เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. mindanaric

    mindanaric เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +1,964

    แล้วผลงานของคุณน้าจะมีมาทางเมืองไทยบ้างรึป่าวคะ อยากเห็นอ่า #u# หนูก็พึ่งรู้จักคนชื่อนี้วันนี้เอง แต่เดี๋ยวก็จะได้ดูการ์ตูนของเค้าและ เดี๋ยวจะมาเมนต์ให้ฟังว่าเป็นยังงาย @o@~

    น้องหมาอีกแล้ว ชื่อ RuFfy ด้วยหรือเปล่า~
     
  2. mindanaric

    mindanaric เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +1,964
    วันนี้เหนื่อยหน่อยนะคะคุณน้า เพราะมีคำถามเป็นหน้าๆเลย อิอิอิ (จะได้นอนมะน้อ)คุณน้าเรา ^.^~
     
  3. mindanaric

    mindanaric เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +1,964
    อยากจะถามคุณน้าเรื่องเสียงที่ดังในใจด้วย ว่าที่มามาจากไหน และมีมีเสียงในใจที่มาจากต่างที่มากันหรือเปล่า ถ้ามีเราจะเชื่อหรือแยกแยะเสียงในใจได้อย่างไร และสามารถใช้ประโยชน์อะไรกับสิ่งเหล่านี้ได้บ้างหรือไม่?

    ปล.เสียงในใจในความหมายของหนูคือ การคิดหรือพูดจากข้างในตัวเราที่เราจะได้ยินคนเดียว(เพราะคนส่วนมากไม่ได้ยิน)
     
  4. mindanaric

    mindanaric เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +1,964

    หุหุหุหุหุ เห็นตัวเลขทีไรเวียนเฮดทู้กกทีสิเรา (ไม่เคยจะได้คะแนนเลขดีกะเค้าเลย) ถึงได้อยู่สายศิลป์~
     
  5. mindanaric

    mindanaric เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +1,964

    ภาพใยแมงมุมที่คุณน้าหามาทำให้เข้าใจในสิ่งที่คุณน้าพูดขึ้นมาก ประมาณว่าอ่านน๊านนานกว่าจะเกท แต่แค่มองภาพ(ด้วยหางตา)แป๊บเดียวก็"รู้สึก"ได้เลยค่า ^^~(แต่อันที่สี่ดูงงๆอ่ะ)


    เข้าใจแล้วค่ะว่าต้องฝึกและอาศัยความอดทนมากๆ การที่จะไปสู่ภาวะที่รับการถ่ายทอดข้อมูลในความฝัน ได้เป็นเรื่องที่ไม่ใช่แค่นึกๆคิดๆก็ทำได้เลย จะพยายามต่อไปเจ้าค่ะ

    การเข้าสู่ภาวะดังกล่าว ที่คุณน้าเล่าอยากให้ช่วยยกตัวอย่างประกอบด้วยอ่ะค่ะ ช่วยเล่าให้ฟังตรงช่วงนี้ให้ละเอียดหน่อยว่าคุณตอนนั้นรู้สึกยังไง สภาวะตอนนั้นเป็นอย่างไร ทั้งก่อนที่จะฝันและกำลังฝันอยู่ หนูจะได้เห็นภาพประกอบเผื่อตัวเองประสบบ้างจะได้เข้าใจและรู้ถึงวิธีทางแก้ปัญหาด้วย

    แสดงว่าสัญลักษณ์ที่มาทางภาพมีความคมชัดกว่าตัวอักษรหรือป่าวคะ หมายถึงความคิดที่มาจากทางภาพจะแม่นยำกว่าที่มาจากทางตัวอักษร หรือเสียงที่เราได้ยินรึป่าว

    ตอนเด็กๆหนูชอบฝัน(ที่จำได้แม่นนะคะ) นึกขึ้นมาได้สองอย่าง ตอนที่พิมพ์ๆอยู่นี่ความรู้สึกตอนนั้นก็ยังติดมาอยู่เลยค่ะ คือ ฝันแรกตัวเองกระโดด (หรือตกไม่แน่ใจ) ลงมาจากสะพานพระราม 8 ดิ่งลงมาเลยเร็วมาก น่ากลัวมากก ฝันเป็นประจำเลยค่ะ และไม่เคยถึงน้ำซักทีตื่นก่อน หรือไงไม่แน่ใจ รู้สึกหวาดเสียวสุดๆ เสียวท้องวาบๆเลย

    [​IMG] [​IMG]

    และก็ๆอีกฝันนึง อันนี้ชอบที่สุดแล้ว รู้สึกเหมือนเป็นมันไปได้จริงๆเลยอ่ะ ทุกครั้งที่ฝันถึงแล้วตื่นขึ้นมาก็จะพยายามนอนแล้วก็ฝันต่อให้ได้ บางครั้งก็ต่อได้มั่งไม่ได้มั่ง คือ ชอบฝันว่าตัวเองบินไปบินมาในห้องนอนค่ะ ยืนอยู่บนเตียงแล้วก็เหาะไปเหาะมา รู้สึกสนุกมากๆเลย แต่พอโตก็ไม่เคยฝันถึงพวกนี้อีกเลย....

    [​IMG]

    ต่อไปเราจะหันกลับไปฝึกความรู้เดิมสมัยวัยเด็กกันนะคะ

    <<<<หนูขอลงเรียนคอร์สนี้คนแรกเลยยยยย ค่า (เพราะได้อ่านเป็นคนแรกๆ หุหุหุหุ)><~ เตรียมตัวๆ

    เดี๋ยวจะเอามาลงค่ะเรื่องรูป แต่ต้องไปปัดฝุ่นรื้ออัลบัมเก่าๆมาก่อน (ตอนเด็กหนูน่ารักน้าค่ะ จะบอกให้ อิอิอิ)

    ในห้องวิทย์ฯนี้ ไม่ว่าพี่นักเขียนจะย้อนเล่าถึงเรื่องราวมากมายที่อาจจะดูเสมือนว่าไม่สัมพันธ์กับสาระของจิตวิญญาณที่พวกเราสนใจกันเท่าไรนัก แต่พี่นักเขียนมีเป้าหมายคือ ให้พวกเรามองเห็นหรือสัมผัสกับความเป็นไปทางด้านอารมณ์-ความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการของพี่นักเขียน เพราะเหล่านี้คือ"ภาวะอันเป็นไปที่อยู่เบื้องหลัง" ที่นำมาสู่การติดต่อสื่อสารและการรับข้อมูลความรู้ทั้งหมดจากท่านอาจารย์อนาลัย

    <<<<<รับทราบ ไปสัมผัสอารมณ์ของคุณน้าด่วนนน ข้อความที่คุณน้าโพสไว้ ต้องลองสัมผีสอารมณ์เป็นพิเศษและ พึ่งรู้ว่าวิธีนี้ก็ใช้ได้ อืมๆๆ

    แล้วก็จะไม่ร้องไห้แล้วคะ ^o^~

    (b-cap) (b-deejai) (b-hmm) (b-smile)

    ปล. คำพูดสีน้ำเงินคือข้อความของคุณน้านักเขียน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2007
  6. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403

    จิตวิญญาณ..บริสุทธิ์..คือ ความว่าง ช่องว่าง อย่างบริสุทธิ์ยิ่ง ไม่มีอะไร ไม่มีแรงใดๆ ในช่องว่าง ความว่างนี้เลย..
    ความว่าง ช่องว่างนี้ เป็นอันเดียวกัน เชื่อมต่อกัน เป็นหนึ่งเดียว ทั่วทั้งมหาสากลจักรวาล..จึงเรียกว่า..จิตจักรวาล
    ในนิวตรอน มีช่องว่าง
    ในโปรตรอน มีช่องว่าง
    ในอิเล็กตรอน มีช่องว่าง
    ในอะตอม มีช่องว่าง
    ในโมเลกุล มีช่องว่าง
    ในเซลล์ มีช่องว่าง
    ในอวัยวะ มีช่องว่าง
    ในร่างกาย มีช่องว่าง
    ในดิน น้ำ ลม ไฟ มีช่องว่าง
    ในดวงดาว มีช่องว่าง
    ในกาแล็กซี่ มีช่องว่าง
    ในจักรวาล มีช่องว่าง
    ในมหาสากลจักรวาล มีช่องว่าง อันหนึ่งอันเดียวกันเชื่อมต่อกัน หมด

    เมื่อสามารถปรับปรุง จิตวิญญาณ ให้ บริสุทธิ์ ดุจ ช่องว่าง เป็น หนึ่งเดียว กับ ช่องว่าง ความว่าง อันเดียวกัน เชื่อมต่อกัน ทั่วทุก อนู ของทุกสรรพสิ่งทั้ง มหาสากลจักรวาลแล้ว..นั่นคือ..ธาตุรู้..ผู้รู้..
    รู้ในทุกสรรพสิ่ง เพราะ อยู่ในทุกสรรพสิ่ง เพราะทุกสรรพสิ่ง อาศัยช่องว่าง ความว่าง นี้อยู่
    จึงไม่มี ระยะทาง ระยะห่าง ระยะเวลา เพราะทุกสรรพสิ่ง อาศัยช่องว่าง ความว่าง นี้อยู่

    โจทก์????
    จะทำอย่างไร??? ให้จิตใจบริสุทธิ์ ดุจช่องว่าง ความว่าง อย่างยิ่ง ที่สุด

    ตัวอย่าง ชัดๆดีๆ มีมาแล้วในโลกมนุษย์ 2500 กว่าปีมานี่เอง คือ
    เจ้าชายสิทธิธัตทะ พระสมณโคดม สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    :) :) :) :) :) :) :) (good) (good) (good)
    หรือว่าต้องใช้ มรรคแปด พรหมวิหาร สังคหวัตถุ ไตรสิกขา ไตรลักษณ์ ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2007
  7. mindanaric

    mindanaric เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +1,964

    เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน แต่วิถีทางที่จะไปนั้นต่างกัน ค่ะ อนุโมทนา ขอบพระคุณสำหรับข้อมูล นะคะ ^^~ (b-flower)
     
  8. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    มนุษย์คือจิตวิญญาณซึ่งมาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง

    ตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เธอรู้จัก มนุษย์แบ่งแยกคววมเป็นร่างกายเนื้อหนังออกจากความเป็นจิตวิญญาณ เพื่อการเรียนรู้ทีจะอยู่รอดในโลกทางกายภาพมายาวนาน จนกระทั่งความจำเป็นดังกล่าวไม่ใช่ความจำเป็นอีกต่อไป แต่มนุษย์ก็ลืมเลือนที่จะนำความเป็นจิตวิญญาณกลับคืนมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับร่างกายเนื้อหนังได้อย่างที่ควรจะเป็น

    การแบ่งแยกร่างกายเนื้อหนังออกจากจิตวิญญาณโดยสิ้นเชิง ทำให้มนุษย์แบ่งแยกต่อไปอีกว่า ร่างกายเนื้อหนังคือภาวะอันเป็นกายภาพ ส่วนจิตวิญญาณเป็นภาวะอันเป็นจินตภาพ และมนุษย์ก็เข้าใจว่า ในโลกทางกายภาพ มนุษย์คือผู้ที่มีภาวะอันเป็นกายภาพอยู่ในระดับสูงสุดของตารางซึ่งประกอบด้วยลำดับของสิ่งมีชีวิตในโลกทางกายภาพ มนุษย์เรียกโลกทางกายภาพว่าโลกมนุษย์ ราวกับว่า-มนุษย์คือเจ้าของโลกใบนี้ สิ่งมีชีวิตอื่นๆเป็นเพียงสิ่งที่มาอาศัยและสนับสนุนมนุษย์ หรือเป็นสิ่งที่มีอยู่ในโลกเพื่อให้มนุษย์นำไปใช้เรื่อยๆจนกว่ามันจะหมดลง แล้วโลกก็จะถึงจุดจบ

    ส่วนโลกอันเป็นจินตภาพ หรือโลกของจิตวิญญาณ เมื่อถึงแก่ความตายของร่างกาย-มนุษย์ฺอาจจะตกไปอยู่ในรายการลำดับล่าง และลำดับดังกล่าวเรียกได้ว่าต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับจิตวิญญาณอื่นๆที่มนุษย์เข้าใจว่าพัฒนาก้าวหน้าไปได้ไกลกว่า แต่มนุษย์ก็สำรองจิตวิญญาณบางส่วนไว้ใต้รายการจิตวิญญาณที่เป็นของมนุษย์ไว้ด้วย และเรียกจิตวิญญาณเหล่านั้นว่าเป็นจิตวิญญาณที่ตกต่ำ ซึ่งมนุษย์บางคนก็คาดหวังว่า เมื่อถึงจุดจบของรายกายทางกายภาพแล้ว และเขาจะต้องย้ายไปอยู่ในตารางรายการทางจินตภาพ เขาก็หวังว่าจะไต่ขึ้นไปอยู่ในระดับสูงสุดของรายการนั้นๆได้อย่างก้าวกระโดด ด้วยความเกรงกลัวว่าการไปสู่ระดับอื่นๆที่ต่ากว่าระดัับแห่งความเป็นเลิศ จะทำให้ต้องเสียเวลาหรือหมดโอกาสที่จะไปได้ถึงจุดสูงสุด

    ฉันจะอธิบายอย่างง่ายๆด้วยตารางเหล่านี้ที่พวกเธอจำนวนมากจินตนาการร่วมกันและพอจะนึกภาพออกว่า ภาวะอันเป็นไปของฉัน และของเธอทั้งหลาย ซึ่งไม่ได้แตกต่างกันเลยในการเป็นจิตวิญญาณ คือ เราต่างก็สถิตย์อยู่ในทุกระดับของตารางเหล่านั้น

    ในขณะที่เธอตื่นอยู่ จิตวิญญาณของเธอมีวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะอยู่ในภาวะหรือระดับที่เธอเรียกว่าเป็นระดับของมนุษย์ ฉันพยายามอธิบายให้เธอทั้งหลายเข้าใจธรรมชาติแห่งความเป็นจริงที่ว่า อดีต-ปัจจุบ้นและอนาคต มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบันนั้น มันปรากฏอยู่ไม่ต่างไปจากตารางและลำดับทั้งหมดที่เธอรู้จัก ฉันได้อุปมาอุปมัยภาวะเหล่านี้กับชั้นหินและภูเขา ซึ่งจำเป็นจะต้องมีอยู่พร้อมกันหมดและประกอบกันขึ้นเป็นภูเขาทั้งลูก ซึ่งจิตวิญญาณของเธอที่มีความรู้เสมอเหมือนกับต้นกำเนิด คือรู้ดีว่ามันต้องมีอยู่ เธอจึงไม่อาจลบตารางเหล่านี้ทิ้งไปได้ เธอเพียงแต่มองข้ามความเป็นจริงที่เธอเองก็รู้เห็นและตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า สรรพสิ่งทั้งหลายต้องมีอยู่เป็นระบบในตารางของเธอและในธรรมชาติความเป็นจริง-พร้อมกันหมด และทั้งหมดนี้เกี่ยวพันกันอย่างแยกจากกันไม่ได้ เธอจึงมีมิตรไมตรีที่จะนำฉันเข้าไปวางไว้เป็นส่วนหนึ่งของตารางของเธอด้วย

    แต่สิ่งที่เธอยังไม่เข้าใจคือคุณสมบัติตามธรรมชาติของจิตวิญญาณอันปราศจากขีดจำกัด หากฉันมองดูตำแหน่งที่เธอมอบให้จากมุมมองของเธอ ฉันคงต้องกล่าวว่า มันเป็นการยกย่องเกินไปที่เธอจับฉันไปใส่ไว้ในตารางลำดับหนึ่งๆที่เธอเรียกว่าสูงกว่าจิตวิญญาณของมนุษย์ เพราะธรรมชาติของฉัน ของจิตวิญญาณทั้งหลาย และ ของเธอ ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เราต่างก็สถิตย์อยู่ในทุกระดับชั้นในตารางเหล่านี้พร้อมกันหมดเป็นป้จจุบัน แตกต่างกันตรงที่ว่า การจดจ่อของเราอยู่ในภาวะที่ครอบคลุมและรู้เห็นการมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปในตารางเหล่านั้นได้ไม่เท่าเทียมกัน

    ยามตื่นเธอรู้เห็นและจดจ่อได้แต่เพียงภาวะของการเป็นมนุษย์ หรือรู้เห็นแต่การเป็นจิตวิญญาณที่มีความสามารถและการจดจ่อได้ในระดับที่เธอเรียกว่าระดับมนุษย์ ยามหลับเธอรู้เห็นและจดจ่อได้ในภาวะและระดับที่เธอเองก็ต้องยอมรับว่าน่าจะเรียกได้ว่าเหนือมนุษย์ แม้ในบางขณะที่เธอรู้เห็นเสมือนจากมุมมองของมดหรือแมลง เธอก็มักจะไม่เรียกว่ามันเป็นการจดจ่อได้ในระดับที่เธอเรียกว่าต่ำกว่ามนุษย์ เพียงเพราะมันแปลกแยกไปจากการรู้เห็นตามปกติยามตื่น เธอก็ยังพอใจที่จะเรียกว่า มันเป็นการรู้เห็นหรือจดจ่อได้ในระดับที่เหนือมนุษย์อยู่ดี

    จิตวิญญาณทั้งหลายสถิตย์อยู่หลายระดับในตารางทั้งหมด ทั้งกายภาพและจินตภาพ พร้อมกันเป็นปัจจุบ้น ความเป็นหนึ่งเดียวของจิตวิญญาณไม่เคยถูกแบ่งแยกออกเป็นระดับชั้นต่างๆ หากแต่แบ่งแยกออกไปด้วยความเป็นเอกลักษณ์ในทิศทางต่างๆเพื่อการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต เพื่อค้นหาคุณภาพอันเป็นอมตะ ที่จะทำให้จิตวิญญาณคงความเป็นอมตะต่อไป

    ฉันเคยกล่าวว่า ... ฉันอยู่เหนือการเป็นตัวตนที่ถูกจำกัดด้วยแรงดึงดูดของโลก-กฎเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ฉันรู้จักใช้ชิีวิตโดยปราศจากร่างกายและตัวตนจำเพาะ ฉันจึงเป็นได้ทั้งต้นไม้ ใบหญ้า สายลม แสงแดด สายรู้ง ดาวฤกษ์ ภูเขา เมฆ ผีเสื้อ กระต่าย เม็ดทราย และแม้แต่ลมหายใจของเธอ ส่วนหนึ่งของเธอหรือทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล

    ฉันจึงเป็นอิสระจากความปรารถนาที่จะอยู่รอด เพราะฉันไม่เกิด-เสื่อมสลายหรือตาย ฉันเพียงแต่ดำเนินชีวิตด้วยความปรารถนาที่จะถ่ายทอดความรู้-อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดอยู่ตลอดวันเวลา ความรู้ที่ว่านี้เป็นของกลางในจักรวาล ไม่มีการครอบครอง มีแต่การถ่ายทอดแลกเปลี่ยนโดยตรงด้วยจิตวิญญาณ และมันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ความปรารถนาของฉันจึงปราศจากเงือนไขที่ทำให้เป็นไปไม่ได้ ... (โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ บทที่ 2 แสวงหาผู้รู้-ผู้ตอบคำถาม หน้า 7)

    ไม่ว่าฉันจะบอกกับเธอว่าฉันคืออะไร เมิ่อใดที่เธอพยายามนำฉันไปใส่ไว้ภายใต้คำนิยามอันจำกัดด้วยความเชื่อของเธอ เธอไม่เพียงแต่จะสูญเสียความหมายที่แท้จริงของการเป็นบุคลิกภาพที่เต็มไปด้วยอารมณ์จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดในทิศทางของฉันไปเท่านั้น แต่เธอสูญเสียความเป็นไปได้ที่จะเข้าใจในธรรมชาติของตนเอง เธอบางคนรังเกียจแม้กระทั่งคำว่า อารมณ?์ และคำว่า ความปรารถนา เพราะเธอมีคำนิยามอันจำกัดให้กับอารมณ์และความปรารถนา เธอไม่สามารถจะจินตนาการได้ว่า การเป็นจิตวิญญาณที่ปราศจากร่างกายเนื้อหนังพร้อมด้วยอารมณ์จินตนาการและความรู้สีกนึิกคิดนั้นเป็นอย่างไร เธอสรุปเอาว่า เมื่ออารมณ์และความปรารถนาเป็นสิ่งทีน่ารังเกียจ จิตวิญญาณที่มีอารมณ์และความปรารถนาจะต้องเป็นจิตวิญญาณที่ยังไม่บรรลุเป้าหมายที่เธอเรียกว่า ความเป็นเลิศ

    เธออาจจะพอตระหนักได้ว่า อารมณ์และความปรารถนาเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดของความเป็นมนุษย์ เพราะอารมณ์ที่เธอเรียกกันว่าแง่บวกและความปรารถนาดีทำให้เกิดความรัก ความเมตตา การเกื้อกูลสนับสนุนซึ่งกันและกัน และเธอก็ควรจะตระหนักต่อไปได้อีกว่า อารมณ์และความปรารถนาเป็นปัจจัยที่มีคุณค่าสูงสุดของความเป็นจิตวิญญาณเช่นกัน เพราะอารมณ์อันสร้างสรรค์และความปรารถนาดีอย่างไม่มีวันหมดสิ้นของจิตวิญญาณทำให้การเกื้อกูลสนับสนุนซึ่งกันและกันในทุกโลกและทุกมิติเป็นไปได้ต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด เธอไม่อาจจะเข้าใจได้ว่า จิตวิญญาณอันปราศจากอารมณ์และความปรารถนนั้น-ไม่มีจริง เพราะเธอตีความหมายคำว่าอารมณ์และความปรารถนาไว้อย่างแคบๆและต่ำต้อย อารมณ์และความปรารถนาเป็นพลังผลักดันให้จิตวิญญาณเคลื่อนไหว ทำให้วงจรชีวิตในทุกโลกและมิติดำเนินต่อไปได้อย่างไม่หยุดยั้ง และเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้จักรวาลขยายต้วต่อไปอย่างงไม่มีวันสิ้นสุด

    การให้คำจำกัดความและยึดติดกับคำนิยามมากมายทำให้เธอไม่สามารถเข้าใจธรรมชาติของจิตวิญญาณของเธอได้ เพราะเธอจะพยายามทุกวิถีทางที่จะตัดความเป็นไปได้อื่นๆที่ไม่คล้องจองกับคำนิยามและความเชื่ออันจำกัดของเธอออกไป หากเธอจะยอมรับว่าฉันคือจิตวิญญาณที่อยู่ในตารางลำดับที่เหนือจิตวิญญาณของมนุษย์ เธอก็จะต้องตัดความเป็นจริงออกไปด้วยว่า ฉันเป็นต้นไม้ ใบหญ้า สายลม แสงแดด สายรู้ง ดาวฤกษ์ ภูเขา เมฆ ผีเสื้อ กระต่าย หรือ เม็ดทราย เพราะสิ่งเหล่านี้บ้างก็ไม่อยู่ในตารางของเธอเลย และ บ้างก็อยู่ในระดับที่เธอเรียกว่าต่ำกว่าจิตวิญญาณของมนุษย์

    ฉันเคยกล่าวมาแล้วและจะกล่าวต่อไปอีกเสมอๆว่า อย่ามัวเสียเวลากับคำถามบางคำถาม เพราะเมื่อเธอตั้งคำถามผิด เธอจะไม่มีวันได้คำตอบที่ถูกต้อง แต่ทั้งนี้ฉันก็ไม่ได้ปรารถนาให้เธอทิ้งคำถามเหล่านั้นไป แต่ฉันปรารถนาให้เธอรู้จักตั้งคำถามที่ขยายความคิดของเธอออกไป และไม่จำกัดความคิดเหล่านั้นไว้ด้วยคำนิยามต่างๆ เพราะเมือเธอล้อมกรอบที่จะบรรจุความรู้ของเธอไว้ด้วยคำนิยามจำเพาะชุดหนึ่งๆ ไม่ว่าเธอจะได้รับความรู้ใหม่เพิ่มเติมเพียงใด ในที่สุดเธอก็จะตัดทอนมันออกไปจนกระทั่งมันกลับไปบรรจุได้เพียงภายในกรอบเดิมของเธอเท่านั้น เพราะเธอไม่เปิดโอกาสให้ความรู้ของเธอแตกแขนงออกไปได้ มันจะทำให้เธอเต็มไปด้วยความลังเลสงสัยต่อไป จนกว่าเธอจะเผชิญกับภาวะหลังความตาย และพบว่าความลังเลสงสัยเหล่านี้และความเชื่ออันจำกัดคือปัจจัยหลักที่ขัดขวางไม่ให้เธอไปสู่ภาวะที่เธอเรียกว่าความเป็นเลิศ

    สำหรับฉันแล้ว ภาวะแห่งความเป็นเลิศไม่มีอยู่จริง แต่ฉันอยู่ในภาวะที่สนับสนุนเกื้อกูลจิตวิญญาณทั้งหลายต่อไปอย่างไม่มีิวันสิ้นสุด ไม่ว่าเธอจะเรียกฉันว่าอะไร เธอก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงธรรมชาติความเป็นจริงของฉันไปได้ ต่อเมื่อเธอเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติความเป็นจริงของฉัน เธอจึงจะพบธรรมชาติความเป็นจริงของตนเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2007
  9. penpilai

    penpilai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +216
     
  10. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ขอบคุณ คุณหนุ่มเสก ที่ post เพลงไพเราะพร้อมเนื้อร้องมาให้ค่ะ ทำให้พี่นักเขียนหวลคิดถึงความหลังเมื่อครั้งไป Venice ลงเรือ Gondola แล้วได้ร้องเพลงนี้กับนักร้องด้วย ท่าน อจ.ศิิลป์ พีระศรีได้ทิ้งศิลปะล้ำค่านี้ไว้ให้พวกเรา ซึ่งรับมาโดยไม่รู้ตัวจนกระทั่งเรียนหนังสือจบไปหลายสิบปี ไปจนถึง Italy จึงรู้ตัว ทำให้หน้าบานพอกับลำเรือ พวกฝรั่งเขาถามพี่นักเขียนกับสามีว่ามาจากประเทศใด ทำไมจึงรู้จักและร้องเพลงนี้ได้ สามีพี่นักเขียนแกก็เป็นชาว'ถาปัดเหมือนกันติดจะมีอารมณ์ขัน ตอบเขาไปว่าเรามาจาก Free Spirit Country เลยถูกซักใหญ่จนต้องบอกถึงที่มาของเพลงนี้ว่า ครูบาอาจารย์ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากรของเราเป็นชาว Italian สัญชาติไทยชื่อ Corrado Feroci พวก Italian ชอบใจเรามาก ไปซื้อของก็ลดราคาแหลกแจกแถมใหญ่ เขาบอกว่าเราไม่ใช่คนแปลกหน้าแต่เป็นลูกศิษย์ของศิลปิน Italian ได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านเกิดของท่านที่เมื่อง Florence ซึ่งเป็นเมืองบ้านเกิดของ Michaelangelo เช่นกัน พี่นักเขียนเลยได้ใจ ไปเล่าเรื่องนี้ให้พ่่อค้าแม่ขายชาว Italian ฟังอีกว่าเราเป็นลูกศิษย์ศิลปิน Italian ถูกเขาชวนร้องเพลงอีกหลายรอบ แล้วก็ได้ลดแหลกแจกแถมอีก ทำให้เห็นว่าชาว Italian เป็นศิลปินแต่กำเนิดจริงๆ ใครๆดูเหมือนจะร้องเพลงได้ไพเราะจับใจทั้งนั้นราวกับนักร้องอาชีพ

    ชาวศิลปากรคงได้มีโอกาสร้องเพลงนี้กันเป็นแถวละนะคะเมื่อไปถึง Italy รับรองได้ว่าคงไม่มีใครยอมพลาดเช่นเดียวกับพี่นักเขียน เพราะหัดร้องกันนานหลายเดือนตอนโดนซ่อม แต่ไม่ยักกะเคยได้ออกโชว์ พอแก่ตัวมีโอกาสเลยต้องคว้า แม้ว่าเสียงจะไม่เพราะก็ช่างปะไร พวกศิลปินแต่กำเนิดเขาร้องกลบเราอยู่ดีเพราะปอดเขาคงใหญ่กว่าเราหลายเท่า (โทษปอด) (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2007
  11. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ในหนังสือ อมตะแห่งจิตวิญญาณภาคปลาย บทที่ 16 การเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่ระดับต่างๆ หน้า 384 ว่า

    ฉันได้กล่าวมาแล้วว่า สติสัมปชัญญะในระดับหนึ่งๆ สร้างโลกแห่งความเป็นจริงของมันขึ้นมาเสมือนกับที่สติสัมปชัญญะในระดับปกติที่เธอรู้จักคุ้นเคยสร้างโลกแห่งความเป็นจริงของเธอ....

    ในบางขณะที่เราจดจ่อกับการทำบางสิ่งบางอย่างเพียงอย่างเดียว จิตวิญญาณมักเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปจากภาวะปกติ ซึ่งทำให้เรารู้เห็นหรือเผชิญกับภาวะที่แตกต่างไปจากปกติไม่มากก็น้อย แต่เรามักไม่ได้ใส่ใจถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ซึ่งเกิดขึ้นเสมอๆ แม้จะรู้หรือสัมผัสได้ก็มักไม่ให้เครดิตตนเองและลังเลสงสัย

    คุณน้อง penpilai มีคำตอบให้ตนเองซึ่งอยู่ในคำถามทั้งหมด เพราะคุณน้องตระหนักได้ถึงความรู้สึกที่ว่ามีพลังงานแผ่กระจายบริเวณกลางกระหม่อม และรู้ได้ว่าเป็นไปนานเกือบ 1 ชั่วโมง รู้ได้ถึงความรู้สึกหน่วงที่เกิดขึ้นตรงหน้าผาก และยังรู้สึกได้ถึงกระแสที่มาสัมผัส พร้อมกับรู้ด้วยว่าตนเองมีอารมณ์สงบลึกๆ

    การสัมผัสกับความรู้สึกทางกายทั้งหลาย ล้วนเป็นภาวะที่สะท้อนถึงภาวะที่เปลี่ยนไปของภาวะจิต ซึ่งไม่ได้หมายความว่า เมื่อจิตวิญญาณเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่ระดับอื่นหรือภาวะอื่นๆแล้วทุกคนจะมีอาการเสมอเหมือนกัน เพราะภาวะทางกายเป็นภาพสะท้อนภาวะทางจิต หรือ อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดอันเป็นเอกลักษณ์ของเราแต่ละคน

    แต่ละบุคคลมีความเป็นเอกลักษณ์อันละเอียดอ่อนและแตกต่างกันไป ตนเองจะรู้ได้ดีที่สุดว่ากำลังสัมผัสกับภาวะที่มีความหมายต่อตนเองอย่างไร และเป็นไปได้ด้วยอารมณ์ใด และหากเราสัมผัสกับพลังงานนั้นๆได้ สิ่งที่เราจะทำได้ขั้นต่อไปคือ เรียนรู้ว่าจะเหนี่ยวนำพลังงานนั้นๆไปใช้ได้อย่างไร

    พลังงานคือจิตวิญญาณ
    จิตวิญญาณคือพลังงาน

    การเหนี่ยวนำพลังงานหรือจิตวิญญาณเป็นไปได้ด้วยวิธีการเดียวคือ การเหนี่ยวนำด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิด

    การเหนี่ยวนำพลังงานที่สัมผัสได้และตระหนักได้ว่ากำลังได้รับมาจากต้นกำเนิดไปสู่จุดหมายปลายทางอื่นๆเป็นสิ่งที่เป้นไปได้กับทุกคน ซึ่งตามธรรมชาติแล้วเราทุกคนทำเช่นนั้นอยู่เสมอโดยไม่รู้ตัว เรานำพลังงานจากต้นกำเนิดไปจดจ่อและถ่ายทอดสู่จุดหมายปลายทางต่างๆเป้นวัตถุธาตุ ประสบการณ์ชีวิตและสุขภาพร่างกายของเราตลอดวันเวลา นอกเหนือไปจากนี้เราสามารถเหนี่ยวนำพลังงานเหล่านี้ไปสู่ฝ่ามือ ทำให้ฝ่ามือร้อน และนำไปรักษาโรคได้ด้วยการสัมผัส ด้วยการเพ่ง หรือด้วยการใช้จินตภาพ

    การเหนี่ยวนำพลังงานไปใช้ในลักษณะใดนั้นเป็นความสามารถจำเพาะอันเกิดจากความสนใจส่วนบุคคล ตัวพี่นักเขียนเองมีความสนใจในการเหนี่ยวนำพลังงานหรือจิตวิญญาณเพื่อการรักษาโรคด้วยจินตภาพและด้วยฝ่ามือ ซึ่งเป็นความสนใจที่มีมาก่อนที่จะมาสู่การเหนี่ยวนำเพื่อถ่ายทอดความรู้

    ตามประสบการณ์ พี่นักเขียนจะรู้สึกถึงการได้รับพลังงานในลักษณะที่คล้ายคลึงกับที่คุณน้อง penpilai กล่าวถึง คือรู้สึกได้ถึงพลังงานที่ส่งผ่านเข้าสู่ตัวตนทางกระหม่อม แต่ภาวะอันเป็นไปของพี่นักเขียนเกิดจากการฝึกหัด คือ ศึกษาวิชา Reiki คือใช้ถ่ายทอดทางฝ่ามือด้วยการสัมผัส ผนวกกับการรักษาโรคด้วยจินตภาพ ซึ่งอาจารย์จะสอนให้เริ่มจากการใช้จินตนาการในการรับถ่ายทอดพลังงานมาจากต้นกำเนิดจากทุกทิศทาง คือรับเข้าทางฝ่าเท้าทั้งสองข้าง ก้นกบ และทางกระหม่อม เมื่อเข้าสู่ภาวะที่รับพลังงานได้ ร่างกายตัวตนจะรู้สึกเสมือนว่าเป็นทรงกระบอกกลวงที่พลังงานปริมาณมหาศาลผ่านเข้าออกตลอดเวลาคือ จากจักรวาลเบื้องบนลงสู่กระหม่อมและผ่านลงสู่ร่างกาย ออกทางฝ่าเท้าและก้นกบไปสู่ศุูนบ์กลางของโลก และในทางกลับกัน พลังงานจากศูนย์กลางของโลกจะแผ่เข้ามาสู่ร่างกายตัวตนทางฝ่าเท้าทั้งสองข้างและก้นกบ และพุ่งผ่านร่างกายตัวตนขึ้นสู่กระหม่อมและกลับคืนสู่จักรวาล

    ทั้งหมดนี้เล่าโดยย่อค่ะ ซึ่งที่จริงแล้วสัมพันธ์กับการเหนี่ยวนำด้วยจักระทั้ง 7 จุด ผนวกกับการนั่งสมาธิเหนี่ยวนำพลังงาน แต่ในที่นี้ของเล่าย่อๆเพราะเป้าหมายไม่ใช่การสอนวิธีการรักษาโรคด้วย Reiki หรือจินตภาพ แต่ต้องการอธิบายถึงความเป็นไปได้ในการเหนี่ยวนำพลังงาน หากสนใจเรื่องรักษาโรคด้วยฝ่ามือ คงต้องเป็นอีก course หนึ่งต่างหากค่ะเพราะไม่ใช่เรื่องสั้น

    เมื่อร่างกายตกอยู่ในภาวะที่เป็นเสมือนทางผ่านของพลังงานมหาศาล สามารถเหนี่ยวนำให้ไปสู่ฝ่ามือได้เพื่อถ่ายทอดให้ตนเอง โดยใช้ฝ่ามือสัมผัสส่วนต่างๆของร่างกายของตนเองหรือผู้อื่นได้
    ในภาวะนี้เราจะรู้สึกได้การเหนี่ยวนำของพลังงานเป็นไปอย่างได้ผลเพราะฝ่ามือจะร้อนจัด เมื่อสัมผัสกับส่วนใดของร่างกายของตนเองหรือผู้อื่น พลังงานความร้อน หรือพลังที่จะรักษาโรคก็ถ่ายทอดไปสู่จุดที่สัมผัสได้เช่่นเดียวกันกับการถ่ายทอดอุณหภูมิ แต่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่ผู้ถ่ายทอดพลังงานกำหนดจะมีผลต่อการรักษาโรคได้อย่างสูงและทำให้การถ่ายทอดพลังงานเป็นไปได้มากและนานกว่าเพียงแค่การถ่ายทอดอุณหภูมิหรือความร้อนตามปกติ

    ดังนั้นคุณน้อง penpilai ควรสังเกตให้พบว่า การรับพลังงานในลักษณะดังกล่าวเป็นไปเมื่อไร ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดใด และลองฝึกเหนี่ยวนำพลังงานนั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งแล้วแต่ว่าเรามีความสนใจที่จะนำพลังงานนั้นๆไปทำอะไร
     
  12. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    Three dimensional spider web
    เรื่องใยแมงมุมนี่..พี่นักเขียนต้องใช้ถึง 4 ภาพมาอธิบายรายละเอียดได้จนหมด ไม่ง่ายเลยครับที่จะหา picture concept แต่ก็ทำให้ได้รับรู้ถึงสิ่งที่ได้สัมผัสแล้วครับ มีมิติของความอบอุ่นชุ่มชื่นใจ มืดมิดแต่สว่างไสว พราวแพรวเหมือนหยดน้ำ เป็นอนันต์ขดทับซ้อนกันอยู่ ผมว่าการถ่ายทอดข้อมูลออกมาเป็นภาพนี่นอกจากจดจำง่ายแล้วยังเข้าใจง่ายกว่าตัวอักษรมากทีเดียวครับ จะได้จดบันทึกไว้ในจิตเลยครับ ไว้จะหาภาพมาช่วยเสริมอีกสนุกดีครับ..อีกหน่อยเราจะชวนกันวาดรูปถ้าหาภาพไม่ได้จริงๆ เห็นน้องมายด์นี่ก็วาดรูปเก่งไม่เบา ท่านอื่นๆก็วาดได้แน่นอนครับ หรือจะหัดแต่งเพลงร้องเพลง มีชั่วโมงวาดเขียน+ชั่วโมงดนตรีกันด้วย คิดแล้วก็ยิ้มไป ที่เห็นโรงเรียนในห้องวิทย์มีกิจกรรมสร้างสรรค์มากมายแบบนี้ขึ้นมาครับ..เตรียมตัวกันไว้นะ +-+

    จริงๆแล้วผมชอบฟังเรื่องที่พี่นักเขียนเล่านะ..ถึงจะนอกหลักสูตรแต่เป็นเบื้องหลังที่น่าศึกษาครับ เป็นประสบการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นส่วนตัว อันนี้ขอให้เอามาเล่ากันทุกๆคนนะครับ ส่วนหนังสือติดขัดไม่เข้าในก็มาถามกันที่นี่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2007
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425

    ภาพตอนเด็กๆ..ตอนนั้นบ้านอยู่ริมคลองแถวบางขุนเทียน
    ถ้ามีภาพสมัย 2-6 ขวบเอามาลงกันนะครับ..

    เพิ่มรูปคับ**
    ถ้าลงไม่เป็นถามได้ครับ พี่นักเขียนจะสื่อความหมายอะไรครับ +-+
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0144.jpg
      0144.jpg
      ขนาดไฟล์:
      144.9 KB
      เปิดดู:
      86
    • 013.jpg
      013.jpg
      ขนาดไฟล์:
      387.8 KB
      เปิดดู:
      81
    • CIMG1008.jpg
      CIMG1008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.3 KB
      เปิดดู:
      78
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2007
  14. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    โห.....เผอไปวันเดียว ไปแล้ว 3-4 หน้า
    เดี๋ยววันนี้ค่อยๆเก็บทีละหน้า..เฮ้อ..สู้ๆๆ
     
  15. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166

    ภาวะอันเป็นไปที่อยู่เบื้องหลัง
    อาจารย์ครับรูปอายุ 2-6 ขวบผมไม่มีแล้วครับเอาเป็นรูป 16 ขวบได้หรือเปล่าครับ
    ไม่รู้ว่ารูปนี้เป็นพี่หรือน้องของน้องมายน์ ก็ไม่รู้ว่าจะนำไปสู่ต้นกำเนิดได้หรือเปล่าครับ
    ลงรูปแล้วทำอย่างไรต่อครับ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Picture111.jpg
      Picture111.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.4 KB
      เปิดดู:
      427
  16. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ว้าวววว....คุณเฉลยหล่อมั่กๆ
    ถ้าให้เดาต้องราวๆ พ.ศ.2515..อยู่โรงเรียนสวนกุหลาบรึเปล่า
    บรรยากาศเหมือนแถวนั้นครับ
     
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    เมื่อวานคุยกันเยอะเลยครับพี่เม้าส์
    เห็นไปงาน อ.ตาที่สามกันมาเหนื่อยๆ พับก่อนครับพี่
    ค่อยๆตามเก็บนะมีทั้งสาระและสาคู
     
  18. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ไม่อยู่ซะหลายวัน เรียนกันไปอย่างรวดเร็ว
    รอนกด้วยนะ ไว้กลับบ้านวันนี้เปิดอ่านก่อน จะรีบวิ่งตาม
    มัวแต่ไปโอ้เอ้ที่อื่นพวกพี่ๆวิ่งกันไปเห็นแต่ชายเสื้อล่ะ

    อาทิตย์ก่อนได้อ่านเรื่องราวของแม่ชีทศพรในบอร์ดพลังจิตนี้
    รู้ซึ้งถึงความเมตตาของแม่ชีมากที่ช่วยเหลือคนที่มีปัญหามากมาย
    แต่เดี๋ยวนี้แม่ชีมีภาระหน้าที่มากถ้าใครจะหาโอกาสได้พบท่านก็ยาก
    พออ่านจบใจก็นึกอยากไปคุยกับแม่ชีจังเลย จะมีโอกาสบ้างไหมเนี่ย
    กลางคืนหลับฝันว่าเดินไปในสวนร่มรื่นมาก ลมเย็น ต้นไม้เขียวชอุ่ม หญ้าเป็นสีเขียว
    เดินไปเรื่อย ๆ ก็เห็นแม่ชีทศพรนั่งอยู่ แล้วมีคนนั่งอยู่อีกคนนึงแต่หันหลัง
    พอเข้าไปใกล้ ๆ ปรากฎว่าเป็นแม่ของนกเอง ตอนนั้นก็แปลกใจแม่มาได้ไงเนี่ย
    เราก็คลานเข้าไปกราบแม่ชีใกล้ ๆ หน้าท่านยิ้มแย้มแล้วมือท่านก็จับหัวเบา ๆ
    เราก็พูดขึ้นมาว่าได้มีโอกาสมาไหว้แม่ชีแล้ว ดีใจจริง ๆ แม่ชีก็บอกว่า มาแม่จะแก้กรรมให้
    ตื่นขึ้นมารู้สึกว่ามีความสุขใจอยู่เลย เหมือนกับได้ไปเจอแม่ชีจริง ๆ
    ถึงกายไม่ได้ไปแต่ใจไป ก็มีความสุขใจเหมือนกันนะนกว่า

    ส่วนคืนก่อนฝันเห็นศพคนตาย 9 ศพ ใส่สายพานลำเลียงไปทำพิธีอะไรซักอย่าง
    ด้วยความอยากรู้ก็เดินตามไปดู เดินไปก็มองศพทีละศพ ทุกคนนอนเหมือนนอนหลับ
    มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ทั้งหญิงและชาย แต่มีศพผู้ชายคนนึงเค้าผงกหัวขึ้นมา
    เราก็มองหน้าเค้าคิดอยู่ว่ายังไม่ตายนี่ลุกขึ้นมาได้อีก แต่หน้าเค้าดูซีด ๆ ขาว ๆแล้ว
    ตอนไปนั่งเพื่อรอทำพิธี ได้นั่งอยู่ใกล้ ๆ กับพระสงฆ์รูปหนึ่ง ท่านตัวท้วม ๆ ใหญ่
    เราพูดกับพระท่านว่า อาจารย์โนวาบอกว่า อดีต ปัจจุบัน อนาคตดำเนินไปพร้อมกัน เราสามารถกลับไปแก้ไขได้
    พระท่านทำเฉย ๆ รู้สึกได้ว่าท่านไม่เชื่อ เราก็ยืนยันจริงจังว่ามันเป็นไปได้จริง ๆนะ
    คิดอยู่ในใจว่าท่านน่าจะเข้าใจอะไรได้ดีกว่าเราซะอีก ทำไมไม่เชื่อ
    ที่จริงฝันมากกว่านี้แต่ปะติดปะต่อกันไม่ค่อยถูก เพราะก่อนนอนไม่ได้จดจ่อกับสติตัวเองเท่าไหร่นัก

    วันก่อนขึ้นรถไฟฟ้า พอตอนยืนก็หยิบหนังสือของอาจารย์โนวามาอ่าน
    หนังสือดึงดูดสายตาหลายคู่เหมือนกัน เราก็พยายามอ่านแบบโชว์หน้าปกไว้
    ถือเป็นการประชาสัมพันธ์หนังสือไปด้วยเลย จะได้มีคนอ่านเยอะ ๆ
    คนที่ยืนข้าง ๆ คงสงสัยว่าหนังสืออะไรกันทำไมถึงได้ยืนอ่านแบบจริงจังอย่างนี้
    พอจะรู้สึกได้ว่าเค้าก็ยืนอ่านไปด้วย ถ้าเค้าสนใจจริง ๆ คงจะไปหาอ่านต่อจนได้
    มีหลายประโยคอ่านแล้วโดนใจอย่างมาก แต่ไว้กลับไปบ้านก่อนจะเอามาพิมพ์

    ปล.จะขอเอารูปตอนเด็ก ๆ มาลงบ้างค่ะ ไว้ไปหารูปที่บ้านก่อนนะ
     
  19. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    คุณ mead บอกปีที่ผมถ่ายใกล้เคียงครับ ผมถ่ายปี 16-17 ครับช่วงนั้นเรียนม.ศ. 4 (ระบบสมัยเก่า)ที่กำแพงเพชรพิทยาคม หลังจากจบ ม.ศ. 3 ที่ ร.ร.ชายนครสวรรค์ ช่วงนี้ดูหน้าตาก็รู้ว่ามีปัญหาครับ บอกแค่นี้นะครับไม่รู้ว่าอาจารย์จะให้ทำอะไรบ้าง
    เมื่อวานบอกว่าจะเอารูปค้างคาวแม่ไก่ให้ดูครับ ไม่รู้มองเห็นหรือเปล่า ส่วนรูปที่สอง มีกระรอกตัวหนึ่งใครมองเห็นบ้าง เรียนรู้จากธรรมชาติครับ (ต้องขออนุญาติอาจารย์ด้วยครับที่ข้ามบทเรียนมาตรงนี้)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ว้าว ! น้องผมกลับมาแล้ว รับรองน้องมายน์ กับพี่ๆ ไม่เหงาแล้ว แต่สงสารอาจารย์จัง ต้องตอบคำถามอีกเยอะเลย ขนาดผมจะถาม ยังไม่กล้าต้องอาศัยอ่านจากที่น้องๆถามก็เก็บความรู้แทบไม่ทันแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...