** ฉันทะ ** วัตถุมงคล หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา **

อยู่คนละเส้นทางครับ คุณเฉลิมชัย ของหลวงปู่อุทัยต้องแยกจากเส้นธนรัตน์ ที่บริเวณหน้าด่านอุทยานฯ เลี้ยวซ้ายไปทางวังน้ำเขียว ไปอีกประมาณ 24 กม. เลยวัดมงกุฏคิริวันไปอีกเล็กน้อยครับ

ส่วนภาพนี้..อยู่ใกล้กว่าเยอะ อยู่ต้นทางธนรัตน์นี้เอง บริเวณกม.ที่ 9 ถือว่าอยู่ในโซนค่อนข้างเซนเตอร์ จะเจริญกว่าด้านนั้นครับ

จากจุดนี้ไปวัดหลวงปูอุทัยก็เพียงประมาณ 40 กม. สำหรับต่างจังหวัดถือว่าใกล้มาก ขับรถเพียงสักไม่ถึงครึ่งชม. ก็ถึงแล้วครับ

 

ครับ..แต่ต้องเป็นที่ดินที่ถูกต้อง มีเอกสารสิทธิ์น่ะครับ ที่ดินที่เป็นที่ป่า ที่เขาชอบบุกรุกกัน ผมอยู่ที่นั้นค่อนข้างจะแอนตี้มากๆ

เกลียดจัง..!!..ไอ้พวกนายทุนกรุงเทพฯ หรือจากที่ไหนก็ตาม ไปใหม่ๆล่ะชอบนัก อยู่เขาสูงๆ อยู่ติดเขา ลุกที่ป่าเข้าไปเรื่อยๆ เขาสูงๆ ระดับความลาดชันเกินกว่ากฏหมายกำหนด ผมเห็นไถ่กันผืดเป็นทางแดง เป็นเขาหัวโล้นเลย..อ้างว่ามีเอกสารสิทธิ์ที่ดินถูกต้อง นึกแปลกใจมันออกเอกสารมาได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่ความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ และอำนาจท้องถิ่น

 

เห็นด้วยครับ .... ที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็เงียบไปแล้ว ไม่รู้เป็นยังงัยต่อ ... กลับมาเปิดเหมือนเดิมแล้วมั้ง ... ... กรรมของประเทศไทยจริง ๆ เลย

 

หน้าสองหน้าที่ผ่านมา..งั๊ยไปวกเข้าเรื่องที่ดินได้ไม่รู้..เปลี่ยนบรรยากาศจากพระ มาเป็นป่าๆดงๆบ้างเนอะ...

ไหนๆก็วกเข้ามาแล้ว ถือโอกาสฝากความรู้เล็กๆน้อยๆ เรื่องเอกสารสิทธิ์ที่ดินหน่อยน่ะครับ

หลายๆท่านอาจเคยได้ยินคำว่าที่ดินแสดงสิทธิ์ " ภ.บท. 5 " แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร ?

เห็นทำไมวันดีคืนดี..ก็ถูกจับกัน..เป็นคดีอาญาใหญ่โต เหมือนกับที่วังน้ำเขียว ภูเก็ต หรืออีกหลายๆที่ ที่เป็นข่าวดังๆกัน

บางคนอยู่มาดีๆ นานเป็นสิบๆปี เกิดเป็นประเด็นข่าวดังขึ้นมา ก็ไม่แคล้วมีเรื่องมีราว โดนจับโดนรื้อถอนเหมือนกรณีของท่านสุรยุทธ อดีตนายกฯ ที่เขายายเที่ยง เป็นต้น

อันนี้ใครจะซื้อที่ดิน หรือมีพ่อแม่ ญาติพี่น้อง จะไปซื้อที่ดินลักษณะนั้น ให้ระวังมากๆน่ะครับ

เรื่องนี้ความเป็นมายาว..หากให้อธิบายละเอียด คงต้องใช้หน้าเปลืองเป็นหน้าๆ..

สรุปๆก็คือ..คำว่าเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ภ.บท 5 จริงๆไม่มีหรอกครับ

เอกสารสิทธิ์ครอบครองที่ดินตามกฏหมาย จะมีแค่ สค.1 ,นส.3 , นส.3ก. และโฉนดที่ดินเท่านั้นล่ะครับ

ภ.บท. 5 ชื่อเต็มๆ ก็คือ " ใบภาษีบำรุงท้องที่ " หรือถ้าภาษาชาวบ้านเรียกเข้าใจง่ายๆ ก็คือ "ใบแสดงตนเป็นคนดี "

ความหมายก็คือ ที่ดินผืนนั้นตนครอบครองอยู่ แต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น (ที่ดินที่ไม่มีการออกเอกสารสิทธิ์ ตามกฏหมายก็คือ หมายถึงเป็นที่ดินของรัฐ ของแผ่นดิน หรือหน่วยงานของรัฐโดยกรมป่าไม้ฯ หรือกรมอุทยานฯ เป็นผู้ดูแล )

คราวนี้อยู่ไปอยู่มา หน่วยปกครองท้องถิ่น อบต. หรือเทศบาลก็ดี ท่านก็ว่ามาอยู่ที่ดินอของรัฐ หากินบนที่ดินของรัฐ ก็ต้องเสียภาษีให้รัฐซิ จึงอยากได้ภาษีทำกิน ภาษีบำรุงท้องที่ขึ้นมา นัยว่ารายได้ส่วนนี้จัดเก็บมาก็เพื่อเอามาพัฒนาท้องถิ่นตัวเอง ก็ตั้งอัตราการเรียกเก็บว่า ทำกินกี่ไร่ ครอบครองที่ดินไว้กี่ไร่ ต้องเสียภาษีไร่ละเท่าไร ปีละเท่าไร ตั้งป้ายบอกกำหนดระยะเวลาที่ต้องเสียภาษีประจำปี ภายในเดือนนั้น เดือนนี้ ชัดเจนแน่นอน

นี่ล่ะครับ..คือ จุดต้นตอของปัญหา..

อธิบายง่ายๆก็คือ..ชาวบ้านไม่รู้อิโหนเหน่..ไม่รู้กฏหมาย ก็เข้าใจว่า การเสียภาษีให้รัฐ ก็คือ การได้สิทธิ์ในที่ดินโดยปริยาย และสามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรก็ได้ในที่ดินของตน เช่น ปลูกสร้างบ้าน ทำไร่ทำสวน หรือแม้กระทั้งขายต่อเปลี่ยนมือกัน

คราวนี้รัฐก็บอกว่า คุณจะขายต่อไปได้อย่างไร ที่ดินไม่ใช่ของคุณ เป็นของแผ่นดิน และหากที่ดินอยู่ในเขตป่าฯ จะเป็นประเภทป่าต้นน้ำก็ดี ป่าห้ามล่าสัตว์ก็ดี ป่าสงวนก็ดี ป่าอุทยานฯก็ดี ก็จะเจอข้อหาหนักมาก ถือว่าบุกรุกป่า..มีโทษทางอาญาข้อหาหนัก จึงเกิดปัญหาข้อกฏหมายฟ้องร้องกันมากมายระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย อันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ไม่ว่าคุณจะฟ้องได้เงินคืนหรือไม่ นั้นไม่เกี่ยว เพราะที่แน่ๆก็คือ "คุณต้องคืนที่ดินผืนนั้นให้แก่รัฐ มิฉะนั้นก็ต้องยอมติดคุกซะดีๆ..

กรณีดังกล่าว..หากท่านครอบครองมาแต่เดิม ปลูกบ้านหลังเล็กๆ ทำไร่ทำสวนไปตามเรื่อง ซึ่งเรื่องราวลักษณะนี้มีมากมายเป็นแสนเป็นล้านรายทั่วประเทศ ปัจจุบันรัฐก็ปล่อยๆ แกล้งๆปิดตาข้างเดียวไป แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ออกเอกสารสิทธิ์ใดๆให้ เพราะไม่มีกฏหมายใดๆรองรับให้ออกได้ ก็ปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ล่ะ เพราะเป็นปัญหาระดับชาติที่แก้ไขได้ยาก รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยก็พยายามแก้ไข แต่แก้ไม่ได้หรอก ยากมากๆ เป็นเรื่องของคนหมู่มาก มหาศาลทั่วประเทศ กระทบฐานคะแนนเสียงมากมาย

แต่หากที่ดินผืนนั้น วันหนึ่งเกิดความเจริญขึ้น ชาวบ้านเอามาขายให้นายทุน หรือแม้กระทั้งคนกรุงเทพฯธรรมดาๆนี้ล่ะ เกิดไปปลูกบ้านหลังใหญ่ๆสวยๆสักหน่อย หรือ บางท่านก็หนักไปถึงขั้นทำรีสอร์ตเลย..นั่นล่ะ..เสร็จเลยครับ เสียเงินเปล่าๆค่าที่ดินยังไม่ว่า ยังค่าก่อสร้างอื่นๆจิปาถะ หมดเงินไปหลาย แล้ววันหนึ่งก็มาถูกจับติดคุก..โดยไม่รู้อิโหน่อิเน่ ไม่คุ้มกันเลยครับกับการซื้อที่ดินประเภท ภ.บท 5 ที่ไม่ศึกษากันให้เข้าใจอย่างถ่องแท้

และมาตรฐานเลยน่ะ..กำนันก็ดี ผู้ใหญ่บ้านก็ดี อบต.ก็ดี นั่นล่ะตัวดี คำว่า "ซื้อได้ ซื้อได้ ไม่มีปัญหาอะไร ใครๆเขาก็ซื้อกัน ซื้อไม่ได้จะมีไฟฟ้า ประปาเข้ามาเหรอ ดูซิโรงเรียน โรงพยาบาลของรัฐ เขาก็ตั้งกัน ที่ ภ.บท. ทั้งนั้น ไม่เห็นคนอื่นเขามีปัญหากัน " คำๆนี้จะได้ยินประจำจากทุกภาคทั่วประเทศไทย ทั้งนี้ก็เพราะมักมีประโยชน์อื่นๆจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งค่านายหน้าก็ดี รวมถึงการบุกรุกที่ดินว่างเปล่าจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่แล้วเอามาขายต่อให้นายทุน ซึ่งมีผลประโยชน์แอบแผงอยู่มากมายครับ

เมื่อ 3-4 ปีก่อน รัฐบาลส่วนกลาง โดยกระทรวงมหาดไทย จึงได้ออกคำสั่งเลยครับว่า จากนี้ในใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บท 5) ให้ปั้มตรายางลงด้านหลังใบไปเลยว่า " การเสียภาษี มิได้หมายถึง การให้เอกสารสิทธิ์ หรือ การครอบครองใดๆในที่ดิน" แต่ปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนแปลงแล้วในบางพื้นที่ ก็คือ ยกเลิกการเก็บไปเลยทั้งหมด ไม่มีการเสียภาษีประเภทนี้แล้วครับ

สรุปๆ..ก็คือ ถ้าจะซื้อที่ดินประเภท ภ.บท 5 ก็ได้ครับ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า ถ้าซื้ออย่างนั้น ก็เหมือนๆการซื้อสิทธิการครอบครองกันเองเป็นเรื่องส่วนตัวน่ะครับ ไม่เกี่ยวกับกฏหมายใดๆคุ้มครอง และถ้าจะซื้อเพื่อปลูกบ้านหลังน้อยๆ ทำสวนทำไร่ไปตามเรื่อง ใช้ชีวิตสมถะไม่เด่นไม่ดัง ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าคิดว่าซื้อแล้วจะทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวสักหน่อย หรือวันหนึ่งนักการเมือง,นักธุรกิจใหญ่ๆ, ผู้มีอำนาจมีชื่อเสียงมาอยู่ข้างๆ ก็ต้องเตรียมตัวพร้อมรับที่จะมีเรื่องมีราวติดร่างแหไปกับเขาด้วยน่ะ รวมถึงหากคิดว่าวันหนึ่งจะทำเป็นออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินออกโฉนด ออกนส.3 ได้ เพื่อเอาไปขายต่อ เอาไปจดจำนองกับธนาคารได้ กลายเป็นทรัยพ์สินของตนเองโดยถูกต้อง ตามที่ผู้ขายผู้เกี่ยวข้องแต่งเรื่องปั้นเรื่องขึ้นมาขาย เรื่องนี้ต้องขอเรียนว่า "ลืมไปได้เลย" ครับ..

หมายเหตุ : นี่ว่ากันเฉพาะ ภ.บท 5 แบบทั่วๆไปน่ะครับ แต่ถ้าเป็นภ.บท.ที่อยู่ในเขตนิคมฯ ซึ่งมีกฏหมายคุ้มครองมาตั้งแต่เดิม อันนั้นก็ว่ากันอีกที แต่ปัจจุบันเคลสนี้เหลือน้อยมากๆแล้วครับ เอาเฉพาะหลักการใหญ่ๆกันก่อน

ก็เล่าๆให้ฟัง..เป็นความรู้ติดตัวกันครับ

ปล. ห้องเราคุยกันได้ทุกเรื่องครับ ตั้งแต่เรื่องพระเครื่อง ธรรมะ ยันเรื่องสัพเพเหระ ใครมีความรู้ด้านใดก็มาเผยแพร่กันครับ

 

แล้วเรื่อง...หัวใจ....คุยได้ป่าวค๊าบ ท่านพี่ อิอิ

 

อุ้ย มีหลายเรื่องเลยนะครับนี่

 

เรื่องนี้พี่โจไม่ค่อยมีความรู้ครับ ให้ดีต้องไปถามเซียนนิวส์..ขานั้นเขา รักจริงทุกคน..รักแท้ทุกวันครับ...แถมวันละหลายๆหนด้วยน่ะ..สวยๆขาวๆหมวยๆหน่อยไม่ได้..ไม่รู้เป็นไง ขานั้นมันแพ้ขนาด..+5555..(kiss)

 

สวยจังครับพี่โจ เห็นแล้วอยากไปใช้ชีวิตสงบๆอย่างนี้บ้างจังครับ ว่าแต่แถวถนนธนะรัชต์ กม.9 นี่ใช่แถวเรือนไม้งามรีสอร์ทหรือเปล่าอะครับพี่

 

พี่อิฐมอญมีแซวด้วย 5555+
นี่ถ้าพี่โจรับปรึกษาหัวใจนะผมจะรีบถามเลยครับ ว่า......ตอนนี้ว่างมาก ทำไงดีคร้าบบบบพี่ อิอิ

 

555+++
เดี๊ยวเปิดสมาคมคนโสด รักษ์พระเครื่องดีม่ะเจ้าโน๊ต

 

ไม่ดีม้างงงงงงงงง อย่างงี้ผมก็อดเข้าสมาคมด้วยสิครับ:'''(

 

แล้วคนมะโสดละครับ ฮิๆ

 

ดีครับพี่อิฐมอญ ผมขอเสนอตัวเองเป็นประธานชมรมเลย เพราะครองโสดมานานมว๊ากกกกกกก 5555+

 

555+++

ส่งตัวแทนมากก็ได้ครับพี่ มีตั้งสองคน ^__^

 

คนไม่โสดก็ต้อง ช่วยให้คนโสดกลายเป็นคนไม่โสดสิค๊าบ ^______^

งานนี้เจ้าโน๊ต ต้องชอบแน่ 555

 

พี่ sktc เป็นไงบ้างครับ ไม่ได้คุยกันนานเลย ยังยุ่งอยู่ป่าวคับ ผมช่วงนี้ยุ่งเวอร์เลยอ่ะ มีงานอยู่ในมือตอนนี้ 8 โปรเจค แถมลูกค้ายังจะให้งานใหม่อีก กำลังสรุปสเปคกัน ชีพจรลงเท้าน่าดูเลยช่วงนี้ ไม่ได้หยุดมาเดือนนึงล่ะพี่ (สงสัย แมงมุมหลวงปู่สุภาทำงานกันใหญ่) ประกอบกับพระปิดตาหลวงปู่เกษมผงใบลานที่พึ่งนิมนต์ขึ้นคอเพิ่มแน่เลย ลำพังเมตตาของสมเด็จเสด็จนิวัติหลวงปู่ดู่ก็ว่าเย๊อะแล้วนะเนี่ยะ ช่วงนี้งานล้นมือจริงๆ - -"

พี่ได้ไปวัดบ้างป่าวครับช่วงนี้

 

ชอบที่พี่โจเขียนมากๆ

ได้ข้อคิดดีๆเยอะมากๆ ...

ขอบพระคุณครับพี่ที่แชร์ประสบการณ์ของวัยเก๋า 5555+

 

เหอๆ งานเข้าละนะ โสดแต่ไม่โสดสนิท ฮิๆ

 

เอาไป 1,000,000 Like เลยครับพี่อิฐมอญ

 

สูตรเดียวกันเลยครับพี่อิฐมอญ
ตั้งแต่ได้แมงมุมมา งานยุ่งมาก