วจีกรรมทำพิษ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย VictoriaMemie, 2 ตุลาคม 2012.

  1. VictoriaMemie

    VictoriaMemie Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +44
    พอดีมีเรื่องผิดใจกับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง เราไม่ได้โกรธอะไร

    แต่ก็เสียใจที่เขาเข้าใจเราไปอีกอย่างกับที่เราเป็นอยู่น่ะค่ะ

    ก็อยากเล่าไว้เป็นเรื่องเตือนใจให้ใครหลายๆ คนค่ะ

    คือ เพื่อนบอกเราว่า เค้าทำงานบางอย่าง ไม่ได้ ทำงานบางอย่างไม่เป็น

    เราก็เลย mail ไปบอกเพื่อนอีกคนในกลุ่มเดียวกันว่า

    ฝากสอนงานเพื่อนคนนี้หน่อย เค้าทำตรงนี้ไม่ได้

    กลัวเค้าจะลำบาก ถ้าเค้าต้องร่วมงานกับคนอื่นๆ ภายหลัง

    เราเจตนาดี อยากช่วยให้เขาเรียนรู้งานส่วนนั้นที่เขาทำไม่ได้

    กับเพื่อนคนที่ทำงานส่วนนั้นได้เก่งที่สุดในกลุ่ม

    ผลปรากฏว่า เพื่อนคนที่เก่ง กลับคิดว่า เราไปนินทาเพื่อนอีกคนที่ทำงานไม่เป็น

    เอาข้อความที่ส่ง mail ให้เพื่อนอ่าน แล้วตีความกันไปต่างๆ นาๆ
    (ที่ส่ง mail เพราะเงินในมือถือหมดแล้ว)

    อีกทั้งเราก็หวังดีกับเพื่อน อยากให้เพื่อนไม่เครียดกับเรื่องเรียน
    (เพื่อนโทรมาปรึกษา)

    เพราะเพื่อนไม่ค่อยได้เข้าเรียน แล้วจึงมีปัญหาหลังจากที่ขาดเรียน

    ก็เลยบอกเพื่อนว่า อย่าขาดบ่อย ขาดบ่อยๆ ก็มีโอกาสหมดสิทธิสอบเช่นกัน

    หลังจากที่บอกไป เพื่อนก็บอกว่า เราก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเขามากเกินไป

    เขาจะขาดเรียน หรือจะไปธุระที่ไหน ยังไงก็เรื่องของเขา ชีวิตเขา

    แต่ทุกครั้งที่ขาดเรียน เขาก็ผลักภาระงานมาให้ทันที

    แต่เราก็ไม่ได้ว่างมากขนาดนั้น เราก็ต้องทำงานส่วนของเราเช่นกัน

    แรกๆ ก็เหนื่อย หลังๆ มาชักจะขาดบ่อย ภาระงานที่โยนมาเริ่มมากขึ้น

    ทำหน้าที่เสมือนหัวหน้ากลุ่มชั่วคราว จำเป็นต้องแจงงาน ตามงาน รวมงาน

    การแจงงาน แรกๆ เขียน mail บอกแค่ว่า ใครทำอะไร งานต้องส่งเมื่อไหร่

    ก็มีเพื่อนแย่ง ช่วงที่ทำงานกันแทบไม่ทัน คือ ไม่รู้จะต้องจัดลำดับความสำคัญกับงานนั้นยังไง

    บางครั้งก็โทรมาถามรายละเอียดงานเพิ่มเติม เพราะไม่เข้าใจงาน

    หลังจากนั้น ก็มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดใน mail สรุปงาน

    มีทั้ง deadline ลำดับงาน+คำอธิบายอย่างละเอียด

    ผลที่ตามมาหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงก็คือ

    เพื่อนมองว่า เราเป็นคนชอบบังคับคนอื่น ไม่ยอมผ่อนปรน O_O

    ข้อความก็เป็นแค่การแจกแจงงาน+เหตุผลเรื่องกรอบเวลางาน
    (เพราะมีหลายงานซ้อนกัน)

    ซึ่งปกติ ก็มีเพื่อนโทรมาแย้งบ้าง ก็ปรับเวลาได้ ก็ไม่ได้ปรับไม่ได้

    แต่ก็ขอให้เสร็จก่อนกำหนดส่ง เพราะการตรวจงานทั้งฉบับหาคำผิด

    ไม่ใช่เรื่องที่ใช้เวลาสั้นๆ ก็ทำเสร็จ บางงานก็ต้องปรับรูปแบบข้อความ

    ให้คล้ายๆ กัน เนื่องจากอาจารย์เคยพูดไว้ว่า งานก็ต้องให้มันมีข้อความ

    คล้ายๆ กันเหมือนเป็นคนๆ เดียวทำ แต่เป็นงานที่คนทั้งกลุ่มทำ

    ผลจากการตรวจแก้ข้อความในงานก็คือ

    เพื่อนมองว่า เราทำตัวเป็นจุดศูนย์กลางจักรวาล ทำงานดีสุด เก่่งสุด

    ซึ่ง ความเป็นจริงแล้ว มันก็ไม่ใช่เลย เพราะงานของเราก็ไม่ได้ดีอะไรมาก

    และฉันก็เคยโดนรุ่นพี่คนนึง ที่ไม่ได้สนิทอะไรมาก ไม่ค่อยได้คุยอะไรด้วย

    เขาติเตียนเยอะมาก แต่... ไปรู้มาจากไหนก็ไม่ทราบเช่นกัน

    แปลกที่คนแปลกหน้า อยู่ๆ ก็สรรหาความผิดทุกอย่างมายัดให้เรา

    แล้วบอกกับเราว่า เราควรปรับปรุงตัว เปิดใจให้เพื่อนบ้างนะ

    O_O!!!

    การที่เราพยายามรักษาศีล 5 พูดแค่เท่าที่จำเป็น พยายามไม่พูดเพ้อเจ้อ

    ถูกมองว่ามันเป็นเรื่องที่สุดโต่งเกินไป???

    แล้วก็เขาเพิ่งรู้ว่า เราสนิทกับรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง เขาบอกให้เราแซวรุ่นพี่เขาบ้าง

    ปกติไม่ค่อยคุยกัน แต่พอเราแซว เราก็โดนรุ่นพี่ตำหนิ เพราะจิตที่ชอบแซวนั้น

    ไม่ดี ไม่ควรทำ พอพี่คนนั้นทราบเรื่องที่เราโดนตำหนิ

    ก็บอกเราว่า พี่ไม่เคยพูดอย่างนั้น มันเป็นคำแนะนำให้พูดตรงไหน?

    ความผิดอีกข้อหาก็ลอยมา... ลอยมา... อยู่ที่ตัวเราเฉย...

    และสุดท้าย ก็มีเรื่องเข้าใจผิดกับรุ่นพ่ีคนนี้เข้าจนได้ เพราะต้องทำงานร่วมกัน

    แล้วก็รวมทั้งเพื่อนในกลุ่มเดิมด้วย (ซึ่งเขาก็อคติกับเราสูงมากอยู่แล้ว)

    พอรุ่นพี่คนนี้ส่งงานช้า ก็รวมงานให้เพื่อนอีกคนไม่ได้... กว่างานจะเสร็จก็นาน

    พอวันที่รวมงานเสร็จก็ทะเลาะกับรุ่นพี่คนนี้ เพราะเขาเริ่มติเราก่อน

    เราก็บอก ว่า เราภูมิใจกับเพื่อนๆ ในกลุ่มมากๆ ทุกคนทำงานดีมากเลย

    งานเลทไม่มาก(ยกเว้นพี่เค้า แต่เราก็ไม่พูด) ทุกคนพัฒนาขึ้นมากดีใจมาก
    (เนื่องจากเป็นคนตรง ที่พูดตรงออกจากใจ ไม่แปลงคำพูดเลย)

    พี่เค้าก็เลยว่า เธอก็ควรพัฒนาและปรับปรุงตัวขึ้นบ้างนะ

    ??? เครื่องหมายคำถามโผล่มา... งงๆ เพราะเราเองก็ปรับตัวมาตลอดเช่นกัน

    แล้วก็ตามมาด้วยว่า แล้วทุกคนพัฒนาแล้วเค้ามีความสุขกันบ้างไหม?

    เราก็ตอบแบบทางธรรมหน่อยๆ ว่า คนเราจะสุขจะทุกข์มันก็แล้วแต่คน

    ก็โดนเค้าย้ำกลับมาว่า เพราะอย่างนี้แหละ เธอถึงไม่เคยแคร์ใครเลย???

    ความสุข ความทุกข์มันก็เป็นแค่อารมณ์หนึ่งๆ ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป

    เป็นครั้งแรกที่เจอเพื่อนร่วมงานที่บูชาความสุขมากขนาดนี้...

    และก็เรื่องของกรอบเวลาทำงาน เราก็บอกว่า ปกติก็จะคิดให้ทุกคน

    ว่าง max อยู่ที่ 3 ชั่วโมงต่อวัน แต่ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้

    แล้วแต่การจัดการเวลาของแต่ละคน... เค้าก็ว่า เราบังคับคนอื่นให้ว่าง

    O_O!!! การว่าง ไม่ว่าง ก็แล้วแต่การจัดการเวลาของตนเองทั้งหมด

    ซึ่งงานในส่วนที่ต้องรับผิดชอบ มันก็ต้องรับผิดชอบให้เสร็จตามกำหนด

    เพราะงานส่วนแรกช้า คนที่จะทำงานส่วนต่อไปก็จะช้าตามไปด้วย

    และงานส่วนสุดท้ายก็จะตกกับคนที่รวมงาน... ที่ต้องตรวจสอบเนื้องาน

    ซึ่งก็คือ ตัวเราเอง เขาไม่เคยคิดถึงคนที่ต้องทำงานต่อ

    เขาคิดถึงแต่ความสบายของตัวเอง เขาเองก็ไม่ได้แคร์ที่คนทำงานส่วนต่อ

    เหมือนกัน... หรือ เราอาจจะมองในมุมที่กว้างกว่าความสุขก็ไม่ทราบ

    คุยไป คุยมาก็เป็นฤกษ์เข้าใจผิดกันแบบสุดๆ

    พอไปสอบถามเพื่อนในกลุ่ม เพื่อนๆ ก็บอกว่า ไม่ต้องคิดมาก

    เค้าแค่ไม่ชินกับ style งานกลุ่มเราแค่นั้นเองนะ

    ก็เลยไปอธิบายให้พี่เค้าแบบละเอียด... ละก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดอีกจนได้...

    อธิบายไปว่า กลุ่มเก่า เราทำอะไรให้คนในกลุ่มบ้าง เนี่ยเหรอที่เรีียกว่า ไม่แคร์

    ไม่สนใจ บังคับคนอื่น เพื่อนก็ยังโทรมาเลื่อนส่งงานได้เลย ไม่เห็นมีปัญหาอะไร

    งานช้าแต่ก็จะช้าไม่มาก ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกไปตรงๆ ว่า เออ งานช้านะ

    แต่ไม่เป็นไรก็ยังทำเสร็จดี เป็นคนตรงเกินไป ไม่ทันระวังคำพูด

    คนสมัยนี้ พอเจอคนพูดตรงๆ ก็คงคิดในใจว่า โดนไซโคแน่ๆ

    สุดท้าย... ก็ไม่ได้คุยกับรุ่นพี่คนนี้อีกเลย

    แล้วก็... พอเล่าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง เพื่อนก็พยายามช่วยให้คุยกัน

    แต่... เราก็บอกกับเขาไปว่า คนมีเป็นร้อย เป็นพัน คงไม่จำเป็นที่จะต้อง

    สนิทกับเขาเลยก็ได้... ลักษณะหลายๆ อย่างเค้าไม่เหมือนกับเพื่อนสนิทเรา

    และอีกอย่างก็คือ คำพูดที่เค้าเคยแนะนำ ก็ทำให้เราโดนตำหนิ มันไม่ควรทำ

    ที่พูดกับเพื่อน เพราะคิดว่า เพื่อนก็คงไม่เอาไปบอกรุ่นพี่แน่ๆ

    ผลปรากฏว่า เพื่อนก็เป็นโอ่งไร้ก้นดีๆ นี่เอง...

    บอกอะไรไปก็รั่วไหลออกไปทั้งหมด

    รุ่นพี่ก็โวยวายมากๆ เพราะกลายเป็นตัวเองผิดเต็มๆ รับไม่ได้

    ก็หาทางปฏิเสธทุกอย่างที่ตัวเองก่อไว้ โดยการบอกว่า ไม่เคยพูดออกมาเลย

    และเมื่อถึงคราวพูดเปิดใจ รุ่นพี่ก็บอกว่า พยายามที่จะเป็นเพื่อนกับเรา

    ชวนไปโน่น ไปนี่ อยากให้เรามีเพื่อนบ้าง (ก็มีอยู่แล้ว แต่เค้าไม่ทราบเอง)

    แต่ในเมื่อเราบอกว่า เราไม่จำเป็นที่จำต้องสนิทกับพี่แล้ว พี่ก็จะไม่สนิทกับเรา

    จะไม่คบเราในฐานะเพื่อนเหมือนกัน (ฐิถิสูงมาก)

    คือ เราก็ไม่เคยพูดกับเค้าหรอก แต่เค้าไปรู้มาเอง ไม่เกี่ยวกับเรา

    เพราะเราก็คิดแล้วว่า คำพูดมันรุนแรงแน่ๆ เค้าไม่น่าจะรับได้

    เราก็เลือกที่จะไม่พูดกับเค้า และบอกให้เพื่อนรู้เฉยๆ ก็กลายเป็นเพื่อนปากสว่าง

    แล้วพอถึงคราวคุยเปิดใจกับเพื่อน เพื่อนๆ ก็บอกว่า

    ทำไมที่ทุกคนบอกให้เราปรับตัว ทำไมเรายังเฉยอยู่ได้

    ทำไมเราไม่เคยฟังคนอื่นเลย เธอมันยึดถือตัวตนสูงมากนะ O_O!!!

    บางอย่างเราก็พิจารณาแล้วว่า ไม่สมควรทำตาม หาข้อมูลทางธรรมแล้ว

    มันไม่เหมาะ ก็ไม่ทำ ก็กลายเป็นยึดถือตัวตนไปซะอย่างนั้น...

    แล้วก็... เรื่องที่เธอบอกว่า เธอทำทุกอย่างให้ นั้น เราขอบคุณนะ

    ขอบคุณมากๆ แต่ก็รู้สึกว่า มันเหมือนเป็นการทวงบุญคุณ O_O!!!

    เอาแล้วไง... ไปพูดตอนไหน ไม่เคยพูดกับเธอเลย พูดกับรุ่นพี่คนนั้นแค่นั้น

    แล้ว... ไปทวงบุญคุณตรงไหน เราพูดคุยกับบุคคลอื่น ที่ไม่ใช่เพื่อนในกลุ่มเลย

    คนอื่นบอก คนอื่นสอน ก็หัดฟังบ้าง (โห... มาเป็นชุดเลย ก็ตั้งใจเงียบฟัง)

    เปิดใจยอมรับคนอื่นบ้างนะ... (เรามีกลุ่มใหม่ที่สบายใจที่จะอยู่ด้วยตั้งนานแล้ว
    แต่เค้าไม่รู้แค่นั้นเอง)

    เรื่องคนอื่น... ก็ปล่อยวางบ้างอะไรบ้าง ไม่ต้องไปยึดไว้หรอก...

    อันนี้นี่ก็เป็นจริง เพราะนิสัยที่ยังแก้ไม่ได้ คือ เป็นห่วงคนอื่นมากเกินไป

    ก็พยายามปรับลดลงอยู่ตลอด แต่เพื่อนก็คงคิดว่า เราไม่ปรับตัวเลย

    เราปรับ เราปรับที่ในใจเรา เราพยายามรู้ให้ทันจิตที่ห่วงคนอื่นตรงนี้

    เราทำ แต่เราไม่เคยบอกเขา ก็เลยทำให้เขาเข้าใจไปทั้งอย่างนั้น

    และก็... รุ่นพี่ก็ถึงคราวยิงคำถาม ที่มั่นใจว่า เราต้องโดนด่าเต็มๆ แน่ๆ

    เขาก็ยิงคำถามว่า แก้งานของรุ่นพี่อีกคนทำไม คิดว่างานตัวเองดีนักเหรอ
    (เสียงดังมากๆๆๆ)

    เราก็ตอบว่า เราคัดลอกมาวาง และเปลี่ยน font แค่นั้นเอง

    ส่วนงานบางส่วนที่รวมกันไม่ได้ เราก็ถามเค้าแล้วว่า ตกลงเค้าจะเอายังไง

    เค้าก็ตอบแล้วว่า เอาตามที่เรากับเพื่อนอีกคนทำไปเลย

    รุ่นพี่คนนี้ก็หน้าหงอย... พูดด้วยความผิดหวัง เบาๆ ว่า...

    เออ ก็ไม่ได้เอาตัวเองเป็นศูนย์นิ (เบาจนแทบไม่ได้ยิน...)

    สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการพูดตรงมากจนเกินไปคือ มันอาจจะเป็นการทำร้ายคนอื่น

    ไปทั้งๆ ที่เราไม่ได้เจตนา โดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

    ส่วนการที่เป็นห่วงผู้อื่นมากจนเกินไปนั้น ก็อาจจะกลับกลายมาเป็น

    หอกปลายแหลมที่คอยทิ่มแทงใจเราเองอยู่ก็เป็นได้เหมือนกัน

    และ... จากเรื่องนี้ ก็ทำให้เรียนรู้ว่า คนที่พยายามที่จะมาเป็นเพื่อนเรา

    แต่... เขาพยายามจับผิดเราทุกอย่าง+จับผิดทุกข้อความ

    คงไม่ใช่เพื่อนที่ดีสำหรับเราอย่างแน่นอน ถึงจะเป็นคนที่ดีระดับหนึ่งก็ตาม...

    และ เพื่อน ที่บอกว่า สงสารเรา เห็นเราไม่มีเพื่อน นั่น... ก็คง...

    เป็นเพื่อนกันได้ แต่ไม่สนิทใจ... เพราะ เขาไม่เคยรักษาความลับกับเราได้เลย

    มีอะไรก็รั่วไหลออกไปหมด... นี่แหละหนา... วจีกรรม...

    ศีลข้อ 4 นี่ จึงเป็นข้อที่รักษาได้ยากที่สุดจริงๆ

    หวังว่า เรื่องนี้ คงเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลายๆ คนที่พูดตรงจนเกินไปเหมือนเรา

    ได้ตระหนักเอาไว้ เผื่อจะได้ระวังคำพูด+พูดเท่าที่จำเป็นก็พอ

    ยังไงก็ขอให้ทุกท่านที่อ่านจนจบค่ะ เจริญในธรรมนะคะ ^^
     
  2. unlogi

    unlogi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +41
    โลกธรรม8 ของธรรมดาคู่กับโลกใบนี้ สู้ๆต่อไปนะครับ:cool:
     
  3. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ระบายมาซะยาวเลย .. หุหุ ..
    อ่านไม่ทุกตัวอักษร แต่พอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ... เป็น เหมือนกันค่ะ ทั้งอดีต ปัจจุบัน และไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นหรือเปล่า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้กับคนทั่วไป ใครมากใครน้อย แต่เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปจ้าาาา
    รู้ตัวแล้วเราต้องหยุดวจีกรรมที่ไม่ดีทั้งหลาย เพื่ออนาคตข้างหน้า จะได้ไม่ต้องมารับกรรมแบบนี้อีก เวลากรรมมันส่งผล อธิบายไงมันก็ไม่หลุด เราบริสุทธิ์ก็กลายเป็นผิดไปได้ ...
    ใจเย็นๆ ใช้สติควบคุมอารมณ์ตัวเอง ให้มันผ่านช่วงนี้ไปได้ พอวาระกรรมผ่านไปแล้ว ฟ้าจะใส ใครๆก็จะกลับมาเข้าใจเราเอง แต่ช่วงนี้ต้องอดทนรับกรรมและไม่ทำกรรมเพิ่ม เอาใจช่วยนะจ๊ะ ... สวดมนต์แผ่เมตตา ช่วยได้เยอะเลยค่ะ พอใจเรานิ่ง สติเรามี อารมณ์เราดี ใจเราจะสบายค่ะสาธุ
    หวังว่าคงจะพอเป็นประโยชน์นะคะ
     
  4. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ยิ่งมีสติมากคำพูดทุกคำมันวิ่งตรงไปแทงที่ใจผู้รับฟัง ราวกับใบมีดโกน
     
  5. VictoriaMemie

    VictoriaMemie Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +44
    ขอบคุณมากค่ะ ^^
     
  6. VictoriaMemie

    VictoriaMemie Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +44

    จริงๆ อารมณ์ดีอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่ก็อยากเล่าไว้เตือนคนอื่นๆ ที่เป็นเหมือนกันบ้างน่ะค่ะ (เลยใส่อารมณ์ ณ ขณะนั้นลงไปด้วย ฮ่าๆ) ^^

    ขอบคุณมากค่ะ เจริญในธรรมค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...