ปรารถนาพิสูจน์ตัวตนที่ดำรงอยู่ในขันธ์ มีรูปเป็นแบบใด (มาได้เลย ชยุต)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย phudit999, 22 กรกฎาคม 2013.

  1. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    แต่ก็อย่างว่า ล่ะนะ พอมีแต่ความสุข มันก็ต้องมีคน อยากเจอทุกข์ กันบ้างล่ะ
    ใครเล่าจะจำเจอยู่แต่กับความสุขเดิมๆ รสชาสเดิมๆ มันก็ต้อง เสาะหารสชาดของชีวิต ที่แปลกไปเรื่อย ดังนั้น แม้แต่ความสุข ก็ประมาทไม่ได้ เพราะ บางที คนที่ชอบหาเรื่อง ก็เพราะ สุขจนน่าเบื่อ เลยหาเรื่องทุกข์ไส่ตัวบ้างก็มี เช่นกัน

    ดังนั้น อนิจจังสุขขังอนัตตาที่ผมพูด ถึงนี่ มันไม่ได้ หมายถึง ความสุขแบบเวอร์ แต่มันคือ สุกๆดิบๆ คละเคล้า แบบ ชีวิตที่มีรสชาด ไงครับ ยอมรับได้ ทั้งหมดที่โลกมี โลกเป็น เราเป็น เรามี คนอื่นมี คนอื่นเป็น เช่นกัน
     
  2. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    ก็ ตนเองรู้ดีแล้ว ไม่มีอวิชชาแล้ว
    คนอื่นยังไม่รู้ว่าอะไรดี ยังมีอวิชชา
    แล้วจะให้ มัจจุราชพุทธะไป เอออวยกับคนชั่วได้ไงท่าน

    ก็บอกแล้วไง ผมเกิดมาเพื่อเป็น ศรัตรูกับ คนชั่วร้ายความชั่วร้ายทั้งปวง
    ถ้าท่านชั่วร้าย ผมก็ไม่เว้น เช่นกัน และถ้าผมชั่วร้าย ก็ไม่เว้นเช่นกัน
    เท่าเทียมเสมอภาค ทั้งอนันตจักรวาล
     
  3. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    โลกมันวุ่นวายกันอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะ คิดเอง ของใครของมันไง
    ที่ภพภูมิ มีมากมาย ก็เพราะ คิดเอง เออเอง ของใครของมันกันนี่ไง
    ใครก็บอก ตนเองถูก ตนเองถูก แล้ว มันก็วุ่นวายหาที่สิ้นสุดไม่ได้
    ผมก็เลยต้องมานี่ไง กำจัดพวกอวิชชา คนชั่วร้าย ความชั่วร้าย ทั้งปวง
    เวลาเราสกปรก ไม่ชำระความสกปรก มันจะสะอาดได้เองหรือไง
    แล้วผมรู้ว่า จะทำให้มันสะอาดได้ยังไง ผมรู้ ผมทำได้ พวกคุณไม่รู้พวกคุณทำไม่ได้
    จะร้องขอความเป็นธรรม เพื่อสิ่งใด ในเมื่อตนเอง ก็ยังทำไม่ถูก ไม่ดีจริง

    แล้วทำไมผมต้อง ฟังเสียง ร้องขอจากคน ที่ไม่รู้ดี ล่ะ

    ผมก็บอกแล้วไงว่า ผมกลัว แต่คนดี ความดี เท่านั้น นอกนั้น ผมไม่เว้น
     
  4. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    อยากรอดเงื้อมมือผม ต้องเป็นคนดีเท่านั้น
    เพราะถ้าไม่ดีจริง อะไรก็ช่วยท่านไม่ได้หรอก
     
  5. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    อีกอย่างเรื่อง พระบิดา ของคุณ

    ก็ในเมื่อลงมาเพราะเพื่อทำกิจ ยังร้องหาพระบิดา เพื่อ พันธะ สิ่งใดกัน กิจทำเสร็จก็จบกิจ หมดกิจ หมดพันธะ ไม่เคยให้ มีพันธะ ใดใด ต่อกัน เลย เพื่อความหลุดพ้น เพื่ออิสระที่แท้จริง แล้วยังจะมาบอกว่า เชื่อพระบิดาคนเดียวเท่านั้น

    สำหรับ ผมไม่เชื่อใครแล้ว ยกเว้นเชื่อตนเอง เท่านั้น เพราะนี่คือ ยุคของผม
     
  6. CherryBlossom

    CherryBlossom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +1,064
    สวัสดีค่ะเข้ามาทักทายค่ะ ตามอ่านอยู่นะคะ สิ่งที่จะเกิดจะเป็นอย่างไร ให้ธรรมะจัดสรรค่ะ ^________^
     
  7. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    เหนื่อยมั๊ย หุหุ

    เอาแค่สนุกๆ เน้อ

    ไม่ได้เบียดเบียนใคร สนุก ก่ ว่ากันไป ตามสบาย

    ไม่ได้ว่าอะไร เทวะทะตะ อะไรด้วย ก่ให้ พ่นไปตามประสา

    คนขี้เหงา ช่างเขาเหอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2013
  8. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ใครคือคนดี คนนั้น ที่ เทวะทะตะ กลัว

    เทวะทะตะ ยังจะมีกลัว อีก หรือ

    โถ่ ขี้ ป๊อด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2013
  9. yaya12

    yaya12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +182
    ท่านพูดเหมือนท่านเป็นผู้คุมเบื้องล่างเลยน่ะท่าน ใช่หรือไม่
    55 เค้าจัดสรรคเวลากันดีจังคนนึงพักส่งไม้ต่ออีกคน สุดยอดๆ
    แล้วเราตามมาอ่านทำไมนิ นิยายสนุกจังเลยอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กรกฎาคม 2013
  10. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    ขอบคุณค่ะ
     
  11. โลน้อย

    โลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +695
    แล้วอย่างไม่มีกายทิพย์นี้สามารถเข้าพระนิพพานได้หรือปล่าว
     
  12. มนุษย์835

    มนุษย์835 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +182
    ตกลง พยายม มัจจุราช นี่ไม่เหมือนกันสินะครับ ผมถึงบางอ้อเลย แล้วท้าวเวสสุวรรณ นี่ก็ต่างหากใช่ไหมครับ
     
  13. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ระหว่างท่านเทวทะตะกับท่านนกน้อยคุยกันเรามาพิจารณาอะไรกันเล่นๆดีกว่าครับ
    รูปนาม ทั้งปวงคือธรรมชาติใช่หรือเปล่าครับ เอาแค่รูปก่อนละกันเห็นรูปเห็นนามเองค่อยๆดูกันไป รูปทั้งปวงตั้งแต่สัตวนรก หมา แมว เทวดา พรหม(จิตปรุงแต่ง)เป็นรูปหยาบหรือละเอียดก็เป็นรูปธรรมชาติจากดินน้ำลมไฟละกันตามสมมุตินี้ งั้นธรรมชาติ(จิตว่าง)ก็คือเราใช่ไหมครับ(แต่เราไม่ว่างเพราะเราไม่ใช่จิต) ธรรมชาติคือเรา แต่เราไม่ใช่เจ้าของธรรมชาติเราเป็นผู้อยู่ร่วมกับธรรมชาติ เมื่อเข้าใจแล้วก็ต้องรู้ว่าธรรมชาติทั้งปวงเป็น อนิจจัง๙ มันยึดไม่ได้ เพราะยึดแล้วมันจะทุก ต้องเข้าใจเขาเข้าใจเราด้วยปัญญาว่า ขอบเขตของมันมีแค่ไหนอยู่กับธรรมชาตินี้แล้วจึงจะไม่ทุก ในวงจรปฏิจ อวิชา สังขาร วิญญาน นามรูป เกิดมาแล้วจากการกระทำที่สะสมมาแต่อดีต(เพราะยังไม่บริสุทธิ์ธาตุใจจึงดีดตัวมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์) เช่นแขนขาด ตาบอดแล้ว เราไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นมามันจะทุกข์ไหม แต่ถ้าเรายอมรับมันแล้วมันจะทุกข์ไหม แล้วความจริงความทุกข์มันเคยมีไหมความทุกข์มันเป็นแค่ความคิด เป็นอวิชชาและตัวตนที่เกิดขึ้นมาจากการกระทำซ้ำๆ จนเกิดเป็นความพอใจ ไม่พอใจ บันทึกเก็บไว้ในสัญญา และเมื่อกระทบสังขารก็จะมาปรุงแต่งขึ้นมาเองโดย วิญญาน(เรานี่ละ) เป็นผู้รู้ ส่วนจิตผู้รับการสะสมสภาวะทั้งปวงนั้นจุดจะอยู่ที่อกด้านซ้ายลองสังเกตุดูดีๆ เมื่อกระทบหรือสะสมสภาวะทุกข์จะปรากฎที่อกด้านซ้าย ตอนนี้ทุกท่านยังเป็นผู้รู้อยู่ จะทำให้เป็นปัญญาได้อย่างไรปัญญาเกิดได้ 3 ทาง1สุตตา ฟังแล้วพิจารณาด้วยจิตที่เป็นสมาธิ 2จินตาโดยการกระทบรู้แล้วพิจารณาด้วยจิตที่เป็นสมาธิ3.ภาวนา โดยการภาวนาจนจิตเป็นสมาธิ แล้วพิจารณาเรื่องที่รู้ด้วยปัญญา (ความรู้เหมือนภาพที่กระจัดกระจายจิตที่มีสมาธิเหมือนนำภาพจิกซอมาต่อกันเมื่อภาพสมบูรณ์ก็เป็นปัญญา )ปัญญาที่แท้จริงต้องกระจ่างแจ่งชัดเจนแจ่มแจ้งเหนือเวลาเวลาจะเปลี่ยนไปชั่วกัลป์ปัญญานี้ก็ยังเหมือนเดิมปัญญาที่แท้จริงคือปัญญาที่จะพิจารณาทุกสรรพสิ่งด้วยปัญญาจนเข้าถึงความว่างคือความไม่ทุกข์ และที่สำคัญจงอย่าลืมสติระลึกชอบ ในข้อ2.กระทบรู้เพื่อถอดถอนสภาวะทุกข์ที่สะสมไว้ที่จิตด้วย และเมื่อมันยังไม่กระจ่างก็ทำซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าจะชัดเจน และการฝึกสติที่ดีก็คืออานาปานะทำให้ได้ตลอดเวลา เมื่อรู้รูปย่อมรู้นาม ลมหายใจที่ละเอียดย่อมปรุงแต่งรูปที่ละเอียดลมหายใจที่เต็มไปด้วยสติและปัญญาย่อมสร้างรูปที่เปี่ยมด้วยสิ่งนั้น แล้วสิ่งที่ควรกราบคือ คือรูปนามและธรรมชาติที่ให้เรามีตัวตนอยู่นะปัจจุบันนี้แล้วเราละจะรักและตอบแทนคุณท่านได้อย่างไรจะบำเพ็ญบุญบารมีอย่างไรจะนิพพานอย่างไรเมื่อไม่มีธรรมชาติบางคนที่ถืออุเบกขาเป็นปัญญารู้แล้วก็ทิ่งขี้ทิ้งเยี่ยวให้พ่อแม่เช็ด(กรรม) แล้วตอบแทนความรักของพ่อแม่ละได้ทำบ้างหรือยังแค่รักในธรรมชาติ ให้ได้20เปอของที่ธรรมชาติรักเราก็พอ
    หลังจากเข้าใจหมดละว่าทุกอย่างเป็นแค่ความคิดและปล่อยวางได้ก็นับว่าตัวตนในภาคปัจจุบันใกล้บริสุทธิ์ละ แล้วตัวตนในอดีตของเราละครับที่ยังตกค้างในที่ต่างๆยังไม่ได้หลุดพ้นตามเรามาเราจะทิ้งตัวตนเก่าๆของเราให้ทนทุกข์ทรมาณอยู่แบบนั้นเหรอเราไม่รักตัวเราเลยเหรอครับถ้าเราไม่ช่วยแล้วใครจะช่วยละครับ จะบอกว่าตัวตนในอดีตที่ทรมาณนั้นช่างหัวมันเหรอแล้วไหนละความรักที่พวกคุณบอกว่าเราจะอยู่ด้วยความรัก ตัวตนของเราเองยังไม่รักเลยแล้วคุณจะไปรักใครได้ จุดสุดท้ายของสายเดิมคือทำให้บริสุทธิ์ได้แค่ชาติเดียวแล้วก็หนีไป
    หลังจากที่ตัวตนภาคปัจจุบันบริสุทธ์แล้วลองปล่อยวางสมาธิอย่าเอาสมาธิไปกดรูปนามให้ใช้สติระลึกชอบรู้รูปนามตามความเป็นจริงก็จะรู้ว่าทำไมนะทั้งที่เราก็มั่นใจว่ารู้แล้วว่างแล้ว ทำไมเมื่อกระทบในบางครั้งเรายังมีอารมณ์ไม่พอใจอยู่ ก็เพราะคลื่นตัวตนจากในอดีตที่ทั้งดีและไม่ดีค่อยส่งสภาวะมาหาญาติของตัวเองเสมอทำให้ สภาวะเรายังแกว่งๆอยู่ตามคลื่นที่ส่งมา อานี่เรายังเหลือตัวเราในอดีตมากมายขนาดนี้เลยหรือเขาอยู่ในนรกมากมาย(นรกถึงได้ใหญ่ขึ้นๆ)จะช่วยเขาได้อย่างไรละด้วยปัญญาที่เราพิจารณามาทั้งหมดก็ไม่สามารถช่วยตัวเราในอดีตได้เลย ผมขอนอบน้อมต่อธรรมชาติและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถทำให้ผมได้รักกับตัวตนในอดีตของผมได้ได้ช่วยเขาออกมาได้ เมื่อถึงจุดนี้เราจึงสามารถบอกได้ว่า เราไม่มีอดีต เราไม่มีอนาคต เรามีแต่ปัจจุบันที่จะเดินไปด้วยกัน เมื่อเป็นเช่นนี้เราถึงสามารถรักคนอื่นได้เหมือนที่เรารักตัวเอง แล้วพวกคุณทุกคนไม่อยากรักใครมากขึ้นอีกซักคนเหรอครับเมื่อเราเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
    จะเป็นใครก็ตามก็ต้องมาเริ่มและจบที่ธรรมชาติใช่หรือเปล่าครับไม่รักธรรมชาติจะไปรักใครดี
     
  14. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ใครปรารถนารู้ว่า มนุษย์ มีลำดับความเป็นมาอย่างไร

    ก่ ให้ศึกษา ได้จาก ลำดับ การพัฒนาการของ มนุษย์ เริ่มตั้งแต่ เด็ก

    เด็ก มีภาวะของความบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา (ความไม่รู้ มีมาก)

    เด็กเล็ก มีภาวะของความที่เอาแต่ใจตน หมายความว่า ยึดถือเอาตนเป็นจุดศูนย์กลาง
    ทุกคนดูและตอบสนอง อารมณ์ที่เกิดขึ้น คือ โมหะ

    เด็กโต มีภาวะของความโกรธ มาขึ้น เพราะคนที่ดูแลเริ่มห่างหายไปทีล่ะน้อย แต่จะแวะเวียนกันมา บ้างบางโอกาส ในขณะเดียวกัน ก่ ชอบของเล่น และ ทำลายของเล่น
    มีความ อหังการ ในตนเองใครพูด ใครอะไร ก่ ไม่ยอมจะฟัง นี่คือ เด็ก นี่คือ ภาวะอารมณ์ มี โมหะ มี โกรธ

    เด็กโตขึ้นมาอีก เด็กระยะนี้ เริ่มเล่น เริ่มมีฤทธิ์เดช เพิ่มขึ้น และ ที่เห็นคือ มีความโลภ
    คือ อยากได้โน้น อยากได้นี่ มาเป็นเจ้าของ เก็บสะสมแต่ของที่คิดว่านั้นมีคุณค่า
    แต่จริงๆ มั่นไม่ใช่เลย ภาวะ อย่างนี้ เรียกว่า มีความโลภะ

    ลำดับต่อไป คือ อะไร สำหรับเด็ก โตสุด คือ ราคะ
    หมายถึงอย่างไร ราคะ ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับ กำหนัดทางเพศ
    แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ การชอบพออะไรแล้ว ก่ จะทำสิ่งนั้นซ้ำๆ นี่เรียกว่า ราคะ

    นี่เป็นลำดับการพัฒนาของมนุษย์
    มีการพัฒนาสูงสุดจนกระทั่ง สามารถสืบเผ่าพันธ์ได้

    ทิศทั้งหมดของจักรวาล ทั้ง 4 หมายถึงลำดับของการพัฒนาการมนุษย์ของแต่ละ
    ระยะของเผ่าพันธ์ต่างๆ

    คือ โมหะ โทสะ โลภะ ราคะ เป็นพื้นฐาน

    จนกระทั่งมาถึงแดนชมพู

    เป็นระยะของมนุษย์ ที่มีพัฒนาการสูงสุดคือ สามารถขยายเผ่าพันธ์ ด้วยตนเอง
    ทำตนเองเสมือนผู้สร้าง มนุษย์ ค่อยๆ มีความเจริญก้าวหน้า ครบบริบูรณ์

    เหล่า มนตด ก่ มาจาก ทิศทั้ง สี่ อันไกลโพ้น

    มนตด ไม่ใช่ ตัวตนแท้ที่ สูงส่ง

    มนตด มีประวัติอันน่า สงสาร

    มนตด มีความบริสุทธิ์ เหมือนเด็กแรกเกิด

    มนตด มีความอ่อนโยน เหมือนเด็ก

    ตำนานโลกแตก ที่ใครๆ นำมาเล่ากัน

    ตำนานผีโขมด บุกโลก ที่ใครๆ นำมาเล่ากัน

    ตำนานศรีอริย ที่ใครๆ นำมาเล่ากัน

    เหล่านั้น คือ โลกของ มนตด ทั้งหลาย ที่ได้ประสบพบกันมา

    มนตด ตามหาความสมบูรณ์แบบ

    จะสนใจเพื่อให้ตนเองพัฒนาการให้เหมือน มนตด

    เป็นอะไรที่ เหลือเชื่อจริง ๆ ชยุต
     
  15. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    มนุษย์ มนตด ในอดีต ก่ จะมีความผิดมากมาย

    อยากรู้ว่า มนตด เป็นอย่างไร

    ก่ ให้ดูพัฒนาการของ เด็ก จนกระทั่งถึง เด็กสมบูรณ์

    ก่อนวัย สืบพันธ์ จะเกิดขึ้น

    ภาวะอย่างนั้น คือ อดีต ของ มนตด ทั้งสี่ทิศ

    ยุคนี้เป็นยุคเปลี่ยนถ่าย ของทิศที่สี่

    เพื่อ ...... ขอตรวจอีกสักหน่อย ว่า

    มนุษย์ที่สมบูรณ์ จะไปอยู่ทิศใด

    แต่ที่รู้ ที่นี่ โลกนี้ คือ ปลายฟ้า ของ มนตด

    มนุษย์ แท้ที่พัฒนา จะมี กายหยาบ กายพลังงาน และ กายทิพย์

    กายทิพย์ นี่ล่ะ ที่ มนตด ไม่รู้

    เพราะ ธาตุภายใน ของกายทิพย์ เป็น ธาตุที่ถูกกำเนิดจาก ผู้ให้กำเนิด

    และเจริญเติบโต ไปพร้อมๆ กับ กายหยาบ

    นี่คือจุดเริ่มต้น ของ วัฎฎสังสาร ของมนุษย์ในชมพู

    ซึ่งจะมีทั้งดีสุดขั้ว และ เลวสุดขั้ว

    และ ที่เลว จนกระทั่ง เลวสุดขั้ว

    และ ดี จนกระทั่ง ดีสุดๆ

    มนุษย์ จึงมีภาวะอารมณ์ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย

    หรือ ดีตลอด

    หรือ เลวตลอด

    รวมๆ เรียกว่า ภาวะแห่งทุกข์

    เพราะส่วนใหญ่ จะสะสม ความเลว หรือ บาป ไว้มาก

    บาป เหล่านั้นมาจากไหน มาจากตัวตนของตนเอง ในอดีต

    เป็นอย่างไร จะมาเล่า ต่อ ไป

    ให้ เทวะทะตะ มาสร้างสีสัน ไปก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  16. love_evol

    love_evol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +87
    คุณphudit999 และคุณเทวะทะตะ คิดเห็นอย่างไรกับคำว่า 'สรรพสิ่งกำเนิดจากความว่าง แต่ไม่ใช่ความว่างที่แปลว่า...ว่างเปล่า' อยากสอบถามความเห็นน่ะค่ะ ไม่ใช้ผู้รู้แต่อย่างใด ดิฉันแค่อยากฟังความเห็นจากผู้รู้
     
  17. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ความว่าง คือ ขอบเขตแดนของผู้ให้กำเนิด และผู้ดูแลรักษา

    ใครบ้างที่จะสามารถเข้าถึงเขตแดนของความว่างได้

    ผู้ที่จะเข้าเขตแดนของความว่างได้จะต้องมีคุณสมบัติ 3 ประการ ดังนี้

    1. มนุษย์ตนนั้น จะต้องมี กายทิพย์ ซึ่งจะมีธาตุของผู้ให้กำเนิดอยู่ภายในครบบริบูรณ์
    2. มนุษย์ตนนั้น จะต้องเรียนรู้การชำระสิ่งสกปรก ออกจากขันธ์ของตนเอง
    3. มนุษย์ตนนั้น จะต้องเรียนรู้เรื่องการอ่อนน้อม หรือนอบน้อมต่อผู้ที่ดำรงอยู่ในของเขตของความว่าง

    ธาตุทิพย์ของผู้ให้ มนุษย์ตนนั้นจะต้องเก็บรวบรวมจากตัวตนของตนเอง ที่ได้กำเนิด
    สืบต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน หมายถึงจะต้องรวมตัวตนในอดีต ที่มีธาตุของตนเอง
    ตลอดจนธาตุของตนเองที่ได้ดำรงในที่ต่างๆ ให้ครบบริบูรณ์ เสียก่อน

    และหมายถึงต้นตอของ ที่มาของวัฎฎ ที่มาของการรวมตัวตนในอดีต และที่มาของกรรม
    และที่มาของภาระกิจในการชำระสิ่งสกปรกต่างๆ

    มนุษย์ชมพู กำเนิดขึ้นมา ไม่ได้กระทำตามเงื่อนไขดังกล่าว

    กระทำความผิด

    ไม่นอบน้อม ดำรงความ อหังการ จึงได้กระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    จนกระทั่งธาตุของผู้ให้กำเนิด(ธาตุทิพย์) กระจัดกระจาย อยู่ในตัวตนในที่ต่างๆ

    ทำไมธาตุทิพย์จึงกระจัดกระจาย ก่ เพราะว่า ทำแต่เรื่องไม่ดี

    ทำไมทำแต่เรื่องไม่ดี เพราะไม่มีความนอบน้อม

    เมื่อไม่มีความนอบน้อม จึงทำร้ายซึ่งกันและกัน

    ธาตุทิพย์ ที่อยู่ภายใน เป็นธาตุของผู้ให้กำเนิดไม่ประสงค์

    จะอยู่กับผู้ที่ผิด ผู้ที่สกปรก ผู้ที่อหังการ ผู้ที่ละเมิดต่อกัน ผู้ที่ทำร้ายตนเอง

    ผู้ที่ทำร้ายผู้อื่น ผู้ที่ทำลายธรรมชาติ ผู้ที่ทำลายทุกสิ่ง

    ธาตุทิพย์เหล่านั้นจึงออกจาก ร่างทิพย์ ไป

    เนื่องด้วยความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์ตนนั้น ธาตุบางส่วน

    จึงถูกกำหนดให้ไปเกิดใหม่ เพื่อการชำระตนใหม่ และได้

    กลับไปหาผู้ให้กำเนิด... ดังนั้น มนุษย์ในชมพู จึงต้อง

    มาเกิดใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  18. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    ทุกสรรพสิ่ง ไม่ได้เกิดจากความว่าง ว่างอาจมีคนเข้าใจสองแบบ แบบแรก คือ ว่างเพราะมีแต่จิต เท่านั้น ว่างเพราะ มันว่างจาก สมมุติอื่นๆ แต่ไม่ว่างจากอัตตาตัวตนที่มองไม่เห็น
    แล้วเข้าใจว่าว่าง แต่ที่จริงไม่ได้ว่าง(ไม่ได้หลุดพ้น) จึงเกิดสรรพสิ่งได้ เพราะ อวิชชา หรืออัตตาตัวตนที่มองไม่เห็นนั่นเอง นี่จึงเรียกว่า เกิดจากความว่าง

    แต่ถ้าว่างจริงๆ คือ ว่างเพราะปัญญาความไม่ยึดมั่นถือมั่น แม้กับจิต หรืออัตตาตัวตน ของตนเองก็ไม่มี นี่ถึงจะเรียกว่า ว่างจริงๆ ที่เรียกว่า นิพพาน แล้ว จะไม่กลับมาเกิดอีกแน่นอน ถึงจะอยากเกิดอีก ก็เกิดไม่ได้ เพราะ หมดเชื้อ นี่คือ ว่างที่หลายคน ยังเข้าไม่ถึง
     
  19. yaya12

    yaya12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +182
    ความจริงแล้วก็ไปที่เดียวกันแต่เรียกไม่เหมือนกัน ความจริงแล้วก็คือสิ่งเดียวกันแต่ต่างกันเฉพาะนามธรรม
     
  20. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172

    จะเอากายทิพย์เนี่ยนะ เข้านิพพาน กายทิพย์เข้านิพพานได้หรือ อ้อ นิพพานปลอม นั่นเอง แล้วก็ยังเอามาอวด อีกตามเคยว่า กายทิพย์ เข้าสู่ความว่างได้
    ผมว่า ไม่จำเป็นต้องอาศัยกายทิพย์หรอกครับ กายเนื้อนี่ ก็ อยู่ในความว่างแล้ว โลกเราที่ลอยอยู่ในอวกาศ นี่ ก็ โลกลอยอยู่บนความว่าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...