อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

สวัสดีครับพี่ๆน้องๆทุกท่าน ^^

 

ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง
มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา
ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย
ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ
สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย
ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย
ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืนฯ​

 

ต้องหามาไว้บ้างซะแล้ว ^^

 

จีวรหลวงปู่ไม่ใช่ว่าจะหากันง่ายๆครับน้องเขี้ยว...

 

สวัสดีครับน้องโอ๊ต เหรียญพรหมวิหารธรรมน่าจะมีเก็บไว้ใช้สักเหรียญครับ...

 

สวัสดีคับพี่โอ๊ต สบายดีไหมคับบ ว่างๆก็เอาพระสวยๆมาให้น้องดูหน่อยสิคับบ

 

( ^__^") เห็นแล้วตาร่อนผ่าวๆทุกทีเลยอ่ะครับพี่ปู....

 

พ่อเพื่อนผมเป็นคนพื้นที่ก็แขวนรุ่นนี้ครับพี่บอย
เพื่อนบอกว่าเหรียญรุ่นนี้รุ่นประสบการณ์เลย

 

พี่หนุ่มเก็บแต่พระสวยๆทั้งนั้นเลย ^^

 

คิดว่าคงต้องหาเก็บไว้ซักเหรียญครับพี่กูน แต่คงต้องรอโอกาสไปก่อนครับ
คราวก่อนก็น่าเสียดาย อยู่ดีๆพี่เค้าก็เปลี่ยนใจไม่ยอมออกให้...
สงสัยผมเล็งนานไปหน่อย 555

 

.... ฝากไว้ในอัลบั้ม ....​

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/xrsRT6CNXNe0rnko" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/ge9/6tb8vo.jpg" /></a>

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/xrsRYMhIv4G0DOvm" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/251/FPy5Ag.JPG" /></a>

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/xrsS1Y5R3pWAFoLQ" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/c61/vMhxzE.JPG" /></a>

ประวัติ พระครูโพธิคุณาธาร (หลวงพ่อพวง กิตฺติสทฺโธ) โดยสังเขป

นามเดิม พวง นามสกุล พุฒดี
เกิดเมื่อวัน พุธ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๓ ปี มะแม ตรงกับวันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๐
บิดา พุ่ม มารดา ตลุ่ม นามสกุล พุฒดี
เกิดที่ หมู่ ๒ ต.ไผ่ท่าโพ อ.โพทะเล (ในสมัยนั้น ปัจจุบัน เป็น อ.โพธิ์ประทับช้าง) จ.พิจิตร
มีพี่น้อง ๔ คน คือ
๑. นาย พวง พุฒดี ( พระครูโพธิคุณาธาร)
๒. นายฉุย พุฒดี (ถึงแก่กรรมแล้ว)
๓. นายชั้น พุฒดี (ถึงแก่กรรมแล้ว)
๔. นายอำนาจ (ต่วม) พุฒดี (ถึงแก่กรรมแล้ว)

ก่อนที่ท่านจะได้อุปสมบท ท่านได้ทำหน้าที่อุปการระเลี้ยงดูน้อง ๆ มาตั้งแต่ยังเด็ก ๆ เพราะบิดา มารดา ของท่านได้เสียชีวิต ตั้งแต่ท่านยังอยู่ในเยาว์วัย ประกอบอาชีพเป็นชาวนา ด้วยความอุตสาหะบากบั่นเพราะฐานะยังยากจนลำเค็ญ จวบจนย่างเข้าวัยอุปสมบท ท่านจึงได้คิดอุปสมบท เพื่อทดแทนคุณบิดา มารดา โดยมี หมอพัน สังขพงค์ มีศักดิ์เป็นน้าชายนำไปอุปสมบท ณ วัดท่าหลวง การอุปสมบท ซึ่งในการบวชก็ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมากมาย แบบโกณหัวเข้าวัดเลยซึ่งถือว่าเป็นการประหยัดดี น่าจะถือเอาเป็นแบบอย่างทีเดียว
อุปสมบท เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐ อายุ ๒๑ ปี ณ พระอุโบสถ วัดท่าหลวง จ.พิจิตร
พระอุปัชฌาย์ พระศีลธรารักษ์ (ยิ้ม) เจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร
พระกรรมวาจาจารย์ พระมหาเม้า พระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์หม้อ
ได้ฉายาว่า กิตฺติสทฺโธ
หลังจากที่อุปสมบทแล้ว ได้กลับมาจำพรรษา ณ วัดไผ่ท่าโพใต้ ซึ่งมี เจ้าอธิการสิน พูลทรัพย์ เป็นเจ้าอาวาส ในสมัยนั้นที่ วัดไผ่ท่าโพใต้ ยังไม่มีการศึกษาด้านพระธรรมวินัย และไม่มีสำนักเรียนพระปริยัติธรรม ครั้นต่อมา หลวงพ่อพวง ได้เดินทางไปศึกษาพระธรรมวินัย ณ วัดบางตาหงาย บ้านส้มเสี้ยว อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ เป็นเวลา ๓ พรรษา หลังจากนั้นได้กลับมาจำพรรษา ณ วัดไผ่ท่าโพใต้ ครั้นต่อมา ได้สอบนักธรรม ชั้น ตรี ตามลำดับจนถึง นธ.โท
ต่อมา เจ้าอธิการสิน เจ้าอาวาสวัดไผ่ท่าโพใต้ ได้ลาสิกขา ในปี พ.ศ.๒๔๗๐ (๒๔๗๓) ชาวบ้านจึงได้พร้อมใจกันอาราธนา ให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดไผ่ท่าโพใต้ และได้ติดต่อไปทางเจ้าคณะอำเภอโพทะเล เพื่อให้แต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสสืบต่อแทน เจ้าอธิการสิน ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ซึ่งท่านได้ทำหน้าที่ของเจ้าอาวาส และเจ้าคณะตำบลไผ่ท่าโพ ได้อย่างดีเสมอมา ประกอบด้วยมีเมตตาธรรมเป็นที่ตั้ง ดังจะเห็นได้ว่ามีพระภิกษุ สามเณร และประชาชนเคารพนับถือเป็นจำนวนมาก ด้วยท่านได้ใช้เมตตาธรรมเป็นที่ตั้ง ตามหลักแล้วท่านเป็นผู้มีเมตตาธรรมอันสูง
ท่านได้ให้ความรัก และเมตตาต่อคนทั่วไปเสมอเหมือนกัน แม้กระทั่งสัตว์ทั้งหลาย ท่านเคยพูดว่า “ สัตว์เหล่านี้ เมื่อชาติแต่ปางก่อน อาจจะเป็นสังคญาติกันมาก็ได้ ใครจะไปทราบได้ ” และท่านเป็นผู้ที่เคร่งครัดในเรื่องศีล เป็นอย่างยิ่ง และได้เป็นผู้นำในหมู่คณะสงฆ์ด้วยความประพฤติเป็นแบบอย่าง ดังนั้น ท่านจึงเป็นพระที่พูดน้อย อาศัยความประพฤติ เป็นหลักสอนแก่ คณะศิษยานุศิษย์เป็นที่ตั้ง นับตั้งแต่ท่านได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนา ตั้งแต่อายุ ๒๑ ปี ตราบจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในการอุปสมบท

ตำแหน่งหน้าที่ และสมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๔๗๐(๒๔๗๓) ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดไผ่ท่าโพใต้
พ.ศ. ๒๔๙๐ ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าคณะตำบลไผ่ท่าโพใต้
พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้รับแต่งตั้งเป็น พระอุปัชฌาย์
พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้รับแต่งตั้งสมณศักดิ์พัดยศ เป็น พระครูสัญญาบัตรพัดยศ ชั้น ตรี (จต.ชต.)
ในราชทินนาม ที่ พระครูโพธิคุณาธาร
พ.ศ. ๒๕๑๗ ได้รับแต่งตั้งเลื่อนสมณศักดิ์พัดยศ ชั้น โท (จต.ชท.) ในราชทินนามเดิม
พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับการยกฐานะเป็น เจ้าคณะตำบลไผ่ท่าโพกิตติมศักดิ์
งานทะนุบำรุงปฏิสังขรณ์
๑. ได้เริ่ม เปิดสอนโรงเรียนพระปริยัติธรรม ขึ้นเป็นครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๘๐
๒. ได้ก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้นจนสำเร็จ เป็นเงิน ๔๐๐,๐๐๐ บาท
๓. ได้สร้างเสนาสนะกุฏิ ต่าง ๆ ขึ้นใหม่แทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรม
๔. ได้สร้างหอสวดมนต์ ๒ ชั้น
๕. ได้สร้างเมรุเผาศพ และ ศาลาธรรมสังเวช เป็นเงินประมาณ ๒๐๐, ๐๐๐ บาท
๖. ได้จัดซื้อที่ดิน และสร้างอาคารเรียน โรงเรียนประชาบาลวัดไผ่ท่าโพใต้ และจัดตั้งกองทุน
“ โพธิคุณาธารสงเคราะห์ ”

สุดท้ายแห่งวาระสังขาร
เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยชราภาพ หลวงพ่อ พระครูโพธิคุณาธาร (พวง) ก็ไม่อาจพ้นไปจากพระไตรลักษณ์ได้เหมือนดังพระบรมศาสดาได้ ท่านได้เริ่มป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับปอด ประกอบด้วยวัยที่ชราภาพ และได้เจ็บป่วยหนักตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะศิษย์ได้นำส่งโรงพยาบาลโรคปอด จ.นนทบุรี เมื่อได้รับการรักษา จนอาการดีขึ้นตามลำดับ จึงได้กลับมายังวัดไผ่ท่าโพใต้ ต่อมาโรคกลับได้กำเริบขึ้น และทำให้มีอาการหนักขึ้น มีสุขภาพร่างกายทรุดลง
ต่อมา หลวงพ่อพวง ได้มรณภาพลง ด้วยอาการอันสงบ ณ วันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ เมื่อ เวลา ๑๑.๐๕ น. รวมเวลาที่เจ็บป่วยนับได้ประมาณ ๑๐ เดือนเศษ ท่ามกลางความเศร้าสลด อาลัย ของศิษย์ทั้งบรรพชิต และคฤหัสถ์ ต่อการจากไปโดยไม่มีวันกลับของหลวงพ่อพวง ผู้ซึ่งเคยเป็นดังร่มโพธิ์ร่มไทร และให้ความอบอุ่นใจ ด้วยพระเมตตาธรรมของหลวงพ่อพวง อันกว้างใหญ่ สุดที่จะหาประมาณมิได้
รวมสิริอายุได้ ๗๑ ปี ๕๐ พรรษา

วัตถุมงคล ที่หลวงพ่อพวง และศิษย์ ได้จัดสร้าง
๑. ตระกรุดโทน , ตระกรุดมหารูด
๒. เหรียญใบโพธิ์
๓. เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อพวงรุ่นแรก
ข้อมูลบางส่วน ประวัติโดยย่อ จากหนังสือสวดมนต์ ทำวัตร เช้า – เย็น แปล ของสำนักสวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี โดยเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์ของ พระครูโพธิคุณาธาร (หลวงพ่อพวง) เพื่อพิมพ์แจกเป็นธรรมทานให้แก่ผู้มาร่วมงาน ในวาระโอกาสทำบุญครบ ๑๐๐ วันและประวัติหลวงพ่อพวง ที่แจกในทอดกฐินสามัคคี วันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๘

 

ช่วงนี้หยุดเช่าพระไปก่อนครับ ...ตอนนี้เลยไม่มีพระใหม่ๆมาเลย
เหมือนทำเรื่องขอพักการเรียน ขอรักษาสถานภาพนิสิตไปก่อน
จะบอกว่าเลิกเลยก็ไม่ได้ ...

รูปที่เคยถ่ายไว้ก็ลบไปเกือบหมดแล้ว เหลือค้างในมือถือไม่กี่รูป ^^

 

สวัสดีครับคุณกูน...ผิวเหรียญธรรมชาติเดิมๆสวยครับเก็บรักษาเหรียญได้ดีมาก...

 

เหรียญหล่อแบบนี้มีเสน่ห์มากครับ
แถมมีรอยจารเดิมของหลวงปู่อีก

 

ขอบคุณสำหรับภาพและข้อมูลดีๆ ครับ
ผมว่าพระหลวงปู่สี ราคายังเบากว่าที่ควรจะเป็นอยู่มากครับ
ถือว่ายังอยู่ในช่วงที่..ใครที่ยังไม่มีควรหาไว้
เพราะเป็นของดีปีลึก ซึ่งเหรียญยุคเดียวกัน
หลายรุ่นราคาไกลเกินเอื้อมไปแล้ว

 

นึกว่าลืมแล้วซะอีก แต่ได้ข่าวว่าช่วงนี้น้องโอ๊ตงดวัตถุมงคลนี่ รอดแล้วเรา >///<

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และ พระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงตัดหวายลูกนิมิต ณ วัดจันทาราม(ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี เมื่อ วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ ๒๕๒๐ ในภาพขณะที่ทรงเข้านมัสการ ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน(วีระ ถาวโร)อดีตเจ้าอาวาส

ภาพจากเพจ https://www.facebook.com/pages/บุญตา-แอนติค/532031526851445?fref=ts

หมายเหตุ : ภาพและคำบรรยายข้างบนนี้ผมนำทั้งหมดจากเพจบุญตา แอนติค ใน FaceBook

แต่ว่าภาพนี้ที่จริงแล้วเป็นภาพที่ในหลวงและพระราชินีพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ เสด็จงานพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธมหามงคลบพิตร ณ พระวิหารน้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อ 26 สิงหาคม 2519 ครับ

 

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศที่ กรมหลวง ทรงฉายพระรูปร่วมกับหมู่พระมหาเถระ ซึ่งมีพระเทพกวี (ครุฑ จนฺทโชติ) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ซึ่งในสมัยนั้นดำรงสมณศักดิ์ที่ พระราชกระวี รวมอยู่ในหมู่คณะนั้นด้วย

ภาพถ่ายนี้ ฉายเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๕๐ โดย F.chit & son หรือ หลวงอัคนีนฤมิตร (จิตร จิตราคณี) ซึ่งเมื่อนับเทียบกับ พ.ศ. ปัจจุบันนี้ ในปี พ.ศ.๒๕๕๖ ภาพถ่ายนี้มีอายุนับได้ ๑๐๖ ปี พอดี

ขอขอบคุณ : เพจบุญตา แอนติค ที่นำข้อมูลดีๆ มาเล่าสู่กันฟัง
ภาพถ่ายต้นฉบับ:สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศที่ กรมหลวง ทรงฉายพระรูปร่วมกับหมู่พระมหาเถรานุเถระหลังเสร็จการพระราชพิธีในพระบรมมหาราชวัง ในภาพตามหมายเลขมีรายนามดังนี้
๑.พระเทพเมธี(ครุฑ จนฺทโชติ)วัดสามพระยา เมื่อยังดำรงสมณศักดิ์เป็นที่ พระราชกวี
๒.พระพิมลธรรม(นาค สุมนฺนาโค)วัดอรุณราชวราราม เมื่อยังดำรงสมณศักดิ์เป็นที่ พระศรีสมโพธิ์
๓.พระราชโมลี(แจ่ม โกวิทญาโณ)วัดราชบูรณะ
๔.พระอมรโมลี(หรุ่ม พรฺหมฺโชติโก)วัดเบญจมบพิตร
๕.พระราชเมธี(ท้วม กณฺณวโร)วัดพิชยญาติการาม
๖.พระธรรมเจดีย์(แก้ว มณีรตฺโน)วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
๗.สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ฤทธิ์ ธมฺมสิริ)วัดอรุณราชวราราม
๘.พระอุบาลีคุณูปมาจารย์(เปีย จนฺทสิริ)วัดกัลยาณมิตร
๙.สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ ญาณวโร)วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อยังดำรงสมณศักดิ์เป็นที่ พระอมราภิรักขิต
๑๐.สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส(พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ มนุสสนาโค)วัดบวรนิเวศวิหาร
๑๑.สมเด็จพระวันรัต(ฑิต อุทโย)วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์
๑๒.สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ม.ร.ว เจริญ ญาณฉนฺโท)วัดระฆังโฆสิตารามเมื่อยังดำรงสมณศักดิ์เป็นที่ พระเทพเมธี
๑๓.สมเด็จพระมหาวีรวงศ์(ยัง เขมาภิรโต)วัดโสมนัสวิหาร
๑๔.สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก(แพ ติสสเทโว)วัดสุทัศนเทพวราราม เมื่อยังดำรงสมณศักดิ์เป็นที่ พระเทพโมลี
๑๕.พระสาสนโสภณ(อ่อน อหิํสโก)วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เมื่อยังดำรงสมณศักดิ์เป็นที่ พระธรรมโกศาจารย์
๑๖.สมเด็จพระวันรัต(จ่าย ปุณณทตฺโต)วัดเบญจมบพิตร เมื่อยังดำรงสมณศักดิ์เป็นที่ พระธรรมวโรดม
๑๗.พระพุฒาจารย์(มา อินทฺสโร)วัดจักรวรรดิราชาวาส เมื่อยังดำรงสมณศักดิ์เป็นที่ พระมงคลทิพยมุนี

ภาพถ่ายภาพนี้ถ่ายเมื่อราวปีพุทธศักราช ๒๔๕๐ โดย ร้าน F.chit & son หรือ หลวงอัคนีนฤมิตร(จิตร จิตราคณี).



ภาพจากเพจ https://www.facebook.com/watsamphraya?fref=ts

 

สมเด็จพระวันรัต (จับ ฐิตธมฺมเถร ป.ธ.๙) วัดโสมนัสวิหาร กับ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธรมหาเถร ป.ธ.๙) วัดสามพระยา เป็นมหาสหธรรมิก และเจ้าประคุณสมเด็จทั้ง ๒ รูปนี้ มรณภาพห่างกันเพียงวันเดียว

อดีตมหาเถระผู้มากด้วยคุณูปการ ทั้ง 2 นิกาย

ภาพจากเพจ https://www.facebook.com/watsamphraya?fref=ts

 

ภาพถ่ายต้นฉบับ:พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ถ่ายโดย Robert Lenz. โรเบิร์ต เลนส์ ช่างภาพชาวเยอรมัน ราวปี พ.ศ 2435

ภาพจากเพจ https://www.facebook.com/pages/บุญตา-แอนติค/532031526851445?fref=ts