{{หลวงพ่อคูณ257}}ศึกษาพระสมเด็จ/เบญจภาคีองค์ครู26ขุนแผนพรายกุมาร4ลพ.พรหม68พ่อท่านคลิ้ง105

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย Amuletism, 2 มกราคม 2012.

  1. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    *** รูปหล่อรุ่นนี้เดิมเรียกว่ารูปหล่อ รุ่นบูรณะบันได สร้างขึ้นเพื่อหาทุนทรัพย์ ซ่อมแซมบันได ขึ้นไปนมัสการ รอยพระพุทธบาท จำลอง บนเขาน้อย จำนวนการสร้าง ประมาณ 5000 องค์ ออกให้บูชาจากวัด องค์ละ 30 บาท พระรูปหล่อรุ่นนี้ มีขนาดองค์พระสูง 2.3 ซม. กว้างฐาน 1.4 ซม. น้ำหนักองค์พระ 10.4 กรัม พระชุดนี้หลวงพ่อทบปลุกเสกเดี่ยว และเข้าพิธีพุทธาพิเษกเสาร์ห้า วันที่ 7 เมษายน 2516 เป็นพระที่มีประสบการณ์สูงอีกรุ่นหนึ่ง

    จากประสบการณ์ มีมะพร้าวหล่นใส่หัวชาวบ้าน จนมะพร้าวแตก แต่คนไม่เป็นอะไรเลย อัศจรรย์มาก ปกติมะพร้าวหล่นใส่หัว ไม่ตายก็หัวระเบิดแน่นอน ครับ เคยเห็นมาแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง พระรูปหล่อรุ่นนี้ จึงได้มีชื่อว่า รุ่นโหม่งมะพร้าว ตั้งแต่นั้นมา

    พระรุ่นนี้เป็นพระที่กำลังได้รับความนิยมมาก ในขณะนี้ เพราะพระรูปหล่อยุคแรกๆ ของท่านราคาเช่าหาสูงมากๆ จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่คนรุ่นใหม่หันมาสนใจ สะสมรุ่นนี้กันครับ พระรุ่นนี้เป็นพระหล่อช่อ เบ้าทุบ ไม่ใช่เบ้าประกบ เหมือนรูปหล่อรุ่นอื่นๆของหลวงพ่อทบ เป็นพระแบบเดียวกับรูปหล่อ 94 ปี ไม่มีตะเข็บข้าง ทางโรงงานเก็บแต่งตะเข็บก่อนหล่อ เนื้อหาพระมีรอยยุบย้น มีคราบน้ำทองกระจายทั่วองค์ โดยเฉพาะบริเวณร่องแขน ร่องริ้วจีวร ส่องดูจะเห็นน้ำทองทั่วไป นี้เป็นเอกลักษณ์อีก แบบหนึ่งของพระหล่อโบราณ ด้านข้างไม่มีการแต่งตะไบที่ตะเข็บ จะไม่มีตะไบตามองค์พระ จะมีแต่รอยแทงตะไบใต้ฐานเท่านั้นครับ จดจำให้ดีครับ รูปหล่อรุ่นโหม่งมะพร้าว...ต้องไม่มีตะไบตามองค์พระ...บางองค์มีคราบยาขัดให้เห็นก็มีครับ...ใต้ฐานมีรอยแทงตะไบ มีรอยช่อ มีรอยยุบตัวของโลหะ ชัดเจน เป็นเอกลักษณ์ของพระหล่อครับ...

    พระรุ่นนี้ พิธีดีครับ พุทธคุณสุดยอด น่าแขวนบูชาเป็นอย่างยิ่ง มีพระหลวงพ่อทบ บูชาติดตัว มั่นสวดมนต์ภาวนา และท่านจะโชคดี มีความสุขแคล้วคลาดปลอดภัยแน่นอนครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  2. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,013
    ค่าพลัง:
    +53,093
    รบกวนพี่หนุ่มและ ทุกๆท่านออกความเห็น เก๊ - แท็ พระขุนแผนบ้านกร่างองค์นี้ หน่อยนะครับ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  3. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    เนื้อพระขุนแผนเป็นดินที่ค่อยข้างหยาบ
    และเนื้อค่อนข้างฟ่ามหรือหลวมๆ
    เนื่องจากในเนื้อดินมีเศษหญ้าผสมอยู่
    เมื่อเผาด้วยความร้อนสูงเศษหญ้าพวกนี้
    ก็จะกลายเป็นจุลไป ทำให้เนื้อมีรอยว่านหลุดบนผิว
    และเนื้อฟ่ามภายใน เป็นธรรมชาติของเนื้อพระบ้านกร่าง
    แต่สำหรับพระองค์นี้ ธรรมชาติความหยาบของเนื้อพระ
    ก็ยังเป็นการหยาบที่ดูต่างออกไป เพราะดูค่อนข้างจากพรุน
    จากการหลุดของเม็ดกรวดทราย ส่วนตัวยังเห็นว่าไม่ใช่กรุบ้านกร่าง
    แต่พระที่ผ่านการใช้มามากๆ อาจจะเป็นพระที่พิจารณายาก
    บางทีลองให้สายตรงจริงๆ พิจารณาอีกครั้งก็น่าจะดีครับ
    เพราะจำได้ว่ามีครั้งนึง ผมดูพระอยู่ที่ร้าน มีคนเอาบ้านกร่างมาให้ดู
    เซียนบอกว่าเขาดูแท้นะ แต่เป็นพระดูยาก คนที่ไม่ชำนาญอาจตีเก๊ได้
    เพราะพระใช้งานมาหนักมาก แต่คนที่ถือพระมาบอกว่าเพื่อนเดือดร้อน
    จะเอามาปล่อย เซียนก็เลยบอกว่าถ้าจะช่วยเพื่อนก็เช่าได้ เพราะพระแท้
     
  4. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    รูปหล่อโบราณ พิมพ์ฐานเตี้ย
    พ.ศ. 2505 หลวงพ่อทบ
    วัดพระพุทธบาทชนแดน เพชรบูรณ์


    [​IMG]
     
  5. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    [​IMG]

    "หลวงพ่อทบ" หรือ "พระครูวิชิตพัชราจารย์" เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำป่าสัก พระเถราจารย์แห่งวัดพระพุทธบาทชนแดน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ที่ชาวเมืองเพชรบูรณ์ให้ความเลื่อมใสศรัทธา เป็นที่ทราบกันดีว่า วัตถุมงคลหลวงพ่อทบนักสะสมพระเครื่องทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่าต่างพากันเสาะแสวงหา เพื่อเก็บไว้ในครอบครอง แม้จะมีราคาเช่าหาบูชาสูงมากก็ตาม

    วัตถุมงคลหลวงพ่อทบมีการจัดสร้างออกมาหลายรุ่นด้วยกัน มีทั้งชนิดที่หลวงพ่อทบจัดสร้างเอง หรือที่คณะศิษย์จัดทำออกมา เพื่อสมทบทุนสร้างอุโบสถ ศาลาการเปรียญ เสนาสนะต่างๆ วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมสูงมาก อาทิ พระกริ่งเพชรกลับ พระกริ่งไตรมาส พระกริ่งวิชิตฯ หัวไม้ขีด ฐานสูง และเหรียญชนิดต่างๆ เป็นต้น มีพุทธคุณโดดเด่นในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม ทำมาค้าขายดี

    หลวงพ่อทบเกิดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2424 ณ บ้านยางหัวลม ต.นายม อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและการจารอักขระขอม และวิทยาคม กับพระอาจารย์สี และพระอาจารย์ปาน วัดศิลาโมง จนมีความเชี่ยวชาญ

    หลวงพ่อทบได้ละสังขารเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2519 สิริอายุ 95 ปี พรรษา อย่างไรก็ตาม แม้หลวงพ่อทบได้มรณภาพลง แต่เป็นที่อัศจรรย์ว่าสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย คณะศิษย์จึงนำร่างของท่านไปบรรจุไว้ในโลงแก้ว ตั้งไว้ในมณฑป ที่วัดช้างเผือก อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อให้ชาวบ้านได้ไปกราบไหว้บูชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 มีนาคม 2013
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,013
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ขอบคุณพี่หนุ่มมากๆครับ จะลองขอเช็คๆอีกที :cool::cool::cool:
     
  7. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
        วัดพระพุทธบาทชนแดน (หลวงพ่อทบ) วัดพระพุทธบาทชนแดน ตั้งอยู่เลขที่ 99 บ้านชนแดน เดิมชื่อ บ้านเขาน้อย ต.ชนแดน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินสร้างวัด 47 ไร่ 3 งาน 20 ตารางวา อาณาเขต ทิศเหนือติดต่อกับหมู่บ้าน ทิศใต้ยาว 4 เส้น ติดต่อกับถนนใหญ่ ชมฐีระเวช ทิศตะวันออกยาว 5 เส้น ติดกับลำคลอง ทิศตะวันออกยาว 5 เส้น ติดกับลำคลอง ทิศตะวันตกยาว 2 เส้น ติดต่อกับถนนสายวังโป่ง ซึ่งที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 1361 เป็นหลักฐาน มีธรณีสงฆ์จำนวน ๒ แปลงเนื้อที่ ๑0 ไร่ ๒ งาน ๒0 ตารางวา ตาม ส.ค ๑ เลขที่ ๑๑๕ และ ๑๑๖

        วัดพระพุทธบาทชนแดน กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศตั้งเป็นวัด นับตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2515 ชาวบ้านมักเรียกว่า "วัดเขาน้อย" เพราะตั้งอยู่ที่เขาน้อย ระยะเริ่มแรกสร้างวัดเรียกว่า " วัดพระพุทธบาทเขาน้อย" โดยมีนายปั้น ก้อนพล บริจาคที่ดินให้สร้างวัดซึ่งได้มอบถวายแก่หลวงพ่อทบ เกจิอาจารย์ในภูมิภาคนี้

        การสร้างวัดได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2590 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่าอวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2517 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 20 เมตร ยาว 40 เมตร ได้ผูกพัทธสีมาเพื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2517 เจ้าอาวาสมี 3 รูป คือ 1. พระครูวิชิตพัชราจารย์ (ทบ ธมฺมปญฺโญ) พ.ศ.2500 - 2519 2. พระครูพัชรกิจโสภณ (โสดา ธมฺมาวฺโธ) พ.ศ. 2519 - 2540 3. พระสมุหสนั่น จนฺทโชโต พ.ศ. 2540 ถึงปัจจุบัน
     
  8. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    มหัศจรรย์"หลวงพ่อทบ" สังขารร่างกลายเป็นหิน

    [​IMG]

    "หลวงพ่อทบ" หรือ พระครูวิชิตพัชราจารย์ วัดช้างเผือก อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ พระเกจิชื่อดังและเป็นพระนักพัฒนาที่มีคุณูปการต่อกิจการคณะสงฆ์ในจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นอย่างมาก

    หลังมรณภาพเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา คณะศิษยานุศิษย์ ได้นำศพหลวงพ่อไปบรรจุไว้ในโลงแก้ว ตามคำสั่งสุดท้าย ก่อนมรณภาพที่สั่งไว้ว่า "ห้ามนำร่างกายกูไปเผา ต่อไปในวันข้างหน้า ร่างกายนี้จะมีคุณประโยชน์ต่อวัด"

    อัตโนประวัติ หลวงพ่อทบ เกิดในสกุล ม่วงดี ที่บ้านยางหัวลม ต.นายม อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2424 โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายเอก และ นางอินทร์ ม่วงดี

    เมื่ออายุได้ 16 ปี โยมบิดา ได้นำไปฝากให้พระอาจารย์สี วัดช้างเผือก ต.วังชมพู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ให้บวชเป็นสามเณร ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและวิทยาคมจนแตกฉานจากพระอาจารย์สี

    ต่อมา ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดศิลาโมง ต.นายม อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ โดยมีพระครูเมือง เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ปาน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์สี เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ได้รับฉายาว่า "ธมฺมปญฺโญ" หมายถึง ผู้มีความรู้ในพระธรรม

    หลังอุปสมบท ท่านย้ายไปจำพรรษาที่วัดช้างเผือก เพื่อศึกษาด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานและวิทยาคมจากพระอาจารย์ปาน จนมีความเชี่ยวชาญ จากนั้นได้ออกเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ บำเพ็ญภาวนา แสวงหาที่สถานที่สัปปายะทำกัมมัฏฐาน ขณะเดียวกัน ได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมด้านวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์ต่างๆ

    ในขณะออกท่องธุดงควัตร ได้มีโอกาสพบกับหลวงพ่อเขียน ธมฺมรกฺขิโต พระเกจิชื่อดัง โดยหลวงพ่อเขียนเป็นคนบ้านตะลิ่งชัน ต.ชอนไพร อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ แต่มีอายุและพรรษามากกว่า หลวงพ่อทบจึงเรียกขานหลวงพ่อเขียน ว่า "หลวงพี่" ทุกครั้งไป

    ทั้งสองท่าน เป็นสหายธรรม ที่ใกล้ชิดกันมากที่สุด

    ด้านวัตถุมงคล หลวงพ่อทบ ได้สร้างวัตถุมงคลไว้มากมาย อาทิ พระผง รูปหล่อ มากกว่า 200 พิมพ์ รูปหล่อหน้าฝรั่ง รูปหล่ออกซื่อ และรูปหล่อหัวไม้ขีด เป็นต้น ในส่วนของเครื่องราง คือ ตะกรุดโทน ถักด้าย ถือว่าเป็นที่นิยมมากที่สุดของบรรดาเซียนพระ มีพุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย อยู่ยงคงกระพัน

    หลวงพ่อทบ ได้สร้างวัด ศาลาการเปรียญ อุโบสถให้แก่วัดต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ ยังบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะของวัดที่ชำรุดทรุดโทรม

    เมื่อท่านเดินธุดงค์ไปยังพื้นที่เขตอ.ชนแดน ญาติโยมได้พากันนิมนต์ให้ท่านสร้างวัดพระพุทธบาทเขาน้อย ซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงสำนักสงฆ์เล็กแห่งหนึ่ง ท่านได้สร้างวัด สร้างกุฏิ อุโบสถ ศาลาการเปรียญ จนเจริญรุ่งเรือง จนได้รับการยกฐานะให้เป็นวัดประจำเภอ หลวงพ่อทบได้รับแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้เป็นเจ้าคณะอำเภอชนแดน ปกครองคณะสงฆ์

    หลวงพ่อทบ ได้มรณภาพลง เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2519 ตรงกับวันขึ้น 4 ค่ำ เดือน 4 สิริอายุ 95 ปี

    พระครูวิมลพัชรกิจ เจ้าอาวาสวัดช้างเผือก (ปัจจุบัน) ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงพ่อทบ บอกว่า ก่อนที่หลวงพ่อจะมรณภาพ ท่านได้สั่งเป็นครั้งสุดท้ายว่า ห้ามไม่ให้เผาร่างของท่าน ด้วยในวันข้างหน้า ร่างของท่านจะมีคุณประโยชน์ต่อวัดอย่างมาก

    [​IMG]

    คณะศิษยานุศิษย์ ได้นำร่างของท่านบรรจุไว้ในโลงแก้ว ต่อมา จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เข้ามาบูรณะ ปรับภูมิทัศน์ สร้างรูปหมือน สร้างมณฑป ให้เป็นที่ตั้งโลงแก้ว เพื่อให้ประชาชนได้สักการบูชากราบไหว้

    [​IMG]

    ปัจจุบัน วัดช้างเผือกกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาแห่งหนึ่ง ในแต่ละวันจะมีประชาชนทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดพากันมากราบสักการะร่างที่ไม่เน่าเปื่อยทุกวัน

    ร่างกายที่ไม่เน่าเปื่อยและกลายสภาพเป็นหิน นอนสงบนิ่งอยู่ภายในโลงครอบแก้ว เหมือนกับว่า ท่านยังไม่มรณภาพ

    ทุกปี วัดช้างเผือกจะทำการเปลี่ยนผ้าไตรจีวรให้แก่ท่านเป็นประจำ และผ้าจีวรที่เปลี่ยนออกมา ชาวบ้านญาติโยม ต่างพากันนำไปเป็นเครื่องราง

    กล่าวกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ไม่เสื่อมคลาย แม้ว่าท่านจะมรณภาพไปนานกว่า 30 ปี

    ที่มา: ข่าวสด (คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6 มานิตย์ นีรคุปต์)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 มีนาคม 2013
  9. captainzire

    captainzire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,551
    ค่าพลัง:
    +2,822
    สงสัยมานานแล้วครับ ว่าทำไมเรียกว่ารุ่นโหม่งมะพร้าว
    ประสบการณ์ดีขนาดนี้ ราคายังไม่แพง น่าสะสมครับ
    :cool:
     
  10. boy1984

    boy1984 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2013
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +19
    ฝากวิเคราะห์ด้วยครับ

    ดูให้หน่อยครับทั้ง3องค์ว่าเป็นยังไงครับ แท้หรือเก๊ ออกวัดไหนปีอะไรครับ ขอบคุณครับ

    01..jpg

    02.jpg

    03.jpg

    04.jpg

    05.jpg
     
  11. weetak

    weetak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2013
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +232
    กราบงาม ๆ ครับพี่
     
  12. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    [​IMG]

    คาถาบูชาหลวงพ่อทบ
    เพื่อความสุขความเจริญและโชคลาภ ก่อนภาวนาคาถาหลวงพ่อทบให้ตั้งจิตอธิษฐาน รำลึกถึงหลวงพ่อทบ

    ตั้งนะโม 3 จบ
    พุทธัง อาราธนานัง หลวงพ่อทบอุปการัง อิติปิโส
    ธัมมัง อาราธนานัง หลวงพ่อทบอุปการัง อิติปิโส
    สังฆัง อาราธนานัง หลวงพ่อทบอุปการัง อิติปิโส
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 มีนาคม 2013
  13. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    พระคาถาหัวใจเศรษฐี ของหลวงพ่อทบ วัดชนแดน
    จงภาวนาเมื่อเริ่มต้นประกอบกิจการนั้น ๆ จักทำมาค้าขึ้น มั่งมีเงินทองมหาศาล ดั่งมหาเศรษฐีทั้งปวง

    นโม พุทธายะ ยะธาพุทโมนะ อุอากะสะ อากะสะอุ กะสะอุอา สะอุอากะ นะชาลีติ นะชาลีเต หังชาลีติ พะลิราชา ปิยังมะมะ อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ เอหิมา มา นะ เงิน ทองไหลมา นะชาลิติ ฯ
     
  14. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    มิบังอาจครับ ความเห็นที่ให้ไปก็เป็นแค่
    ความเห็นเบื้องต้นของนักสะสมคนนึงเท่านั้นครับ
     
  15. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    พระคาถาภาวนาสอบไล่ได้
    หลวงพ่อทบ วัดชนแดน

    นะโปงปุ ทะลุปัญญา พระพุทนำพา
    พระธาคิดได้ มุตโตมุตตัง สะระณังมุตโต
     
  16. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    สำหรับรูปหล่อหลวงพ่อทบพิมพ์ฐานเตี๊ยนี้
    นับได้ว่าเป็นรูปหล่อรุ่นหนึ่งของหลวงพ่อ
    ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆและกำลังเป็นที่เสาะหา
    สำหรับนักสะสมแต่ก็หายากพอดูอยู่เหมือนกัน
    รูปหล่อรุ่นนี้ได้จัดสร้างโดยวิธีหล่อโบราณ
    เมื่อปี 2505 ที่วัดชนแดน

    ประสบการณ์ของรูปหล่อรุ่นนี้กล่าวขานกันไม่รู้จบ
    ชนิดเล่ากันแล้วเล่ากันอีกนั้นแหละ
    และก็เชื่อกันว่ามีพุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย
    มหาอุด สามารถแก้คุณไสย เมตตามหานิยม
    แบบครบสูตรก็ว่าได้ อีกแล้ว
     
  17. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    ประวัติหลวงพ่อทบ วัดชนแดน

    [​IMG]

    หลวงพ่อทบ ธมฺมปญโญ ถือกำเนิดเกิดมาเมื่อวันศุกร์ ขึ้น 14 ค่ำ เดือน4 ปีมะเส็ง ตรงกับวันท่ 3 มีนาคม พ.ศ.2424 ณ.บ้านยางหัวลม ตำบลนายม(ปัจจุบันแยกเป็นตำบลวังชมพู) อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ หลวงพ่อทบเป็นบุตรคนที่3 ของคุณพ่อเผือกและคุณแม่อินทร์ ม่วงดีมี่น้อง4คน ได้แก่ 1 นายหว่าง ม่วงดี 2 นางใบ ม่วงดี 3 นายทบ ม่วงดี (หลวงพ่อทบ) 4 นางแดง ม่วงดี

    ทำไมชื่อ”ทบ” ครั้งที่หลวงพ่อทบถือกำเนิดจากครรภ์มารดา ในวันคลอดปรากฎว่ามีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้น หลวงพ่อทบถือกำเนิดผิดแผกแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป ที่การเวลาคลอดศรีษะของท่านจะโผล่ออกมาก่อน แต่หลวงพ่อทบตอนคลอดศรีษะกับเท้าออกมาพร้อมกัน ดังนั้นบิดามารดา จึงตั้งชื่อให้ว่า “ทบ”

    หลวงพ่อทบ เกิดในตระกูลชาวไร่ชาวนา ฐานะค่อนข้างร่ำรวย มีที่ดินและกระบือมากกว่าคนละแวกนั้น ชีวิตจึงมีความสุขสบาย ตอนเด็กหลวงพ่อทบได้เรียนที่โรงเรียนวัดแถวบ้าน หลวงพ่อทบสนใจการเรียนมาก สามารถอ่านเขียนได้ทั้งภาษาไทยและขอม ท่านชอบการอ่านเป็นอย่างมากและมีความจำเป็นเลิศ เมื่ออายุ 16 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดช้างเผือก มีพระอาจารย์สี เจ้าอาวาสซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อทรัพย์ตาพรรณวาจาศักดิ์สิทธิ์ และเป็นผู้ทรงวิทยาคุณทางเวทย์มนต์คาถาอย่างมากเป็นผู้บรรพชาให้ ช่วงบรรพชาได้ศึกษาคาถาอาคมจนแก่กล้า และได้ศึกษาเพิ่มเติมจากพระอาจารย์ปาน เจ้าอาวาสวัดศิลาโมง จนหลวงพ่อทบได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้จนหมดสิ้น

    เมื่อ ย่างอายุ 21 ปี ได้ทำการอุปสมบท ณ วัดเกาะแก้ว ต.นายม โดยมีพระครูเมือง เป็นอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า ธัมมะปัญโญภิกขุ ได้จำอยู่ที่วัดช้างเผือก เป็นเวลา 2 ปี พอเข้าฤดูพรรษาต่อมาได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดวังโป่ง อ.ชนแดน อีก 2 ปี จึงเริ่มเดินธุดงค์ ไปตามป่าเขาลำเนาไพรแต่เพียงรูปเดียว ช่วงธุดงค์ท่านได้บำเพ็ญศีลภาวนา แสวงหาความรู้ ศึกษาเวทย์มนต์คาถาตามถ้ำ หน้าผาผนังหินที่มีผู้จารึกไว้ในสมัยก่อน บางครั้งต้องดำรงชีพด้วยผลไม้ป่าและใบไม้ เคยผจญกับโขลงช้างป่า เสือ สัตว์ร้ายต่าง ๆ ท่านได้แผ่เมตตาภาวนา โดยที่สัตว์เหล่านั้นมิได้ทำอันตรายใด ๆ เลย

    จนกระทั่งได้พบกับพระธุดงค์อีกรูปหนึ่งจึงชวนกัน เดินธุดงค์ไปจนถึงชายแดนพม่า และได้แสดงอภินิหารซึ่งกันและกันและแลกเปลี่ยนวิชาอาคมกัน จึงแยกย้ายคนละทิศคนละทาง หลวงพ่อทบเดินทางต่อไปจนถึงนครเวียงจันทร์ ได้รู้จักกับพระที่นั่นหลายรูป ได้ช่วยพัฒนาวัดวาอารามจนเป็นที่ชื่นชอบของพระเวียงจันทร์ ถึงกับนิมนต์ให้ประจำอยู่ที่วัด แต่หลวงพ่อปฏิเสธเพราะมีภาระอีกต่อไป คือคำสั่งของพระอาจารย์ว่าวาระสุดท้าย ให้กลับไปจำที่วัดช้างเผือก จากนั้นก็ธุดงค์ไปจนถึงชายทะเลที่จังหวัดตราดติดแดนเขมร ได้ศึกษาวิชากับพระเขมร จนเป็นที่รู้จักของชาวเขมรในด้านเวทย์มนต์คาถาอาคม

    หลังจากจาริกไปตามสถานที่ต่าง ๆ หลวงพ่อทบได้กลับมาที่วัดศิลาโมง ต.นายม ท่านได้บูรณะครั้งใหญ่สร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ พระอุโบสถ ตอนนั้นท่านยังไม่ได้ 40 พรรษา ชื่อเสียงยังไม่มีใครรู้จักมากนัก ต่อมาเมื่อ 40 พรรษา ได้รับนิมนต์เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกครั้งยิ่งใหญ่ของ วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพฯ ตั้งแต่นั้นชื่อเสียงของท่านเริ่มมีผู้รู้จักและโด่งดังมากขึ้น เพราะในพิธีมีช่างภาพหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ถ่ายรูปของท่านหลายครั้งแต่ไม่ติด หลังจากพิธีผ่านไป 5 ปี ก็มีโอกาสเข้าร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกที่วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ และเช่นเดียวกันช่างภาพก็ถ่ายภาพไม่ติด ทำให้ชื่อเสียงหลวงพ่อเป็นที่เลื่องลือมากขึ้น

    จากตำบลนายม หลวงพ่อทบได้ไปจำพรรษาที่อำเภอชนแดน ได้สร้างวัดแห่งใหม่ขึ้น ชื่อวัดสว่างอรุณ และสร้างวัดอีกแห่งใกล้กันคือวัดพระพุทธบาทเขาน้อย พอได้อายุ 73 พรรษา ก็ได้รับเลื่อนสมณะศักดิ์เป็นเจ้าคณะอำเภอชนแดน พร้อมได้รับสถาปนาสมณะศักดิ์ทางกรมศาสนาให้ชื่อว่า “พระครูวิชิตพัชราจารย์” ช่วงนี้หลวงพ่อทบได้บูรณะวัดในเขตชนแดนอย่างจริงจัง มีการก่อสร้างปูชนียวัตถุ ปูชนียสถานอีกหลายแห่ง พออายุย่างเข้า 83 พรรษา นัยน์ตาหลวงพ่อเริ่มฟ่าฟางจนกระทั่งมืดสนิท ท่านจึงได้ลาออกจากตำแหน่งพระครูวิชิตพัชราจารย์ เจ้าคณะอำเภอชนแดน แต่เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ มีมติให้ท่านดำรงตำแหน่งพระครูวิชิตพัชราจารย์กิตติมศักดิ์ ต่อไปจนตลอดอายุ

    เมื่อ ลาออกจากสมณะศักดิ์แล้ว ท่านก็คิดถึงวัดที่เคยอาศัยอยู่กับพระอาจารย์ คือ วัดช้างเผือก ต.วังชมภู ขณะนั้นเป็นวัดร้างประมาณ 30 – 40 ปี ท่านจึงได้ออกจากวัดพระพุทธบาทเขาน้อย มาอยู่ที่วัดศิลาโมง เพราะสะดวกที่จะย้ายไปจำพรรษาที่วัดช้างเผือก ท่านได้บูรณะวัดศิลาโมงอยู่ระยะหนึ่ง จึงย้ายไปจำพรรษาที่วัดช้างเผือกซึ่ง ร้างรอท่านอยู่ ท่านได้บูรณะพัฒนาจนวัดช้างเผือก เป็นวัดที่รุ่งเรืองที่สุดของตำบลวังชมภู

    จนกระทั่งวันที่ 13 มีนาคม 2519 กรรมการวัดได้จัดงานประจำปี และพิธีวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถหลังใหม่ ประชาชนได้หลั่งไหลร่วมงานอย่างมืดฟ้ามัวดิน คืนนั้นเกิดพายุฝนกระหน่ำอย่างหนักกว่า 5 ชั่วโมง ทุกอย่างกลับสู่ปกติ แต่บนกุฏิหลวงพ่อแวดล้อมด้วยศานุศิษย์ ญาติ โยม ใจคอไม่ดีเพราะหลวงพ่อเริ่มมีอาการผิดปกติ พยายามลุกนั่งและฉันหมากอยู่เสมอ และได้พูดเรื่องศพของท่านว่า หากตัวท่านมรณะภาพลง อย่าได้เผาเป็นอันขาดให้สร้างเป็นวิหารหรือมณฑปเก็บศพ ไว้ มิฉะนั้นความเจริญหรือปฏิสังขรใด ๆ ที่วัดกำลังดำเนินการอยู่จะชงักวัดจะร้างอย่างเดิม และแล้วเวลาเที่ยงวันเศษของวันรุ่งขึ้น หลวงพ่อก็มีอาการเหมือนเป็นไข้ คณะศิษย์จึงนำรถมารับเพื่อไปรักษาที่กรุงเทพฯทันที แต่ขณะรถวิ่งถึงเขตตำบลนาเฉลียง มันเป็นเวลา 4 โมงเย็นพอดีหลวงพ่อก็ปิดเปลือกตาลงอย่างสนิท หลวงพ่อทบมรณะภาพแล้ว

    หลวงพ่อทบ ได้ทำการก่อสร้างบูรณะวัดวาอาราม ไปตามสถานที่ต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะได้เป็นผู้นำทำการก่อสร้างพระอุโบสถสำเร็จเรียบร้อยถึง 16 หลังทั้งได้วางศิลาฤกษ์หลังที่ 17 ไว้ที่วัดช้างเผือกซึ่งปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้ว หลวงพ่อทบเป็นพระที่ไม่เลือกชั้นวรรณะตลอดชีวิต ใครมีทุกข์ท่านจะช่วยเหลือเป็นอย่างดี เป็นผู้มีกตัญญูรู้คุณครูบาอาจารย์ ท่านเคยพูดเมื่อปี 2518 ว่า ที่ต้องกลับมาอยู่วัดช้างเผือกเพราะอาจารย์ท่านสั่งไว้ ท่านยังบอกว่าตัวของท่านขณะนี้ตายแล้วเพียงแต่ไม่เน่าเท่านั้นเอง

    เมื่อ เอ่ยถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทบแล้ว มีผู้ประสพด้วยตนเองมาไม่น้อย เช่นครั้งเกิดเหตุคนร้ายบุกจี้หลวงพ่อบนกุฏิวัดพระพุทธบาทเขาน้อย คนร้ายขู่บังคับให้หลวงพ่อบอกที่ซ่อนเงินและของมีค่า เมื่อหลวงพ่อพูดว่า จะเอาเงินที่ไหนมา คนร้ายก็เหนี่ยวไกปืนยิงหลวงพ่อทันที แต่ยิงไม่ออก ยิงอยู่ 2-3 ครั้งก็ยิงไม่ออก จนตำรวจเข้าไป คนร้ายจึงยึดเอากุฏิเป็นป้อมยิงปืนสู้ตำรวจแต่ยิงไม่ออก ฝ่ายตำรวจก็ยิงบ้างแต่ก็ยิงไม่ออกเช่นกัน ขณะนั้นหลวงพ่อนั่งสมาธิเฉยอยู่ จนกระทั่งคนร้ายกระโดดลงจากกุฏิ ก็มีเสียงปืนดังขึ้น พร้อมกับเสียงร้องโอ๊ย คนร้ายถูกยิงและเสียชีวิตในที่สุด และยังมีเรื่องเล่าถึงปาฏิหาริย์เกี่ยวกับหลวงพ่อทบอีกมากมาย

    อ้างอิง P/A พระเครื่อง
     
  18. กำแพงพระ

    กำแพงพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,025
    ค่าพลัง:
    +1,966
    เรื่องราวของหลวงพ่อทบที่พี่ Amuletism
    นำมาให้ศึกษา น่าสนใจจริงๆ ครับ
    รอติดตามอ่านตอนต่อไปอยู่ครับ
     
  19. กำแพงพระ

    กำแพงพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,025
    ค่าพลัง:
    +1,966
    หลวงพ่อทบดูไม่เป็นครับ
    แต่พระสมเด็จสององค์นี้
    ดูเนื้อหาแล้ง ไม่น่าทันสมเด็จครับ
     
  20. กำแพงพระ

    กำแพงพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,025
    ค่าพลัง:
    +1,966
    ลองของกับคนเล่นของ

    "ของดีไม่ต้องลอง" หรือ "ของดีต้องลองได้" เป็นข้อถกเถียงของผู้นิยมพระเครื่องและเครื่องรางของขลังอย่างไม่มีวันจบสิ้น

    ขณะเดียวกันก็มีภาพข่าวการลองของออกมาอย่าต่อเนื่อง เช่น ชาวบ้านแห่พิสูจน์ตะกรุดลูกปืนมหาอุตต์พระอาจารย์ตี๋เล็ก หรือพระพินิต ปัญญาสาโร เจ้าตำรับมหาอุตต์-ตะกรุดลูกปืนขนานแท้ แห่งสำนักสงฆ์เขาสุนะโม ต.พุทธบาท อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ แน่นวัด เนินพยอม ต.ดงเสือเหลือง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ลองของกันในวัด ปืนยิงไม่ออกลูกปืนติดคาลำกล้อง

    ในขณะที่พระอาจารย์สมชาย ฐานวโร หรือหลวงพ่อเสือ เจ้าของฉายา "กระบี่บินโคตรหนังเหนียว" ใช้ดาบซามูไรยาวกว่า ๑ เมตร โดยมีการสวดคาถาอาคมอย่างตั้งอกตั้งใจ ทั้งนี้ได้แจกจ่ายเสื้อยันต์ ผ้ายันต์ ตะกรุด และจตุคามฯ ให้ชายที่ถอดเสื้อทุกคนถือเอาไว้โดยการชูมือขิ้นเหนือศีรษะ จากนั้นก็ลงมือฟันด้วยซามูไรเข้าที่บริเวณหน้าท้องและลำตัวหลายครั้งสร้างความฮือฮาให้แก่ประชาชนที่ยืนดูเป็นอย่างมาก

    "เมื่อปี ๒๕๔๓ เคยลองรูปหล่อเนื้อนวโลหะหลวงพ่อเงิน รุ่นพระพิจิตร โดยลองที่หน้าพระอุโบสถหลวงพ่อเพชร ระหว่างพิธีปลุกเสกในพลัด (พลตรีเกริก กัลยาณมิตร) อดีตผู้บังคับ ตร.ภูธร จ.พิตร ปัจจุบันเป็น ส.ว.พิจิตร ในครั้งใช้ปืน .๓๕๗ ในครั้งนั้นมีคนมาดูการลองกว่า ๓๐๐ คน การลองเริ่มจากยิงขึ้นฟ้า ๑ นัดเพื่อลองปืนลองกระสุน เมื่อต้องลองวัตถุมงคลก็จะจุดธูปขอขมาเจ้าที่ และครูบาอาจารย์ โดยอธิษฐานจิตว่า ไม่ได้ลบหลู่แต่ต้องการลองเพื่อให้ประจักษ์ว่าพุทธคุณมีจริง แล้วใช้ปืนจอยิงไปที่วัตถุมงคลในระยะเผาขน ส่วนใหญ่จะเอาวัตถุมงคลใส่ถุงผ้าขาว ยิงแล้วจะด้าน แล้วหมุนโม่ยิงอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงถอดลูกกระสุนออกมาดู นัดแรกนกจะสับ ๑ รอย นัดที่ ๒ ยิงซ้ำนกจะสับ ๒ รอย แสดงว่าลูกปืนไม่ได้แช่น้ำมัน ก่อนจะลองต้องขอขมาลาโทษทุกครั้ง ลองเพื่อทดสอบพุทธคุณพระที่จัดสร้าง ยิงออกแต่ไม่ถูก ยิงถุงผ้าขาวแตกแต่ถุงพลาสติกไม่ขาด ระยะหลังไม่ปรากฏว่ามีการลองของเท่าใดนัก ส่วนใหญ่เป็นการลองด้วยการยิงครั้งเดี่ยวซึ่งไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าใดนัก" นี่คือประสบการณ์และวิธีการลองของ อ.ขวัญทอง สอนศิริ (โจ้) ศูนย์พิษณุโลกศึกษา โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคเหนือ พิษณุโลก

    อ.โจ้ ยังบอกด้วยว่า เคยลองด้วยตนเอง ๒ ครั้ง คือ หลวงปู่บุญมี ฐิตาจาโร วัดเกาะ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเอม วัดคลองโป่ง อ.ศรีสำโรง โดยลองตะกรุดโทน (ยันต์แม่เหล็ก) โดยกำตะกรุดแล้วใช้คัตเตอร์กรีดที่มือ เริ่มจากค่อยๆ กดก่อนแล้วเริ่มกดแรงขึ้นเมื่อรู้ว่าไม่เข้าก็กดเต็มที่โดยลองถึง ๒ ครั้ง มีเพียงแค่แมวข่วนเท่านั้น (ยางบอน) ส่วนอีกครั้งหนึ่งลองตะกรุดคู่ชีวิตหลวงพ่อทาน (หลานหลวงพ่อพิธ ตาไฟ) วัดฆะมัง อ.เมือง จ.พิจิตร โดยใช้วิธีการลองแบบเดียวกัน นอกจากนี้ยังเคยลองตะกรุดเทพรัญจวนหลวงปู่ และเหรียญสองกษัตริย์ (พระนเรศวร-พระเอกา) สร้างโดยเจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตร และปลุกเสกหลวงปู่ตี๋ วัดหลวงราชาวาส จ.อุทัยธานี และ อ.จั่ว ตรอกจั่น (ฆราวาสลูกศิษญ์ อ.เทพ) รวมทั้งเหรียญชินราชเจ้าพระยาจักรกรี (ตชด.๓๑ พิษณุโลกสร้าง) โดยใช้ปืน .๓๘ ยิง ปี ๒๕๔๒ และ ๒๕๔๓ เคยลองพระกริ่งนเรศวรพระองค์ดำ ๑๐๐ ปี โรงเรียนพิษณุโลกวิทยาคม โดยลองบริเวณหอกลองหน้าวิหารพระพุทธชินราช ในครั้งนั้นมีตำรวจและประชาชนร่วมพิสูจน์กว่า ๑๐๐ คน

    อย่างไรก็ตาม "คม ชัด ลึก" ไปสังเกตการณ์วิธีการทดสอบความขลังของพระเครื่องและวัตถุมงคล ของนายอภิชัย อิ่มอารมรณ์ และนายอำนาจ ทรัพย์สิน คู่หูนักลองของ บริเวณวัดแห่งหนึ่งใน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยนำวัตถุมงคลหลายชนิดมาลองยิงด้วยปืนลูกโม่

    นายอภิชัยบอกว่า จากการลองของที่ผ่านมาของดีมีไม่ถึง ๕% ไม่ว่าจะเป็นเหรียญดังของเกจิย่านบางกระดี่ จ.ปทุมธานี รวมทั้งตะกรุดลูกปืน ตะกรุดลูกระเบิดที่ขึ้นชื่อของเกจิยุคปัจจุบันถูกปืนยิงกระจายทุกราย ส่วนเหตุผลที่ลองนั้นไม่ใช่ลบหลู่เพียงแต่ต้องการพิสูจน์พุทธคุณเท่านั้น อย่างไรเสียก็ขอยืนยันว่าของดีต้องลองได้ พระเครื่องและวัตถุมงคลที่แขวนติดตัวทุกชนิดแม้จะราคาไม่แพงแต่ทุกอย่างผ่านการทดสอบด้วยการยิงมาทั้งสิ้น

    "ของไม่ดีแขวนไปก็หนักคอหนักเอวเปล่าๆ ผมเชื่อว่าทุกคนล้วนอยากมีของดีมาใช้ป้องกันตัว ใครจะคุยอวดสรรพคุณว่าวัตถุมงคลสุดยอดอย่างไร สู้ลองทดสอบด้วยตัวเองไม่ได้ ทุกวันนี้ผมแขวนวัตถุมงคลของเกจิแห่งยุคที่ยังมีชีวิตอยู่ ๓ รูป คือ ตะกรุดหลวงปู่แย้ม หนังเสือและเสือเนื้อตะกั่ว วัดตะเคียน จ.นนทบุรี หลวงพ่อสุวรรณ วัดยาง ต.ห้วยไผ่ อ.แสวงหา จ.อ่างทอง และหลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม วัดเขาเขียวพนาราม อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ศิษย์สืบสายธรรมหลวงปู่อิ่ม วัดหัวเขา" นี่คือเหตุของนายอำนาจ

    ทั้งนี้ นายอำนาจยังบอกด้วยว่า เมื่อได้วัตถุมงคลมาโดยเฉพาะประเภทตะกรุดจากวัดต่างๆ ประมาณ ๒๐ ดอก ก็จะนัดเพื่อนๆ ในกลุ่มมาลองของโดยใช้ปืน ๓ ขนาดยิงคือ ปืนแม็กนั่ม ปืนขนาด ๑๑ มม. และปืนซูเปอร์ เมื่อลองไปแล้วหากตะกรุดดอกใดปืนยิงไม่ออก หรือยิงไม่ถูกจะใช้ปืนลูกกรดยาวซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นปืนที่ยิงและมีความแม่นยำมากมายิงซ้ำอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามในระยะหลังไม่ค่อยได้ลองด้วยเหตุที่ว่าขับรถไปประสบอุบัติเหตุเกือบเอาชีวิตไม่รอด ตามความเข้าใจของตนเองเชื่อว่าเป็นผลพวงมาจากการลองของลบหลู่ครูบาอาจารย์

    "เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู"
    ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 8 กรกฎาคม 2551
     

แชร์หน้านี้

Loading...