ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842
    .
    ได้ยินแว่วๆ ว่ามีใครสนใจอานาปานสติ
    ศิษย์รุ่นพี่ ที่ไม่บ้า เพราะหายแล้ว ขอนำเสนอ
    ของแท้ ต้องของลูกพี่ของเรา มีสิบม้วน
    หาโหลดได้ทั่วไป ถามอากู๋ดูก็ได้

    สำหรับมือใหม่หัดลุย เรื่องสมาธิ ขอแนะนำซักหน่อยเหอะน่า
    เราฝึกมาหลายชาติแล้วมั้ง นะ เชื่อเหอะ โม้นิดเดียวเอง
    กระทู้ ความลับของคำว่า จิตตภาวนา จากธรรมโฆษณ์ เรื่องธรรมะเล่มน้อย
    "ธรรมะเล่มน้อย ธรรมโฆษณ์ หน้า 82-83"[/COLOR]

    "วินิจฉัยคำว่า จิตตภาวนา" ลอกแบบย่อ โดยกระต่ายป่า ข้างวัด

    คำว่าจิตตภาวนา ท่านคงเคยได้ยินมาแต่ในทางที่บำเพ็ญจิต ของพวกอยู่ป่าอยู่ดง
    ทำสมาธิ, ทำวิปัสสนา ทำกัมมัฎฐานอะไรเหล่านั้น นั้นเรียกว่าจิตตภาวนา
    นั่นมันรู้แคบๆ มันมุ่งหมายแคบๆ มันก็แคบจนไม่เอามาใช้เป็นประโยชน์ได้

    คำว่า จิตตภาวนา ต้องให้ความหมายหมดจดสิ้นเชิงว่า "เราทำจิตให้มันดีขึ้น
    ได้อย่างไร ก็เป็นจิตตภาวนาหมด" แม้จะดีขึ้นได้สักนิดนึง แม้ไม่ได้ทำกัมมัฎฐาน-
    ภาวนา ออกท่าทางเหมือนที่เขาทำๆกันอยู่ ก็ยังได้

    เราทำตามแบบของเรา ที่ใครเห็นแล้วไม่เชื่อ ไม่ยอมรับว่าเป็นจิตตภาวนา แต่เรา
    "สามารถทำให้จิตของเราดีขึ้น" ให้จิตของเราในวันนี้ ดีขึ้นกว่าจิตเมื่อวานนี้ ให้มัน
    "แจ่มแจ้งในอะไรดีกว่าวานนี้, ให้มันอดกลั้นได้, ให้มันเฉยๆได้" ให้มันแก้ปัญหา
    ได้ดีกว่าจิตเมื่อวานนี้ เพียงแต่เท่านี้ "ก็เรียกว่าเป็นจิตตภาวนาแล้ว"
    ถ้าว่าเราทำ, ถ้าเป็นผลของการกระทำของเรา, มันดีขึ้นเพราะการกระทำของเรา
    เพราะการศึกษาอบรมของเรา ก็เรียกได้ว่าจิตตภาวนา คือว่ามันฉลาดขึ้นก็แล้วกัน

    ในการงานทุกชนิด ถ้าผู้ทำคอยสังเกตุดูให้ดีๆ แล้วทำให้ดีขึ้น, ฉลาดขึ้นกว่าที่แล้วๆมา
    อย่างนี้ก็เรียกว่าจิตตภาวนาได้เหมือนกัน

    คนที่ต้องใช้สติปัญญาทุกคนจงมองให้เห็นว่า มีจิตตภาวนา คือทำให้จิตมันดีขึ้น
    ถ้าเขากระทำชนิดที่ว่าจิตของเขาดีขึ้น ฉลาดขึ้นก็รวมอยู่ในคำว่า พัฒนาจิต หรือ
    ทำจิตให้เจริญขึ้นได้ด้วยกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจงเข้าใจให้กว้างขวางเต็มความหมาย
    ของคำๆนั้น เช่นว่า ทำภาวนา จิตตภาวนา ไม่ใช่ไปนั่งพึมพำอยู่ในป่า ที่ไหนก็ได้
    เมื่อไหร่ก็ได้ ถ้ามันทำให้จิตดีขึ้น

    ฉะนั้น คนที่ทำอะไรด้วยความระมัดระวัง อย่างสุขุมรอบคอบตลอดเวลา ทั้งวันทั้งคืน
    คนนั้น เป็นจิตตภาวนา, ทำจิตตภาวนา, มีจิตตภาวนาอย่างดี

    **************************************

    "ธรรมะเล่มน้อย" ธรรมโฆษณ์ หน้า 84-86 (ลอก-ย่อ-ย่น)

    บรรยายวันเสาร์ แห่งภาคมาฆบูชา ครั้งที่3 15 มค.2526

    แต่คนที่ทำอะไรโง่เขลา พรวดพราด ชุ่ยๆหวัดๆ อย่างนี้ มันไม่มีดอก
    มันไม่มีจิตตภาวนาแก่คนชนิดนั้น
    ส่วนที่ไปทำเป็นพิธีรีตรอง ในที่สงบสงัดตามแบบฉบับที่วางไว้สำหรับ
    กัมมัฏฐานสำหรับวิปัสสนา นั้นก็เป็นจิตตภาวนาถูกแล้ว

    แต่มันเฉพาะเรื่องมากเกินไป, หรืออยู่ในระดับที่ชาวบ้านทำไม่ได้
    ต้องขยับขยายปรับปรุงลงมา ให้ถึงระดับที่ชาวบ้านเขาจะทำได้
    ให้เวลาของเขาสามารถปรับปรุงจิตใจให้สูงขึ้นไปก็แล้วกัน พูดอย่างหยาบคายที่สุด
    "เมื่อนั่งอยู่บนโถส้วมนั่นแหละ ก็ทำจิตตภาวนาได้" ไม่เชื่อไปลองดู อาตมารับประกัน
    มันเป็นสิ่งที่ทำได้ แล้วบางทีจะดีกว่าหรือง่ายกว่าเวลาอื่นด้วยซ้ำไป

    เพราะเมื่อนั่งอยู่บนโถส้วมนั้น วิตกกังวลมันหายไปไหนหมดไม่รู้ บางทีความที่
    มันจะถ่ายออกมานั้น มันกลายเป็นนิมิตรหรืออารมณ์อย่างเดียวให้ แล้วคนก็คิดนึก
    อะไรได้ดี เพราะว่าจิตมันเป็นอารมณ์เดียวได้เอง ขอให้ใช้ประโยชน์ในทางจิตตภาวนา
    ทุกขณะ ทุกระยะเวลา แม้ที่สุดแต่ว่ากำลังนั่งอยู่บนโถส้วม พูดแล้วมันก็ไม่น่าฟัง
    แต่ถ้าไม่พูด มันก็ไม่มีทางที่จะรู้เหมือนกัน จึงต้องพูดว่ามีอะไรบ้าง

    "จิตนี้ฝึกอบรมได้ พัฒนาได้"

    จิตนี้เป็นสิ่งที่ปรับปรุงได้, หมายความว่าฝึกฝนอบรมได้
    แต่มีคนโง่จำนวนมาก เกือบจะทั้งหมดของจำนวนคน เขาว่าไม่ได้
    ..................
    นิสัยที่แท้นั้น มันก็เป็นความเคยชินที่เพิ่มเข้า เพิ่มเข้าๆ ถ้าเราลดเสียๆ
    ไม่เพิ่มเข้าๆ มันก็ลดถอยลงและเปลี่ยนได้, นี้เป็นหลักในพระบาลีเอง
    ไม่ใช่ว่าเอาเอง, เช่นเรามีความโลภความรักทีหนึ่ง มันก็มีนิสัยเช่นนั้น
    หน่วยหนึ่งอันหนึ่งทีหนึ่ง พอมีอีก มันก็เพิ่มเข้าอีก, พอมีอีกมันก็เพิ่มเข้าอีก,
    ไปจนเป็นนิสิยเช่นนั้น เช่นบางคนขี้โกรธยิ่งกว่าคนบ้า เพราะว่ามันเพิ่มนิสัย
    อย่างนั้นเข้าไป จนเป็นนิสัยเช่นนั้น

    นี้เราจะรื้อถอนทิ้งก็ได้ ถ้าเรารู้วิธี คือเมื่อมันยั่วให้โกรธ มาให้โกรธก็ไม่โกรธ
    มันก็ลด-ลดไปหนึ่ง มาอีกก็ควบคุมได้ไม่โกรธ มันก็ลดทีหนึ่ง มันก็ลดไปเรื่อยๆ
    จนมันหมดนิสัยที่จะโกรธ, หมดอุปนิสัยหรือหมดอนุสัยที่โกรธ
    .........................................
    นี่ขอให้รู้ว่า จิตเป็นสิ่งที่ปรับปรุงได้ จนเหมือนกะว่าผิดตรงข้ามกันไปจากเดิม
    ที่เคยรักเคยอยากเคยโลภก็ไม่, ที่เคยโกรธเคยเกลียดก็ไม่, ที่เคยกลัวเคยโง่
    เคยหลงหรือเคยสะเพร่าอะไรก็ไม่, นี่มันเป็นสิ่งที่ปรับปรุงได้ จนกระทั่งว่า
    รื้อทิ้งลงไปหมดเลย, รื้อทิ้งออกไป ไม่ให้เหลืออยู่ในจิตใจเลย

    เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว จิตตภาวนาจะมีแก่บุคคลนั้น ถ้าบุคคลนั้นไม่ยอม
    มันโง่ มันปักหลักตายตัวว่า จิตเปลี่ยนไม่ได้ดังนี้แล้ว จิตตภาวนาก็ไม่มีแก่บุคคลนั้น
    .................................
    แล้วเขาก็จะไม่มีความทุกข์เลย

    ************************************

    "ธรรมะเล่มน้อย" ธรรมโฆษณ์ หน้า 87-93 (ลอก-ย่อ-ย่น-ตัดต่อ)
    บรรยายวันเสาร์ แห่งภาคมาฆบูชา ครั้งที่ 3 15 มกราคม 2526

    "จิตพัฒนาตัวเองได้ ถ้าอบรมให้ถูกวิธี"

    "จิตนี้มีอะไรๆ ที่มีความประหลาดน่าอัศจรรย์มาก" จนเรียกว่า มหัศจรรย์
    .................................................
    จิตตธาตุ หรือมโนธาตุนี้ มันมีหน้าที่สำหรับรู้, สำหรับรู้สึก และมันจะรู้สึกต่อทุกสิ่งได้
    มันจะรู้ทุกสิ่งได้ ถ้าอบรมให้ถูกวิธี เดี๋ยวนี้มันอาจจะรู้สึกได้แต่บางอย่าง หรือใน
    วงจำกัด ถ้าเราอบรมให้ถูกวิธี มันก็จะรู้ได้หมด ได้เต็มที่เหมือนกัน

    เด็กทารกพอคลอดออกมาแล้ว มันก็เริ่มรู้, มันไปจับอะไรเข้ามันกัดเอา ต่อไปมันก็
    ไม่ไปจับ, ไปจับไฟเข้ามันร้อน ต่อไปมันก็ไม่จับแหละ นี่เป็นคุณสมบัติของธาตุจิต
    ที่มันจะรู้อะไรของมันได้เอง, .....................................
    พ่อแม่สอนมันก็ยังไม่เชื่อนะ บอกว่าอย่าจับไฟ ลูกเด็กๆมันก็ไม่เชื่อ
    เมื่อไปจับเข้าแล้วมันก็ร้อน, ทีหลังมันก็เชื่อตัวเองได้

    ฉะนั้น ขอให้สนใจว่า จิตนี้มันรู้อะไรได้ มันรู้สึกได้ แล้วมันก็เข็ดหลาบได้ ความรู้สึก
    อย่างนี้ คือการที่ จิตมันเจริญพัฒนาขึ้นมาตามลำดับ ดังนั้น จิตมันจึง มีความรู้
    ที่จะระมัดระวัง แล้วมันจะรู้จักที่ต้องปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นด้วยตัวเอง, ................
    ที่ว่าบิดามารดาครูบาอาจารย์สอนไม่ได้ หรือไม่มีโอกาสจะสอน, แต่เด็กๆเขารู้สึก
    ได้เอง นี่ ความน่าอัศจรรย์ของสิ่งที่เรียกว่าจิต จิตก็รู้ เฉลียวฉลาดในสิ่งเหล่านี้มากขึ้น
    แล้วมันจึง มีการพัฒนามากขึ้น พร้อมกันไปในทุกทาง โดยอิทธิพลของจิต เมื่อจิต
    น้อมไปอย่างไร กายก็จะน้อมไปตาม

    นี่เรื่องพัฒนาจิต ........................... พัฒนาสิ่งที่เรียกว่าจิตให้ได้
    ของเราเองโดยตรง และของผู้อื่นโดยอ้อม, โดยเฉพาะของลูกหลานที่จะเกิดตามมา
    เพราะว่าถ้าไม่พัฒนามันก็เปะปะ, ถ้าพัฒนาผิดมันก็เดินทางผิด ก็กลายเป็น
    มิจฉาทิฏฐิ เป็นอันตรายแก่ตัวมันเองหรือแก่ทุกคน

    ฉะนั้น จึงเป็นสิ่งที่จะต้องรู้ จะต้องเข้าใจ จะต้องพยายามในการที่จะพัฒนาจิต
    ให้ถูกวิธี แล้วมันก็จะได้สิ่งที่เรียกว่า มรรค ผล นิพพาน .................................

    ดูให้ดีว่า ถ้าจิตของมนุษย์ได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้อง ถ้าได้รับการพัฒนาจิตให้
    ถูกต้อง และเรื่อยๆมา จนกระทั่งถึงทุกวันนี้แล้ว, โลกนี้ก็จะดีกว่านี้มาก จะประเสริฐ
    กว่าที่มีอยู่ในบัดนี้มาก ซึ่งเต็มไปด้วยความเลวร้าย

    มนุษย์มันมีขึ้นมาในโลกแล้ว มันก็พัฒนาตามธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่, พัฒนาโดย
    สติปัญญาของมนุษย์เองนั้นมันมีน้อย แล้วมันยังผิดทางเสียอีก ...........................

    แม้ว่าจะมีคนบางคน .......... เขาไปค้นคว้าทางจิตใจ เป็นฤษีเป็นมุนีอะไรขึ้นมา
    พบความสุขทางจิตใจก็มีเหมือนกัน แต่แล้วมันก็สู้การพัฒนาทางวัตถุไม่ได้
    ........................................จนกระทั่งบัดนี้ แล้วก็ไม่มีใครชอบความสุขทางจิตใจ
    ซึ่งมันสงบเงียบ มันไม่เร้าระบบประสาท มันไม่ปลุกความรู้สึกของกิเลสตัณหา
    มันสู้กันไม่ได้ (โว้ย)

    ฉะนั้น เราจะต้องหาวิธีสักอย่างหนึ่ง ที่เราจะต้องไม่ถูกพ่วงติดเข้าไปในพวงใหญ่นั้น
    เราจะมีวิธีทำจิตใจของเราให้ปลีกออกมาได้ และแม้ว่าทุกคนมันจะเป็นบ้ากันไปหมด
    เราก็ไม่บ้า ...........................................

    นี่เป็นปัญหา หรืออุปสรรคของการที่จะมีจิตตภาวนา, คือการที่จะทำจิตให้เจริญยิ่งๆ
    ขึ้นไป มันมีปัญหาและอุปสรรคอย่างนี้ แต่แล้วมันก็ต้องสู้ จะยอมแพ้ไม่ได้ พุทธบริษัท
    ของพระพุทธเจ้าจะยอมแพ้ไม่ได้ มันจะต้องรักษาไว้ ซึ่งความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
    ไว้ให้ได้อยู่ตลอดไป

    จิตตภาวนาจะต้องมีอยู่ตลอดไปสำหรับพุทธบริษัท ..................................
    มันก็ทำยากแหละ แต่มันก็ต้องทำได้ ............................... เราต้องอยู่
    อย่างไม่ตาย ยังเป็นพุทธบริษัทอยู่ได้ คือมีความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน รู้ว่าอะไร
    เป็นอย่างไร ไม่โง่ แล้วเอาชนะได้ มีความสุขอยู่ ก็เรียกว่าเบิกบาน
    มีชีวิตที่เย็นอยู่ก็เรียกว่าเป็นผู้เบิกบาน

    ปล. (โว้ย) ในวงเล็บ เราเติมเอง แทนท่าน

    ***********************************

    "ธรรมะเล่มน้อย" ธรรมโฆษณ์ หน้า 93-99 (ลอก-ย่อ-ย่น-ตัดต่อ)
    บรรยายวันเสาร์ แห่งภาคมาฆบูชา ครั้งที่ 3 15 มกราคม 2526

    "การพัฒนาจิต ต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา ไม่แยกกัน"

    ขอย้ำ การพัฒนาจิต หรือจิตตภาวนา ในรูปแบบของศีล สมาธิ ปัญญา ชนิดที่ไม่แยกกัน
    ซ้ำอีกทีหนึ่ง, จิตตภาวนาที่แท้จริง ที่จริงแท้ ที่เป็นพื้นฐานที่สุด ก็คือ ศีล-สมาธิ-ปัญญา
    ชนิดที่ไม่แยกกัน เราเล่าเรียนจดจำไว้ชนิดที่มันแยกกัน เป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา
    นั้นมันสำหรับเรียนและสำหรับพูด แต่ถ้าสำหรับการปฏิบัติแล้ว มันไม่อาจจะแยกกัน
    ถ้าแยกกัน มันก็เป็นไปไม่ได้ มันก็ล้มเหลวหมด
    ...............................................
    ถูกต้องทางศีล คือ พัสดุสิ่งของ เนื้อหนังร่างกาย มารยาท การพูดจา นี้ต้องถูกต้องนะ
    นี่ส่วนศีล คือความถูกต้องของทุกเรื่องที่เป็นฝ่ายร่างกาย, วัตถุสิ่งของทรัพย์สมบัติที่มี
    ในบ้านแรือน ต้องมีอย่างถูกต้อง ใช้คำว่าถูกต้อง พอดีไม่มากไม่น้อย ไม่เกิน ไม่เป็นบ้า
    ..............................................
    นี่ศีลจริง ไม่ใช่ศีลปาณาติปาตา ว่าตั้งร้อยครั้งพันครั้งแล้ว ไม่เห็นมีศีลสักที รับศีล
    ปาณาติปาตานี้กี่ร้อยครั้ง ไม่เห็นมีศีลสักที แล้วมันก็ไม่มีความถูกต้องทางวัตถุ ทาง
    บ้านเรือน ทางสิ่งของ ทางมารยาท ทางการพูดจา

    ถูกต้องทางสมาธิ คือคนธรรมดาในบ้านเรือนนี้ คนๆนี้ เจ้าของบ้านนี้ จะต้องมีจิตปรกติ
    เขาต้องมีจิตปรกติ มีจิตที่อยู่ในความถูกต้องของจิต มีความมั่นคงของจิตเพียงพอ
    ...................................................

    ถูกต้องทางปัญญา ทีนี้ทางปัญญา เขาก็ต้องได้ยินได้ฟังมา ได้รับการศึกษาเล่าเรียนมา
    อย่างถูกต้อง ว่าเราจะต้องทำอย่างไร อย่าได้มีมิจฉาทิฏฐิ ชนิดเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
    แล้วก็ไปทำสิ่งที่ไม่ควรทำ ไปสะสมสิ่งที่ไม่ควรสะสม ......................................

    นี่คือศีล สมาธิ ปัญญา ที่แท้จริง จริงยิ่งกว่าที่พูดที่ท่องกันอยู่ สวดมนต์กันอยู่ นั้นก็เป็น
    เรื่องท่อง แล้วก็ไม่เห็นจะเอามาทำให้เป็นประโยชน์ได้, ส่วนที่จะทำให้เป็นประโยชน์ได้
    ในชีวิตประจำวัน ในบ้านเรือน มันก็ไม่ได้ทำ

    พุทธบริษัทที่ดีจงพยายามทำความเข้าใจในข้อนี้ ให้มีศีลจริง สมาธิจริง ปัญญาจริง
    ....................................
    ชีวิตประจำวันจะต้องมีศีล เช่น มารยาทก็ดี การพูดจาก็ดี นี้เป็นศีล ต้องมี เว้นไม่ได้
    ขาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว แล้วมี สมาธิ มีจิตใจถูกต้อง มีจิตใจที่ถูกต้อง ไม่วิปริต
    ไม่บ้าบอ แล้วมีความแน่วแน่มั่นคง ไม่วอกแวกไม่ฟุ้งซ่าน แล้วก็มี ปัญญา หลักเกณฑ์
    ต่างๆ อย่างถูกต้อง ถือเป็นหลักประจำใจอยู่

    นี่ชีวิตชนิดนี้ เรียกว่ามีศีล สมาธิ ปัญญา แท้จริงครบถ้วนอยู่ในตัวมันเอง ..................
    ไม่ใช่ที่สอนกันอยู่ตามโรงเรียน ตามวัด แล้วก็เลิกกันไป ไม่เอามาใช้อะไรได้

    ........................... พระพุทธเจ้าท่านก็ได้ตรัส ข้อความไว้มากมายในความหมาย
    อย่างนี้ว่า เราจะบอกชีวิตใหม่ให้แก่พวกเธอ ชีวิตที่เต็มไปด้วยศีล สมาธิ ปัญญา
    อยู่ตามธรรมชาติ อย่างสมบูรณ์ อย่างถูกต้อง แล้วก็ได้ชีวิตใหม่

    ก่อนนี้ชีวิตไม่เป็นอิสระ กิเลสมาเรียกร้องมาเรียกตัว เอาไปให้ทำอะไรก็ได้ แม้แต่แค่
    นิวรณ์ ไม่ต้องถึงกับกิเลส เป็นโลภะ โทสะ โมหะ เต็มตัวดอก แม้แต่นิวรณ์ซึ่งเป็น
    อุปกิเลส เป็นเพียงอุปกิเลส เป็นเพียงธรรมดาสามัญตามธรรมชาติ มันยังเรียกร้องได้
    ยังมาสะกิดหลังรบกวนได้

    นิวรณ์เรื่องกามฉันทะ เดี๋ยวก็มาเรียกร้อง เอาจิตไปวุ่นอยู่กับเรื่องกามารมณ์ มันเรียกร้อง
    กิเลสมันเรียกร้องเอาตัวไปได้ ให้ไปขลุกอยู่กับกามารมณ์ เดี๋ยวก็เรียกร้องไปขลุกอยู่กับ
    ความพยาบาท เกลียดชังศัตรู, เดี๋ยวถีนมิทธะ ก็เอาไปทำให้จิตหดหู่ ห่อเหี่ยว แฟบเกือบ
    จะไม่มีอะไรเหลือ, เดี๋ยวอุทัจจะ กุกุกจะ ก็เรียกร้องเอาไปทำให้ฟุ้งซ่านเหมือนกับเป็นบ้า
    เดี๋ยววิจิกิจฉา ก็เรียกร้องเอาไปทำให้เป็นคนลังเล จนไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม, เกิดมาทำไม
    ก็ไม่รู้ จนไม่รู้ว่าจะทำอะไร นี่กิเลสชั้นเล็กตัวเล็กที่เรียกว่านิวรณ์นี้ ก็ยังมาเรียกร้องได้
    มาสะกิด มาบอก มาพาไป, เป็นชีวิตที่ไม่มีอิสระอย่างนี้ เดี๋ยวนี้เราจะอยู่เหนืออำนาจ
    ของสิ่งเหล่านี้ ไม่มีอะไรมารบกวนได้ แม้ในเวลาที่ควรจะเกิดกิเลส

    จบตอนที่สามซึ่งยังไม่จบ ของธรรมะเล่มน้อย
    ชื่อตอน ผลของจิตตภาวนา คือมรรค ผล นิพพาน

    ธรรมโฆษณ์เล่มนี้ ท่านพุทธทาสบรรยายมุ่งหมายให้เป็นธรรมะเล่มน้อย
    เล่มเดียวจบ คือได้สรุปรวมหลักการศึกษาพุทธธรรมไว้อย่างรวบรัด
    ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
    ท่านผู้ใช้หนังสือเล่มนี้ จะได้รับประโยชน์สะดวกในการค้นคว้าต่อไป

    **************************************

    "ผลรวมของจิตตภาวนา คือมรรค ผล นิพพาน"
    (ต่อ เพราะเสาร์เดียวไม่จบ)

    ธรรมโฆษณ์ เรื่อง "ธรรมะเล่มน้อย" หน้า ๑๐๐-๑๐๒
    บรรยายวันเสาร์แห่งภาคมาฆบูชา ครั้งที่๔ วันที่๒๒ มค.๒๖
    (ลอก-ย่อ-ตัดต่อ-แต่งเติม เพิ่มด้วยหัวใจ)

    ขอซ้อมความเข้าใจไว้ตลอดเวลาว่า การบรรยายชุดนี้ ต้องการจะพูดอย่างง่าย อย่าง
    ธรรมดาสามัญ ที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ ให้ครบทุกเรื่องที่ควรจะศึกษา จึงเรียกการบรรยาย
    ชุดนี้ว่า ธรรมะเล่มเดียวจบ ที่ว่าเล่มเดียวจบ ก็เพราะว่า อ่านเล่มเดียวให้ทั่วถึงกันจริงๆ
    ก็จะพอ พระไตรปิฏกนั้นตั้งหลายสิบเล่ม เรื่องต่างๆ ที่ออกมาจากพระไตรปิฏก ก็นับ
    ด้วยสิบๆ เล่ม ร้อยๆ เล่ม แล้วจะอ่านกันอย่างไรไหว จะจดจำกันอย่างไรไหว มันจะ
    ไม่ตรงกับที่ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ธรรมะที่เอามาสอนนั้นกำมือเดียว ธรรมะทั้งหมด
    เท่ากับใบไม้ทั้งป่า ความพยายามนี้ ก็เพื่อจะแก้ปัญหาที่กำลังมีอยู่จริง คือ พวกพุทธ-
    บริษัทเรา ยังไม่รู้ธรรมะสมควรแก่ความเป็นพุทธบริษัทของตน อาตมานึกถึงแต่เรื่องนี้
    เป็นเวลานานแล้ว เป็นสิบๆ ปีก็ว่าได้ ว่าทำอย่างไร เราจึงจะมีธรรมะที่ศึกษากันในเวลา
    อันสมควร จะไม่เรียกว่าสั้นเกินไป ในเวลาอันสมควร แล้วก็รู้ธรรมะเพียงพอสำหรับ
    ความเป็นพุทธบริษัท

    การที่มีความรู้ไม่เพียงพอสำหรับการเป็นพุทธบริษัทนั้น ต้องนับว่าเป็นความเสียหาย
    อย่างยิ่ง ไม่สมกับที่เป็นพุทธบริษัทและเป็นที่น่าละอาย สำหรับคนที่รู้จักละอาย
    คนโง่คนหน้าด้านนั้นมันไม่รู้จักละอาย มันก็ช่วยไม่ได้

    การที่พยายามบรรยาย ให้มารวมอยู่ในเรื่องชุดเดียวกันนี้ จะเรียกว่าธรรมะเล่มเดียวจบ
    มันไม่เคยสำเร็จเหมือนกัน แม้ครั้งนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่า มันจะสำเร็จตามความประสงค์
    ว่ามันเล่มเดียวจบ แต่ถึงอย่างไรก็จะได้พยายาม คือจะคัดเอาแต่เนื้อหาที่สำคัญๆ ซึ่งเมื่อ
    รู้แล้ว จะเพียงพอต่อความเป็นพุทธบริษัทของตน

    ขอให้พยายามฟัง (อ่าน) ให้ดีกว่าที่ผ่านมา อาตมาไม่ขออภัยล่ะ เพราะส่วนมากไม่ได้
    ฟัง (อ่าน) อย่างดีที่สุด ฟัง (อ่าน) อย่างอวดดี เดินไปเดินมาก็มี นั่งฟัง (อ่าน) อย่างเหม่อๆ
    ก็มี หรือความรู้สึกมันดันขึ้นมาว่า รู้แล้ว พอแล้ว (อวดดีมากไปแล้ว) แบบที่เขาเรียกว่า
    มันใส่เติมลงอีกไม่ได้ (ไอ้พวกน้ำชาเต็มแก้ว แล้วดันไม่เททิ้งก่อนอ่าน) ถ้ายังอยู่อย่างนี้
    ถ้ายังเป็นกันอยู่อย่างนี้ เรื่องมันก็จะไม่สำเร็จตามที่มุ่งหมายไว้ เราไม่อาจจะมีธรรมะ
    เล่มเดียวจบ หรือธรรมะเล่มเดียวไม่อาจจะพอ สำหรับคนชนิดนี้
    ..............................................
    อาตมาพยายามที่จะแสดงให้ดีที่สุด สุดความสามารถ แต่คนฟัง(อ่าน) เขาไม่ได้ฟัง (อ่าน)
    อย่างดีที่สุด พูดให้ตรงกว่านั้นก็ว่า คนแสดงเหนื่อยมาก แล้วคนฟัง (อ่าน) เหนื่อยนิดเดียว
    เพราะว่าเขาไม่ได้ฟัง (อ่าน) ให้ดี แล้วเรื่องมันก็คาราคาซังกันมาเป็นปีๆ ไม่รู้กี่สิบปีแล้ว
    สวนโมกข์นี้สี่สิบปีแล้ว ยังไม่มีอะไรที่ก้าวหน้าเป็นที่พอใจ (เศร้าใจจัง)

    ปล. ในวงเล็บเราเติมเองทั้งหมด ท่านไม่ว่าแน่ๆ ใครอย่าบ่นนะ ขอบอก

    ****************************************

    "การทำให้รู้แจ้ง ตามวิธีธรรมชาติ"


    หน้า 81 - สมาธิโดยธรรมชาติ และสมาธิที่มีการปฏิบัติตามหลักวิชา มีผลอย่าง
    เดียวกันคือ เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้ว ก็นำไปเพ่งพิจารณาวิปัสสนา

    แต่มีข้อควรสังเกตุอย่างหนึ่งว่า สมาธิที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินั้น มันมักจะพอเหมาะ
    พอควรแก่กำลังของปัญญา ที่จะใช้ทำการพิจารณา // ส่วนสมาธิที่เกิดจากการฝึก
    ตามหลักวิชาการนั้น มันมักจะเป็นสมาธิที่มากเกินไป หรือเหลือใช้ และยังเป็นเหตุ
    ให้คนหลงผิด พอใจเพียงแค่สมาธินั้นก็ได้ เพราะว่าในขณะที่จิตเป็นสมาธิเต็มที่นั้น
    ย่อมเป็นความสุข ความสบายชนิดหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดความพอใจ จนหลงติด หรือหลง
    คิดว่าเป็นมรรคเป็นผล (เป็นวรรค เป็นเวร (เติมเอง))

    โดยเหตุนี้ สมาธิที่เป็นไปตามทางธรรมชาติ ที่พอเหมาะพอสมกับการใช้พิจารณานั้น
    จึงไม่เสียหลาย ไม่เสียเปรียบ สมาธิตามแบบ ที่ฝึกตามแนววิธีเทคนิคนัก ขอเพียง
    ให้รู้จักประคับประคอง ทำให้สมาธิเกิด และให้เป็นไปด้วยดีก็แล้วกัน

    หน้า 82 - ข้อความต่างๆ ในพระไตรปิฏก ก็มีเล่าแต่เรื่องการบรรลุมรรคผลทุกชั้นตาม
    วิธีธรรมชาติ ในที่เฉพาะพระพักตร์ของ พระผู้มีพระภาคเจ้าเอง หรือต่อหน้าท่าน
    ที่สั่งสอนคนอื่นๆ โดยไม่ได้ไปสู่ป่า นั่งทำความเพียรอย่างมีพิธีรีตรอง กำหนดเพ่ง
    อะไรต่างๆ ตามอย่างคัมภีร์ที่แต่งกันใหม่ในชั้นหลังๆ โดยเฉพาะในกรณี
    แห่งการบรรลุอรหันตผลของภิกษุปัจจวัคคีย์ หรือฤษี 1,000 รูป ด้วยการนั่งฟัง
    อนัตตลักขณสูตร และอทิตยปริยายสูตรด้วยแล้ว จะยิ่งเห็นว่าไม่มีการพยายาม
    ตามหลักวิชาใดๆ เลย แต่เป็นการเห็นแจ้งแทงตลอดตามวิธีของธรรมชาติแท้ๆ

    นี่แหละเป็นลักษณะของสมาธิ ที่เป็นไปเองตามธรรมชาติ ซึ่งตามปกติถูกมองข้าม
    ไปเสีย เพราะมีลักษณะดูมันไม่ค่อยจะขลัง จะศักดิ์สิทธิ์ ไม่ค่อยจะเป็นปาฏิหารย์
    เป็นที่น่าอัศจรรย์ แม้การบรรลุ มรรค ผล นิพพาน เป็นพระอรหันต์ ก็อาศัยสมาธิ
    ตามธรรมชาติ ทำนองนี้เป็นส่วนมาก

    หน้า 83 - ฉะนั้น ขอท่านทั้งหลาย อย่าได้มองข้ามเรื่องของสมาธิ ที่เป็นไปตาม
    ธรรมชาติ มันเป็นเรื่องที่เราอาจทำได้มาก่อน หรือทำได้อยู่แล้วเป็นส่วนมาก
    เหมือนกับผู้ที่ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ไปแล้วเป็นส่วนมาก ซึ่งไม่เคยรู้จักนั่งสมาธิ
    แบบใหม่ๆ อย่างที่กำลังตื่นๆ กันอยู่ในขณะนี้เลย

    ปล.ในวงเล็บเราเติมเองนะ อย่าโวยวายไปล่ะ
    ไม่ได้ปั่นกระทู้นะครับ ขออภัยด้วย
    ต้องการรวบรวมไว้ในกระทู้เดียวกันครับ

    กระต่ายป่า ข้างวัด
    ******************************


    ยาวไปหน่อยนะ แต่ขอนำเสนอด้วยความภาคภูมิใจ ในลูกพี่ของเรา
    ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง หัวหน้าใหญ่สายปัญญาสาขาประเทศไทย ในยุคสมัยนึง

    ขอบคุณและขออภัยท่านชยุตต์ ด้วยนะครับ ที่รบกวนหน้ากระทู้
    ท่านไม่ยอมรับเป็นเจ้าของ แต่ยังไงก็คงต้องยอมเป็นหัวหน้าแก๊งค์ล่ะมั้ง นะ 555

    วิญญาณกระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  2. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    ไม่ได้เป็นแนวของ ผู้ไม่รู้ ถามผู้รู้ อะไรแบบนั้นเลย
    เพราะว่า เจ้าของกระทู้เอง และ รวมถึงผู้แปลคนอื่นๆด้วย
    ก็เพิ่งรู้เกี่ยวกับเรื่องที่ตัวเองแปลอยู่นั่น ก่อนที่จะโพสต์ไม่นานเอง
    ซึ่งก็หมายความว่า แทบจะรู้ไปพร้อมๆกับคนอ่านเลยทีเดียว


    แม่นแหล่วเด้อ...(ไม่ต้องแปลกใจ แม่เรายายเราเป็นคนอีสาน...)
    พวกเราต่างก็เป็นทั้งครูและนักเรียนซึ่งกันและกันแหละ...
    เรียนรู้ดูงานด้วยกัน...เจ็บด้วยกัน ป่วยด้วยกัน อกหักรักคุดด้วยกัน(ทุกคนโดนมาแล้วทั้งน้าน)...


    แต่ช่วงหลังๆมานี่ "กระทู้นี้ มันได้คัดคนอ่านของมันเอาไว้แล้ว"
    ให้มีอยู่เฉพาะผู้ที่..เรียกว่า..the like mind (ใจตรงกัน) เท่านั้นเอง


    หากติดกลุ่มนี้ แสดงว่าเราคงเป็นรุ่นแรกรอบนี้ที่ยังเหลืออยู่ที่เขาว่าๆกัน
    ก็เท่ากับเราก็คงกำลังยืนอยู่หัวแถว
    ที่ถ้าหากคนในกลุ่มเดินตามๆกันไปอย่างมีระเบียบเรียบร้อย
    ไม่แตกแถวแซงคิวกันละก็ ...
    เราก็ต้อง"ไปก่อน"เพื่อกวาดบ้านถูบ้านไว้รอรับน้อง ๆ กลับบ้านนิ...(อาจมีติ่มซำตั้งรอไว้ด้วย)

    ปล.น้องๆ ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจแล้วรีบอาสาไปกวาดบ้านแทนนะ...เพราะเรายินดีอยู่แล้วที่จะไปกวาดบ้านรอจ้า...
     
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    หลายคนเคยบอกว่า อ่านข้อความในกระทู้นี้ หรือ เข้ามาในกระทู้นี้แล้วรู้สึกดี
    ก็..เห็นไหมหละครับ..เพราะว่า "กระทู้นี้มันได้คัดเลือกคนอ่านของมันเอาไว้แล้ว"
    ดังนั้น ผู้ที่เหลืออยู่ในนี้จึงเป็นพวกเดียวกันทั้งหมด คิดเหมือนกัน เห็นเหมือนกัน
    ประมาณว่า..

    มันไม่มีอะไรผิด อะไรถูก มันไม่มีใครสูง หรือ ต่ำกว่าใคร
    ดังนั้น มันจึงไม่มีอะไรที่จะต้องไปชี้ถูก-ชี้ผิดให้กับใคร หรือ สิ่งใด
    ดังนั้น อะไรๆมันก็เลย คือบทเรียน และ บททดสอบไปซะหมด

    และเพราะฉะนั้น "น้ำใจไมตรี" ในฐานะของ "นักเรียน" ด้วยกัน
    มันจึงหยิบยื่นให้กันได้อย่างไม่ยากเย็นเลย และไม่ต้องกังวลเรื่อง "กรอบ" เลย

    อย่างที่เราเพิ่งเห็นกันไปนี่แหละครับ ที่..พอมีใครต้องการคำแนะนำเรื่องสมาธิแล้ว
    ท่านผู้รู้ในด้านนี้ ก็จะพากันออกมาชี้แนะ แบบสบายๆ ให้เราทันทีเลย

    ต่างมิติบอกว่า ในระดับจิตวิญญาณแล้ว พวกเรารู้หมดทุกอย่างแล้วนั่นแหละ
    แต่พอลงมา "หาประสบการณ์ และ บทเรียน" ในโลกมิติที่ 3 นี้
    เราก็แค่ "เลือก" ที่จะ "ปิดการรับรู้" หรือ "การจำได้" บางเรื่องเอาไว้เฉยๆเท่านั้นเอง

    ดังนั้น ในมุมมองของต่างมิติแล้ว พวกเราจึงไม่มีใครสูงกว่าใคร หรือต่ำกว่าใคร
    หรือดีกว่าใคร หรือด้อยกว่าใครเลย เพราะว่า มันขึ้นอยู่กับทางเลือกเสรีของแต่ละคน
    ที่ได้เลือกเอาไว้แล้ว และ วางแผนชีวิตทางกายภาพของตัวเองเอาไว้แล้ว
    ตั้งแต่ก่อนถือกำเนิด...

    หลายคนก็อาจจะหลงคิด และ หลงเข้าใจผิด เกี่ยวกับตัวผมอยู่
    ว่า..ผมช่างทำดีเหลือเกิน ช่างเสียสละเหลือเกิน ช่างแปลเก่งเหลือเกิน ฯลฯ
    แต่เปล่าเลย!! ไม่ใช่อะไรที่ท่านจะต้องมานั่งชื่นชมกันเลย
    เพราะว่านั่นเป็นสิ่งที่ผมเลือกที่จะมาทำ และ มันก็เป็นภาระกิจของผม

    ดังนั้น อันที่จริงแล้ว ผมไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของใครเลย
    ผมแค่ทำไปตามความอยาก,ความชอบส่วนตัว และแรงกระตุ้นภายในของผมเองเท่านั้นเอง

    และในทางกลับกัน ก่อนหน้านี้ ผมก็เคยนึกสะอื้นสะออนหลายๆคน
    รวมถึงครูบาอาจารย์หลายๆท่านด้วยว่า..โอ้..ช่างเก่งเรื่องโน้น-เรื่องนี้เหลือเกิน
    ทำยังไงนะเราถึงจะไปได้ถึงระดับนั้นบ้าง เราจะมีวาสนาแบบนั้นบ้างไหมนะ ฯลฯ

    แต่ทุกวันนี้ เลิกแล้วครับ คือเลิกคิด เลิกวิ่งไล่ตามไปกราบ เลิกเสาะแสวงหา
    และที่สำคัญ เลิกวิ่งไล่เอาพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ในตัวเองและในมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว
    ไปเที่ยวมอบให้กับคนอื่นๆที่อยู่ภายนอก และ สิ่งอื่นๆที่อยู่ภายนอกแล้ว
    อาจจะถึงขั้นเรียกได้ว่า เลิกสนิทแล้วก็ว่าได้ เพราะว่าตอนนี้จะให้ความสำคัญกับ
    "ภายใน" ของตนเองมากกว่า "บุคคล - ตัวตนอื่นใดที่อยู่ภายนอกตนเอง"

    หมายเหตุ: ไม่ได้หมายความว่า เลิกเคารพนับถือคนดี-คนเก่ง หรือ คนที่ประเสริฐนะครับ
    ยังนับถือเหมือนเดิม และ ยิ่งชื่นชมยินดีด้วยความเต็มใจมากขึ้นเสียด้วยซ้ำไป
    เพราะว่ามันจะไม่มีความรู้สึกอิจฉาใดๆเจือปนเลย เพราะในใจลึกๆเราก็รู้ว่า
    ศักยภาพแบบนั้นหนะ สักวัน เมื่อถึงเวลา ตัวเราเอง ก็จะมีได้เหมือนกัน

    ดังนั้น จึงไม่จำเป็นจะต้องไปรีบร้อน เพื่อทำให้ได้เหมือนใครเขาเลย
    เราแค่ทำหน้าที่ๆเราตั้งใจจะลงมาทำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว เพราะว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้
    ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่ามันอาจจะดูเล็กน้อย หรือกระจ้อยร่อย ก็ตาม
    แต่มันก็คือ "จิ๊ดซอ" หรือ "กุญแจ" ที่สำคัญมากๆดอกหนึ่งด้วย ที่จะขาดไปไม่ได้เลย

    และทุกๆท่านเองก็เหมือนกัน..ล้วนมีอะไรที่พิเศษ และ สำคัญๆ เหมือนกันหมด
    และนั่นก็เป็นกุญแจสำคัญอีกดอกหนึ่ง ที่จะขาดเสียไม่ได้เช่นเดียวกันนะครับ

    ดังนั้น จึงไม่มีอะไรที่จะต้องไปรู้สึก น้อยเนื้อต่ำใจอะไรเลย และ ฯลฯ ครับ
    หวังว่าท่านคงจะเข้าใจความหมายของผมนะครับ

    เพราะเรารู้อยู่ว่า คนที่เขาเก่งเรื่องโน้นเรื่องนี้ ไม่ว่าจะทางโลกหรือทางธรรมก็ตาม
    ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า เขาเลือกที่จะนำเอาคุณสมบัตินั้นๆติดตัวลงมาด้วย
    เพื่อทำภาระกิจบางอย่างของพวกเขา ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

    หรือไม่ก็ เป็นเพราะว่า เขาได้มุมานะพยายาม ในภพชาตินี้ จนไปถึงจุดนั้นๆก่อนเรา เท่านั้นเอง
    ดังนั้น มันจึงไม่ค่อยมีความรู้สึกแบบนี้เท่าไหร่นัก..ว่า

    "โอ้โห..ท่านช่างสูงส่งดีงามเหลือเกิน ท่านช่างประเสริฐเหลือเกิน
    แล้วทำไมข้าพเจ้าถึงต่ำต้อยด้อยค่าเหลือเกิน เมื่อเทียบกับท่าน"

    อะไรแบบนั้นหนะครับ

    เอ..ผมโพสต์ไปแบบนี้เหมาะสมไหนเนี่ย..มันจะทำให้บางคนเข้าใจผิดไหมเนี่ย?


    ......................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2013
  4. love_evol

    love_evol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +87
    ขอบคุณ คุณกระต่ายป่าข้างวัดมากค่ะ ซาบซึ้งใจในความกรุณา^_^ ของคุณอจิตตะด้วยนะคะ
    สัมผัสได้ถึงความรักและเกื้อกูล

    ตั้งแต่อ่านกระทู้นี้มาพอสมควร อดคิดไม่ได้ว่า บางทีความรู้หลายๆอย่างที่ได้ก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญคือพลังงานความรักจากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ นี่แหละคือเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงเลย เหมือนแหล่งสร้างพลังงานบวกให้แก่เราและแก่โลก



    เหมือนที่คุณชยุตว่า เราเดิมทีรู้ทุกอย่างแล้ว เพียงแต่มาเล่นเกมหลงลืมเท่านั้น ในเมื่อเดิมเราคือหนึ่งเดียวกัน สรรพสิ่งเชื่อมโยงกัน เราอาจเป็นกลุ่มที่ดึงดูดเข้าหากันอย่างมีจุดประสงค์ก็เป็นได้ เพื่อเกื้อกูล ให้แต่ละคน 'ตื่น' ขึ้นมา ถึงแม้แต่ละคนจะมีเส้นทางเป็นของตนเอง แต่บางทีการมีแรงหนุนก็ดีไม่น้อยนะคะ

    อ่อ... คิดว่าเข้าใจที่คุณชยุตพูดมา และเข้าใจที่กลัวว่าหลายคนจะเข้าใจผิดด้วย ด้วยความตรงไปตรงมาของคุณชยุตมั้ง

    ...ซึ่งที่พูดมาก็ไม่ผิดเลย เดี๋ยวนี้การ 'ยึดติด' ผู้อื่นมีให้เห็นเยอะมาก บางครั้งความศัทธาก็มอบให้ผู้อื่นหมด จนไม่เหลือไว้ให้ตนเองเลย ทั้งที่เรานี่แหละคือผู้มีพลังอำนาจมากที่สุดสำหรับจิตวิญญาณของเราเอง บางครั้งเราเอาความหวังไปฝากไว้ภายนอก เอาความสำเร็จไปมอบให้ผู้อื่นเพราะคิดว่าสำหรับตนเองนั้นยาก จึงเข้าใจความหมายของคุณชยุต

    แต่...มีแต่เพราะคิดว่าบางคน(รวมทั้งตัวเอง)อาจจะชื่นชมเพราะต้องการให้กำลังใจกับการเสียสละของผู้แปลและผู้นำความรู้มาแชร์กัน และมันก็ดีที่เกิดพลังงานบวกขึ้นในกระทู้นี้ มันเป็นความรู้สึกชื่นชมยินดีน่ะค่ะ
     
  5. deliver me

    deliver me เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +155
    เข้ามาบอกว่าผมยังอยู่นะครับ ไม่ได้หายไปไหน
    เพียงแต่ที่ผ่านมาเกิดอาการงงไประยะหนึ่งเท่านั้นเอง
    แต่ก็ยังสู้ต่อนะครับ

    ก็มาขอขอบคุณพี่น้องทุกคนโดยเฉพาะคุณชยุตนะครับที่สละเวลามาแปลงานให้ได้อ่านกัน
    ถ้าไ่ม่มีพวกคุณ พวกเราก็คงหมดโอกาสรู้อะไรสำคัญๆไปเลย
     
  6. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    ทุกๆคำพูด ทุกๆความเข้าใจ ทุกๆความคิดเห็น ทุกๆการแสดงออก ล้วนมีวัตถุประสงค์มีเหตุและผล มีประโยชน์ในตัวของมันเอง
    หนึ่งการสื่อหนึ่งการแสดงออก ส่งผลได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับระดับจิตใจของผู้รับสื่อ และมันก็เป็นเช่นนั้นเองเป็นธรรมดาอย่างนั้นเอง


    ***เสียงที่กำลังเตือนไม่ว่าจากใคร หรือแม้เต่จากข้างใน ถ้าเป็นคำเตือนมักจะหวังดีเสมอ เพราะฉนั้นการรับฟังคำเตือน ก่อนจะตัดสินทุกอย่างตามอารมณ์ น่าจะเป็นการดีซะกว่า แล้วจะมองเห็นอะไรดีๆเสมอ

    เจตนาของผู้สื่อเกือบจะไ่ม่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญด้วยซ้ำไป เพราะความหมายของสื่อมันไหลออกมาจากจิตใจของผู้รับสื่อ ทุกคนเลือกเอง "ทางเลือกเสรี" ***
     
  7. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    ความเป็นทวิภาวะ คือสิ่งดีงาม คือกุญแจสำคัญอีกดอกที่จะช่วยเรายกระดับจิตวิญญาณ คือโอกาสแห่งการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง (kiss)

    เรียนรู้ความแตกต่าง เพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกันที่สว่างไสว

    ;41
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กรกฎาคม 2013
  8. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,947
    หัวมัน


    เห็นด้วยกับคุณชยุตสุดๆ เลยค่ะ
    เราว่าความคิดแบบนี้แหละคือความเป็นพุืทธ และนำเราไปสู่ความไม่ยึดมั่นถือมั่น สลายตัวตนได้ดีที่สุดเลย

    ตั้งแต่รู้จักกระทู้นี้ ทำให้เราปลดบ่วงที่หนักที่สุดของชีัวิตออกไปได้ นั้นก็คือนิสัยชอบตัดสินถูกผิด ชี้ถูกชี้ผิด ชอบแบ่งแยก ยิ่งเราตัดสินคนอื่นมากเท่าไหร่ก็เหมือนเรากำหนดกรอบให้ตัวเราเองมาเท่านั้น

    กระทู้นี้เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งในชีัวิตเราเลย
     
  9. AUTO11

    AUTO11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +105
    แปลไม่เก่ง พูดยิ่งไม่เก่ง แต่อยากบอกว่าอ่านเก่ง
    เพราะอ่านทุกเรื่องที่คุณชยุตแปลมาให้อ่าน แม้จะฝึกอะไรไม่ถึงไหน ทำอะไรก็ไม่รู้เรื่อง
    รู้อยู่เพียงแค่มีความสุขที่ได้อ่านและมีความสุขที่เห็นมิตรภาพเกิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในนี้
    หรือว่าเราก็เป็น...คนหนึ่ง...เหมือนกับคนอื่นๆในนี้ก็ไม่รู้
    ขอบคุณ คุณชยุต อีกครั้งครับ.
     
  10. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    กระทู้เปลี่ยนจิตวิญญาณ.ขอขอบคุณทีมงานแปลทุกท่านครับผม
     
  11. Water Lily

    Water Lily เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +738
    ไม่ได้เข้ามาอ่าน 2 อาทิตย์แล้ว เพราะไปต่างประเทศมา ตั้งแต่ 21/6 เพิ่งรู้อีกเหมือนกันว่าเป็น Solstice ที่ยุโรปก็ถือว่าเป็นวันสำคัญเพราะเป็นการเข้าสู่ฤดูร้อนเต็มตัว จึงมีการจัดงาน summer festival ให้คนหยุดพักผ่อนมาฟังดนตรีในสวน ชมการแสดงต่างๆ ที่ต่างๆมีแต่คนไปเที่ยวเต็มไปหมด ที่สำคัญแดดแรงจริง อากาศร้อนเท่าเมืองไทยเลยค่ะ เดินตากแดดเกิน 20 นาทีทุกวัน 555 การได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สถานที่ดีๆ อากาศดี อาหารดี เพื่อนดีๆ นี่ชารจ์พลังได้ดีมากๆ กลับมารู้สึกแบตเต็มเปี่ยม แล้วยังกลับมาอ่านข้อความที่นี่รู้สึกดีจังที่ๆตรงนี้มีแต่พลังงานดีๆเต็มไปหมด ดึงดูดสิ่งดีๆเข้ามา

    ก่อนไปอาทิตย์นึง ป่วยเหมือนกันค่ะ โรคกระเพาะแผลเก่ากำเริบ แต่พอไปเที่ยวมีความสุข ลืมเรื่องงานไป โรคหายเลยดีจัง แถมได้ไอเดียมาทำใหม่ให้ความฝันเป็นจริง มาอ่านข้อความย้อนหลัง..รู้ตัวแล้วล่ะว่าฝันอย่างเดียวไม่พอต้องลงมือทำด้วย ^^ สู้ๆ ({)
     
  12. MasterOfSuccess

    MasterOfSuccess Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +44
    ก็อปปี้มาจาก facebook ห้องลับ รู้ความลับอดีตของChayuttมายาวนาน
    ทั้งชื่อจริง นามสกุลจริงและสถานที่จริงและประวัติของ Chayutt
    อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี้เองใช่ไหม ได้ข่าวว่าหากปีนั้นถ้าไม่ได้แปลภาษาอังกฤษเป็นครั้งแรกคงยังนั่งโง่ตั้งกระทู้เรื่องศาสนาพุทธแบบเก่าๆ และยังงมงายความฝันอยู่กับกลุ่มโนวาอนาลัย ใช่ไหม จนไม่เห็นแสงสว่างแน่ๆ มันคือการก้าวกระโดดดีๆนี้เอง ในอดีตด่าว่าคนอื่นไปทั่วเวปพลังจิต ทำวีรกรรมไว้เยอะกับหลายๆคน กรรมเก่าเลยตอบสนอง ก้าวกระโดดไปไม่ถึงฝั่ง บ้าๆ บอๆ อยู่อย่างนี้ ก้าวกระโดดวิวัฒนาการครั่งยิ่งใหญ่ของชยุต จากไทยพุทธมายังจิตวิญญาณไปสู่พระเจ้าโลกมิติแห่งแสงสว่าง เสียเวลา มัวหลงทางเลยไปไม่ถึงจุดหมายสักที ครึ่งๆกลางๆ นั่งรอความหวังให้มนุษย์ต่างดาวปรากฎมาช่วยเหลือ นอนรอเทพเจ้าในฝัน นั่งรอกันหน้าคอมพิวเตอร์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2013
  13. neung xcm

    neung xcm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +874
    ท่านมีความเห็นที่ผิดไปครับ ผมจะสอนให้ท่านมีความรู้แจ้งเห็นจริง ณ โลกธาตุแห่งนี้ https://www.facebook.com/neung.xcm
     
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772

    :cool::cool::cool:


    ........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2013
  15. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    มันจะเกี่ยวกันไหม๊นะ

    1). เรียนสมาชิก domain palungjit.org โดนต่างชาติฉกไปแล้วเพื่อขาย
    อีกไม่กี่ ช.ม. ท่านจะเข้าไม่ได้อีกต่อไป
    ช่วยกระจายข่าวส่งให้สมาชิกเข้าทาง PALUNGJIT.ORG แทน

    ปล.เวปพลังจิต น่าจะเป็นเวปพระพุทธศาสนาที่มีคนเข้ามากที่สุดในประเทศไทยนะ

    2). ระเบิดหลายระลอกถล่มพุทธคยา พระสงฆ์เจ็บ 2 ต้นศรีมหาโพธิ์ปลอดภัย
    http://www.dailynews.co.th/world/217407


    มีใครต้องการอะไรจากปรากฎการณ์เหล่านี้หรือเปล่านะ??
    เหตุการณ์เกิดไล่เลี่ยกันซะด้วยนะ..

    ...............................................
     
  16. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    Ah พี่ฉางชิงเอ้ยพี่ยุทธ์ช่างสังเกตุ


    มันก็แน่ละ ตามทฤษฎีสมคบคิด ดูสิว่า
    จะมีใครหลงกลบ้าง แนวโน้มจะไปทางไหน
     
  17. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    แผนทำลายความสัมพันธ์ รอบทิศทาง


    พวกนี้ทำเป็นขบวนการ ระดับโลกจ้า ตอนนี้ไทยกำลัง
    โดนอยู่ หลักๆ คือ การทำให้ประเทศไทย ทะเลาะกับ
    เพื่อนบ้าน ในรูปแบบต่างๆ เช่น


    ยุให้ดาราบ้ารักหมา รวมตัวขึ้นมา แล้วสุดท้าย จะกระทบ
    ความสัมพันธ์ไทยจีน (คนจีนกินหมาเป็นวัฒนธรรมปกติ)

    ยุให้คนไทยพุทธ กับมุสลิมต่างชาติ เกิดความขัดแย้งขึ้น
    อย่างกรณีที่พี่ยุทธ์ ไปค้นเจอนั่นแหละ มันวางแผนกันไว้


    มีอีกหลายกรณีครับ คอยดูไปเรื่อยๆ
    คนที่เล่นเกมนี้ ไม่น่าจะเป็นจีนครับ
     
  18. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    นี่คงเป็นการดิ้นรนครั้งรนท้ายของฝ่ายมืดที่ไท่ยอมจำนนสินะครับ อิอิอิ
    ทำให้นึกถึงใครนะ คุ้นๆ อเวตาลบอยหรือป่าว ครับ อิอิอิ

    มาเป็นกำลังใจให้คุณชยุต ครับ ตอนที่เข้าเว็บไม่ได้ นึกในใจมันต้องเกิดเรื่องอะไรสักอย่างแน่นอน แล้วก็เป็นจริงด้วย แต่อย่างไรแสงสว่างก็ต้องฉายแสงไปสู่ที่มืดอยู่ดี อิอิ
     
  19. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,085
    ค่าพลัง:
    +10,246
    For palungjit.org

    เพลง กำลังใจ
    ศิลปิน คาราวาน หงา
    รหัสเพลง 06881

    D.
    ..โบก มือลา
    เสียงเพลงครวญมาต้องลาแล้วเพื่อน
    กี่ปีจะลับเลือน
    ฝากเพลงคอยย้ำเตือน
    หวน ไห้
    จาก กันไกล
    แม้เพียงร่างกายแต่ใจชิดใกล้
    เมื่อใจเราซึ้งใจ
    ร่วมทางไม่ร้างไกล
    หมาย มั่น
    ขุนเขาไม่อาจขวาง
    สายทางเที่ยงธรรมได้
    ความหวังยังพริ้มพราย
    เก่าตายมีใหม่เสริม
    ชีวิตที่ผ่านพบ
    มีลบย่อมมีเพิ่ม
    ขอเพียงให้เหมือนเดิม
    กำลังใจ
    อย่า อาวรณ์
    รักเราไม่คลอนคลางแคลงแหนงหน่าย
    ให้รักเราละลาย
    กระจายในผองชน
    ผู้ทุกข์ทนตลอด กาล
    ขุนเขาไม่อาจขวาง
    สายทางเที่ยงธรรมได้
    ความหวังยังพริ้มพราย
    เก่าตายมีใหม่เสริม
    ชีวิตที่ผ่านพบ
    มีลบย่อมมีเพิ่ม
    ขอเพียงให้เหมือนเดิม
    กำลังใจ
    อย่า อาวรณ์
    รักเราไม่คลอนคลางแคลงแหนงหน่าย
    ให้รักเราละลาย
    กระจายในผองชน
    ผู้ทุกข์ทนตลอด กาล

    http://www.music4thai.com/music/lyric/?sid=6881#.UdpPTyQ5PtR
     
  20. pitcha_nate

    pitcha_nate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +1,369
    5555555555555555555555555555555555555555

    ขำคุณชยุต....
    .......................
    .......................

    กลุ่มนั่น กลุ่มนี่ กลุ่มโน้น...กลุ่มโน๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
    และ....ชักจะกลุ้มโว๊ยยยยย

    5555555555555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555555555555
    555555555555555555555555555555555

    ตราบใดที่แบ่งแยก....
    มันก็แบ่งแยก อ่านะ....

    อยากเป็นหนึ่งเดียว....
    จ ง เ ป็ น ห นึ่ ง................................

    จ า ก ภ า ย ใ น ต น เ อ ง


    5555555555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555555555

    catt3
     

แชร์หน้านี้

Loading...