หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

ผมขออนุญาติท่านเจ้าบ้านเล่าเรื่องที่เคยไปกราบพระมาก็แล้วกันนะครับ ประมาณปี34ได้เดินทางไปกราบหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอมท่านใจดีมากๆมีเมตตาแก่ผู้ที่เข้าไปกราบท่าน ส่วนคนที่ไปหาจะให้ท่านอาบน้ำมนต์ ท่านจะแจกผ้ายันต์ที่เป็นรูปยันต์ห้ามีสายสิญจน์มัดไว้แก่คนที่ไปกราบ ท่านก็จะเจิมแป้งให้ที่หน้าผากทุกๆคน หลังจากลาท่านกลับได้เดินทางไปกราบหลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทรท่านก็ถามว่ามาจากไหนก็ตอบท่านไป ได้สอบถามว่าหลวงปู่อายุเท่าไรครับ หลวงพ่อเต้าท่านตอบกลับมาว่า2ขวบแล้วท่านก็ยิ้มไม่พูดอะไรอีกก็เลยลาท่านกลับ หลังจากนั้นก็เลยไปกราบหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระท่านก็ใจดีก็เลยให้ท่านลงทองให้บางคนหลวงพ่อเปิ่นก็จะปิดทองให้ที่หน้าผาก บางคนท่านก็ปิดที่ลิ้นหรือที่ปากกลับมาจึงเล่าเรื่องไปกราบพระแล้วท่านบอกอายุมาให้พี่ๆฟังเขาเอาไปตีเป็นหวยถูกกัน เราก็งงว่าตีเลขอย่างไรพี่เขาบอกว่า2ขวบก็24ไง เราก็อ๋อเลยเป็นความประทับใจอย่างหนึ่งจึงมาเล่าสู่กันฟังนะครับ

 

แหล่งรวมข้อมูล พระเกจิอาจารย์ของอำเภอท่าใหม่ ต้องพี่เขาเลยครับ แถมประสบการณ์อีกมากมาย ต้องให้พี่เขามาเล่าครับ..

 

ใช่ครับ.. ยกให้เลย แต่เป็นรูปถ่ายนะ องค์จริงเก็บฝังดินไว้แล้ว .. :boo:

องค์นี้ท่านครูบาให้มากับมือเลยครับ.. ^^'

 

พี่เป็นคนที่โชคดีมากครับ ได้กราบพระดี ที่ต่อไปจะกลายเป็นตำนานหลายรูป อนุโมทนาด้วยครับ..

พระรุ่นเก่าๆผมไม่ค่อยทัน จะทันก็เห็นจะมี หลวงพ่อเปิ่น ได้กราบทำบุญ หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม เคยลงทองให้ 60 แผ่น หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน เคยครอบเศียรครูกับท่าน หลวงปู่อั๊ป วัดท้องไทร เคยได้สักน้ำมันท่านลงยันต์ราชสีโทนให้ หลวงปู่ญาท่านสวน เคยได้เจิมนะเมตตา.. หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ฯลฯ ปัจจุบันนี้ถ้ามีโอกาสก็เลยตามกราบทำบุญกับท่านเหล่านั้น สะสมไว้ ต่อไปครูบาอาจารย์ในยุคนี้ก็อาจเป็นองค์ตำนานไปอีกก็ได้ครับ โดยเฉพาะหลวงปู่พิศดูนะ..

 

พอมีกับเขาบ้างนิดหน่อยครับ..

​

รูปนี้ท่านครูบาบอกว่า ดีทางเมตตามาก ด้านหลังครูบาท่านเมตตาจารด้วยหมึกสีทอง และทำตะกรุดโภคทรัพย์ให้ จึงได้เอามาใส่ไว้ด้วยกัน แล้วไปสั่งทำตลับเงินมา ครูบาท่านก็เมตตาจารขอบตลับให้อีก ทั้งด้านหน้าด้านหลัง ท่านทำให้ที่วัดเทพธารทองตอนสมัยที่ไปค้างอยู่กับหลวงปู่พิศดูครับ.. ชุดนี้เอาไว้ใช้เอง อาจไม่มีอยู่ในทำเนียบครับ

 

สุดยอดเลยครับท่านทุเรียนทอด

 

วันนี้ 25 เมษายน 2556 วันพระ ขึ้น 15 คํ่า เดือน 5

 

ขอพระคงไม่ให้ ขอกรอบก็ได้เห็นมาจารย์อยู่ก็ยังดี5555555

 

ไม่มีในทำเนีียบเหมือนกันครับ ได้เมตตามากับเข้าด้วย ได้มาตอนเจอท่านที่วัดเทพธารทอง เมื่อวันที่8พฤศจิกายน2551 ยังจำได้เพราะว่าไปทำบุญกับหลวงปู่ท่านตอนครบรอบวันเกิดพอดี

 

เหตุผลสำคัญในการไปกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ต่างๆนั้นก็เพื่อสร้างบารมีในการทำบุญ ตั้งความปรารถนาเพื่อพระนิพพานส่วนวัตถุมงคลนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งเพื่อเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเราเคยได้ไปกราบและร่วมทำบุญกับท่าน อีกองค์ที่เดินทางไปกราบก็หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง จ.เชียงใหม่ ท่านมีเมตาลงกระหม่อมโดยใช้น้ำมันจันจารให้มีกลิ่นหอมมาก องค์นี้สุดๆพอหลวงปู่เป่าหัวให้เย็นไปทั้งตัวด้วยความศัทธาไปกราบท่านมา 3 ครั้ง ไปครั้งที่2ถึงได้เกศาและชานหมากของท่านมาบูชาส่วนมากชาวบ้านที่มากราบท่านจะมาทำบุญเพื่อให้หลวงปู่อุทิศส่วนกุศลให้กับญาติที่เสิยชีวิต ...ส่วนหลวงปู่ญาท่านสวนเคยไปกราบท่านมาครั้งหนึ่งเสียดายที่รู้จักหลวงปู่ช้าไป มารู้จักท่านก็ปลายอายุท่านแล้วประมาณปี47-48 หูท่านดับเวลาจะคุยก็จะใช้เขียนหนังสือสื่อสารกับท่าน ท่านมีเมตตาเป่ากระหม่อมให้.ยังมีบุญได้เกศาของท่านมาบูชาเสียดายที่ไม่ได้บูชาพระอุปคุตมาตอนนั้นเห็นอยู่ในตู้ให้ทำบุญองค์ละ 1000 บาทได้บูชามาแต่สมเด็จ แต่หลังจากมาอ่านประวัติของท่านที่มีหลวงปู่ทิม วัดพระขาวรับรองหลวงปู่ญาท่านสวนว่าท่านเป็นพระอรหันต์จึงเกิดปิติดีใจมากๆที่ได้ร่วมทำบุญกับพระที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบเป็นเนื้อนาบุญอีก1องค์

 

ถ้าแบ่งได้...ขอคิวแรกนะครับ

 

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมกราบนมัสการบูชาพระคุณ องค์หลวงปู่พิศดู ธรรมจารีย์ ครับ

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมกราบนมัสการบูชาพระคุณ องค์หลวงปู่พิศดู ธรรมจารีย์ ครับ

 

รูปหล่อบูชาหลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง ฉลองอายุ104ปี ขนาด9นิ้ว สร้างปี44 ที่หลวงปู่เมตตาเจิมแป้งตรงศรีษะและสังฆาฏิให้ ส่วนอีกองค์เป็นรูปหล่อบูชาหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ขนาด9นิ้ว สร้างโดยวัดถ้ำเมืองนะ มีคนใจดีคุณปะจะขะมอบให้มาบูชาฟรีๆ จะเห็นมีปฐวีธาตุอยู่ในมือรูปหล่อบูชาหลวงปู่ทองดำ เป็นของหลวงปู่ธรรมรังสีที่ท่านมอบมาและลูกแก้วสารพัดนึกในมือรูปหล่อหลวงปู่ดู่เป็นของหลวงปู่บุญเพ็ง จ.ขอนแก่นที่ได้กับมือหลวงปู่

 

สุดยอดจ้า..........หลวงปู่ทองดำ อีกหนึ่งครูบาอาจารย์ที่ผมเคารพรักสุดใจครับ ท่านครูบาจะว่าำไปก็เกี่ยวข้องกับท่านครุบากฤษดา ด้วยนะครับ เพราะท่านครูบาเคยไปกราบขอเป็นลูกบุญธรรมกับหลวงปู่ทองดำด้วย


ล็อคเก็ตหลวงปู่เงิน หลวงปู่ทองดำที่คุณ X ได้มา ถ้าจะคิดกันเล่นๆ ก็เหมือนกับสายทายาทธรรมเหมือนกันนะครับ หลวงปู่ทองดำ เป็นลูกบุญธรรมหลวงพ่อเงิน แล้วท่านครูบากฤษดาก็เป็นลูกบุญธรรมหลวงปู่ทองดำครับ แล้วล็อคเก็ตชุดนี้ครูบาท่านก็มนต์ให้ด้วย

 

สุดยอดมากครับ..

 

วัตถุมงคลที่พี่เกษมกับคณะสร้างนั้น สร้างอย่างตั้งใจมาก แน่นด้วยมวลสาร และครูบาอาจารย์ที่อธิษฐานให้ ที่เลี่ยมฝาเงินในนั้น นอกจากจะมีวัตถุมงคล และมวลสารของหลวงปู่ทองดำแล้ว ยังมีพระเกศ และเม็ดกริ่ังธัมมะจารีด้วย

 

กลับมาถึงแพร่ซะทีหลังจากต้องไปทำงานที่จ.แม่ฮ่องสอนหลายวัน
นี่ครับหลวงพ่อจิ่มวัดไผ่ล้อมท่าใหม่ จ.จันทบุรีที่หลงมาอยู่ที่จ.แพร่ครับ
โชว์รูปหล่อหลวงพ่อจิ่ม 3 องค์ที่ต่างพิมพ์กัน ส่วนข้อมูลผมก็ไม่ค่อยรู้ครับ รู้แต่ว่านิยมหาฐานบางกันมากกว่า ผมได้ข้อมูลมาว่าฐานหนา(หลังตรง)สร้างตอนท่านหนุ่มส่วนฐานบาง(หลังค่อม)สร้างตอนท่านแก่ เขาจึงนิยมฐานบางมากกว่าเพราะตอนท่านแก่จะเก่งกว่าตอนท่านหนุ่ม
รูปหล่อหลังเลข๑ ผมได้ข้อมูลมาว่าสร้างแล้วหน้าตาของรูปหล่อไม่เหมือนท่าน ท่านจึงเก็บไว้ไม่แจกออกไป แต่ท่านก็เสกนะครับแล้วแจกทีหลัง

 

สุดยอดครับพี่สวัสดีครับพี่

 

ภาพบูชาหลวงปู่ทองดำ วัดท่าทองอายุ99ปี ตอนไปกราบสมัยที่ท่านยังอยู่ที่กุฎิเก่าหลวงปู่เมตตาเจิมแป้งให้ที่รูปและพระบูชาหลวงปู่ทองดำปี39 ขนาด5นิ้ว ในงานกฐินถ้าจำไม่ผิดสมัยก่อนให้บูชาองค์700 บาทต้องขอโทษด้วยครับที่ภาพไม่คมชัดถ่ายจาก IPad.

 

รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ไม่รู้ว่าเคยเล่าไปหรือยัง
ถึงเรื่องสีผึ้งมหานิยมของหลวงปู่ ว่าที่สร้างอย่างเป็นทางการ มีการสร้างกันอยู่ 3 ชุด หรือ 3 รุ่นด้วยกันครับ..

โดยชุดแรก ทำพิธีหุงถึง 2 วาระด้วยกัน โดยวาระแรกนั้นทำการหุงโดยท่านพระอาจารย์หนึ่ง แห่งสำนักสงฆ์เขาน้ำซับ โดยท่านพระอาจารย์ และคณะศิษย์ประกอบพิธีหุงสีผึ้งกัน ณ ลานหน้าพระมหาเจดีย์ ที่วัดเทพธารทอง เมื่อเพ็ญวันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา จัดเป็นวันพระใหญ่ด้วย แถมยังเป็นวันจันทร์ซ้อนจันทร์ คือเป็นวันที่พระจันทร์เสวยศุภฤกษ์เต็มดวงในเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ที่ตรงกับวันจันทร์ แถมยังตรงกับวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นวันที่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 1,250 รูปเคยมาประชุมเพื่อเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย และพระภิกษุเหล่านั้นล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ ที่พระพุทธเจ้าทรงบวชให้ด้วย เอหิภิกขุ อุปสัมปทา.. ในวันนั้นพระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ อันเป็นหลักธรรมหัวใจของพระพุทธศาสนา เริ่มพิธีหุงเวลา 23.59 น. รับกระแสพลังเย็นจากแสงจันทร์ที่สาดแสงลงมาที่หม้อสีผึ้ง เมื่อทำพิธีหุงเสร็จแล้วได้ฝากเอาไว้กึ่งกลางพระมหาเจดีย์ อันเป็นตำแหน่งที่ระดับสายพระเนตร(สายตา)ของพระวิมุตตานัง พระประธานปางนาคปรก ทอดมองลงมาพอดิบพอดี ฝากไว้ตลอดทั้งราตรีกาล.. ซึ่งด้านบนยอดพระมหาเจดีย์นั้น เพิ่งได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ ของมงคลต่างๆ และฉัตรเงินฉัตรทอง ขึ้นประดิษฐานไว้ บนยอดพระมหาเจดีย์ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้อีกด้วย จัดเป็นวันมหามงคลชัยที่ดีที่สุดวันหนึ่งเลยครับ.. เมื่อเสร็จตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ได้นำมาถวายให้หลวงปู่เมตตาอธิษฐานจิต โดยเก็บไว้อยู่ใต้เตียงนอนของหลวงปู่ท่านตลอดทั้งพรรษา..
ในวาระที่สอง ได้มีมวลสารมาเพิ่มเติมหลายอย่างมาก โดยทำพิธีหุงกันที่ลานหน้าพระเจดีย์ใหญ่ ที่วัดเทพธารทองเช่นเดิม ตรงกับเพ็ญวันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ซึ่งตรงกับวันลอยกระทง และเป็นวันพระใหญ่ แถมยังเป็นวันจันทร์ซ้อนจันทร์ คือเป็นวันที่พระจันทร์เสวยศุภฤกษ์เต็มดวงใหญ่ที่สุดของปี ในเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เริ่มพิธีหุงเวลา 23.59 น. ช่วงเวลานั้นน้ำใน ห้วย หนอง คลอง บึง จะเพิ่มสูงขึ้นจนปริ่มตลิ่ง อันเป็นนิมิตรหมายที่ดี ถึงความร่มเย็นเป็นสุข เฟื่องฟู เมื่อทำพิธีหุงเสร็จแล้ว ได้นำมาถวายให้หลวงปู่เมตตาอธิษฐานจิตอีกครั้ง ก่อนที่จะนำมาบรรจุตลับเพื่อถวายหลวงปู่ท่านแจกเป็นทานบารมีต่อไป.. สีผึ้งชุดแรกนี้ เนื้อจะออกเป็นสีชมพู มีกลิ่นหอมเย็นมาก

สีผึ้งชุดต่อมา ทำพิธีการหุงโดย ท่านครูบากฤษดา แห่งวัดสันพระเจ้าแดง โดยท่านครูบาท่านได้ทราบว่าหลวงปู่ท่านชอบแจกสีผึ้ง และสีผึ้งที่สร้างเมื่อครั้งก่อนนี้ หลวงปู่ท่านแจกออกไปใกล้หมดแล้ว ท่านครูบาจึงทำพิธีหุงสีผึ้งชุดนี้ที่วัดสันพระเจ้าแดง ตามกรรมวิธีของท่าน แล้วนำใส่กล่องมาถวายให้หลวงปู่อธิษฐานจิตอีกครั้ง ต่อมาหลวงปู่จึงได้สั่งให้เอาไปเคี่ยวไฟ เพื่อเติมกลิ่นน้ำมันหอมเข้าไป เพื่อให้หอมยิ่งขึ้น ก่อนที่จะนำมาบรรจุตลับเพื่อแจกเป็นทานบารมีต่อไป.. สีผึ้งชุดนี้ เนื้อจะออกเป็นสีเหลือง คล้ายเทียนขึ้ผึ้ง มีกลิ่นหอม ระคนด้วยกลิ่นเทียนขึ้ผึ้ง

สีผึ้งในชุดต่อมา ซึ่งเป็นชุดที่ 3 ทำพิธีหุงกันที่กุฏิของหลวงปู่ท่านเองเลยครับ โดยเอามวลสารของสีผึ้งทุกรุ่นของหลวงปู่ที่เคยหุงมารวมไว้ในหม้อนี้ และได้หามวลสารสำคัญต่างๆมาเพิ่มเติมเข้าไปอีกมากมาย โดยเลือกวัน จันทร์ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 หรือที่เรียกกันว่า " จันทร์ตรี " วันจันทร์ขึ้น 3 ค่ำ หรือจันทร์ตรีเป็นอมฤตโชค ถือว่าเป็นฤกษ์ดีมาก โดยองค์หลวงปู่ให้ลูกศิษย์เป็นผู้จุดไฟแทน และทำพิธีหุงกันที่กุฏิของท่าน ส่วนหลวงปู่ท่านจะกำหนดจิตอยู่ในห้อง ไม่ได้ออกมาดูด้วย เพราะสีผึ้งนี้จะหุงด้านหน้าประตูกุฏิขิองท่าน เพื่อป้องกันกลิ่นเข้าไปรบกวนท่าน และเป็นมุมที่หลวงปู่จะไม่สามารถมองเห็นได้เนื่องจากมามีฝาผนังบังอยู่ การหุงครั้งนี้หุงด้วยวิธีการง่ายๆคือ ให้เอาเตาแก็สปิ๊กนิคที่ใช้ทำกับข้าวถวายหลวงปู่มาเป็นเตาไฟในการหุงแทนเตาถ่าน โดยตั้งใจกำหนดเวลามงคลฤกษ์กันไว้คือ 9 โมง 9 นาที 9 วินาที ซึ่งเวลาการเริ่มจุดไฟนี้ทางลูกศิษย์เป็นผู้ตกลงกันเอง แต่ว่าลืมที่จะกราบเรียนถึงฤกษ์เวลาที่จุไฟให้ท่านทราบ โดยเอานาฬิกาของหนึ่งในคณะลูกศิษย์เป็นตัวกำหนดเพื่อที่จะจุดเตาไฟ พอถึงเวลา 9 โมง 9 นาที และพอเข็มวินาทีเดินไปถึง 9 วินาที ปั๊บ..!!! หลวงปู่ซึ่งท่านอยู่ในห้องก็กดกริ่ง นิ๊ง...หน่อง... ทันที อันเป็นเวลาเดียวกับที่จุดไฟแช็คพอดิบพอดี อย่างไม่มีคลาดเคลื่อนกันเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับหลวงปู่ท่านให้สัญญาณ และท่านจะคงทราบวาระจิต วาระฤกษ์โดยละเอียด.. พอจุดไฟเสร็จแล้วก็ให้ไฟทำหน้าที่ของไฟไป จากนั้นก็มีลูกศิษย์ที่อยู่กันวันนั้นเข้าไปหาหลวงปู่ เพราะคิดว่าท่านอาจเรียกใช้อะไร จึงกดกริ่งเรียก แต่ปรากฏว่า ท่านบอกว่า เปล่า จากนั้นก็กราบเรียนท่านว่า ได้ทำการจุดไฟหุงสีผึ้งเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนกับหลวงปู่ท่านทราบแล้ว ก็ดูท่านนิ่ง เหมือนกำลังกำหนดจิต คุมพิธีอยู่ ลูกศิษย์ผู้นั้นจึงได้ออกมาจากห้องของท่าน ให้ท่านมีเวลาทำของท่านตามสบาย เมื่อขี้ผึ้ง และมวลสารละลายเข้ากันดีแล้ว ก็ทำการดับไฟ ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นจึงยกหม้อสีผึ้งเข้ามาในห้อง เพื่อถวายให้หลวงปู่เมตตาอธิษฐานติตต่อไป.. สีผึ้งชุดนี้ เนื้อจะออกสีส้มอมแดง มีกลิ่นหอมเย็นมาก เป็นกลิ่นแบบไทยๆ จัดเป็นสีผึ้งชุดสุดท้ายที่ทันหลวงปู่เมตตาอธิษฐานให้นะครับ..
แต่ว่าสีผึ้งชุดนี้ แทบไม่ได้มีการแจกออกมาเลย เนื่องจากต่อมาไม่นานหลวงปู่ท่านก็อาพาธต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล สีผึ้งชุดนี้จึงมี เฉพาะลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดท่าน หรือแจกแบ่งกันอยู่ในคณะลูกศิษย์ที่หามวลสารมาสร้างเท่านั้น..

ต่อมาท่านพระอาจารย์หนึ่ง ได้นำสีผึ้งชุดนี้เกือบทั้งหมดที่คณะผู้สร้างถวายไป นำไปเคี่ยวเพิ่ม ผสมกับสีผึ้งของท่านครูบากฤษดา และสีผึ้งของท่านพระอาจารย์เองล้วนๆ แล้วบรรจุตลับเพื่อแจกฟรีเป็นทานบารมีต่อไป ซึ่งได้รับความนิยมมาก และก็มีประสบการณ์สูงมากด้วยเช่นกันครับ สีผึ้งชุดนี้ เนื้อจะออกสีส้มขุ่นๆ มีกลิ่นหอมมากครับ.. ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าพระอาจารย์ท่านแจกไปหมดหรือยัง ใครมีโอกาสเจอก็ลองถามท่านดูนะครับ..