ประวัติ และอภินิหารย์หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม สุพรรณบุรี ศิษย์ 3 ต.

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย hellotawan, 10 กรกฎาคม 2012.

  1. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ตะกรุดหนังเสือกระโดด ตะกรุดนี้ทำมาจากหนังเสือที่มีผู้ถวายหลวงปู่ไว้ อย่างที่ทราบว่าหลวงปู่ท่านสำเร็จวิชาเสือ สามารถแปลงกายเป็นเสือได้ หนังเสือชุดนี้เมื่อได้มาก็นำมาตัดเป็นแผ่นใหญ่ๆ ให้หลวงปู่ทำการเสกก่อน หลวงปู่ได้เสกหลายครั้งมาก จนมีครั้งหนึ่ง ท่านเสกจนหนังเสือชุดนี้ต่อหน้าศิษย์หลายๆ คน ปรากฏว่าหนังเสือค่อยๆ ลอยขึนมาจากพานที่วาง บางแผ่นก็กระโดดออกจากพาน พอเสกเสร็จ ท่านก็หยิบหนังเสือที่กระโดดจากพานแผ่นนึงใส่ย่ามไว้ใช้ติดตัว และหยิบแจกศิษย์ที่อยู่ขณะนั้นด้วย จากนั้นจึงนำหนังเสือชุดนี้มาลงยันต์ แล้วนำติดย่ามหลวงปู่ไปเสกที่วัดตะเคียนพิธีเสกเสือรุ่น ๓ และพิธีเสาร์ห้า วัดสุทธิสะอาดอีก ยังไม่รวมพิธีอื่นๆ ที่หลวงปู่ไปร่วมพิธีอีก เรียกว่าหนังเสือชุดนี้แน่นตั้งแต่ยังไม่จาร ยังไม่ม้วยทำตะกรุด ตะกรุดหนังเสือชุดนี้จึงเป็นตำนานที่สร้างชื่อให้หลวงปู่ในวิชาเสือ ทำให้ต้องมีการทำออกมารุ่นหลังอีกพอสมควร ตะกรุดที่เป็นหนังเสือกระโดดนี้จะมีความใหญ่ยาวมาก บางดอกยาวถึงกว่า 8 นิ้ว ถึงฟุตนึง บางดอกยาวห้านิ้วก็มี แต่จะมีความหนา อาจพบได้ทั้งที่ถักเชือก และไม่ถักเชือก ยืมเจ้าของมาให้ชมคับ ที่เห็นถักเชือกดำจะนำมาถักใหม่อีกครั้ง

    ดอกบน ยาว 5 นิ้วเศษ ของพี่เอก ศิษย์หลวงปู่
    [​IMG]
    ดอกนี้ก็ยาว 5 นิ้วเช่นกัน
    [​IMG]

    ดอกนี้ยาว 8 นิ้ว ของน้องแชมป์ที่ไปสอยมาจากรังใหญ่แบบเอาเงินไปทำบุญ
    [​IMG]
     
  2. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    [​IMG]
    ขอบคุณเจ้าของแผ่นหนังเสือนี้ คุณน้ำปลา แห่งเว็บวัดตะเคียน

    อันนี้เป็นแผ่นหนังเสือยุคหลังที่ไม่ได้ม้วนเอาไว้ ใครบูชาจะเลี่ยมเปิด หรือม้วนเองก็ตามแต่ต้องการ ตะกรุดนี้จะขนาดเล็กลงมาประมาณ 3-4 นิ้ว อาจมีบางแผ่นที่ตัดออกมาจากหนังเสือกระโดดแล้วค่อยนำมาจารยันต์ รอยจารสีดำนี้คือลายมือของหลวงปู่ตี๋ที่ท่านจารเอาไว้ให้ สีน้ำเงินคือตราปั้มยันต์ปั้มหมึกน้ำเงินไว้ ปัจจุบันตราปั้มนี้สึกหรอไปแล้ว แผ่นหนังเสือนี้จะมีตอกโค๊ตไว้ด้านใน ถ้าเอากล้องส่องจะเจอโค๊ตที่ตอกบุ๋มลงไป ถ้าไม่มีโค๊ต ลายมือไม่ใช่ ตีเก๊ไว้ก่อน ส่วนหนังเสือกระโดดจะอยู่กับศิษย์ยุคแรก หายากมาหทีเดียว แต่หนังเสือแบบนี้ตามเว็บประมูลยังเคยเจออยู่บ้าง
     
  3. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ไปเจอภาพเริ่มก่อสร้างอุทกธรรมศาสลา เมื่อปีก่อนเลยนำมาให้ดู พื้นที่แห่งนี้จะเป็นที่พักสงฆ์ในช่วงแรก ก่อนจะกลายเป็นสำนักสงฆ์ และวัดต่อไป เพื่อเป็นสถานที่พักของอาจารย์ปฐวีเมื่อบวชแล้ว

    พื้นที่เปล่าๆ ขุดเป็นบ่อขนาด 1 ไร่ วันบวงสรวงในเทวีฤกษ์ เมื่อเดือนมีนา ปี 55
    [​IMG]

    หลุมเสาเอกบรรจุสิ่งมงคล และแผ่นยันต์สำคัญ
    [​IMG]

    อีกภาพก่อนทำการตั้งเสา
    [​IMG]

    เดือนพฤศษภาคม ปึ 55 สูบน้าเข้าในบ่อ ศาลาเป็นรูปเป็นร่าง
    [​IMG]

    คณะศิษย์ที่เดินทางไปทอดผ้าป่า และเยี่ยมชมศาลา
    [​IMG]

    พระพุทธรูปองค์นี้ผุดขึ้นมาจากน้ำ ขณะที่คณะศิษย์กำลังเยี่ยมชมการก่อสร้าง ซึ่งแต่เดิมก่อนจะสร้างศาลาบริเวณนี้ได้นิมิตว่ามีพระญานาคมาขอร่วมบุญ
    [​IMG]
     
  4. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    เมื่อช่วงเดือนมกราคม ศาลามึงหลังคาแล้วเสร็จ
    [​IMG]

    ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำแล้วเสร็จ รองรับคณะศิษย์ที่จะเดินทางมากราบครูบาอาจารย์ที่นี่
    [​IMG]

    ภาพปัจจุบัน กำลังดำเนินการก่อสร้างกำแพงโดยรอบ คาดว่าปีนี้น่าจะเสร็จเรียบร้อย
    [​IMG]
     
  5. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    [​IMG]

    เมื่ออุทกธรรมศาลานี้แล้วเสร็จก็จะเป็นที่พักหลังอาจารย์ปฐวีบวช และเมื่อเปิดโลงหลวงปู่แล้ว ถ้าวัดไม่เอาสังขารหลวงปู่ไว้ หรือดูแลไม่ดีพอก็จะอัญเชิญสังขารหลวงปู่มาอยู่ที่อุทกธรรมศาลา จ.ยโสธร แห่งนี้ต่อไป และรูปหล่อสีทององค์นี้คาดว่าจะนำไปประดิษฐานที่นี่เช่นกัน สมดัง ที่หลวปู่เคยบอกไว้เสมอว่า อย่าได้สนใจในกายสังขารของท่าน แต่ให้เอารูปหล่อนี้ไว้ ท่านจะอยู่ในนี้คอยช่วยเหลือศิษย์ทุกคน
     
  6. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    การมรณะภาพของหลวงปู่ตี๋

    วันที่ 15 พ.ค. 53 หลวงปู่ท่านได้บอกกับอาจารย์ปฐวี และศิษย์อีกหลายคนในเย็นวันนั้น ว่า..ไอ้ตู่ วันที่ 17 พ.ค.53 กูจะตายแล้ว พรุ่งนี้ให้มึงไปเอาโลงกูมา(ขณะนั้นโลงศพท่านอยู่วัดเขาเขียว ) ให้กูด้วย และมึงก็เตรียมตัวให้ดีนะ กูจะตายที่บ้าน กูไม่อยากไปตายที่ไหน กูจะอยู่กับมึง..มึงไปเอาโลงกูมาเลย จะได้ไม่ฉุกละหุก ศิษย์หลายท่านต่างก็คิดว่าท่านพูดเล่น ดูแล้วท่านก็ยังแข็งแรงดี สามารถเดินขึ้นลงบันไดบ้านได้สบาย สามารถท่องจำคาถาและมาสอนวิชาให้อาจารย์ตู่ทุกคืน ตั้งแต่วันแรกเมื่อปี 2547 และมาอยู่ประจำเลยเมื่อ 2549 จนมรณะภาพ เมื่อปี 2553 ท่านก็ยังแข็งแรง ว่าอักขระไม่ตกเลยแม้แต่ตัวเดียว ท่านจำแม่นมาก คาถาทุกตัวไม่เคยตกเลย และท่านก็มัก หาวัตถุมงคลต่างๆ มานั่งปลุกเสกกันกับอาจารย์ตู่ทุกคืน บ้างครั้งไม่มีอะไรให้เสก ท่านจะก็สั่งให้อาจารย์ปฐวี เอาสายสิณจน์วนรอบบ้าน แล้วก็ให้อาจารย์ปฐวี อาบน้ำให้เรียบร้อย รับศีลจากท่าน แล้วท่านก็ให้นั่งปลุกเสกคู่กับท่านตลอดทุกคืน จนท่านบอกใช้ได้ และพูดออกมาว่า กูสอนจระเข้มันว่ายน้ำได้แล้ว กูพอใจแล้ว และกูก็สบายใจ หมดห่วงทุกอย่างแล้ว แล้วบอกอาจารย์ตู่ว่า ให้อาจารย์ตู่มาใหว้ครู เดือน 8 แทนท่าน และเพิ่มหัวหมูจากเดิม 1 หัว ให้เพิ่มมาเป็นหัวหมู 2 หัว แทนท่านตลอดไป จนกระทั่งถึงวันที่ 17 พ.ค. 2553 เวลา 08.00 น. อาการของหลวงปู่เริ่มทรุดลง อาจารย์ปฐวีจึงตัดสินใจที่จะพาหลวงปู่เข้าโรงพยาบาล แต่โรงพยาบาลประจำท่านคือ โรงพยาบาลจุฬา ซึ่งช่วงนั้นเหตุบ้านการเมืองไม่สู้ดีนัก จึงได้เปลี่ยนมาเป็นโรงพยาบาลธรรมศาสตร์แทน แต่ด้วยความที่ท่านไม่ยอมไปไหนจะตายที่บ้านอย่างเดียว ทำให้ตอนจะอุ้มท่านขึ้นรถกลับยกไม่ขึ้น จะอุ้มเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น หนักและแข็งเหมือนหินเลยทีเดียว จนภรรยาอาจารย์ปฐวีต้องเข้ามาบอกข้างหูของหลวงปู่ว่า ถ้าหลวงปู่ไม่ไปโรงพยาบาลอาจารย์ตู่ต้องถูกด่าแน่ๆ ที่ไม่ยอมพาหลวงปู่ไปโรงพยาบาล หลวงปู่อยู่ที่นี่ดิฉันก็ไม่เคยรังเกียจใดๆ หรือแม้แต่จะคิดเสือกไสหลวงปู่เลย หลวงปู่รักอาจารย์ตู่ก็อย่าให้ใครมาด่าว่าอาจารย์ตู่เลย หลวงปู่ไปโรงพยาบาลก่อนจะดีกว่า แล้วอย่างไรเสียเมื่อถึงวาระจะนิมนต์หลวงปู่กลับมา เมื่อหลวงปู่ได้ฟังดังนั้น ท่านก็นิ่งไปสักครู่ แล้วพยักหน้า เท่านั้นแหละตัวท่านยกขึ้นได้ทันที เบาเหมือนนุ่นเลยทีเดียวไม่หนักเลยแม้แต่น้อย จึงสามารถพาท่านไปโรงพยาบาลได้ในที่สุด ตลอดช่วงเวลาที่ท่านอยู่โรงพยาบาลหลวงปู่ท่านกำมืออาจารย์ปฐวีไว้ตลอดไม่ปล่อยเลย จนกระทั่งท่านสิ้นลมหายใจไปพร้อมกับเครื่องวัดชีพจรที่ส่งสัญญาณยืนยันว่าท่านได้จากเราไปแล้วจริงๆ ตรงตามวันเวลาที่ท่านได้กล่าวไว้
     
  7. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ทำเนียบวัตถุมงคล หลวงปู่ตี๋ ชุดที่ ๑
    [​IMG]
     
  8. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    รวมวัตถุมงคลของหลวงปู่ประเภาทเหรียญ และชุดเก่าๆ เล็กน้อยคับ จะได้ดูไว้เป็นแนวทาง ยังมีอีกชุดหนึ่งไว้วันหลังผมจะนำมาให้ชม และวัตถุมงคลของหลวงปู่ยังมีอีกมากคับ ที่ไม่ได้ลงไว้ก็มีคับ จะทยอยนำมาให้ชม วัตถุมงคลชุดที่ผมนำมาลงืถอเป็นมาตรฐานเล่นหาได้คับ เจอที่ไหนเก็บได้เลยคับ ยังไม่มีปลอม ยกเว้น พวกแต่งนิยายยัดกรุ บอกก่อนว่าผมไม่ได้เป็นสายตรงอะไร ไม่ได้มีให้บูชาทั้งหน้าไมค์ หลังไมค์ ส่วนมากก็แจกคนที่ศรัทธา ทีนี้บางคนอาจมีวัตถุมงคลที่ผมอาจจะยังไม่ได้เอามาลง แต่รับมากับมือจริงๆ อันนี้ถือว่าชัวร์ แต่ถ้าเอามาจากตู้วัดบางทีก็น่ากลัวนะคับ น่าจะทราบกันดีว่าเงินทางมันไม่เข้าใครออกใคร หน้าตู้อยู่กันเป็นทีม แต่หลวงปู่อยู่รูปเดียว ถ้ารับกับมือมั่นใจได้เลย แต่ถ้าเอามาจากคนอื่นต้องถามที่มาที่ไปแน่ๆ แต่ถ้าอยู่ในกลุ่มวัตถุมงคลที่ผมลงนี้ก็เป็นมาตรฐานได้

    ถามว่าทำไมผมถึงบอกว่าชุดที่ผมเอามาลงเป็นมาตรฐาน มันก็มีที่มาคับ กำลังจะเล่าต่อไป จุดประสงค์ที่ผมลงเพื่อเผยแพร่บารมีครูบาอาจารย์ว่าศิษย์ที่ทันหลวงพ่อกวย หรือหลวงพ่อมุ่ย และเรียนมาโดยตรงรูปสุดท้ายที่มรณภาพ คือท่านใด และท่านได้เคยสร้างอะไรไว้บ้าง ซึ่งก็ไม่น้อยชนิด แต่อาจจะน้อยด้วยปริมาณ เนื่องจากกลุ่มศิษย์ได้พยายามไม่ให้นายทุนเข้าครอบงำ ไม่เช่นนั้นหลวงปู่ท่านคงดัง และเป็นที่รู้จักมานานแล้ว หลายๆ ท่านจะได้รู้จักประวัติ และความเก่งของหลวงปู่ ซึ่งผมมั่นใจว่าไม่มีที่ไหนเขียนมาก่อน อาจจะเคยอ่านมาก่อนก็จริง แต่ก็เป็นข้อความเดิมๆ ที่เขียนมานานแล้ว แต่วันนี้เป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่เพิ่มเข้ามา ปราศจากผลประโยชน์เหมือนคนอื่นๆ

    ทีนี้ทำไมของที่ผมนำมาลงถึงบอกว่ามาตรฐาน เนื่องจากวัตถุมงคลของหลวงปู่ทำไว้หลายปีะเภทมาก ด้วยท่านมีวิชาเยอะ แต่อาจจะน้อยในจำนวน วัตถุมงคลต่างเป็นชุดที่หลวงปู่ให้อาจารย์ตู่ และพี่สังวาลย์ไปงัดกุฏิท่านเองเอาออกมาเท่าที่จะเอาได้ ถามว่าทำไมต้องงัด ก็ศิษย์ตัวดีถือกุญแจไว้คงไม่ต้องบอกว่าถือไว้ทำไม เจ้าของกุฏิก็เลยต้องงัดกุฏิตัวเอง ขนาดตำรายังมีคนขโมยไป จนท่านต้องแอบเอาตำราไปยัดไว้ในโลงที่ท่านซื้อไว้เตรียมใส่ร่างท่านตอนมรณะภาพ เลยยังมีตำรามากมายตกทอดมาจนตอนนี้ เมื่อได้วัตถุมงคลมาก็นำมาตอกโค๊ตสร้างมาตรฐาน เพราะไม่รู้ว่าวัตถุมงคลที่เหลืออยู่ที่กุฏิจะถูกเล่นแร่แปรธาตุไปอย่างไร ด้วยท่านห่วงศิษย์กลัวว่าจะเอาของท่านไปใช้แล้วไม่ดี ไหที่บรรจุของล้ำค่าตั้งแต่สมัยครูบาอาจารย์ก็เปิดออกมาบางส่วน เพื่อหาเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาลหลวงปู่ และสร้างวัด สร้างศาลาอย่างที่ได้เคยลงไปให้ชมแล้ว

    สมัยที่ท่านอยู่วัด มีแต่คนจะมาเอาเงินก็ซื้อพระ ทำพระโดยไม่ได้บอกหลวงปู่ แต่ยกมาให้เสก ซึ่งหลวงปู่ท่านอยู่รูปเดียวก็ไม่ทราบหรอกว่าในลังเป็นพระอะไร มีเท่าใด จะมีอย่างอื่นอีกหรือไม่ เห็นเท่าที่เขาหยิบให้ดู เสื่อเสกแล้วเอาใส่ตู้ไว้ เอาไว้เองบ้าง คนที่ได้รับกับมือก็โชคดีไป คนที่เอามาแล้วไม่ได้ให้หลวงปู่เสกก็รับประกันไม่ได้ ส่วนมากท่านที่เคยไปหาหลวงปู่ท่านจะไม่สนใจเงินทองเท่าใด ไม่ได้รู้ราคาบูชาอะไร อยากได้ถ้าขอก็ให้ แต่ท่านเป็นพระเก่าจะพูดตรงเสียงดัง เลยจะดูดุ แต่จริงๆ แล้วท่านเมตตามากทีเดียว

    ท่านใดมีวัตถุมงคลก็ร่วม โชว์ แชร์ได้นะคับ ไม่มั่นใจก็เอามาถามได้นะคับ รู้ก็ตอบ ไม่รู้ก็จะไปหาข้อมูลมาให้ จะได้มีของดีไว้ใช้
     
  9. pinu

    pinu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +361
    ภาพจากหลวงปู่ตี๋ นำมาลงให้ชม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_5620.JPG
      SAM_5620.JPG
      ขนาดไฟล์:
      148.2 KB
      เปิดดู:
      5,220
    • SAM_5621.JPG
      SAM_5621.JPG
      ขนาดไฟล์:
      134.9 KB
      เปิดดู:
      3,807
  10. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ภาพ
    [​IMG] [​IMG]

    ลายมือนี่ใช่เลย ภาพเก่าหายากคับ สวยมาก ภาพหลวงปู่อิ่มท่านลงเน้นหนักไปทางเมตตา เงินทอง หลวงพ่อกวยก็ลงทางเงินทอง โชคลาภ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2013
  11. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    หลายท่านก็ถามมาทั้งหน้าไมค์ หลังไมค์ ว่าวัตถุมงคลหลวงปู่หายากและอพง ผมยอมรับเลยคับหายากจริงๆ ที่มีราคาก็สูง ผมเองคิดว่าน่าจะด้วยปริมาณที่มีไม่มาก และไม่ได้กระจายสู่วงกว้าง หลวงปู่เองก็มาเป็นที่รู้จักช่วงท้ายสังขาร วัตถุมงคลที่ออกเป็นทางการก็น้อยรุ่น และก็ออกช่วงท้ายแล้ว แต่เท่าที่ผมดูก็สามารถหาได้ตามเว็บประมูลทั่วไปคับ ตลาดพระต้องลองถามดู เซียนบนพันทิพย์หลายท่านยังเก็บอยู่ไม่ยอมออก ยังไงไม่เหลือบ่ากว่าแรง เผื่อเดินเจอตามสนาม เหรียญที่ผมแนะนำได้ว่าเกนาน และดีที่สุด คือรุ่น ๔ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาขยายความว่าทำไมต้องรุ่นนี้ ส่วนเตรื่องรางมีเยอะคับ ใครไม่แน่ใจโพสเข้ามาถามเลยคับ ท่านทำเครื่องรางไว้มากอยู่
     
  12. champ_amulet

    champ_amulet สาธุ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +83
    ตะกรุดคอลิง ก็กลายเป็นของหายากอีกชิ้น ใครมีเก็บไว้ให้ดีนะครับ ประสบการณ์สูง
     
  13. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    เอาเนื้อนวะ กับเงินมาให้ดู(ยืมเต้ามาให้ดูตามเคยคับ) ส่วนทองคำจินตนาการไปก่อน ตะกรุดนี้กลายเป็นของหายากไปแล้ว เรียกว่าแทบจะเป็นตำนานเลย ไม่เห็นมีออกมานานแล้ว
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  14. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ถ้ากันงู ต้องแหวนหลวงปู่อิ่มจะมี 3 ลักษณะ คือแหวนงู แหวนพิกุล ทั้งสองแบบจะมีหัวเมฆพัตรอยู่ตรงกลาง กันงู เขี้ยวงา กันอันตรายสารพัด เป็นแคล้วคลาดคงกระพัน เมื่อมีภัยหัวเมฆพตรจะหมองไร้เงา แต่ถ้าปกติดีหัวแหวนจะมันวาว ประสบการณ์ดี เดี๋ยวว่างๆ จะมาเล่าที่มาที่ไปของแหวนนี้ให้ฟัง รับรองว่าสุดยอดของดีแบบโบราณอีกชิ้นหนึ่ง

    กันหมาต้องหนังเสือ หลวงปู่ท่านสำเร็จวิชาเสือ เรียกว่าเอาอะไรมาท่านสามารถเสกเป็นเสือได้หมด เคยมีคนเอาหนังวัวมา ท่านก็บอกให้เอามาจะลงเสือให้ อีกครั้งตอนไปงานพุทธาภิเษกเสือรุ่น ๓ ของวัดตะเคียน(รุ่นตะกรุดหล่อ) มีคนเอาหนังเสือเปล่าๆ มาให้ท่านเป่าท่านก็เป่าพ่วงเดียวแล้วส่งให้ คนได้รับไปก็ใจไม่ดีว่าทำไมเป่าทีเดียวเอง ก็เอาไปลองยิงปรากฏว่ายิงไม่ออก ต้องกลับมากราบขอขมาท่าน และให้ท่านลงจารในหนังเสือแผ่นนั้น

    อีกอย่างที่ล่าสุดมีประสบการณ์กับหมา ก็ต้องปลัดขิก น้องแชมป์ไปเจอหมากำลังวิ่งเข้าใส่ ในใจนึกถึงหลวงปู่แล้วตบไปที่ปลัดในกระเป๋า ปรากฏว่าหมาหยุดวิ่งทันที ชะงักอยู่กับที่เหมือนสะกดไว้ จนน้องเค้าผ่านมาได้

    เครื่องรางที่แนะนำก็ ปลัด แหวน ตะกรุดหนังเสือ ส่วนเหรียญนี่ครบเครื่องอยู่แล้ว แล้วแต่ชอบเลยคับ ส่วนตัวแนะนำรุ่น ๔ ทองแดงรมดำ เพราะราคาถูก และอยู่กับหลววปู่นานที่สุด ถามว่าทำไมเนื้อนี้อยู่นานเพราะเนื้อนี้สร้างออกมามาก ของก็ออกช้ากว่าเนื้อแพงๆ ที่มีค่า หลวงปู่ก็เป่า ก็เสกทุกวันจนมรณะ
     
  15. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    มีกระแสเรียกร้องเรื่องดราม่า เกี่ยวกับวัตถุมงคลของหลวงปู่ ผมก็ตัดสินใจว่าจะเล่า รออีก 2-3 วันคับ ช่วงนี้งานเยอะ ยังไม่มีโอกาสพิมพ์ยาวๆ
     
  16. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    [​IMG] [​IMG]

    วันก่อนพูดถึงแหวนเก่าแก หายากของหลวงปู่ตี๋ ซึ่งพบอยู่ในไหนานมากแล้ว ได้ฤกษ์เอาออกมาให้ชมกัน แหวนนี้มีที่มาแน่นอน แต่ก็ยืนยันไม่ได้ว่าเก่าถึงยุคไหน แหวนที่เอามาให้ชมนี้เป็นแหวนที่เรียกว่าแหวนพิกุล ยังมีแหวนงูอีกแบบหนึ่ง ตอนนนี้ผมยังหาภาพไม่ได้ ไว้หาได้แล้วจะลงให้ชมอีกครั้ง

    แหวนนี้มีความเป็นมาว่า เมื่อนานมาแล้วได้มีคนนำแหวนนี้มาถวายให้หลวงปู่ตี๋จำนวนหนึ่ง ซึ่งผู้ที่ถวายแหวนนี้เป็นลูกหลานของช่างหล่อที่เคยหล่อแหวนถวายหลวงปู่อิ่ม เมื่อช่างผู้นี้สิ้นไปลูกหลานก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับแหวนนี้ ซึ่งเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง สุดท้ายจึงได้นำมาถวายต่อหลวงปู่ตี๋ไว้ ด้วยเห็นว่าเป็นศิษย์ที่สืบทอดวิชาของหลวงปู่อิ่มเอาไว้ ซึ่งก็บอกไม่ได้ว่าแหวนนี้จะทันหลวงปู่อิ่มเสกหรือไม่ ได้แตคากเดาจากที่มา และแหวนนี้ส่วนมากจะไม่สวยงามมาก เนื้อจากเป็นแหวนทองเหลืองหล่อทีละวง และคาดว่าแหวนจำนวนนี้น่าจะเป็นแหวนที่เหลือคัดจากที่เคยถวายหลวงปู่อิ่มแล้ว เมื่อหลวงปู่ตี๋ท่านรับมาก็นำมาบรรจุไว้ในไหของท่าน และปลุกเสกเรื่อยมาจนกระทั่งมรณะภาพ แหวนนี้ด้านหน้าจะมี 2 แบบ ที่เป็นหัวพิกุล(ในภาพ) อีกแบบจะเป็นงูเกี้ยวกัน(คล้ายของหลวงพ่ออ่อน วัดเขียน) แต่หัวแหวนทั้งสองแบบจะมีหัวแหวนที่เป็นเมฆพัตรอยู่ ด้านในท้องแหวนจะเป็นพิรอดทั้งสองแบบ เนื้อทองเหลืองจะเก่าออกเขียว ดำ แต่วงนี้ผมนำมาล้างออกเล็กน้อยเพื่อให้เห็นสีของเนื้อทองเหลือง แหวนนี้เมื่อทำตกหัวแหวนจะแตกด้วยความเปราะของโลหะ แต่อย่างไรก็ตามอย่าให้หัวเมฆพัตรหายเด็ดขาด

    วิชาแหวนนี้มีประวัติมาว่า หลวงปู่อิ่มท่านเคยไปมาหาสู่ รู้จักกับพระอาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับที่สนิทชอบพอกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองฯ หลวงปู่อิ่มท่านได้แลกเปลี่ยนวิชากับพระอาจารย์ทองเฒ่า และก็ได้วิชาการสร้างแหวนพังพระกาฬมา ท่านจึงได้สร้างแหวนออกมาเป็นรูปของงู และรูปลักษณ์อื่นอีก ซึ่งวิชานี้ก็ได้ตกทอดลงมาสู่หลวงปู่ตี๋ และในตำราได้มีการระบุไว้ว่าได้มาจากพระอาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ แหวนนี้มีพุทธคุณครบทุกด้าน แคล้วคลาดคงกระพัน กันเขี้ยวงา เป็นเมตตา เตือนภัย ว่ากันว่าเมื่อแหวนนี้ไร้เงาแหวนเมื่อใด แสดงว่าผู้เป็นเจ้าของกำลังมีภัยให้พึงระวังตัวให้จงดี

    ประสบการณ์ มีลูกศิษย์ที่เป็นผู้หญิงท่านหนึ่งได้รับแหวนไป ปกติพี่ท่านนี้จะไม่ชอบพกเครื่องรางของขลังเท่าไหร่ วันนั้นก็เกิดนึกอย่างไรไม่ทราบ หยิบแหวนนี้พกติดตัวไปด้วย แต่ไม่ได้ใส่เอาไว้ เมื่อขณะกำลังทำงาน ปรากฎว่าเกิดพลาดเข็มแทงสารเคมีเกิดแทงเข้าไปที่ปลายนิ้ว(ขออภัยผมจำไม่ได้ว่านิ้วไหน) ปรากฎว่ารู้สึกเลยว่าแรงอัดสารเคมีอัดเข้าไปที่ปลายนิ้วอย่างรวดเร็ว แรงอัดทำให้รู้สึกได้ว่าสารเคมีกำลังพุ่งตรงจากปลายนิ้วไปที่ต้นแขน เมื่อดึงเข็มออกได้ก็นึกอะไรไม่ออกว่าจะทำอย่างไร อังเอิญว่าพกแหวนไว้จึงรีบหยิบแหวนมาอาราธนาและสวมลงที่นิ้วนั้น ปรากฎว่า ไม่ถึงอึดใจ ก็รู้สึกได้ว่าสารเคมีที่ถูกแรงอัดเข้าไป กำลังย้อยกลับมาที่ปลายนิ้ว รู้สึกร้อนวาบย้อนลงมาจากต้นแขนสู่ปลายแขน จากนั้นก็มีเลือดออกมาคั่งเป็นลิ่มอยู่ปลายนิ้วบริเวณที่เข็มแทงเข้าไป ปรากฎว่าอาการต่างๆ หายไป และไม่เป็นอะไรเลย เหมือนว่าแหวนนี้ได้ดูพิษออกมาไว้ที่ปลายนิ้ว พี่ท่านนี้จึงรอดปลอดภัยด้วยบารมีแหวนพุกุลของหลวงปู่ช่วยชีวิตไว้ ถ้าไม่ได้แหวนนี้ คาดว่าสารเคมีคงแล่นเข้าถึงหัวใจแน่ๆ
     
  17. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    [​IMG]
    ขอขอบคุณเจ้าของรูปคับ "ศิษย์ป่าไม้"

    รูปถ่ายเก่า ออกเมื่อวัดกระเสียวไปขุดมาให้ชมกันคับ รูปนี้ถ่ายเมื่อปี 2510 ครับ ปลุกเสกใหญ่เมื่อปี 2513 และเริ่มออกให้ญาติโยมได้เช่าหากันรูปละ 100 บาท บางครั้งก็แจกฟรี วัตถุมงคลที่ออกพร้อมกับรูปนี้ มีทั้งแหวนรุ่นแรก ล็อกเก็ตรุ่นแรก แหนบรุ่นแรก เหรียนรุ่นแรก รูปถ่าย พระเนื้อดิน พระเนื้อผง สมเด็จว่านฝังพลอย ปลัดขิก ตระกรุด ผ้ายันต์ มีพอสมควร แต่ทุกวันนี้กลายเป็นหาอยากแล้วครับ ที่คำคัญจะลืมตราวัดปั๊ม และรูปถ่ายชุดนี้มีหลายแบบ บางชนิดจะมีปรอทขึ้นล้ว เพราะเป็นรูปปีเก่าปรอทขึ้นที่ผม และจะมีตราปั้ม วัดกระเสียว ปั้มพระอธิการวิทยา ฉันทธัมโมครับ ต.กระเสียว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรีครับ หมึกน้ำเงินครับ กระดาษรูปนี้จะแข็งๆ และมีตราร้านถ่ายรูป ถ่ายที่สามชุกครับ ร้านจิตกร ครับผม. ระวังปลอมด้วยนะครับ มีปลอมทั้งรูปนี้ และปลอมทั้งรูปครึ่งองค์นะครับ เพราะรูปครึ่งองค์ จะมียันต์ด้านหลังเช่นกัน กระดาษก็แข็งเหมือนกันครับ ส่วนด้านหลัง เป็นยันต์หมึกดำครับ และ มีชื่อร้านเหมือนที่บอกนะครับ ใจเย็นๆค่อยๆดูกันไปนะครับ ไม่เห็นของจริง ก็อย่าพึ่งอยากได้นะครับ เพราะมีปลอมครับ และปลอมมากด้วยครับ
     
  18. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    เรื่องรูปขอชี้แจงดังนี้นะคับ รูปที่ออกรุ่นเก่าผมขอบอกเลยว่าฟิล์มไม่ได้อยู่ที่หลวงปู่ แต่อยู่ที่คนทำมาถวาย รูปจะเป็นขาวดำ มีปั้มหมึกชื่อวัด แล้วก็ชื่อหลวงพ่อ มีปั้มนูนร้านด้วย ถามว่าเคยมีทำออกมารึป่าว บอกได้ว่ามี แต่เป็นลูกศิษย์ทำมาให้นานแล้ว แต่คาดว่าน่าจะมีเยอะด้วย แต่ถวายมาไม่มากนัก ผมจึงไม่สนับสนุน เพราะฟิล์มไม่ได้อยู่ที่หลวงพ่อ เค้าทำมาให้ไม่มาก รูปที่ออกมาถ้าทันควรมีรอยจาร และปรอทจะออกมา รวมทั้งรูปน่าจะเหลืองเก่า ถ้าใหม่ขาวบอกได้ว่าแท้แน่แต่ทันเสกหรือไม่ อันนี้ตอบไม่ได้ให้ระวังไว้ ทางที่ดีเล่นที่มีตอกโค๊ต หรือได้ไปตอนแจกพร้อมวัตถุมงคลจะดีที่สุด เพราะทันเสกทุกใบ แถมฟรีด้วย

    ถ้าใครอยากได้ที่ผมเป็นขนาดห้อยคอเล็ก ทำไว้ใช้เอง ไม่ทันหลวงปู่เสกด้วยกายเนื้อ แต่เสกแน่นอนตามสายวิชาของหลวงปู่ ใครอยากได้ก็ส่งซองมารับเองนะคับหลังไมค์มา
     
  19. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    [​IMG]

    สีผึ้งทิ้งทวน สีผึ้งนี้ทำการหุงและกวนในฤกษ์สำคัญ ซึ่งได้ลงภาพให้ชมไปแล้ว และได้ผ่านการปลุกเสกเรื่อยมา จนพิธีสุดท้ายคือเข้าพิธีบวงสรวงในวันไหว้ครู 2556 ที่ผ่านมา จากนั้นจึงได้ทำการแจกจ่ายออกไป โดยใครที่อยากได้มารับได้ฟรีๆ เอาแค่ตลับมาเอง แล้วอาจารย์จะตักสีผึ้งให้พร้อมทั้งประสิทธิ์ให้อีกครั้ง สีผึ้งนี้ได้กล่าวไปแล้วในช่วงต้น แต่ก็จะนำมาเล่าใหม่ เมื่อถึงฤกษ์สำคัญ(ขออนุญาตไม่บอกนะคับ) ก็ได้ทำการกวนโดยใช้หญิงสาวที่เกิด และมีฉโลกตรงตามตำราเป็นผู้กวน มีส่วนผสมของขี้ผึ้งแท้ปั้นเป็นรูปต่างๆ ตามตำรา จากนั้นทำการปลุกเสกเรียกนาม เรียกอาการให้บังเกิดเป็นตัวตนเสียก่อน จากนั้นนำมาทำการหุงด้วยฟืนไม้มงคลทั้ง ๙ ประการ นอกจากขี้ผึ้งที่ปั้นเป็นรุปต่างๆ แล้ว ยังนำขี้ผึ้งบางส่วนมาแผ่ และลงยันต์ทางเสน่ห์ เมตตาที่แตกต่างกัน จากนั้นผสมด้วยน้ำมันว่านเสน่ห์ น้ำมันเสน่ห์ น้ำมันนี้ที่เป็นสำคัญใส่ลงไปจะมีน้ำมันว่านเสน่ห์หุงไว้แต่ครั้งหลวงพ่อกวย น้ำมัน ๙ นะของหลวงพ่อกวย น้ำมันว่านเสน่ห์ของหลวงปู่ตี๋ที่ได้หุงทิ้งไว้ ผสมชานหมากหลวงปู่ละมัย ที่คายออกจากปากให้อาจารย์เพียงคนเดียวในวันนั้น ผงพุทธคุณ ผงวิเศษจำนวนหนึ่ง และสุดท้ายใส่ผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่แท้ๆ ลงไปด้วย เมื่อหุงจนขี้ผึ้งทั้งหมดละลายดีแล้วยกออกจากไฟ ทิ้งให้เย็น พร้อมทั้งบริกรรมคาถาทางเสน่ห์ลงไปแบบเต็มสูตร เนื่องจากอาจารย์ยังเป็นฆราวาสจึงสามรถอัดคาถาบางอย่างลงไปได้ด้วย ในระหว่างสวดเสกก็อัญเชิญครูบาอาจารย์แต่ละท่านลงมาประสิทธิ์ให้อีกด้วย ท่านที่เคยมาเข้าพิธีจะทราบดีเวลาครูบาอาจารย์มาจะเกิดนิมิต หรือปรากฎการณ์แปลกๆ เสมอ

    เมื่อเสร็จตามตำราแล้ว ก็ได้ทำการแจกจ่ายออกไปโดยไม่ได้คิดมูลค่าแต่อย่างใด เพียงแค่เอาตลับมาขอก็พอ ช่วงนี้สีผึ้งนี้กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากเนื่องจากหุง และใส่มวลสารกันเต็มๆ ไม่มีหวง และแจกเพื่อเผยแพร่ออกไป เรียกว่ารุ่นทิ้งทวน ก่อนที่อาจารย์ท่านจะบวช ซึ่งเมื่อบวชแล้วก็คงจะไม่ทำการกวนด้วยตัวเองอีก และคาถาปลุกเสกบางประการก็คงงดไป
     
  20. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    สาธุ..กราบระลึกพระคุณหลวงปู่

    ทันได้กราบหลวงปู่ 1 วาระเป็นบุญยิ่งแล้ว
    หลวงปู่เมตตาอธิฐานผงพระและสีผึ้งไว้เป็นอนุสรณ์
    เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ลูกหลานในภายหน้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...