เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในความฝันล้วนมีความหมายค่ะ อย่าคิดว่าเป็นอุปทานเลย
มีอะไรก็มาเล่าแลกเปลี่ยนกันบ่อยๆนะ ห้องวิทย์นี้นักเรียนยิ่งเยอะยิ่งอบอุ่นค่ะ (deejai)

 

ย้ายมานั่งหน้าห้องด้วยกันเถอะค่ะคุณpunnapa มาคุยมาทักทายกันบ่อยๆสนุกดี
ช่วงนี้มายด์ไม่อยู่ไม่มีคนกินตับสบายใจได้ (b-smile)

 

พี่ๆก็ ดูพุงมันกองขนาดนั้น จะบินขึ้นได้ยังไงกัน 555
อย่างนี้ต้องให้sit-upซัก1000เที่ยวก่อนขึ้นบินดีกว่าไหมเนี่ย
ที่รู้ๆตอนนี้ก่อนนอนตั้งใจจะsit-upวันละ20ที โหะๆ แค่นี้ก็ลุกแทบไม่ขึ้นล่ะ (tm-love)

 

แง่ว พี่ขจรวรรณก็ แซวซะ มือจิไม่ใช่ใบลาน แหม ถ้าปากจู๋หน่อยล่ะก็ใช่ เป-รด เลย 55
ถ้าใครกล้าเอามือนกไปล่ะก็หนาวแน่ เพราะมันจะคว้าไมค์มาร้องไม่หยุดแบบว่าจะให้ทิ้งไมค์ก็ต้องจับตัดมือกันเลยงานนี้ เอิ๊กๆ

 

วันนี้ทำงานบ้านทั้งวันเลย ตื่นก็แต่เช้า กลางวันก็ยังไม่ได้งีบ นี่ก็ค่ำล่ะ
พรุ่งนี้จะpresentงานก็ยังไม่ได้ทำเลย แต่ตาจะปิดอยู่แล้วอ่ะ เอาไงดี?
นอนสักงีบล่ะกัน ไว้ไปปั่นในฝัน ตื่นมาหลับตาพิมพ์ก็ยังรู้เรื่องเนอะ อิอิ

 

การแตกแขนงของจิตวิญญาณ-ตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้

การถือกำเนิดของบุคคลตัวตนใดๆในโลกแห่งความเป็นจริง-บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ทุกเส้น ถือกำเนิดจากฐานข้อมูล หรือจิตวิญญาณ 3 แหล่งเสมอคือ จาก:
1. จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติ ในอดีตและอนาคตชาติ
2. จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ ในปัจจุบันชาติ
3. จิตวิญญาณ(เสมือน)ร่วมร่างแต่ต่างมิติ ในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตชาติ

การถือกำเนิดของตัวตน-วัตถุธาตุ บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ เป็นไปทุกขณะจิต อย่างเป็นอนันต์ และแต่ละบุคคลตัวตนก็ก่อเกิดบุคคลตัวตนอื่นๆต่อไปอีก ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของบุคคลตัวตนนั้นๆต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

ความเป็นไปทั้งหมดนี้ เป็นไปตามธรรมชาติซึ่งปราศจากเครื่องพรางของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ซึ่งหมายความว่า ความเป็นไปของการถือกำเนิดของบุคคลตัวตนทั้งหมด ไม่ได้เกิดขึ้นตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เรารู้จัก แม้ท่านอาจารย์อนาลัยจะกล่าวว่า เราทั้งหลายสร้างตัวตน-วัตถุธาตุ บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้-ทุกขณะจิต-อย่างเป็นอนันต์ และแต่ละบุคคลตัวตนก็ก่อเกิดบุคคลตัวตนอื่นๆต่อไปอีก

จากมุมมองของบุคคลตัวตนอื่นๆ ที่มีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปในโลกแห่งความเป็นจริง บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นหนึ่งๆ เขาย่อมมองเห็นโลกของเขาเป็นโลกแห่งความเป็นจริงเพียงโลกเดียวที่เขารู้จัก ไม่ต่างไปจากที่เรามองเห็นโลกแห่งความเป็นจริงโลกเดียวที่เรารู้จัก เราเป็นตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ ที่ถือกำเนิดจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของเขา ไม่น้อยไปกว่าที่เขาเป็นตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ ที่ถือกำเนิดจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของเรา

ตามธรรมชาติของความเป็นปัจจุบัน-พร้อมกันหมด กล่าวได้ว่า ตัวตนทั้งหมดเกิดขึ้นจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของกันและกันอย่างฉับพลัน ปราศจากลำดับที่แท้จริงว่า ใครถือกำเนิดขึ้นก่อนใคร และใครสร้างใครขึ้นมา และอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของแต่ละบุคคล ตลอดจนการกระทำของตัวตนทั้งหมดก็ส่งผลกระทบต่อกัน ท่านอาจารย์อนาลัยจึงกล่าวว่า สิ่งที่เราเรียกว่ากรรม ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นเหตุและผลสืบเนื่องที่เกิดขึ้นทีละชาติภพตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เรารู้จักนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปอย่่างเป็นปัจจุบันทันด่วนกว่าที่เราเข้าใจมากนัก

เราและเขา หรือ เรียกให้ถูกว่า เราและเรา ต่างถือกำเนิดเป็นบุคคลตัวตนพร้อมกันอย่างฉับพลันในโลกแห่งความเป็นจริงทั้งหมด ทุกโลก ทุกมิติ ทุกชาติภพ แต่ความเข้าใจที่ถูกจำกัดด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าของเราไม่อาจเข้าใจในภาวะอันเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาตินี้ได้

คำว่า ทุกขณะจิต คำว่าต่อไปอีก คำว่าตามมา คำว่า เหตุและคำว่าผล เป็นคำกล่าวที่ทำให้เราเข้าใจได้ว่า ความคิดของเราเป็นปัจจัยก่อเกิดสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายหลัง แต่มันก็ไม่ได้มีความหมายในนัยของกาลเวลาอย่างแท้จริง ท่านอาจารย์อนาลัยเพียงแต่ใช้คำเหล่านี้ให้เราตระหนักได้ถึงเหตุอันได้แก่ อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อ และผลอันได้แก่การก่อเกิดบุคคลตัวตน-วัตถุธาตุ และเหตุการณ์ทางกายภาพทั้งหลาย แต่เหตุและผลในความเข้าใจอันจำกัดของเราก็มักถูกนำจับไปวางไว้บนเส้นทางแห่งกาลเวลาอีกเช่นเคย

ทุกสิ่งเป็นไปอย่างเป็นปัจจุบันพร้อมกันหมด หากเราวินิจฉัยความเป็นไปเหล่านั้นด้วยมุมมองอันจำกัดที่เรารู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า ซึ่งไม่อาจรู้เห็นความเป็นไปที่ว่า พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบันนั้นคืออะไร เราจะเข้าใจธรรมชาติความเป็นจริงได้ยาก

เราจะเข้าใจธรรมชาติความเป็นจริงที่ว่า อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบันได้ก็ต่อเมื่อ เราเรียนรู้ที่จะรู้เห็นความเป็นไปตามธรรมชาติความเป็นจริงของสรรพสิ่งด้วยประสาทสัมผัสที่หกหรือประสาทสัมผัสภายในเท่านั้น

เมื่อเรารู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า เราก็รู้เห็นได้เพียงแค่โลกทางกายภาพ โลกเดียว มิติเดียว ชาติภพเดียวอันจำกัดของเรา แต่โลกแห่งความเป็นจริงบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ เป็นโลกทางกายภาพหลายโลก หลายมิติ หลายชาติภพ -เป็นอนันต์ ที่เกิดขึ้น มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป-พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน

จิตวิญญาณแตกแขนงออกไปโดยปราศจากลำดับชั้น จิตวิญญาณรวมกันโดยปราศจากลำดับชั้น ปราศจากขนาด ปราศจากปริมาตรและปริมาณ สิ่งที่แปลงสภาพไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุดคือ ความรู้ รูปกายทั้งหลายไม่อาจคงสภาพต่อไปได้อย่างถาวรจนถึงจุดที่จะเผชิญกับคำว่าล้นโลก หรือล้นพื้นที่ที่มันไปถือกำเนิด หรือมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป เพราะร่างกายเนื้อหนังอันเป็นสสารและวัตถุธาตุไม่ได้ถือกำเนิดมาจากนอกโลก แต่ล้วนเป็นสสารหรือวัตถุธาตุที่แปลงสภาพมาจากสสารและวัตถุธาตุอื่นๆที่มีอยู่ในโลกทั้งสิ้น

แม้แต่ Einstein ก็ค้นพบว่า สสารและพลังงานย่อมไม่สูญหายไปจากโลก
แต่แปลงสภาวะจากพลังงานเป็นสสาร และจากสสารกลับเป็นพลังงาน อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
หรือกล่าวในนัยของอาจารย์อนาลัยได้ว่า
อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด + ข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ แปลงสภาวะเป็นบุคคลตัวตน
บุคคลตัวตน แปลงสภาวะเป็นอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด + ข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ ซึ่งเป็นวงจรที่ไม่มีวันสิ้นสุด หรืออีกนัยหนึ่งกล่าวได้ว่า

ร่างกายเนื้อหนัง แปลงสภาวะเป็นจิตวิญญาณ และ
จิตวิญญาณ แปลงสภาวะเป็นร่างกายเนื้อหนัง

ตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เรารู้จัก กล่าวได้ว่า วิวัฒนาการของจิตวิญญาณ หรือวิวัฒนาการของการแปลงสภาพความรู้ ย่อมก่อให้เกิดโลกใหม่ มิติใหม่ ชาติภพใหม่ๆขึ้นเสมออย่างไม่มีวันสิ้นสุด มิติหรือภพภูมิไม่กินเนื้อที่ ไม่ใช้เนื้อที่ แม้ว่าสสารและพลังงานไม่เคยสูญหายไปจากโลก ท่านอาจารย์อนาลัยยังกล่าวอีกว่า พลังงานใหม่ๆจากต้นกำเนิดมาสู่โลกหรือจิตวิญญาณของโลกอยู่เสมอ ปริมาตรและปริมาณจึงเป็นหลักการที่ใช้ไม่ได้กับจิตวิญญาณ เพราะจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่คำนวณไม่ได้ด้วยวิธีการทางคณิตศาสตร์

ณ จุดที่เราเป็นบุคคลตัวตนพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะที่เราคิดว่าเป็นของเรา-คือเรา อยู่นี้ มีบุคคลตัวตนอีกมากมายที่มีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปพร้อมกัน ซ้อนกัน เหลื่อมกัน กับการเป็นเราที่เรารู้เห็น อย่างเป็นอนันต์

คำว่า ล้นโลก ปราศจากความหมายและไม่มีความเป็นจริงในทุกระดับ ทั้งทางกายภาพ จินตภาพและจิตวิญญาณ เพราะแม้แต่จักรวาลทางกายภาพของเราก็ขยายตัวออกไปตลอดเวลาอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ไม่มีสิ่งใดอยู่คงที่ถาวร แม้โลกที่เรารู้จักเพียงโลกเดียว ใบเดียว มิติเดียว ชาติภพเดียว ก็มีความสมดุลย์ในตนเอง ปัญหาประชากรล้นโลก เป็นปัญหาที่แทบจะเรียกได้ว่า ไม่มีอยู่จริง เพราะมนุษย์มีจิตสำนึกที่ตระหนักถึงความสมดุลย์ของโลกไม่น้อยไปกว่าสัตว์โลกอื่นๆที่เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ

ไม่ว่ามนุษย์จะเชื่อว่า ตนเองได้เอาชนะธรรมชาติ หรือเลยหน้าธรรมชาติไป แต่มันปราศจากความเป็นจริง เพราะการถือกำเนิดของมนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลายที่อยู่บนผืนโลกไม่ได้อุบัตขึ้นจากภายนอกโลก หรือภายนอกจิตวิญญาณของโลก เสมือนการนำสิ่งที่อยู่นอกโลกมาบรรจุทับถมกันจนเต็มพื้นที่ แต่เป็นวงจรของการถือกำเนิดที่เป็นไปอย่างสมดุลย์-เป็นระบบ สิ่งประดิษฐ์ทั้งหลายที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่าสารสังเคราะห์ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากทรัพยากรของโลกทั้งสิ้น แม้แต่ร่างกายเนื้อหนังของมนุษย์ก็เติบโตขึ้นได้ด้วยทรัพยากรจากโลกเช่นกัน วัตถุธาตุและร่างกายเนื้อหนังทั้งหลาย เมื่อเสื่อมสลายก็กลับคืนไปเป็นส่วนหนึ่งของทรัพยากรของโลกตามเดิมในลักษณะที่แตกต่างไป แม้โลกเดียว ชาติภพเดียว มิติเดียวที่เรารู้จัก ก็เป็นระบบเล็กๆที่มีความสมดุลยในตนเอง และเป็นส่วนหนึ่งของระบบใหญ่ของโลกอื่นๆ ชาติภพอื่น มิติอื่นๆ ที่มีความสมดุลยในภาพรวมอีกทีหนึ่ง

ความรู้อันจำกัดเกี่ยวกับการเป็นบุคคลตัวตนเดียว บนโลกเดียว ชาติภพเดียว มิติเดียว ทำให้เรามีความเชื่อที่จำกัดและบิดเบือนต่อไปอีกว่า บุคคลตัวตนอื่นๆที่ถือกำเนิดจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเรา เป็นบุคคลตัวตนที่ด้อยไปกว่าเรา หรือเป็นเพียงบริวารของเรา ในนัยที่ตรงกันข้าม เราก็คือจิตวิญญาณที่เป็นบริวารของเขาไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะทุกบุคคลตัวตนล้วนถือกำเนิดมาจากจิตวิญญาณ 3 แหล่งเสมอ-อย่างไม่มีข้อยกเว้น คือจาก:
1. จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติ ในอดีตและอนาคตชาติ
2. จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ ในปัจจุบันชาติ
3. จิตวิญญาณ(เสมือน)ร่วมร่างแต่ต่างมิติ ในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตชาติ


อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน (rose)

 

ยินดีและปลื้มใจมากค่ะที่ได้รับทราบ
ห้องวิทย์ฯล้วนเป็นญาติมิครทางจิตวิญญาณกันค่ะ(kiss)

 

ความฝันเป็นโอกาสได้เรียนรู้

ความฝันของคุณฝ้าฟางมีความหมายมากค่ะ
การศึกษาความฝันไม่ได้เพียงแต่จะทำให้เราสามารถนำข้อมูลความรู้ที่ได้จากความฝันมาใช้ให้เกิดประโยชน์เท่านั้น แต่จะทำให้เราสามารถรู้เห็น หรือเรียนรู้ธรรมชาติความเป็นจริงมากมายมหาศาลเกี่ยวกับจิตวิญญาณ ซึ่งเราไม่อาจเรียนได้ในยามตื่น เพราะความเชื่อบดบังการเรียนรู้ และประสาทสัมผัสทั้งห้าก็มักทำให้เราตีความหมายสิ่งที่รับรู้บิดเบือนไปเสมอๆ

แม้ว่าเราทุกคนจะได้รู้ได้เห็นธรรมชาติความเป็นจริงของจิตวิญญาณทุกคืน แต่เมื่อเราไม่ศึกษา เราก็กลับไม่ได้รับหรือนำข้อมูลความรู้เหล่านั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับชีวิตของเราเลย อย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายยิ่ง เพราะเราต่างก็นอนหลับและฝันทุกคืน เรียกได้ว่า เรามีโอกาสที่จะรู้เห็น เรียนรู้และศึกษาตลอดชีวิต แต่กลับมีคนจำนวนน้อยที่จะศึกษา และนำข้อมูลความรู้เหล่านี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์กับชีวิตประจำวัน

หากสนใจศึกษาเกี่ยวกับชาติภพ และ ความฝัน พี่นักเขียนแนะนำให้อ่านหนังสือ โนวา อนาลัย ขยายความธรรมชาติของชาติภพ เป็นเล่มแรก จากนั้นแนะนำให้ศึกษา ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณเป็นเล่มต่อไปค่ะ (rose)

 

ล้างจานเพื่อล้างจาน

 

ทานเป็นเพื่อนน้องนก แบ่งน้ำหนักกันแล้วขึ้นเรือบินคนละลำนะคะจะได้ take off ง่ายหน่อย

 

(f) สวัสดีค่ะ คุณ ฟิล์มนรกภูมิ ขอต้อนรับสู่ห้องวิทย์ฯค่ะ (bb-flower

คำถามนี้พี่นักเขียนเคยตอบคุณ fidgi ไปแล้ว แต่เกรงจะหา post ไม่พบ เลยขอตอบใหม่ว่า

การเอาจิตวิญญาณไปอ่านหนังสือล่วงหน้าหรือไปแก้ปัญหาในยามฝัน เป็นวิธีการที่คล้ายคลึงกัน แต่เราไม่ได้รู้เห็นหรือกระทำการผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่ใช้ประสาทสัมผัสที่หกแทน และจิตวิญญาณก็อยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ดังนั้นนอกจากว่าเราจะสามารถรู้เห็นได้ในขณะที่ร่างกายเราหลับ แต่จิตวิญญาณก็ไปทำงานต่อในความฝัน ล่วงรู้เหตุแห่่งปัญหาในอดีต ล่วงรู้ทางแก้ปัญหา และล่วงรู้ผลลัพธ์ในอนาคต หรือรู้เห็นบทความที่เราจะอ่านต่อไปในวันรุ่งขึ้นหรืออาทิตย์หน้า เดือนหน้าได้ด้วย

ความสามารถทั้งหมดนี้เป็นธรรมชาติของจิตวิญญาณซึ่งเปลีี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสที่หก หรือประสาทสัมผัสภายในอยู่เสมอ เราไม่ต้องฝึกให้จิตวิญญาณไปรู้เห็น เพราะมันไปเองอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด สิ่งเดียวที่เราต้องฝึกคือใช้สติสัมปชัญญะติดตามไปสังเกตการณ์ว่า จิตวิญญาณไปรู้เห็นอะไร และรู้เห็นได้อย่างไร เราจึงจะนำสิ่งที่จิตวิญญาณไปรู้เห็นมาใช้ประโยชน์ได้ทันการค่ะ คุณน้องก็ใช้การจิตวิญญาณได้เก่งมากอย่างเป็นธรรมชาติจริงๆ ควรฝึกฝนเพื่อให้ทำซ้ำได้ตามต้องการเสมอๆ

ทั้งหมดนี้ศึกษารายละเอียดได้จากหนังสือ ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ (rose)

 

(bb-flower(bb-flower(bb-flower

ขอต้อนรับคุณ punnapa ด้วยครับ เห็นนั่งอยู่หลังห้องนานแล้วครับ
เป็นคนเก่งอีกคนที่เรียบร้อย+พูดน้อย-แต่วิ่งเร็ว..(แซงหน้าไปเงียบๆ)
เข้ามาคุยกันนะครับ เพื่อนๆหลายคนอยากรู้จักมาก

 

ถ้า take off ไม่ไหว มีบริการหาบครับ คนละ 10 อีแปะ

ช่วงนี้ความฝันดูใกล้จะเป็นจริงแล้วครับ..
เรื่องสร้างปิรามิด meditation resort & spa
คงต้องปั่น Sketch หลายชิ้นส่งพี่เค้าให้ทัน 25 ตุลานี้
ต้องออกแบบบ้านปิรามิด 8 สไตล์
ตามรูปแบบสิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7 และรูปแบบไทยอีกหนึ่งแบบ
คลับเฮาส์+สปาทรงปิรามิด จัดหมู่ตามธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ
คอนโดทรงปิรามิด ต้องระดมหัวคิดกับเพื่อนๆหน่อยครับช่วงนี้..
จะลอง Reserch เอาจากความฝัน ค้นหาจินตนาการเอามาใช้ให้เต็มที่ครับงานนี้
ขอนำวิธี "ค้นหาข้อมูลจากระบบความฝัน "ของพี่นักเขียนมาใช้งานนี้ล่ะครับ
เขื่อมั่นว่าสิ่งที่ได้จากความฝันในระบบเครือข่ายของจิตวิญญาณ
เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทางมิติทางโลกได้แน่นอน
จะพยายามดึงเอาความสามารถแต่ละชาติภพออกมาใช้ให้เต็มที่
ขอบคุณพี่นักเขียนมากครับ ที่คอยชี้แนะและให้ความรู้อันลุ่มลึกมาโดยตลอด
แถมยังสร้างแรงบันดาลใจให้ผุดขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกหลายอย่าง
รู้สึกจิตวิญญาณมีพลังอย่างบอกไม่ถูก ไม่กลัวอะไรที่รู้สึกว่าทำได้ยากแล้ว
ถึงแม้งานนี้จะเป็นเพียงปรากฎการณ์เพียงแค่เสี้ยววินาทีหนึ่งของโลกเท่านั้น
แต่ในอนาคตอาจเป็นประโยชน์มากกว่าที่เราคิดไว้ก็ได้
ถ้ามีจัดสัมนาเกี่ยวกับจิตวิญญาณที่นี่ คงต้องเชิญพี่นักเขียนมาแน่ครับ
ถ้าเป็นรูปเป็นร่างไวๆก็คงดี...อดใจรอกันหน่อยครับ

 

ขอให้ความฝันนั้นเป็นจริงนะคะ คุณ Mead เคยชมผลงานที่คุณ Mead เธอทำ VCD ชุดแรกให้อาจารย์ปริญญาแล้ว เก่งมาก ๆ เลยค่ะ หัวหน้าห้องของเรา ชมแล้วสามารถจินตนาการตามภาพยนต์ที่นำเสนอเลย หากใครได้เจอ VCD ชุดนี้ก็ลองเอาไปชมเลยนะคะได้ความรู้สึกดีทีเดียวละ และก็ยังรอคอยที่จะชมชุดที่ 2 ต่อด้วยนะคะคุณ Mead ไม่รู้ว่าจะได้ชมเมื่อไหร่?

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีวันที่พี่นักเขียนจะสามารถมาจัดสัมนาทางจิตวิญญาณที่หมู่บ้านปิรามิตที่คุณ Mead ออกแบบนะคะ จะรีบจองแถวหน้าเลยค๊า..
(good) (good) (good)

 

ขจรวรรณจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ คุณ Mead เพราะชีวิตจริงต้องทำงานและสัมผัสกับผู้ที่มี Ego สูงมาก ๆ แต่ละคนก็มีอดีตและปัจจุบันที่ไม่ธรรมดา และเราก็ต้องสัมผัสกับบุคคลที่ด้อยโอกาสและบุคคลที่มีโอกาสสูง ถ้าเป็นทหารก็สัมผัสตั้งแต่พลทหารจนพลเอก หากเป็นพลเรือนก็ตั้งแต่เบื้องล่างจนถึงระดับสูง ซึ่งบางคนก็เป็นคนดีมีเมตตานะคะ แต่บางคนนี่ เฮ้ย.. เหนื่อยจัง แม้แต่ตัวเราเองขนาดว่าศึกษาธรรมะมาบ้าง บางครั้งยังลุแก่โทสะอยากจะต่อยเค้าไปเลยซะงั้น.. แหมก็นักเลงเก่านี่นา.. อิอิ..
(b-lablin)

 

(f) ขอต้อนรับคุณ Fahfang และคุณ Punnapa เข้าสู่ห้องวิทย์ค่ะ..(f)

 

วันนี้มาพร้อมความฝันอีกแล้วค่ะ

เป็นฝันซ้อนฝัน คือ เมื่อคืนฝันว่าไปในสถานที่แห่งหนึ่งไปพี่ๆๆเพื่อนๆๆซึ่งมีคนมานั่งรอเพื่อทำพิธีอะไรสักอย่าง ระหว่างที่ยืนอยู่ ก้อมองไปเห็นเด็กผู้หญิงใส่ชุดนักเรียนยืนหันหลัง ซึ่งก้อรู้สึกว่านั่นไม่ใช่คน ก้อเลยถามพี่กับเพื่อนที่ไปด้วยกันว่า ที่เห็นไม่ใช่คนใช่มั้ยค่ะ พี่เค้าก้อตอบว่าใช่ เราก้อเลยเงียบๆๆ แล้วจะรีบพากันเดินผ่านบริเวณนั้นไป แล้วก้อรู้สึกเหมือนมีใครมาดึงชายเสื้อ ก้อเลยหันกลับไปมอง ปรากฎว่าเป็นเด็กคนนั้นมาดึงชายเสื้อ แล้วน้องเค้าก้อพูดว่า "พี่ค่ะ ช่วยหนูด้วย" ยังไม่ทันตกใจเลยก้อรู้สึกตัวตื่น มองดูตัวเองก็ยังอยู่ในงานพิธีเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนๆๆพี่ๆๆที่ไปด้วยกัน......สักพักก้อเปลี่ยนเรื่องฝันค่ะ

เมื่อก่อนเคยพยายามจะควบคุมความฝันเหมือนที่พี่นักเขียนสอนในช่วงแรกๆๆ คือ ถ้าเราฝันให้รู้ตัวว่าเราฝัน แล้วพยายามดึงตัวเราออกมามองดูความฝันว่าจะดำเนินเรื่องเป็นแบบไหน พอดึงตัวเราออกมามองดู ตัวละครในความฝันก้อยังคงเป็นตัวเราอยู่ แต่ว่าเรื่องหยุดดำเนินต่อไปเลยค่ะ ตอนนั้นนานมากแล้ว เคยลองควบคุมอยู่หนเดียว หลังๆๆก้อปล่อยตัวไปตามความฝัน.........


สักเมื่อ 2 เดือนที่แล้วฝันว่านั่งเรียนภาษาอังกฤษกับเพื่อน พอหันหลังไปเจอเจ้านายมานั่งข้างหลัง ก้อเลยทำเป็นตั้งใจเรียน พอเรียนเสร็จ ก้อลงบันไดจะกลับบ้าน เจ้านายก้อเดินสวนขึ้นมาแล้วก้อยื่นตุ๊กตาหมีให้ แล้วเค้าก้อเดินขึ้นบันไดไป

หลังจากนั้น 1 เดือนต่อมา หลังประชุมเสร็จ ก้อจะเดินกลับโต๊ะทำงาน เจ้าก้อเรียกไปคุยด้วยบอกว่าจะปรับตำแหน่ง แล้วก้อขึ้นเงินให้ ผลจะออก 1 ต.ค. นี้ ตอนแรกๆๆก้อไม่ได้คิดอะไร อยู่ๆๆมันก้อแว๊ปมาถึงความฝันที่พึ่งฝันไป เพราะปกติไม่เคยฝันถึงเจ้านายคนนี้เลย

หลังจากนั้นอีก 2 อาทิตย์ ก้อฝันอีกว่าเจ้านายให้เราเอาซองมายื่นให้เพื่อนร่วมงาน

หลังจากนั้นอีก 2 อาทิตย์ เจ้านายก้อเอาซองมายื่นให้เรา แล้วก้อยื่นให้เพื่อนร่วมเราด้วย ซึ่งเป็นคนละคนกับที่ฝัน แต่เค้านั่งติดกัน

แปลกดีค่ะ บ้างครั้งเวลาฝันถึงใครที่ไม่เคยฝันถึงมักจะเรื่องต่างๆๆเกิดขึ้นตามมา ........

 

แบบนี้คุณขจรวรรณต้องรับมือกันทุกระดับประทับใจเลยนะครับ
มาคิดดูตัวเราเองเป็นเพียงแค่ปรากฎการณ์หนึ่งที่ปรากฎชั่วแวปเดียวเท่านั้นเอง บางคนต้องรับมือกับปัญหาสารพัด บางคนก็สบายทั้งชาติ..แต่ยังไงจิตวิญญาณของเราก็ต้องเรียนรู้ตลอดเวลาไม่สิ้นสุดนะครับ..
ถ้าเจอกันอีกคราวหน้า(ภพภูมิใหม่)คงไม่มีลืมวันพวกเราแน่
ถ้าเจอกันก็จำกันได้อีก ว่าแต่ไปเจอที่ไหนกันดีเอ่ย???

(smile)(smile)(smile)

 

ซาหวัดดีค่ะ

ยังไม่ตายนะคะ

ตอนนี้อยู่ในช่วงสอบ

คิดถึงทุกคนนะคะ

เด๋วสอบเสดก่อง จาเข้ามาทู้กกกวานเรย

สู้ๆนะคะทุกคน

ยินดีต้อนรับคนที่เพิ่งเข้ามากระทู้นี้นะคะ

ขอบอกว่าพวกคุณโชคดีมั่กๆเรย

ไปแระค่ะ แล้วเจอกานใหม่นะคะ

รักทุกคนเหมือนเดิม จุ๊บๆ

 

ขอต้อนรับคุณ Punnapa เข้าสู่ห้องวิทย์ครับ