เพราะชีวิตมีเวลว่างมากเกินไป

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 24 เมษายน 2013.

  1. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อันมนุษย์นั้น หากไม่พูดถึงการทำงานแล้ว

    ชีวิตก็ว่างมากจนเกินไป ทำให้มนุษย์เกิดความดิ้นรน

    ที่จะต้องหาอะไรทำ ด้วยการคบเพื่อน เข้าสังคม

    สิ่งที่เป็นปัจจัยในการคบเพื่อน หรือ เข้าสังคม

    คือ เงินตรา การดื่ม อำนาจ ชื่อเสียง พวกพ้อง

    ทำให้มนุษย์ต้องดิ้นรนหามา เพื่อให้มีทัดเทียมผู้อื่น

    ไม่ว่าจะในทางที่ดี ที่ยอมรับทางสังคม

    หรือ ในทางที่ไม่ดี ที่ไม่ยอมรับทางสังคม

    หากไม่ยุ่งเกี่ยวอบายมุขเลยแม้แต่น้อย

    จะเห็นว่า ชีวิตนั้น มีเวลาว่างมากมาย

    เห็นสาเหตุที่ผู้อื่นดิ้นรนได้ง่าย เรานี่เองที่กำหนดให้ชีวิตเป็นไป

    การปฎิบัติธรรมนั่งกรรมฐาน จะมีผลในส่วนนี้ จิต ที่ไม่ดิ้นรน

    ไม่มีทั้งสุข หรือ ทุกข์ ใดๆ มีแต่ตนเองเท่านั้นที่อยู่อย่างมีชีวิต

    และ ความว่างนี้เอง ที่มนุษย์ต้องดำเนินกิจกรรมต่างๆ

    ทั้งการงาน ทั้งสังคมที่ต้องดื่มกิน ทั้งการพนันขันแข่ง ทั้งสิ่งของที่ต้องมีเพื่อประกาศตน

    ว่ามีเท่าผู้อื่น ทัดเทียมผู้อื่น แม้แต่การแสดงตัวตนให้ผู้อื่นยอมรับ จนบางครั้ง

    ต้องนินทาผู้อื่น รวมไปถึงต่อยตีเพื่อระบายความโกรธแค้น เพราะจิตใจทนอยู่ไม่ได้เมื่อว่าง

    เวลาว่างที่มีในชีวิต มนุษย์นั้นมีเท่าๆกัน เพียงแต่มนุษย์นั้น นำไปใช้ในทางที่ผิด

    จึงก่อให้เกิดเป็นความทุกข์ แต่มนุษย์ก็หลอกตนเองว่า ตนมีความสุข เพื่อปิดบัง

    นี่คือ สิ่งที่เป็นจริงที่มนุษย์ไม่ได้สังเกตุ เฝ้ามองตนเองย่อมเห็น " ตนเอง "

    สาธุครับ
     
  2. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนไว้ว่า ให้พึงละอวิชชา และโทมนัสในโลกเสียให้พินาศ คืออย่ายินดีอย่ายินร้ายในการกำหนดรู้สภาวะธรรมต่าง ๆ กำหนดกาย ก็อย่าไปยินดียินร้ายในกาย กำหนดเวทนา ก็อย่าไปยินดียินร้ายกับเวทนา กำหนดรู้จิต ก็อย่าไปยินดียินร้ายกับจิต กำหนดรู้ธรรม ก็อย่าไปยินดียินร้ายในธรรม ธรรมที่ว่านี้ ทั้งกุศลธรรม และอกุศลธรรม มันเกิดขึ้นในจิตใจของตนเอง ในฐานะที่เราเป็นปุถุชนก็อย่าไปยินดียินร้ายกับมัน หัดใจให้เป็นกลาง โดยปุถุชนของเราก็พลอยยินดีในสิ่งที่ดี เช่นมันเกิดปีติ เกิดความสงบ เกิดความสุข มันก็จะยินดี พอใจติดใจ ไปยินดีไป พอใจไปติดใจ มันก็จะติดอยู่อย่างนั้น ไม่ไป ไม่ก้าวหน้า ไม่ให้ยินร้าย ส่วนมากพอเจออารมณ์ไม่ดีเราก็จะยินร้าย เสียงหนวกหู สิ่งที่มาสัมผัสทางกาย อากาศมันร้อนเกินไป มันหนาวเกินไป เราก็จะเกิดความยินร้าย แม้แต่กิเลสอกุศลธรรม เวลาที่มันเกิดขึ้นในจิต ก็ไปยินร้ายกับมันอีก เช่นมันฟุ้งขึ้นมา มันไม่สบายใจ ก็ไปกำหนด ดูแล้วก็ไปยินร้ายกับมัน ไปเกลียด ไปอยากให้มันหาย มันก็ไปเติมกิเลส พอมันไม่ได้อย่างใจ มันก็โกรธ มันก็หงุดหงิด มันก็ฟุ้งมันก็เครียดขึ้นมาอีก

    เพราะฉะนั้นการปฏิบัติ ให้ทำใจให้เป็นกลาง เวลาจิตใจมีความฟุ้ง มันมีความเบื่อ มีความท้อถอย มีความไม่สบาย ก็กำหนดดูมันไป ดูอย่างปล่อย ดูอย่างวาง ถ้าใจยังวางไม่เป็น ก็สอนมันไปก่อน มีคำสอนติดไว้ในใจเสมอว่า ปล่อยวาง ปล่อยวาง กำหนดดูแล้วก็ปล่อยวาง ปล่อยวาง ถ้าจิตมันวางได้ อาการเหล่านั้นก็คลายของมันเองกลับไม่มีให้ดูซะอีก ความฟุ้งความท้อถอย บางคนนั่งไปเงียบไปหมด เกิดอยากจะให้มันมีฟุ้งเสียด้วยซ้ำ อยากจะให้มันคิด บางคนอยากจะให้มันคิด พอไม่คิดมันก็ไม่รู้จะไปดูอะไร ไม่มีอะไรจะดู เลยอยากจะคิด ส่วนคนที่คิดมาก ก็อยากจะหยุดความคิด เบื่อความคิด สรุปแล้วก็ไม่ได้ความทั้งคู่ การปฏิบัตินั้นต้องเป็นกลาง มันคิดก็ดูมันไป ดูความคิดไปไม่ต้องไปบังคับ ไม่ต้องไป ฃอยากอะไร ฟุ้งก็ดูความฟุ้งมัน เบื่อก็ดูความเบื่อดูอย่างปล่อย ดูอย่างวาง กำหนดดูแล้วก็ปล่อยวาง ปล่อยวาง

    ขอกราบอนุโมทนา สาธุ

     
  3. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    เมื่อไม่คิด ก็ดู จิต ครับ ดูจิตว่าเป็นอย่างไร

    จะเห็นเหตุที่ไป ยินดี ยินร้าย

    การปล่อยวาง จะปล่อยวางได้ ต้องรู้ ต้องเข้าใจ อย่างถ่องแท้ครับ

    ไม่งั้นมันปล่อยวางจริงๆไม่ได้ เพราะมันมีเกิดขึ้นอยู่เสมอ หาใช่เกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียว

    ครั้งแรกอาจจะปล่อยวางได้ ครั้งสอง ครั้งสาม จนถึงครั้งที่ร้อย ที่พัน จะยังปล่อยวางอยู่ไหม

    หากไม่เห็น ไม่รู้ ไม่เข้าใจ อย่างถ่องแท้ มีผู้ปฎิบัติ และ ศึกษาธรรม มากมาย

    ที่ใช้คำว่าปล่อยวาง แต่ปล่อยวางได้เพียงไม่นานก็ทนไม่ได้ ทนไม่ไหว

    เพราะไม่เห็น ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ว่าอะไรเป็นเหตุ การที่จะเห็น จะรู้ จะเข้าใจ ว่าอะไรเป็นเหตุ

    ก็ต้องเข้าไปรู้ ไปเห็น ให้เข้าใจถึงสิ่งๆนั้นอย่างถ่องแท้ กระทู้นี้บอกถึงสิ่งเหล่านั้นครับ

    สาธุครับ
     
  4. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ........................พระวจนะ" อานนท์ อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ(อนุตตรา อินทริยภาวนา) ในอริยวินัย เป็นอย่างไรเล่า อานนท์ในกรณีนี้ อารมณ์อันเป็นที่ชอบใจ ไม่เป้นที่ชอบใจ เป็นที่ชอบใจและไม่เป็นที่ชอบใจ เกิดเขึ้นแก่ภิกษุ เพราะเห้นรูปด้วยตา ภิกษุนั้น รู้ชัดอย่างนี้ว่า อารมณ์ที่เกิดขึ้นแก่เรานี้ เป็นสิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่ง(สงขต) เป็นของหยาบหยาบ(โอฬาริก) เป็นสิ่งที่อาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น(ปฎิจจ สมุปญญ) แต่มีสิ่งโน้น ซึ่งรำงับและปราณีต กล่าวคือ อุเบกขา ดังนี้ อารมณ์ อันเป็นที่ชอบใจ ไม่เป็นที่ชอบใจ เป็นที่ชอบใจและไม่เป็นที่ชอบใจ อันบังเกิดขึ้นแก่ภิกษุนั้น ย่อมดับไป อุเบกขา ยังคงดำรงอยู่.............อานนท์ อารมณื อันเป้นที่ชอบใจ ไม่เป็นที่ชอบใจ เป็นที่ชอบใจและไม่เป็นที่ชอบใจ อันบังเกิดขึ้นแก่ภิกษุนั้น ย่อมดับไปเร็วเหมือนการกระพริบตาของคนส่วนอุเบกขายังคงเหลืออยู่ อานนท์ นี้เราเรียกว่า อินทรียภาวนาชั้นเลิศในอริยวินัย ในกรณีแห่งรูปที่รู้แจ้งด้วยจักษุ:cool:(ในกรณี แห่งเสียงที่รู้แจ้งด้วยโสตะ กลิ่นที่รู้แจ้งด้วยฆานะ รสที่รู้แจ้งด้วยชิวหา โพฐฐัพพะที่รู้แจ้งด้วยผิวกาย และธัมมารมร์ที่รู้แจ้งด้วยใจ ก็ได้ตรัสไว้ โดยหลักเกดณท์เดียวกัน ต่างกันแต่อุปมาแห่งความเร็วในการดับแห่งอารมณ์นั้นนั้น คือในกรณีแห่งเสียงเปรียบด้วยความเร็วแห่งการดีดนิ้วมือ ในกรณีแห่งกลิ่นเปรียบด้วยความเร็วแห่งหยดน้ำตกจากใบบัว ในกรณีแห่งรสเปรียบด้วยน้ำลายที่ถ่มจากปลายลิ้นคนแข็งแรง ในกรณ๊โพฐฐัพพะ เปรียบด้วยความเร็วแห่งการเหยียดแขนพับแขนของคนแข็งแรง ในกรณีแห่งธัมมารมณ์เปรียบด้วยความแห้งของหยดน้ำที่หยดลงบนกระทะเหล็กที่ร้อนแดงอยู่ตลอดวัน ฉันใดก็ฉันนั้น แล้วทรงสรุปในสุดท้ายว่า นี้แล เรียกว่า อินทรียภาวนาชั้นเลิศในอริยวินัย)---อปริ.ม.14/542-545/856-861------อริยสัจจากพระโอษฐ์ท่านพุทธทาส):cool:
     
  5. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    การเรียน การศึกษา นั้น ในขณะเรียนอยู่ ต้องนำความรู้จากตำรา

    หากว่าเรียนแล้วนำมาใช้ในชีวิตจริงๆ ความรู้นั้นย่อมใช้ได้ไม่เต็มที่

    ควรจะต้องเพิ่มขีดความสามารถของการเรียนรู้ ใช่เพียงแต่จะพึ่งพาตำราเท่านั้น

    ความรู้ ความเข้าใจ ควรเกิดแก่ตนเอง ตำราที่เรียนรู้ เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น

    จะยึดไว้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควร มองดูที่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น จะเห็นว่าอะไรเป็นอะไร

    สาธุครับ
     
  6. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ทุกสิ่งในโลกนี้ มีอีกมากมายที่มนุษย์เป็นผู้สร้าง และ ทำลาย

    ทุกสิ่งนั้นล้วนเป็นความรู้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ถูกทำลายไปแล้ว หรือ กำลังจะสร้างขึ้นมาใหม่

    ทุกสิ่งนั้น เป็นสิ่งที่นำความรู้มาให้ ตนเองนั่นแหละที่เป็นผู้รับรู้ และ จดจำ

    แต่การนำสิ่งนั้นมาเป็นบทเรียนของชีวิต ย่อมเกิดแต่เพียงตัวคนเดียว โดยไม่มีผู้อื่นเข้าร่วม

    ชีวิตนั้นเป็นของเรา หาใช่ของใคร ไม่มีใครจะมาบังคับข่มเหงได้

    คนทุกคนก็เดินตามความเชื่อของแต่ละบุคคล นี่คือ วคามเป็นจริง

    สาธุครับ
     
  7. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    อืม...
    ก็แสดงว่ายังไม่เคยยกระดับจิตขึ้นไปพ้นสภาวะความเป็นมนุษย์ ขึ้นไปเป็นภพภูมิที่สูงกว่าสินะ ถึงได้พูดได้แต่แบบนี้...
     
  8. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    แค่เป็นปุถุชนที่ดี ทำให้ได้ก่อนเถอะ

    ค่อยมาพูดถึงระดับชั้น ทำไม่ได้จะอายคนอื่นเขา

    ผมน่ะ ทำแบบนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเริ่มทำ

    ทำให้ความเป็นมนุษย์ที่ดีน่ะ ทำมาจะยี่สิบปีแล้ว

    ภพภูมิที่สูงกว่าน่ะ กล้าพูดไหมว่าทำได้

    แค่ที่คอยตามผมอยู่นี่ ก็บ่งบอกชัดเจนแล้ว

    ผมน่ะไม่ไปตามคุณเลย เพราะผมไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร

    ที่จะต้องคอยตามไปว่ากล่าว ส่อเสียด เพื่อหาเรื่องถกเถียง

    สาธุครับ
     
  9. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    จะว่าอย่างนั้น ก็ถูกต้องนะ...

    เพราะจิตนั้น จะทำได้ดีที่สุด ได้แค่เท่าที่จิตนั้นมีขอบเขตรับรู้ได้ เกินกว่านั้น ย่อมพ้นวิสัย
     
  10. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ไม่มีอะไรให้คาดหวัง มีแต่มนุษย์คาดหวังกันไปเอง

    ปฎิบัติธรรมเพื่ออะไร คาดหวังอะไรในการปฎิบัติ ต้องลองถามตนเองดู

    ส่วนผม ไม่มีอะไรให้คาดหวัง ผมปฎิบัติเพราะเห้นประโยชน์ที่มีต่อชีวิต

    ไม่คาดหวังเรื่องฤิทธิ์ หรือ นิพพาน หรือ สวรรค์ วิมาน ที่ไหน

    แค่มีชีวิตที่ปกติก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ที่ผมดิ้นรนอยู่ทุกวันนี้

    ผมไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่า ให้คนที่ผมแบกอยู่นั้นสุขสบายตามสภาพ

    แค่นั้นเองที่ผมสนใจ ส่วนใครจะอะไร ยังไง ไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย เพราะเมื่อผมตาย

    สิ่งทั้งหลายก็เป็นแค่เรื่องราวที่ไม่มีใครสนใจ คนๆเดียวบนโลก ไม่มีชื่อเสียงใดๆ

    ไม่มีอะไรเหลือไว้ให้ใครจำ แล้วจะดิ้นรนไปเพื่ออะไร ไม่เห็นว่ามันจะจำเป็นตรงไหน

    หากมัวคิดอยู่ ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว คอยตามอารมณ์ แล้วก็ตามแก้ตัวเรื่อยไป เสียเวลา

    สาธุครับ
     
  11. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ก็นั่นแหละ วิสัยเป็นสัตว์โลก มันก็เห็นสุขแบบของสัตว์โลก มันก็เลยทำดีที่สุด เพื่อทำตัวให้เป็นสัตว์โลกที่สมบูรณ์ จะได้สนองอุปาทานแบบที่สัตว์โลกเห็นกัน แต่จะให้เกินกว่านั้น มันก็เกินวิสัย

    แต่ถ้าวิสัยมันเกินกว่านั้นแล้ว มันก็จะเข้าใจเอง ว่ากิจสุดท้ายที่ต้องทำ คืออะไรกันแน่
     
  12. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ถ้าท่านเป็นอะไรไปคนที่ท่านคิดว่าแบกอยู่ ท่านคิดว่าเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้หรือเปล่า
     
  13. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อย่าได้กล่าวอะไรที่มันเกินความเป็นจริงจะดีกว่าครับ

    สาธุครับ
     
  14. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    เขาเหล่านั้นย่อมอยู่ได้ ตามสภาพที่เขาเป็น

    แต่หากมนุษย์ไม่รู้จักหน้าที่ของตนเอง อย่าว่าแต่การปฎิบัติธรรมเลย

    แม้แต่ใช้ชีวิต ก็ยังผิดอยู่เสมอ และ ไม่รู้ว่าอะไรถูก หรือ ควร แค่ไหน

    สาธุครับ
     
  15. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    แล้วทำไมท่านถึงคิดว่าแบกอะไรอยู่ การแบกกับการทำหน้าที่มันต่างกันนะ
     
  16. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หากว่าคุณยังไม่เข้าใจ แนะนำว่า ให้คุณเลี้ยงดู พ่อแม่ และ

    ลูกๆ อย่างที่ผมทำอยู่ แล้วคุณจะเข้าใจเองครับ ให้เงินเขาใช้จ่าย อย่าให้ลำบาก

    ส่งเสียลูกๆให้ได้เรียนหนังสือ เพื่ออนาคตที่ดีของเขา คอยเป็นธุระในเรื่องของพ่อแม่ทุกอย่าง

    ลองทำดู ก็จะเข้าใจเองครับ ที่ผมบอกกล่าวไว้ หากทำไม่ได้ อย่ามาถามครับ

    สาธุครับ
     
  17. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    จะหวังให้สัตว์โลกที่ถูกสภาวะแห่งนามธรรม ครอบงำ บีบคั้น อย่างรุนแรง นั้นเห็นสภาวะธรรมแห่งความนิ่งรู้ โดยไม่มีคิดเข้ามาเจือปน คงลำบาก

    แต่ถ้าเมื่อไหร่ สัตว์โลกนั้น เรียนรู้วิธีแห่งการวางในชั้นเบื้องต้น ให้สภาวะนามธรรม ที่ปั่นป่วนบีบคั้นอย่างรุนแรง มันคลายลงมาได้ ก็พอจะมีโอกาสได้เห็นปรมัตถ์ที่ไม่ถูกบิดเบือนด้วยการปรุงของสังขารได้บ้าง
     
  18. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อย่างที่คุณเป็นใช่ไหมครับ ถึงไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรอยู่

    คนที่เกินขอบเขตของความเป็นมนุษย์ไปแล้วน่ะ เขาไม่มาแสดงอารมณ์หลอกครับ

    คุณยังแสดงอารมณ์อยู่เป็นเนืองนิตย์อยู่เลย เลิกเพ้อฝันลมๆแล้งๆได้แล้วครับ

    แค่รู้จักตนเอง คุณทำให้ได้ก่อนเถอะครับ ค่อยมาคิดว่าตนนั้นยิ่งใหญ่อะไรนั่นน่ะ

    แค่เห็นตนเองนั้นต่ำ ทำเป็นไหมครับ สูงมากตกลงมามันจะเจ็บหนักครับ

    สาธุครับ
     
  19. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    พ่อเรา แม่เรา ลูกเรา ตัวเรา อะไรๆก็ของเรา นี่แหล่ะมายาคติที่คนผ่านไปได้ยาก
     
  20. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    คำตอบนี้ บ่งบอกว่า คุณ ทำไม่ได้

    อะไรที่ทำไม่ได้ อย่าเที่ยวไปสอนผู้อื่นครับ

    ควรอายตนเองบ้าง สอนผู้อื่นโดยที่ตนเองทำไม่ได้

    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...