ปรารถนาพิสูจน์ตัวตนที่ดำรงอยู่ในขันธ์ มีรูปเป็นแบบใด (มาได้เลย ชยุต)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย phudit999, 22 กรกฎาคม 2013.

  1. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    นี่ก็ เห็นด้วยได้ไง ใครพาเอากายทิพย์ เข้านิพพาน
    นิพพานน่ะ ไม่ได้อาศัย กาย รูปนามใดใด เลย มันคือ ว่างหรือไร้อัตตาตัวตน จริงๆ ไม่ได้เป็นแดนว่าง หรือ ที่ว่างอะไรเลย ที่ว่าเอากายทิพย์ ไปน่ะ ว่างปลอมๆ ว่างหลอกๆ เท่านั้นเอง
     
  2. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    ถ้าคุณ ไม่ยึดมั่นถือมั่นใน สมมุติทั้งหลาย ในโลกนี้ได้ ภพภูมิอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ ไม่ครบสมบูรณ์เท่าโลก นี้อยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าปล่อยวางทุกสมมุติในโลกได้จริง (แกนกลางของจักรวาล) ก็ถึงจะเรียกว่า นิพพาน หรือ หลุดพ้นได้จริงๆ เพราะ ไม่ยึดมั่นถือมั่น นั่นเอง
     
  3. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    ที่สุดของสมมุติ ก็อยู่ในโลก
    ที่สุดของจักรวาลก็อยู่ในโลก
    ที่สุดของสรรพสิ่งก็อยู่ในโลก
    ที่สุดของวิมุติก็อยู่ในโลก
    ที่สุดของธรรมก็อยู่ในโลก
    ที่สุดของทุกภพภูมิก็อยู่ในโลก

    หาที่อื่น ไม่มีหรอกครับ นอกจาก หาจากความเป็นมนุษย์ในโลก
     
  4. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    กรรมบาป หรือทุกข์ เกิดจากอะไร

    กรรมเกิดจาก ตัวตนของมนุษย์ตนนั้น ได้กระทำผิดในศีล

    (หรือการเบียดเบียนต่อ ตนเอง ผู้อื่น ธรรมชาติ และทุกสิ่ง)

    จึงทำให้ กายทิพย์ ไม่สมบูรณ์เพราะธาตุทิพย์ หลุดหายออกไป

    จากการกระทำผิดศีล

    เมื่อธาตุทิพย์หลุดหายออกไป มนุษย์ตนนั้นจึงถือว่าไม่สมบูรณ์ บริบูรณ์

    เมื่อกายหยาบสิ้น จึงต้องให้โอกาส กำเนิดขึ้นมาใหม่ในการปรับปรุงตนเอง

    แต่ก่ไม่สามารถทำตนเองให้สมบูรณ์ขึ้น รอบแล้วรอบเล่า

    จนกระทั่ง มีตัวตนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

    แม้นว่าบางรอบของการเกิดจะสมบูรณ์บริบูรณ์ ก่จริง

    แต่ไม่ได้รวบรวมธาตุตนเองกลับคืน ไม่ได้เรียกกายทิพย์ หรือตัวตนในอดีต

    กลับคืน

    หรือ ไม่ได้ชำระสิ่งสกปรกออกจากญาติตนเอง หรือตัวตนในอดีต ออกไปหมด

    จึงไม่สามารถรวมร่างหรือรวมธาตุเป็นหนึ่งเดียวกันได้

    ก่ จะต้องวนเวียนมาเกิดอีกรอบ จนกว่าจะรวมธาตุเป็นหนึ่งเดียวให้ครบ
     
  5. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ได้สัมผัสกับผู้ให้กำเนิดแล้วหรือครับ
     
  6. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    ถ้าไม่ไช่มนุษย์ ก็ค้นหาสัจธรรมความจริงไม่เจอเช่นกัน
    และต้องเป็นมนุษย์ที่มีสัมมาฐิทิ เท่านั้น จึงจะได้ผล ที่เป็นจริง
    เริ่มต้นผิด ผลก็ผิด
    ดังนั้น เหตุปัจจัยหรือปัญญาที่ จริงเท่านั้น จึงจะนำมาซึ่ง คำตอบที่จริง เช่นกัน
    แล้วอย่าพากันคิดว่า ตำรา หนังสือ ครูอาจารย์ ที่ สอนเรานั้น เขา รู้จริง นะครับ
    เพราะ ถ้ารู้จริง จะลาพุทธภูมิทำไม เนื่องเพราะ พุทธภมิ ก็คือ ที่สุดของการเรียนรู้ ของความเป็นมนุษย์ พุทธภูมิ คือ ผล ที่สุดของความเป็นมนุษย์ ที่เรียกว่า ถือว่า ได้เป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐแล้วนั่นเอง ก็จะหยุดการเรียนรู้ ทุกสิ่ง หมดความอยากต่อทุกสิ่ง หมดความสงสัยต่อทุกสิ่ง ที่เหลือก็แค่ การใช้ชีวิตที่ถูกต้อง เหมาะสม มีความสุข และ สอน นำพา ให้คนอื่น รู้ความจริง สิ่งนี้ ได้ เช่นเดียวกัน นั่นเอง
     
  7. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    และการไปหากเขตแดนความว่าง

    คือ ต้องปรับสภาวะของธาตุทิพย์ ก่อน ที่เรียกว่า กายธรรม

    และจะมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ ตามวาระของการประพฤติของตนเอง

    ให้เป็นประโยชน์ คือ กระทำประโยชน์แก่ผู้อื่น

    กระทำประโยชน์ต่อธรรมชาติ ให้มนุษย์ทั้งหลายรุ่นลูกรุ่นหลานสืบๆกันไปได้อยู่ด้วยความปกติ

    กระทำประโยชน์สร้างสรรต่อธรรมชาติ มวลมนุษย์ และ มนุษย์ ให้ดำรงอยู่ด้วยความปกติที่ถูกต้อง บริสุทธิ์ ไม่มีการขัดแย้ง ใดๆ เกิดขึ้นสืบนานต่อไป
     
  8. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    กายทิพย์ นั้นยังต้องพัฒนาต่อไปให้มี

    ภาวะของ กายธรรม ก่อน แต่ก่อนที่จะเป็นกายธรรม

    (กายธรรม สิ จึงจะไต่ระดับได้)

    ก่อนจะได้กายธรรม ก่ ต้อง ...

    ก่ ต้องชำระกรรมที่มี ต้องรวบรวมกายทิพย์ ทั้งหมด

    ต้องรู้จักการนอบน้อม
     
  9. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    สุดท้ายยังหนีไม่พ้น เรื่อง รวมธาตุ อยู่อีก
    ความจริงแล้ว ที่คุณเข้าใจว่า รวมธาตุนั้น ทางธรรม หมายถึง การชำระกรรมเก่า หรือ ใช้หนี้เก่านั่นเอง ปลดเปลื้อง พันธะสัญญา เก่าๆที่เคยมีมากับ คนอื่นๆ นั่นเอง ซึ่ง ตรงนี้ ก็ ใช้ปัญญา และ รูปนาม ที่มี อยู่นี่แหล่ะ ชดใช้ ผมเรียกว่า ขึ้นสวรรค์ ใช้บุญ ในความเป็นมนุษย์ หรือ ลงนรกใช้หนี้เวรกรรม ในความเป็นมนุษย์ ซึ่งทั้งหมดนี้ จะเป็นไปได้ ก็ต่อเมื่อ คนคนนั้น ยอมรับความจริงแห่งตน ได้ ทั้งหมด มีสัมมาฐิทิ นั่นเอง ยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้น จะเกิดขึ้น จักเกิดขึ้นกับตน ล้วนแล้วแต่เป็น ผลกรรมเก่าที่ตนเคยหลงผิด กระทำเอาไว้ นั่นเอง เมื่อ ไม่กล่าวโทษใคร แล้ว ก็คือ การยอมรับความจริงนั่นเอง นี่จึง จะ สามารถ ชดใช้ กรรมเก่า โดยไม่ต้อง ไปรวมธาตุ กับอดีต แต่อย่างไร ก็แค่ รับกรรม ตามจริง ด้วย รูปนามเลือดเนื้อ โดย ไม่มี สิ่งวิเศษหรือ ใคร มาช่วยเลย
     
  10. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172

    ถามหน่อยเถอะ เห็นพูดบ่อยเหลือเกิน ไอ้เรื่องนอบน้อมนี่ ถามหน่อยสิ นอบน้อมตัวใครกัน ช่วยตอบหน่อย อย่าได้แต่ ท่องจำเหมือนนกแก้ว นกขุนทอง พอมีคนถามอยากได้คำตอบ จากคุณ คุณก็ บ่ายเบี่ยงว่า พูดไม่ได้ ไม่ไหวจริงๆ พวก ใจป๊อด แบบคุณนี่ ดีแต่ปาก ดีแต่พูดเพ้อเจ้อ พอให้พูดให้กระจ่าง ชี้ชัดๆ กลับ ทำไม่ได้

    นอบน้อมใคร บอกหน่อยครับ
     
  11. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    ปัญญาเรื่องการรวมธาต ก็คือ ปัญญารู้เหตุแห่งการเกิดนั่นเอง

    เช่น ปัญญารู้ว่า ต้นไม่ เกิดจากการรวมธาตุอย่างไร
    สัตว์ เกิดจากการรวมธาตุอย่างไร

    การเกิด ก็คือการรวมธาตุ อยู่แล้ว แต่ปัญญาที่รู่ว่า การรวมกันเกิดได้นั้น เพราะเหตุปัจจัย จากสิ่งใด จากอวิชาหรือเปล่า หรือจากธรรมชาติ ก็เท่านั้นเอง
     
  12. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    เช่น ต้นไม้ เกิดจากเมล็ด แต่ เมล็ดจะงอกราก ได้ ต้องได้รับเหตุปัจจัย ที่เพียงพอยังไง ถึงเกิดงอกรากได้ และ เติบโตได้ และ ออกลูกให้ประโยชน์ได้ ทั้งหมดนี่ ก็คือ ตัวอย่างของธรรมชาติ นั่นเอง แล้ว มนุษย์ก็เช่นกัน เกิดมาจากอะไร เหตุปัจจัยอะไรมาผสมกัน เมื่อเกิดแล้ว เติบโตได้อย่างไร เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เป็นคนดี ได้อย่างไร ใชีชีวิตให้มีความสุข ได้อย่างไร สร้างประโยชน์ให้กับโลกกับคนอื่นได้ อย่างไร นี่ต่างหากคือ ปัญญา ที่จำเป็นต้อง รู้ ความจริงของเรื่องพวกนี้
     
  13. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964


    phudit กล่าวถูกต้องแล้วเรื่องรวมธาตุก่อนจึงนิพพานได้
    เพราะอะไร? เพราะพระพุทธเจ้าเองก็ยังไม่ได้นิพพาน


    จนสิ้นห้าพันปีพุทธกาล ท่านก็จะ "รวมธาตุ" แล้วกระทำ
    "พระธาตุนิพพาน" ทีนี้ จึงจะนิพพานแบบอนุปาทิเสสไม่
    เหลือเศษ ไม่เหลือเชื้อ อย่างแท้จริง จึงจะนิพพานได้ครับ


    ส่วนแบบคุณ "เทวะทะตะ" นั้น จะนิพพานแบบ ๑ จิตวิญญาณ
    ซึ่งจะเ็ป็นการนิพพานแบบปัจเจกฯ ซึ่งผิดเวลา จะส่งผลกระทบ
    ต่อโลก เพราะทิ้ง "สิ่งตกค้างไว้บนโลก" (ไม่รวมธาตุ) นั่นเองครับ
     
  14. มันตระเทวะ

    มันตระเทวะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +30
    ชิชะ ข้าก็ว่าใคร ที่แท้คุรุขจรศักดิ์ ญาติระอา นี่เอง เอ็งยังอยู่ในเว็ปพลังจิตอีกรึ "อนิจจัง สุขขัง อนัตตา" วาทะ มีเพียงไอ้แมงมุมคนเดียวเท่านั้น
     
  15. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    แล้วเมล็ดที่ลีบ ถึงมันจะได้รับเหตุปัจจัยที่เพียงพอ ดีมาก มันจะงอกรากมั้ยล่ะ
    ที่มันไม่เกิด งอกรากไม่ได้ เพราะเหตุใดต่างหาก
    มนุษย์ก็เช่นกัน ที่จะกลับมาเกิดอีกไม่ได้ เพราะหมดเชื้อ ตรงไหน อะไรไม่มี ถึงจะมีโลก มีดินน้ำลมไฟ แต่ก็ เกิดไม่ได้อีกแล้ว ก็ย่อม มีได้เช่นกัน แต่ มันจะเป็นแบบนี้ได้ เพราะหมดเชื้อ หมดยาง อย่างไร ต่างหาก คือ ปัญญา ที่ ต้องรู้และเข้าใจ
     
  16. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    นอบน้อมต่อทุกสิ่ง

    นอบน้อมต่อธรรมชาติ

    นอบน้อมต่อผู้อื่น

    นอบน้อมต่อตนเอง

    ทำสิ่งเหล่านี้ให้ได้ก่อน

    เพราะว่า ผู้ดำรงอยู่ในระดับของความว่าง

    ยังดูแลสิ่งเหล่านี้

    หากสิ่งดังกล่าวข้างต้น

    ยังทำได้ไม่ถึง ไม่เข้าใจ

    โอกาสที่จะเข้าถึงความว่าง หรือ ใจ ตนเองแท้

    ก่ หมดโอกาส

    ว่าแต่ตอนนี้ยังสบายดี บ่ เทวะทะตะ
     
  17. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    ก็แล้วแต่ อยากรวมก็รวมไป จะกระทำกรรมสิ่งใด ก็กระทำไป ตามที่ ตนเอง สร้างเอาไว้ พระพุทธเจ้ารวมธาต ผมรวมภพภูมิ ก็แล้วกัน รวมจิตที่สมุทัยทั้งหมด รวมมาไว้ที่โลก รวมอดีต อนาคตให้มาอยู่ในโลก เป็นปัจจุบัน
     
  18. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    พระผู้สร้าง สร้างมนุษย์โลกมาให้อยู่ในมิติที่ ๓
    มนุษย์จะ้ต้อง "รวมธาตุเพื่อกำเนิดใหม่" จึงจะได้
    เป็นมนุษย์ในมิติที่ ๕ แล้วจะนิพพานได้ ไม่มีปัญหา


    การนิพพานในระดับมิติที่ ๓ จะได้เแบบปัจเจกฯ
    ส่งผลกระทบต่อโลก เกิดภัยพิบัติได้ทันทีเลยครับ


    ดังนั้น เราจะเดินตามแนวทางปัจเจกฯ ต่อไป ไม่ได้
     
  19. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172

    ไม่ทุกข์ ไม่ทุกข์ ไม่สบายดี แต่ก็ รับได้ทุกอย่าง รับได้ทั้ง สุข ทุกข์ เฉยๆ รับได้ทุกสมมุติ ที่โลกมี ก็แค่นั้น ความสบายดี ก็แค่ สภาวะหนึ่ง ความสุขก็แค่ สภาวะหนึ่ง ความทุกข์ก็แค่สภาวะหนึ่ง เฉยๆ ก็แค่สภาวะหนึ่ง มันก็แค่ สิ่งที่เป็นไปได้ ในโลก นี้ เกิดได้กับทุกตัวคน เท่าเทียมกัน แล้วจะมาถามทำไมครับ
     
  20. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    นี่ภูดิด พวกที่นอบน้อม แบบ สตอเบอรรี่ ผมเห็นมาเยอะแล้วครับ
    ปากก็ว่านอบน้อม ดูท่าทางก็เหมือนนอบน้อม ต้อหน้าอย่างหนึ่ง ลับหลังอย่างหนึ่ง คนจำพวกนี้ ผมเห็นมาเยอะครับ พวกลวงโลกครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...