เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    สวัสดีทุกท่าน
    เมื่อวันก่อนมีความรู้สึกแวบขึ้นมาว่ามีอำนาจจิตบางอย่างกำลังจ้องมองครับ พอลองมองด้วยวิธีส่วนตัว ก็สงสัยทั้งๆที่อยู่ในที่สว่างในห้องนอน แต่ก็เห็นเป็นเงาดำรูปร่างเหมือนมนุษย์ไม่มีเส้นผม ศรีษะจะเป็นแบบลูกโป่ง มือนิ้วเป็นเหมือนท่อหลอดกาแฟไม่ครบห้านิ้ว เขายื่นมือมาหนึ่งข้าง ถ้าลองสัมผัสจิตของพวกเขาเหมือนมีคลื่อนความถี่เสียงคล้ายเวลาเคาะแท่งแก้วรัวๆเวียนหัวมากครับ ต้องทำเป็นไม่เห็นเขาเราถึงจะหายเวียนหัว ไม่รู้ว่าพวกเขาไม่ต้องการให้เราเห็นหรือไม่ชอบพวกเราหรือเปล่า พวกเขาสามารถพูดคุยกับเราได้โดยไม่ต้องขยับมุมปากเลย น่ากลัวมากครับ
    อยากทราบว่าที่เห็นนี้เป็นอย่างไร ประสาทหลอนรึเปล่า เพราะไม่เคยเห็นมนุษย์ต่างดาวมาก่อนครับ พี่ๆที่มี ปสก. ช่วยบอกที เพราะกลัวมากๆ

    ไม่ทราบว่าพี่มีดมาหาหรือเปล่าครับ (ล้อเล่นนะครับ)
    แต่ถ้าเป็นพี่มีดหรือพวกพ้องก็ฝากบอกด้วยนะครับว่าพวกนาคาเขากลัวพวกเอเลี่ยนจริงๆ

    เคารพ
    TK the Naka
     
  2. tenis

    tenis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    343
    ค่าพลัง:
    +1,228
    สวัสดีคะ คุณพี่นักเขียนและทุก ๆ ท่าน

    เป็นแฟนคลับกระทู้นี้ด้วยคะ แต่ค่อย ๆ ไล่อ่านเอานะคะ ยังไม่เคยสัมผัสอะไรได้ แต่ขออนุญาติถามและขอคำแนะนำด้วยคะ

    อยากถามเกี่ยวกับการสัมผัสพลังในแต่ละที่คะ เพื่อเป็นความรู้คะ เนื่องจากบ้านเราอยู่ในเมืองพุทธ มีสถานที่สำคัญน้อยใหญ่มากมาย อยากขอคำแนะนำในระดับอนุบาลเพื่อศึกษาหาจุดประสานมิติ หรือสังเกตถึงพลังในแต่ละที่คะ

    พอดีปีหน้ามีแผนจะไปสังเวชนียสถานสี่แห่งคะ ที่อินเดีย(เคยไปมาแล้วสองครั้ง) ส่วนตัวเชื่อว่าสถานที่เหล่านี้ต้องมีพลังหลงเหลืออยู่บ้างนะคะ เลยอยากฝึกปรือไว้แต่เนิน ๆ (ที่ไปทั้งสองครั้ง ยังรู้สึกว่าไม่ได้ซาบซิ้งเท่าใดนักคะ ครั้งแรก ไปเพราะเชื่อแบบชาวพุทธว่าครั้งหนึ่งต้องไปให้ได้ ครั้งที่สอง พอดีแม่กับพี่สาวไป ก็เลยไปเป็นเพื่อน ครั้งที่สามที่จะไป เพราะคนที่เรานับถือบอกผ่านทางพี่สาวมาว่าให้เราไป และเราก็คิดว่า ไม่ติดอะไร ก็จะไปเพราะอยากได้บุญ

    รบกวนชี้แนะด้วยคะ
     
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อ้างอิงจากกระทู้นี้นะครับ
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=90702

    ...กล่าวโดยย่อได้ว่า ประเทศของเธอ

    ท้องที่ริมฝั่งทะเล รวมถึงกรุงเทพฯ

    และเมืองใหญ่ในจังหวัดต่างๆ
    ที่มีการเปลี่ยนแปลง มีการเคลื่อนไหว
    มีการก่อสร้างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมากมาย

    ล้วนเป็นท้องที่ที่ถูกครอบคลุม
    ด้วยจุดประสานมิติดังกล่าว

    ซึ่งการสร้างสรรค์และการทำลายล้าง
    มีความเป็นไปได้สูงพอๆกัน...



    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  4. oakpr

    oakpr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +264
    ขอบคุณอย่างสูง

    ขอบคุณครับ คุณ mead ที่ให้กำลังใจครับ ผมหวังว่าหนังสือดี ๆ อย่างนี้ต้อง
    ขายดี แน่ ๆ ครับแต่ต้อง รอเวลาหน่อยครับ ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจครับ(tm-love)
     
  5. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    จะแนะนำจากคนใกล้ๆตัวให้อ่านกันก่อน ถ้าเค้าสนใจจะได้ไปซื้ออ่านและแนะนำคนอื่นต่ออีกที
    คงต้องใช้เวลาซักนิดนะคะที่หนังสือจะเข้าถึงกลุ่มคน แต่อีกไม่นานหนังสือของอาจารย์โนวา อนาลัยจะเป็นหนังสือที่ไม่ได้อยู่ที่ชั้นหนังสือ แต่ต้องเก็บไว้บนหิ้งเลยทีเดียว เอาใจช่วยกันทุกคนเลยค่ะ (kiss)
     
  6. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ชอบคำที่ท่าน ติช นัท ฮันห์เขียนไว้ว่า พุทธศาสนาคือวิถีชีวิต
    ได้อ่านหนังสือของท่านติช นัท ฮันห์ แค่เล่มที่ชื่อ "ปาฏิหารย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ" ส่วนหนังสือที่ชื่อ "เดินวิถีแห่งสติ" ไม่แน่ใจว่าได้ซื้อมาหรือเปล่า

    หลังจากที่อ่านแล้วรู้สึกว่า ท่านนั้นสอนง่ายๆ แต่เห็นภาพ แล้วก็ดูเหมือนว่า สิ่งที่สอน สิ่งที่ให้ปฏิบัติ มันก็อยู่แทรกในชีวิตประจำวันนี่เอง

    Tricycle : ทุกคนสามารถได้รับประโยชน์จากพุทธศาสนาหรือคะ?

    นัท ฮันห์ : พุทธศาสนาเป็นวิถีชีวิตมากกว่าเป็นศาสนา เหมือนกับผลไม้ คุณอาจชอบกินผลไม้หลายชนิด เช่น กล้วย ส้ม หรือส้มจีน เป็นต้น เมื่อมีบางคนบอกคุณว่า มีผลไม้ชนิดหนึ่งเรียกกันว่ามะม่วง และจะเป็นเรื่องที่ดีมากหากคุณจะลองชิมดูสักครั้ง คงน่าเสียดายหากคุณไม่รู้ว่ามะม่วงคืออะไร และการหันมากินมะม่วง ก็ไม่ได้เรียกร้องให้คุณต้องเลิกนิสัยที่เคยชอบกินส้มชนิดต่าง ๆ แล้วทำไมไม่ลองดูล่ะ เผลอ ๆ คุณอาจจะชอบมะม่วงก็ได้ พุทธศาสนาก็เหมือนกับมะม่วงชนิดหนึ่ง คุณเห็นมั้ย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2007
  7. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590

    คำว่าอจินไตยในความหมายที่พี่นักเขียน เขียนมาก็หมายความว่า คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจได้อันเพราะเนื่องด้วยเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ในสมัยนั้น ไม่สามารถที่จะให้คำตอบในเรื่องนั้นได้ใช่ไหมครับ

    อืม ก็เป็นมุมมองในอีกมุมนึงที่น่าสนใจ โดยนัยนี้ สิ่งที่เป็นอจินไตย จึงไม่ใช่สิ่งที่ว่ารู้ไปก็เท่านั้นหรือไม่มีประโยชน์ที่จะรู้ แต่หากว่าเป็นสิ่งที่เครื่องไม้เครื่องมือ(ในสมัยนั้น) ไม่สามารถจะตรวจสอบมันได้

    อย่างนั้นแล้วก็หมายความว่านอกจากมิติของเราแล้ว (มิติที่กายเราอยู่) ก็ยังมีจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ อยู่หลายมิติเลยสินะ ซึ่งมิตินั้นก็อาจจะเป็นมิติอื่นที่มีลักษณะทางกายภาพแตกต่างจากของเราอย่างสิ้นเชิงก็ได้
     
  8. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ฮั่นแน่กะมาลอกข้อสอบล่ะสิ
     
  9. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ขอเอาใจช่วยให้ขายดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ [​IMG]
     
  10. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    อย่าว่าแต่นาคาแบบน้องนาคาเลยค่ะ พี่เป็นมนุษย์โลกก็กัวเหมือนกันนน.. อิอิ..
    (b-wow)
     
  11. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    อย่าเอาไว้แต่บนหิ้งนะจ๊ะ.. น้องนก.. อ่านด้วยค๊า..
    เอ.. รึว่ามัวแต่ทานอาหารกับขนมอยู่จ๊ะ..
    เห็นเอาขนมมาฝากพี่ ๆ จนพี่อ้วนจะแย่อยู่แร้ววว.. อิอิ..
    (555)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2007
  12. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ลองใช้วิธีของพี่นักเขียนดูซิคะคุณ Oak เผื่อจะช่วยได้.. เช่นเชื่อว่าหนังสือจะขายดิบขายดี รึร้านหนังสือสนอกสนใจอยากจะรับหนังสือของเราไปขาย แฮ่.. แฮ่.. พวกเราเป็นนักเรียนจิตวิญญาณคงต้องใช้วิธีลัดจะได้ขายดี ๆ ค่ะ..

    เดี๋ยววันอาทิตย์นี้จะพาครอบครัวไปวัดค่ะ จะหยิบหนังสือของท่านอาจารย์ติดไปซักเล่ม 2 เล่ม ไปลองให้พี่ที่ขายหนังสือที่วัดลองอ่านดูเผื่อสนใจจะได้เอาไปวางขายด้วยค่ะ.. ( แต่ก็ยังคิดอยู่ว่าเค้าจะอ่านหนังสือของเราได้รึปล่าวน้าเพราะที่นี่เค้าเชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรมกันอยู่น่ะค่ะ.. แต่ยังไงจะลองดูค่ะ.. สู้ตายค่ะคุณ Oak.. )
    (b-smile) (b-smile) (b-smile)
     
  13. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    พี่นักเขียนคะ.. อาจเป็นเพราะขจรวรรณกำลังสับสนคำกล่าวของพี่นักเขียนอยู่รึปล่าวก็ไม่รู้นะคะ คือเดิมทีขจรวรรณเคยฝึกควบคุมไม่ให้จิตเกิดความคิดหรือถ้าคิดก็คิดเพียงเรื่องเดียวไม่ให้คิดหลาย ๆ เรื่องในเวลาเดียวกัน เมื่อพี่นักเขียนกล่าวว่าเราไม่จำเป็นต้องควบคุมความคิดเพราะเป็นธรรมชาติของจิตวิญญาณจึงลองไม่ควบคุมดู ปรากฏว่าเรามีความรู้สึกเหมือนความคิดของเราวิ่งไปอย่างรวดเร็วจนเราไม่สามารถควบคุมความคิดได้ และรู้สึกเหมือนกำลังถูกฟาดฟันด้วยความคิดดังกล่าว ทำให้จิตของเรารู้สึกหม่นหมอง หดหู่ ชอบกล

    จึงทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่าการควบคุมความคิดด้วยสติสัมปะชัญญะในแง่ของพี่นักเขียนเป็นอย่างไร? เพราะจากการสัมผัสจิตของตัวเองแล้วพบว่าจิตเรานั้นมีพลังแต่บางครั้งก็ไม่อาจจะควบคุมให้อยู่ในสมาธิหรือสติสัมปะชัญญะได้

    ไม่ทราบว่าพี่นักเขียนจะพอเข้าใจคำถามของขจรวรรณหรือปล่าวนะคะ..
    (b-hmm)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2007
  14. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ NETIC [​IMG]
    อาจารย์เม้าท์ครับ
    ช่วยบอกคนน้อยด้วยปัญญาอย่างผมหน่อยเถิดครับ
    คือว่าผมตีความหมายข้อความที่อยู่ตรงช่วงสุดท้ายของอาจารย์ไม่ออกครับ
    พวกเราคงจะสังเกตเห็นนะครับที่อาจารย์เขียนไว้ว่า
    จิตวิญญาณจดจ่ออยู่กับภาวะใด จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่
    ดำเนินไปเป็นสภาวะนั้น
    อำนาจของเราอยู่ที่ปัจจุบัน จดจ่อสิ่งใด-ได้สิ่งนั้น

    ความหมายมันคืออะไรครับอาจารย์ๆหมายถึงสิ่งใดครับ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ข้อความทั้งสองข้อความ เป็นข้อความที่ถอดมาจากพลังงานเหนือโลก
    ที่เรียกขานเป็นสมมุติบัญญัติว่า โนวา อนาลัย ครับ

    โนวา อนาลัย เป็นพลังงานไร้รูป ที่มาสื่อในความฝันของ Writer
    Writer เป็นนามปากกา ของผู้ที่ได้รับถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับ
    ความรู้ทางด้านจิตวิญญาน จากท่านโนวา อนาลัย โดยบันทึกเก็บไว้
    เป็นรหัส ใช้เวลาถอดความถึง 7 ปี จึงได้เรียบเรียบจัดทำเป็นหนังสือ
    จำนวน 10 เล่ม(น่าซื้อเก็บไว้อ่านศึกษา อ่านจบเท่ากับได้เป็นศาสตราจารย์ด้านจิตวิญญาณชั้นสูงสุดยอดเยี่ยมทีเดียวครับ)

    ศึกษาได้จากกระทู้นี้ครับ

    http://www.novaanalai.com/novaanalai/Index.html

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=86527

    จิตวิญญาณจดจ่ออยู่กับภาวะใด จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่ ดำเนินไปเป็นสภาวะนั้น
    อำนาจของเราอยู่ที่ปัจจุบัน จดจ่อสิ่งใด ได้สิ่งนั้น

    เท่าที่ได้อ่านศึกษามาบ้างเล็กน้อย พอจับใจความได้ว่า
    เราแต่ละคนนั้น ต่างเกิดมาแล้วในภพภูมิต่างๆมากมาย
    นับหมื่น นับแสน จนนับกันไม่ถ้วน กิจกรรมที่ได้เกิดขึ้นมาใน
    อดีต โดยการกระทำของเราเอง ไม่ได้สูญหายไปไหน
    ตามหลักของพลังงาน ไม่มีวันสูญหาย ของไอน์สไตน์
    เหตุการณ์ในอดีต เมื่อเรานึกย้อนกลับไป
    มันก็ยังคงมีรูปลักษณ์และคงการกระทะให้เราได้นึกเห็น
    ราวกับว่ามันเกิดอยู่ตรงหน้า

    ถ้าเป็นเหตุการณ์ในอดีตที่เราหวนคิดเป็นเรื่อง ดี ก็ทำให้เราสุข
    ถ้าคิดในเรื่องร้าย ก็ทำให้เราทุกข์ เกิด ณ ปัจจุบัน
    และจะมีพลังดึงดูดเหตุการณ์ทำนองที่เราคิดเข้ามาหาตัวเรา
    จึงกล่าวได้ว่า
    จิตวิญญาณจดจ่ออยู่กับภาวะใด จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่
    ดำเนินไปเป็นสภาวะนั้น

    และคล้อยไปตามกันกับข้อความที่ว่า

    อำนาจของเราอยู่ที่ปัจจุบัน จดจ่อสิ่งใด-ได้สิ่งนั้น

    เราไม่อาจรู้ได้ว่าในอดีต เราเคยเกิด เป็นผู้มีอำนาจ ผู้มีพลังจิต
    เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี หรือ ยาจกยากจน คนขอทาน
    เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเราไม่เคยเป็น หรือเคยเป็น
    เพราะทุกคนล้วนเกิดมานับภพไม่ถ้วน และเกิดมาแล้ว
    ในหลายๆสภาวะแห่งชาติกำเนิดต่างๆนานา

    แต่ในปัจจุบัน เราสามารถ นึกคิดจดจ่อกับสิ่งที่เราปรารถนา
    เช่นความมั่งคั่ง ความสุขในครอบครัว และความมีสุขภาพที่ดีได้
    เมื่อเราจดจ่อกับสิ่งใด ก็จะได้สิ่งนั้น
    ลองกำหนดดู ภายใน 21 วัน กำหนดทุกวันๆละ 5-15 นาที
    แล้วจะเห็นผลเกิดขึ้นเป็นลำดับตามมา
    ดังเช่นคุณเฉลย สายตาไม่ดี กลับมาดี โดยไม่ต้องสวมแว่นตา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2007
  15. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    5555..ไม่เคยลอกข้อสอบใครได้เลยอ่ะพี่เอก zip
    ขนาดปรนัย..ก็นะ..เพื่อนเอียงแล้วเอียงอีก..จนหงุดหงิด(เพื่อนเป็นใจๆ)
    มันเกิดอาการ เง๊อะง๊ะ..สั่นเทิ้มๆ ไปหมด..ฮ่าๆ
    ทำไม่ได้อ่ะ..หน้าตาและอาการออกมาเด่นชัด
    --------
    แวะมาอ่าน..ในวันนี้ที่อากาศขะมุกขะมัว..เหมือนฝนจะเทลงมาอีกแล้ว
    ชอบอ่านคำถาม..คำตอบ..เพลินดีอ่ะ บางคำถาม..ตรงกับใจที่อยากถาม
    (เลยไม่ต้องถามเลย อิอิ เพราะได้คำตอบแล้ว)
     
  16. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ใครปลูกต้นกวนอิมไว้ที่บ้านลองสังเกตดูหน่อย

    เช้านี้ต้นกวนอิมที่บ้านมีดอกออกมา..ตรงกับเทศกาลกินเจพอดีเลย
    (เพิ่งรู้ว่าต้นกวนอิมก็มีดอก..!)
    ครั้งนี้ที่บ้านทานเจกันหมดครับ..ปกติงดวันตัวกับวันพระ
    เป็นการแสดงออกซึ่งความเมตตากับพวกเขา
    ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ทานเจด้วยนะครับ


    [b-wai]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • CIMG651477.jpg
      CIMG651477.jpg
      ขนาดไฟล์:
      83.1 KB
      เปิดดู:
      33
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2007
  17. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ความเชื่อในแง่ลบ-ความคิดในแง่ลบ-ประสบการณ์ชีวิตในแง่ลบ-กรรม

    ที่คุณน้องขจรวรรกล่าวว่า เราไม่ต้องควบคุมความคิดเพราะมันเป็นธรรมชาติของจิตวิญญาณนั้น-ไม่ถูกต้องค่ะ ช่วยบอกพี่นักเขียนด้วยนะคะว่าได้ Quote หรือคัดลอกประโยคนี้มาจากหนังสือเล่มใด หรือพี่นักเขียนไปเขียนเช่นนี้ไว้ที่ไหน เพราะไม่ใช่สาระที่ถูกต้องค่ะ หากคััดลอกมาจากแห่งไหน พี่นักเขียนต้องตามไปแก้ไขด่วนจี๋เลยค่ะ

    สาระที่ถูกต้อง ที่พี่นักเขียนมักนำมากล่าวไว้ตามข้อมูลความรู้ที่ถ่ายทอดมาจากท่านอาจารย์อนาลัย ซึ่งปรากฏในหนังสือหลายเล่มของท่านอาจารย์อนาลัยคือ:
    เธอไม่จำเป็นต้องพยายามเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติโลกอื่น มิติอื่น ชาติภพอื่น หรือเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นๆ เพราะการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะเป็นไปอยู่แล้วตลอดวันเวลาอย่างเป็นธรรมชาติ หากแต่ว่าสิ่งที่เธอต้องเรียนรู้คือ การฝึกให้มีสติสัมปชัญญะที่คมชัด เพื่อที่จะติดตามรู้ตามเห็นว่า จิตวิญญาณของเธอเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะเมื่อไร อย่างไร และเผชิญกับประสบการณ์ใด

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้สอนว่า ให้เราหมั่นฝึกฝนที่จะมีสติสัมปชัญญะที่คมชัดทั้งยามตื่น ยามหลับ ยามฝัน เพราะไม่ว่าร่างกายของเราจะหลับหรือตื่น จิตวิญญาณของเราก็ตื่นอยู่เสมอ จิตวิญญาณไม่เคยหลับ จิตวิญญาณไม่เคยหยุดใช้อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด แม้ร่างกายของเราจะนอนหลับ-แต่ในความฝัน เรามีอารมณ์รัก อารมณ์โกรธ อารมณ์เกลียด หรืออารมณ์เมตตามากมาย ที่มักเป็นไปอย่างลุ่มลึกจนบ่อยครั้งเราตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยอารมณ์นั้นๆที่ยังคงค้างอยู่ในสติสัมปชัญญะของเราไม่มากก็น้อยเสมอๆ

    ในความฝันเราเต็มไปด้วยจินตนาการกว้างไกล เกินขอบเขตของโลกทางกายภาพ ความฝันทำให้เราเผชิญกับประสบการณ์มากมายนอกกรอบอันจำกัดของโลกยามตื่น นอกจากนี้เรายังมีความรู้สึกนึกคิดที่แยบยลในความฝัน เราสามารถแก้ไขปัญหาที่เราแก้ไม่ตกในยามตื่นได้ในความฝันด้วยซ้ำไป ความเป็นจริงอันเป็นธรรมชาติเหล่านี้ เป็นข้อพิสูจน์ที่น่าจะทำให้เราตระหนักได้ว่า สติสัมปชัญญะของเราดำเนินต่อไปในความฝันเสมอ ไปรู้เห็น ไปมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกในความฝัน ไม่น้อยกว่ายามตื่น

    ดังนั้นเมื่อท่านอาจารย์อนาลัยสอนว่า เราจะต้องฝึกฝนที่จะมีสติสัมปชัญญะที่คมชัด ท่านได้กล่าวครอบคลุมไว้ว่า ให้เราเริ่มต้นจากการสำรวจความเชื่อของตนเองเสมอ เพราะอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเรามักคล้อยตามความเชื่อของเราเสมอ เราสำรวจตนเองได้ไม่ยากว่า เมื่อใดที่เราตกอยู่ในความรู้สึกที่ไม่ดี กลัดกลุ้ม จมอยู่กับปัญหา ทุกข์ มองไม่เห็นทางแก้ไข มองโลกในแง่ร้าย มีอารมณ์ขุ่นมัว อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกของเรากำลังเป็นไปตามความเชื่อที่ผิด ที่ทำให้เราขาดสติที่จะตระหนักได้ว่า เราคือผู้สร้างโลกแห่งความเป็นจริงของตนเอง สถานการณ์เลวร้ายทั้งหมดเกิดขึ้นมาจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ร้ายของตนเอง ก่อนหน้าที่เราจะเผชิญกับความเป็นจริงที่เลวร้ายทั้งหมด ดังนั้นการจะเอาตนเองออกจากสถานการณ์เลวร้ายที่ไม่พึงปรารถนาได้นั้น ก็ทำได้ด้วยการเปลี่ยนความเชื่อ ที่จะเหนี่ยวนำให้เรามีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่ดีเกิดขึ้น

    การควบคุมความคิดเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่เราจะไม่อาจควบคุมความคิดได้หากเราไม่เปลี่ยนความเชื่อที่ผิดเสียก่อน ตราบใดที่เราไม่สำรวจความเชื่อ หาความเชื่อที่ผิดไม่พบ จิตวิญญาณของเราก็จะเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่เส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่คล้องจองกับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดในแง่ลบเสมอๆ และเราก็จะไม่มีวันรู้ได้ว่าประสบการณ์ชีวิตที่ตกต่ำ หนี้สิน สุขภาพไม่ดี สัมพันธภาพอันเลวร้ายทั้งหลายมาจากไหน

    เรามักจะตามไม่ทันว่าความคิดและความรู้สึกที่ไม่ดีทั้งหมด ไม่ได้เกิดขึ้นภายหลังจากที่เราได้เผชิญกับประสบการณ์ชีวิตที่ไม่พึงปรารถนา หนี้สิน สุขภาพไม่ดี หรือสัมพันธภาพอันเลวร้าย ฯลฯ ในทางตรงกันข้าม ความคิดและความรู้สึกที่ไม่ดีเหล่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้าประสบการณ์เลวร้ายทั้งหมด แต่เราขาดสติที่จะควบคุมความคิด และขาดสติที่จะติดตามความคิดของตนเองหรือหยุดยั้งมันได้ก่อนหน้าที่มันจะแปลงสภาวะจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของเรา หากเราขาดสติที่จะติดตามอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของตนเอง เรามักจะโทษว่าปัญหาชีวิตและอุปสรรคทั้งหมด เกิดจากเหตุหรือปัจจัยที่อยู่ภายนอกตัวตนของเราเสมอ

    จุดเริ่มต้นของการฝึกตนเองให้มีสติสัมปชัญญะที่คมชัด จึงเกิดขึ้นได้ด้วยการสำรวจความเชื่อของตนเองเสมอๆ ท่านอาจารย์อนาลัยได้แนะนำว่า ให้เราตั้งคำถามกับตนเองเสมอๆว่า สิ่งที่เราเข้าใจว่าคือความรู้นั้น ใช่ความรู้ที่แท้จริงหรือเป็นเพียงความเชื่อในแง่ลบของตนเอง เพราะหากว่ามันคือความรู้ที่แท้จริง เราจะพบว่าเรามีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เป็นแง่บวกเสมอ ความรู้ไม่เคยทำให้เราตกอยู่ในภาวะขุ่นมัว จมอยู่กับปัญหาจนหาทางออกไม่ได้ ความรู้ทำให้เรามีแสงสว่างแห่งปัญญาและมองเห็นทางออกหรือทางแก้ไขปัญหาได้เสมอ หากเราเชื่อว่าปัญหาทั้งหมดมาจากภายนอก มาจากสภาพเศรษฐกิจ มาจากบุคคลอื่่น มาจากสถานการณ์บ้านเมือง หรือมาจากสิ่งต่างๆที่เราควบคุมไม่ได้ เราควรจะถามตนเองว่า เหล่านี้คือความเป็นจริง-คือความรู้ หรือเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล

    ความเชื่อที่ผิดทำให้เราตกอยู่ในภาวะไร้พลังอำนาจ และทำให้เรารู้สึกว่าเราตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์เลวร้าย ตกเป็นเหยื่อของความไม่ชอบธรรมของผู้อื่น ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ที่เราไม่ต้องการ-แต่ควบคุมไม่ได้ ความเชื่อในทางที่ผิดมักทำให้เรามองข้ามจุดเริ่มต้นของความผิดทั้งหมด ที่เกิดขึ้นจากความเชื่อที่ผิดของตนเอง-ตามด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบ และผลลัพธ์ที่เราได้ก็คือ เราต้องเผชิญกับความเป็นจริงในแง่ลบที่คล้องจองกับความเชื่อของตนเอง

    หากเราสำรวจความเชื่อของตนเองได้เสมอๆจนเป็นนิสัย เราจะพบว่า เมื่อใดก็ตามที่เราพบว่าตนเองมีความเชื่อในแง่ลบผุดขึ้นมา เราจะหยุดมันได้ ทำให้เราสามารถหยุดอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อนั้นๆได้ก่อนหน้าที่เราจะสร้างแบบพิมพ์เขียวโลกแห่งความเป็นจริงอันไม่พึงปรารถนาขึ้นมาในจินตภาพ การเปลี่ยนความเชื่อ จะเปลี่ยนอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราได้อย่างฉับพลัน ทำให้เรารู้จักสร้างแบบพิมพ์เขียวโลกแห่งความเป็นจริงอันพึงปรารถนาขึ้นมาแทนที่ในจินตภาพ และทำให้ประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดของเราพลิกผันได้ในที่สุด

    เราเปลี่ยนความเชื่อ-เปลี่ยนอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราได้มากเท่าไร
    ประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดของเราก็พลิกผันได้เร็วขึ้นเท่านั้น


    ความเป็นไปในความฝันทำให้เราควรตระหนักได้ว่า แม้ว่าร่างกายของเราจะนอนหลับ และดูเสมือนว่าเราจะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่จิตวิญญาณของเราก็ทำกิจกรรมมากมายต่อไปไม่เคยหยุด และกิจกรรมของจิตวิญญาณอันเป็นจินตภาพในความฝันก็ล้วนเป็นกิจกรรมที่สำคัญยิ่ง เพราะท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า มันคือแบบพิมพ์เขียวที่สร้างสรรค์โลกแห่งความเป็นจริงยามตื่นของเรา บ่อยครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกทางจินตภาพในความฝัน-มาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอันเป็นอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดได้ ก็ต่อเมื่อเรารู้จักสำรวจความเชื่อ และเปลี่ยนความเชื่อในแง่ลบให้เป็นความเชื่อในแง่บวกได้เสมอ

    ความสำคัญของการควบคุมความคิดด้วยสติสัมปชัญญะ เป็นสาระที่ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้เสมอๆ พี่นักเขียนขอคัดลอกจาก หนังสือ โนวา อนาลัย ขยายความธรรมชาติของชาติภพ หน้า 33-34

    หากเธอทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอครั้งแล้วครั้งเล่าเธอจะรู้ว่า ความรู้สึกนึกคิดของเธอมีส่วนร่วมในการสร้างสถานการณ์ต่างๆให้เกิดขึ้นกับเธอเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความอยากได้หรือไม่อยากได้ ความกลัวหรือความท้าทาย ความกังวลหรือความรอบคอบ ความรักหรือความเกลียด สุดแท้แต่เธอจะเรียกมัน ความรู้สึนึกคิดทุกลมหายใจของเธอแปลงสภาพกลายเป็นวัตถุธาตุและประสบการณ์ทุกอย่างในชีวิตของเธอ จินตนาการ-อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเธอจึงเปรียบเสมือนวงมโหรีที่เธอแต่งเพลงขึ้น และบรรเลงชีวิตของเธออยู่ตลอดวันเวลาในแต่ละชาติภพ ความรู้สึกนึกคิดของเธอเป็นพลังงานที่ถูกส่งกระแสออกไปและไม่มีวันที่จะถูกดึงกลับคืนมาได้ ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าเธอจะนึกคิดสิ่งใด ความนึกคิดของเธอเป็นพลังงานที่จะแปลงสภาพเป็นวัตถุธาตุและความเป็นจริงในชาติภพใดชาติภพหนึ่งเสมอ ความรู้สึกนึกคิดที่ปราศจากสติ จึงเป็นดาบสองคมที่สร้างสรรค์และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอได้เสมอ

    จากหน้า 48-49
    มันอาจจะเป็นสิ่งแปลกประหลาดสำหรับเธอหากฉันจะบอกว่า การกระทำทั้งหลายนั้นเป็นการกระทำทางจิตหรือเป็นการกระทำของจิต สรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นถูกสร้างขึ้นจากความรู้สึกนึกคิด ธรรมชาติความเป็นจริงทั้งหลายของเธอก็เกิดจากความรู้สึินึกคิดของเธอเอง และเธอก็เป็นผู้รับรู้วัตถุธาตุและประสบการณ์ทั้งหลายที่เธอสร้างขึ้น แต่เธอไม่เข้าใจถึงที่มาและสัมพันธภาพของความรู้สึกนึกคิดของเธอเองกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอรวมทั้งตัวตนของเธอเองด้วย

    คุณสมบัติของสรรพสิ่งทั้งหลายอันเกิดจากความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ เป็นคุณลักษณะจำเพาะของจิตวิญญาณ ในโลกมนุษย์และโลกอื่นๆที่เป็นกายภาพ-ความรู้สึกนึกคิดสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายที่เป็นกายภาพขึ้น แต่ในโลกอื่นๆที่แตกต่างไปจากโลกของเธอนั้น สรรพสิ่งถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีการที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง โลกบางโลกก็ปราศจากสรรพสิ่งทั้งหลายที่เป็นกายภาพ

    จิตวิญญาณซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ
    สร้างสรรพสิ่งทั้งหลายขึ้นในแต่ละวัน
    จากความรู้สึกนึกคิดและความคาดหวัง


    หน้า 154-155
    ปัจจุบันไม่ใช่ผลลัพธ์ของเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต นอกเสียจากเธอจะเชื่อว่ามันเป็นเช่นนั้น หากเธอรู้และเข้าใจในอำนาจแห่งปัจจุบันอย่างแท้จริง เธอจะตระหนักว่า ความคิดและการกระทำในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอดีต-ความเชื่อในอดีต ตลอดจนการตอบสนองทั้งหมดในอดีตด้วย ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เธอเปลี่ยนความเชื่อ เธอก็พลิกผันประสบการณ์ในอดีตของเธอทั้งหมด อนาคตหรือเส้ทางแห่งความเป็นไปได้ในอนาคตของเธอก็พลิกผันไปตามความเชื่อของเธอเช่นกัน

    ความเช่ื่อของเธอในปัจจุบันนี้ กำหนดทิศทางให้กับตัวตนทั้งหมดในทุกชาติภพ และจัดการกับประสบการณ์ในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตพร้อมกันหมด เพื่อให้สอดคล้องกับความเชื่อนี้

    การมองย้อนอดีตกลับไปหาต้นกำเนิดของปัญหาในปัจจุบัน มักทำให้เธอค้นหาสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นในอดีต มันทำให้เธอค้นหาต้นกำเนิดของอนาคตที่สดสวยไม่พบ เมื่อเธอจดจ่อคิดคำนึงถึงแต่อดีตอันล้มเหลวหรือทุกข์ระทม เธอจะไม่สามารถดึงดูดและถ่ายทอดความสำเร็จและความสุขไปสู่อนาคตของเธอได้ การจดจ่อคิดคำนึงถึงอดีตและต้นเหตุของปัญหา เป็นการสร้างโครงสร้างของอนาคต และทำให้ปัญหาที่มีอยู่นั้นมีความแข็งแกร่งที่จะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต


    สรุปได้ว่า : ท่านอาจารย์อนาลัยสอนให้เราฝึกฝนให้มีสติสัมปชัญญะที่คมชัดเพื่อใช้อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อในแง่บวก ความเชื่อที่ถูกต้องหรือความรู้ เพื่อสร้างสรรค์โลกแห่งความเป็นจริงของตนเอง ที่จะทำให้เราได้มี-ได้เป็น-ได้ทำสมความปรารถนา

    แต่ก็มีหลายคนที่เมื่อเรียนรู้ว่าความเชื่อในปัจจุบันคือพลังอำนาจที่ทำให้ชีวิตของเราเป็นไป และตระหนักได้ว่าอำนาจแห่งปัจจุบัน หรืออารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่บวกในปัจจุบัน สามารถทำให้เราแก้ไขอดีตและอนาคตของเราได้ แต่เข้าใจความหมายเหล่านี้ผิดเพี้ยนไปว่า ท่านอาจารย์อนาลัยสอนไม่ให้เชื่อเรื่องกรรม หรือสอนว่ากรรมไม่มีจริง ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วท่านกล่าวว่า สิ่งที่เราเรียกว่ากรรม หรือบาป หรือโทษ ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากความเชื่อที่ผิด ซึ่งยังไม่เปลี่ยนเป็นความรู้

    กรรมดีหมายถึงความรู้สึกนึิกคิดในแง่บวกที่คล้อยตามความเชื่อที่ถูกต้องหรือความรู้
    กรรมชั่วหมายถึงความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบที่คล้อยตามความเชื่อที่ผิด


    ทั้งกรรมดีกรรมชั่วเหนี่ยวนำประสบการณ์ชีวิตที่คล้องจอง
    จากเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ มาสู่โลกแห่งความเป็นจริงเสมอ


    เมื่อจิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป-พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน ทุกชาติภพ ทุกมิติ ทุกเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ หมายความว่าความคิดและการกระทำทั้งหมดของเราส่งผลกระทบต่อทุกชีวิต ทุกชาติภพ ทุกมิติ ทุกเส้นทางแห่งความเป็นไปได้-อย่างเป็นปัจจุบันทันด่วน ผู้ที่คิดดี-ทำดี-ย่อมได้รับผลจากกรรมดี-อย่างเป็นปัจจุบันทันด่วน และในทางตรงกันข้าม ผู้ที่คิดไม่ดี-ทำไม่ดี-ย่อมได้รับผลจากกรรมไม่ดี-อย่างเป็นปัจจุบันทันด่วนด้วยเช่นกัน โดยไม่ต้องมีการคอยรับรางวัลหรือรับโทษในชาติภพหน้า

    เมื่อท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่าเราไม่ได้ถือกำเนิดมาเพื่อรับโทษกรรมหรือบาปที่เราเคยกระทำในชาติภพก่อน ชีวิตก่อน ก็เพราะท่านกล่าวว่า อดีต-ปัจจุบัน-อนาคตมีอยู่เป็นอยู่ดำเนินไปพร้อมกันเป็นปัจจุบัน แต่ท่านก็ไม่ได้หมายความว่าผลของการทำชั่ว-ไม่มี หรือผลของการทำดี-ไม่มี

    ในทางตรงกันข้ามท่านกล่าวว่า ผลของอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบที่คล้อยตามความเชื่อในทางที่ผิด ส่งผลกระทบต่อทุกตัวตน ทุกชีวิต ทุกชาติภพ ทุกมิติ เสมือนน้ำฝนที่กระทบยอดเขาและซึมลงไปสู่ชั้นหินต่างๆที่เปรียบเสมือนชาติภพต่างๆที่ปรากฏอยู่รวมกันเป็นภูเขาทั้งลูก และภูเขาทั้งลูกเปรียบเสมือนตัวตนรวมของเรา ซึ่งต้องมีอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตอยู่พร้อมกันหมด มิฉะนั้นภูเขาจะเป็นภูเขาอยู่ไม่ได้หากปราศจากชั้นหินเก่าแก่ ที่เปรียบเสมือนอดีตชาติ และชั้นหินใหม่ๆที่เปรียบได้กับปัจจุบันและอนาคตชาติ ซึ่งต้องมีอยู่พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน (จากหนังสือ? โนวา อนาลัย ขยายความธรรมชาติของชาติภพ)

    จากหนังสือ อิสระแห่งความปรารถนา หน้า 72-73
    เธอควรจะตระหนักว่า ประสบการณ์ทางกายภาพและสภาพแวดล้อมของเธอ คือผลลัพธ์ของความเชื่อที่แปลงสภาวะเป็นวัตถุธาตุ-ประสบการณ์ตลอดจนร่างกายเนื้อหนังของเธอ ดังนั้น-หากประสบการณ์ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความสมบูรณ์พูนสุข มีสุขภาพดี เธอทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความมั่งคั่ง ใบหน้าของเธอและผู้คนที่เธอพบปะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอสามารถรับเอาได้โดยปริยายว่า ความเชื่อของเธอเป็นไปในทิศทางที่ให้ผลกำไรกับเธอ

    แต่ถ้าหากประสบการณ์ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความยากลำบาก สุขภาพไม่ดี การงานของเธอไร้ความหมาย ชีวิตของเธอขาดความมั่งคั่งสมบูรณ์พูนสุข โลกของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ความเลวร้าย เธอสามารถรับเอาได้โดยปริยายว่า ความเชื่อของเธอเป็นไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง มันถึงเวลาแล้วที่เธอควรจะเริ่มสำรวจตรวจสอบอารมณ์-ความรู้สึกนึกคิดและความเชื่อของเธอ เธอมีพลังอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ชีวิต-
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2007
  18. แก้วทิพย์

    แก้วทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +2,435
    ความคิด ความเชื่อ ประสบการณ์

    [b-wai] [b-wai] [b-wai] กราบขอบคุณค่ะ พี่นักเขียน โชคดีจัง แก้วกำลังอ่านถึงคำสอนของท่านพระอาจารย์อนาลัยในหนังสืออิสระแห่งความปรารถนา พอดี คุณพี่เข้ามาอธิบายเพิ่มเติม ได้แจ่มแจ้ง กำลังนึกทบทวนอยู่ว่า ในชีวิตที่ผ่านมา มีประสบการณ์หลายเรื่องที่แก้วไม่ปรารถนาเกิดซ้ำๆหลายอย่าง เป็นเพราะเราไปตั้งตำแหน่งความเชื่อในทิศทางไม่เหมาะสมอะไรไว้ เพราะไปสะดุดกับคำสอนของท่านที่ว่า
    ความเชื่อของเธอไม่ได้เกิดจากประสบการณ์ที่เธอเผชิญซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ประสบการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกิดจากความเชื่อของเธอ"
     
  19. แก้วทิพย์

    แก้วทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +2,435
    แก้วอ่านหนังสือเรื่องอิสสระแห่งความปรารถนามาถึงตรงนี้พอดี สงสัยว่าคุณขจรวรรณอาจเข้าใจผิดในประเด็นการควบคุมความคิด ที่หน้า 98 ท่านเขียนไว้ว่า
    เธออาจใช้ความคิดร่วมกันหลายความคิด โดยที่ความคิดหนึ่งๆนำไปสู่ความคิดอื่น เมื่อเธอทำเช่นนี้เธอมักรู้เห็นสิ่งใหม่ๆ เมื่อเหตุการณ์ทั้งหลายแยกออกจากเวลา และปรากฏอย่างต่อเนื่องในความคิดของเธอ มันดูเสมือนว่าเป็นสิ่งใหม่และมีชีวิตชีวา เธอเอาโครงสร้างของมันออกไปจากองค์ประกอบ
    เมื่อเธอเข้าใจความหมายของความคิดต่างๆด้วยการสัมพันธ์มันเข้าด้วยกัน เธอตรวจสอบสาระของมันอย่างใกล้ชิดในทิศทางที่เป็นอิสระ หากเธอปลดสมมุติฐานของเวลาออกไปและมองดูสาระของข้อมูลในความคิดของเธอผ่านความเชื่อหลัก เธอยังคงสร้างโครงสร้างของความคิดอยู่ดี ในที่นี้ฉันไม่ได้หมายความว่า เธอไม่ควรจัดหมวดหมู่ของสาระเหล่านั้น แต่ฉันหมายความว่า เธอจะต้องมีสติรู้ถึงโครงสร้างของความคิดของเธอ สร้างโครงสร้างเหล่านี้ขึ้นหรือทลายมันลง แต่อย่ายอมให้โครงสร้างเหล่านั้นปิดบังเธอจนตาเธอบอด.............

    สรุปแล้ว ไปพอดีกับข้อความที่ท่านเขียนต่อมาว่า

    ความคิดทั้งหลายเป็นของเธอ
    ความคิดไม่ควรจะควบคุมเธอ
    เธอสามารถเลือกที่จะยอมรับ
    หรือไม่ยอมรับความคิดใดๆก็ได้ทั้งสิ้น

    ดูเหมือนว่าประเด็นของคุณขจรวรรณน่าจะไปอยู่ที่ข้อความที่ว่า เธอจะต้องมีสติรู้ถึงโครงสร้างของความคิดของเธอ ใช่ใหมคะ
     
  20. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ยืนยันอย่างที่คุณ เม้าท์บอกครับ แต่ต้องระวังเรื่องแสงครับถ้าวันใหนจ้อง คอมฯมากๆ ก็เบลอเหมือนกัน แต่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ
    ก็เป็นพลังของจินตนาการครับ ซึ่งไม่ใช่ความลับอะไรเพียงแต่เราไม่สนใจที่จะใช้กัน ก็มีตัวอย่างเมื่อไม่กี่วันนี้เองครับคือผมมีงานที่เข้ามาใหม่ชิ้นหนึ่งที่ด่วนมากๆ และช่างที่จะทำงานนี้มีงานล้นมือและก็หัวดื้อด้วย ไม่ยอมที่จะเอางานไปแทรกให้ เพราะขี้เกียจยกงานขึ้นลงหลายเที่ยว ผมก็เลยใช้จินตนาการช่วย ของช่วงเช้าพอตื่นนอนก็จิตนาการให้น้องเค้าเข้ามาที่ห้องและหยิบชิ้นงานบนโต๊ะผมไปและให้เค้าพูดว่าผมจะขึ้นงานให้
    ก็สุดยอดครับตรงตามที่เรากำหนดไว้ทุกประการครับ ก็มีหลายเรื่อง เราคุยกันในห้องวิทย์นี้ได้ เคยคุยกับคนอื่นแล้วเค้าไม่ยอมรับ
    ลองดูซิครับอยากให้ใครชงกาแฟให้ซักแก้วก็ลองทำดูซิครับ แต่ต้องเชื่อมั่นในตัวเองด้วยนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...