าจะผิดพลาดจากเป้าหมายน่ะ....เท่าที่อ่านๆมา....พิจารณาได้ว่ามารสบช่องเพราะเรายังมีช่องให้สบ...คือตัณหา(ความอยาก) วิภาวะตัณหา(ความไม่อยาก)ทางที่ดีก็อยู่ใกล้ๆครูบาอาจารย์ที่เป็นผู้ทรงคุณจริงๆ...ท่านจะได้สอบอารมณ์ได้หรือแก้ไขให้ได้...แต่พระธรรมของพระพุทธเจ้าก็คือตัวแทนของพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว....ใช้เป็นแนวทางได้เว้นแต่...ไม่ได้ศึกษา.....
     
  6. pmntr

    pmntr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +2,244
    ที่บอกว่าพวกเขาอ่านใจเราไม่ได้ อย่าไปเชื่อครับ ผมเชื่อว่าเขาอ่านใจได้แน่นอน เพียงแต่เขาทำได้ตามกฏของกรรมเท่านั้น จำไว้ครับว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎนี้สักผู้เดียว ส่วนท่านที่อยู่เหนือขันธ์ 5 ก็ยอมรับกฎของกรรม
    เราทำได้เพียง แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล และยอมรับความเป็นจริงให้ได้จริง ๆ เท่านั้น
    หากโกรธเราก็แพ้
    หากหลงเราก็แพ้
    หากอยากเราก็แพ้
    ผมให้กำลังใจนะครับ
    ถ้าเข้ามาตามทางที่ถูกแล้ว อย่าออกนอกทางอีกนะครับ
    แต่ก็แพ้เขามาหลายชาติแล้ว ชาตินี้เอาให้ได้นะครับ ไม่แน่ใจว่าจะตัดสั้น หรือจะต่อยาว

    ส่วนเรื่องนิมิต ก็แล้วแต่ ว่าจะเชื่อหรือไม่ อย่างประโยค
    "พอเราเห็นอย่างที่พระพุทธองค์ท่านเห็น พระพุทธองค์ก็เสด็จมาอนุโมทนา"
    "สิ่งที่เห็นนั้นจริง แต่สิ่งที่เห็นนั้นไม่จริง"
    บางประโยคดูขัดแย้ง แต่จริง ๆ ไม่ใช่ ไม่ได้ขัดแย้งเลยสักนิด
    คนเรามักจับแพะชนแกะ เอาแต่ท่อนที่ตนเองชอบ มาสนองตัณหา
    เรื่องพวกนี้ครูบาอาจารย์หลาย ๆ องค์ท่านก็ประสบมา คิดว่าไปหาเอาเองจะดีกว่า เราไม่ดีเท่าท่านอย่าได้ไปเที่ยวบอกว่า ใช่หรือไม่ใช่ หาเหาใส่หัวแท้ ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2012
  7. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ต่อนะครับ

    จากที่ผมได้บอกไปแล้วว่า พวกเขาต้องการแค่บุญจากการปฏิบัติธรรม และพระธรรม พวกเขาชอบฟังธรรมและคุยธรรม ซึ่งจะเป็นอานิสงค์ให้แก่ตัวเขาเองด้วย

    พวกผมก็เลยลองคุยกับพวกเขาดู (จริงผมตั้งใจจะดูว่าพวกเขามีความสูงขนาดไหน เป็นพวกสัมภเวสีทั่วไปหรือไม่ ธรรมของพวกเขาเป็นอย่างไร และที่สำคัญคือ ไหนๆก็อยู่ด้วยกันแล้วก็คุยกันไปเลย)

    และแน่นอนพวกเขาวิเคราะห์พวกเราออกหมด ตั้งแต่เด็กกันเลยทีเดียว และธรรมของพวกเขาก็มีหลายอย่างที่ตรงกับคำของครูบาอาจารย์บ้าง พระไตรปิฏกบ้าง และบางธรรมก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จอย่างไร แต่ผมก็เลือกที่ตรงกับคำครูบาอาจารย์ไว้ก่อน และก็มีลงไปบ้างแล้วในบางกระทู้ที่ผมเข้าไปเสวนาด้วย และพวกเขาจะเน้นธรรมแม้ธรรมนั้นผมก็รู้อยู่แล้ว แต่พวกเขาก็เน้นเพื่อให้ระลึกไว้เสมอ

    ตรงนี้ผมขอบอกไว้ก่อนว่า ไม่ได้มีแต่การคุยกันในสมาธิเท่านั้น แต่มีการคุยผ่านร่างกันด้วย

    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ

    ส่วนมากเขาจะเน้นที่จุดอ่อนจุดด้อยของแต่ละคนว่ายังไม่ดีที่ตรงไหน ควรทำอย่างไร (ผมจะขอเล่าเฉพาะในส่วนของผมนะครับ) ซึ่งของผมนั้นยังมีจุดด้อยที่การพิจารณายังไม่ละเอียดยังไม่ลึก ขาดความตั้งใจมั่นอย่างแท้จริง พิจารณาไปหน่อยก็เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นต่อเสียแล้ว ไม่ยอมทำให้จบเป็นเรื่องๆไป และยังมีการปรามาสในพระรัตนตรัยอยู่ การปรามาสพระรัตนตรัยของพวกเขาในที่นี้คือ รวมถึงการลังเลสงสัยด้วย การดูถูกธรรมแม้ธรรมที่ผู้อื่นแสดง โดยที่เรายังไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ถูกหรือผิด ก็กล่าวหาว่าเป็นธรรมไม่จริงเสียแล้ว คือพวกเขาจะรวมแม้ข้อรายละเอียดเล็กๆที่ผมไม่เคยนึกถึงเลย

    -การปฏิบัติต้องทำให้จริงทำให้ถึงที่สุด ไม่เหลาะแหละเหลวไหลไม่ทีเล่นทีจริง ต้องทำให้จริงถึงจะได้ของจริง รู้จริง การพิจารณาก็ต้องพิจารณาให้จริงให้ถึงที่สุดของปัญญาของเราที่จะทำได้ ต้องทำให้ละเอียดให้ลึกให้ชัด แม้ธรรมเพียงข้อเดียวก็ทำให้หลุดพ้นได้ ถ้าทำจริง

    -ต้องพยายามตั้งมั่นในอารมณ์ไม่ว่าจะทำสิ่งใด เช่น การฟังธรรมก็ต้องตั้งใจฟังธรรม ใคร่ครวญในธรรมนั้นๆ เราก็จะได้ธรรม (ตรงนี้ผมนั้น เมื่อก่อนผมชอบฟังธรรมหรือสวดมนต์เพื่อเข้าสมาธิอย่างเดียวไม่ได้ฟังเพื่อให้รู้ธรรม เลยโดนเตือนไปด้วย) การได้สมาธิจากการฟังธรรมเป็นผลต่อเนื่องแต่ผลหลักคือได้รู้ในพระธรรมนั้นๆที่เราฟัง

    -จงทำใจให้เป็นกลางไม่ยึดติดและทิ้งขว้างในสิ่งใด ไม่เร่งไม่เฉื่อย ฯลฯ (ง่ายๆก็คือตรงกลางของทุกสิ่งนั่นเอง)

    -และอย่าได้ดูถูกธรรมของผู้ใดไม่ว่าผู้ใดจะแสดงธรรม จงใช้สติและปัญญาพิจารณาให้มาก (และบทสรุปคืออยู่ตรงกลาง)

    -อย่าได้มั่นใจว่าจะไม่พึ่งใครแน่นอน แล้วก็ไม่เคารพใครๆและดูถูกดูหมิ่น จงอย่าเป็นผู้ที่เย่อหยิ่งจองหองในตน จงนอบน้อมถ่อมตนให้สมกับที่เป็นผู้ปฏิบัติ (ตรงนี้รวมความหมายถึงว่าแม้เราจะมั่นแต่ในพระรัตนตรัย ก็อย่าได้ดูถูกกล่าวหาว่าร้ายเทพเทวดาทั้งหลายด้วย และผมเองก็เคยดูถูกไว้เหมือนกัน คือผมมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพียงอย่างเดียว อย่างอื่นผมดูถูกหมด ก็เลยโดนเตือนตรงนี้ด้วย)


    -เรื่องของศาสนาก็เหมือนกัน อย่าได้กล่าวหาว่าร้ายหรือจงเกลียดจงชังในศาสนาอื่นที่มิใช่ศาสนาพุทธ เพราะแน่นอนว่าหลักคำสอนของแต่ละศาสนานั้นล้วนแล้วแต่สอนให้ทำดี มีเพียงแต่ตัวบุคคลเท่านั้นที่กระทำไม่ดี มิใช่ศาสนา (บอกตามตรงผมเองเมื่อไปเจอคนในศาสนาอื่นว่าร้ายให้ศาสนาพุทธ ผมเองก็ด่าพวกนั้นไปทั้งศาสนาเลยเช่นกัน)

    -เรื่องของวาระก็เช่นกัน ถึงใครจะอยากทดสอบเรามากขนาดไหน ถ้าวาระจิตเราไม่ถึง เขาก็มาไม่ได้ หรือการสอนธรรมก็เช่นกัน ต่อให้ใครอยากมาสอนขนาดไหน แต่ถ้าวาระจิตเราไม่ถึงเขาก็มาสอนเราไม่ได้ มันจึงเป็นเรื่องของวาระด้วย

    และเขาก็เน้นว่า ถ้าสงสัยในการปฏิบัติอะไรติดข้องตรงไหน หรือจะหาแนวทางปฏิบัติ ก็ให้เข้าหาครูบาอาจารย์ที่เราเคารพ หรือเอาคำสอนของท่านมาเป็นแนวปฏิบัติจะดีที่สุด (ตรงนี้เป็นเพราะพวกผมไม่เชื่อพวกเขาด้วย เขาเลยบอกมาอย่างนั้น)

    และเขาก็แนะนำในเรื่องฤทธิ์ให้ผมว่า ก่อนจะแนะนำนั้นเขาสอนให้ผมเข้าไปดูวาระจิตตัวเองอีกแบบหนึ่ง (รวมทั้งการเข้าไปค้นคว้าจิตตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นอดีตชาติที่ผ่านมา หรือวาระจิตปัจจุบัน และตามที่ผมได้เคยไปดูอดีตชาติของตัวเองบ่อยครั้ง บอกได้เลยว่า จะไม่ได้แค่เห็นรูปนิมิตเท่านั้น แต่อารมณ์จริตนิสัยในตอนนั้นมาหมด) ซึ่งเป็นวิธีที่เห็นได้ชัดที่สุด และสามารถดูคนอื่นได้ดีด้วย

    แต่เขาเตือนว่า อย่าไปดูใครให้บ่อยนัก ให้ดูเท่าที่จำเป็นในเวลาสำคัญ เพราะถ้าเราเข้าไปดูบ่อยๆ จิตมันจะเชื่อมกันผูกพันธ์กัน คือจิตเราจะไปคอยเกาะเกี่ยวเขา เหมือนอย่างที่เราชอบทำอะไรก็จะทำอยู่แต่อย่างนั้น หรือเคยไหมที่อยู่ๆก็นึกถึงคนนั้นคนนี้ขึ้นมา อย่างนั้นแหละ มันจะเป็นการสร้างภพของเราต่อไปอีก

    เมื่อเขาสอนผมเช่นนี้ ผมก็เลยเกิดการรู้เห็นว่า นี่เองที่ครูบาอาจารย์ท่านเตือนให้ระวังการติดในฤทธิ์ เพราะว่ามันจะเป็นการสร้างภพสร้างชาติของเราต่อไปอีก ฤทธิ์หน่ะมีแต่ไม่ติดคืออย่างนี้นี่เอง

    ผมก็เลยเริ่มปลงในเรื่องฤทธิ์

    และในเรื่องของกายผมเองก็เริ่มจะเห็นความจริงแล้วว่ามันไม่ใช่ของเราจริงๆ เพราะจากประสบการณ์ที่เจอนี้ทำให้รู้ว่าใครๆก็เข้ามาได้ ไม่ใช่เราแน่และเราก็ไม่ได้เป็นเจ้าของครองอยู่คนเดียว และเมื่อเขาเข้ามาแล้ว จะทำอะไรกับกายเราก็ได้ (เอาหน่ะรายละเอียดของการพิจารณาของผมคงไม่ต้องเล่าแล้วหล่ะ)

    สุดท้ายจึงมาจบที่เราอยู่ตรงกลาง ผมปฏิบัติแบบอยู่ตรงกลาง การรู้และปล่อยวาง ตอนนี้เป็นหลักพิจารณาของผมครับ

    เอาเท่านี้ก่อนนะครับ

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2012
  8. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ขออนุโมทนาในธรรมของทุกท่านครับ และขอขอบคุณในคำเตือนต่างๆด้วยครับ

    จากประสบการณ์นี้ทำให้ผมมีความก้าวหน้าในสมาธิ และในทางธรรมแบบก้าวกระโดด ผมจึงถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับผมจริงๆ ถ้าไม่โดนทดสอบเช่นนี้ ผมเองก็คงไม่รู้ความจริงของตัวเอง และไม่มีการพัฒนามาขนาดนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร ในใจส่วนลึกของผมก็ขอบคุณพวกเขาอยู่นะครับ

    การทดสอบนี้แหละที่จะช่วยบอกได้ว่า เรายึดมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขนาดไหน เราตั้งใจมากแค่ไหนที่อยากจะหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้

    เคยมีคำครูบาอาจารย์กล่าวไว้ว่า การโดนทดสอบนั้น ถ้าเราไม่ได้ตั้งใจจริง เราไม่ผ่าน เรายอมแพ้ เขาก็จะไม่มาทดสอบเราอีกเลย (ขออภัยที่ผมจำไม่ได้ว่าเป็นคำกล่าวของครูบาอาจารย์ท่านใด)

    และเพราะการทดสอบนี้เองที่ทำให้ผมรู้แล้วว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านเมตตาสอนมานั้น เป็นหนทางที่ถูกต้องที่สุดดีที่สุด ถึงแม้ว่าเราจะถูกทดสอบเช่นไร เราก็มีหนทางที่ถูกต้องให้ยึดถือไว้ได้ไม่เอนเอียงเหมือนอย่างที่ผมโดนจนเอียงเกือบจะคว่ำ เพราะปฏิบัติโดยที่ไม่มีครูบาอาจรย์ และไม่ค่อยได้อ่านพระธรรม

    และเรื่องของนิมิตอย่างที่ครูบาอาจารย์เคยสอนเคยเตือน ผมก็เข้าใจแล้ว ถึงผมจะเข้าไปดูนู่นนี่นั่นบ้าง แต่ก็ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่นเหมือนเคยอีกแล้ว

    และข้อความอาจจะดูวกวนไปหน่อย เนื่องด้วยผมไม่ได้เรียบเรียงคำไว้ก่อน นึกถึงตอนไหนก็พิมพ์เลย ก็เลยวกไปวนมาอยู่ซักหน่อย

    จริงๆมีอีกเยอะ ที่คุยและที่เค้าหลอกต่อๆมาอีก แต่ผมก็ใช้การพิจารณาเอาและตั้งจิตไว้ตรงกลาง เพราะมีประสบการณ์มาแล้วด้วย

    ขอให้เจริญในธรรมครับทุกท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2012
  9. shaman loseless

    shaman loseless เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +185
    ว่าไปผมก็เคยโดนทดสอบอยู่เหมือนกัน ตอนแรกๆก็ไม่รู้หรอกว่าโดนทดสอบจิต
    คือตอนนั้นเขามาทดสอบอารมณ์โกรธละมั้ง ก็ฝันว่ามีคนเอามีดโกนใบใหญ่มาไล่ฟันผม
    แผลเต็มตัวเลย ผมก็จัดกลับคืนไป แล้วจู่ๆก็มีเสียงดังมาจากไหนไม่รู้ บอกว่าพอแล้วๆ
    น้ำเสียงเหมือนกรรมการตัดสินเลย แต่ผมไม่รู้หรอกว่าผมผ่านหรือปล่าว
     
  10. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ตามนิมิต ตามอุปาทานไปเต็มๆ เลยท่าน...
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,441
    ค่าพลัง:
    +35,042
    ใช่คับตามตัวหนังสือสีแดงครับ..สิ่งที่คุณพูดถูกสำหรับคุณเลยครับ...
    มีอยู่ 3 คนครับที่ตอนมีชีวิตคิดเหมือนๆหรือคล้ายคุณมากเลยครับ..พอเสียชีวิต..บังเอิญ...ว่าผมมีโอกาสได้พบและได้ช่วยเหลือดวงวิญญานเค้า..2 คนแรกยังไม่เท่าไรคับ..แค่ งงๆ.เพราะอายุมากแล้ว.แล้วก็พบกับความเปลี่ยนแปลงกับสิ่งที่ได้พบ..คนที่ 3 นั่งร้องไห้เดินรอบๆ..ร่างกายตัวเองอยู่ 2 วัน
    ..แม้แต่เรื่องอุทิศส่วนกุศลก็ยังไม่เชื่อว่าทำได้จริง..ทุกวันนี้เค้าก็แบ่งบุญให้..ดวงวิญญานเร่ร่อนอื่นๆอยู่..อย่างว่าหละครับ..เรื่องแบบนี้เขียนมาตั้ง 2500 กว่าปียังมีคนคิดทำนองนี้อยู่ หาว่าเป็นเรื่องในจินตนาการบ้าง เรื่องอุปโลกน์ล่วงโลกบ้าง.ทั้งที่พระอริยะเจ้าหลายๆท่านก็ได้กล่าวไปแล้วว่าอะไรเป็นอะไร....ก็แปลกดีครับ..บางคนคิดว่าตายไปก็ดับสูญ..วิญญานไม่มีจริง..แต่ก็กลัวผีเวลาไปอยู่ป่าช้าคนเดียว.แต่ที่เขียนผมไม่ได้ว่าความคิดคุณผิด ณ ครับ..คุณก็แสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ตามระดับบารมีที่คุณได้สะสมมา...แต่สิ่งที่เหมือนกันทั้งสามคนที่ผมบอกได้ก็คือ....รู้เมื่อสายเกินไป..
    ส่วนคุณก็สุดแล้วแต่จะพิจารณาแล้วกัน
     
  12. uิwwิnา

    uิwwิnา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +146

    นั่นแหละ วิถีแห่งมาน ก็ต้องมีบ้างที่ใช้ หลักจิตวิทยาชั้นต้น
    คราวนี้ไม่ต้องไปสังกงสังเกตุวิถีอะไรมากมาย
    เพราะเริ่มชัด แปลกแยกได้ แต่คอยดู...คอยดูนะ

    จะมีสภาวะ...สภาวะแจม เรื่อยๆมาไรเรียง

    บางลักษณะจะมาแบบโลดโผน บางลักษณะจะมาแบบเหนียมๆ ก็มี

    แต่ก็น่าเห็นใจเจงๆ สู้ต่อไป นั่งยิ้มแม้แค่เหลือ ชูสองนิ้ว เพราะมันคืออุปาทาน

    แต่ควรจะยัดสั่งสมในสิ่งที่ชอบ "สั่งสมอบรม..ในสิ่งที่ควรเพียร" แล้วจะไม่เปลี่ยนศรี ^^ <IMG src='http://www.dhammajak.net/board/images/smiles/cheesy.gif' width=20>

    <IMG src='http://image.free.in.th/z/iw/0thankyou.jpg' width=100>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กันยายน 2012
  13. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    :cool:({) ขอบคุณครับ ที่เตือน ผมก็ได้บอกไปแล้ว มันไม่ใช่ของผม และผมก็ไม่เป็น เลย เรื่องหมอดงหมอดู อะไรเนี่ย เจ้าตัวเขาก็มาลบเอง ผมให้เขาแปะ เพราะมีคุณต่อกัน ไม่นึกว่า จะมีโทษ ถึงเพียงนี้นะ และคนแกล้ง ถึงขนาดนี้ ต้องขอโทษจริงๆ นี่แหละ ผมถือว่าเป็นกรรมของผมเอง คิดไปไม่ถึง ว่าคนเรา มีตั้ง ๔ เหล่า ถ้าไม่ถูกใจใครอีกหลายๆคนต้องอภัยด้วยครับ:cool:
     
  14. Archeopteric

    Archeopteric Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +53
    เขาพูดถึงเรื่องนิพพานครับว่านิพพานแล้วกลับมาไม่ได้
    ไอ้ที่คุณยกมานั่นมันคนไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ ไม่เชื่อเรื่องนรก สวรรค์แล้ว
    อ่านแล้ว งงเลย
     
  15. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระรัตนตรัยนี้เป็นที่พึ่งอันศักดิ์สิทธิ์ แก่ผู้ถือมั่นเชื่อมั่น
    และกระทำให้เกิดขึ้นพร้อมทั้งกาย วาจา จิต คือให้เห็นคุณพระพุทธ
    พระธรรม พระสงฆ์ ในจิตจริงๆ เดี๋ยวนี้คนเราโดยส่วนมาก ก็แต่
    นึกเห็นแต่ชั้นปริยัติไม่ค่อยปฏิบัติให้ถึงปฏิเวธ ถึงพระสงฆ์ก็เสมอ
    เห็นโกนผมห่มเหลืองเท่านั้น ถ้าถึงกันเสมอเท่านี้ก็ไม่อาจจะปิด
    อบายได้ ฉะนั้นผู้นับถือจริง ๆ แล้ว จงให้เข้าถึงจิตใจ จึงจะเป็นผู้
    เชื่อมั่นไม่งมงาย อีกนัยหนึ่งแก้ว ๓ ประการนี้ ถ้าใครเชื่อมั่นด้วย
    ดีแล้ว จักกันภัยที่ตนหวาดเสียวได้จริงๆ ในปัจจุบันนี้คนเรา
    โดยมาก ความรู้ความเห็นเลยของดีไปเสีย เพราะยังตื่นข่าวกันไป
    ต่างๆ ถ้าเอะอะลืมพระรัตนตรัยแล้ว ขนลุกตาใสใบหูชัน หวั่นไหว
    ไปเหมือนกระต่ายตื่นตูม วิ่งไปกระโดดไป ฉะนั้น พูดถึงข้างหน้า
    ถ้าใครๆ มีความเชื่อมั่นแล้วในจิตใจ บุคคลผู้นั้นชื่อว่าได้ที่พึ่งอัน
    ประเสริฐ จักไม่ไปเกิดในอบายภูมิ ๔ เป็นอันเด็ดขาด

    หนังสือเรื่องจิตตวิชชา ท่านพ่อลี
     
  16. Allymcbe222

    Allymcbe222 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +1,445
    4) ใครที่บอกว่าเห็นพระพุทธเจ้าหรือพระอริยสงฆ์(ที่นิพานไปแล้ว)มาสอนมาหา คุณโดนมารหลอกแล้วครับ

    นี่แหละ ปัญหาใหญ่ที่สุดของพระพุทธศาสนาช่วงกึ่งพุทธกาล
    แต่เอ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
    แบบนั้นหลวงปู่มั่นท่านก็โดนมารหลอกกับเขาด้วยซิ
    ตรงนี้ต้องระวังให้มากๆเลยนะครับ
    มารแปลงเป็นพระพุทธเจ้าได้จริง
    แต่อย่าเหมาไปเสียหมด ว่าคนที่เห็นพระพุทธเจ้า ต้องโดนมารหลอกเสมอเท่านั้น
     
  17. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เอาไว้เป็นข้อสังเกตุอย่างหนึ่งได้

    1.อยู่ในช่วงฝึกฝน
    2.สมกับคำที่ว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    ท่านใดเห็นธรรมแล้ว ก็อนุโมทนาด้วย
     
  18. ธรรมานุภาพ

    ธรรมานุภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +122
    ^^
    นั่นสิครับ หลวงปู่มั่นเป็นแม่ทัพธรรมพระป่ากรรมฐานที่มีลูกศิษย์เป็นพระหลายองค์มาก ที่หลวงตามหาบัวกล่าวว่า "ดวงจิตนี้ไม่เคยสูญ แดนพระนิพพานมีจริง หลวงปู่มั่นเล่าว่า พระพุทธเจ้าหลายพระองค์เสด็จมาเยี่ยมท่าน" แล้วมารจะหลอกท่านได้หรือ เป็นอุปาทานของหลวงปู่มั่นเองได้หรือ พระพุทธเจ้าหลายพระองค์เสด็จมาเยี่ยมท่าน นี่หมายความว่า ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวหรือเปล่า ก็น่าคิดอยู่นะ เรื่องนิมิตเนี่ย วิธีแก้ปัญหาเรื่องนิมิตว่าจริงไหม ต้องได้กสิณกองใดกองหนึ่งก่อน แล้วอธิษฐานใช้ผลของกสิณกองนั้นดู ถ้าใช้ได้ก็ผ่าน แล้วเอามาตรวจนิมิตที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้าอีกที จะให้ผลดีกว่า...
    เจริญในธรรมทุกท่าน สาธุ.
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,441
    ค่าพลัง:
    +35,042
    คับๆ อย่า งงเลยคับก็บอกแล้วว่ากลุ่มนั้นเค้าคิดเหมือนๆหรือคล้ายคุณ ความหมายก็คือ คิดแบบคุณทั้ง 4 ข้อนั้นหละคับ..ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยที่มีคนเคยบอกเคยเล่า.ก็แตกต่างจากที่คุณแสดงมาทั้ง 4 ข้อนั้นหละครับ..ไม่มีอะไรหรอกครับ..ผมแค่เพียงแต่เล่าให้ฟังเฉยๆ..
    ขอบคุณครับ..
     
  20. rawats_99

    rawats_99 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,947
    เรื่องนิพพาน....มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรคิดด้วยตรรกะ...แต่เข้าถึงได้โดยการปฏิบัติตามแนวทางที่มีมรรคเป็นองค์แปดนั้นประกอบอยู่...จิตไม่ตาย...พลังงานไม่สูญหายแต่เปลี่ยนรูปได้พระพุทธเจ้าจะไปโปรดทุกคนก็ไม่ใช้งานของท่าน...ท่านสงเคราะห์คนที่ควร...เพราะมันก็เป็นกฏแ่ห่งกรรมด้วยเหมือนกัน...เดินให้ถูกทางเถอะแล้วก็รู้เองว่า..นิพพานคืออะไรเพราะเอาแต่คิดไม่มีประโยชน์อะไร
     

แชร์หน้านี้

Loading...