ฤาชำระคัมภีร์เป็นยาวิเศษแก้วิกฤติ'เณรคำ'

ฤาชำระคัมภีร์ใบลานมาตรฐานสากล จะเป็นยาวิเศษแก้วิกฤติ'เณรคำ' : สำราญ สมพงษ์รายงาน



กระแสข่าวดัง "เณรคำ" ขึ้นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ทำให้มีการเรียกร้องให้ตรวจสอบพฤติกรรมจนกระทั้งคณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษมี มติให้สึกในข้อหาปาราชิกข้อเสพเมถุนขาดจากความเป็นพระ ขณะเดียวกันก็ถูกดีเอสไอ ป.ป.ส. ปปง.ไล่ล่าตัวมาดำเนินคดีในข้อหาหนัก 3 ข้อหาทั้งหลอกลวง ฟอกทรัพย์ และพรากผู้เยาว์ นี้่ก็ผ่านมา 2 เดือนกว่าแล้วก็ยังไม่รู้ว่า "เณรคำ" หลบลี้อยู่ที่ใดแน่

จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบกับชาวพุทธที่มีศรัทธาแบบอนิจจังอยู่ไม่น้อย พร้อมกับมีกระแสกดดันให้คณะสงฆ์วางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่น นี้อีก อย่างเช่นล่าสุดสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) ได้เสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ เรื่อง "บทบาทของพระสงฆ์ต่อสังคมและประเทศชาติ" ซึ่งก็สอดคล้องกับสถานการณ์ของสถาบันพระสงฆ์ที่มีปัญหาอย่างต่อเนื่อง ต่อที่ประชุม ครม. ในวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา รม.ซึ่งก็มีมติเพียงรับทราบเท่านั้น

โดยข้อเสนอที่น่าสนคือข้อเสนอที่ สป. เสนอในเรื่องของการทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนาเพื่อให้การส่งเสริมบทบาท ของพระสงฆ์ต่อสังคมและประเทศชาติบรรลุผลสำเร็จ ซึ่งรัฐบาลควรดำเนินการทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนาควบคู่กันไปด้วย คือ

1. สนับสนุนให้มีการบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับใหม่ว่า "พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" 2. ให้มีการปรับปรุงพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ซึ่งใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2505 ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลง 3. จัดทำแผนทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนาคู่กับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความมั่นคง มีบทบาทในการพัฒนาคนสังคมและประเทศชาติ

4. มอบให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดร่วมกับเจ้าคณะจังหวัด จัดทำทำเนียบเครือข่ายพระสงฆ์เพื่อสังคมของแต่ละจังหวัด โดยคัดเลือกพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีผลงานในการเผยแผ่ธรรมะแก่ประชาชน ในการทำประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ เป็นสมาชิกเครือข่ายพระสงฆ์เพื่อสังคมโดยให้มีงบประมาณที่เหมาะสมเพียงพอ

5. ส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานของสมัชชาชาวพุทธแห่งชาติและสมัชชาชาวพุทธ ประจำจังหวัด โดยมีกฎหมายรองรับสถานภาพเพื่อให้มีความเข้มแข็ง จัดให้มีงบประมาณและบุคลากรอย่างเหมาะสมเพียงพอ

อย่างไรก็ตามก็ยังมีเสียงจากนักวิชาการและประชาชนทั่วไปได้เสนอให้มีการทำ สังคยานาทั้งหลักธรรมคำสอนหรือที่เรียกว่าชำระพระไตรปิฎกและบุคลากรในพระ พุทธศาสนาเป็นการเร่งด่วน

ที่ผ่านมามหาเถรสมาคมซึ่งเป็นหน่วยงานสูงในการปกครองคณะสงฆ์ไม่ได้ดำเนินการ อะไรที่เป็นรูปธรรมมากนัก แต่ได้เห็นภาพของนักวิชาการพุทธศาสนาทั้งพระและฆราวาสได้ออกมาแสดงความเห็น และจัดกิจกรรมเพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้ดำเนินการตาม หน้าที่แก้วิกฤติดังกล่าว

อย่างเช่นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2556 บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ร่วมกับโครงการปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาพุทธศาสนศึกษา(นานาชาติ) คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และบัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย(มมร.) จัดประชุมวิชาการทางพระพุทธศาสนาเรื่อง "วิธีตรวจชำระคัมภีร์ใบลานให้ได้มาตรฐานสากล" ณ โรงแรม เอส.ดี.อเวนิว ปิ่นเกล้า ได้มีคณาจารย์และนิสิตบัณฑิตวิทยาลัยทั้ง 3 สถาบันและประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมประมาณ 100 รูป/คน

ภายในงานได้มีนักวิชาการเสนอผลงานและวิจัยด้านนี้ได้อย่างเช่นนายปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธนันท์ ประธานคณะกรรมการบริหารหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาพุทธศาสนศึกษา(นานาชาติ) คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการได้บรรยายเรื่อง"กำเนิดและวิวัฒนาการของทฤษฎีการ ตรวจชำระแบบสากลในยุโรป" แม่ชีวิมุตติยา (รศ.ดร.สุภาพรรณ ณ บางช้าง) โครงการหอพระไตรปิฎกศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายเรื่อง "การจัดเตรียมต้นฉบับพระไตรปิฎกฉบับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว"

ดร.อเลกซานเดอร์ วิน ที่ปรึกษาโครงการชำระพระไตรปิฏกวัดธรรมกาย บรรยายเรื่อง"การตรวจชำระพระไตรปิฏกของวัดธรรมกาย" นายจี.เอ.โสมรัตเน บรรยายเรื่อง"การตรวจชำระคัมภีร์สังยุตตนิกายของสมาคมบาลีปกรณ์" นายศานติ ภักดีคำ อาจารย์ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตรบรรยายเรื่อง"การตรวจชำระคัมภีร์ใบลานในประเทศไทย" และนายชานป์วิชช์ ทัดแก้ว อาจารย์ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยาเรื่อง"ในการตรวจชำระคัมภีร์ใบลานฝ่ายสันสกฤต"

ทั้งนี้นายปฐมพงษ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีคัมภีร์ใบลานซึ่งเก็บรักษาไว้แต่โบราณเป็นจำนวนมาก มีกระจัดกระจายอยู่ในหอสมุดใหญ่ๆ เช่น หอสมุดแห่งชาติและวัดต่างๆ คัมภีร์ใบลานเหล่านี้คือที่มาของพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา ปกรณ์วิเสสต่าง ๆ ที่ชาวไทยตรวจชำระก่อนจัดพิมพ์ ในปัจจุบันแม้จะมีหลายๆองค์องค์กรที่รับผิดชอบในการตรวจชำระคัมภีร์ใบลาน แล้วจัดพิมพ์ แต่ขั้นตอนการตรวจชำระยังไม่ได้มาตรฐานสากล ทำให้ขาดการยอมรับในระดับนานาชาติ ดังนั้น แม่จะจัดพิมพ์มามากมายเพียงใดความเชื่อถือในสายตานักวิชาการสากลก็ยังต่ำ อยู่

"ในฐานะที่เป็นหน่วยงานทางวิชาการที่สังกัดมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมุ่งใช้ความรู้ในการขับเคลื่อนสังคม ในฐานะเป็นปัญญาของแผ่นดิน หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิตสาขาพุทธศาสนศึกษา(นานาชาติ) มหาวิทยาลัยมหิดล ประสงค์จะให้ความรู้แก่ประชาชนในวงกว้างถึงประวัติความเป็นมาของทฤษฎีตรวจ ชำระแบบสากลตลอดจนขั้นตอนของการตรวจชำระให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ เพื่อให้ผู้ร่วมประชุมได้รับทราบ ซึ่งจะได้ใช้เป็นแนวทางในการนำไปตรวจชำระต่อไป

ทางด้านพระสุธีธรรมานุวัตร คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มจร ได้กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยก็มีการตรวจชำระประไตรปิฎกและคัมภีร์ต่างๆเรื่อยมา ซึ่งก็ทำแบบไทยๆและต่างคนต่างทำ ซึ่งไม่ได้ทำเป็นแบบสากลจึงขาดการยอมรับ มาครั้งนี้ทั้ง 3 หน่วยงานได้มาจับมือร่วมกันแบบเป็นเจ้าภาพร่วมกัไม่มีหน่วยงานใดหน่วยงาน หนึ่งเป็นพระเอกแต่เพียงผู้เดียวแต่เป็นพระเอกด้วยกันทั้งหมด จึงถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดี

"อาตมาคิดว่างานวิชาการบริสุทธิ์มีแต่มิตรภาพเท่านั้น ไม่ควรมีอคติต่อกัน และไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะผิดไปจากหลักการทางพระพุทธศาสนา เพราะว่ามีหลักฐานอ้างอิงอยู่แล้ว" คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มจร กล่าว

ขณะเดียวกันบัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัย ยังได้จัดโครงการพระไตรปิฎกสัญจร นำโดย ผศ.รังษี สุทนต์ อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย และผู้อำนวยการโครงการพระไตรปิฎกศึกษาประกาศนียบัตรบัณฑิต และนิสิตระดับประกาศนียบัตรบัณฑิตสาขาวิชาพระไตรปิฎกศึกษา และระดับปริญญาโททั้งพระภิกษุและคฤหัสถ์สาขาพระพุทธศาสนาสัญจรไปตามพื้นที่ ต่างๆเพื่อให้ความรู้กับประชาชน

จึงถือได้ว่าภาคนักวิชาการพุทธศาสนาได้เริ่มก้าวแรกแล้ว ที่จะทำให้ผ่านกระแสวิกฤติเณรคำไปให้ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของอนัตตาไม่ใช่อัตตา หรือไม่ใช่เป็นเพียงผู้ถือใบลานเปล่าเท่านั้น แต่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงในเหตุการณ์ปัจจุบันได้ด้วย

ที่มา : คมชัดลึกออนไลน์วันที่ 02-08-2556

 

โคตรพ่อโคตรแม่เมิงรู้ดีกว่าพระไตรปิฎกหรือไง อวดรู้กันเจงเจง
เรื่องของเณรคำ มันเป็นเรื่องของความศรัทธา ที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา
พวกเมิงไปบ้าอะไรกับพระไตรปิฎก ใครเสือกเสนอชำระพระไตรปิฎกวะ ไม่รู้หรือว่าเขาให้เฉพาะองค์คณะที่เป็นพระอรหันต์เท่านั้นที่ชำระได้

 

พวก มจร นี่แหละตัวดี อวดรู้มากนะ พวกนี้ กิเลสยังมีกองเท่าภูเขา วันๆท่องแต่ตำรา สัญญาเต็มหัว เสือกอวดรู้จะมาชำระพระไตรปิฎก เมิงชำระจิตใจพวกเมิงดีกว่า พระไตรปิฎก ก็คือพระไตรปิฎก จิตใจสกปรกแล้วไปวุ่นวายกับตำรามันช่วยอะไรวะ พวกนี่แม่ง สีลพตรปรามาสเยอะ แก้ปัญหาผิดทาง ขี่ช้างจับตั๊กแตน แค่เรื่องเณรคำเกิดนิดเดียว ตีโพยตีพายจะแก้พระไตรปิฎก เมิงตั้งสติกันหน่อย พวกบ้าสังขารหลงสังขารนะ แม่งคิดไปได้ โคตรเบื่อเลย

 

ไปเอาใจพวกไอ้หรั่งมันทำไมวะ อยากได้หน้าได้ตา อยากได้ผลงานกัน คำก็สากล สองคำก็สากล
โบราณจารย์ท่าน ทำมาดีแล้ว ไม่ใช่ทำเอาหน้าเอาตา มันของประเทศไทย จะไปอ้างสากลฝรั่ง
เมิงคิดกันเป็นไหมเนี่ย ของบ้านเมืองกู กูจะเอาแบบโคตรพ่อโคตรแม่กูทำมาเว่ย กูไม่ได้ต้องการแบบไอ้หรั่ง
โคตรรำคาญแม่งเลย พวกนักวิชาการเนี่ย

 

พระหรือฆารวาส..ครับที่นำมาลง

 

ผมก็ไม่เห็นด้วยครับ การชำระคัมภีร์ใบลานนะ ถือได้ว่ามองภาพพระพุทธศาสนาผิดไป ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่า ต้องใช้สติปัญญาในการพิจารณา ใคร่ครวญ ใตร่ตรอง วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า และนำมาใช้ นี่ประการหนึ่ง

อีกประการหนึ่ง คนในปัจจุบันยังฝึกจิต บังคับจิตไม่ค่อยได้เลย แล้วเอาอะไรไปประเมินใบลาน

อีกประการหนึ่ง คัมภีร์ไม่ได้กระทำอะไรพลาด คนต่างหากที่ผิดพลาด

อีกประการหนึ่ง สื่อโจมตีต่อเนื่องมากเกินไป ไม่รู้จักคำว่าพอเพียง ย่อมเป็นสาเหตุแห่งปัญหา

อีกประการหนึ่ง สื่อชอบสนันสนุนต่างชาติ หรือคนนอกศาสนาพุทธ พอมีเหตุการณ์อะไรขึ้นก็เหมาเอาว่าคนพุทธผิดท่าเดียว คนอื่นไม่ผิด เรียกว่าไม่ยุติธรรม และสื่อก็ไม่ยอมรับความพลาดของตนเองด้วยเช่นกัน

อีกประการหนึ่ง อื่น ๆ อีกมากมาย

แต่ เห็นด้วยอย่างหนึ่ง คือ การประกาศพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ และใช้แผนการปรับปรุงพัฒนาเพื่อการจรรโลง ป้องกัน พระศาสนา

 

ถูกอยู่แล้วไปชำระ ทำไมให้เปลืองงบประมาณ
ไปชำระคณะตัวเอง ในวิธีการปฏิบัติที่ไม่ตรงกับตำราใหญ่ ดีกว่า ทำกันสุกเอาเผากิน แล้วมาโทษ เถระ วาทะ (เถรวาท ไตรปิฏก) มันจาลงนรกเอานา

 

ครับ ตัวอย่างของการสนับสนุนคนต่างศาสนา ก็เช่น กรณีวางระเบิดที่รามคำแหง กรณีวางระเบิดที่พุทธคยา กรณีโรฮิงยา วันนี้ก็เกิดวางระเบิดที่อินโดนีเซีย ( วันที่ 6 สิงหาคม 2556 ) วางที่วัดพุทธโดยฝีมือโรฮิงยา ซึ่งสื่อพยายามวางเชื้อว่าชาวพุทธที่พม่าผิด ทั้ง ๆ ที่ต้นเหตุมาจากโรฮิงยาที่เป็นอิสลาม เป็นต้น

สื่อไม่ยอมให้อิสลามผิด เพราะน่าจะมีอะไรแฝงอยู่แน่ ๆ รวมทั้งยังไปเชียร์โป๊ปอย่างออกหน้าออกตา ทั้ง ๆ ที่ในประวัติศาสตร์ของพวกคริสต์ฆ่าคนเหมือนผักปลา

 

เพิ่มเติมให้อีกนิด สื่อจะต้องแก้ตัวออกมาแน่นอนเรื่องนี้ คอยดูกันไปเรื่อย ๆ ครับ....

 

อยู่กันสบายเกินไป ว่างมากไม่มีไรทำ(ปฏิบัติภาวนาไม่เคยคิดที่จะทำ)กลัวด้อยค่าเพราะเป็นชั้นผู้ใหญ่ก็เลยคิดจะแก้พระไตรปิฎก

 

กรณีเณรคำเป็นเรื่องการใช้ปัญญาของคนไม่เกี่ยวกับพระไตรปิฏก

 

พวก นักวิชาการ เดี๋ยวนี้มันบ้าฝรั่ง
อารยธรรมฝรั่งมันเพิ่งสร้างมาไม่กี่ปี ประเทศสหรัฐอเมริกามีมาไม่นาน
มันคิดอะไรขึ้นมา ลองผิดลองถูกมั่วไปหมดแต่สุดท้ายประเทศมันยังวุ่นวายเหมือนเดิม ไม่จบไม่สิ้น
ทั้งทฤษฎีเศรษฐกิจ โนเบลอะไรของมัน ตัวเลขบ้าๆบอๆของมัน เมิงเจอ เศรษฐกิจพอเพียงไปเป็นไง ง่ายๆ ไม่ต้องคิดมาก พูดแบบง่ายๆว่าถ้าพวกเมิงรู้จักประหยัด อดออม อดทนกัน เมิงไม่ต้องคำนวณบ้าๆบอๆ
แล้วเมิงดู อารยธรรมประเทศไทย มีมาเป็นพันปีแล้ว นับตั้งแต่กรุงสุโขทัย มีสถาปัตยกรรมสวยงาม มีภาษาเป็นของตัวเอง มีศาสนา มีระบบการปกครองที่ดีงาม
สมัยนั้นพวกไอ้หรั่งยังเป็นวุ้นอยู่เลยมั้ง
แต่พอมายุคหลัง แม่งเห่อไอ้หรั่งกัน ยังกับมันเป็นพระเจ้้า โคตรเซ็งเลย เอามาตรฐาน iso มาตรฐานห่าเหว อะไรมา แล้วมากำหนดมาตรฐาน ให้กับคนไทย จะเอาอย่างนั้นจะเอาอย่างนี้ เมิงกลับประเทศเมิงไปปะ กูรู้ว่า ประเทศของกูมีค่า ถ้าเมิงอยากจะมารู้อารยธรรมของกู เมิงต้องตามกู ไม่ใช่กูไปตามเมิง
ไอ้หรั่งมันยืนค้ำหัวคนไทย ชี้ให้คนไทย ทำตามที่มันต้องการ หัดภูมิใจในชาติตนเองบ้างนะพวกเมิง คิดเองเป็นมั่ง ไม่ใช่หยิบเอาแต่ของไอ้หรั่งมา
เรื่องพระไตรปิฎกเมิงไปปรับแต่งการเรีียงร้อยถ้อยความ เมิงไม่รู้หรอกว่า โบราณจารย์เขาวางหมาก วางหลักเอาไว้ เผื่อสูญเผื่อหายจะได้มีผู้รู้ผู้มีปััญญามาประติดประต่อกันติด ตรงไหนอย่างไรได้ คนโบราณทำอะไรเผื่อลูกเผื่อหลาน คนเดี๋ยวนี้แม่งเผื่อตนเองกลัวจะไม่มีผลงาน ชีวิตมันมีเท่านั้นแหละ ทำอะไรเพื่อหน้าเพื่อตากันเท่านั้นแหละ ประโยชน์อย่างอื่นมันไปควานหามาเพื่อสนับสนุนความอยากได้หน้าได้ตาของมันเท่านั้น สุดท้ายผลงานแต่ละอย่างออกมา ขี้ยังมีประโยชน์มากกว่า พูดเท่่านี้ โอนะ

 

สื่อไม่ควรโยงการชำระพระไตรปิฏกกับกระแสเณรคำ
และควรสอบถามผู้รู้เช่นท่านเจ้าคุณปยุต ดูว่าสมควรหรือไม่
และในสมัยที่ผ่านมาเขาใช้คณะสงฆ์ทังประเทศ

การศึกษาคัมภีร์ใบลานควรเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อเทียบเคียงกับพระไตรปิฏก ที่มีอยู่ การตรวจเพื่อดูสะกดคำผิดควรทำอยู่
แต่ก่อนจะชำระนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ลองอ่านคัมภีร์ ฉบับสยามรัฐครบทุกเล่มแล้วหรือ และจะใช้อะไรเป็นพื้นฐานเพื่อเทียบเคียง

รวมถึงใครจะมีภูมิปัญญาเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดว่า ข้อความที่ค้นพบใหม่ถูกหรือไม่ถูก และของเดิมไม่ถูกเพราะอะไร

 

น่าเป็นห่วงจริงๆกรณีอย่างนี้น่าจะเรียกได้ว่า"แปลงวิกฤต(เณรคำ)เป็นโอกาส"แค่ในข้อเเรกผมก็หนาวๆร้อนๆขึ้นมาปัจจุบันทันใด ก็ตั้งแต่สยามประเทศเปลี่ยนการปกครองมานี้แม้จะไม่ได้ระบุชัดเจนแต่เราก็อยู่กันมาได้อย่างปกติสุขแม้จะลุ่มๆดอนๆตามประสาไทยแลนด์โอนลี่ก็ตามที แต่เราก็ไม่เคยมีที่จะมีตีกันแบ่งแยกกันด้วยข้ออ้างตามความเชื่อหรือด้วยข้อกล่าวหาทางศาสนาที่แตกต่าง ทุกคนในประเทศมีอิสระเสรีภาพมีความเท่าเทียมกันแล้วเราจะได้ประโยชน์จริงๆหรือที่จะเน้นขนาดนั้น หากมีผู้ไม่หวังดีนำไปโจมตีขึ้นมามันคุ้มกันหรือ แล้วข้อต่อมาก็คือให้รัฐสนับสนุนทั้งออกกฎหมายรองรับและให้งบประมาณอันนี้น่าคิดนะ เพราะโดยปกติการให้แล้วไม่หวังผลจะมีหรือ จะเป็นการเปิดช่องให้ผู้มีอำนาจเข้าไปแทรกแซงหรือชี้นำเพื่อหวังผลทางการเมืองได้อย่างไม่ยาก ซึ่งโดยปกตินักเลือกตั้งก็เข้าหาผู้นำชุมชนอยู่แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการแอบแฝงพลิกวิกฤตเพื่อการแทรกแซงให้เข้าถึงยิ่งขึ้นละหรือ การนำเอามาตรฐานสากลตะวันตกยุโรปอะไรต่ออะไรมาอ้าง ฟังทะแม่งๆทั้งที่ความจริงพุทธศาสนาก็มีความเป็นสากลในตัวอยู่แล้ว ให้อิสระภาพเน้นผลปลายทางความหลุดพ้น ละชั่วทำดีเชื่อในกฏแห่งกรรมเน้นการใช้ปัญญาพิจารณาใครทำใครได้ ข้อย่อยๆอาจแตกต่างไปบ้างก็ตามแต่หลักธรรมนูญสงฆ์คือพระไตรปิฎกปัจจุบันก็มีความถูกต้องดีอยู่แล้วผ่านการสังคายนามาอย่างยาวนาน ปัญหาที่เกิดผมว่าเป็นเรื่องเล็กที่เกิดขึ้นจากความย่อหย่อนในข้อปฏิบัติที่มีอยู่แล้วจากบุคคลทั้งเดี่ยว,กลุ่มไปจนถึงคณะที่พากันละเลย มองไม่เห็นความผิดปกติจนเป็นเรื่องขึ้นมาตะหาก

 

อธิมุตโต
นักบวช

ชัดมั้ย

 

เห็นด้วยกับนักวิชาการ เพราะสิ่งใดก็ตามทำแล้วเกิดประโยชน์ไม่เกิดโทษก็ควรทำ
ต่อวงการศาสนา คนจะได้ศึกษากันเยอะๆ ไม่ใช่เพราะตามๆกันมา ถ้าไม่เกิดเหตุบางทีเราก็ไม่ศึกษา เรื่องพระทุศีลมีให้เห็นอยู่ แม้นรกสวรรค์เป็นเรื่องของบุคคลแต่สิ่งที่ทำทำให้คนอื่นเดือดร้อนจริงก็ควรจะป้องกัน แล้วก็อยากให้ประเทศไทยประกาศให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ(แม้จะดูไม่ค่อยเป็นประชาธิปไตย) หากฝรั่งบางคนเขานับถือศาสนาพุทธจริงเขาก็มีสิทธิ์ช่วยคิด ศาสนาพุทธเกิดขึ้นที่ประเทศอินเดียแต่ปัจจุบันรุ่งเรืองอยู่ในประเทศไทย พม่า ฯลฯ อนาคตก็ยังอยากให้รุ่งเรืองในประเทศไทยต่อไป

 

คิดได้ไงที่จะชำระพระไตรปิฏก แค่คิดก็ผิดแล้วไม่ใช่ของเล่น พระธรรมคือตัวแทนของพระพุทธองค์นะ ....แค่เหตุไอ้พีรพลคนชั่วกับพวกสิบแปดมงกุฎระดับประเทศ คิดจะชำระพระไตรปิฏก ..ไม่ฉลาดกันเองที่ให้มันหลอก อะไรที่แปลกๆดังๆไปหากันจัง ใช้ปัญญาตามหลักธรรม กาลามสูตรพิจารณากันบ้างไหม มีปัญญากันแค่นี้หรือ พระไตรปิฏกไม่ใช่รัฐธรรมนูญไม่ใช่กฏหมายที่จะทำอะไรก็ได้ อย่าบ้าตามนักการเมืองมากนักอะไร ก็แก้รัฐธรรมนูญ ...มันเป็นเรื่องทางโลก ทำไมไม่ไปแก้กฏหมายให้มันรุนแรงละ ..ใครหน้าไหนก็ตามที่เอาพระพุทธศาสนาไปบังหน้าหาผลประโยชน์ ก็แก้โทษให้มันหนักๆไปเลยตามแต่กรณี อย่างน้อยสิบปีขึ้นไปถึงประหารชีวิต ดูซิจะมีใครกล้ามาแอบอ้างศัรทธาหากินอีก ..