จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ตอนนี้เหลือแค่วิ่งและกระโดดนั้นแหละครับ ที่ยังไม่สามารถทำได้ครับ อิๆๆๆๆ

    ขอขอบพระคุณทุกๆท่านมากครับที่ส่งหลายๆอย่างมาทั้งทางลับทางแจ้ง :cool::cool::cool:

    เข้าโรงพยาบาลครั้งนี้ได้ถือว่าเข้าสู่การทดสอบแบบวิ่งชนด้วยไหมไม่ทราบครับ แต่ได้กลับมาหลายๆอย่างมากจริงๆ แค่เรื่องเราต้องนอนแง่วอยุ่บนเตียงคนเดียวแบบไม่มีใครเราจะเป็นไงหนอ นี่ก็เป็นบททดสอบที่ดีบทหนึ่งทีเดียวครับ
     
  2. ไผ่มรกต

    ไผ่มรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,896
    อุปทานหมู่มิได้มีในจิตเกาะพระ

    ชาวจิตเกาะพระมิได้มีอุปทานหมู่ แต่จะมีบ้างที่นิมิตปลอมตามมาหลอกหลอน ต้องขออภัยและขอบคุณในไมตรีจิตของท่านที่ติดตาม ◎ อาศรมไผ่มรกต.com
    ตัวอย่างคำสอนง่ายๆที่ปฏิบัติได้จริงของชาวจิตเกาะพระ
    @จิตเปรียบเหมือนเลข ๙ อย่างไร

    เลข๙เป็นเลขที่มีจำนวนสูงที่สุดในบรรดาเลขทุกตัว และเป็นเลขกายสิทธิ์ หมายความว่าไม่ตาย แต่เลข๙ก็ยังเป็นเลขไม่สมบูรณ์ เลขสมบูรณ์กว่าคือเลขศูนย์๐ ที่ว่าไม่สมบูรณ์ก็เพราะว่ามีการเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ เหมือนกับน้ำบนแผ่นดิน ส่วนเลข๐สูญนั้น ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เหมือนน้ำในมหาสมุทรคงที่ เลขศูนย์เป็นอากาศธาตุ ไม่ตายใช้เท่าไหรก็ไม่มีหมด เช่นคนสูบความว่าง หายใจเข้าไปเท่าไหรๆ ความว่างธาตุว่างก็ไม่มีวันที่จะหมดไป เลขสูญ๐ไม่หมด และไม่มีอะไรๆที่จะลบล้างได้ ดังจะรู้ได้ดังนี้
    เอาเลข ๑ ลบเลข ๐ จะเห็นว่าลบไม่ได้ สูญก็ยังคงเป็นสูญดังเดิม
    เอาเลข ๑ ลบเลข อื่นๆ เลขอื่นๆจะลดลง เช่นเอาเลข ๑ ลบเลข ๙ เลข ๙ จะลดจำนวนลงเหลือ ๘ หรือ ๑ ลบ ๘ จะเหลือ ๗ หรือว่าเอา ๑ บวก ๐ ก็คงไม่ได้จำนวนเพิ่มขึ้นจาก ๐ เลข ๐ จึงชื่อว่าสมบูรณ์ เป็นสภาพมีอยู่ เลข ๐ จึงชี้ว่าเป็นอมตะมหานิพพาน ซึ่งเป็นสภาพมีอยู่ มีอยู่เหนือกาลทั้งสาม
     
  3. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    “สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ โมฆราช สทา สโต อตฺตานุทิฏฺฐึ
    อูหจฺจ เอวํ มจฺจุตฺตโรสิยา เอวํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ มจฺจุราชา น ปสฺสติ”

    แปลว่า “ดูก่อนโมฆราช ท่านจงตั้งสติพิจารณาโลก(สังขาร) ว่าเป็นของว่าง
    โดยถอนอัตตานุทิฏฐิ ออกไปเสีย ด้วยการพิจารณาโลก ดังนี้
    พระยามัจจุราช ก็จะแลไม่เห็นท่าน และท่านก็จะพ้นจากความตาย”.
     
  4. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932

    แล้วท่านสุญญ(ขออภัย..ขออนุญาติเรียกแบบนี้นะครับ) มีหลักในการพิจารณาเพื่อถอดถอน"วิญญาณขันธ์(นาม)"อย่างไรหรือครับ? แล้วเราจะมีหลักปฎิบัติอย่างไร?เพื่อที่จะทรงสภาพ"สุญญตวิหาร"ให้มันคงที่คือ"จิตเสถียร"ไม่มีการไกวตัวอีกเลย.. ขอบคุณครับ

    โมทนาสาธุกับ"อริยบุคคลฝ่ายฆารวาส"ด้วยครับท่านสุญญ..
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ความสัมพันธ์ธรรมะกับจิต​


    พระธรรมหรือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น
    ถือเป็นของสูงยิ่ง มีความสำคัญและมีคุณค่าต่อจิตใจของมนุษย์
    เพราะฉะนั้นแล้ว
    ธรรมะจึงเป็นของละเอียดยิ่ง ยากคนธรรมดาสามัญจะเข้าใจ
    ดูเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ เพราะปฎิบัติตามทันทีทันใดนั้น ย๊ากส์
    เพราะเหตุใด
    ก็เพราะว่าจิตผู้นั้นหยาบเกินไป
    การที่ใครสักคนนึงจะเข้าใจธรรมะนั้น จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่ยากเย็นนัก
    เพียงแต่ผู้นั้นจักต้องทำให้จิตนิ่งหรือจิตละเอียดก่อน
    เพราะยิ่งจิตคนเรานิ่งมาก เราก็ยิ่งเข้าใจธรรมะมากขึ้นเท่านั้น
    ยิ่งผู้ใด จิตปัญญาด้วยแล้ว ก็จะสามารถเข้าใจทั้งทางโลกและทางธรรม

    เพราะฉะนั้น
    การเข้าใจธรรมะเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ คือจะต้องเข้าถึงธรรมะด้วย
    การเข้าถึงกระแสธรรมนั้น ไม่ยาก
    แต่จะยาก คือการเข้าถึงจิตของตนเองหรือกระแสจิตตนเอง

    เมื่อเข้าถึงกระแสจิตตนเองได้แล้ว
    ไม่ว่าธรรมะจะหยาบหรือละเอียดสักปานใด
    แต่ถ้าจิตผู้นั้น สามารถเข้าถึงความละเอียดแห่งจิตตนเองได้นั้น
    จิตยิ่งละเอียดมาก ผู้นั้นจึงเข้าใจธรรมะและเข้าถึงธรรมะได้เป็นอย่างดี

    เพราะฉะนั้น
    ผู้ปฎิบัติอย่าเพิ่งไปเน้นปริยัติให้มากนัก แต่เน้นปฎิบัติมากๆ
    เพราะการเรียนรู้เรื่องปริยัตินั้น เรากำลังเอาสมองไปปฎิบัติ(จดจำ)
    แต่การเรียนรู้เรื่องปฎิบัตินั้น เรากำลังเอาจิตไปปฎิบัติ(เดินมรรค)
    แต่มิใช่ปริยัติไม่สำคัญ
    สำคัญเหมือนกันหมด ซึ่งจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้
    เปรียบเสมือนขาหยั่งที่มีสามขา ซึ่งจะขาดขาข้างใด ขาหนึ่งไม่ได้
    เพราะจะล้มครืนลงมาทันที
    เพราะฉะนั้น
    ทั้งปริยัติ ปฎิบัติ ปฎิเวธ สำคัญด้วยกันทั้งหมด
    จึงขาดอย่างใด อย่างหนึ่งไม่ได้เช่นกัน

    สรุปแล้ว จะต้องอาศัยกัน
    แต่ขอให้ผู้ปฎิบัติลงมือปฎิบัติก่อน เมื่อปฎิบัติผลอย่างไร
    แล้วค่อยนำผลจากการปฎิบัติ(ปฎิเวธ) นำมาเปรียบเทียบเอากับ ปริยัติในภายหลัง
    ป้องกันการหลงทาง
    และผู้เจริญทั้งหลาย ได้โปรดใช้สติปัญญา นำความลังเลหรือสงสัยของตนเองด้วยเถิด​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 ธันวาคม 2012
  6. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ขอน้อมรับคำชี้แนะจากท่านครับ ...
    ขอให้ท่านมาช่วยกันขยายธรรมบ่อยๆนะครับ ...

    ท่านน่ารักมากๆครับ มีสิ่งใดก้อมาชี้แนะและบอกกล่าวกัน
    น่ารักแบบนี้มาขยาย+บรรยายธรรมทุกวันเลยนะครับ
    ธรรมแท้ของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ขัดกัน มีแต่เสริมเพิ่มเติมกันไปแบบนี้แหละครับ ...

    ภูมิรู้ภูมิธรรมของท่านจะช่วยให้คนที่ยังด้อยอยู่ได้เรียนรู้จากท่านด้วยครับ


    ยินดีที่ได้พบเจอกันครับ ... ด้วยจิตคารวะ



    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  7. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    “..อย่ารู้สึกว่า ท่านกำลังฝึกปฏิบัติอยู่เฉพาะเวลานั่งขัดสมาธิเท่านั้น พวกท่านบางคนบ่นว่า ไม่มีเวลาพอที่จะทำสมาธิภาวนา แล้วเวลาหายใจเล่ามีเพียงพอไหม?

    การทำสมาธิภาวนาของท่าน คือการมีสติ ระลึกรู้ และการรักษาจิตให้เป็นปกติตามธรรมชาติ ในการกระทำทุกอิริยาบถ..”

    หลวงปู่ชา สุภทฺโท
     
  8. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    อันไส้ไก่นี้ มิมีใครหลอกพี่ภูได้หรอกครับ ...
    เป็นวาระที่ดึงพี่ภูเข้าไปเอง อิอิ ... จัดสรรๆๆๆ อิอิ ...

    พี่ภู+ไส้ไก่ = เจ้าพ่อยกจิตไส้ไก่ 55555


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  9. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
     
  10. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    โมทนากับครูวัฒสุดหล่อ+คารมดี ของผมด้วยครับ ...

    หายมาม่า เอ้ยยย ไวไว นะครับ

    ลูกหว้าคิดถึง 55555555555555555



    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  11. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    เห็นทุกข์แต่ขาดปัญญาลงตัวธรรมดาไม่ได้ก็จมอยู่กับทุกข์

    สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ ไว้ดังนี้

    ๑. เจ้าเห็นโลกนี้มีแต่ความทุกข์ อันน่าเบื่อหน่ายหรือยัง (ตอบว่า เห็นแล้ว) เห็นเป็นอย่างไร (ตอบว่า เห็นทุกข์ตั้งแต่ตื่นเช้า จนกระทั่งหลับใหม่ ต้องมีภาระพันธะ ต้องเลี้ยงดูร่างกาย ชำระล้างร่างกายที่สกปรก ต้องหาอาหารให้ร่างกาย ต้องขับถ่ายของเสียออกจากกาย ต้องกวาด เช็ด ถู ที่อยู่อาศัย ต้องทำงานตามหน้าที่ โลกจึงเต็มไปด้วยความทุกข์ไม่น่าอยู่

    ๒. โลกนี้เป็นเช่นนี้แหละเจ้า แต่ตราบใดที่ร่างกายของเจ้ายังทรงอยู่ ย่อมจักหนีไปไม่พ้นจากสภาวะทุกข์เยี่ยงนี้ของโลก เพราะนี่คือความปกติของโลก ซึ่งมีความพร่องอยู่เป็นนิจ ทำให้จิตผู้อาศัยอยู่ใน ขันธโลก นี้ต้องเสาะแสวงหาธาตุ ๔ มาปรนเปรอมันไม่รู้จบ จนกระทั่งมันตายก็เต็มไปด้วยความทุกข์

    ๓. การมีร่างกาย จึงจำเป็นจักต้องบริหารร่างกายเป็นธรรมดา อาหารเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าไม่หาให้แก่ร่างกาย ร่างกายก็จักถูกบีบคั้นทรมาน จึงจำเป็นต้องหาอาหารมาเพื่อระงับทุกขเวทนา แต่ก็จงกำหนดรู้ว่า การแสวงหานั้นเต็มไปด้วยความทุกข์ ก็จงทุกข์แต่เพียงชาตินี้ ชาติต่อไปจักไม่มีสำหรับเรา ทำทุกอย่างเพื่อให้พ้นไปจากร่างกาย

    ๔. ตัดตัณหาที่เป็นเหตุให้เกิดเสีย ชาตินี้จักเป็นชาติสุดท้ายที่มีร่างกาย เมื่อมันยังไม่พัง ก็จงทำทุกอย่างไปตามหน้าที่ ไม่ดิ้นรนให้จิตเป็นทุกข์ เพราะเหตุเหล่านั้นเป็นธรรมดา

    ๕. ขันธโลก โลกพร่อง จิตของผู้ไร้ศีลและธรรมเป็นเครื่องรักษาก็พร่อง ปัญหาขโมยไม่ใช่ของใหม่ เป็นของคู่โลกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เจ้าจงเห็นธรรมดาในธรรมดาของบุคคลผู้มีจิตพร่องเหล่านี้เถิด

    ๖. บุคคลผู้รู้กฎของกรรม ย่อมไม่ประกอบกรรมที่เป็นอกุศล ให้ย้อนกลับมาตอบสนองตนเองในภายภาคหน้า ดั่งกับที่พวกเจ้าศึกษาพระธรรมวินัยเพื่อให้รู้ซึ้งถึงกฎของกรรม มีตัวอย่างอยู่พร้อมเสร็จสรรพให้เห็นชัดถึงทุกข์ อันเกิดจากการบกพร่องในมโนกรรม วจีกรรม กายกรรม ว่า การกอปรกรรมไม่บริสุทธิ์ประการใดประการหนึ่ง ย่อมมีทุกข์มีโทษตามกฎของกรรมประการนั้นๆ

    ๗. อย่าตำหนิกรรม เพราะพวกเจ้าหรือทุกคนเคยเป็นคนเลวมาก่อน เพราะจิตบกพร่องตกเป็นทาสของตัณหาด้วยกันมาก่อนทั้งสิ้น และต่างคนต่างก็ได้รับกรรมตอบสนองเรื่อยมาจากผลของกรรมนั้น จึงเป็นธรรมดาของโลก มีใครสักคนหนึ่งไหมที่ไม่ถูกนินทา ที่ไม่ถูกสรรเสริญ นี่เป็นผลของวจีกรรม และมีใครสักคนหนึ่งไหม ที่ไม่เคยถูกตำหนิหรือติเตียน หรือนึกชมอยู่แต่ในใจ นี่เป็นผลของมโนกรรม และมีใครบ้างไหมที่รักษาทรัพย์สินอยู่ได้ โดยไม่ขาดตกบกพร่องธรรมดาของทรัพย์สินจักต้องพร่องไปอยู่เป็นนิจ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุขมีทุกข์นี่เป็นธรรมดา ยิ่งทรัพย์สินถูกไฟไหม้หรือขโมย เหตุก็มาจากกายกรรมที่ตนเคยทำอทินนาทานมาแต่กาลก่อน นี่เจ้าเห็นว่าผิดธรรมดาไหม

    ๘. ในเมื่อไม่ผิดธรรมดา มันก็เป็นธรรมดาซิ แล้วจักทุกข์ใจไปเพื่อประโยชน์อันใด การตายของ ขันธโลก ไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็เป็นธรรมดา เพราะร่างกายจักต้องพร่องและตายไปในที่สุดเป็นธรรมดา จักทุกข์ไปเพื่อประโยชน์อันใด

    ๙. เจ้าเห็นทุกข์นั้นถูกต้อง แต่จงลงตัวธรรมดาเข้าไว้ วางอารมณ์จิตให้อยู่ ในสังขารุเบกขา ญาณเสียด้วย จึงจักวางทุกข์เหล่านี้ลงได้ มิฉะนั้นจิตจักเกิดความหดหู่ อย่างนี้ไม่ถูกต้องนัก เข้าใจหรือยัง วางอารมณ์ให้ถูกด้วย

    ๑๐. จงอย่าลืมการเจ็บป่วยเป็นธรรมดาของกาย ซึ่งไม่มีใครหนีพ้น การเกาะทุกข์ของกายก็เท่ากับเพิ่ม สักกายทิฏฐิ ปิดกั้นทางสู่พระนิพพานไว้สนิท


    ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2012
  12. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,016
    ค่าพลัง:
    +10,241
    ๗. เคารพ(๒๒) ณ ผู้ควร จะประณตและน้อมศีร์
    อีกหนึ่งมิได้มี จะกระด้างและจองหอง(๒๓)
    ยินดี ณ ของตน บ่มิโลภทยานปอง(๒๔)
    อีกรู้คุณาของ นรผู้ประคองตน(๒๕)
    ฟังธรรมะโดยกา- ละ(๒๖) เจริญคุณานนท์
    ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี

    ๘. มีจิตตะอดทน และสถิต ณ ขันตี(๒๗)
    อีกหนึ่งบ่พึงมี ฤดิดื้อทนงหาญ(๒๘)
    หนึ่งเห็นคณาเลิศ สมณาวราจารย์(๒๙)
    กล่าวธรรมะโดยกาล(๓๐) วรกิจจะโกศล
    ทั้งสี่ประการล้วน จะประสิทธิ์มนุญผล
    ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี

    จาก มงคลสูตรคำฉันท์ พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

    _/\_ ขออนุโมทนาในธรรมทาน จากทุกท่านด้วยครับ
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =====

    เมื่อขันธ์ทั้งหลายยังมีอยู่ รูปนามยั้งตั้งอยู่
    ทุกข์เท่านั้นย่อมเกิด ทุกข์ย่อมตั้งอยู่ และเสื่อมสิ้นไป
    นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด
    นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ
    คำกล่าวนี้ ว่าด้วย ทุกขะ แห่งอริยะสัจ4

    อริยะสัจ4 เป็นสัจจธรรมความจริงที่ยิ่งใหญ่สุดและสำคัญที่สุดที่พระพุทธองค์ได้กล่าวสอนแก่เราท่านทั้งหลาย

    เมื่อเรากล่าวถึง
    1 ทุกขะ เราท่านทั้งหลายควรพิจารณาให้มากทั้งในส่วนกว้างก็ดี ส่วนลึกและแคบก็ดี เพราะจะได้เห็นสัจจธรรมในทุกข์
    เมื่อเราเข้าใจทุกขะ ย่อมเกิดปัญญารู้แจ้งในกองทุกข์

    2 แล้วทุกขะ นี้มีเหตุปัจจัยอย่างไร ที่บอกว่า นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด
    แล้วทุกขะเกิดอย่างไร ทุกขสมุทยะ เป็นอย่างไร อะไรเล่าเป็นเหตุแห่งทุกข์
    หากพิจารณา ก่อนที่ทุกข์มันจะเกิด อะไรมันเกิดก่อนอะไรเป็นเหตุปัจจัย แล้วอิทัปปจัยยตาปฏิจจสุปบาทเป็นอย่างไร อวิชชาและตัณหาอุปทานมันเกิดก่อนอย่างไร ผลสุดท้ายทุกขะอันเป็นปฏิเวธะเกิดตามเช่นนี้ เป็นสัจจริงอย่างไร

    3 แล้วทุกขะนั้นดับลงอย่างไร ที่บอกว่า นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ ความดับแห่งทุกข์ หรือ ทุกขนิโรธะ เป็นอย่างไร อวิชชาและตัณหาอุปทานเกิดแล้วอย่างนั้น ความดับแห่งอวิชชาและตัณหาอุปทาน ดับลงแล้วด้วยสติปัญญาอย่างนี้ ทุกขะจึงดับแล้วเป็นเช่นนี้ เราควรทำปัญญาให้แจ้งใน ทุกขนิโรธะให้เจริญยิ่งๆมากขึ้นอย่างไร อัน วิกขัมภนนิโรธ ตทังคนิโรธ สมุทเฉทนิโรธ ปฏิปัสสัทธินิโรธ และนิสสรณนิโรธ นิโรธะที่5ประการนี้เป็นอย่างไร เราเข้าถึงในนิโรธะทั้ง5ประการนี้บ้างหรือย้งอย่างไร


    4 แล้วทุกขะนิโรธะ ที่เราพิจารณาอยู่นั้น มีมรรคาเป็นอย่างไร ทุกขนิโรธะคามินีปฏิปะทา เป็นอย่างไร อริยะมรรค นั้นเป็นอย่างไร เราควรเจริญในอริยะมรรคให้มากให้บริบูรณ์ อย่างไร

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =====

    สุญญตา คือ ความว่าง ว่างจากกิเลส ว่างจากตัวตน คือการรู้ในอนัตตลักษณะ

    อนัตตะลักขณะ เป็นอย่างไร เล่า อนัตตะลักขณะ เป็นอย่างนี้คือเห็นว่าไม่มีสิ่งใดเป็นตัวเป็นตน ที่ควรยึดมั่นถือมั่น

    สัมมาทิฏฐิ ธรรมข้อนี้เกิดได้อย่างไรเล่า ก็อนัตตะลัขณะนี้เกิดได้ด้วย ธรรมข้อที่ว่า อนิจจะลักขณะ แล้วอนิจจะลักขณะ เป็นอย่างไรเล่า ก็อนิจจะลักขณะเป็นอย่างนี้คือเห็นว่า รูปนามทั้งหลายล้วนไม่เที่ยง เป็นลักษณะที่ไม่เที่ยง
    เมื่อ พิจารณาในอนิจจะลักขณะ เกิดขึ้นอย่างนี้ ทุกขะลักขณะ ก็เกิดตามเช่นนี้ มีความเห็นว่าเป็นทุกข์ เมื่อทุกขลักขณะปรากฏเป็นเช่นนี้ อนัตตะลักขณะก็ ปรากฏตามเช่นนี้ ว่าเมื่อรูปนามทั้งหลายล้วนไม่เที่ยง เป็นลักษณะที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ จึงเห็นว่าไม่มีสิ่งใดเป็นตัวเป็นตน ที่ควรยึดมั่นถือมั่น
    จิตจึงปล่อยวาง ในทุกข์ คือปล่อยวางในตัณหาอุปาทานทั้งหมด ยังจิตให้เป็นผู้หลุดพ้นห่างไกลกิเลสเป็นที่สุด
    เรากล่าวเช่นนี้เพราะเราปฏิบัติเช่นนี้และผลอันเป็นปฏิเวธะ ก็ปรากฏแก่เราเช่นนี้ ขอท่านทั้งหลาย จงพิจารณาที่กายและจิตของท่านด้วยสติปัญญาของท่านเองเถิดสาธุ ครับ
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เราขอกล่าวขยายความ ในธรรมที่ท่านทั้งหลายได้กล่าวแสดงไว้ก็มิได้มีเจตนา อันเป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่ประการใด อันภูมิความรู้ที่เรามีนั้นมิได้มีมากมายเก่งเกินครู หรือเกินใคร เพียงแต่ต้องการกล่าวแสดงในแง่มุมอื่นๆบ้างครับ ในฐานะหนึ่งที่เราก็เป็นจิตบุญ ผู้ฝึกจิตเกาะพระผู้หนึ่ง เราเห็นประโยชน์ที่จะได้รับ เราจึงขอกล่าวขยายความก็ด้วยมีเจตนาอันดี มีสัมมาทิฏฐิ เห็นชอบแล้วว่า ควรกล่าวขยายความอย่างไร เพื่อประโยชน์ ความรู้ความเข้าใจใน ธรรม ในปริยัติ ในปฏิบัติ และปฏิเวธ มากยิ่งๆขึ้นไปครับ สาธุ

    อนึ่ง ด้วยสัมมาทิฏฐิ เรามีความเห็นชอบว่า ด้วยปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ เหล่านี้
    เหล่าบัณฑิตย์ จิตเกาะพระและจิตบุญทั้งหลาย พึง พิจารณาให้เห็นจริงว่า ก็ด้วย พระปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ นั้นต่างเกี่ยวเนื่องกัน ต่างสืบเนื่องกัน ต่างเป็นเหตุและเป็นผลซึ่งกันและกัน ดุจเสาไม่ค้ำยันที่อิงกันอยู่3ขา จะขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไปมิได้
    การเข้าถึงซึ่ง ปริยัติ ก็เป็นสิ่งสำคัญและขาดไม่ได้
    การเข้าถึงซึ่ง ปฏิบัติ ก็เป็นสิ่งสำคัญและต้องทำให้เจริญอย่างที่สุด ถึงที่สุดแห่งธรรม
    การเข้าถึงซึ่ง ปฏิเวธ ก็เป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ แต่เมื่อได้รับผลแล้ว ก็ต้องรู้จักเข้าใจและรู้จักการปล่อยวางไม่ยินดีในผลที่ได้รับ เพราะผลนั้นเกิดขึ้นของมันเป็นธรรมดา ตามแต่เหตุที่ได้ก่อไว้

    สุดท้ายเราทั้งหลายผู้กำลังก้าวไปก็ดี กำลังเจริญอยู่ในวิหารธรรมใดๆก็ดี ผู้ปราถนาจะก้าวล่วงไปสู่ความหลุดพ้นห่างไกลกิเลส ย่อมจะต้องเป็นผู้ไม่ประมาทใน ไตรสิกขา คือ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ มีความเพียรให้ถึงพร้อมในไตรสิกขา ด้วยผลแห่งความเพียรวิริยะ ย่อมให้ผลที่ดีแก่ท่าน คือเป็นผู้รอบรู้ในธรรมกล่าวคือรอบรู้ในปริยัติ รอบรู้ในปฏิบัติ และรอบรู้ในปฏิเวธ เพื่ออะไร ก็เพื่อสอนตนเองให้ได้ เพื่อนำจิตของตนให้เป็นผู้ห่างไกลจากกิเลสเป็นผู้หลุดพ้นได้ในที่สุดครับ สาธุ สาธุ สาธุ .....
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เพลงเบาๆ จิตเบาๆ
    พวกเราอย่าไปเบียดเบียนจิตใจตนเองให้เป็นทุกข์กันเลย
    กายบอบซ้ำได้ แต่จิตบอบซ้ำไม่ได้
    พยายามแยกกาย แยกจิตให้ชัดเจน
    อะไรหน้าที่ของกาย อะไรหน้าที่ของจิต
    พยายามอยู่กับกาย พยายามอยู่กับจิตตนเองให้มาก
    พยายามนำจิตไปอยู่กับทางธรรมหรือความจริงมากๆ
    เพราะทางโลก คือทางมายาหรือทางหลอกลวง
    ผู้ที่บริหารจิตตนเองได้ดีเยี่ยม เราก็จะไม่เป็นทุกข์มาก

    อาทิตย์แห่งอตร.นี้ พยายามอย่าไปรอลุ้นภัยพิบัติมากนัก
    พยายามรอลุ้นจิตใจของเราว่า..เมื่อไหร่ จิตจะสงบสุขสักที​
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอขยายธรรมาทาน​


    ขอโมทนาสาธุ กล่าวได้ถูกแล้ว ชอบที่สุดแล้ว เอาอีกๆ พี่ภูรอตั้งนานแล้ว
    ไปทานซีฟู๊ด เอ๊ย ขอเชิญที่เฟสบุ๊คกับเหล่าจิตบุญหน่อยนะ
    เอ๊า น้องเมิลมาชวนสุดหล่อหน่อย
     
  18. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    สาธุ ลูกขอกราบ องค์สมเด็จพ่อ องค์พระปฐม ด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ

    ถึงท่านจะจากไปนานแสนนานแล้ว แต่ท่านมีความเมตตา และเป็นห่วงสัตว์โลก

    ทั้งหลาย. ว่าเมื่่อท่านจากไปแล้วยังจะมีพวกที่ยังเวียนว้ายตายเกิดอย่าง

    พวกเราๆ อีกมากมาย แม้ว่าท่านจะจากพวกเราไปท่านก็จากแต่กายเท่านั้น.แต่พระธรรม

    คำสอนของท่านที่เหลือไว้ให้พวกเรา ได้นำมาปฏิบัตินั้นมีความสำคัญที่สุดที่จะหา

    ประมาณไม่ได้. ท่านเป็นห่วงกลัวว่าพวกเราจะไม่เข้าใจ ที่ท่านสอนไว้ ขอให้พวกเราทบทวนคำสั่งสอนของพระองค์ท่านซึ่งมีทั้งผลรับ

    ของการกระทำนั้นๆ... และผลรับของโทษนั้นๆ เพื่อให้พวกเราได้ตระหนักถึง

    และไม่กระทำในสิ่งที่ให้โทษนั้นๆให้หยุดเสียแล้วหันมาทำความดีกัน. เพื่อทาง

    หลุดพ้นไม่ต้องมาเวียนว้ายตายเกิดอีก. หวังว่าพวกเราทุกคนทุกท่านเมื่อได้

    รับอ่านธรรมะจากองค์ท่านแล้ว. ให้ได้นำมาปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้ง

    ปวงและเดินสู่ถนนสายตรง เพื่อการเดินสู่เส้นทางพระนิพพาน.ลูกขอน้อมรับ

    คำสั่งสอนของพระองค์ท่านและทุกๆพระองค์ด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2012
  19. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]


    ทุกขณะ เราจะต้องตั้งสติ พยายามวิริยะ อุตสาหะ โดยแท้จริง ให้มีสติ รู้ตัว และตั้งตน สู่ความเจริญ หรือสู่กุศล อย่างน้อยที่สุด จิตใจของเรา เป็นประธาน จะต้องเบิกบาน แจ่มใส ปรับให้เบิกบาน แจ่มใส เท่านั้นแหละเสมอๆ เท่ากับเราอยู่สวรรค์เสมอๆ เรื่องอื่นใด มันย่อมมี แล้วเราก็ใช้ปัญญาทำงาน ใช้ความคิดทำงาน แล้วก็ทำกรรมกิริยา อะไรต่ออะไรไป ด้วยความเบิกบาน แจ่มใส เรื่องจะหนัก วิบากจะมาก อุปสรรคจะเยอะ ปานใด ก็ตาม นั่น เป็นเรื่องที่เราจะประจันทุกคน ไม่มีใครพ้นอุปสรรค แต่ กำไรที่เราได้ เมื่อเราทำจิตใจเบิกบาน แจ่มใสแล้ว เราก็ได้ปรับปรุง ปฏิบัติธรรมะอย่างแท้จริงด้วย แล้วเราก็จะได้ทำกรรมกริยาด้วยความไม่หม่นหมอง ไม่ฝ้ามัว ไม่มีอะไรมาคั่น เมื่อเรา ได้ปรับ อย่างแท้จริง ผู้ที่ระลึกได้ อย่าช้า ทุกขณะ ทุกวินาที เราจะต้องเป็นพุทธะ ผู้เบิกบาน เป็นปฐมก่อนอื่น ความไม่สบายใจใดใด สลัดทิ้งอย่างไม่มีข้อแม้


    คาถาธรรมจากครูอาจารย์
     
  20. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...ความทุกข์ทั้งมวล มีมูลรากมาจาก

    ตัณหา อุปทาน ความทยานอยาก

    ดิ้นรน และความยึดมั่น ถือมั่น ว่าเป็นเรา เป็นของเรา แท้ีที่จริงแล้ว


    แม้แต่ตัวของเรา ก็ไม่ใช่ของเรา เป็นเพียงที่อาศัยเท่านั้น...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...