ไครรู้จักบ้านสวน พีระมิด มั่งครับ

เกือบๆสองอาทิตย์ก่อน เราไปทำบุญที่บ้านสวน เห็นว่าบางคนก็มาเพราะอยากหายจากทุกข์โศกโรคภัย เราก็อยากเหมือนกัน แต่เราไม่หวังว่าจะหาย เพราะโรคของเรามันเรื้อรังมานานตั้งแต่เด็กแล้ว คือผิวหน้าเราเหมือนแพ้ทุกสิ่งทุกอย่าง แดงมากตรงแก้มสองข้าง มีผดผื่น เห็นเส้นเลือดฝอยแดงชัดเจน
แต่พอเราตั้งใจทำบุญด้วยแรงกาย ร่วมกิจกรรม workshop ตั้งใจคิดหาวิธีแก้ปัญหาตามหัวข้อที่ได้มา เช่น ประมาณว่าหากมีใครว่าร้าย คิดร้ายต่อผู้ที่ทำความดี จะทำอย่างไร แล้ววันต่อมา เรารู้สึกว่าหน้าดีขึ้นมากผ่องใสขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
เห็นอานิสงส์อย่างนี้แล้ว รู้สึกอยากทำดีให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก อยากตอบแทนอ.อุบลผู้มีพระคุณยิ่ง ในชีวิตไม่เคยทำบุญที่ไหนแล้วความทุกข์เบาบางลงอย่างรวดเร็วเหมือนที่นี่เลย

 

อ่านเรื่องบาปกรรมของคุณขนมเข่ง แล้วทำให้คิดถึงเมื่อก่อนที่ตัวเองชอบโกรธโมโหยุงที่มากัด เห็นยุงแล้วก็จะอารมณ์ไม่ดีตลอด ตบยุงบ่อย และให้คนอื่นตบให้ แล้วก็ทำจิ้งจกหางขาด ก็ตลกหางที่ดิ้นดุ๊กดิ๊ก ไม่สนใจเลยว่ามันจะเจ็บ
เห็นแม่เอาถาดกาวดักจับหนู พอหนูมาติดกาวตาย ก็สนใจแต่หน้าตาที่น่ารักของมัน มากกว่าที่คิดว่านี่เป็นการฆ่าชีวิต แล้วถ้ามีคนมาฆ่าเราบ้างล่ะ
เห็นแม่เอาไม้ทากาวตั้งไว้บนโต๊ะ เพื่อฆ่าแมลงวัน เราก็ดูเล่นเพลิดเพลิน
ดูคนจับหนอนผีเสื้อที่กินต้นไม้ เราก็ช่วยมองหาด้วย และช่วยใส่ถุง มัด เอาไปทิ้งขยะ
ขี่จักรยานทับกิ้งกือตาย นอกจากนี้เคยตีหมาบ่อย แกล้งหมา ดุหมาเมื่อไม่ได้ดั่งใจ รวมทั้งกับคนด้วย ตีพี่ตีน้อง เถียง นินทาพ่อแม่ แล้วก็บาปอื่นๆอีกมากมายที่เป็นการเบียดเบียนทำร้าย
ซึ่งส่งผลให้ตัวเองผิวพรรณไม่ดี เพราะเป็นคนขี้โกรธจริงๆ

 

หลังจากที่ได้ไปร่วมกิจกรรมบ้านสวนพีระมิดเป็นครั้งแรกก็ได้มีโอกาสเข้าไปอีกเนื่องจากเขาเปิดกิจกรรมที่อนุญาติให้คนนอกเข้าไปด้วย

เราก็ได้มีโอกาสเจออาจารย์อุบลอีกรอบ ได้มีโอกาสไปพูดกับอาจารย์อุบลเกี่ยวกับลูกชายด้วยเพราะลูกชายเราตาด้านซ้ายของน้องเขเข้าด้านในเป็นมาตั้งแต่เกิด เพราะอยากจะให้ลูกชายหาย อาจารย์อุบลท่านก็บอกว่าท่านไม่สามารถรักษาโรคได้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะพระพุทธคุณเท่านั้นให้เรานึกถึงกรรมที่ทำมา (อ้าววว…ถ้านึกไม่ออกล่ะ) แต่อยู่ๆก็นึกถึงเรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้นมา ก็เลยบอกท่านว่าได้เคยทำปิดหูปิดตาฟังคนนินทาใส่ร้ายในหลวง

อาจารย์อุบลก็เลยถามเรามาว่าเรามีดีอะไรกว่าในหลวงท่านถึงไปนั่งฟังคนอื่นว่าพระองค์ท่านโดยไม่ได้ปกป้อง (ตอนนั้นก็แอบเถียงในใจว่า ก็อีกตอนนั้นเราท้องอยู่นี้น่าไม่อยากจะโมโหหรือหงุดหงิด อีกอย่างเราก็ไม่ได้ว่าพระองค์แค่ฟังเฉยๆ) สักพักก็โดนดุเรื่องที่ไม่ปกป้องพระองค์ท่านและก็สอนเราว่าคนที่ทำเป็นเฉยๆมี2 อย่างคือ ขี้ขลาด กับ มีความสังสัยในพระองค์…..สั้นๆแต่มันโดนมากกก

อาจารย์อุบลก็สอนให้เราลองพิจารณาตนเองว่าชีวิตเรามีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ดีขึ้นหรือแย่หลัง หลังจากไปร่วมวงนินทากับคนอื่น…กรรมมันเร็วติดจรวดมาก ลูกชายเราถึงได้ไม่สมบูรณ์, ลูกน้องก็โคตรดื้อเลย , การเงินก็ติดขัดหมดทุกอย่าง..แล้วก็เลยให้เราขอขมากรรมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่าน

ผลที่ได้ลูกชายเราก็ยังไม่หายตาเขนะ แต่รู้สึกสบายใจขึ้นมากแต่ก็ยอมรับว่ากรรมมันคงหนัก แต่ลึกๆใจเรามันก็ต้านท่านด้วยเพราะมีกระแสในแง่ลบเกี่ยวกับบ้านสวนเยอะ
หลังจากสารภาพบาปสิ่งที่เราสัมผัสได้คือ ทุกคนที่เขาฟังเขานั่งฟังกันเงียบๆเฉยๆไม่ได้มีใครแสดงกริยาหรืออาการท่าทีประมาณว่าจะด่าหรือจับกลุ่มนินทา เรียกว่าไม่มีให้เห็นเลย ตรงกันข้ามกับมีบางคนเดินมาพูดว่าอนุโมทนาบุญกับธรรมทานขอให้ลูกชายหายไวๆนะครับ/คะ …ตรงนี้แหละที่เราประทับใจมากกว่า เพราะถ้าเป็นข้างนอกนะถ้ารู้นะนินทากันสามวันแปดวันไม่จบ…

เราก็เลยเริ่มรู้สึกดีกับบ้านสวน เพราะถ้าคนข้างในเข้าเป็นแบบนั้นคือฟังคนสารภาพบาปแล้วไม่เอาคนอื่นมาซ้ำเติมหรือนินทาก็แสดงว่าเจ้าของบ้านเขาคงจะอบรมลูกศิษย์ของเขามาดีเหมือนกัน

 

ผมได้ยินเรื่องบ้านสวนพีระมิดมานานก่อนจะตัดสินใจไป
เพราะไม่เชื่อ คิดว่า เป็นการโฆษณาขายเครื่องสำอางพาเมล่าของท่าน
จนเมื่อมีเพื่อนชวนไป ก็เลยลองไปดู

เมื่อได้พบท่านอาจารย์อุบล ท่านก็บอกว่าผมไม่ผิดหรอกที่คิดแบบนั้น
เพราะท่านขายเครื่องสำอางจริง ๆ ท่านท่านก็เป็นคนธรรมดา
มีครอบครัว มีลูก มีค่าใช้จ่ายที่ใช้เผยแพร่ รายการคุยไปแจกไป
ที่ออกอากาศทางเคเบิ้ลทีวี ที่มีค่าใช้จ่ายสูง

ถ้าท่านไม่ทำมาหากิน ท่านจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย

ท่านได้สอนผมในเรื่องศีล 3 ชั้น
เรื่องการระวังความคิด ไม่ให้เกิดเป็นมโนกรรม
ซึ่งเป็นกรรมที่หนักมาก ผิดถึงขั้นมหาศีล ผิดศีลขั้นสูงสุด

ซึ่งผมเป็นคนไม่ตอบโต้อะไรใคร แต่เก็บทุกอย่างไว้ในใจตลอด
จึงไม่มีความสุข เวลาที่ฝันจะรู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนก้าวร้าวมาก
ทำร้ายคนอื่น หรือละเมออาฆาตคนออกมาได้
ก็ด้วยกรรมที่ทำไว้มาก จนกรรมมารวมตัวกัน ส่งผลให้ไม่มีความสุขดังกล่าว

ท่านอาจารย์เน้นเสมอว่า
บ้านสวนพีระมิดเป็นที่แสดงกรรมไม่ใช่สถานที่บำบัด
หากมาที่นี่แล้วสารภาพกรรมความผิดเป็นธรรมทานแล้ว
และมีความสำนึกผิดว่าทำผิดจริง อาการที่เป็นอยู่ก็จะหาย
ตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เหตุดับผลย่อมดับ

แต่หายแล้วหากยังทำผิดศีลอีก ก็จะเกิดอาการของโรคอีกครับ

 

ได้ดูรายการคุยไปแจกไปตอนหนึ่ง ซึ่งอาจารย์อุบล
ได้พูดถึงเรื่องของศาสดาของทุกศาสนา โดยได้สอนว่า
ศาสดา แปลว่าครู เวลาเราเรียนหนังสือ เราก็เรียนหลาย
วิชา เราก็มีครูหลายคนที่สอนเรา ศาสดาทุกศาสนา
ก็เหมือนกัน ทุกพระองค์ ต่างก็เป็นครู ที่มุ่งสอน
ให้ทุกคนเป็นคนดี ดังนั้นเราจึงต้องเคารพครูทุกท่าน
ไม่แบ่งแยกว่า เราจะเคารพเฉพาะครูที่เราชอบ เคารพ
เฉพาะครูที่ใจดี เคารพเฉพาะครูที่สอนเรา

ทำให้เราได้เข้าใจคำว่า ศาสดาได้มากขึ้น และอาจารย์
อุบลท่านสอนให้เราเคารพศาสดาทุกพระองค์ ไม่ต้องแบ่ง
แยกว่าเป็นศาสนาใด ๆ เพราะทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี

 

เท่าที่ได้รู้จัก บ้านสวนพีรามิด มีแนวทางไปในทางสายหลวงพ่อฤาษีลิงดำนะครับ
ซึ่งสายนี้เน้นไปทางวิชชาสาม-อภิญญาครับ
สำหรับคนกลุ่มของเขาที่มีความเชื่อไปในแนวทางด้านนี้

ส่วนเรื่องขายเครื่องสำอางค์ อันนี้ก็ไม่รู้ สำหรับในส่วนสถานที่เอกชน ซึ่งไม่มีรายได้อะไร เงินบริจาคก็ไม่มี ถึงเอาของมาขายใช่จะต้องไปยัดเยียดให้ทุกคนซื้อซะเมื่อไร คงเพียงหารายได้เพื่อมาเจือจานให้ประคองไปได้

ถ้าไม่เชื่อ ก็ไม่จำเป็นต้องมากล่าวหาให้ร้าย
เปรียบภูมิธรรมท่านสูงกว่าสำนักนี้โดยประมาณ

และไม่ต้องกลัว ทั้งทางการและกรมศาสนาก็เฝ้ากวดขันดูแลในเรื่องนี้อยู่แล้ว
อีกทั้งเวลาก็ผ่านมานานมาก

โปรดทำใจให้เป็นกลางด้วย
อย่าเห็นคนที่ปรารถนาวิชชาสาม-อภิญญา จะเป็นคนที่โง่งม
เหมือนที่ท่านกำลังมองดูอยู่

 

ทนไม่ได้ ขอเสวนาหน่อย
เวรกรรม!!! เอาไปเกี่ยวกับหลวงพ่อซะงั้น ไปดูที่นี่นะ http://www.baansuanpyramid.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539466719&Ntype=2

สายหลวงพ่อสอนให้สารภาพบาปกับ องค์เทพสฟิงซ์ หรือ

ที่บ้านสวนเขียนๆมาว่าสารภาพบาปน่ะ บ้านสวนเค้าไปสารภาพบาปกับสฟิงซ์กัน บ้านสวนจะมาเขียนคำพยานอะไรที่นี่ก็ควรเขียนให้หมด จะกั๊กไว้ทำไม เขียนไปเลยว่าผม/ดิฉันสารภาพบาปกับองค์เทพสฟิงซ์แล้ว...................................อะไรก็ว่าไป

 

วิธีการที่ใช้อยู่นี่ก็ไปลอกเค้ามาหรือเปล่า จะขอยกตัวอย่างนะ

นักเทศน์คริสต์ชื่อ ปีเตอร์ พอร์พอฟ
1.มีสารภาพบาป ซึ่งเป็นหลักเชื่อของคริสต์
2.คริสต์จะใช้ in the name of Jesus ,Amen มาใช้ในการขอพร บ้านสวนเอามาเปลี่ยนเป็น อ.????ช่วยด้วย ใช่มั้ย
3.มีการรักษาโรคแบบฉับพลันทันทีโดยการวางมืออธิษฐาน
4.มีการขายอาหารวิเศษmiracle mannaโดยบอกว่าแจกฟรีแต่ตามไปเก็บเงินตอนหลัง อาหารวิเศษนี้ก็มีบรรยายสรรพคุณว่า ทำให้หายโรคและหายจากความยากจน
5.มีการขายน้ำวิเศษและทรายวิเศษ ทำให้หายโรคและหายจากความยากจน
6.อ้างว่าตัวเองได้รับการสื่อสารโดยตรงจากพระเจ้า
7.มีรายการทีวีของตัวเอง

นายปีเตอร์ พอร์พอฟตอนหลังโดนจับได้ว่าหลอกคนในโบสถ์ โดยอ้างว่ามีญาณทิพย์ แต่ที่แท้รู้กันกับเมียแอบใช้วิทยุรับส่งบอกข้อมูลผู้ร่วมประชุม โดยข้อมูลนั้นมาจากแบบฟอร์มที่ให้กรอกก่อนเข้า หรือจากการที่เมียไปพูดคุยกับเป้าหมายมาก่อน


Peter Popoff - Wikipedia, the free encyclopedia

อย่าเอาหลวงพ่อฤาษีไปเกี่ยวเลยครับ ขอร้อง
อ่านข้างบนที่ผมเขียนแล้วพิจารณาดูเองว่ามันเอียงไปสายไหนกันแน่

 

โฆษณาขายอาหารวิเศษแก้ป่วย แก้จน โดยมีคนมาเป็นพยานด้วย

<object width="420" height="315"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/P4_CYVGN15E?version=3&amp;hl=en_US"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/P4_CYVGN15E?version=3&amp;hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" width="420" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>

 

การรักษาโรคแบบฉับพลันทันที ซึ่งแน่นอนตอนเข้าโบสถ์ก็สารภาพบาปกันเป็นปกติอยู่แล้ว
clip vdo นี้เป็นการอ้างว่ารักษาโรคแบบฉับพลันทันที และมีการแฉโดย James Randi

<object width="420" height="315"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/q7BQKu0YP8Y?version=3&amp;hl=en_US"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/q7BQKu0YP8Y?version=3&amp;hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" width="420" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>

 

ดูกรอานนท์ คฤหัสถ์ก็ดี นักบวชก็ดี มากล่าวว่าตัวรู้ตัวเห็นและได้พูดจากับผีดังนี้ ก็พึงให้รู้ว่าคนจำพวกนั้นไม่ใช่ลูกศิษย์ของเราตถาคต เป็นพวกมิจฉาทิฏฐิภายนอกพระศาสนา ไม่ควรเชื่อถือเอาเป็นครูเป็นอาจารย์ เพราะเขาเป็นคนอุบายเจ้าเล่ห์เจ้ากลเท่านั้น ที่มีความรู้จริงเห็นจริงพูดจาสนทนากับผีได้ มีแต่พระพุทธเจ้ากับพระอรหันต์เท่านั้น นอกนั้นไม่มีใครรู้จริงเห็นจริง เป็นคนอุตริทั้งนั้นฯ
ดูกรอานนท์ เราจะทำนายไว้ให้เห็นในอนาคตกาลเบื้องหน้า จักเกิดมีพวกมิจฉาทิฏฐิภายนอกศาสนา อวดอ้างว่าตัวรู้ตัวเห็นผีได้ พูดจากับผีได้ ครั้นบุคคลพวกนั้นเกิดขึ้นแล้ว ก็จักเบียดเบียนพระศาสนาของเรา ให้เสื่อมถอยลงไปด้วยวาทะถ้อยคำเสียดสีต่างๆ พระสงฆ์สามเณรก็จักเกิดความระส่ำระสายหาความสบายมิได้ เขาจักสอนทิฏฐิวัตรอย่างเคร่งครัด ถืออรัญญิกธุดงค์อย่างพระเทวทัตต์ ภายหลังก็จักเกิดพระบ้านพระป่ากันขึ้นแล้วก็จักแตกกันออกเป็นพวกๆ ไม่สามัคคีกัน ต่างพวก็ถือแต่ตัวดีศาสนาของเราจักเสื่อมถอยลงไปเพราะพวกมิจฉาทิฏฐิ เห็นแก่ลาภและยศหาความสุขมิได้ มรรคผลธรรมวิเศษก็จักไม่เกิดขึ้นแก่เขา เขาจักเรียนเอาแต่วิชาศีลธรรมอันพวกมิจฉาทิฏฐิสอนให้ รู้อะไรกันขึ้นเล็กน้อยก็อวดดีกันไป แท้ที่จริงความรู้เหล่านั้นล้วนแต่รู้ดีสำหรับไปสู่นรก เขาจักไม่พ้นจตุราบายได้เลยฯ

จาก คิริมานนทสูตร

ที่อ้างๆว่าคุยกับท้าวเวสสุวรรณที่ได้ชื่อว่าเป็นนายแห่งผีได้ ขอเชิญท่านอ่านพุทธโอวาทคิริมานนทสูตร ด้านบนดูแล้วกัน

แค่อ้างว่าคุยกับผีธรรมดาๆได้นี่ พระพุทธเจ้ายังเตือนเลยนะครับ

 

บ้านสวนพีระมิดมุ่งเผยแพร่พระธรรมคำสอน​

อันเปรียบเสมือนตัวแทนขององค์พระศาสดา

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากเสด็จดับขันธ์
ปรินิพพานไปนานแล้วเป็นหลักในการสอน โดยยึดตามพระไตรปิฎก ​

ซึ่งอาจารย์อุบล ท่านได้เคยช่วยหลวงพ่อเสงี่ยม โอภาสี
ที่เป็นครูบาอาจารย์สอนธรรมะและสอนพระกรรมฐาน
ให้อาจารย์มาตั้งแต่ยังเด็ก​

ซึ่งหลวงพ่อเสงี่ยมท่านตาพิการ เวลาท่านจะศึกษาธรรมะ
ท่านจะวานอาจารย์อุบล ช่วยบันทึกเทปให้หลวงพ่อท่าน
ทั้งโคลงโลกนิติและพระไตรปิฎก​

นอกจากนี้ ท่านยังศึกษาคำสอน
ของหลวงพ่อปานและหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
มาโดยตลอด อ่านจนติดและซาบซึ้งด้วยคำสอนของหลวงพ่อ
ก็เหมือนที่หลวงพ่อเสงี่ยม โอภาสี สอนท่านทุกประการ
ท่านจึงตั้งใจหัดและปฏิบัติตามมาตลอด
　
ในพระไตรปิฎก มีความตอนหนึ่งว่า
ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เหตุดับ ผลย่อมดับ​

ซึ่งเป็นความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้
ตามหลักการที่เราเรียกว่า วิทยาศาสตร์
ความทุกข์ทางใจ โรคภัยไข้เจ็บ
ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิต ​

ล้วนมีที่มาจากการผิดศีล 5 การคบคนชั่วเป็นมิตร
และอบายมุขต่าง ๆ เป็นสำคัญ​

หากเราสำนึกว่าสิ่งที่ทำไปเป็นบาป
ทำผิดจากศีล อันเป็นความปกติของมนุษย์ ​

ตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัส ​

ให้ตั้งใจกราบขอขมาพระพุทธองค์ ​

ที่ไม่ได้ทำตนเป็นพุทธบุตรที่ดี
ไม่เชื่อในคำสอนของพระองค์​

ทั้งที่บอกว่านับถือศาสนาพุทธ
แต่กลับทำตนเยี่ยงสาวกของพระเทวทัต
เห็นผิดเป็นชอบ​

และกล่าวขอโทษเจ้ากรรมนายเวร
ด้วยความสำนึกผิดว่า ถ้ารู้ว่าทำอย่างนี้แล้ว
เป็นการทำร้ายผู้อื่น เป็นบาป ทำให้มีโทษด้วยความทุกข์
และอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตอย่างที่ประสบอยู่
เราจะไม่ทำอีกผิดศีลอีกต่อไป​

และด้วยพระบารมีแห่งพระพุทธองค์
ที่ทรงให้อภัยผู้ทำผิดและกลับใจ
หันมาตั้งใจรักษาศีล​

หากตั้งใจทำได้เช่นที่กล่าวมา
อาการที่เกิดขึ้นก็จะหายหรือบรรเทาลงได้ ​

จะหายมากน้อยย่อมขึ้นอยู่กับตามความตั้งใจ
ความจริงใจ ความสำนึกผิดของเรา
ว่าเราสามารถนึกกรรมที่ทำ
นึกเจ้ากรรมนายเวรของเราได้หมดหรือไม่​

ตัวอย่างเช่น การฆ่าสัตว์นำมาทำเป็นอาหาร เช่น
ทุบหัวปลา หักขากบเขียด เผาเต่า
หากเราคิดว่า เค้าเกิดมาเป็นอาหาร ฆ่าเค้าเราจึงไม่ผิด
หรือผิดไม่มาก จึงไม่สำนึกผิดอย่างแท้จริง​

ปากพูดสารภาพว่าสำนึกผิด แต่คิดตรงข้ามในใจ
หากเราเป็นเจ้ากรรมนายเวร เป็นสัตว์ที่ถูกฆ่า
เราจะให้อภัยหรือไม่ โรคภัย ความทุกข์และอุปสรรคจึงไม่หาย ​

​

นอกจากนี้ การที่ท่านให้สารภาพบาปกรรม
ที่ทำมา ให้ผู้อื่นฟัง เช่น การออกอากาศในรายการคุยไปแจกไป
โดยบอกเล่าความผิดของตน เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาอย่าง
นึกถึงกรรมที่ทำได้ และหยุดการประกอบกรรม
ยังเป็นบุญสูงสุดที่รองจากอภัยทาน คือ ธรรมทาน อีกด้วย
ยิ่งพูดเผยแพร่มากเท่าไร บุญที่ได้ก็ยิ่งมากขึ้น ​

ที่สำคัญ เจ้ากรรมนายเวร ต่างก็ได้รับบุญมากขึ้นไปด้วย
และต้องการให้เรานำไปบอกเล่าเผยแพร่ให้มาก ๆ ​

เพื่อเค้าจะได้เลื่อนไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นและสุขยิ่งขึ้น ​

ท่านอาจารย์สอนเสมอว่า บุญที่ทำให้เราหลุดพ้นกรรม
ส่งบุญถึงเจ้ากรรมนายเวรได้ คือ บุญพระกรรมฐาน
　
ที่บ้านสวนฯ เราทานมังสวิรัติ ไม่ทานเนื้อสัตว์
เพราะการทานเนื้อสัตว์เป็นเหตุให้สัตว์ถูกฆ่า ​

เพื่อนำมาเป็นอาหารขายให้เรา เราจึงมีส่วนในการสนับสนุนการฆ่า ​

เท่ากับผิดศีลข้อปาณาฯไปด้วย

เหมือนที่เราดูต้นทางให้คนเล่นไพ่
เวลาตำรวจมา เราก็โดนจับไปด้วยนั่นเอง​

การเลิกทานเนื้อสัตว์
ยังเป็นการทำตามหลักการของท่านอาจารย์ ​

ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ที่เปรียบเสมือนคุณพ่อ

ของท่านอาจารย์อุบลอีกท่านหนึ่ง ​

ซึ่งท่านมาร่วมกิจกรรมของบ้านสวนฯ มาโดยตลอดอีกด้วย​

ท่านสอนว่า เราแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลาย
แต่เราก็มีส่วนในการฆ่าเค้า กลับไปกินเค้าทุกวัน

ในจักรวาลนี้มีโลกอื่นหรือดาวดวงอื่นที่มีผู้อาศัยอยู่มากมาย ​

เป็นหลักหมื่น ตามที่ปรากฎในพระไตรปิฎก
หรือเคยได้ยินกันว่า หมื่นโลกธาตุ

แม้หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) เอง​

ท่านก็เมตตาเล่าเรื่องต่างดาวให้คณะศิษย์ฟังเรื่อง
จุไรท่องดวงดาว เพียงแต่ท่านบอกว่า เป็นนิทานเท่านั้น

เทพเทวาตางๆ ก็มีมากมายทั่วจักรวาล ทั้งโลกเราเองและดาวดวงอื่น
เทพเทวา คือ ผู้ที่มีหิริโอตตัปปะ มีความดี ​

มีความละอายและเกรงกลัวในผลของบาป ท่านจึงให้เรานับถือเทพ

แต่ให้เรามั่นคงเสมอในการเดินทาง ตามรอยบาทขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพื่อกลับสู่พระนิพพาน จะได้หรือไม่ได้ก็ให้เราตั้งใจทำความดีไว้ครับ ​

 

ขอเล่าความรู้สึกได้ที่เข้าร่วมกิจกรรมที่บ้านสวนพีระมิด ในวันที่ 19 นี้ที่ผ่านมา

เนื่องจากอยากลองพิสูจน์ว่าที่นี่ใช้หลักคำสอนแบบไหนกันแน่ จริงเท็จประการใด จะได้รู้ด้วยตัวเราเอง

บรรยากาศผู้เข้าร่วมงานมีประมาณ 200 กว่าคน ช่วงเวลาประมาณ 10 โมง อ. อุบล ให้แบ่งกลุ่มกันทำ workshop ตอนแรกก็งง ๆ ว่า คืออะไร

เพราะไปปฏิบัติธรรมที่อื่น ก็จะแค่นั่งฟัง แต่ที่นี่ให้เราลงมือทำกันจริง ๆ

กลุ่มเราเป็นกลุ่มสุดท้าย มี 12 คน ได้หัวข้อสำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ ริดสีดวง ปัญหาการเงิน

โดนใจตรงที่ปัญหาการเงินนี่แหละ และปัญหาสายตาสั้น ประมาณ 200 (ซึ่งไม่เกี่ยวกับหัวข้อ)

ซึ่งไปตระเวนทำบุญมาทั้งชีวิตก็ยังไม่เห็นปลดกรรมตรงนี้ได้ซะที

ก่อนทำ workshop เขาให้เราสำรวจอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ในตอนนั้น และตั้งจิตขออาราธนาบารมีพระศรีอาริย์

และเริ่มสร้างบุญด้วยแรงกาย ถือเป็นทรัพย์ที่บริสุทธิ์กว่าเงินที่เราหามา

ตอนแรกฟังก็ งง ๆ เงินเราก็บริสุทธิ์นะ ได้มาจากการทำงาน ไม่ได้ไปขโมยใครเขามาซักหน่อย

หารู้ไม่ว่า ตอนทำงาน เราทั้งขาด ลา มาสาย ระหว่างวันก็อู้งานบ้าง คุยโทรศัพท์ส่วนตัว ดูเว็บนอกที่ไม่ใช่เรื่องงาน

แต่เวลาเงินเดือนออก ก็รับไปเต็ม ๆ อ้อ...ถึงบางอ้อกันเลยทีเดียว

ร่ายซะยาว กลับมาเข้าเรื่องกิจกรรมกันต่อ ระหว่างที่เราใช่แรงกายทำบุญนั้น ท่านให้ท่องคาถาพระศรีอาริย์ด้วย

"เมตตานะ ศรีอริยะเมตโต พุทธานะมะ สันติเกโล อนาคามิ สาธุ สาธุ สาธุ"

เราใช้เวลาทำกิจกรรมนี้ไป ประมาณ 30 นาที ก็ช่วยกันสรุปอาการ

เป็นที่น่ามหัศจรรย์ใจมากที่ บางคนมีอาการปวดไหล่ ปวดเอว ปวดขา ดีขึ้น 50% และอีก 6 คน อาการหาย 100%

ส่วนตัวเรา ไม่รีรอที่จะเช็คเรื่องสายตาสั้นก่อน และก็มหัศจรรย์ใจคูณ 2

เพราะสายตาดีขึ้นมาก จนไม่ต้องใช้แว่นอีกต่อไปแล้ว โลกสดใสมาก

เราเพิ่งรู้ว่า เป็นเพราะเราใช้สายตาในทางที่ผิด เช่น ใช้สายตาดูภาพโป๊ คลิปโป๊, ใช้สายตาด่าว่าคนอื่น

ส่วนปัญหาการเงิน ต้องรอดูกันอีกสักระยะว่าจะดีขึ้นหรือไม่ และจะมารายงานผลให้ทราบกัน

ผลสรุปจากการที่ได้มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ รู้สึกมีความสุขมาก ที่ตัวเอง และคนอื่น ๆ หายจากอาการเจ็บป่วยที่ตัวเองเป็นอยู่

และได้รับรู้ว่าอาการเจ็บป่วยที่เราเป็น มาจากผลกรรมที่เราก่อ ถ้าเราสำนึกผิด ไม่ทำอีก

เราก็จะได้รับสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ได้เช่นกัน

 

กาย วาจาและใจ ของคนเรามีไว้เพื่อทำในสิ่งที่เป็นความดี
แต่คนเราส่วนใหญ่มักใช้ในทางที่ผิด ใช้ไปทำลายความดี

ตามีไว้มองสิ่งที่ดี มองผู้อื่นด้วยสายตาที่เมตตากรุณา
เราก็ใช้ในการทำร้ายคนอื่นด้วยสายตาบ้าง ดูภาพลามก เล่นเกมส์จนลืมการเรียนบ้าง
สายตาจึงเสียก่อนวัยอันควร ส่วนใหญ่จึงต้องใส่แว่นกันเป็นแถว

ตามที่ผมเคยยกพุทธพจน์ที่ตรัสว่า

บุญที่จะส่งผลให้เกิดอานิสงส์ฉับพลันทันที
จะต้องประกอบด้วยความบริสุทธิ์ 3 ประการ คือ
ผู้ให้มีเจตนาที่บริสุทธิ์ ทานที่ทำบริสุทธิ์ และผู้รับทานของเราบริสุทธิ์

ซึ่งคุณก็ได้พิสูจน์แล้ว หลังจากกลับจากไปทำ Workshop ครั้งนี้

โดยเฉพาะที่บ้านสวนฯ อาจารย์อุบลท่านสอนให้เราทำบุญทุกอย่างตั้งใจถวายในหลวง
เพราะพระองค์ท่านทรงเป็นเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์ และคุณทำบุญด้วยความตั้งใจ
โดยเฉพาะทำบุญด้วยแรงกายของเราเอง ไม่ได้ไปโกงใคร หรือเบียดเบียนใครเหมือนเงินเดือน

ดังนั้นบุญจึงส่งผลฉับพลันทันทีให้คุณหายอย่างที่เล่ามา

ผมขออนุโมทนาบุญกับคุณ Light Candle
กับ "ธรรมทาน" ที่นำมาบอกเล่าเพื่อเป็นตัวอย่างครัั้งนี้ครับ
--------------------------------------------------------------
https://www.facebook.com/Baansuanpyramid

 

ตัวดิฉันเองได้ศึกษาธรรมะของหลวงพ่อพระราชพรหมยานมานานหลายสิบปี ฟังธรรมะจากเทป อ่านหนังสือของหลวงพ่อ ซึ่งมีเกือบทุกเล่ม อ่านธรรมวิโมกข์ที่ออกเป็นรายเดือนด้วยเรียกว่าไม่ค่อยได้ไปทำบุญที่อื่น นอกจากที่วัดท่าซุง
เมื่อประมาณปี 2553 ได้เปิดทีวีดาวเทียม พบรายการคุยไปแจกไป ก็หยุดดูด้วยความอยากรู้เพราะมีรูปหลวงพ่อ มีรูปหลวงปู่ปาน ที่เราเคารพนับถือ แต่รายการกำลังจะจบแล้ว เลยเข้าเน็ตและค้นคำว่าบ้านสวนพีระมิด และเข้าไปศึกษาว่า เขาเอาครูบาอาจารย์ของเราไปแอบอ้างหรือเปล่า
แต่เท่าที่ติดตามมาโดยตลอด ก็ไม่เห็นว่า อาจารย์อุบล จะสอนอะไรผิดจากพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เราได้เรียนรู้มาจากหลวงพ่อเลย
หลวงพ่อบอกว่าให้เราถือศีลห้า กรรมบทสิบให้ได้ จะได้ไม่ไปเกิดในอบายภูมิทั้งหลายเพราะเป็นพระอริยะขั้นต้นแล้ว
หลวงพ่อบอกว่าให้ติดศีลห้า กรรมบทสิบไว้หัวนอนจะได้ทบทวนทั้งก่อนนอนและตอนตื่นนอน สอนมโนมยิทธิให้เราเพื่อให้เรารู้กฎแห่งกรรมนั้นมีจริง เคยทำกรรมใดไว้ก็ต้องรับผลกรรมนั้น
อาจารย์อุบลก็สอนเรื่องเหล่านี้เช่นกัน
สำหรับการสารภาพบาป ก็คือการสมาทานศีลนั่นเอง
การสำนึกว่าเราชั่ว เราเคยทำกรรมไม่ดีอะไรมาบ้าง จึงได้รับผลกรรมในปัจจุบัน เจ้ากรรมนายเวรจึงจะให้อภัย
เปรียบเสมือนเราไปทำร้ายคนให้ได้รับบาดเจ็บแล้วเอาของเอาเงินไปให้ กับการที่เราไปกราบขอโทษเขาด้วยและบอกเขาว่าเราสำนึกแล้วว่าที่ทำนั้นไม่ดี พร้อมทั้งให้ข้าวของเงินทอง
ถ้าเป็นคุณ คุณจะพอใจอย่างไหนมากกว่ากัน
เจ้ากรรมนายเวร ก็เช่นกัน
การสารภาพบาปไม่ได้มีแต่ในศาสนาอื่น
ศาสนาพุทธก็มี เช่นการที่พระปลงอาบัติ เป็นต้น
ที่ผ่านมาเวลาอาจารย์อุบลสอนอะไร จะนำมาเปรียบเทียบกับคำสอนของหลวงพ่อเสมอ ว่าสอนอะไรที่นอกรีตนอกรอยหรือไม่
แต่ก็ไม่พบความผิดดังกล่าว
พบแต่ความมีเมตตา ความจริงใจ ความเสียสละ ที่ท่านอาจารย์อุบลมอบให้ทุกคนที่ไปพึ่งบ้านสวนพีระมิด

 

น่าแปลกที่ชาวพุทธคิดว่าการแอบอ้างตนเป็นพระศรีอาริย์เป็นเรื่องปกติ
การใช้จี้สฟิงค์สารภาพบาปแล้วจะพ้นกรรม การใช้จี้สฟิงค์ช่วยให้ไปสวรรค์ได้เป็นแนวทางของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรงไหน
อย่าไปอ้างถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีเลยเพราะท่านเคยด่าพวกที่อ้างเป็นพระศรีอารย์ว่าเป็นพวกวิญญาณผีเปตรมาแล้ว

 

ผมก็ว่าแปลกหากมีแบบนั้นนะ แต่เท่าที่รู้มาที่นี่เขาไม่ได้แอบอ้างว่าเป็นพระศรีอาริย์นะ หากรู้มาผิดๆก็ไม่ควรไปวิจารณ์เขานะ บาปกรรมเปล่าๆครับ แล้วที่เขาสอนไม่ใช่แบบที่คุณสรุปมาเลย การเขียนโดยไม่ศึกษาเท่ากับการโกหกไปเต็มๆแล้วล่ะครับ อันนี้ก็ขอออกความเห็นตรงๆนะครับ เพราะเท่าที่ศึกษาแนวการสอนและปฏิบัติของที่นี่มา ไม่ใช่แบบที่คุณเขียนเลย

 

จริงๆ รัฐธรรมนูญรองรับ "ความเชื่อส่วนบุคคล" นะครับ
คือ เราสามารถเชื่ออะไีีรก็ได้ คนที่มีมิจฉาทิฐิก็มีเป็น
ธรรมดา เยอะไปครับ ไม่ได้ผิดกฏหมาย ถ้าไม่ได้ทำผิด
กฏหมายอะไรนะครับ เพราะมันเป็นแค่ความเื่ชื่อส่วนตัว
ของคนหรือกลุ่มคนครับ แม้ว่าจะคิดเห็นต่างหรือผิดไป
เลย ก็ไม่ผิดกฏหมายนะครับ เพราะอะไร? เพราะเราไม่
ได้ไปเผาวัด, ทำลายคัมภีร์ธรรมของใคร อะไรใช่มั้ยครับ


ปล. ผมไม่ีรู้ัจักที่นี่นะครับ แต่มันเป็นหลักการของ ปชธต.

 

ในอินเดีย มีความเชื่อที่แตกต่างกันมากมาย
ขนาดนับถือพระนารายณ์เหมือนกัน ยังมีเรื่อง
ราวต่างกันได้เลยครับ แต่เขาก็อยู่ร่วมกันได้
ทั้งยังทำให้กลายเป็น "จุดขายคือความหลาก
หลาย" แล้วแต่ใครจะเลือกเอานะครับ ไม่ได้
ทำลายความหลากหลายหรือความคิดสร้างสรรค์
ด้วยการกำหนดความถูกผิด ดีชั่วอะไร ทั้งกำจัด
สิ่งที่แตกต่างจากที่ตนกำหนดไว้นั้น ก็หาไม่ครับ

 

บ้านสวนพีระมิด ทำให้เรา เป็นคนที่ใจกว้างขึ้นมาก

เมื่อก่อน เราบอกตัวเองว่าเราเคารพพระพุทธเจ้า(แต่ไม่รักษาศีล)

แถมชอบคิดเปรียบเทียบว่า ศาสนาพุทธดีกว่าศาสนาอื่น

พระพุทธเจ้าดีกว่าใคร และเห็นว่าคนที่คิดไม่เหมือนเรานั้นคิดไม่ถูก


แต่พอมาศึกษาธรรมะที่บ้านสวน

ทำให้รู้ตัวว่า ที่ผ่านมาเราโง่มาก

โง่แล้วยังมาอวดฉลาด แถมเป็นคนโง่ที่ใจแคบมากอีกด้วย

เราไม่เคยศึกษาศาสนาอื่นอย่างลึกซึ้งเลย

แล้วเราจะบอกว่าศาสนาอื่นไม่ดีได้อย่างไร

ทุกศาสนาต่างก็มีจุดหมายเดียวกัน คือสอนให้คนเป็นคนดี

แต่วิธีการสอน อาจแตกต่างกันไป ตามความเหมาะสม



และศาสดาของทุก ๆ ศาสนาท่านต้องเป็นผู้ประเสริฐมาก

มีบุญบารมีมากกว่าเรามาก ท่านจึงได้..เป็นผู้นำ

เราซึ่งเป็นเพียงคนธรรมดา แสนชั่วคนหนึ่ง

บังอาจไปคิดเอาท่านมาเปรียบเทียบกันได้ไง

และศาสดาทุกพระองค์สอนให้คนเป็นคนดี

มีจิตเมตตา ช่วยเหลือผู้คน ช่วยเหลือโลกนี้

เป็นผู้ทำประโยชน์ต่อโลกใบนี้ มากกว่าตัวเรา หลายล้านเท่า

ที่เอาแต่ว่า คนนั้นไม่ดีกว่าคนนี้ แต่ไม่มองตัวเอง

ว่าที่เราเอาแต่พล่าม เอาแต่เปรียบเทียบพระองค์อยู่นี้

เราได้ทำประโยชน์ให้ใคร ให้โลกนี้แค่ไหน

ได้เศษเสี้ยวของแต่ละพระองค์หรือไม่



บ้านสวนสอนให้เราเคารพศาสดาของทุกศาสนา

เคารพในความดีของทุก ๆ คน

ให้อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เหยียบย่ำใคร

โดยสิ่งเหล่านี้ ถูกถ่ายทอดจากผู้นำ

ที่ไม่เคยยกตนข่มท่าน

ไม่เคยพูดโอ้อวดแม้แต่น้อย

ทั้งที่ท่านมีดีจะอวด แต่ไม่เคยอวดใคร

ท่านจะสอนแต่ทางพ้นทุกข์ให้คน

ทำทุกอย่างที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความพ้นทุกข์เท่านั้น