ปรารถนาพิสูจน์ตัวตนที่ดำรงอยู่ในขันธ์ มีรูปเป็นแบบใด (มาได้เลย ชยุต)

ออ ยังไม่ได้ประกาศ อะไรเป็นศาสนา

นอก หรือ ใน แตกต่างกันตรงไหน

เมื่อทุกคนต้องมีศีล ต้องรักษาศีล

ต้องรักษาความเป็นปกติของตนเองให้ได้

แต่เมื่อชำระหมดสิ้น ยังต้องรักษา ต่อไป

ขณะนี้ กิจยังไม่เสร็จ ก่ ต้องรักษาศีล

เมื่อกิจ เสร็จ ก่ ต้องรักษาศีล

แล้วเป็นอย่างไร ใน หรือ นอก แตกต่างกันตรงไหน

 

ก่ ปล่อยให้เขาดึงไปเถอะครับ เพื่อเกื้อกูลเผ่าพันธ์เดียวกัน

หากไม่มี ก่ สิ้นชีวิต หรืออ่อนกำลังลงเรื่อย ๆ

เป็นหน้าที่เผ่าพันธ์เดียวกัน

 

สาธุ ค่ะ ^ ^
น่าดีใจแทน พระตถาคต

 

คำสอนทั้งหลายทั้งปวง ล้วนมีไว้ให้ศึกษา ห่วงแต่อ่านตำราหลายๆครั้งแต่ไม่มีการพิจารณาที่แยบคาย การใช้ปัญญาก็เช่นกัน ย่อมควรใช้สติที่ระลึกชอบพิจารณาตามความเป็นจริง สติที่อยู่กับปัจจุบันพิจารณาตามคำสอนแบบเป็นกลาง เมื่อสติที่ไม่ระลึกชอบแล้วย่อมเกิดการพิจารณาธรรมที่ผิด การพิจารณาก็เช่นกันบางครั้งปัจจุบัน ธรรมชาติเป็นแบบใดก็พิจารณาไปแบบนั้น แม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังตรัสไว้ว่าจงพิจารณาแล้วลองปฏิบัติจริงๆเสียก่อน เป็นไปตามปัจจุบัน ก่อนที่ท่านทั้งหลายจะเชื่อในตถาคต มิใช่หรือ กรรมใดที่เคยสร้างไว้ในธรรมชาติ ก็เหมือนของเสียที่ตกค้าง ทำไมถึงต้องหนีทั้งๆที่เราก็สามารถแก้ไขได้โดยพึ่งพากัลยาณมิตรหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มิใช่รึ ก็ลองพิจารณาไปทีละบรรทัด

 

นี่ภูดิด แต่ก่อน เพ้อเรื่อง วิญญาณญาติ มาเกะแกะ รุมเร้า ญาติเก่ามาตามกวน
เอาเข้าหน่อย มาบอกว่า ดึงจิตจากนรกมาแก้กรรม
เอาเข้าจริงบอกว่า สามารถเปิดกรรมได้ แต่ไม่ได้แก้
แล้วก็มาหมุนทวนเข็มดูกายใน เพื่อแก้กรรม
เพื่อจะได้ดูว่าใครที่บังคับบัญชากายในของเราอีกที
มาตอนนี้ เป็นมนุษย์ต่างดาว ไปแล้ว
ตกลงภูดิด ยังมีเรื่องอะไร ต่อไปอีกครับ

เพ้อเจ้อ ไปเรื่อย แล้วล่ะ

 

ตกลง ตอนนี้ ผมกลายเป็นไซบอร์กไปซะแล้วหรือครับเนี่ย
ตกลงผมเป็นมนุษย์ หรือ เป็นมนุษย์ต่างดาว หรือ ไซบอร์กครับ ต่อไปจะเป็นอะไรอีกครับ ร่างแสงหรือครับ หรือ อย่างไรอีกครับ น่าสนใจนะครับ
ในสิ่งที่พวกคุณ มองเห็น จากดูคนอื่น ดูผม แล้ว ก็ เพ้อเจ้อ ไปเรื่อย

 

เชื่อมั้ย ถ้าผมจะบอกว่า ที่คุณพูดมาแบบนี้ก็เพราะ คุณ ไม่เคยเข้านิพพานเลย ไม่รู้ว่านิพพานคืออะไร คุณเลยพูดได้แค่นี้ ว่า นิพพานเข้าแล้วออกไม่ได้ ก็แสดงว่า ถ้าคุณรู้ คุณก็ต้องเคยเข้าไปแล้วและก็ออกมาไม่ได้ เช่นกัน แต่ที่พูดๆ อยู่นี่ ไม่ได้รู้เรื่องนิพพาน อะไรเลย แสดงให้รู้ ถึงปัญญาที่ไม่รู้จริงเรื่องนิพพาน

ขอแนะนำอะไรอย่างนึงนะครับ ทุกสมมุติ แก้ได้หมด ครับ
เข้าได้ก็ออกได้ ถ้าเป็นสมมุติ
แต่นิพพาน หาไช่สมมุติไม่ ดังนั้น คำว่าไปนิพพาน หรือ เข้านิพพาน นั้น ไม่ไช่ไป ไม่ไช่เข้า อะไร เป็นเป็นปัญญารู้ความจริงในสมมุติทั้งปวง แล้ว ไม่หลง ยึดมั่นถือมั่นกับสมมุติทั้งปวงได้อีก นี่คือ อิสระ หลุดพ้นจากสมมุติทั้งปวง เมื่อพ้นได้ สมมุติต่างๆ รวมทั้ง ที่ไม่ไช่สมมุติต่าง ที่เข้ากันว่า วิมุตินั้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ก็ จะไม่ทำให้เราทุกข์ได้อีก ก็คือ เราไม่หลงยึดมั่นได้อีก นี่คือ หลุดพ้น หรือนิพพาน ที่แท้จริง หาไช่ไปเมืองนิพพาน เข้าแดนนิพพาน แต่อย่างใด

 

ดังที่พระพุทธเจ้า เคยตรัสเอาไว้ ว่า นี่คือ สมมุติที่เรียกว่า วัฏะสงสาร
เมื่อมีสมมุติก็มี พ้นสมมุติ เมื่อมีวงวัฏะ ก็มีนอกวงวัฏะ
ดังนั้นแล้วคำว่าหลุดพ้น หรือนิพพาน หมายถึง การพ้นทุกข์ พ้นความหลงยึดมั่น ในสมมุติ ในวัฏะ แค่นี้เอง ไม่หลงยึดมั่นเพราะ รู้และเข้าใจความจริง จะรู้และเข้าใจความจริง คุณก็ต้อง ทำตัวให้เป็น ความจริง
ซึ่งความจริงหมายถึง สัจธรรม ธรรมชาติ ความบริสุทธิ์ นั่นเอง (ไม่หลงในสมมุติทั้งปวง)

 

พิจารณาทีละบรรทัดแล้ว
เขียนตกไปคำหนึ่ง 'กัลยาณมิตรหรือสิ่งศักดิสิทธิ์'
หรือเปล่า

 

และแท้จริงแล้ว ที่ เหล่า พวก มนตด ทั้งหลาย ซึ่งความจริงแล้ว ไม่ควรเรียกว่า มนุษย์ต่างดาวหรอกครับ ที่จริงแล้ว พวกนี้ ก็คือ ภพภูมิ อื่น จาก นรกบ้าง สวรรค์บ้าง 31 ภพภูมินั่นแหล่ะครับ ที่ตอนนี้ ทำไม ถึง ต้อง มา ยุ่งวุ่นวายกับโลก ก็เพราะ ว่า นี่ก็ เข้าสู่ ยุคใหม่ พุทธะองค์ที่ 5 แล้ว ครับ กัปน์ จะสิ้นสุดลง แต่ เหล่า ภพภูมิพวกนี้ ยังหาคำตอบ หาทางออก หาหนทางสู่นิพพาน ไม่ได้เลย ก็เลยเหมือน ไฟลนก้น ทำให้ ต้อง วิ่งวุ่นวายกันทั้ง ระบบ วัฏะ สุดท้าย ก็ มะรุมมะตุ้ม มาที่โลก ที่ที่เคย เป็นจุดเริ่มต้น ที่พวกเขาเกิด และ ให้กำเนิดพวกเขาเหล่านี้ ก่อนที่ พวกเขาจะ ไปเปลี่ยนภพภูมิไปที่อื่นเพราะ เกลียดโลก ไม่เข้าใจโลก เกลียดตัวเอง ไม่เข้าใจตนเอง คิดว่า ขันธุ์ 5 คือบ่อเกิดแห่งความทุกข์ เกลียดแดนเกิดของตนเอง เกลียดความจริงของตนเอง ยอมรับไม่ได้ หลงทุกข์ กับ เครื่องรับรู้ สุดท้าย ก็ เลยสร้างภพภูมิ อื่นมารองรับ ที่ที่ตนเองคิดว่า ดีกว่า การเกิดเป็นมนุษย์บนโลก นั่นเอง

 

พระผู้สร้าง ไม่มี
ที่มี มีก็แต่ อวิชชา เป็น แดนเกิด ความไม่รู้ นั่นแหล่ะ นำพาให้เกิด สิ่งต่างๆ
โลกไม่มี จักรวาลไม่มี วัฏะไม่มี ที่มี ทั้งหมด เพราะ ความไม่รู้ อวิชชา ตัวเดียว เท่านั้น

ดังนั้น จะรู้ วิชชา อะไร หมื่นแสนล้าน วิชชา ก็สู้ รู้ความจริง ก็คือ รู้ อวิชชาให้ได้(สู้รู้ความจริงว่าทำไมไม่รู้ เมื่อรู้ ความไม่รู้ ก็หายไป)

อวิชชา แปลว่า ความไม่รู้ แต่ถ้ารู้อวิชชา ก็หมายถึง ไม่มีอวิชชา นั่นเอง

 

นี่คือคำตอบของคำถามนี้
"รบกวนช่วยเทียบข้อดีข้อเสีย ระหว่างแดนนิพพาน กับ แดนพุทธเกษตร หน่อยค่ะ (ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ)

ออ อีกหนึ่งคำุถามที่อยากขอคำตอบค่ะ
ที่บอกว่า แดนพุทธเกษตร เป็นที่ชำระกรรม และพัฒนาตนเอง
เมื่อชำระแล้ว พัฒนาตนจบแล้ว จะไปที่ไหนต่อคะ หรือไม่ไปไหนอีกแล้ว เป็นอมตะอยู่ที่นั่นคะ "

หรือเปล่าคะ

 

แต่ส่วนมาก ที่เห็นๆ ก็คือ ส่วนมากคิดว่าตนเองรู้ดีแล้ว ที่ตนเองรู้นั้น ดีเลิศแล้ว
คิดว่า ที่ตนเองรู้นั้นเจ๋ง เก่ง แล้ว ที่สุดในจักรวาลแล้ว
แต่หารู้ไม่ว่า รู้ที่ประเสริฐจริงๆ ก็คือ รู้ความจริงแล้วเลิกลง ไม่หลง นั่นเอง
มนุษ๋ย์ต่างดาว ก็เหมือนกัน นรก สวรรค์ ก็เหมือนกัน นึกว่า ที่ตนเองรู้ ที่ตนเองเป็น นั่น ประเสริฐเลิศแล้ว รู้ ทะลุเวลา รู้ย้อนเวลา รู้ย้ายจิต รู้สุดยอดเทคโนโลยี แต่สุดท้าย ก็เหมือนไม่รู้ความจริง ที่แท้จริงเลย

 

ลองจินตนาการ ขำขำ ดูนะครับ
ถ้าเราออกไปนั่ง ส้วม นอกโลก ในอวกาศ ไม่คิดหรือ อึ เยี่ยว มันจะลอย ฉวัดเฉวียน วนเวียน ไปทั่วตัวของเรา เพราะ มัน ไร้น้ำหนัก อิอิ หนำซ้ำ ไม่มี จุลินทรีย์ มาช่วยย่อยเสียด้วย คิดแล้ว ขำนะครับ

 

วิธีการ กลับมายังจุดเริ่มต้น หรือ กลับมาเป็นมนุษย์ ได้ อีกครั้ง มีคำถามง่ายๆ มาก สำหรับ ผู้ที่มี สัมมาฐิทิ และยอมรับความจริง และเมื่อตอบคำถามนี้แล้ว คำตอบ มันจะ เป็น ตัวส่งผลกรรมแห่งคำตอบต่อตัวผู้ตอบเอง ว่า คุณ จะได้ไปเกิดที่ไหน คำถามนี้ พระโคดม ท่านเอามาถามผม และ เป็นคำถามที่ช่วยให้ผม ออกมาจาก เขาวงกต ออกมาจาก ทะเลทรายเวิ่งว้าง ออกมาจาก ความหลงได้ เลย

คำถามง่ายๆ ก็คือ ถามว่า คุณคือใคร

คิดให้ดีดี ดีดีดี ดีดีแล้วตอบด้วยความเชื่อมั่นในใจ เอาเองครับ

 

ประตูนิพพานจริงจะอยู่ภายในองค์ของพุทธะ
เมื่อองค์หรือกายเนื้อถูกเผาดับสิ้น ก่ จบไป

ประตูนิพพานจึงไม่มี เหลือแต่ความว่างเปล่า
และผู้ที่เข้าไปแล้วจึงไม่มีทางออก ถูกขังอยู่ภายใน

นิพพานที่ทั่วไปเห็น คือ พวกมารพรหมปั้นแต่งขึ้นมา
พร้อมๆ กับตำราโบราณ

แดนพุทธเกษตร จึงเป็นแดนเปิด ใครปรารถนามาเกิด
(ประจำกายขันธ์ของมนุษย์) ก่ มาได้ มาพัฒนาตนเองได้

หรือจะชำระกรรมที่โน้น ก่ ได้แต่จะช้ามาก

ข้อได้เปรียบคือ ความเป็นอิสระ

 

ขอยกมาอีกหนึ่งคำถาม ที่ท่านพระโคดม ถามอีกคนหนึ่งเอาไว้ ผมขอยก เอามาให้ท่านทั้งหลาย เพื่อ เป็น แนวทางในการ หาทางกลับสู่ความเป็นตนเองอีกครั้ง คำถามก็คือ

อะไรดีที่สุดในโลก

แค่นี้แหล่ะครับ

 

ถึงจะบอกว่าผมไม่ได้เป็นอะไร ผมก็ยังคงเป็น มนุษย์
ถึงจะบอกว่า ผมนี่แหล่ะ เป็นนั่นเป็นนี่ แต่ความจริงก็คือ ผมเป็นมนุษย์
ไม่เห็นจะต้อง สงสัยหรือ ไถ่ถามว่า ผมเป็นอะไร ผมคือผู้รู้ความจริง แค่นี้ก็พอแล้ว ครับ

 

เรียกแดนนั่นแดนนี่ ยังกะ ที่คุมขัง ยังมาบอกว่า มีอิสระ ได้ไงครับ
ในโลกมนุษย์นี่แหล่ะ อิสระที่สุด เพียงแต่พากัน ผูกมัด กักขังตนเอง เพราะความไม่รู้ของตัวเอง เอง ทำตนเองเองโดยแท้

 

ต่างดาวเค้าไม่มีทางดึงพลังเราค่ะ มีแต่ช่วยให้เรามีพลัง เพื่อที่เราจะไม่ได้เดินทางผิดค่ะ และไม่แวะซ้ายแวะขวา แต่เรารู้สึกว่าเราแวะ 555