รักษาโรคด้วยตนเอง โดยใช้พลังแสง(โพสต์แรกนะคะ)

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย ติงติง, 6 ธันวาคม 2012.

  1. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    [​IMG]
     
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    เคล็ดลับในการรักษาความดันโลหิตสูงเบื้องต้น

    ตรวจวัดความดันเป็นระยะ
    รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ โดยการลดน้ำหนักลง 10% สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกิน
    งดอาหารเค็มหรือเกลือไม่ควรได้รับเกลือเกิน 6 กรับต่อวัน
    รับประทานอาหารไขมันต่ำ
    งดการสูบบุหรี่
    รับประทานยาตามแพทย์สั่ง
    ไปตามแพทย์นัด
    ออกกำลังกายตามแพทย์แนะนำโดยการออกกำลังวันละ 30-45 นาทีสัปดาห์ละ 3-5 วัน
    รับประทานอาหารที่มีเกลือโปแตสเซียม
    แนะนำให้พาพ่อแม่พี่น้องและลูกไปตรวจวัดความดันโลหิต
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    1ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

    เมื่อน้ำหนักเพิ่มความดันก็จะเพิ่ม คนอ้วน จะมีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูงมากกว่าคนปกติ 2-6 เท่า วิธีการลดน้ำหนักที่ดีควรจะลดไม่เกินสัปดาห์ละ 1/2 กิโลกรัมโดยการเลือกรับประทานอาหารที่มีพลังงานน้อยร่วมกับการออกกำลังกาย วิธีการลดน้ำหนักมีดังนี้

    เลือกอาหารที่มีไขมันต่ำ อาหารไขมันต่ำ จะให้พลังงานน้อย อาหารที่ให้พลังงานมากควรหลีกเลี่ยงได้แก่ เนย น้ำสลัด เนื้อติดมัน เนื้อติดหนัง นมสด ของทอดเช่นปลาท่องโก๋ กล้วยแขก ไก่ทอด เค้ก คุกกี้ให้เลือกอาหารที่มีพลังงานน้อยเช่นใช้อบหรือเผาแทนการทอด เลือกไก่ไม่ติดหนัง ปลา ดื่มนมพร่องมันเนยแทนนมสด รับประทานผักให้มาก
    เลือกอาหารที่มีแป้งและใยให้มาก
    ใช้จานใบเล็กและห้ามตักครั้งที่สอง ควรจดรายการอาหารที่รับประทานทุกครั้ง ไม่ควรรับประทานอาหารว่างขณะดูทีวี ไม่ควรงดอาหารมื้อหนึ่งแล้วชดเชยมื้อต่อไป

    ให้เพิ่มออกกำลังกายเพิ่ม การออกกำลังกายหรือการทำงานบ้านจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงาน ทำให้น้ำหนักลดตารางข้างล่างจะแสดงพลังงานที่ใช้ในการออกกำลังกาย
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    2 ให้ร่างกายได้ใช้พลังงานให้มาก การออกกำลังกายนอกจากทำให้น้ำหนักลดแล้วยังลดไขมัน cholesterolในเลือด และเพิ่ม HDL นอกจากการออกกำลังกายแล้ว ท่านผู้อ่านยังสามารถทำให้ร่างกายมีการออกกำลังอยู่ตลอดเวลา เช่นใช้บันไดแทนลิฟท จอดรถก่อนถึงที่ทำงานแล้วเดินต่อ ขี่จักรยานแทนการนั่งรถ ตัดหญ้า ทำสวน ไปเต้นรำเป็นต้น ผู้ป่วยสามารถออกกำลังได้เลยโดยที่ไม่ต้องปรึกษาแพทย ์นอกจากท่านจะมีอาการดังต่อไปน ี้ขณะออกกำลังกาย แน่นหน้าอก จะเป็นลมขณะออกกำลังกาย หายใจเหนื่อยเมื่อเริ่มออกกำลังกาย หรืออายุกลางคนโดยที่ไม่ได้ออกกำลังกาย การออกกำลังกายควรออกแบบ aerobic คือออกำลังกายแล้วร่างกายใช้ออกซิเจนเพื่อให้พลังงาน ควรออกกำลังกายครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละ2-5 ครั้งยิ่งออกกำลังกายมากจะช่วยลดความดันโลหิตลงได้มาก มีรายงานว่าสามารถลดระดับความดันโลหิตลงได้ 5-15 มิลิเมตรปรอท
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    3 เลือกอาหารที่มีเกลือต่ำ การลดอาหารเค็มจะช่วยป้องกันและลดความดันโลหิต อ่านที่นี่
    ได้ โดยทั่วไปห้ามกินเกลือเกิน 6 กรัมหรือ 1 ช้อนชา(เท่ากับ โซเดียม 2400 มิลิกรัม) แต่แนะนำให้รับประทานเกลือ 1500 มิลิกรับเทียมเท่าปริมาณเกลือ 4 กรัมหรือ2/3 ช้อนชาท่านผู้อ่านไม่ควรปรุงรสอาหารก่อนชิมอาหาร หากปรุงรสอาหารเองต้องเติมเกลือให้น้อยที่สุด ตัวอย่างอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

    เกลือ 1/4 ช้อนชาเท่ากับโซเดียม 500 มิลิกรัม

    เกลือ 1/2 ช้อนชาเท่ากับโซเดียม 1000 มิลิกรัม

    เกลือ 2/3 ช้อนชาเท่ากับโซเดียม 1500 มิลิกรัม

    เกลือ 1 ช้อนชาเท่ากับโซเดียม 2400 มิลิกรัม

    หากท่านซื้ออาหารกระป๋อง ท่านต้องอ่านสลากอาหารเพื่อดูปริมาณสารอาหารเลือกที่มีเกลือต่ำ
    รับประทานอาหารสด เช่น เนื้อสัตว์ ผัก หรือผลไม้ แทนการรับประทานอาหารที่ผ่านขบวนการถนอมอาหาร
    ไม่เติมเกลือหรือน้ำปลาเพิ่มในอาหารที่ปรุงเสร็จ
    หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม เช่น หมูเค็ม เบคอน ไส้กรอก ผักดอง มัสตาร์ด และเนยแข็ง
    อาหารตากแห้ง เช่น ปลาเค็ม เนื้อเค็ม หอยเค็ม กุ้งแห้ง ปลาแห้ง
    เนื้อสัตว์ปรุงรสได้แก่ หมูหยอง หมูแผ่น กุนเชียง
    อาหารกึ่งสำเร็จรูป เช่น บะหมี่สำเร็จรูป โจ๊กซอง ซุปซอง
    อาหารสำเร็จรูปบรรจุถุง เช่น ข้าวเกรียบ ข้าวตังปรุงรส มันฝรั่ง
    เครื่องปรุงรสที่มีเกลือมากเช่น ซุปก้อน ผงชูรส ผงฟู
    อาหารหมักดองเค็ม เช่น กะปิ เต้าหู้ยี้ ปลาร้า ไตปลา ไข่เค็ม ผักดองผลไม้ดอง แหนม ไส้กรอกอิสาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2014
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ จากการศึกษาพบว่าปริมาณสุราที่ดื่มจะมีส่วนสัมพันธุ์กับระดับความดันโลหิต สำหรับผู้ที่ดื่มสุราปริมาณปานกลาง ระดับความดันโลหิตจะลดลงในช่วง 1-2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะกลับสู่ปกติ สำหรับผู้ที่ดื่มสุราอย่างมาก (ประมาณห้าเท่าของที่แนะนำ) จะพบว่าระดับความดันโลหิตจะสูงหลังจากหยุดสุรา ดังนั้นจะพบว่าหลังจากดื่มสุรามากในวันหยุดจะมีความดันสูงในวันทำงาน การลดสุราจะทำให้ระดับความดันโลหิตลดลงalcoholic beverages
    ผู้ชายให้ดื่มไม่เกิน 2 drink(20–30 g ethanol per day) ผู้หญิงไม่เกิน 1 drink(10–20 gethanol per day)
    1 drink เท่ากับ
    วิสกี้ 45 มล.
    ไวน์ไม่เกิน 150 มล..
    เบียร์ไม่เกิน300 มล.

    นอกจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นการได้รับโปแตสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม และน้ำมันปลายังช่วยลดความดันโลหิตในผู้ป่วยบางราย
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    อาหารสำหรับผู้ป่วยที่เป็นความดันโลหิตสูง

    ประเทศไทยได้มีการแนะนำอาหารหรือสมุนไพรเพื่อลดระดับความดันโลหิต เช่นการรับประทานกระเทียม ใบขึ่นช่าย หญ้าหนวดแมว หรืออีกหลายอย่าง แต่ยังไม่ได้มีการทดลองเชิงวิทยาศาสตร์ เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการวิจัยบทบาทของอาหารต่อความดันโลหิตที่เรียกว่า The Approaches Dieatary Stop Hypertension เป็นการศึกษาแผนการรับประทานอาหารร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีเกลือต่ำ ซึ่งให้ผลดีต่อการรักษาความดันโลหิตสูง และยังป้องกันความดันโลหิต บทความนี้เป็นของต่างประเทศผู้เขียนจะไม่เปลี่ยนแปลงสูตรอาหารที่กล่าวไว้ ผู้อ่านต้องปรับเปลี่ยนสูตรอาหารให้สอดคล้องกับผลการวิจัย
     
  8. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    หัวใจขาดเลือดจากเส้นเลือดหัวใจตีบ

    อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ จะเกิดแบบเฉียบพลันและมีอาการมากซึ่งผู้ป่วยมักจะเข้าโรงพยาบาล แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะเกิดอาการช้าๆ ปวดไม่มากผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะไม่ทราบว่าเป็นอาการของโรคหัวใจ ทำให้ผู้ป่วยไม่รีบตรวจรักษา อาการที่จะกล่าวเป็นอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงต้องทราบ

    แน่นหน้าอก มักจะแน่นตรงกลางหน้าอกเกิดขณะออกกำลังกายหรือทำงานหนัก หยุดออกกำลังอาการแน่นประมาณไม่กี่นาทีก็หาย ลักษณะเจ็บแน่นๆ เจ็บหนักๆเหมือนมีอะไรมาทับ บางคนบอกเจ็บแสบๆ
    อาการปวดร้าวไปบริเวณอื่น บริเวณที่มักจะมีอาการปวดร้าวได้แก่บริเวณ แขนซ้าย คอ กราม หลัง บริเวณลิ่มปี่
    อาการหายใจหอบ มักจะเกิดพร้อมกับอาการแน่นหน้าอก ผู้ป่วยจะเหนื่อยหายใจไม่ทัน
    อาการอื่นที่อาจพบได้แก่ คลื่นไส้อาเจียน เป็นลม มือเท้าเย็นและมีเหงื่อออก

    หากมีอาการดังกล่าวอย่ารีรอที่จะเรียกรถฉุกเฉินหรือรีบไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน อ่านเรื่องอาการเจ็บหน้าอก angina กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อาการเจ็บหน้าอกจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

    สัญญาณเตือนภัยของโรคอัมพาต

    ท่านที่มีโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ท่านเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ซึ่งหากเกิดที่หลอดเลือดในสมองจะทำให้ท่านมีโรคสมองขาดเลือด หรืออาจจะเกิดโรคหลอดเลือดสมองแตก ซึ่งบางท่านอาจจะมีอาการเตือน หากท่านมีอาการเตือนเหล่านี้ต้องรีบพบแพทย์
     
  9. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    [​IMG]
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ..สูตรน้ำผักผลไม้......ช่วยต้านมะเร็ง... เป็นสูตรน้ำผักต้านมะเร็ง ลองทำทานกันดูนะคะ บทความคัดลอกมานะคะ.. น้องที่ทำงานมีญาติเป็นมะเร็ง 2 คน หมอนัดให้ทำคีโม 1 คน ผ่าตัด 1 คน โดยให้ไปพักผ่อนก่อน 1 - 2 อาทิตย์ก่อนทำการรักษา..... ระหว่างนั้นเองน้องที่ทำงาน ได้สูตรน้ำผักผลไม้ของฟ้าหญิงฯ มา ก็เลยลองให้ญาติทานดู แทนน้ำเลย วันละ 1 ลิตร เป็นเวลา 2 สัปดาห์เท่านั้น ไปตรวจอีกครั้งก้อนเนื้อที่เป็นมะเร็ง เล็กลงจนเกือบไม่มีเลย 1 คน ส่วนอีกคนมะเร็ง หายไปเลย .ไม่น่าเชื่อ เค้าตื่นเต้นกันมากหมอรพ.จุฬา ขอสูตรกันยกใหญ่ ตอนนี้น้องๆ ที่แผนก เลย สั่งกินกันทุกวัน เพื่อเป็นภูมิต้านทาน ส่วนใครที่มีญาติเป็นมะเร็ง นำสูตรนี้ไปทำให้กินได้เลย หรือบอกต่อๆ กันไป...เป็นอานิสงฆ์นะ น้ำผักผลไม้สูตรในวัง ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีผิวพรรณสดใสโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นโรคมะเร็ง จะดีมากมีคนแถวบ้านเป็นมะเร็งอายุประมาณ 80 กว่าแล้ว ต้องให้คีโมแต่ปรากฏว่าพอรับประทาน น้ำผลไม้สูตรนี้ไปเป็นเวลาประมาณไม่ถึง 1 เดือนปรากฏว่ามีผมงอกขึ้น และแข็งแรงขึ้นมากจนหมอตกใจ ลองนำไปปั่นทานกันดู..น่าจะดีต่อสุขภาพไม่มากก็น้อยส่วนประกอบก็ราคาไม่แพงมากด้วย สูตรมีดังนี้ 1. แอปเปิ้ล 1 ผล 2. แครอท 1 ลูก 3. ผักสลัด (ผักกาดแก้ว) 3 ใบ 4. ตั้งโอ๋ 2 ก้าน 5. มะนาว 1 ลูก 6. น้ำเสาวรส 1/2 แก้ว (ถ้าไม่มีสดให้ซื้อน้ำเสาวรสกระป๋องก็ได้ค่ะ) 7. น้ำผึ้งแท้ 1/2 แก้ว 8. น้ำเปล่า 1-2 แก้ว แล้วแต่ความชอบ 9. ฝรั่ง 1 ผล 10. มะเขือเทศสีดา (ลูกเล็กๆ) 5 ลูก 11. น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ นำทุกอย่างมาปั่นรวมกัน สูตรนี้จะทำได้ประมาณ 1 ลิตร ในกรณีที่เป็นคนป่วยให้รับประทานวันละ 1 ลิตร แต่ถ้าดื่มเพื่อสุขภาพเฉยๆ สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 2-3 วัน ขอบคุณข้อมูลจาก สูตรน้ำผักต้านมะเร็ง ของฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ | หญ้าปักกิ่ง

    [​IMG]
     
  11. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,239

    ขอบคุณครับ
     
  12. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    สุขภาพดีตรุษจีนนี้เลี่ยง "หวาน มัน เค็ม"

    กรมการแพทย์ แนะรับประทานอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสมในเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ชี้สุขภาพดีได้ด้วยการเลี่ยงอาหารหวาน มัน เค็ม พร้อมแนะออกกำลังกายหลังกินอาหารมงคล

    วิธีการรับประทานอาหารมงคล ในเทศกาลตรุษจีนให้ส่งผลดีต่อสุขภาพ ควรรับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม เน้นรับประทานอาหารที่ไม่มีไขมันหรือไขมันน้อย เช่น เนื้อไก่ไม่ติดหนัง เนื้อปลา เนื้อกุ้ง ปลาหมึก เพราะจะช่วยเพิ่มไขมันดี และลดไขมันเลวได้ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเครื่องในสัตว์เพราะมียูริกสูง ทั้งนี้ควรปรุงอาหาร ด้วยหลักการลดหวาน มัน เค็ม

    เพราะอาหารตรุษจีนมักเป็นแบบคั่วเกลือหรือผัดมัน ๆ เทคนิคง่าย ๆ คือคั่วหรือผัดด้วยน้ำมันน้อย ๆ โดยใช้สมุนไพรลดไขมันอย่าง ขิง กระเทียม ขึ้นฉ่าย และก่อนการปรุงอาหาร ต้องล้างวัตถุดิบให้สะอาดทุกครั้ง

    สำหรับขนมไหว้ที่มีแป้งเป็นส่วนประกอบควรเพิ่มถั่วและธัญพืช เพราะมีส่วนช่วยในการล้างพิษจากแป้งและความหวาน ซึ่งขนมสุขภาพที่ควรเลือกได้แก่ ขนมไส้ถั่วทั้งหลาย ขนมตุ้บตั้บ ขนมเปี๊ยะ คอเป็ดงาดำ ขนมเทียนไส้เค็ม

    ส่วนขนมเข่งวิธีกินให้สุขภาพดีคือ "ไม่ควรเอาไปทอดเพิ่มน้ำมัน" ที่สำคัญควรรับประทานผลไม้ร่วมด้วย เช่น ส้มที่มีวิตามินเพิ่มคอลลาเจนและเส้นใย ลดไขมัน แอปเปิ้ลหรือกล้วยหอมที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระช่วยเสริมมงคลสุขภาพรับตรุษจีนและควรดื่มชาร้อน เป็นตัวช่วยลดการอักเสบและช่วยลดไขมันด้วย

    อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวเพิ่มว่า หลังจากการรับประทานของไหว้แล้ว ควรมีกิจกรรมต่างๆ เผาผลาญไขมันออกไปจากร่างกายด้วยการออกกำลังกายให้มีสุขภาพแข็งแรง และดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว เพราะน้ำจะไปช่วยชะล้างสารพิษในอาหารที่รับประทานเข้าไป ฉะนั้น การรับประทานอาหารในเทศกาลตรุษจีนอย่างถูกต้องและเหมาะสม ไม่กินหวาน มัน เค็ม ก็จะทำให้ห่างไกลจากโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ส่งผลดีต่อสุขภาพเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีนที่เป็น มงคลแก่ชีวิตยิ่งขึ้น

    ที่มา : สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

    [​IMG]
     
  13. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    [ ตรุษจีนนี้ ‘กินพอดี’ แข็งแรง เฮงๆ ตลอดปี ]

    อาหารที่ล้วนอุดมไปด้วยไขมัน เช่น ไก่ เป็ดย่าง หมูแดง หมูสามชั้นทอดกรอบ ฯลฯ ซึ่งหากรับประทานอาหารเหล่านี้มากเกินไปอาจไปเพิ่มไขมันในเลือด สาเหตุของโรคหัวใจขาดเลือดอัมพาตหรืออัมพฤกษ์ได้

    การรับประทานอาหารมงคลในเทศกาลตรุษจีนให้ส่งผลดีต่อสุขภาพ ควรรับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม เน้นรับประทานอาหารที่ไม่มีไขมันหรือไขมันน้อย เช่น เนื้อไก่ไม่ติดหนัง เนื้อปลา เนื้อกุ้ง ปลาหมึก เพราะจะช่วยเพิ่มไขมันดีและลดไขมันเลวได้ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเครื่องในสัตว์ เพราะมียูริกสูง

    “เริ่มต้นกินอาหารน้ำๆ ก่อนเช่น ต้มจืด ซุปต่างๆ เพื่อให้กระเพาะรับอาหารหนักได้น้อยลง จะทำให้รู้สึกอิ่มและได้อรรถรสในการกินไปพร้อมกันโดยไม่ต้องกินมาก สิ่งสำคัญคือ กินแล้วต้องออกกำลังกาย”

    “สำหรับผู้ที่รับประทานของทอดขนมหวานที่มีน้ำตาลและไขมันมากนั้น ควรเพิ่มการรับประทานผักผลไม้ที่มีกากใย เพื่อให้กากใยช่วยจับคอเลสเตอรอลจากลำไส้เล็ก ไม่ควรสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะส่งผลให้ไขมันเอชดีแอลที่เป็นไขมันดีลดลง แต่ไปเพิ่มปริมาณไขมันแอลดีแอลซึ่งเป็นไขมันเลวแทน”

    ที่มา : สสส.

    [​IMG]
     
  14. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    [​IMG]

    ทานผัก…มากไป !!

    ทานผัก ใครๆ ก็ว่าดี แต่ถ้าตั้งหน้าตั้งตาทานแต่ผักๆๆ จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเรากันนะ ลองมาดูกันดีกว่าค่ะว่าร่างกายของเราจะตอบสนองต่อการรับสารอาหารบางอย่างมากเกินไปอย่างไร

    มะละกอ
    ใครท้องผูก ก็มักจะเรียกหามะละกอมารับประทาน เพราะมะละกอจะช่วยระบายให้สบายท้อง มีผลการวิจัยยืนยันมาแล้วหละค่ะว่ามะละกอมีประโยชน์อีกหลายประการเลยทีเดียว ทั้งช่วยต้านมะเร็ง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยปริมาณกากใยที่สูงจึงช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ทำให้ห่างไกลจากโรคริดสีดวงทวารไปโดยปริยายค่ะ มะละกอยังช่วยบำรุงตับ ป้องกันอาการตับโต และสำหรับคุณแม่ที่ให้นมลูกนั้น มะละกอยังช่วยให้คุณแม่มีน้ำนมมากขึ้นอีกด้วยค่ะ
    แต่ถ้าทานมะละกอมากเกินไป จะเกิดอะไรขึ้น?
    ด้วยความที่ “มะละกอ” มีสารแคโรทีนอยด์ เมื่อทานในปริมาณมากสารนี้อาจตกค้างในตับของเราได้ สังเกตุได้จากอาการที่ฝ่ามือจะเริ่มกลายเป็นสีเหลือง คำถามคือ ปริมาณที่ว่ามากนั้นคือเท่าไหร่กัน ปริมาณมากในที่นี้คือ ทานมะละกอประมาณวันละหนึ่งลูกและทานทุกวันด้วยนะคะ ถ้าทานแบบปกติก็ยังไม่น่าห่วงหรอกค่ะ

    แครอท
    ผักสีส้มสด เมนูโปรดของเจ้ากระต่ายนั้นมีประโยชน์มากมาย ทั้งมีวิตามินเอและสารเบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงสายตา ช่วยบำรุงผิวและเนื้อเยื่อต่างๆ ให้ทำงานได้ดี ช่วยยับยั้งความเสื่อมของอวัยวะสำคัญของร่างกาย ช่วยขับปัสสาวะ บำรุงเลือดให้ไหลเวียนสะดวก และช่วยขับของเสียออกนอกร่างกาย นอกจากนี้แครอทยังมีสารฟอลคารินอลซึ่งทำงานร่วมกับสารเบต้าแคโรทีน สามารถต้านอนุมุลอิสระอันเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง มีการวิจัยมาแล้วค่ะ ว่าแครอทมีสารแคลเซียมเพคเตท ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ ป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว ลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤษ์ อัมพาต ความดันโลหิตสูงและต้อกระจกอีกด้วยนะคะ
    แล้วถ้าทานแครอทมากไป จะเป็นอย่างไร ?
    ผิวสีเนื้อของคุณ อาจจะเปลี่ยนเป็นผิวสีส้มก็ได้ค่ะ โดยเฉพาะบริเวณผิวที่บางๆ ทั้งมือและเท้าจะกลายเป็นสีส้มอ่อนๆ ได้ เหตุผลก็มาจากการที่ร่างกายของเราไม่มีเอนไซม์ที่จะเปลี่ยนสารแคโรทีนอยด์จากแครอท ให้เป็นวิตามินเอได้นั่นเองค่ะ จึงทำให้มีสารทีส้มนี้สะสมในร่างกายมากเกิน แต่ถ้าเราหยุดทานแครอทสักพักอาการตัวส้มก็จะหายไปได้เอง แต่โดยรวมๆ แล้ว ไม่ได้น่ากลัวอะไรค่ะ

    บีทรูท
    บีทรูทคนไทยอาจจะยังไม่คุ้นเคยในการนำเอามาปรุงอาหารสักเท่าไหร แต่จริงๆ แล้วบีทรูทประกอบด้วยสารอาหารมากมาย ทั้งแคลเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม โพแทสเซียม เหล็ก ทั้งให้วิตามินสูง ทั้งวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี 1 และบี 2 สารสีแดงในหัวบีทรูท คือเบทานิน (betanin) เป็น กรดอะมิโนที่มีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกและมะเร็ง นอกจากนั้นบีทรูทยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย บำรุงเลือด ทำให้การไหลเวียนของโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดี บำรุงตับ ไต ถุงน้ำดี เป็นอาหารล้างพิษโดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ติดสุราเรื้อรัง เป็นยาระบาย แก้เจ็บคอ ขับเสมหะ แก้ไอ ช่วยการเจริญอาหาร แก้บิด แก้ปวดหัว ปวดฟัน และยังช่วยขับปัสสาวะอีกด้วยค่ะ
    รับประทานบีทรูทมากเกินไป จะเกิดอะไรขึ้น ?
    ด้วยความที่บีทรูทอุดมไปด้วยสาร เบทานิน ที่ให้สีแดง เมื่อรับประทานบีทรูทมากเกินไปจะทำให้ปัสสาวะเป็นสีแดงออกมาได้ แต่ก็เป็นเพียงการขับสารที่เป็นส่วนเกินออกมา ไม่ได้เป็นอัตรายอะไรนะคะ

    คนรักผักทั้งหลายอ่านแล้ว อย่าลืมสำรวจร่างกายกันไปด้วย ว่าเราเป็นแบบนั้นหรือเปล่า ทานผักดีต่อร่างกายอยู่แล้วค่ะ แต่อะไรที่มันมากเกินพอดีก็อาจจะส่งผลเสียให้กังวลกันได้เช่นกัน แม้แต่ในเรื่องผักๆ นะคะ

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    lifecenterthailand | A lifestyle mall for health and wellness in thailand
     
  15. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,239
    หายไปนานาเลย
    รออ่านต่อ ครับ
     
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ขอบคุณมากนะคะ ติงเกรงว่าคนอ่านจะเบื่อก็เลยเว้นไว้สักระยะค่ะ
    ทราบว่าคุณรออ่าน ติงจะนำมาลงเพิ่มนะคะ ^^
     
  17. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    [​IMG]

    ดอกไม้พิชิตโรค
    ดอกโสน
    ขนมดอกโสนที่คนรุ่นคุณพ่อคุณแม่รู้จัก
    กันดี มีรสหวานชวนรับประทาน สามารถ
    นำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น
    นำมาชุบแป้งทอดกรอบ รับประทานกับ
    ขนมจีนน้ำพริก ผัดน้ำมันนำไปลวกจิ้ม
    น้ำพริก แกงดอกโสน ยำดอกโสน
    ประโยชน์ : เป็นยาแก้ปวดมวนท้อง
     
  18. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    [​IMG]

    ดอกไม่พิชิตโรค
    ดอกแค
    คนโบราณบอกว่าดอกแคแก้ไข้หัวลม
    เหมาะจะกินช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศ
    เปลี่ยนฤดู และดอกแคยังมีใยอาหารชนิด
    ไม่ละลายน้ำ จึงช่วยในระบบขับถ่ายได้ดี
    เหมาะจะนำมาใส่ในแกงส้ม จานยำ หรือ
    ผัด หรือจะลวกจิ้มน้ำพริก
    ประโยชน์ : ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก และ
    ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    [​IMG]

    ดอกไม้พิชิตโรค
    ดอกอัญชัน
    เมื่อก่อนคนนิยมใช้นำมาปรุงแต่งสีสัน
    อาหารให้ดูน่ารับประทาน เช่น ขนมช่อม่วง
    ขนมชั้น เล็บมือนาง โดยคั้นเอาน้ำมาผสม
    กับอาหารก่อนจะปรุงหรือหยอดสีม่วง ตอน
    หุงข้าวจะได้ข้าวสีสวย แต่ตอนนี้เริ่มเป็นที่
    นิยม โดยนำดอกไปตากแห้ง หรือใช้ดอก
    สดต้มน้ำและเติมน้ำตาล มะนาว ดื่มแก้
    กระหายคลายร้อน
    ประโยชน์ : สารแอนโธไซยานิน มีอยู่มาก
    ในดอกอัญชัน จึงช่วยเพิ่มความสามารถ
    ในการมองเห็น
     
  20. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...