ปรารถนาพิสูจน์ตัวตนที่ดำรงอยู่ในขันธ์ มีรูปเป็นแบบใด (มาได้เลย ชยุต)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย phudit999, 22 กรกฎาคม 2013.

  1. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ให้

    1. ยืนตัวตรงและหลับตา กางแขนออกเป็นรูปตัว ที
    2. ให้ระลึกรู้ภายในใจ (ไม่ใช่มองหรือเพ่งที่เปลือกตา)
    3. หมุนทวนเข็มนาฬิกา ให้หมุนช้าๆ เรื่อย ๆ จนกว่ามีคำตอบเกิดภาพในใจ (บางคนสามารถมองเห็นได้เลย ตั้งแต่ รอบที่ 3)
    4. หากกายในมีกายทิพย์ จะเห็นเป็นสีขาว และหากมีเฉพาะกายพลังงานจะเห็นเป็นสีฟ้า (คล้ายไฟแก๊สหุงต้ม)
    5. หากใครเห็นเป็นรูปร่างอย่างไร หมายถึง คือ กายในของตนเองที่อยู่ในขันธ์ และควบคุมระบบทั้งหมดอยู่ และ เมื่อเห็นเป็นรูปร่างอย่างไร อนาคตหลังความตาย ก็จะเป็นตามรูปที่เห็น

    หมายเหตุ ผู้ที่จะทดสอบจะต้องปลดเครื่องรางของขลังออกจากร่างกายให้หมดก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  2. love_evol

    love_evol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +87
    ขอบคุณ คุณphudit999นะคะที่กรุณาตอบสิ่งที่สงสัย
    จะลองดูค่ะ ...ตอนได้อยู่คนเดียวเงียบๆ...

    เชื่อว่ามีอีกหลายคน เข้ามาพิสูจน์ตัวตนโดยวิธีนี้ และ คงได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอีกหลายคนทีเดียว...ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
     
  3. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    เราจะตามมาอ่านเป็นกำลังใจ
    และก็จะไม่ไปต่อความที่กระทู้เก่าละนะ...

    ขอแสดงความยินดีกับความกล้าหาญของคุณ...
    มันต้องอย่างนี้ซินะ
    จึงเรียกว่า "นักรบผู้กล้า"...
    ถูกใจจริง ๆ...


    เราขอมอบภาพนี้ในวันเปิดร้าน(กระทู้)ของคุณเอง
    เพื่อแสดงความเป็นมิตรภาพต่อกันทั้งวันนี้และวันข้างหน้า...
    (ภาพนี้เรากดเองซะด้วยนะนี่)

    โชคดีนะ... คุณphudit999...คุณเป็นไทแล้ว...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0168.JPG
      IMG_0168.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      108
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ต้องขออภัยด้วยนะครับ ที่ปล่อยให้รอคอยซะนาน
    เพราะว่าผมเพิ่งกลับจากไปทำธุระที่จังหวัดอื่นมาหนะครับ
    และก็..เพิ่งได้เห็นข้อความอะไรต่อมิอะไรเมื่อเช้านี่เอง

    เอาหละครับ..ผมจะพูดเท่าที่จะพูดได้
    เท่าที่สติและปัญญาของตัวเองจะเอื้ออำนวยหนะนะครับ
    เพราะว่าถ้าผมเอาแต่เงียบอยู่ อย่างที่อยากจะทำจริงๆหละก็
    ก็อาจจะดู "ไร้รัก" ไปซะหน่อย เพราะว่าท่านก็ได้กรุณาหยิบยื่นโอกาส
    แห่งการเจริญเติบโตทางด้านจิตวิญญาณให้ผมแล้ว
    ผมก็ควรจะแสดงออกถึงความรู้สึกอะไรบ้างถึงจะถูก ใช่ไหมหละครับ

    ผมไม่ได้กำลังพูดประชดท่านอยู่หรอกนะครับ
    เพราะว่าผมไม่ได้กำลังคิดอย่างนั้นอยู่
    และรวมถึง คุณพี่อจิตตะก็มีความคิดเห็นตรงกันกับผมด้วยว่า
    ท่าน phudit999 กำลังยิบยื่นโอกาสอะไรบางอย่างให้เธออยู่นะชยุต
    ดังนั้น เธอจงใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์กับตัวเองนะ อะไรแบบนั้นหนะครับ
    ซึ่งไม่ว่าท่านจะเชื่อที่ผมกล่าวมานี้หรือไม่ก็ตาม
    แต่นี่แหละคือสิ่งที่พวกเราคุยกันหลังไมค์หละครับ

    ผมพูดเอาไว้เสมอ และ ตลอดเวลา ในทุกๆกระทู้ที่ผมโพสต์ไปว่า
    ผมเป็นแต่เพียงผู้ที่แปลข้อมูลเขามา แล้วเอามาแบ่งปันให้ทุกๆท่าน
    ได้อ่านด้วยเท่านั้นเอง หาเป็นเจ้าของข้อมูลแต่อย่างใดไม่

    และที่สำคัญที่สุดก็คือ ผมก็เป็นแค่นักเรียนคนหนึ่ง
    เหมือนๆกับผู้อ่านทุกๆท่านหนะแหละ
    เพราะว่าผมก็เพิ่งจะได้รู้ข้อมูลที่ผมแปลและโพสต์ไปนั้นๆ
    ก่อนที่ผู้อ่านจะได้อ่านมัน เมื่อไม่นานนี่เองเหมือนกัน

    ดังนั้น..ผมก็คิดว่า ท่านคงจะทราบแล้วนะครับ
    ว่าท่านควรจะคาดหวังอะไรจากผมได้บ้าง
    ซึ่งหากท่านเป็นอาจารย์สอนธรรมะของสำนักใดสำนักหนึ่งอยู่
    แล้วท่านกำลังจะหาคู่ชกหละก็..ผมว่าท่านกำลังหาคู่ชกผิดคนแล้วหละครับ
    เพราะว่าผมไม่มีอะไรที่คู่ควร หรือ เทียบเคียงกับท่านได้เลย

    เพราะว่าผมไม่เคยรู้สึกว่า และ ไม่เคยบอกว่า ตัวผมเองเป็นผู้รู้
    หรือเป็นเจ้าของข้อมูลที่ผมแปล หรือ เป็นครูบาอาจารย์ของใครเลย
    ผมเพียงแต่เป็นนักอ่านตัวยงคนหนึ่ง ที่ชอบอ่าน และชอบหาคำตอบให้กับตัวเอง
    ดังนั้น สิ่งใดที่ผมไปอ่านเจอมา แล้ว เห็นว่าน่าสนใจ และรวมถึง
    เห็นว่า "ตรงใจ" ของตัวเองด้วย ผมก็มักจะแชร์ให้คนอื่นรู้ด้วยเสมอ
    ผมทำแบบนี้มาสิบกว่าปีแล้วหละครับ แต่ในเวปพลังจิตแห่งนี้
    ผมเพิ่งมาทำได้ราวๆ 5 - 6 ปีมานี้เอง

    สิ่งที่ผมได้จากกระทู้จากต่างมิติทั้งหลาย ก็คือ แนวคิดที่อยู่นอกกรอบ
    ของกรอบด้านศาสนา และลัทธิความเชื่อทั้งหลาย
    ซึ่งมันสอดคล้องกับความรู้สึก และ ใจ ของผมเองอย่างมาก
    นั่นคือสาเหตุที่ผมจะขอใช้คำว่า "ผมเลือก" ที่จะเชื่อข้อมูลพวกนี้
    มากพอสมควร บางทีอาจจะมากกว่าข้อมูลจากแหล่งอื่น
    และรวมถึงจากคนอื่นๆซะด้วยซ้ำไป

    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้อความจากต่างมิติพวกนี้
    จะแตกต่างจากคำสอนของบางศาสนาโดยสิ้นเชิงทุกเรื่องหรอกนะครับ
    เพราะว่าบางเรื่อง ก็เหมือนกัน ส่วนบางเรื่องก็ขยายขอบเขตของศาสนาออกไปอีก
    แต่บางเรื่อง ก็มีเหมือนกันที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงเลยทีเดียว

    และถ้านับถึงวันนี้ ถ้าถามผมว่าผมได้อะไรบ้าง ผมก็จะตอบว่า
    ผมไม่ได้อะไรซักเท่าไหร่เลย แต่ในทางกลับกัน
    ผมสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของผม ที่ผมเคยหวงแหนเป็นนักเป็นหนา
    ไปมากมาย และมากขึ้นทุกวันๆซะด้วยซ้ำไป

    เช่นว่า ความเชื่อที่เหนียวแน่นอยู่กับกรอบความเชื่อด้านศาสนา
    ความเชื่อที่เหนียวแน่นอยู่กับเรื่องที่ว่ามนุษย์อยู่อย่างแบ่งแยกจากกัน
    และแบ่งแยกจากธรรมชาติ และ รวมถึงแบ่งแยกจากทุกสรรพสิ่งด้วย
    สิ่งเหล่านี้แหละ ที่ผมกำลังสูญเสียมันไปมากขึ้นทุกวันๆอยู่

    และนอกจากนี้ มุมมองของชีวิตของผมก็เปลี่ยนไป
    จนอาจจะเรียกได้ว่า ตอนนี้ผมกำลังสูญเสียความเชื่อนี้ไปมากขึ้นๆทุกวันเสียแล้ว
    ซึ่งก็คือความเชื่อที่ว่า มนุษย์เราเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม
    หรือเกิดมาเพราะมีบาปกรรมอันชั่วช้าติดตัวมาตั้งแต่เกิด
    ดังนั้น จึงต้องมาชดใช้กรรม และมาทุกข์ทรมาน อย่างที่เป็นอยู่นี้

    เพราะว่าผมกลับมีความเชื่อใหม่ที่ว่า มนุษย์เราเกิดมา เพื่อมาเรียนรู้
    และมาวิวัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณของตัวเอง ให้ยิ่งๆขึ้นไป
    เพื่อค้นหาตัวเองให้เจอ เพื่อเข้าถึงจิตเดิมแท้
    หรือ แก่นแท้อันบริสุทธิ์ของตัวเองให้ได้ เพื่อกลับคืนไปสู่ที่ๆตัวเองจากมาให้ได้

    และผมก็มีความเชื่อใหม่ขึ้นมาอีกว่า แก่นแท้ดั้งเดิม
    หรือ จิตเดิมแท้ของมนุษย์เรานั้น ล้วนบริสุทธิ์และประภัสสร
    ล้วนมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน ที่สูงส่งและดีงามเหมือนกันหมด
    ดังนั้น จึงหามีผู้ใดไม่ ที่จะต่ำต้อยด้อยค่าไปกว่าคนอื่นๆ

    เพียงแต่ว่า ในภพชาตินั้นๆ ที่เราเห็นว่าผู้คนแตกต่างกันนั้น
    มันเป็นเพียงเพราะว่าเหตุปัจจัยที่พวกเขาเลือกมา หรือ กระทำมา
    แตกต่างกันเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นแล้ว จึงไม่มีใครดีกว่าใคร หรือด้อยกว่าใครเลย
    ในสิ่งที่พวกเขาเลือกที่จะมามีบทเรียนนั้นๆของชีวิตของพวกเขาเอง
    เพื่อวิวัฒนาการด้านจิตวิญญาณของตัวพวกเขาเอง

    และผมก็เลยพลอยมองเห็น "ปัญหาและอุปสรรค" ของชีวิต
    ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปด้วย ว่ามันคือบทเรียน และ บททดสอบ
    ที่ตัวเราเองได้เลือกมาเอง เพื่อใช้เป็นบันได
    ไต่สู่ระดับวิวัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณที่สูงขึ้นของตัวเราเอง เท่านั้นเอง

    ดังนั้น ผมเลยพลอยสูญเสีย อาการตัดพ้อต่อว่า และการเอาแต่โทษฟ้า-โทษดิน
    และโทษโชคชะตาของตัวเอง ที่ทำให้ชีวิตของตัวเอง
    ต้องมาเจอกับปัญหาอุปสรรคเหล่านี้ ไปซะแล้วด้วย

    และนอกจากนี้ ผมยังสูญเสียความเชื่อที่ว่า ตัวผมเองคือร่างกายเนื้อนี้ไปอีกด้วย
    เพราะว่าผมเชื่อว่า มนุษย์เราทุกๆคน ไม่ยกเว้นใครเลย บนโลกใบนี้
    รวมถึงท่าน phudit999 ด้วยนะครับ ล้วนไม่มีใครเป็นมนุษย์โลกเลย
    เพราะว่าแท้ที่จริงแล้ว พวกเราทุกๆคน คือ "จิตวิญญาณ"
    ที่กำลังอยู่ในร่างกายเนื้อของ "มนุษย์โลก" เหมือนๆกันหมด
    เพราะว่าแก่นแท้ของพวกเราทุกๆคน คือ จิตวิญญาณ นั่นเอง
    หาใช่ร่างกายเนื้อนี้ไม่ และ เพราะฉะนั้นแล้ว ร่างกายเนื้อนี้
    จึงเป็นเสมือน "ยานพาหนะ" อันหนึ่ง
    ที่เราใช้เพื่อเดินทางไปมาบนโลกใบนี้ ชั่วคราว เท่านั้นเอง

    และจิตวิญญาณก็คือพลังงาน ดังนั้น แก่แท้ของสรรพสิ่งก็คือพลังงาน
    หาใช่วัตถุธาตุทางกายภาพที่เราเห็นอยู่นี้ไม่

    มันยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ผมกำลังค่อยๆสูญเสียไปอยู่นี้
    แต่ผมขอเว้นเอาไว้แค่นี้ก่อนนะครับ เพราะว่าพูดมาค่อนข้างยาวแล้ว

    และประเด็นต่อไปที่อยากจะพูดถึงอีกก็คือ ข้อความจากต่างมิติเหล่านี้
    สอนวิธีปฏิบัติอะไรให้พวกเราผู้อ่านบ้าง..เพราะว่าคิดว่าหลายคน
    คงอยากจะให้สรุปให้ฟังหน่อย..ใช่ไหมหละครับ

    สิ่งที่พวกเขาเน้นก็คือ การยกระดับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของตัวเราเองให่สูงขึ้น
    ด้วยความเข้าใจในชีวิต เข้าใจ "สัจธรรมในระดับจักรวาล"
    ไม่ใช่สัจธรรมในระดับศาสนา และ ด้วยความเข้าใจอันนี้
    ก็จะทำให้เราสามารถ

    "รัก-ยอมรับ และ ให้อภัย
    ทั้งตัวเราเองและผู้อื่น
    ได้อย่างไม่มีเงื่อนไข"


    ซึ่งแน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมกล่าวถึงมาตั้งแต่นั้น
    มันต้องอาศัยเวลา มันต้องอาศัยการฝึกฝนด้วย
    ไม่มีอะไรที่จะได้มาฟรีๆ และเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียวหรอกนะครับ

    และประกอบกันนี้ เมื่อเรารู้แล้ว และ เข้าใจแล้วว่า
    ตัวตนที่แท้จริงของเรา หาใช่ร่างกายเนื้อของมนุษย์โลกนี้แต่อย่างใดไม่
    ดังนั้น เราก็จะเข้าใจต่อไปได้อีกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังมีอยู่-เป็นอยู่
    บนโลกใบนี้ ล้วนเป็นมายาการของมิติที่ 3 ด้วยกันทั้งสิ้น
    ดังนั้น พวกเขาจึงบอกเราว่า ให้มีปฏิสัมพันธ์ หรือ ให้มองทุกสิ่งทุกอย่าง
    ด้วยใจที่เป็นอุเบกขา ด้วยการไม่ไปยึดติดกับมัน เพราะว่ามันคือบทละคร
    เพราะว่ามันคือมายาการ เพราะว่ามันไม่ใช่ของจริง

    ดังนั้น สิ่งที่เราจะต้องฝึกก็คือ การมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยใจที่เป็นกลาง
    ไม่ไปเที่ยวตัดสินชี้ถูกผิดให้แก่สิ่งใด หรือ แก่ใคร
    เพราะว่าสิ่งนั้นๆ ความจริงแล้ว มันอาจจะไม่ได้เป็น
    อย่างที่มันปรากฎให้เราเห็นอยู่นี้ก็ได้ เพราะว่าม่านพรางของมิติที่ 3
    บดบังความตระหนักรู้ของเราอยู่นั่นเอง

    และนี่ก็อีกนั่นแหละครับ มันต้องอาศัยการฝึกฝนเช่นเดียวกัน
    เพราะว่ามนุษย์เราส่วนมาก ก็จะคุ้นเคยกับนิสัยสันดานแห่งการตัดสินแบบนี้
    มาช้านานหลายภพหลายชาติแล้ว ดังนั้น นี่จึงเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง
    ที่ผมเอง ซึ่งเป็นนักเรียนคนหนึ่ง ก็กำลังเรียนรู้และฝึกฝนตัวเองอยู่เช่นกัน
    และก็ยังทำไม่ได้ดีเท่าไหร่นักด้วย มีล้มลุกคลุกคลานอยู่สารพัด
    ซึ่งผมก็ได้เล่าเอาไว้ในกระทู้ต่างๆที่ผมโพสต์ไปแล้วนั้น มาโดยตลอด
    ไม่ได้ปกปิดอะไรเลย เพราะว่าความล้มเหลวในการเรียน และ การสอบ
    ของนักเรียนคนหนึ่งนั้น มันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด
    หรือ ใหญ่โตอะไร สำหรับผมเลย เพราะผมมองเห็นว่า
    มันน่าจะเป็นเรื่องสนุกและตลกซะด้วยซ้ำไป
    ที่นักเรียนคนหนึ่งจะนำเอาเรื่องการสอบตกของตัวเอง
    มาเล่าให้เพื่อนนักเรียนคนอื่นๆฟัง

    โอ..ตอนนี้นึกไม่ออกครับ ว่าควรจะเล่าประเด็นไหนให้ฟังต่อดี
    แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะว่าช่วงนี้ผมยังมีเวลาอยู่อีก 1 คืน
    ก่อนที่พรุ่งนี้เช้าจะเดินทางกลับไทยไปเข้าศูนย์วิปัสสนาราวๆ 11 วัน
    ผมไปเกือบทุกปีนั่นแหละครับ แล้วก็ ผมก็นั่งสมาธิเกือบทุกวันนั่นแหละครับ
    ทำมาก็สิบกว่าปีแล้วเหมือนกัน เพราะว่าต่างมิติก็ขอให้เราทำเช่นนั้นเหมือนกัน

    เพราะว่าในการรับรู้ในขณะที่คลื่นสมองของเราอยู่ในระดับเบต้านั้น (ภาวะปกติ)
    เราจะไม่สามารถรับรู้ถึงมิติอื่นๆได้ และไม่สามารถเปิดการใช้งานของสมอง
    และ DNA ของตัวเราเองได้มากเท่าที่ควร ดังนั้น วิธีเดียวที่เราจะทำได้ก็คือ
    การเปลี่ยนคลื่นสมองของเราให้ไปอยู่ในระดับที่สูงขึ้น
    คือ นับตั้งแต่ระดับแอลฟ่า เป็นต้นไป จนถึง ธีต้า, เดลต้า โน่นแหละครับ

    ซึ่งวิธีการเปลี่ยนระดับความถี่ของคลื่นสมองของเรา
    ก็คือการทำสมาธิแบบใดแบบหนึ่งนั่นเอง
    ไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับวิธีการ ขอให้ได้ผลแบบเดียวกันนี้เป็นใช้ได้


    นอกจากนี้ พวกเขายังสนับสนุนให้เราทำสมาธิ
    เพื่อชำระสะสางสนามพลังงานออร่าของเราเองทุกๆวันด้วย
    เพื่อให้การไหลเวียนของพลังงานเข้า และ ออกจาก "ระบบกายต่างๆของเรา"
    เป็นไปได้อย่างสะดวก และ ราบรื่น ไม่มีสิ่งอุดตันมากจนเกินไป
    เพื่อให้สติและสัมปชัญญะของเรา สามารถทำให้
    กาย-จิตใจและจิตวิญญาณของเรา อยู่ในสภาวะที่สมดุลกันได้

    โอ..มันมีคำอธิบายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้อยู่มากมาย
    และหลายแง่หลายมุมด้วยนะครับ ซึ่งออกแนววิทยาศาสตร์ซะมากกว่า
    ซึ่งหลายท่านก็อาจจะชอบ แต่หลายท่านก็อาจจะไม่ชอบใจก็ได้

    แต่ก็เอาเป็นว่า แม้ว่าสิ่งใดที่ผมยังไม่ได้กล่าวถึงในนี้ก็ตาม
    แต่มันจะประมาณว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะต้องกลัว
    ไม่มีสิ่งใดที่จะอยู่อย่างแยกขาดจากกัน โดยไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งอื่นๆเลย
    มันจะออกแนวๆว่า พออธิบายถึงเรื่องนี้ มันก็โยงถึงเรื่องอื่นๆด้วย
    อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วก็ สิ่งที่อัศจรรย์มากที่สุดก็คือ

    "ถ้าท่านนำเอาข้อความจากต่างมิติทั้งหมด
    ไม่ว่าจะมาจากรูปธรรมชีวิตไหนก็ตาม
    หรือสื่อสารมาจากประเทศไหน หรือปีไหนก็ตาม
    มาปะติดปะต่อกันแล้ว ท่านก็จะได้เนื่อหาที่ตรงกัน
    หรือไม่ก็สอดคล้องกัน หรือไม่ก็ต่อเนื่องกันเสมอ"


    จนโดยส่วนตัวผมแล้ว ผมยังรู้สึกทึ่งกับข้อความพวกนี้อยู่เลย
    ว่ามันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร แม้ว่าบางเรื่อง มันจะดูเป็นนิยายเหลือเกินก็ตาม
    แต่พวกเขาก็พูดเอาไว้ตรงกันทั้งหมด เช่น เรื่องการไร้กาลเวลเป็นต้น

    เอาหละนะครับ..ค่อยๆคุยกันไป เท่าที่โอกาสจะอำนวย
    ก็ถือซะว่า มันถึงเวลา ที่พวกเราจะต้องมาทบทวน และ ประมวนบทเรียน-ความรู้
    ที่พวกเราได้เรียนรู้กันมาจากที่ต่างๆกัน ตลอดทั้งเทอมนี้กันแล้ว ก็แล้วกันนะครับ

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    คำบรรยายภาพ:

    มีคนถามพระพุทธองค์ว่า
    "ท่านได้อะไรจากการทำสมาธิบ้าง"
    พระองค์ตอบว่า:

    "ไม่ได้อะไรเลย..

    ..แต่ดูก่อน..เราอยากจะบอกท่านว่า..
    เราได้สูญเสียสิ่งเหล่านี้ไปต่างหาก

    นั่นคือ ความโกรธ, ความวิตกกังวล
    ความหดหู่ซึมเซา, ความรู้สึกไม่ปลอดภัย,
    ความกลัวแก่ และ กลัวตาย"

    ...................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2013
  5. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ตามสบายครับ อยากทำอะไรก่ ทำ แต่จะขอเตือนไว้ว่า

    ต่างเผ่าพันธ์ เขาจะไม่ยุ่งกับเผ่าพันธ์อื่น ด้านการพัฒนาตนเอง

    ------------------------------------------------------

    ยังมีอีก 3 ตนที่ถูกจำลองมา คือ ยังมีโอกาส เหลือ อีก 2 ครั้ง

    ------------------------------------------------------
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2013
  6. Revealed

    Revealed Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +92
    เคยเห็นร่างซ้อนของตัวเอง

    เราทดลองทำเรื่องนี้

    เราคิดว่า มนุษย์เรา เหมือนมีร่างซ้อนอยู่

    คือ

    1. กายเนื้อ

    2. กายที่เป็นเหมือนวิญญาณ (รูปร่างหน้าตาจะเหมือนเรา)

    3. ที่อยู่ข้างในสุด ลึกลงไปเป็นอีกชั้นหนึ่ง เป็น สติสัมปชัญญะ ที่ไม่มีรูปร่าง

    ถ้าเราแยกสติออกมาได้ เราจะสามารถกำหนดให้ร่างเราเป็นอย่างไรก็ได้ หรือจะไม่มีร่างเลยก็ได้ (เป็นแค่ตัวรู้ รับรู้สิ่งต่างๆ แต่ไม่มีร่างกาย ไม่มีวิญญาณด้วย)

    เราเห็นการแยกส่วนของ 3 สิ่งนี้

    แต่ละเอียดกว่านี้ ทำไม่ได้แล้ว --'

    ---

    คนที่ตายไปแล้ว ส่วนใหญ่จะทิ้งแค่กายเนื้อไป แต่ยังมีกายที่โปร่งใส เหมือนวิญญาณ

    ไม่รู้จะเรียกอะไร ไม่รู้คำศัพท์ แต่ขอเรียกว่า วิญญาณ ก็ได้แล้วกัน

    วิญญาณกับจิต ก็เป็นคนละอย่างกัน

    จิตจะเป็นสิ่งที่ลึกและละเอียด ซ้อนอยู่ในวิญญาณอีกทีหนึ่ง

    และวิญญาณของเรา มักจะผูกอยู่กับกายเนื้อ ถ้าเราจะเจ็บป่วย หรือตาย ถ้าเรามองเห็นวิญญาณได้ เราจะเห็นอาการพวกนั้นหมดเลย เพราะจุดที่เซลตายหรือเสื่อมสภาพ สีของวิญญาณบริเวณนั้นก็จะเปลี่ยนไปเป็นสีทึบๆมืดๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2013
  7. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    น่าสนใจในเรื่องการไร้กาลเวลา ส่วนตัวมีความเชื่อเรื่องพวกนี้เพราะเคยพบเจอกับตัวเองแบบบังเอิญ ซึ่งบางครั้งไม่น่าจะบังเอิญ แต่หาเหตุผลมาอธิบายทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้จริงๆ
     
  8. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ตรวจสอบด้วยความว่างของตนเอง ว่าง ก่ หมายถึง ระลึกรู้ในใจ

    สัมผัสรู้ด้วยใจ
     
  9. yaya12

    yaya12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +182
    รบกวนถามคุณ phudit999 พระผู้สร้างที่ท่านกล่าวถึง มีพระนามเต็มว่าอะไรค่ะ
     
  10. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ผู้สร้างมีหลายระดับ (และนามก่ ไม่จำเป็นต้องรู้ ล่ะครับ)

    เพราะปกติการจะรู้คือ รู้ในภาระกิจ หรือความรับผิดชอบของผู้สร้าง

    คือ สร้างอะไร ..... สร้างโลก สร้างมนุษย์ สร้างอะไร อีกมาก

    แล้วแต่ผู้ที่ให้กำเนิด จะกำหนดมาว่า ผู้สร้างเหล่านั้นสร้างอะไร

    ดังนั้น มนุษย์ ก่ รู้เพียงว่า มีผู้สร้าง เท่านั้นก่ พอ

    ศาสนาบางศาสนา กำหนดว่าผู้สร้าง เป็นอจินไตย

    นั้นก่ ถือว่าเป็นการปิดบัง ตาของ มนุษย์ด้วยกัน มิให้ศึกษา

    มิให้น้อมนำ ... เพื่อการระลึกถึง ผู้ให้กำเนิดที่แท้จริง

    ถามว่า ผิด ไหมล่ะ ตอบได้เลย ว่า ผิด เต็ม ประตู

    เพราะว่า เสมือนว่าเป็นผู้ไม่ระลึกถึงผู้ที่มีพระคุณต้องการกำเนิดมนุษย์
     
  11. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    และองค์ที่ให้กำเนิดมนุษย์ ให้แพร่หลาย และหลายมิติ และหลายเผ่าพันธ์

    และเป็นองค์แทนสูงสุด

    ในการดำรงในฐานะผู้นำของเผ่าพันธ์

    จะเรียกว่า องค์อวโลกิเตศวร

    องค์อวโลกิเตศวร ไม่ใช่องค์โพธิสัตว์ ตามที่เข้าใจกัน

    แต่ องค์ฯ ท่านเป็นผู้ให้กำเนิด หรือแบ่งธาตุ ขององค์

    กำเนิดเป็นธาตุ ให้เกิดเป็นเผ่าพันธ์ แต่ละเผ่าพันธ์

    ความแตกต่างจะเกิดจากสภาพแวดล้อมของแต่ละเผ่าพันธ์

    แต่ในธาตุแบ่ง เหล่านั้น จะมี เพียง ผู้นำ เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่

    ถูกเลือก และมี ญาณ ของ องค์อวโลกิเตศวร จะเป็นผู้กำกับดูแล

    ธาตุ เหล่านั้น จะมีความรู้สึก นึกคิด ... ธาตุที่มีความรู้สึกนึกคิด

    ที่โดดเด่นที่สุด จึงจะได้รับเลือก

    (หากปรารถนารู้ว่าเป็นอย่างไร ก่ ศึกษา เรื่อง สเปริม์ ตัวแรกที่แหวกว่าย

    ไปยังไข่ ก่ จะรู้ชัดเจน) คือ ผู้ที่สมบูรณ์ที่สุด จึงจะถูกเลือกให้เป็นผู้นำ

    ทุกธาตุ มีสิทธิ์ เหมือนกันหมด .... และเมื่อถูกเลือกแล้ว ก่ จะมีเพียงหนึ่งเดียว ตลอดกาล
     
  12. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ศักดิ์สูงยิ่งกว่า องค์อวโลกิเตศวร ขึ้นไป มีนับได้ เพียง 1 องค์เท่านั้น (ห้วงเวลาก่อนนานมาแล้ว)
     
  13. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    ขอถามคุณ phudit999 สั้นๆค่ะ (ต้องการแค่คำตอบของคุณอย่างเดียว ไม่ต้องการอะไรอื่นนอกจากนี้)

    คำถาม : คำสอนรวมถึงวิธีปฏบัติ ของพระพุทธเจ้า หรือพระตถาคต หรือพระศาสดาองค์ปัจจุบันในพระพุทธศาสนาเป็นทางที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตุใด ?



    ***ช่วยตอบแบบสั้นๆเข้าใจง่ายๆ นะคะ เพื่อสะดวกในการพิจารณาค่ะ

    ขอบพระคุณอย่างสูง (ล่วงหน้าค่ะ) ^ ^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กรกฎาคม 2013
  14. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ก่ะ จะให้ กระทู้ถูกปิดเลยหรือครับ

    เล่นก่ ให้เล่นพอเหมาะครับ

    เอาเป็นว่า มีแนวทางที่จะดับทุกข์ ที่ไม่อยู่ในแนว
    ของศาสนาพุทธ (เป็นอย่างนี้ดีกว่า) ยังมีทางอื่นอีก ที่สะดวกกว่า

    เรื่องอะไรจะให้ผมไปวิจารณ์ ในพุทธศาสนาล่ะครับ

    เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ พระผู้สร้าง องค์พระอวโลกิเตศวร องค์พระอมิตาภา องค์พระมารดาแห่งโลก

    เพราะ บุคคลเหล่านี้ จักอยู่ในมิติของความว่าง นมนานมาแล้ว หากนอบน้อมให้ถุกต้อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2013
  15. yaya12

    yaya12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +182
    ขอบคุณที่ตอบคำถามน่ะค่ะ !!! เพราะว่าคนเราจะศรัทธาอะไรสักอย่างอาจจะเริ่มจากอะไรบางอย่างและมีสายใยกัน และความศรัทธาจะเพิ่มมากขึ้นถ้าทราบว่าคนที่เราศรัทธาเป็นใครมาจากไหนและมาเพื่อทำอะไร..ฉะนั้นบุคคลหนึ่งคนมีความคิดที่ต่างกันมีความชอบที่ต่างกัน ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูกเพราะแต่คนรับข้อมูลมาต่างกัน ความจริง เราไม่มีสิทธิ์ตำหนิใครด้วยซ้ำไป..อย่าดูถูกความคิดใครแค่เพียงเค้าคิดไม่เหมือนคุณ..!! พูดเสียยาว ... ขอโทษที่รบกวนพื้นที่ แต่ขอบคุณที่ตอบคำถามแม้จะยาวและเข้าใจยากเสียหน่อย
    แต่ถ้าหากคุณใช้คำพูดที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายไม่ต้องแปลอีก จะดีกว่านี้อีกเยอะ เพราะดูจากที่คุณเขียนและตอบโต้คนอื่นแสดงว่าคุณก็คงหนึ่งในตองอู..ผิดถูกอย่างไรข้าน้อยขออภัย
     
  16. tsunekawa

    tsunekawa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +9
    จริงๆก็ไม่ได้เข้าใจอะไรยากหรอกครับ เพียงแต่ว่าพื้นที่หลายจุดก็มีคลื่นกระทบที่แตกต่างออกไป มนุษย์ก็เหมือนเป็นกล่องรับสัญญาณชนิดหนึ่งเมื่ออยู่ในกลุ่มคนที่ดีก็จะดีตาม เมื่ออยู่กลุ่มคนที่ไม่ดีก็จะไม่ดีตาม ฉะนั้นบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นคลื่นดีหรือไม่ดีก็จะส่งผลทำให้ความคิดเราผิดเพี้ยนไป จึงทำให้เกิดความคิดปรุงแต่งหรือความคิดแปลกๆ ที่บิดเบือนความเข้าใจอะไรบางอย่างของเราไป ท่านก็เพียงลองใช้ใจสัมผัสดู ใช้ใจในการพิจารณาดูละกันครับ
     
  17. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    แตกต่างก่ ไม่เป็นไรครับ แต่ หากให้หลงทางก่ต้องเตือนกันหน่อย ก่ เท่านั้น
    ซึ่งได้พยายามชี้ข้อพิสูจน์จาก กระทู้แรกๆ เพื่อไปปฏิบัติ ก่ จะเห็นเอง
    หากไม่ไปปฏิบัติ ก่ ไม่เห็น เมื่อไม่เห็น ก่ มีข้อโต้แย้งมา ก่ เป็นธรรมดา
    ของท่านชยุต
     
  18. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    บอกตรงๆ ครับ ไม่เชื่อ
     
  19. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ไม่ต้องเป็นหนึ่งในตองอู ล่ะครับ ก่ นำข้อปฏิบัติในกระทู้ที่ 1 นำไปปฏิบัติ
    ดูเมื่อเห็น ก่ รู้เองครับ

    มันไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก

    โต้แย้งไปก่ ไม่จบดอก เพราะว่า ยังไม่ปฏิบัติ

    กล้วจะเห็นภาพอันน่ากลัว หรือครับ

    สิ่งที่แนะนำ ก่ ไม่ต้องสวดมนต์

    สิ่งที่แนะนำ ก่ ไม่ต้องมากพิธีอะไร

    ทำตามธรรมดา ง่ายๆ พิสูจน์หรือยัง
     
  20. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ก่ดีครับบันทึกไว้
    จะได้ไม่เหนื่อย

    แต่เมื่อกลับมาอ่านแล้ว
    พบว่าตนเองไม่สบาย หมายความว่า
    ผมได้เปิดกรรมให้ เป็นบริการฟรี
    เพื่อให้ท่านได้เชื่อว่า มนุษย์ มีตัวตน ในอดีตจริง

    เป็นกรณีศึกษา โดยอย่างไร
    จะมีญาติในอดีตที่มีตรมบาป ไปฝากขังไว้ใน
    กายขันธ์ ของผู้ท้าทดลอง แล้วกายเนื้อ ก่ จะได้รับความรู้สึก
    จากญาติ เองครับ

    ไม่ต้องตกใจ เมื่อกายเนื้อ ตายไป ญาติที่ฝากขังไว้
    ที่กายเนื้อ ก่ จะได้รับย้ายกลับ ที่ที่มาเอง ไม่ต้องห่วงแต่ประการใด

    เอาเป็นว่า หากมีอาการแปลกๆ ก่ ไม่ต้องตกใจน่ะครับ ให้รู้เพียงว่าเป็น บริการจัดส่งให้
    เพื่อส่งเสริมความรู้ ครับ

    ===========================================

    ถามว่า สิ่งที่ผมส่งเสริมความรู้ แบบนี้ จะบาปมั๊ยสำหรับผม

    ตอบได้เลย ว่า ไม่มีบาปอะไร เพราะว่าเจตนาดี เพื่อให้ผู้ท้าเรียนรู้สิ่งที่เป็นจริง

    เพื่อที่จะได้ หมดความสงสัย ความไม่รู้ออกจากตนเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...