ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

..............................................................
...ท่านดังมานานแล้วตั้งแต่ผมเริ่มเดินสนามวัดมหาธาตุ..เหรียญท่านถือเป็น ๑ ในเหรียญหลักของเมืองนนท์..รอบวัด..เป็นถิ่นที่อยู่ของนักเลงทั้งนั้น..ถ้าไม่เก่งก็คุ้มครองลูกศิษย์วัด..เวลาไปตีรันฟันแทงกับ..คนอื่นเขาไม่ได้..เหรียญใบสาเกท่านนี่..เหนียวมาก..กันได้ทั้ง..คมแฝก มีด ดาบ ขวาน ปืน...ของปลอมเพียบตั้งแต่เมื่อ กว่า ๔๐ ปีมาแล้ว..ส่วนประวัติท่านจริงก็ไปดูตามLinkนี่แล้วกัน...http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdPREUyTURJMU5BPT0=

 

ขอบคุณครับ ^^

 

....................................................
...ขอบคุณครับ..ลุงมันแก่แล้ว..ไม่ชอบของใหม่..เดี๋ยวจะมีต่อ..รุ่นเดอะนี่แหละ..ภาค๒..เอาหลวงพ่อที่เหลือ..มาทยอยลง..ต่อไป

 

...ขอบคุณนะหลานRungarunที่เอา..มาต่อกันให้..

 

อ่านแล้วก็ตกกะใจ ทำไงดี....งั้นก็ขัด เอา wenol ลง สำลีขัด ล้างออกด้วยยาล้างจาน เช็ดอีกนิด อิ...อิ...ผลงานออกมา เข้มคมสมใจ เทียบกับเหรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ที่พ่อเขาเคยใส่อยู่ประจำ(ชอบมาก เพราะดูเข้มขรึมดี) อีกรูปเทียบกับเหรียญที่ยังไม่ได้ทำดำค่ะ

 

สวัสดีครับคุณอา และสมาชิกทุกท่าน มาทัวร์บุญไหว้พระพุทธบาท สระบุรี นำบุญมาฝากให้ทุกท่านครับ

 

.........ตามเคยเรามา..ว่าเรื่องเสื้อยันต์...ที่มาไม่สั้น..
..........ต่อกันยืดยาว.....เอ้า...เฮ...
.......................................
...................................................................................................
....การที่เรา..แช่แค่น้ำอุ่น..และไม่ต้องไปใส่..อะไรเพิ่มเติม..เพราะจะทำให้..คราบอื่นๆ
มันไม่หายไปไหน..แถม..เรายังรักษา..กลิ่นอับ..กลิ่นเก่าได้..แม้จะจางไปบ้าง..แต่ไม่มาก
..และ..ยังไม่มีกลิ่น..แปลกปลอม..ให้เขาจับพิรุธได้ด้วย.............
..........บางกรณี..ง่ายกว่า..ไม่ต้องไปเสียเวลามาก...แบบที่..ผมว่า..คือ..
เอา..ผ้าเช็ดหน้าเก่าๆ..ที่เรา..ได้มา..แล้ว..เราก็เลือกยันต์หลักๆ..ที่เราจำ..(บันทึกไว้)
ว่าหลวงพ่อองค์นี้..ท่านใช้...สมมุติ..ตัว..ยันต์ทอ(ที่เป็น..ยันต์หลัก..ของ..หลวงพ่อ
ปาน..วัดบางนมโค..)..เขียนง่ายด้วย..เขียนด้วย..ดินสอ..ลงกลาง..ผ้าเช็ดหน้าเก่า
....แค่นี้..เสร็จแล้ว...เวลาขาย..ก็ชักแม่น้ำทั้งห้าไป..ทำนองได้มาจาก..ชาวบ้านข้างๆ
วัด....ซึ่งในสมัยก่อน(ไม่ใช่สมัยนี้)..ไม่ใช่เรื่องแปลก..ใครๆก็ทำกัน..อย่างที่ผมเคยเล่า
มา...แต่ถ้าเด็กสมัยนี้..จะนึกไม่ออก..เพราะมันอยู่คนละยุค..ใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน....
ชอบเช่า..ของ..สำเร็จรูป...
.......ผมแทรกเรื่องนี้..เพื่อเป็น..ประโยชน์..ในการไปหา..หลวงพ่อต่างๆ..แล้วอยากได้..
ของแท้ๆจริงๆ..สดๆ..ในยุคนี้..ไม่ใช่ของในตู้...เตรียมดินสอ..พร้อม..ผ้าเช็ดหน้าสีอ่อน
ติดตัวไป..ทุกที่...ศรัทธาองค์นี้..ก็ให้ท่าน..ทำให้ผ้ายันต์ส่วนตัว..ให้เราเลย...คุณขายใคร
ไม่ได้..เพราะเขาอาจไม่เชื่อคุณ...แต่คุณ..มีของที่..ไม่เหมือนใคร..เพราะเป็นผ้ายันต์ที่
มาจาก..ผ้าเช็ดหน้า..ของคุณเอง..แท้..ชัวร์..ทั้งลง..ทั้งปลุกเสก..กันต่อหน้า..ดีกว่าของ
ในตู้เป็นไหนๆ(เป็นตัวพิมพ์..เหมือนของโหล)..เท่ห์กว่า..เยอะ...อีกหน่อย..คุณก็อาจจะมี
เป็น..สิบผืน..จาก..สิบหลวงพ่อ..ก็เป็นได้........................................
.............................กลับเข้าเรื่องเดิม..........เมื่อได้..ผ้าที่ปราศจาก..รอยดินสอเดิม
แล้ว...ก็ลงมือ..เอาดินสอมา..เขียนยันต์..ตามรูปแบบที่บันทึกมา...ตัวอักขระ..ที่เป็น..คาถา
..ก็ใส่..เข้าไปเองได้เลย..พวกคาถายอดฮิตต่างๆ..อย่าลืม..เขียนเป็นตัวขอม..ง่ายกว่านั้น..
ไปลอกมา..จากหลัง..เหรียญต่างๆ..หรือ..ผ้ายันต์อื่น..แต่รูปแบบหลัก..ต้องคงไว้..
..อย่าง..รูปพระปิดตา(เอาแค่..คล้ายๆ)..ราชสีห์..ก็เอาแค่..พอดูออกว่า..ใช่พอแล้ว...
เพราะ..พวกนี้ก็เลือกขาย..พวกลูกค้าที่..รู้มาแค่..งูๆ..ปลาๆ....ขอให้วัสดุมันเก่า..ซะ
อย่าง...ก็เรียบร้อย..............
..........อย่างพวกการเย็บนี่..เวลาไปดูของจริง..ต้องสังเกตไว้หน่อย...จะได้ดูใกล้เคียง
ขึ้น...การพับชายผ้า..การเย็บผ้าที่ทำมาเป็นเชือกผูกกับตัว..เป็นยังไง........
............ส่วนเรื่องด้าย..ที่เย็บเค้าก็ไม่กลัวอยู่แล้ว...เพราะสะสม..ด้ายเก่า..มาจากพวก
วิ่งของไว้แล้ว..เย็บเสื้อยันต์..ได้เป็นสิบตัว...ดูยังไง..ก็..ดูไม่ออก..ว่า..เป็นของตัดเย็บขึ้นมา
ใหม่..ด้ายงี้..ออกขาวอมเหลืองเลย........
.....แค่นี้..ก็..เสร็จ..เอาไปวางโชว์..ได้..แบบนี้..จะเหมาะกับ..ผ้ายันต์..หรือ..เสื้อยันต์เขียน
มือ..เพราะ..ไม่ยุ่งยาก.....อย่างของหลวงพ่อจาด..ของจริงพิมพ์...ของผมนี่เขียนมือ..ครับ
..เก่ากว่า..เป็นรุ่นก่อน..แจกทหารอินโดจีนอีก...ก็แล้วแต่จะนิทาน..จะพาไป........
.....ข้อสำคัญ..คือ..พวกนี้..จะพูดจนลิงหลับ.....ก็คุณไปหา..แล้วหาไม่ได้..ไปเจอแบบนี้
เจอข้ออ้างอิง..โน่นนี่...ซึ่งคุณก็ไม่รู้...สำคัญ..คือ..คุณอยากได้...ดู..วัสดุ..ก็..โคตรเก่า...
.....มันก็ดูเข้าทางดี...แล้วถ้าไม่เอา..กลับไป..นอนไม่หลับ..แหงๆ...รออีกอาทิตย์..กลับมา
...ชาวบ้าน..เขาเอาไปแล้ว..จะไปร้องไห้ให้ใครฟัง....หัวสมองคุณ..หมุนไม่หยุด.........
..และแล้ว...คุณก็ต้อง..........โอเค................................
..............ซึ่งมันเป็น..คนละเรื่อง..กับในยุคนี้....ต้นแบบของจริง..หาดูได้ง่ายกว่า..เพราะไอ้
พวกลูกหลาน..มันไม่รู้จะเก็บ..ไว้หาพระแสง..อะไร..มาแลกเป็นเงิน..เอาไปใช้ดีกว่า.....
....รูปในหนังสือ..ก็ชัดเจน..ขยายใหญ่ด้วย......จะมาหลอกกันง่ายๆแบบนี้...ไม่มีทาง..ข้อมูล
รายละเอียด..ประวัติการสร้าง..มีหมด...จะมาอ้างโน่นอ้างนี่.ส่งเดช..ก็ไม่ได้แล้ว....
...................................ต่อตอนหน้าครับ................................................

 

ตามเก้บข้อมูล ^^

 

เรื่อง พระเหนียว เหนียว ของข้าวตู

เหตุเกิดจากการขุดกรุสมบัติ ออกมาดู ........ข้าวตู เป็นคนที่เรียกว่า เนื้อเปื่อย เอามากๆ โดนอะไรนิด อะไรหน่อย ก็จะต้องมีแผล จึงต้องมีพลาสเตอร์ + เบตาดีนติดไว้เป็นประจำ พลาสเตอร์ 1 กล่อง คนอื่นเขาใช้เป็นปี เป็นชาติ แต่เรากับสามารถ ซื้อใช้แบบเล่นลวดลายได้บ่อยๆ...ใช้จริงๆ ไม่ใช่เอาเก๋...อาทิตย์ไหน ไม่มีแผล ก็ มะหัดสะจอรอหันการันยอ มากๆ........ตอนต้นปีไปขุดกรุ เจอ เบี้ยแก้หลวงปู่เจือ ตะกรุดหลวงปู่บุญมา มุนิโก กับล๊อกเก็ตหลวงพ่อฤาษีลิงดำตอนเลื่อนสมณศักดิ์ ทั้ง 3 ข้าวตูได้มาตอนไปนมัสการหลวงพ่อ(ตอนท่านยังอยู่ตัวเป็นๆ) ตัดสินใจไม่ได้ เลยแขวนทั้งสาม เลย ..............
.......ต้นเดือนกุมภา...ไปบอกกับเจ๊เขาว่า .....เจ๊ๆ ที่แขวนอยู่นี่ ไม่รู้องค์ไหน ต้องเหนียว แน่ๆ เพราะทั้งเดือนที่ผ่านมาไม่ยักกะมีแผลอะไร ขนาดโดนแมวข่วน ชนิดที่เรียกว่า ทำใจแล้วว่า...มีแผลอีกแล้วตู...ก็เป็นแค่รอยแดงๆจางๆเอง....เจ๊แกก็บอกว่า อยากรู้ ก็ถอดที่ละองค์ แล้วเอามีดจิ้ม......อิ อิ...อยากลองเหมือนกัน แต่กลัีวท่านจะเข้าฝันบอก .....กูเหนียวโดยสัญชาติญาณเว๊ย แบบโดนทีเผลอถึงจะเหนียว เอ็งเล่นถือมีดมา กูก็เผ่นจีวรปลิว ตั้งกะเห็นเอ็งไปหยิบมีดแล้ว

 

คิดถึงดินเหนียวทำพระ แล้วคิดถึงภูเก็ต 30 กว่าปีที่แล้ว ดินเหนียวหาง่ายมาก แค่เล็งตามบ้านที่กำลังสร้าง หรือตอนหน้าแล้ง เพราะทุกบ้านจะขุดบ่อใช้น้ำบาดาลกัน ปะปา เป็นอะไรที่ไฮโซมาก ตอนอยู่ภูเก็ตยังไม่เคยเห็นเลย ขนาดพานพุ่มไหว้ครู ยังใช้ดินเหนียวพอกพูนปักดอกไม้กันเลย เด็กแต่ละคนถือพานแขนสั่นกันหมด เพราะมันหนัก ตอนที่ข้าวตูยังเป็นเด็กน้อย หน้าแล้งเป็นอะไรที่ถวิลหามากเพราะจะได้ดินเหนียวมาเป็นกระสุนเล่น รุ่นโตหน่อยเขาก็ปั้นเป็นกระสุนตากแดด ไว้ยิงนก เรามันพวกรุ่นเล็ก ก็ดินเหนียวสดๆนี่แหละ ใส่น้ำเข้าไปหน่อยให้พอหนืดๆ ปั้นพอประมาณ แข่งกันปาฝาผนังบ้าน(ด้านนอกนะ...) ว่าใครจะติดสูงกว่ากัน ....
....ตอนที่บ้านจ้างให้คนมาลอกบ่อ ช่วงนั้นหน้าแล้ง บ่อแห้งไม่มีน้ำเลย พ่อเขาก็จ้างคนมา.....บ่อนึงๆ ลึกมาก วงปูน 9 ชั้น 10 ชั้น ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ก้นบ่อทำไมมันถึงได้มีดินเพิ่มขึ้นมา ต้องลอกกันด้วย....เราก็ไปเล็งไว้ดินเหนียวของเล่นโปรด....ช่างเขาไม่สุ่มสี่สุ่มห้า ลงไปเลยนะ เขาเอาเทียนจุดใส่กระป๋อง หย่อนลงไปก่อน พอลงไปลึกซักวงปูนชั้น 4 หรือ 5 นับจากด้านบน เทียนก็ดับ เขาก็ให้คนไปหักกิ่งยางสดๆมาก จุดไฟแล้วหย่อนลงไปก้นบ่อ (ต้องพูดว่าโยนตุ๊บลงไปเลยมากกว่า) แล้วเขาก็ทดสอบเทียนกันใหม่ คราวนี้ เทียนสว่างถึงก้นบ่อเลย ตอนนี้เราก็ได้ดินเหนียวมา เล่นกันจน แม่มาพบหลักฐานเข้า ก้นลายกันตามระเบียบ..........ต้องเปลี่ยนแนวเล่นกันใหม่ คราวนี้ทำปืนลูกตะขบเล่นกัน.......หาไม้ยาวๆมาอันหนึ่ง ทำตัวปืน สั้นๆเล็กๆอีกอันทำไก มัดด้วยหนังสะติ๊ก ตอนท้ายของไม้อันยาว ให้ครึ่งหนึ่งอยุ่บนไม้ยาว อีกครึ่งลอยอยู่ เอาไว้กดปล่อยกระสุน ทีนี้ตอนบนไม้ยาว ก็มัดหนังสะติ๊ก (ยางวงรัดของนี่แหละ) ให้มันยืดได้ ไม่แข็ง ไม่อ่อน ทีนี้ก็ปีนเำก็บลูกกระสุนกันล่ะ ลูกแดงๆ ก็เข้าปากกันตามระเบียบ ลูกเขียวๆ ต้องเด็ดแบบมีก้าน เพราะต้องใช้เหน็บตรงส่วนไกปืน ส่วนตรงเม็ดมัน ก็เอายางจากด้านบนมาคล้อง จากนั้นก็เริ่มเล่นได้ กดตรงไกส่วนที่ลอยๆ มันจะปล่อยลูกกระสุนออกไปตามแรงยางที่คล้องไว้ ลูกตะขบมันไม่เจ็บเท่าไหร่ ถ้าใครไม่เคยเห็นก็นึกถึงมะเขือพวง มันคล้ายๆ กัน รุ่นใหญ่(พี่ชายข้าวตู)เขาเห็นเราเล่น เขาก็อยากเล่นกับเพื่อนเขาบ้าง เขาเหลาไม้ทำปืนกันเหมือนปืนยาวเลย ตัวไก ก็ไม่ได้อยู่ส่วนท้าย เขาเซาะไม้ทำเป็นหลุมไว้กด กระสุนเขาไม่ใช้ตะขบ เขาใช้เม็ดเดือย มีขึ้นกันเป็นดง เหมือนต้นหญ้า ใบคมๆด้วย......คิดถึงดินเหนียว อ้าวไหง ออกปืนตะขบซะงั้น

 

นี่แหละครับที่ผมนับถือพี่ modpong อย่างจริงใจ สุดยอดจริง ๆ ครับพี่

 

. .................
...............
....อ้าว..ยังงี้ก็..เผยไต๋หมดนะสิ....แม่อายุ ๗๔ เป็นเด็กวิ่งเล่นยิงโน่นนี่ได้
..ตั้งแต่..เมื่อ ๓๐กว่าปีที่แล้ว(กว่าเท่าไหร่ไม่รู้)..อายุก็ต้อง..สี่สิบขึ้น...ต่อไปเรียก..น้องข้าวตูแล้ว
กัน..
.....อย่าแปลกใจว่า..ดินมายังไงที่ก้นบ่อ..เวลาเขาทำ..บ่อบาดาลแบบตื้น
..ภาษาทางการเรียกว่า..SHALLOW WELL..ด้านข้างบ่่อนั้น..เขา..ก็จะกรุ
ด้วย..วัสดุหยาบ..อย่างกรวดปนกับอิฐหัก..ถ้าน้ำมีกลิ่น..เขาก็จะเอาถ่าน..ใส่
ปนลงไปด้วย..ซึ่งวัสดุดังกล่าว..จะช่วยกรอง..และดับกลิ่น..น้ำใต้ดินนั้นๆ..
..เพื่อไม่ให้น้ำพาเอาดินไหลลง..ในบ่อ...แต่เม็ดดินที่ละเอียดมากๆ....
เรียกเป็นทางการว่า FINE PARTICLE..ก็ยังคงเล็ดรอด..การกรอง..ออกมา
..เมื่ออยู่ในสภาวะนิ่ง..ในบ่อ..FINE particle ก็จะค่อยๆ..ตกตะกอนลงก้น
บ่อ..ซึ่งไอ้ตัวนี้..มันคือองค์ประกอบ..ของดินนั่นเอง..มันก็สะสมตัว..ทับถม..
..กัน..ด้วยน้ำหนักน้ำที่กดทับ..ทำให้มันอัดตัวกัน..พอนานวัน..เป็นปี..จากน้อยก็..ค่อยๆหนาขึ้นเรื่อยๆ...กลายเป็นดินเหนียว..ที่เราเอามาเล่นนั่นเอง ....
....คนภูเก็ตเรอะ..เล็กๆแม่พี่ก็อยู่ภูเก็ต..แต่บ้านจริงๆอยู่ท้ายเหมือง.....ปิดเทอม..๒ เดือน..พี่ก็ไปปักหลัก..เล่นอยู่ที่..สวนยางที่ท้ายเหมืองนั่นแหละ....

 

สาธุๆ



สวัสดีครับอาจารย์ลุง ผมดีใจจริงๆ เลยที่อาจารย์ลุงกลับมาให้วิชาความรู้อีกครั้งครับ และดีใจที่จำผมได้ด้วยครับ^_^

ความรู้ที่ได้จากกระทู้อาจารย์ลุง ผมนำมาปรับใช้ในชีวิต แทบจะทุกอย่างเลยครับ รวมทั้งไปตามหา
มีดคูครี ก็ได้มาละ 1 เล่ม


แต่ช่วงนี้ไม่ได้เข้าป่าเลย ก็เลยยังไม่ค่อยได้ใช้ ^^! สนิมเดิมเริ่มจะกินแล้วครับ

ปีใหม่จีนย้อนหลังขอให้อาจารย์ลุง สุขภาพแข็งแรงนะครับ __^/|\^__​

 

...ลุงก็ดีใจ..ที่มาเจอลูกศิษย์คนนี้อีก..ขอบคุณมากที่ใช้ประโยชน์..จากบทความเหล่านี้....
....โอ้โห...เจ๋งมาก...สวยงาม..เวลาเดินป่าแค้มปิ้ง..มันจะเหมาะสุดๆ..ยิ่งกว่ามีดใดๆ...ซองมันก็เอาร้อยกับเข็มขัดได้เลย..ฝรั่งบางพวก..เขาให้..ฉายามันว่า..AXE KNIFE ..คือ..ใช้แทนขวานก็ได้....ตัดต้นไม้ขนาดขา..นี่สบายมาก..ดี..ดี..ดีใจด้วย..และขอบคุณที่เป็นห่วง..ขอบคุณที่เอารูป..คูครี..มาให้ดู...

 

เรียกพี่ก็ดีค่ะ แม่ เป็นคนเกาะสีชัง ย้ายตามพ่อไปทำเรือขุดแร่ที่ภูเก็ต แต่ก็เจ๊ง เปลี่ยนเป็นประมง ก็เจ๊ง อีก เลยย้ายเข้ากรุง ก่อนเงินจะหมด ตอนปีที่มีการเผาโรงงานแทนทาลั่ม ก็ 20 กว่าปีที่ผ่านมาเอง ย้ายมาไม่นาน พ่อเขาคงเบื่อเลยขี้เกียจหายใจ ข้่าวตูเข้าเรียนเร็ว อายุ 11 ก็เรียนม.1 แล้ว รุ่นปืนตะขบ น่าจะประมาณป.5 เพราะนุ่งผ้าเล่นแล้ว ตอนป.4 ยังวิ่งเล่นใส่กกน.ตัวเดียวอยู่เลย สมัยโน้นคนโรคจิตไม่ค่อยมีเหมือนเดี๋ยวนี้ .......พี่มดอยู่สวนยาง เคยเล่นต่อยลูกยางบ้างมั๊ยคะ ที่ต่างคนจะเอาลูกยางที่คัดอย่างเอก ของตัวเอง มาซ้อนกับของคู่ต่อสู้ แล้วเขาสันมือทุบ ใครแตกใครยุบคนนั้นต้องจ่าย ......เป็นแบ็งค์กระดาษซองบุหรี่ ยี่ห้ออะไรก็จำไม่ได้ มีทั้งสีเขียว แทน 20 บาท สีน้ำตาล แทน 10 บาท แล้วก็สีแดง แทน 100 บาท ตอนเด็กๆ แทบจะตีกันแย่งซองบุหรี่

 

.....ขอบคุณ..น้องข้าวตู..และ..พญายอ..ที่มาเล่าเรื่อง..และประสพการณ์ให้ฟัง...
....พี่ชอบเอา..ลูกยางมาเจาะรู..ใส่ก้านไม่ไผ่ติดใบพัดข้างบน...พันกับเชือก..พอคึง
เชือก..ใบพัดก็จะลอย..อกจากลูกยาง..ทำแข่งกันว่าใครจะบินได้นาน..หรือ..บินไกลกว่ากัน
....และขอบคุณน้องกำธรในคำชื่นชม..เช่นเดียวกันพี่ก็..นับถือในปฏิปทา..และความ
เป็นคนตรงไปตรงมา..ของน้องเช่นกัน...
..............เอ้า..เรามาเริ่ม..กลอนหลวงพ่อภาค ๒ กันต่อ..เนื่องจากยังเหลือ หลวงพ่อ
รุ่นเดอะ(ดังมา..ตั้งแต่ ๕๐ ปีขึ้นไป)..อีกหลายองค์..ที่ผมเอามาเขียนนี่..เคยบอกไปแล้ว
ว่า..มันแฝง..ประโยชน์คือ..ผมเชื่อได้ว่า..คนอ่านทั้งที่เป็นสมาชิก..และ..ไม่ได้เป็น..
รวมกันแล้ว..คิดว่า ครึ่งนึง..จะรู้จักชื่อ....หลวงพ่อทั้งหลายนี้...ไม่เกิน ๖๐ เปอร์เซนต์
...ก็จะได้เป็นแนวทาง..สำหรับพวกที่เบื่อ..การโปรโมต..หลวงพ่อรุ่นใหม่ทั้งหลาย..
..อยากจะหา..ของดีๆไว้ใช้..เพราะ..หลวงพ่อเหล่านี้..ดังตั้งแต่ยังไม่มีสื่อ..โปรโมต..
ดัง..ตั้งแต่..วงการพระ..ยังไม่ได้เป็นธุรกิจเต็มตัว..ดังเพราะ..ความเข้มขลังของจริง..
ที่ชาวบ้าน..ประจักษ์..และทำให้นับถือ...เหนือสิ่งอื่นใด...วัตถุมงคลของท่านที่ปลุกเสก
...ไม่มีหลอกตัวเอง...คือ..ต้องเรียนมาจริง..และใช้ได้จริง...ถึงจะทำมาให้ลูกศิษย์ใช้กัน
...วัตถุมงคลบางชนิด..มีวิชา..และขบวนการ..การปลุกเสกเฉพาะอย่าง..ต้องเรียนรู้
จากอาจารย์ที่เป็นวิชานี้..และ..ครอบมา..ถึงจะปลุกเสกใช้งานได้..อย่างที่ควรจะเป็น
......ท่านทั้งหลาย..ลองดู..ยุคนี้...หลวงพ่อที่ดังๆ..หลายองค์..ทำได้..ทุกอย่าง....
....ไม่ว่ามีดหมอ..เบี้ยแก้..สิงห์..เสือ...กุมาร...พระขรรค์..ไซดักเงิน..ปลาตะเพียน
....ควายธนู.......ปลัดขิก...เชือกคาด..ฯลฯ....
...........เวลาไปอ่าน..หรือ..พบ..โฆษา..สินค้า..หรือไปตามวัด...แล้วเขาใส่ไว้ใน.ตู้ไว้
ขาย....ลองใช้วิจารณญาน..ซักหน่อย....ไปหาข้อมูลในเน็ตดู..ว่า..วัตถุมงคล..แบบ
ที่ผมว่ามา..นี่..เขาสร้างกัน..ยากเย็น..ขนาดไหน..แล้วมี..หลวงพ่อในยุคก่อนท่านไหน
..ที่สร้าง...แล้ว..หลวงพ่อ..เหล่านี้..ท่านสร้างได้..หลายๆอย่างพร้อมกันไหม....
......ผมยอมรับว่า..ในยุคก่อน..มีหลวงพ่อเดียว..ที่ทำได้หลายอย่าง(แต่ไม่เยอะอย่าง
แบบสมัยนี้)...ถือว่าเป็น..พระอัจฉริยะ..ก็คือ..หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว.....
...ขนาดหลวงปู่เพิ่ม..ที่อยู่กับหลวงพ่อมาตลอดตั้งแต่หนุ่ม..ยังเรียนวิชาจากท่าน
ไม่หมด...ขนาดหลวงปู่เพิ่มได้เปรียบ..เรียนจากหลวงปู่บุญเป็นหลัก..ได้วิชา..
หลายอย่าง...แต่หลวงปู่บุญเอง..ท่านต้องตระเวน..ไปหาอาจารย์ที่ยอดๆในแต่ละ
วิชา..นั้นๆ...ใช้เวลาไม่รู้กี่ปี.................................
.............คำถามผมคือ...ในยุคนี้..ท่านเชื่อจริงๆรึเปล่า..ว่า..หลวงพ่อยุคนี้..จะมีเวลา
...และอุตสาหะ..และมีความเป็นอัจฉริยะ...เหนือกว่าหลวงปู่บุญ...ที่จะเรียนรู้วิชา
..และได้รับการครอบวิชานั้นๆมา.....มากกว่า...หลวงปู่บุญ
.....หลวงพ่ออี๋ วัดสัตตหีบ..ท่านทำพระขรรค์มั้ย..ท่านทำเบี้ยแก้มั้ย.......
....หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง...ท่านทำปลักขิก...ท่านทำมีดหมอมั้ย....
......หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก..ท่านทำมีดหมอ ..ท่านทำกุมาร..มั้ย...
...............ใช้..สติ..สมอง..อย่าเชื่อ..กับประวัติอาจารย์ที่..เอามาโปรโมต..ในยุคนี้กัน
ให้มากเกินไปนัก..เพราะอย่าลืมว่า...นี่คือ..ธุรกิจ....หลวงพ่อ..บางองค์ท่านก็ไม่มี
เจตนา..ท่านแก่มาก...ท่านก็ไม่ทราบว่า..ลูกศิษย์มัน..เอาอะไร..มาให้..ปลุกเสกมั่ง
..แต่บางองค์..ก็รู้ทั้งรู้...ว่าของที่ปลุกเสกเป็นอะไร...ท่านไม่คิดมาก...เพราะท่าน
ก็..ปลุกเสกแบบเดียวกัน..หมด............
..............ดังนั้น...ท่านไปเช่า..เบี้ยแก้มา ๑ ตัว พระขรรค์ มา ๑ เล่ม...เสือ ๑ ตัว...
เหรียญหลวงพ่อ ๑ อัน...ด้วยมูลค่าสูง...แต่..พุทธคุณที่ได้..เท่ากับ..เหรียญ ๔
อัน...ซึ่งราคาถูกกว่ามาก...เพราะ..ปลุกเสกแบบเดียวกันหมด.........
..................ว่าจะเริ่ม...ดันบ่นซะยาวเลย.......แต่ยังไงก็เอาซะหน่อย...
.................กลอนหลวงพ่อ(รุ่นเดอะ)...ภาค๒...ด้วยทำนองอิสสระ
เป็นของจริง...ทุกองค์...ที่คงไว้แต่ชื่อ..และเกียรติคุณ
.......หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่อโต วัดวิหารทอง
หลวงพ่อทอง วัดเขากบ หลวงพ่อทบ วัดชนแดน
หลวงพ่อแทน วัดธรรมเสน หลวงพ่อเณร วัดดอน(ยานนาวา)
หลวงพ่อพร วัดหนองแขม หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง
หลวงพ่อปล้อง วัดหลุมดิน หลวงพ่อพิณ วัดบางหัวเสือ
หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ หลวงพ่อกุน วัดพระนอน
หลวงพ่อสอน วัดเสิงสาง หลวงพ่อซัง วัดวัวหลุง
หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม
หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่ว หลวงพ่อโม้ วัดสน
หลวงพ่อผล วัดเทียนดัด หลวงพ่อพัฒน์ วัดใหม่พัฒนาราม
.....................ต่อคราวหน้า...ครับ......................................

 

วันนี้คงต้องราตรีสวัสดิ์ แต่หัววันนะคะ ตัดกิ่งมะม่วงเหนื่อยจริงๆ.........ที่แขวนคอถ้าจะเหนียวจริงๆ 4 ทุ่มกว่าที่ผ่านมา ไปเป็นกรรมการห้ามมวยแมว คว้าตัวนึงได้ มันก็ข่วนเข้าที่แขน อีกตัวที่เหลือ มันกัดคู่ต่อสู้ไม่ได้ งับเข้าที่ข้อเท้าเรา ที่แขน เป็นแค่รอยแดงๆ นึกว่าเข้าอีก ล้างน้ำก็ไม่แสบ ที่ข้อเท้าเอาแว่นขยายส่อง ก็เป็นแค่จุดแดงๆ หนังไม่ยักเปิด.....เพิ่งเคยเจอแบบนี้ มหัศจรรย์ดีแท้

 

...คนเรา..เมื่อมีประสพการณ์ที่ดี
แบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง...ย่อมทำให้มีความเชื่อมั่น..และ..ศรัทธาในของๆเรามากขึ้น..ดังนั้น..ก็ใช้เป็นของประจำตัวไปทั้งสาม..ไม่ต้องฟังคนอื่น..ไม่แยกออก
จากกัน..ถ้าอยากจะใส่อย่างอื่นมั่ง..ก็เพิ่มเข้าไป...ของเรายังดี..
....พี่ตกต้นมะม่วงลงมาเกือบ ๗ เมตรเมื่อปีที่แล้ว..และไม่เป็นอะไรเลย
ลุกขึ้นมากลับไปปีน..ต้นไม้ต่อทันที..ก็ทำนองเดียวกัน..พี่ก็ต้องใส่
ชุดนี้ติดตัวไปจนตาย...แต่ที่ลำบากคือ..พี่คิดจะใส่เพิ่มยาก..เพราะ
ของพี่..มีพระ๒พวง..ทั้งพระ..และ..ของศักสิทธิ์รวมกันเข้าไป
ตั้ง..๑๕-๑๖ อย่าง..พูดง่ายคือเต็มคอไปหมด..

 

งานด่วนเข้าครับอ้าย เลยบ่ได้แวะมาทักทายเลย ซำบายดียามยากครับพี่มด และพี่น้องทุกท่าน มาติดตามสบการณ์ดีดีที่หายากครับผม

 

สวัสดีครับ ตอนนี้ผมตามอ่านมาถึงหน้าที่ 42 เองครับ ในกลอนพระของคุณน้ามีพระที่แม่ผมนับถือคือ หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม สิงห์บุรีครับ

คุณน้าเล่าเรื่องได้สนุกและได้ความรู้ดี อ่านแล้วเห็นด้วยว่าของดีเมืองไทยมีเยอะ ผมก็ชอบดูของเก่าครับ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติก็น่าจะทำให้ดีกว่านี้นะครับ ของโบราณบางชิ้นก็ไม่มีป้ายติดอธิบาย หรือตู้ก็เป็นไม้อัดเก่าๆเริ่มจะพัง ไฟหรี่ๆ ดูแล้วเราทำให้อลังการได้เหมือนต่างประเทศก็ได้นะครับ (ไม่ทราบว่างบของรัฐไปใช้อะไรที่ไม่จำเป็นอีกเยอะ ไปไหนหมด) น่าจะมีคนที่มาเหลียวแลมากกว่านี้ อยากเสนอทางเลือกให้เป็นโปรเจคนักศึกษาโบราณคดีหรืออาจารย์ทางนี้มาช่วยกันก็ได้ ให้ไปพัฒนาปรับปรุงมากลุ่มล่ะตู้ ทำให้ดี รายละเอียดก็ให้มีอธิบายมากกว่านี้ มีภาษาอังกฤษอธิบายด้วยก็จะดี (เพราะว่าฝรั่งมาดูแล้วคงเซ็ง)

สอบถามคุณน้าหน่อย เห็นมีคนพูดถึงกันเยอะว่าเลี่ยมพระแบบเปิด เทียบกับแบบไม่เปิด(เช่นพลาสติกกันน้ำปิดหมด) นี่ มีประสบการณ์เห็นๆให้พิสูจน์ว่าต่างกันหรือเปล่าครับ แต่เห็นคนโบราณเลี่ยมแบบเปิดเป็นรูปใบโพธิ์ข้างหลังก็หลายองค์ครับ ขอบคุณครับ