พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ผมจะใส่ไปวันไปหาท่านอาจารย์ประถม สำหรับลูกอมผงอ่อนใจรักครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เกือบลืมบอก ผมจะใส่น้ำมันจันทร์ไปด้วยครับ

    .
     
  2. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099

    แน่... แน่... ถอยห่าง อีกนิด อีกนั่นแหละ
    ห่างอีกสักนิด อีกนิดนั่นแหละ

    แล้วค่อยรวมตัวไปใหม่ครับ สาธุครับ[​IMG][​IMG][​IMG]
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ผมจะใส่ไปวันไปหาท่านอาจารย์ประถม สำหรับลูกอมผงอ่อนใจรักครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เกือบลืมบอก ผมจะใส่น้ำมันจันทร์ไปด้วยครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สงกะสัยว่า จะต้องห้อยทุกวันแล้วเนี่ย

    ว่าจะนำลูกอมชานหมากและพระธาตุพระสิวลี ใส่รวมกัน 1 องค์ครับ

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เคยมีคนที่ผมพาไปบ้านปู่ แรกเริ่มคนนี้มีความศรัทธาอย่างสูงสุดสุดยอด จะต้องมีพระพิมพ์หรือวัตถุมงคลที่หลวงปู่ท่านอธิษฐานจิตให้ ติดตัวอยู่ตลอดเวลา แม้แต่เวลาอาบน้ำหรือเวลานอนก็ต้องมีติดตัว ศรัทธาอยู่ 3 เดือน แล้วก็หายตัวไปเลย

    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    สิ่งใดที่พุ่งขึ้นแรงๆและสูงๆ มักจะตกมาเร็ว
    สิ่งใดที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ มักจะตกมาช้า

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2007
  6. sira

    sira เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +1,331
    นิทานธรรมบท ภาค 1 (เรื่องพระดิสเถระผู้มีกายเน่า)

    เรื่องพระดิสเถระผู้มีกายเน่า
    ดังได้สดับมา กุลบุตรชาวเมืองสาวัตถีคนหนึ่ง ได้ฟังพระธรรมเทศนาในสำนักพระศาสดา แล้วบวชถวายชีวิตในพระศาสนา ได้อุปสมบทแล้วปรากฎพระนามว่า พระดิสเถระ เมื่อเวลาล่วงไปๆแล้วเกิดโรคขึ้นร่างกายของท่านอย่างหนึ่งปรากฎเป็นต่อมเล็กๆเท่าเมล็ดผักกาด ต่อมเหล่านั่นโตขึ้นโดยลำดับ เท่าเมล็ดถั่วเขียว เท่าเมล็ดถั่วดำ เท่าเมล็ดกะเบา เท่าผลมะขามป้อม เท่าผลมะตูม แล้วก็แตก ร่างกายทั้งสิ้นเป็นช่องน้อยช่องใหญ่ ท่านจึงได้มีนามว่า
     
  7. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ไม่จองแล้วครับ ดูอย่างเดียวก็อิ่มแล้ว
    (glass)
     
  8. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ภารกิจของชาติครับ เลี้ยงลูก(ให้เป็นคนดี)
    ผมเองก็คิดถึงคุณchaipat เสมอครับ จริงๆนะครับ
    [bw-cry]
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ chaipat [​IMG]
    สงสัย มีภาระกิจครับ
    น้องๆ ก็นึกถึงครับ อย่างผมครับ
    สาธุครับ [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ไม่คิดถึงผมบ้างเลยหรือครับ

    .[b-hi]
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ถึงเวลาก็ได้เองละ ไม่ต้องรีบร้อน

    ไว้วันอาทิตย์ ผมจะเล่าเรื่องที่ผมคุยกับคุณnongnooo แล้วเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติให้ฟังกันครับ

    ผมรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

    (good) (good) (good)

    .
     
  13. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    จิงๆแล้วผมคิดถึงคุณหนุ่มคนเดียวตลอดเวลา(b-ping)

    กะคนอื่นน่ะ ล้อเล่นหมดเลย
    (555) (555) (555)
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ chaipat [​IMG]
    สงสัย มีภาระกิจครับ
    น้องๆ ก็นึกถึงครับ อย่างผมครับ
    สาธุครับ [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    ไม่คิดถึงผมบ้างเลยหรือครับ

    .[b-hi]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผมก็คิดถึงคุณตั้งจิตทุกวันเลย

    (b-2love) (b-green) (b-love2u)
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สธ. ชวนคนไทย “บริจาคอวัยวะถวายในหลวง”

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=86078

    ที่มา http://www.thaihealth.or.th/cms/detail.php?id=7865

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center bgColor=#990000 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>สำนักข่าว สสส. >> แผนควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ</TD></TR></TBODY></TABLE>

    สธ. ชวนคนไทย “บริจาคอวัยวะถวายในหลวง”

    ต่อลมหายใจเพื่อนมนุษย์ หนึ่งร่างกายอาจช่วยได้ถึง 7 ชีวิต<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สภากาชาดไทย-สธ.-สปสช.-สสส. ชวนคนไทย “บริจาคอวัยวะถวายในหลวง” ต่อลมหายใจเพื่อนมนุษย์ หนึ่งร่างกายอาจช่วยได้ถึง 7 ชีวิต แต่คนไทยบริจาคอวัยวะน้อย ปี 50 ได้ปลูกถ่ายไม่ถึง 5% อีกกว่า 2 พันชีวิตรอความหวัง เหตุกลัวชาติหน้าเกิดมาไม่ครบ 32 ผู้ป่วยรอไม่ไหวตายแล้ว 380 คนที่ลานห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน สภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จัดโครงการ “บริจาคอวัยวะถวายในหลวง”
    <O:p</O:p
    <O:p[​IMG]
    </O:p
    โดย นพ.มรกต กรเกษม รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า มีผู้ป่วยรอรับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายอวัยวะเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาผู้ป่วยที่อวัยวะสำคัญเสื่อมสภาพ แต่ปัญหาคือการขาดแคลนอวัยวะ แต่ละปีคาดมีผู้เสียชีวิตที่สามารถบริจาคอวัยวะได้เกือบ 2,000 คน ดังนั้นเพื่อช่วยชีวิตพี่น้องชาวไทยด้วยกัน ให้มีอวัยวะเพียงพอต่อการปลูกถ่าย จัดสรรอวัยวะที่ได้รับบริจาคอย่างเสมอภาค ไม่มีการซื้อขายอวัยวะ และเหนือสิ่งอื่นใดคือร่วมกันทำความดีในวโรกาสอันเป็นมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค. 2550 สภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สปสช. แล สสส. จึงจัดโครงการ "บริจาคอวัยวะถวายในหลวง" เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนร่วมบริจาคอวัยวะ ถวายเป็นพระราชกุศล
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    “ไตเป็นอวัยวะที่มีผู้รอรับการปลูกถ่ายมากที่สุด ส่วนหนึ่งมาจากโรคไต มีเครื่องฟอกไตที่ช่วยต่อเวลาให้รอต่อไปได้นานเท่าที่ผู้ป่วยสามารถไปฟอกได้ แต่อวัยวะอื่นๆ ไม่อาจฟอกรอได้ เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่อวัยวะนั้นๆเสื่อม ผู้ป่วยก็ต้องเสียชีวิตไป ซึ่งมีผู้เสียชีวิตระหว่างรอรับอวัยวะแล้ว 380 คน ขณะที่ผู้ได้รับการปลูกถ่ายหัวใจรายหนึ่ง มีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวจนถึงปัจจุบันก็ 20 ปีแล้ว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมรณรงค์ในโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยจะพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ให้มีความรู้เรื่องการบริจาคอวัยวะ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน”นพ.มรกต กล่าว<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย กล่าวถึงบทบาทของสภากาชาดไทยในการรับบริจาคอวัยวะว่า เนื่องจากความก้าวหน้าทางการแพทย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกถ่ายอวัยวะซึ่งเป็นการช่วยเหลือมนุษย์ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้เป็นผู้นำในการปลูกถ่ายตับและหัวใจสำเร็จเป็นรายแรกของประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2530 <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ดังนั้น เพื่อให้การรับบริจาคอวัยวะสำหรับการปลูกถ่ายเป็นไปตามระบบที่ถูกต้องและเป็นธรรมตามหลักปฏิบัติสากลในทางการแพทย์ สภากาชาดไทยจึงได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาคอวัยวะ ซึ่งเป็นแห่งแรกในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ได้ทรงพระราชทานพระราชานุญาตให้วันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ เป็นวันศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    นายแผน กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา ศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ได้ทำการรณรงค์การบริจาคอวัยวะมาอย่างต่อเนื่องตราบจนถึงปัจจุบัน ได้มีผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะหลังจากเสียชีวิตแล้ว 436,365 คน แต่ถึงกระนั้นก็ดี ก็ยังประสบปัญหาการขาดแคลนอวัยวะอยู่ ซึ่งภาวะการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทั่วทุกประเทศที่มีการปลูกถ่ายอวัยวะ ดังจะเห็นได้ว่าในขณะนี้ (30 มิถุนายน 2550) มีผู้รอรับอวัยวะถึง 2,238 คน แต่มีผู้ป่วยเพียง 107 คน หรือ 4.8% เท่านั้นที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ยังมีผู้ป่วยอีก 2,131 คน ที่รอคอยความหวังที่จะได้รับชีวิตใหม่ อวัยวะ 3 อันดับแรกที่มีผู้รอรับการบริจาคมากที่สุด คือ 1.ไต 1,848 ราย มีผู้ได้รับการปลูกถ่ายไต 114 ราย หรือ 6.2% 2.ตับ 231 ราย มีผู้ได้รับการปลูกถ่ายตับ 24 ราย หรือ 10.4% 3.หัวใจและปอด 49 ราย มีผู้ได้รับการปลูกถ่ายเพียง 5 ราย หรือ 10.2% และมีผู้รอรับการบริจาคตับอ่อน 4 ราย แต่ยังไม่มีใครได้รับการปลูกถ่าย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการสสส. กล่าวว่า การที่มีผู้บริจาคอวัยวะจำนวนน้อย ส่วนหนึ่งเกิดจากความเชื่อที่เกรงว่า หากบริจาคแล้วเมื่อเกิดใหม่ในชาติหน้า จะมีอวัยวะไม่สมบูรณ์ ซึ่งไม่มีเหตุผลจะเป็นเช่นนั้น ตรงกันข้ามการบริจาคอวัยวะคือการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ โดย 1 ร่างกายที่สมบูรณ์อาจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ถึง 7 ชีวิต โดยนำ 1 หัวใจ 1 ตับ 1 ตับอ่อน 2 ปอด และ 2 ไต ไปปลูกถ่ายได้ การปลูกถ่ายอวัยวะเป็นแนวทางเอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพประการหนึ่ง ที่จะทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งทางกาย จิตใจ และสังคม เพราะเมื่อเชื่อว่า การบริจาคอวัยวะคือการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ผู้บริจาคย่อมดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ให้ร่างกายสมบูรณ์พร้อมสำหรับทำการบุญที่ยิ่งใหญ่ โดยสสส.ได้จัดทำคู่มือสร้างเสริมสุขภาพแจกผู้บริจาคอวัยวะ ทั้งนี้ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่ทราบขั้นตอนการบริจาค โดยนอกจากสอบถามได้ที่หมายเลข 1666 แล้ว จะมีเอกสารจัดวางที่สถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ สถานีบริการน้ำมันบางจาก ปตท. ร้านสะดวกซื้อวีช้อป ไทยช้อป ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน และเสรีเซ็นเตอร์

    <O:p</O:p
    พญ.เรณู ศรีสมิต ที่ปรึกษาอาวุโส สปสช. กล่าวว่า โรคไตวาย โรคหัวใจ เป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง การรักษาที่ดีที่สุดคือ การปลูกถ่ายอวัยวะ สปสช. จึงสนับสนุนงบประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบการรับบริจาคอวัยวะของรพ.ศูนย์ทั่วประเทศ จำนวน 24 แห่ง และเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรับบริจาคอวัยวะ โดยตั้งเป้าหมายจะนำอวัยวะจากผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้ป่วยสมองตายจำนวน 200 ราย ไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยที่รอคอยได้ประมาณ 500 ราย ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพได้มาตรฐาน เสมอภาค เท่าเทียมกัน และได้รับความสะดวกในการรับบริการสาธารณสุขที่จำเป็น


    <O:pที่มา :<O:p</O:p
    ข้อมูลจาก : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ <O:p</O:p
    ภาพประกอบ :www.thaihealth.or.th


    <O:p<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width="98%" border=0><TBODY><TR><TD height=20>เรื่องที่เกี่ยวข้อง</TD></TR><TR><TD bgColor=#990000 height=3></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left>[​IMG] สธ.ชวนบริจาคโลหิต กันหญิงท้องตกเลือดตายปีละ 5 แสนราย</TD></TR><TR><TD align=left>[​IMG] ข้อหาเมาแล้วขับถูกจับบริจาคเลือดแลกบริการสังคม</TD></TR><TR><TD align=left>[​IMG] ดวงตา...กับภาวะเสี่ยงที่คุณคาดไม่ถึง</TD></TR><TR><TD align=left>[​IMG] กว่าจะได้...ชีวิตใหม่ของผู้รอรับบริจาคอวัยวะ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระนิพนธ์สมเด็จพระสังฆราช "เรื่องความเชื่อ"
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=90557

    <TABLE class=tborder id=post690509 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 07:50 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>paang<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_690509", true); </SCRIPT>
    ฐานข้อมูลทางพุทธ (แป้ง)
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:48 AM
    วันที่สมัคร: Apr 2005
    ข้อความ: 8,808 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 17,639 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 21,570 ครั้ง ใน 3,986 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 3417 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG]
    [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_690509 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->พระนิพนธ์สมเด็จพระสังฆราช "เรื่องความเชื่อ"
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->
    [​IMG]


    บทพระนิพนธ์ดังกล่าวมีใจความว่า อันความเชื่อของบุคคลนั้นย่อมเนื่องมากับเหตุแวดล้อมภายนอก ประกอบกับพื้นทางจิตและปัญญาของแต่ละคน บางคนเชื่อทางปาฏิหาริย์ บางคนชอบทางลึกลับ บางคนชอบผู้สำเร็จ เมื่อมีใครมา
    แสดงปาฏิหาริย์ เป็นต้น ให้ดูก็หลงเชื่อ โดยไม่ได้ไตร่ตรองก่อน หลงเชื่อไปทีเดียว

    ความเชื่อของคนในปัจจุบันดูสับสนอยู่มาก เพราะคนเราบัดนี้ขาดหลักที่ยึดเหนี่ยว อันแน่นอนมั่นคงของจิตใจ จะลงความเห็นอย่างนี้ไม่ถูกนักเพราะส่วนใหญ่มีพระรัตนตรัย เป็นหลักยึดเหนี่ยวของจิตใจอยู่ ในเรื่องปาฏิหาริย์ เรื่องลึกลับต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน เมื่อห้ามความอยากรู้ อยากเห็นไม่ได้ ก็ลองดูในทางสบายใจ ไม่ให้เกิดความเชื่อและปฏิบัติในทางที่เกิดทุกข์โทษ

    ฉะนั้น จึงถึงเวลาที่จะต้องใช้ความเชื่อด้วยปัญญา คือเหตุผลชนิดที่ตาเห็น หูได้ยิน ส่วนที่พ้นหู พ้นตา พ้นประสบการณ์แบบปาฏิหาริย์ จะต้องลดให้น้อยลง ทำศรัทธาในพระรัตนตรัย ในหลักกรรมของพระพุทธเจ้าให้มั่นคง จะไม่มีความ
    ผิดพลาด ปัจจุบันผู้ที่แสดงตน เป็นผู้รู้ผู้วิเศษ ได้มีอยู่ในที่ต่างๆไม่น้อย ใครที่มีคนนับถือมากก็กลายเป็นคณาจารย์ หรือศาสดา ตั้งลัทธิต่างๆขึ้น

    การศึกษาให้รู้พระพุทธศาสนา โดยถูกต้องเป็นทางป้องกันมิให้โอนเอียงไปตามเครื่องชักจูงใจได้ คนในโลกนี้เมื่อนับถือศาสนาใด ก็ยืนยันว่าศาสนานั้นจริงแท้ เมื่อเชื่อก็ไม่ยอมพิสูจน์ จึงไม่พบความจริง ในศาสนาที่ตนนับถือ แม้จะมีผู้มาให้เหตุผลในทางที่ขัดแย้ง กับความเชื่อก็ไม่ยอมฟัง การนับถือศาสนาเช่นนี้เป็นเหตุให้วิวาททุ่มเถียงกันอย่างไม่รู้จบสิ้น

    ความเชื่อมีแสดงไว้ในทุกศาสนา แต่ในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เชื่อด้วย ปัญญาคือ ให้พิจารณาให้รู้เหตุรู้ผล แล้วให้เชื่อตามเหตุผล มิให้เชื่อด้วยอาการ 10 อย่าง คือ ด้วยฟังตามเหตุผล ,ด้วยถือสืบกันต่อมา ,ด้วยอ้างว่าได้ยินมาอย่างนี้ ,ด้วยอ้างตำรา ,ด้วยเหตุที่ตรึกตรองเอา ,ด้วยนัยตามที่คาดคะเนเอา ,ด้วยคิดเอาตามอาการ ,ด้วยต้องกับความคิดเห็น ,ด้วยเห็นว่าผู้พูดเป็นผู้ควรเชื่อ ,ด้วยเห็นว่าเป็นพระเป็นครูของตน

    ศรัทธาที่เป็นตัวปัญญา เป็นสิ่งที่ถูกต้องมั่นคง ไม่มีใครมาหลอกให้เป็นอื่นไปได้ ฉะนั้นศาสนาของพระพุทธเจ้า จึงจริงแท้และอยู่ในระยะเอื้อมถึง มิใช่สุดเอื้อม เหมือนอย่างเรื่องกำเนิดโลก หรือสุดโลก ซึ่งไม่ทรงอธิบายเพราะเป็นเรื่องที่ไม่บังเกิดประโยชน์ที่จะทำให้ใครเป็นคนดี หรือคนเลวได้ จึงเป็นศาสนาที่แสดงข้อปฎิบัติตรงที่สุด

    ศรัทธาในพระพุทธเจ้ามุ่งถึงศรัทธาอันเกิดจากความรู้ ในธรรมของพระองค์ที่เกิดจาก"วิมังสา ความสอบสวนพิจารณา"โดยสอบสวนพระองค์ตั้งแต่ความประพฤติทางกาย วาจาอาชีพ ความยั่งยืนของความประพฤติ ตลอดถึงธรรมในพระองค์จึงกล่าวได้ว่า พระองค์มิได้ตรัสสอน ให้มีศรัทธาในพระองค์เลย แต่กลับสอนให้มีวิมังสา ในพระองค์ให้ดีก่อน แล้วจึงค่อย
    มาฟังธรรม เพราะจะเกิดความตั้งใจที่จะรับธรรม

    ลักษณะที่ทรงธรรมนั้น คือ ทรงยกฝ่ายโทษ คือ ความโลภ โกรธ หลง กรรมของคนที่โลภ โกรธ หลง แล้วขึ้นแสดงคือ ฆ่าเขาบ้าง ลักของเขาบ้างเป็นต้น ฝ่ายคุณได้ยกความไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง กรรมของคนที่ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลงเปรียบเทียบให้เห็นได้ในปัจจุบันว่า ฝ่ายไหนเป็นอย่างไร ฝ่ายไหนควรเว้น ฝ่ายไหนควรทำ ในที่สุดก็ทรงสอนให้เมตตาจิต เป็นต้นไปในสัตว์ ทั้งหลาย ผู้ที่มีจิตใจไม่มีเวร ไม่เบียดเบียนใคร มีใจไม่เศร้าหมอง ย่อมได้ความอุ่นใจ อาทิไปเกิดดี ไม่มีทุกข์ มีสุข ในปัจจุบันเป็นต้น

    ความเชื่อในเครื่องรางของขลัง ที่ทำขึ้นอาศัยคุณพระรัตนตรัยเป็นหัวใจเพื่อทำใจให้เข้มแข็ง เพื่อปฏิบัติหน้าที่ธำรงรักษา ไตรรงค์ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ย่อมเป็นประโยชน์ และก็พึงระวัง มิให้เชื่อเกินขอบเขตที่ควร มิให้เชื่อจนงมงาย ควรทราบด้วยว่า ความเชื่ออันตรงต่อหลักพระศาสนา นั้นคือความเชื่อในกรรม และผลของกรรม เพื่อที่จะได้ละกรรมที่ชั่วที่ผิด ทำกรรมที่ดีที่ชอบ หากจะมีเครื่องรางของขลังอันใด ทำให้ละความชั่ว ทำกรรมดีได้ก็จะเป็นยอดเครื่องรางของขลังทั้งหมด

    ประวัติการเกิดขึ้นแห่งพุทธรูปชั้นแรกสร้างขึ้นสำหรับการบูชาเพื่อระลึกพระพุทธคุณ เป็นพุทธานุสติ ฉะนั้นควรน้อมใจนึกเพื่อที่จะสังวร ระวังทางกรรมให้มากขึ้น เช่น เมื่อมีพระอยู่กับตัวจะทำอะไรก็พิจารณาก่อนว่า ถูกหรือผิด ดีหรือชั่ว ถ้ารู้ว่าดี ถูกต้องก็ควรทำพระพุทธเจ้าทรงโปรด

    พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้คนกลัวกรรม เป็นทาสของกรรม หรืออยู่ใต้อำนาจกรรม แต่สอนให้รู้จักกรรม ให้มีอำนาจเหนือกรรม ให้ควบคุมกรรมของตนในปัจจุบัน กรรมของตนในปัจุบันคือ การกระทำทุกอย่างที่คนทำอยู่ทุกวัน
    เวลา ประกอบด้วยเจตนาคือ ความจริงใจ พระพุทธเจ้าตรัสว่า " เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม เพราะว่าคนมีเจตนา ทำกรรมทางกายบ้าง วาจาบ้าง ทางใจบ้าง "

    คำที่ตรัสไว้นี้ ก็มีความง่ายๆ ทุกคนจะทำ จะพูด จะคิดอะไร ย่อมมีเจตนาคือ ควาจริงใจนำอยู่เสมอ และวันหนึ่งๆก็ต้องทำต้องพูด ต้องคิดอย่างนั้น อย่างนี้ไปตามที่ตนเองจงใจ จะทำ จะพูด จะคิด นี่แหละคือกรรม วันหนึ่งๆ จึงทำกรรมมากมายหลายอย่างหลีกกรรมไม่พ้น

    พระพุทธศาสนาสอนเรื่อง "กรรม" หลักใหญ่ก็มุ่งให้พิจารณาให้รู้จัก ปัจจุบันกรรมของตนนี้แหละว่า อะไรดีหรือ ชั่วอะไรควรหรือไม่ควร เพื่อที่จะได้เว้นกรรมที่ชั่วที่ไม่ควร ทำกรรมดีที่ควร พระพุทธโอวาทนี้แสดงว่า คนมีอำนาจเหนือกรรม อาจควบคุมกรรมของตนได้ แต่ต้องไม่ลืมว่า จะต้องควบคุมจิตเจตนาของตนได้ด้วย โดยตั้งมั่นแน่วแน่ อยู่ในธรรมเช่น เมตตา สติ ปัญญา เป็นต้น อันเป็นส่วนจิตและศีล อันหมายถึงตั้งเจตนาเว้นการที่ควรเว้น ทำการที่ควรทำ ในขอบเขตอันควร ดังนี้เรียกว่าเป็น พุทธานุสติ เมื่อมีพระอยู่กับตน ก็ควรจะเจริญพุทธานุสติ จะทำให้หนังเหนียวอยู่ยงคงกะพันหรือแคล้วคลาดจากความชั่ว ความผิดทั้งปวง

    พระพุทธศาสนา นำคนเข้าหาเหตุผล เช่น กรรมและผลของกรรม ทุกข์และเหตุแห่งทุกข์ เป็นต้น สอนให้ใช้ปัญญามากกว่าที่จะใช้ความเชื่อ ในฐานะที่พระองค์ ทรงเป็นผู้ชูประทีปส่อง ให้เห็นทางดำเนิน พระธรรมในทางดำเนิน พระสงฆ์เป็นผู้ที่ได้ดำเนินไปในเบื้องหน้า ส่วนการดำเนินไปในทางที่พระพุทธเจ้าส่องให้เห็นนั้น เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องเดินเอง ตรงจุดนี้เองที่แสดงถึงคำสอนที่ว่า " ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน "


    ฉะนั้นแม้ยังมีสันดานชอบเชื่อไปตามข่าวลือ หรือชอบขลัง ก็ต้องพยามทำใจ เข้าหาเหตุผลตามหลักของพระพุทธเจ้า ไม่ตื่นเตลิดไปโดยปราศจาก เหตุผลทางปัญญา จึงจะสมที่เป็นพุทธศาสนิกชน...



    จาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    <!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขนาดผมไม่ได้ไปร่วมด้วยอาทิตย์นี้ ผมได้ฟังก่อนละ...โมทนาสาธุ
     
  18. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,254
    ค่าพลัง:
    +7,241
    ส่วนอ้อยก็คิดถึง(พระ)คุณสิทธิพงษ์ทุกวันเร้ยยย

    (b-oneeye) (b-oneeye) ​

     
  19. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันนี้คุณหนุ่มติดงานข้างนอก ไม่ได้เข้ามาช่วงเช้า ถึงบ่ายนี้ อาจจะได้เข้ามาเย็นๆครับ...ฝากแจ้งไว้ครับ
     
  20. wircon

    wircon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +52
    สวัสดีครับ คุณ Sithiphong
    ผมได้รับพระเรียบร้อยครับ สมบูณร์ทุกประการครับ
    ขอบคุณมากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...