พุทธภูมิ: ปรารถนาแรงกล้า ก็อาจไม่ได้ดังฝัน...

เจริญพรท่านสาธุชน ชาวพลังจิตทุกท่าน. อาตมา สุจิตโตภิกขุ ผู้บวชใหม่ใต้ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ ได้ติดตามอ่านเว็บพลังจิตมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่สมัยยังเป็นฆราวาส ด้วยสำนึกในธรรมทานที่เว็บพลังจิต ได้เผยแผ่ พระพุทธศาสนาให้พุทธศาสนิกชนรุ่นใหม่ได้ศึกษาและ นำไปปฏิบัติ ซึ่งอาตมภาพในตอนนั้นยังเป็นผู้หลงผิดได้กลับมาศรัทธา จนมีโอกาสได้มาบวชเพื่อศึกษาและรับใช้พระพุทธศาสนาในวันนี้ ต้องขออนุโมทนาบุญคุณโยมวีรชัย -เว็บสโนว์- มา ณ ที่นี้ด้วย.

 

คราวนี้มาเข้าเรื่อง ตามที่ได้ตั้งหัวข้อเอาไว้. ด้วยความที่อาตมาเองก็เป็นผู้หนึ่ง ที่ศรัทธาในหลักการสั่งสมบารมีเพื่อสัมมาสัมโพธิญาณ จึงได้คอยค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับแนวปฏิบัติของพระโพธิสัตว์เรื่อยมา. ในวันนี้ได้ไปหยิบนิตยสารเก่าๆที่เก็บไว้ในอารามหลังเก่ามาอ่าน ก็มีข้อความน่าสนใจเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ และพุทธภูมิในอีกแง่หนึ่งว่า...

ผู้ที่จะเป็นโพธิสัตว์นั้น ฟ้าเบื้องบนเป็นผู้กำหนด และส่งให้มาเวียนว่ายตายเกิด สร้างบารมีทศทัศในภพมนุษย์โดยที่บางครั้งเจ้าตัวเองก็ไม่รู้เสียด้วยซ้ำไปว่าชาติไหนต้องสร้างบารมีทัศไหนแต่ทุกสิ่งก็ต้องดำเนินไปตามที่สวรรค์กำหนดไว้

ดวงวิญญาณใดที่ฟ้ามิได้กำหนดให้เป็นองค์โพธิสัตว์ แต่ปรารถนาพุทธภูมิ ปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่มีทางที่จะไปถึงดวงดาวได้ จะติดอยู่อย่างนั้นหลายชาติหลายภพ แต่ถ้ายังยืนยันที่จะปรารถนาพุทธภูมิต่อไปโดยไม่เปลี่ยนใจ ถ้าสร้างสมบุญบารมีไว้เพียงพอก็มีสิทธิ์ที่จะจุติลงมา และตรัสรู้ด้วยตนเองเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ในยุคว่างศาสนา คือตรัสรู้ด้วยตนเองโดยมิได้มีอาจารย์หรือผู้ใดผู้หนึ่งสั่งสอน

แต่เมื่อตรัสรู้แล้วก็ไม่มีความสามารถในการสอนคนอื่น จึงมีสาวกเป็นอรหันต์ไม่ได้ ประกาศศาสนาไม่ได้ เพราะบุญบารมีไม่เพียงพอเนื่องจากไม่ได้จบหลักสูตรพุทธศาสตร์ พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น จะมาตรัสรู้ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งไม่ได้จะลงมาตรัสรู้ได้ก็แต่ในยุคว่างพระพระพุทธศาสนาเท่านั้น...

 

พอได้อ่านดังนี้ก็รู้สึกสลดใจ เพราะอาตมาเองก็เชื่อมั่นในศักยภาพของจิตที่ว่าในท้ายที่สุดของการเวียนว่ายตายเกิดแล้ว.. ถ้าดวงจิตดวงหนึ่งเกิดมีศรัทธาแรงกล้า เปี่ยมด้วยเมตตาที่จะนำพาจิตดวงอื่นๆที่ท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏอันไม่สิ้นสุดนี้ ให้หลุดพ้นไปโดยที่ตนเองยังไม่ยอมก้าวเข้าสู่พระนิพพานแม้จะมีโอกาส แต่ยอมเวียนว่ายตายเกิดเพื่อสั่งสมบารมี เพื่อสัมมาสัมโพธิญาณ เพื่อสรรพสัตว์.

แต่บทความนี้บ่งบอกให้เห็นถึงเรื่อง พรหมลิขิต ฟ้ากำหนด. ทำให้รู้สึกหดหู่ใจนักว่า ทำไมหนอ.. แม้การปรารถนาพุทธภูมิยังต้องอาศัยวาสนา เหมือนกับเป็นผู้ถูกเลือก ถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่แรกอย่างนั้นหรือ ส่วนผู้ที่มีปรารถนาแรงกล้าอีกนับไม่ถ้วน เพียรสั่งสมบารมีจนติดอยู่กับภพชาติไม่รู้ตั้งกี่อสงไขยมีสิทธิ์เพียงแค่ตรัสรู้ได้เพื่อตนเองเท่านั้นหรือ อดคิดไม่ได้ว่าช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย.

 

ในตอนท้ายๆของบทความก็มีการกล่าวถึงพระเกจิอาจารย์ผู้ปรารถนาพุทธภูมิหลายท่าน ทำให้อดแคลงใจไม่ได้ว่าข้อมูลที่ได้มานั้น จะจริงเท็จปานใด.

ส่วนตัวของอาตมภาพเองนั้นก็ยังคงต้องยึดมั่นความปรารถนาเดิมเอาไว้ จนกว่าจะได้ประจักษ์ด้วยตนเองว่า มิได้เป็นหนึ่งในผู้ถูกเลือกจริงๆ หรือเป็นเพียงแค่อนิยตบารมีระดับปลายแถวเท่านั้น เพราะเท่าที่อยู่มาจนถึงตอนนี้มันก็นับว่านานเกินไปแล้ว เราเลวมาไม่รู้ตั้งกี่อสงไขย แม้พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้มาไม่รู้กี่พระองค์จนนับไม่ถ้วน แต่เรายังต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่จนถึงตอนนี้ก็นับว่าเลวจนเอาดีไม่ได้จริงๆ ดังที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำมักปรารภเอาไว้เสมอๆ เพื่อไม่ให้ประมาทในภพชาติอยู่อย่างนี้.

ถ้ามีท่านสาธุชนท่านใด ต้องการแสดงความคิดเห็นในกระทู้นี้ก็ขออนุโมทนาอย่างยิ่ง เนื่องด้วยมีผู้ปรารถนาพุทธภูมิอยู่มากมากเหลือเกิน ข้อเท็จจริงใดที่พอจะเป็นประโยชน์ก็อยากให้นำมาบอกเล่ากัน เป็นธรรมทานบ้าง

ขอเจริญพร

 

ถ้าหลวงตาแก่ๆ ผู้เป็นพหูสูตรท่านนึงทำให้ใครต่อใครเป็นอรหันต์ได้ ในพระสูตรหนึ่ง
ทำไมพระปัจเจก จะทำไมได้ ล่ะคะ หลวงน้อง

แค่ลัทธิเต๋า ยังพาใครต่อใครเห็นธรรมได้
ลัทธิเซน ของท่านเว่ยหล่าง ยังพาใครต่อใครบรรลุธรรมได้

ความปรารถนา นั้น ถ้าบารมีครบ 30 ทัศน์
มันก็ไม่ใช่อยู่ที่กำลังใจอย่างเดียว หรือเกี่ยวกับฟ้าประทาน

อยู่ที่เราจะลงมือทำไปให้ถึงหรือไม่



:'( :'( :'(

 

ดีชั่วที่ตัวทำ จิตใจที่ไม่มั่นคงไม่หวั่นไหวนการบำเพ็ญบารมี เท่านั้นที่จะตัดสินได้ว่า เป็นโพธิสัตว์จริงแท้หรือไม่
ความเห็นจากผมนะคัฟ หลวงพี่ผิดถูกได้โปรดสั่งสอนด้วนขอรับพระคุถณเจ้า

 

โมทนาสาธุครับ

ผมคิดว่าเราจะสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่ใจเรามากกว่า ว่าเราจะผ่านบททดสอบหรือ

เปล่า ว่าจะผ่านบททดสอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราในการบำเพ็ญเพียรใน

แต่ละชาติได้หรือไม่ ปัญหาต่างๆที่เข้ามาคือบททดสอบจากง่าย ไปหายาก

เพื่อบารมี 30 ทัศน์ให้ครบถ้วน ผมว่า ใจเป็นที่สุดแห่งทุกอย่าง ทุกอย่าง

สำเร็จด้วยที่ใจ

 

ใช่ครับ อยู่ที่ใจ ไม่เกี่ยวกับ ฟ้า

มีความเพียร สั่งสมบารมีไป เรื่อยๆ จนกว่า

จะครบและเต็มครับ อย่าย่อท้อนะครับ หนทางอีกยาวไกล

ขออนุมโมทนาครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

กรณีนิตยโพธิสัตว์ทั้งสิบนั้นแน่นอนแล้วครับ
เข้าสู่ระบบสร้างพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่เปลี่ยนแล้ว
คำทำนายของพระพุทธเจ้าแน่นอน แต่มีบางท่าน
อวดตนว่ามีฤทธิ์ แล้วไปเขียนว่านิตยโพธิสัตว์
องค์นั้นองค์นี้เข้านิพพานแล้ว


ขัดแย้งไตรปิฎกชัดเจน จะทำให้ศาสนาเสื่อมขอให้ยุติการกระทำ


ส่วนท่านอื่นๆ ก็ต้องสะสมบุญบารมีไปก่อน จนกว่าจะเข้าระบบ
สร้างพระพุทธเจ้าได้ ต้องใช้หลายชาติมากๆ กว่าจิตจะคงที่เรียกว่ามีบารมี
อย่างน้อยๆ เอาให้เต็มได้สักหนึ่งบารมี มันจะดึงให้บารมีอื่นมาด้วย
ในชาติหน้าของเรา อาจต้องใช้เวลาสัก "ล้านชาติ" ครับ
ทำใจไว้ เพราะระหว่างเวียนว่ายตายเกิด จะมีบุญมากก็หลงผลบุญ
แล้วทำเลวได้ เพราะยังไม่อรหันต์ หนทางยาวไกลหฤโหดหน่อย


แต่ก็สามารถก้าวไปได้ครับ ถ้าจะไปจริงๆ


จริงๆ ถ้าได้เจอ "พระศรีอาร์ฯ" ท่านจะตรวจให้ได้ ถูกต้อง และสอนได้ทั้ง
สาวกภูมิ และพุทธภูมิ ส่วนท่านอื่นๆ ได้ก็แนะนำนิดๆ หน่อยๆ ถูกบ้างผิดบ้าง
ครับ ท่านจะวัดให้เราได้ว่าเราประมาณไหน ต้องเพิ่มบารมีอะไร ต้องไปอีกไกล
ไหม เราก็จะตัดสินใจได้ครับ บางท่านก็ปรารถนาแค่ "อัครสาวก" ไปก่อน
ห้อยตามเป็นบริวารพระโพธิสัตว์ไปเรื่อยๆ ก็จะเดินตามท่านไม่รู้ตัว


ถึงวันที่ท่านตรัสรู้ ท่านก็แนะนำให้บำเพ็ญต่อ ก็ไม่เข้านิพพาน แล้บำเพ็ญ
พุทธภูมิต่อก็มี ส่วนใหญ่จะอ้างตัวว่าเป็นนิตยโพธิสัตว์ เพราะใจร้อนอยากได้
เร็วๆ แต่คนที่รู้ ว่าใครจะได้เป็นหรือไม่แน่ชัด ต้องให้พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป
ทำนายครับ แล้วอย่าโมเมนะครับว่าท่านมาให้ทางนิมิต พวกนั้นโดยมารหลอก
ของจริง ต้องจุติมารับคำทำนายโดยตรงครับ ไม่มีการให้ทางนิมิตครับ


โอเค?..

 

ลักษณะคนที่จะเป็นพุทธภูมิได้


๑. มีความเป็นผู้นำสูง ไม่ถนัดเป็นลูกน้องใคร ไม่เอนตามใครง่าย ไม่ซื้อของ
ง่ายเพราะถูกโน้มน้าว พวกนายว่าขี้ข้าพลอย หรือ เอาอกเอาใจคนนั้นคนนี้
ชื่นชมคนอื่นจนลืมความสามารถตนเอง อาจารย์ค่ะ อาจารย์ขา เก่งจัง พวกนี้
ไม่ได้พุทธภูมิเลย จะเป็นพุทธภูมิ ต้องผ่านด่าน "ปัจเจกภูมิ" ก่อน คือ มีความ
เป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ตามใครง่าย ซึ่งง่ายต่อการเป็นมิจฉาทิฐิและมารครับ

๒. คิดอะไรภาพกว้างภาพรวม ไม่ค่อยคิดเรื่องส่วนตัว ยอมเสียเรื่องเล็กๆ เพื่อ
ทำเรื่องใหญ่ๆ ยอมตายได้ไม่ยากถ้าต้องทำงานใหญ่ ใจเด็ด เด็ดขาด ชัดเจน
กล้าตัดสินใจ กล้าเสี่ยง พวกขี้ขลาดตาขาวนี่ไม่มีทางได้พุทธภูมิเลยครับ (พอ
ถึงเวลาจะทำบารมี ๓๐ ทัศ ฆ่าตัวตายถวายพุทธบูชา ก็จะไม่สามารถทำได้)
มุ่งจิตไปเพื่อมหาชน มักเป็นคนมีอุดมการณ์ กล้าได้กล้าเสีย หากเอาแต่ตัวรอด
ไปวันๆ ไม่มีทางได้เลยครับ

๓. มักนิยมหาบริวาร ด้วยการ "ซื้อใจ" ไม่ใช่ "ซื้อตัว" ไม่ใช้เงินในการซื้อคน
จะใช้ความสามารถ, เมตตา, ปัญญา, ฯลฯ บารมีต่างๆ ในการเก็บสะสมบริวาร
บริวารเหล่านี้ จะไปเป็นเทวดาบริวารในวิมานบนสวรรค์ด้วยครับ กระเตงกันไป
หลายต่อหลายชาติ ไม่ปล่อยจากกัน ทำงานเป็นทีมเวิร์กครับ หากไม่มีบริวาร
บนสวรรค์เลย จะไม่มีทางเป็นพุทธภูมิได้ครับ จะเป็นได้แค่ปัจเจกภูมิ ตัวเดียว
โดดๆ ไม่มีพระสาวกมาช่วยสร้างพระพุทธศาสนาในชาติที่ตรัสรู้ครับ


เอาแค่นี้ก่อนละกัน ผมขี้เกียจพิมพ์..

 

หนังสืออะไรครับ

หนังสืออะไรครับ ชื่อหนังสือ ผู้เขียน ขอพระคุณเจ้าโปรดยืนยันประวัติหนังสือด้วยครับ จะได้ทราบความเท็จจริง

 

แล้วแต่ฟ้าจะเมตตา

1.ศัทธาของท่านง่อนแง่นคลอนแคลนหรือมั่นคงได้ด้วยผู้อื่นเป็นผู้กำหนดหรือ?.
2.ท่านเชื่อว่ากรรมและผลแห่งการกระทำถูกกำหนดไว้แล้วด้วยผู้อื่นหรือ?.
3.ถ้าหากฟ้ากำหนดใครๆได้ ทำไมมนุษย์ที่เราเห็นๆ กันอยู่จึง ดี เลว ปราณีต หยาบ มี จน แตกต่างกันไป ในกรณีมนุษย์ที่มีความหยาบ เลวจน นั่นหมายความว่าฟ้าช่างโหดร้ายมากใช่ไหม?.
........คำตอบของท่านจะเป็นประการใดแล้วแต่ฟ้าจะเมตตา.....ครับ

<!-- / message --><!-- sig -->

 

กราบนมัสการท่าน สุจิตโตภิกขุ การบวชนั้นเป็นของยากยิ่ง ธรรมของท่านธรรมเสนาบดี สารีบุตร
ท่านครับองค์สมเด็จพระพุทธบิดรพระองค์ท่านทรงตรัสว่า อัตตาหิอัตตโนนาโถ นะครับตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่มีฟ้ามากำหนดได้ในความต้องการของผู้ใดหลอกครับการที่จะต้องการเป็นอะไรนั้นขึ้นอยู่กับเจ้าตัวต้องการจะเป็นไม่มีผู้มากำหนดได้ การเชื่อว่าฟ้ากำหนดก็เหมือนเชื่อว่าพระพรหมท่านลิขิต ซึ่งจริงๆท่านไม่ได้ลิขิตแต่ท่านทำตามกฏแห่งกรรมนะครับ กัมุนาวัตตติงโลโก นะครับ สัตว์โลกยอมเป็นไปตามกรรม กรรมคือการกระทำแบ่งเป็น กุศลกรรม และ อกุศลกรรม แยกย่อยเป็นทาง กายกรรม มโนกรรม และ วจีกรรมอีกนะครับ ฉะนั้นการที่ใครต้องการจะเป็นอะไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตั้งใจของเขาผู้นั้นๆเองฟ้ากำหนดไม่ได้ครับ
ส่วนประเภทของพระพุทธเจ้าคงไม่มีใครมาทำอย่างนั้นจะเอาอะไรเขาก็เอาอย่างนั้นจะเป็น ปัจเจกก็เป็น จะเป็นสัมมาสัมพุทธก็เป็นอย่างนั้นมีใครเขามานั่งทำปัจเจกก่อนแล้วค่อยมาทำสัมสัมพุทธหลอก และการที่จะเป็น นิตยโพธิสัตว์ ก็เหมือนคนรั้งตำแหน่งคือจะเป็นแต่ยังไม่ได้เป็นซึ่งอาจจะเป็นก็ได้หรือไม่เป็นก็ได้ขึ้นกับการตัดสินใจของท่านนั้นๆ ที่ทราบในเมืองไทยไม่ได้มีองค์เดียว มีเช่น หลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน หลวงพ่อฤาษี ไม่แน่ใจว่าหลวงพ่อสดด้วยหรือไม่ ซึ่งที่เหล่านี้ อย่างหลวงปู่มั่นท่านบอกเลยว่าท่านทำพุทธภูมิมาก่อน ไม่เห็นท่านเคยบอกว่าท่านทำปัจเจกแล้วมาต่อสัมมาสัมพุทธ มีแต่หลวงปู่เสาร์ที่บอกเลยว่าท่านทำปัจเจกภูมิไม่เห็นท่านว่าจะเป็นโพธิสัตว์แบบสัมมาสัมพุทธต่อเลย

 

อุปัญญาตธรรม 2 (ธรรมที่พระพุทธเจ้าได้ทรงปฏิบัติเห็นคุณประจักษ์กับพระองค์เอง คือ พระองค์ได้ทรงอาศัยธรรม 2 อย่างนี้ดำเนินอริยมรรคจนบรรลุจุดหมายสูงสุด คือ สัมมาสัมโพธิญาณ)

1. อสนฺตุฏฺฐิตา กุสเลสุ ธมฺเมสุ (ความไม่สันโดษในกุศลธรรม, ความไม่รู้อิ่มไม่รู้พอในการสร้างความดีและสิ่งที่ดี)
2. อปฺปฏิวาณิตา ปธานสฺมึ (ความไม่ระย่อในการพากเพียร, การเพียรพยายามก้าวหน้าเรื่อยไปไม่ยอมถอยหลัง)

จากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม (พระพรหมคุณาภรณ์) ป.อ.ปยุตฺโต

 

อนุโมทนา เห็นด้วยครับเพราะเป็นคุณสมบัติพื้นฐานเลยทีเดียว

ทุกวันนี้ผมก็ยังห่างไกลอยู่มาก(เพราะเป็นคนขี้ขลาดรักตัวกลัวตาย) แต่ก็จะพยายาม ไม่วันใดก็วันหนึ่ง คงกลัวตายน้อยลงไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งนะครับ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าวันไหน

 

ต้องสะสมบารมี 10 ทัศให้เต็มก่อนค่ะ ถึงจะได้ตามคำขอดังกล่าว

 

ถ้าเป็นจริงตามที่เจ้าของกระทู้อ่านมา อยากรู้จังว่าใครหนอที่มีพลังอำนาจกำหนดให้คนอื่นเป็นพระโพธิสัตว์ได้

เจ้าของกระทู้อย่าหดหู่ใจเลยครับ เพราะผมว่าข้อความที่อ่านมานั้นไม่จริงหลอกครับ จิตคนเราทุกคนต่างก็มีกรรม มีบารมีเป็นของใครของมัน เราทุกคนต่างก็สร้างมันขึ้นมาเองทั้งนั้นแหละครับ ทั้งกรรมทั้งบารมี

 

อืม.....จริง ๆแล้วหลวงน้องก็ทราบอยู่แก่ใจใช่ไหมครับว่า คำสอนที่อ่านมานั้นผิด !!! อันตรายมากนะคำสอนเช่นนี้ ......

ที่เปิดประเด็นนี้คงต้องการสื่ออะไรบางประการ สาธุครับ....

สำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับเรามิใช่ฟ้า ถ้าฟ้าลิขิตแสดงว่าเรายังไม่มันคงในพระรัตนตรัย เพราะเชื่อว่าฟ้า...พระเจ้า...อยู่เหนือทุกสิ่ง....โดยลืมคำสอนของพระพุทธองค์ที่ทรงย้ำอยู่เป็นนิจว่า ทุกสิ่งล้วนอยู่ในกฎแห่งกรรม ไม่มีสิ่งใดใหญ่เกินกรรม

 

ผมขอแสดงความคิดนิดหนึ่งครับ ข้อความที่บอกว่าสวรรค์ "กำหนด" นั้น น่าจะเป็นการ "ประกาศแสดงความยินดีแก่ผู้มีบารมีถึงพร้อม" มากกว่า เพียงแต่ตำรานั้นใช้คำผิดไป ผมเดาว่าอย่างนี้ครับ

 

แค่ให้หมดตัณหา ยังแสนยาก
คงลำบาก ปราถนาที่ยิ่งใหญ่
ถ้าทุกท่าน พบธรรมอันอำไพ
โปรดบอกให้ รู้บ้าง ฉันยังคอย.