เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +470
    ไม่ใช่ครับ ปรินิพพานคือการไม่กลับมาเกิดอีกของพระพุทธเจ้า
    ส่วนนิพพานคือการไม่กลับมาเกิดอีกของพระอรหันต์,คนที่บรรลุอรหันต์
     
  2. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ช่วงนี้หลานมา ก็เลยอยู่เล่นกะหลานเพลินเลย
    เมื่อวานลุงเหลย ก็พาหลานธัญญ่ากะน้านกไปกินswensen อร่อยมากเลย (good)
    วันเสาร์ก็หยุดปีใหม่แล้วเปิดงานอีกทีก็วันพฤหัส หยุดหลายวันนอนตีพุงอยู่กะฟลุ๊คกะโชคดี นั่งอ่านเว็บให้สนุกไปเลย
     
  3. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    [​IMG]

    (f) สวัสดีปีใหม่ค่ะ ทุก ๆ คน(f)

    ให้ชีวิตเรืองรุ่งดั่งตะวันฉาย
    ความสำเร็จมีมากมายเกินกว่าฝัน
    มีความสุขสดใสไปทุกวัน
    พร้อมสร้างสรรค์แต่สิ่งดีชีวีงาม

    Best wishs for a happy and wonderful New Year.
     
  4. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขอบคุณค่ะที่ช่วยชี้แนะ..
    รู้สึกเราจะยังไม่เคยทักทายกันใช่มั้ยคะคุณโชว์พาว..
    ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ..(kiss) (kiss) (kiss)
     
  5. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ไม่น่า พี่ก็ว่าน้องนกหายไปไหนน้า ไม่ค่อยมาบู๊ให้อ่านเหมือนเคย ยังไงแวะมาบ่อย ๆ นะจ๊ะ คิดถึง
     
  6. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ดิฉันมีเพื่อนที่สนิทมาก เธอมักจะบ่นกับดิฉันถึงความไม่พอใจในสภาพปัจจุบันของตัวเอง ดิฉันก็ได้แนะนำไปว่าคนเราสามารถจะปรับเปลี่ยนชีวิตในปัจจุบันได้ด้วยอำนาจปัจจุบันที่มีอยู่ เพียงแต่เราต้องกล้าที่จะเปลี่ยนความเชื่อ และใช้วิถีการจดจ่อในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาแทน เขาพยายามให้ดิฉันอธิบายให้เข้าใจมากขึ้น แต่ดิฉันทำได้แค่บอกว่าดิฉันไม่ใช่ผู้รู้จึงไม่อาจที่จะแนะนำหรือสอนให้เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้ จึงได้แนะนำหนังสือชุดนี้ให้ โดยให้ยืมเล่ม "ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ" กับ "ธรรมชาติชาติภพ"เล่มเล็กเล่มแรก ปรากฏว่าเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น เธอตามดิฉันให้ไปรับหนังสือคืน เธอบอกว่าเธออ่าน ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณเล่มแรกแต่เลือกอ่านเฉพาะ บางบทที่น่าสนใจเท่านั้น แต่เธอบอกว่ามันทำให้เธอฝันแปลก ๆ ถึง 2 คืนด้วยกัน และความฝันของเธอมันน่ากลัว เพราะเธอพบเห็นแต่ผีปีศาจเข้ามาฉุดกระชากเธอตลอด 2 คืน เธอบอกว่ามันทำให้เธอกลัว พอเธอนำหนังสือมาคืน เธอบอกเธอไม่ฝันแบบนั้นอีกเลย ซึ่งเหมือนกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ซึ่งดิฉันได้แนะนำให้เข้ามาดูในเว็บนี้เพื่อเพิ่มพูนความรู้ แต่ปรากฏว่า เธอฝันแปลก ๆ ซึ่งเธอไม่ชอบเอาเลยเช่นกัน แต่สำหรับดิฉันเอง ดิฉันชอบมากกับความฝันแปลก ๆ แบบนั้น เพียงแต่ดิฉันไม่เคยฝันเห็นผีหรือปีศาจ เพียงแต่ฝันเห็นเหมือนเรื่องราวของละครแต่ละชาติภพหรือแต่ละมิติที่ไม่ซ้ำกัน บางทีก็ฝันเป็นอุปมาอุปมัยบ่งบอกถึงปัญหาและวิธีแก้ปัญหาให้เท่านั้น ดิฉันอยากอธิบายให้เขาฟังถึงเหตุผล แต่ดูเหมือนดิฉันไม่สามารถทำได้เลย ขอความเห็นจากอาจารย์นักเขียนด้วยค่ะ ทำไมเพื่อนดิฉันถึงฝันแบบนั้น

    อีกเรื่อง มีเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งดิฉันได้ให้หนังสือเล่มเดียวกันไป น้องคนนั้นเปิดอ่าน และหลับฝันว่าได้พบกับดิฉันและได้ไปเที่ยวกัน เขาเล่าความฝันให้ดิฉันฟัง แปลกแต่ตรงที่ว่าความฝันที่เขาเล่านั้นมันไปพ้องกับความฝันของดิฉัน เหมือนทั้งสถานที่และเครื่องแต่งตัว รวมถึงการกระทำ ต่างแต่เพียงว่าดิฉันฝันก่อนหน้าเขาถึง 1 อาทิตย์ แต่สิ่งนี้มันเป็นข้อพิสูจน์อีกอย่างหนึ่งว่า โลกภายในนั้นไม่มีช่องว่าง ระยะทาง และกาลเวลา ช่วงนี้ดิฉันมักจะฝันคล้าย ๆ บทเรียนอย่างนี้ทุกวัน เพียงแต่ ๆ ละวัน ต่างไปคนละบทเรียนเท่านั้น อ้อ และจำความฝันได้ทุกวันเสียด้วยสิ ทั้งที่แต่ก่อนจำไม่ค่อยจะได้เลย
     
  7. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [​IMG]

    Wishing you a Merry Christmas
    & Happy New Year 2008

    แสงทองทอสาดส่องฟ้าคราปีใหม่
    จงน้อมใจใฝ่ธรรมนำวิถี
    เปลื่ยนความเชื่อเป็นความรู้ได้ยิ่งดี
    ชีวิตนี้จะเป็นสุขไร้ทุกข์ภัย

    วันเวลาผ่านไปไม่หยุดนิ่ง
    เป็นคนจริงพัฒนาจิตให้ยิ่งใหญ่
    หลากหลายสิ่ง เรียนรู้ไป ทุกฝึก้าว
    วันปีใหม่จงมีหลักรักษาตน

    ศกเริ่มใหม่มอบสิ่งใหม่ให้ชีวิต
    รักษาจิตรักความดีรักเหตุผล
    รักการงานรักครอบครัวรักทุกคน
    จุดเริ่มต้นของคนนี้อยู่ที่ใจ

    โลกหมุนไปศกใหม่ได้เวียนมา
    กาลเวลาผ่านไปมีความหมาย
    จิตขยายไร้ขอบเขตเหตุสร้างสรรค์
    สาระพันแบ่งปันสุขทุกเวลา

    [​IMG]

    การ์ดข้างล่างชุดนี้น้องสาวส่งมาให้
    น่ารักมาก..อย่าลืมคลิกที่กวางทีละตัว (Excel)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2007
  8. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    เสียง โอห์ม หรือ Ohm เป็นเสียงที่ก่อให้เกิดความสั่นสะเทือน เราสามารถทดลองยออกเสียงยาวๆ แล้วปล่อยให้เสียงก้องกังวาลนานที่สุดที่เราจะทำได้ เราจะพบกับความสั่นสะเทือนดังกล่าวนี้ภายในร่างกายแทบจะทุกส่วน ความสัั่นสะเทือนดังกล่าวนี้ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของโมเลกุลและอะตอม เสียงสวดมนต์ในภาษาธิเบต หรือมนต์ที่ได้ชาวธิเบตถือว่ามีความขลัง มีความศักดิ์สิทธิ์ และมักทำให้สัมฤทธิ์ผลได้คือคำว่า โอห์ม-มานี-ปัทเม-ฮัม หรือ Ohm-mani-pad-me-hung ซึ่งอาจออกเสียงผิดเพี้ยนกันไปตามชาติภาษานะคะ แต่หากทดแทนด้วยเสียงดนตรีซึ่งเป็นภาษาสากล เสียงโอห์ม หรือ Ohm จะเป็นเสียงของ note B Flat เสมอ เสียงพระสวดมนต์ในทุกศาสนา ก็จะมี B Flat เป็นหลักเช่นกันไม่ว่าจะสวดเป็นภาษาใดๆในโลก ซึ่งทำให้น่าคิดว่า B Flat เป็นเสียงธรรมชาติที่มนุษย์ทุกชาติภาษารู้จักดี และรู้ถึงคุณสมบัติมายาวนาน แต่การถ่ายทอดสรรพคุณและคุณสมบัติของเสียงนี้บิดเบือนไปตามกาลเวลา และการพัฒนาของภาษาพูด
    [​IMG]
    โอห์ม หรือ Ohm เป็นเสียงของธรรมชาติ และเป็นเสียงที่ตรงกับ Note B Flat ซึ่งต่ำกว่า middle c ไปหนึ่ง octave นักไต่เขากล่าวว่า พวกเขาได้ยินเสียง B Flat เสมอๆ เวลาลมกระทบกับภูเขา หรือลมผ่านช่องเขา ซึ่งกล่าวได้ว่า Ohm หรือ B Flat เป็นเสียงธรรมชาติที่พบได้ในโลกภายนอก

    ส่วนโลกภายในเป็นโลกทางจินตภาพ หรือเป็นจักรวาลที่เราเข้าถึงไม่ได้ด้วยภาวะทางกายภาพ เสียงในโลกภายในไม่ใช่เสียงที่ได้ยินด้วยหู แต่อาจรับรู้ได้จากการสัมผัสด้วยประสาทสัมผัสภายใน แต่ถึงกระนั้นอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ก็ทำให้นักดาราศาสตร์ค้นพบว่า หลุมดำของกลุ่มดาว Perseus ส่งเสียง Ohm หริอ B FLAT :ซึ่งไม่อาจได้ยินด้วยหูเพราะคลื่นความถี่ของมันต่ำเกินกว่าที่หูของคนเราจะรับได้

    พี่นักเขียนเข้าใจว่า เสียง Ohm สามารถปรับปรับสภาพร่างกายให้เข้าที่ได้ เพราะเป็นเสียงที่ก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนที่เป็นไปตามธรรมชาติที่สุด ซึ่งก่อให้เกิดความสมดุลย์ คนเราป่วยก็เพราะโมเลกุลและอะตอมเคลื่อนไหวผิดธรรมชาติ ทำให้เกิดความร้อนหรืออุณหภูมิที่ผิดปกติ หากเปรียบตั้งเหรียญเงินที่ซ้อนกันแล้วเคลื่อนออกไปผิดที่เสมือนสุขภาพที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของอะตอมหรือโมเลกุลที่ขาดความสมดุลย์
    [​IMG]
    [​IMG]
    หากเรานำเหรียญเหล่านี้มาเรียงไว้ในกล่องแคบๆแล้วเคาะให้เกิดการสั่นสะเทือน เราสามารถปรับให้เหรียญเหล่านี้ให้อยู่ในแนวตรงได้สนิท หลักการรักษาโรคด้วยเสียง กล่าวว่าการสั่นสะเทือนของเสียงจะเดินทางผ่านกระดูกสันหลัง ซึ่งทำหน้าที่เสมือนช่องทางที่ส่งผ่านการสั่นสะเทือนที่จะปรับอะตอมและโมเลกุลให้เข้าที่ได้เช่นเดียวกับวิธีการจัดเหรียญเหล่านี้

    ----------------------------------------------------------------------------------
    พี่นักเขียนแยกตนเองออกจากเจ้าของข้อมูลหรือสาระของหนังสือเสมอ เพราะตนเองเป็นเพียงคนเดินดินที่มารับหน้าที่ล่ามและเลขาเท่านั้น หากป่วยหนักก็คงต้องไปหาหมอ พี่นักเขียนยังเคารพความรู้ของแพทย์ แต่ก็ตระหนักว่าวิทยาการทุกสาขายังมีช่องโหว่ให้ค้นคว้าวิจัยต่อไปอีกมาก ไม่มีสิ่งใดเป็นที่สุดของวิวัฒนาการ แต่หลายๆสิ่งก็มาถึงจุดที่ีเรียกได้ว่า ดีที่สุดและเป็นประโยชน์สำหรับโลกในวันนี้

    ตั้งแต่พี่นักเขียนศึกษาและปฏิบัติตามข้อมูลของท่านอาจารย์อนาลัยมาเป็นเวลากว่า 7 ปี ที่เคยป่วยด้วยโรคไซนัส โรคหมอนรองกระดูกเคลื่อน และโรคนอนไม่หลับ ก็หายสนิทด้วยการฝึกสมาธิและรักษาตนเองด้วยการฝึกอบรมจิตตามหนังสือ แม้อาการเก่าๆอาจกลับมาบ้างตามอากาศหรือกิจกรรมที่ทำ แต่ก็มีระยะสั้นมาก คือหายไปได้เองภายใน 2-3 วันโดยไม่ต้องใช้ยาแทนที่จะมีอาการหนักเป็นแรมเดือนอย่างที่เคยค่ะ
    [​IMG]
    แม้ว่าหนังสือ จิตวิญญาณประสานกายจะดูเสมือนมีกรอบในทางลบต่อวิชาชีพแพทย์ และวิวัฒนาการทางการแพทย์ แต่พี่นักเขียนก็พบว่าวงการแพทย์ในปัจจุบันหันมาปรับกรอบนั้นๆ และสวนทางกับวิวัฒนาการหลายทิศทางตามข้อมูลที่พี่่่นักเขียนรับมาจากความฝันเสมอๆ เมื่อ 2 เดือนที่แล้วนี้วงการแพทย์อเมริกันค้นพบว่า ยาปฏิชีวนะให้โทษมากกว่าคุณ และเริ่มรณรงค์ที่จะให้ผู้ปกครองเลิกใช้ยานี้กับเด็กๆที่หูอักเสบเวลาเป็นหวัด-คอและหูอักเสบ และพบว่าหากไม่ให้ยาปฏิชีวนะ และให้เด็กๆที่ป่วยดื่มน้ำมากๆ อาการอักเสบจะหายไปได้เองตามธรรมชาติภายในเวลา 7 วัน นอกจากนี้วงการแพทย์ก็ค้นพบว่า Autistic เกิดขึ้นหลังจากวงการแพทย์บังคับให้เด็กๆรับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคต่างๆ ซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า Autistic เป็นผลพวงมาจากการฉีดวัคซีน และเริ่มพิจารณาที่จะเลิกฉีดวัคซีนให้กับเด็กรุ่นใหม่ นักวิทยาศาสตร์เองยอมรับว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาค้นพบและเคยคิดว่าให้ผลดีต่อคนเรา กลับกลายเป็นกรอบในทางลบที่ให้โทษ และต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขหรือยกเลิก ซึ่งมีปรากฏอยู่เรื่อยๆ ทั้งอาหาร ยา วิธีการรักษาโรค โภชนาการ ฯลฯ


    ------------------------------------------------------------------
    พี่นักเขียนเติบโตในครอบครัวชาวพุทธ เรียนหนังสือในโรงเรียน Catholic มีความเชื่อ ความเคารพบูชา และศรัทธาในพุุทธศาสนา คริสตศาสนา และสนใจ เชื่อ เคารพบูชา และศรัทธาในศาสนาและลัทธิอื่นๆอีกไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะพบเห็นความเป็นจริงที่พิสูจน์ได้ในทุกศาสนาจากบุคคลต่างชาติ ต่างศาสนา ที่พี่นักเขียนรักและเคารพเสมอๆ

    พี่นักเขียนกล่าวจากใจจริงได้ว่า พี่นักเขียนมองไม่เห็นความขัดแย้งของข้อมูลความรู้ที่ปรากฏในหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัย กับเนื้อหาสาระในศาสนาใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาที่เรียกได้ว่า พี่นักเขียนรู้จักมากกว่าศาสนาอื่น หากจะตีความหมายศาสนาและลัทธิความเชื่อเหล่านั้นจากมุมมองที่พี่นักเขียนรับเอามาจากท่านอาจารย์อนาลัย นอกจากจะมองไม่เห็นความขัดแย้งแล้ว ยังทำให้พี่นักเขียนมองเห็นจุดประสาน ความเป็นกลาง และ สาระที่เห็นพ้องต้องกันของศาสนาและลัทธิความเชื่อทั้งหลายยิ่งไปกว่าเดิมอีกด้วย
    [​IMG]
    พี่นักเขียนเชื่อว่า เราต่างก็ตีความหมายสิ่งต่างๆตามความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งแตกต่างกันไปไม่มากก็น้อย แม้เราจะนับถือศาสนาเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เรามีความรู้ในศาสนาหนึ่งๆถูกต้องอย่างหมดจดเสมอเหมือนกัน สิ่งที่เรารับถ่ายทอดมาอาจถูกบิดเบือนไปด้วยความเชื่อส่วนบุคคลของผู้ถ่ายทอดแล้วส่วนหนึ่ง และอาจบิดเบือนด้วยความเชื่อของเราอีกส่วนหนึ่ง เราต่างก็มีความรู้ที่ตรอบคลุมด้วยความเชื่อ-หนา-บางไม่เท่ากัน ทำให้เราเข้าถึงหรือรู้เห็นข้อเท็จจริงของศาสนาได้ชัดเจน-กระจ่างแจ้งไม่เท่ากัน และบางครั้งก็มองหรือเข้าใจไปคนละทิศละทางด้วยซ้ำไป ทำให้บุคคลที่นับถือศาสนาเดียวกันแท้ๆยังมีความเข้าใจข้ดแย้งแตกต่างกันไม่มากก็น้อย

    พี่นักเขียนมีความเชื่อว่าธรรมชาติความเป็นจริงมีปรากฏในทุกศาสนา และหากเราเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ เราจะพบว่ามันจะปรากฏในทุกศาสนาโดยปราศจากความขัดแย้ง แต่ถ้าหากเรารู้เห็นสาระหนึ่งๆจากศาสนาหนึ่งและมันขัดแย้งกับอีกศาสนาหนึ่ง เราควรจะตระหนักว่า เราตีความหมายข้อมูลความรู้เหล่านั้นบิดเบือนไปตามความเชื่อส่วนบุคคล ทำให้เราเห็นความขัดแย้งของข้อมูลนั้นๆกับศาสนาอื่น เพราะความเชื่อทำให้เกิดความแตกแยก-ขัดแย้งเสมอ แต่ความเป็นจริงก่อให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความกลมกลืน และการสนับสนุนเกื้อกูลกันตามธรรมชาติเสมอ

    หากผู้อ่านเข้าใจสาระจากหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยได้อย่างถูกต้อง น่าจะพบว่าสาระของข้อมูลที่ปรากฏในหน้งสือ นอกจากจะไม่ได้ขัดกับศาสนาใดแล้ว ยังสนับสนุนสาระที่ทำให้หลายๆศาสนามาบรรจบกัน ณ จุดที่เรียกได้ว่าเป็นกลาง และ เห็นพ้องต้องกัน แม้แต่พวกเราชาวห้องวิทย์ฯ ก็ประกอบด้วยทั้งชาวพุทธและชาวคริสต์ ที่ค้นพบจุดประสานความเชื่อ หรือความเป็นจริงที่เป็นกลางที่พี่นักเขียนกำลังกล่าวถึงนี้

    พี่นักเขียนยอมรับว่าคุณ Vir ไม่ใช่ผู้อ่านท่านแรกและท่านเดียวที่กล่าวว่าข้อมูลจากหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยขัดแย้งกับพุทธศาสนา แต่พี่นักเขียนก็ยอมรับว่าทุกท่านมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถาม แม้แต่พระพุทธองค์ก็ทรงสนับสนุนให้เราทั้งหลายตั้งคำถามและสนทนาเพื่อให้เกิดปัญญาแตกฉาน

    หากเราจะตัดสินว่าผู้ที่มองไม่เห็นความขัดแย้ง คือผู้ที่เข้าใจในพุทธศาสนาไม่ถูกต้อง
    ส่วนผู้ที่มองเห็นความขัดแย้ง คือผู้ที่เข้าใจในพุทธศาสนาหรือศาสนาใดๆได้ถูกต้อง
    พี่นักเขียนอยากจะขอให้เราตั้งคำถามกับตนเองต่อไปอีกสักนิดว่า
    หากความขัดแย้งคือผลลัพธ์ของความเข้าใจที่ถูกต้อง มันจะนำเราไปสู่อะไร ? และมันคือเป้าหมายที่ชอบธรรมหรือไม่ ?
    เพราะไม่ว่าเราทั้งหลายในโลกนี้จะนับถือศาสนาหรือลัทธิความเชื่อใด เราต่างก็ยอมรับร่วมกันโดยปริยายว่า ความชอบธรรมคือสิ่งที่ถูกต้อง และสันติสุขคือเป้าหมายหรืออุดมการณ์อันสูงส่งของมวลมนุษย์

    จากมุมมองส่วนตัวของพี่นักเขียนแล้ว มองไม่เห็นความขัดแย้ง ความเข้าใจในทิศทางนี้นำพี่นักเขียนไปสู่ความเชื่อ ความเคารพบูชาและความศรัทธาในทุกศาสนา ซึ่งเรียกได้ว่า ทำให้เห็นความชอบธรรมในทุกศาสนา และมองเห็นได้ว่าสันติสุขหรือเป้าหมายอันเป็นอุดมการณ์อันสูงส่งของมวลมนุษย์นั้น มาจากการค้นให้พบความกลมกลืน ความเป็นกลาง ความเห็นพ้องต้องกัน ไม่ใช่ค้นหาความขัดแย้ง ความแตกแยก ความแตกต่าง

    --------------------------------------------------
    พี่นักเขียนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากค่ะ ที่คุณ vir กล่าวว่า ....อยากรู้สึกเข้าไปสัมผัสความเชื่อ ความรู้ ของ อ.พี่ จริงๆว่าเป็นอย่างไร อ.พี่มีความคิดบวกอยู่ตลอดเวลาเสมอใช่ไหม แม้นในสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดๆ เช่นคนที่ อ.พี่ ถูกกระทำโดยคนอื่น อ.พี่มีความรักความเมตตาให้กับคนที่มาทำร้ายคนที่ อ.พี่รักได้อยู่ไหม อ.พี่ ยังโกรธ เป็นอยู่ไหม อะไรทำนองนี้เป็นต้นครับ

    แต่ก็ขอย้ำว่า พี่นักเขียนเป็นเพียงคนเดินดินที่มารับหน้าที่ล่ามและเลขาเท่านั้น เมื่อตนเองมารับหน้าที่ล่ามและเลขาและเขียนหนังสือชุดน้ี มีความคิดเสมอว่า ตนเองไม่ได้อยู่ในฐานะเจ้าของข้อมูลและสาระที่ปรากฏในหนังสือทั้งหมด และคิดว่าการเป็นเพียงล่ามและเลขาที่ไม่ต้องมีผู้ใดรู้จัก เป็นตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด ที่ว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากก็เพราะแม้จะมาอยู่ในตำแหน่งที่คาดหวังว่าไม่มีตำแหน่ง ไม่มีชื่อ นอกจากชื่อที่่หัวหน้าห้องตั้งให้ว่าพี่นักเขียนแล้ว คุณ vir ก็ยังอยากเข้ามาสัมผัสความเชื่อ ความรู้

    พี่นักเขียนเป็นเพียงคุณแม่ลูกสอง เป็นภรรยา เป็นศิลปินที่ชอบเขียน ชอบวาดภาพธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น
    [​IMG]

    ความเชื่อของพี่นักเขียนคือ เชื่อในสิ่งที่ตนเองรับถ่ายทอดมาเขียน
    ความรู้ของพี่นักเขียน เป็นไปตามความรู้ทางโลกที่ร่ำเรียนมาส่วนหนึ่งยามตื่น และร่ำเรียนมาอีกส่วนหนึ่งยามฝัน

    คุณ vir จะพบความเป็นจริงเกี่ยวกับความเชื่อของพี่นักเขียนได้จากงานเขียนหนังสืิอชุด 10 เล่มนี้ และสัมผัสกับความรู้อื่นๆของพี่นักเขียนได้จากงานเขียนอื่นๆที่มีอยู่ในท้องตลาดก่อนหน้านี้ค่ะ หัวหน้าฯ และผู้อ่านห้องวิทย์ฯได้พบหนังสือหลายเล่มแล้วด้วยความบังเอิญ-ที่มีความหมาย และสัมผัสกับความรู้อื่นๆของพี่นักเขียนได้จากงานศิลปะภาพวาด และบทเพลงที่พี่นักเขียนบรรจุไว้ที่ website http://www.novaanalai.com/novaanalai/Index.html เพราะผลงานเหล่านี้เป็นภาพสะท้อนความเชื่อและความรู้ส่วนตัวของพี่นักเขียนอย่างตรงไปตรงมาที่สุด

    เมื่อพี่นักเขียนมาทำหน้าที่ล่ามและเลขาในความฝัน และเขียนหนังสือในยามตื่น สิ่งที่เรียนรู้และพยายามฝึกฝนคือการตั้งจิตอยู่กับความรู้สึกที่ดี มีความเชื่อในแง่บวก ซึ่งไม่ได้หมายความว่าพี่นักเขียนทำได้ตลอดเวลายามตื่นอย่างง่ายดายนะคะ บ่อยครั้งก็ต้องตั้งสติและเตือนใจตนเองให้จดจ่อกับความคิดในแง่บวก หรือทดแทนความคิดในแง่ลบด้วยความคิดที่สร้างสรรค์กว่าในแง่บวก เพราะสาระที่ตนเองได้มาจากความฝันทำให้พี่นักเขียนเชื่อว่า การปรับความเชื่อ ปรับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบที่คล้อยตามความเชื่อในแง่ลบให้เป็นแง่บวก ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี เมื่อฝึกฝนและทำได้บ่อยๆแล้วรู้สึกดี-มีความสุข ก็กลายเป็นสิ่งที่พอใจและเต็มใจจะทำเสมอๆ เพราะเมื่อสุขแล้วถามตนเองว่าทำไมจะไม่ทำบ่อยๆ แม้จะเผลอคล้อยตามอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบที่คล้อยตามความเชื่อในแง่ลบไปบ้างเป็นบางครั้ง รู้ตัวเมื่อไรก็ปรับให้เป็นบวกแล้วก็รู้สึกดี มันตรงไปตรงมาแค่นั้นค่ะ และยอมรับว่ายังต้องฝึกต่อไปอีกมาก

    พี่นักเขียนมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่ยังคล้อยตามความเชื่อส่วนบุคคล และความเชื่อในแง่ลบอยู่อีกไม่น้อยอย่างแน่นอนค่ะ เพราะยังเป็นมนุษย์เดินดิน แต่เมื่อได้ศึกษาข้อมูลจากหนังสือชุดนี้ ทำให้พยายามที่จะปรับเปลี่ยนความเชื่อที่ผิด เพราะเมื่อปฏิบัติตามคำสอนที่รับมาแล้ว-พบว่าได้ผล แน่นอนว่ายังโกรธเป็น-ไม่มากก็น้อย แต่เมื่อใดที่โกรธจะตั้งคำถามกับตนเองเสมอว่า ความโกรธของเรามีต้นกำเนิดมาจากไหน พี่นักเขียนพบว่าความโกรธมักมีต้นกำเนิดมาจาก
    1. ความกลัว ซึ่งครอบคลุมความรู้สึกอื่นๆมากมายหลายความรู้สึก
    2. ความรู้สึกไร้พลังอำนาจ ซึ่งครอบคลุมถึงการไร้พลังอำนาจที่จะแก้ไขสถานการณ์ สภาวะหรือความเป็นไปทั้งหลายที่ไม่พึงปรารถนา


    ยกตัวอย่าง หากเราโกรธผู้ร่วมงาน ผู้ร่วมธุรกิจ ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจครอบคลุมไปถึงสถานภาพการเงินของครอบครัวของเรา ทำให้ลูก ภรรยาหรือสามี ป่วย ทุกข์กาย ทุกข์ใจ หรือทำให้สัมพันธภาพระหว่างเรากับเพื่อนร่วมงานอื่นๆ กับคนรักคนใกล้ตัวบาดหมาง เราอาจกล่าวโทษเพื่อนร่วมงาน กล่าวโทษเศรษฐกิจ ฯลฯ แต่รากเหง้าของความโกรธที่แท้จริงไม่ได้มาจากภายนอก มันมาจากความกลัวและความรู้สึกไร้พลังอำนาจของตนเองเสมอ

    เราจะต้องค้นให้พบว่าเรากลัวอะไร เรากลัวการสูญเสียอะไร หากเราซื่อสัตย์ต่อตนเอง พี่นักเขียนเชื่อว่าเราจะค้นพบได้เสมอว่า เรากลัวว่าจะสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง สูญเสียชื่อเสียง สูญเสียสัมพันธภาพ สูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจ สูญเสียความเคารพยกย่อง เสียโอกาส เสียผลประโยชน์ เสียหน้า เสียศักดิ์ศรี ฯลฯ การค้นพบความกลัวในการสูญเสีย มักเป็นสิ่งที่เราเห็นว่าน่าอับอาย เลวร้าย และยอมรับตนเองได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้นพบว่าตนเองโกรธเพราะกลัวการเสียหน้า เสียชื่อ เสียความไว้เนื้อเชื่อใจ เสียศักดิ์ศรี บางทีอาจทำให้เรารับตนเองได้ยากกว่าค้นพบว่าโกรธเพราะกลัวการสูญเสียผลประโยชน์หรือเสียทรัพย์ด้วยซ้ำไป แต่การค้นพบและยอมรับความกลัวในการสูญเสียสิ่งเหล่านี้ เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เราค้นพบรากเหง้าของความโกรธและสามารถพลิกผันความรู้สึกไร้พลังอำนาจได้โดยสิ้นเชิง

    หากเรามีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง และยอมรับได้ว่าเราโกรธเพราะกลัวการสูญเสียอะไร เราจะพบว่าเราสามารถตอบคำถามตนเองต่อไปได้อีกหลายข้อว่า สิ่งที่เรากลัวการสูญเสียนั้น เป็นสิ่งที่เรามีความชอบธรรมที่จะมี-จะได้ -จะเป็นหรือเปล่า? หากเรามีความชอบธรรมที่จะมี-จะได้-จะเป็น เพราะมันมาจากความรู้-ความสามารถและน้ำพักน้ำแรงของเราอย่างแท้จริง ย่อมไม่มีผู้ใดยักยอกหรือขโมยไปจากเราได้ ผู้อื่นอาจยักยอก ขโมยทรัพย์ หรือส่วนแบ่งของเราไปได้ แต่เขาก็ไม่สามารถยักยอกหรือขโมยความรู้-ความสามารถ-ชื่อเสียงหรือศักดิ์ศรีของเราไปได้ และเราย่อมสร้างสรรค์ทรัพย์ใหม่ได้เสมอด้วยความรู้และความสามารถที่เป็นของเราอย่างแท้จริง การเสียทรัพย์จะกลายเป็นการสูญเสียที่จิบจ้อยไปโดยปริยาย ไม่ว่าทรัพย์นั้นจะมีจำนวนเท่าไรก็ตาม

    แต่ถ้าหากความโกรธของเรามาจากความกลัวการสูญเสียในสิ่งที่เราไม่มีความชอบธรรมที่จะมี-จะได้ -จะเป็น เราย่อมถึงทางตันและแพ้ภัยตนเองในที่สุด เพราะมันเป็นการกลัวการสูญเสียในสิ่งที่เราไม่สมควรจะได้รับตั้งแต่แรก เรียกได้ว่าเสียในสิ่งที่เราไม่มีความเป็นไปได้ที่จะมี-จะได้ -จะเป็นด้วยความรู้ความสามารถ ณ วันนี้ และความกลัวการสูญเสียสิ่งเหล่านี้ย่อมก่อให้เกิดความรู้สึกในแง่ลบต่อตนเอง และดึงดูดสถานการณ์ชีวิตในแง่ลบมาสู่ตนเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าหากเราซื่อสัตย์ต่อตนเองและยอมรับว่า เราโกรธเพราะกลัวการสูญเสียในสิ่งที่เราไม่มีความเป็นไปได้ที่จะมี-จะได้ -จะเป็นด้วยความรู้ความสามารถ ณ วันนี้ นอกจากเราจะค้นพบรากเหง้าของความโกรธแล้ว เรายังค้นพบอีกด้วยว่าอะไรคือช่องว่างแห่งประสบการณ์ชีวิตและความปรารถนาที่แท้จริงของเรา และอะไรคือส่ิงที่เราควรแสวงหา เพิ่มความรู้ เพิ่มความสามารถเพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ และบรรลุเป้าหมายแห่งความปรารถนา

    การซื่อสัตย์ต่อตนเอง โดยยอมรับว่าเรากลัวการสูญเสียบางสิ่งบางอย่าง แม้มันจะทำให้เรารู้สึกอับอายตนเอง แต่มันก็จะทำให้เกิดความกล้าหาญที่จะเผชิญความเป็นจริงเหล่านี้ และความกล้าหาญมักจะทำให้เราสามารถพลิกผันความรู้สึกไร้พลังอำนาจได้อย่างประหลาด แต่ถ้าหากเราไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง เราจะไม่มีวันค้นพบรากเหง้าของความโกรธได้เลย และมันก็ทำให้เราขลาดกลัวที่จะเผชิญความเป็นจริงและไร้พลังอำนาจต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด แต่ทางเลือกทั้งหมดก็เป็นของเราเสมอ

    หากพี่นักเขียนพบว่าลูกถูกผู้อื่นทำร้ายจิตใจหรือร่างกาย พี่นักเขียนย่อมรู้สึกโกรธคนอื่นก่อนแน่นอนค่ะเพราะความรักลูก แต่พี่นักเขียนมีความเชื่ออย่างหมดใจ ในสาระของท่านอาจารย์อนาลัยที่ว่า

    เธอทัั้งหลายสร้างโลกแห่งความเป็นจริงจากความเชื่อของตนเอง และ
    จิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปเป็นภาวะนั้นๆ


    เมื่อเชื่อในข้อนี้ มันทำให้ต้องกลับไปพิจารณาต้นกำเนิดของความโกรธว่า มันไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากสถานการณ์ภายนอกหรือมาจากผู้อื่น แต่มาจากภาวะจิตอันได้แก่ความเชื่อของตนเองเสมอ หากเราเชื่อว่าบุคคลหนึ่งๆทำให้เราสูญเสียบางสิ่งบางอย่าง เรามักจะโกรธเขา หากเราเห็นว่าเขากระทำต่อคนที่เรารัก เราก็น่าจะตั้งคำถามเดียวกันว่า เรามีความเชื่อใดที่เหนี่ยวนำให้เราหรือลูก หรือคนที่เรารักตกอยู่ในสถานภาพที่เป็นเสมือนเหยื่อยของการกระทำของผู้อื่น เพราะความเชื่อและรู้สึกนึกคิดของเรามักก่อให้เกิดสถานการณ์ที่ครอบคลุมคนรักคนใกล้ตัวของเราด้วยเสมอ

    เราจะเปลี่ยนความรู้สึกในแง่ลบเหล่านั้นได้อย่างไร เพราะเราไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขผู้อื่นได้ นอกจากเปลี่ยนตนเอง แม้แต่ลูกของเรา-พี่นักเขียนก็เชื่อว่า พ่อแม่เปลี่ยนลูกไม่ได้ พ่อแม่จะทำได้อย่างมากก็คือ มองลูกของเราในแง่บวกและสนับสนุนให้เขามองโลกในแง่บวกเช่นกัน และสอนให้เขาพิจารณาตนเองก่อนที่จะกล่าวโทษสถานการณ์ภายนอกหรือผู้อื่น คือแนะนำให้เขารู้จักเปลี่ยนตนเอง เช่นเดียวกันกับที่พ่อแม่ต้องรู้จักปรับเปลี่ยนตนเอง มิฉะนั้นแล้วลูกจะรู้สึกว่าเขาตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์หรือผู้อื่น และพ่อแม่ก็คงตกที่นั่งผู้พิทักษ์ทึ่ต้องคอยปกป้องลูกตลอดชีวิต ไม่ต่างไปจากการที่เราไม่รู้จักพิจารณาปรับเปลี่ยนตนเองเพื่อค้นให้พบรากเหง้าของความโกรธ เราก็คงต้องปกป้องความอับอายที่จะยอมรับจุดอ่อนของตนเองตลอดชีวิต

    หากเราโกรธ เราจะต้องค้นให้พบต้นกำเนิดของความเชื่อที่ทำให้เราเกิดความกลัวและความรู้สึกไร้พลังอำนาจ เราจึงจะหยุดโกรธได้ เมื่อพี่นักเขียนเชื่ออย่างหมดใจว่า เราทัั้งหลายสร้างโลกแห่งความเป็นจริงจากความเชื่อของตนเอง มันทำให้พี่นักเขียนมักจะบอกกับตนเอง-ให้ย้อนดูตนเอง หรือหาสาเหตุหรือต้นกำเนิดทั้งหมดจากภายในแทนที่จะกล่าวโทษสิ่งอื่นๆหรือบุคคลอื่นๆนอกตัวเรา เมื่อค้นพบว่ามันมาจากภายใน พลังอำนาจทั้งหมดที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขก็อยู่ที่เรา เมื่อทำเช่่นนี้ได้บ่อยๆ แม้ความโกรธจะยังไม่ตายสนิท แต่หากมันเกิดขึ้นเมืื่อไร-มันมักจะอายุสั้น

    ขอบคุณอีกหลายครั้งสำหรับคำอวยพร-อีกหลายพรของคุณ vir ค่ะ คำถามของคุณ vir มักเป็นคำถามที่ดีเสมอ และทำให้พี่นักเขียนต้องขบคิดเพื่อหาคำตอบที่ดีพอมาตอบ ทำให้ความคิดแตกแขนงเสมอๆ ห้องวิทย์ฯเป็นจุดนัดพบที่ให้โอกาสพี่นักเขียนได้รับความรู้จากคำถาม-คำตอบ และการแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และทำให้ความคิดความเข้าใจของตนเองแตกแขนงออกไปอย่างไร้ขอบเขต ต้องขอขอบคุณสำหรับคำถามทุกคำถาม และความคิดและความเข้าใจจากมุมมองใหม่ๆที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด(rose)
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2007
  9. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวว่า ความฝันคือโลกแห่งความเป็นจริงที่สะท้อนให้เรารู้เห็นภาวะจิตของตนเอง สิ่งต่างๆที่ปรากฏในโลกของความฝัน ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ บุคคลที่เรารู้จักหรือไม่รู้จัก หรือสภาพแวดล้อมในความฝัน ล้วนเป็นสัญญลักษณ์ที่แสดงออกถึงภาวะจิตของเราทั้งสิ้น และความฝันก็สะท้อนให้เห็นโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติที่เราดำเนินชีวิตอยู่หลากชาติภพอีกด้วย

    [​IMG]
    หากคุณน้อง Jintawadee ถามเพื่อนของคุณน้องว่า มีความรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับจิตวิญญาณ พี่นักขียนเชื่อว่าอาจได้คำตอบที่เกี่ยวพันกับความกลัวหรือผีปิศาจ ซึ่งเป็นไปตามความเชื่อของเขาที่มีต่อจิตวิญญาณ เมื่อรับหนังสือไป เขาเลือกอ่านเพียงบางบท ซึ่งทำให้เขาเข้าใจสาระตามความเป็นจริงได้ยาก แม้อ่านเรียงทุกบทก็ยังต้องขบคิดจึงจะเข้าใจได้ถ่อยแท้ เมื่ออ่านบางบทยิ่งทำให้จับประเด็นได้ขาดๆเกินๆ และทำให้ต้องปะติดปะต่อกันตามความเชื่อ หากมีความเชื่อในแง่ลบอยู่เป็นทุน ก็ทำให้เข้าใจไปในแง่ลบต่อไป เขาจึงเอาหนังสือมาคืน เพราะเมื่อมันไปอยู่ในครอบครองแล้วมันไปกระตุ้นความกลัวให้ปรากฏในความฝัน

    ส่วนผู้ที่อ่านหนังสือตามลำดับบท ย่อมจะทำให้เข้าใจบางสิ่งบางอย่างได้ชัดเจนขึ้น มีสติคมชัดมากขึ้นจึงทำให้จดจำความฝันได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และพิสูจน์ความเป็นจริงทั้งหลายที่ปรากฏในหนังสือได้ด้วยตนเอง

    ผู้อ่านจำนวนมากเขียนมาบอกพี่นักเขียนว่า อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วทำให้จำความฝันได้อย่างที่ไม่เคยจำได้มาก่อน พี่นักเขียนเชื่อว่าปรากฏการณ์เหล่านี้พิสูจน์ความเป็นจริงที่ว่า สติสัมปชัญญะของเรารู้เห็นความฝันและจดจำความฝันได้ในระดับจิตใต้สำนึกเสมอ แต่เมื่อเราไม่มีความรู้เกี่ยวกับความฝันและไม่เห็นความสำคัญของมัน เราก็ตื่นขึ้นมาโดยสลัดความจำเหล่านั้นทื้งไป ต่อเมื่อเราพบสาระจากหนังสือที่ทำให้เราเล็งเห็นความสำคัญของความฝัน มีความรู้เพิ่มเติมว่าความฝันเป็นประโยชน์กับเราเพียงใด เราก็เกิดความพอใจหรือเต็มใจที่จะจดจำ และสติสัมปชัญญะที่เคยไม่แยแสที่จะจดจำก็เปลี่ยนเป็นใส่ใจ จดจ่อ และจดจำประสบการณ์ความฝันได้ดีขึ้น

    เช่นเดียวกับการทีี่เราชมภาพยนต์ที่เราไม่สนใจ เราฟังผ่าน ดูผ่าน เราก็ไม่รู้เรื่อง ไม่จดจำ แต่ถ้าหากเราชมภาพยนต์ที่เราสนใจ อยากรู้เห็น อยากติดตาม เพราะเรารู้ว่าภาพยนต์นั้นๆจะให้สาระสำคัญบางอย่างแก่เรา เราก็จะจดจ่อ จดจำ ติดตามรู้เห็น และจำได้ดีในที่สุด บางคนดูหนังผี ปิดตาดู กล้าๆกลัวๆ ท้ายที่สุด ดูจนจบก็ไม่ได้สาระอะไรนอกจากกลัวผียิ่งไปกว่าเดิม ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น เพื่อนของคุณน้องต้องเลือกเสียก่อนว่า เขาจะอ่านหนังสือเพื่ออะไร เขาอยากรู้ อยากเข้าใจความฝัน หรืออ่านหนังสือเสมือนคนกลัวผี แล้วปิดตาดูหนังผีได้เพียงครึ่งเรื่อง ดูจบก็ไม่ได้อะไรนอกจากกระตุ้นความกลัวที่มีอยู่แล้วให้หนักหนากว่าเดิม

    หากเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนได้ พี่นักเขียนเชื่อว่าคุณน้อง Jintawadee คงจะช่วยเหลือแนะนำเพื่อนได้ไม่ยาก โดยอาศัยประสบการณ์ส่วนตนและสิ่งที่พิสูจน์ได้ด้วยตนเองเป็นหลัก เพราะการถ่ายทอดสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นกับตนเองให้กับเพื่อนสนิท มักเป็นไปด้วยความรักและหวังดีเสมอ เพื่อนสนิทของเราก็ย่อมเข้าถึงความจริงใจของเราได้ไม่ยากเช่นกันค่ะ

    พี่นักเขียนเคยตอบน้อง TK the Naka ไปว่า ความฝันเป็นไปสองทางหรือมากกว่านั้นเสมอ คือเมื่อเราฝันถึงใคร เขาผู้นั้นสัมผัสรู้ถึงอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเราเสมอ เพราะโลกแห่งความฝันไม่ใช่ความลับและไม่ใช่โลกส่วนตัว เช่นเดียวกับโลกแห่งความเป็นจริงยามตื่นที่เราต่างก็ร่วมรู้เห็นปรากฏการณ์ต่างๆร่วมกันมากมาย โลกแห่งความฝันปราศจากช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา เราอาจฝันว่าให้อภัยเพื่อนที่โกรธกันมานานจนไม่มองหน้ากัน และอีกหลายวันหรือหลายเดือนต่อมา เพื่อนผู้นั้นก็ฝันถึงเราในนัยที่คล้ายคลึงกัน หรือเรียกได้ว่ามีประสบการณ์ทางอารมณ์ร่วมกันในโลกของความฝัน ทำให้เขามีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดต่อเราเปลี่ยนแปลงไป หากได้พบกันจริง ทั้งสองฝ่ายจะเกิดความรู้สึกที่โอนอ่อนเข้าหากัน ทำให้คืนดีกันได้ง่ายกว่าที่คิด

    คุณน้องขจรวรรณเคยถามว่า เราจะแก้ไขอนาคตหรือเปลี่ยนอดีตจากปัจจุบันได้อย่างไร ปรากฏการณ์เช่นนี้คือคำตอบ เราทำได้เสมอ-ในความฝัน ในอดีตเราโกรธกับเพื่อน ในปัจจุบันเราฝันว่าให้อภัยเขา เราได้ทำการเปลี่ยนอดีตโดยปลดความโกรธเคืองออกจากอดึต ทำให้เราสามารถแก้ไขอนาคตให้เป็นไปในทิศทางที่เราปรารถนาได้ค่ะ (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2007
  10. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    Welcome


    ขอต้อนรับคุณ ดั่งจันทรา สู่ห้องวิทย์ฯค่ะ(rose)
    [​IMG]
     
  11. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • chakrapic.jpg
      chakrapic.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.2 KB
      เปิดดู:
      54
  12. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    Snow-in

    ของเล่นของหัวหน้าเหมาะสำหรับวันที่ออกไปไหนไม่ได้เพราะหิมะตกหนัก

    Snow ตกแล้วตกอีกค่ะ วันนี้พี่นักเขียนเลยเอาเจ้า Rudolph the Red-Nosed Reindeer มาเตรียมลากเลื่อนพาพวกเราลงเขาชื่อว่า Mount Oread ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในเมือง Lawrence ที่พี่นักเขียนอยู่
    [​IMG]
    ช่วงนี้ขอเชิญชวนพวกเราพักผ่อนเพื่อต้อนรับปีใหม่ที่จะมาถึง ชาวเราห้องวิทย์ฯไม่มีคำว่าส่งการบ้านสาย สอบตกหรือถูกตัดคะแนนนะคะ มีแต่ Ambition กับ Absolute เสมอค่ะ

    ภาพวาดของพวกเราที่ส่งเข้ามาน่าประทับใจมากๆ พี่นักเขียนจะนำหลักการวาดภาพให้ถูกสัดส่วน และการกระตุ้นการทำงานของสมองซีกขวามานำเสนอต่อไปหลังปีใหม่นะคะ

    พยากรณ์อากาศบอกว่า snow จะตกอีกค่ำนี้และไปหยุดเอาคืนพรุ่งนี้ จะมี snow ตกเพิ่มอีกประมาณ 6 น้ิว หลังจากที่ตกมาแล้ว 10 น้ิวเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว และยังไม่ละลายเลยค่ะ วันเสาร์นี้จะเป็นวันที่อากาศดีขึ้น อาจมีแดดออก เหมาะแก่การเล่น sledge ลงเขาเป็นอย่างยิ่ง

    คุณ Mead ว่าจะมาปั้น snowman กับพี่นักเขียน คงจะได้ฤกษ์วันเสาร์นี้ละค่ะ เพราะสัปดาห์ที่แล้วอากาศหนาวจัดจนแห้ง หิมะเป็นเหมือนแป้งมันปั้นไม่ได้เลยค่ะ ต้องรอให้หนาวน้อยลงหน่อยเกือบจะละลายจึงจะปั้นได้ วันก่อนเด็กๆและพี่นักเขียนพยายามปั้น snowman แล้วลงเอยได้ปิรามิด หรือ Hershey Kisses Chocolate อันใหญ่ยักษ์แทนค่ะ
    [​IMG]
    [​IMG]
    แบ่งความหนาวเย็นมาให้พวกเราชาวห้องวิทย์ฯฉลองส่งท้ายปีเก่ากันค่ะ
    ขอตัวไปช่วยสามีพี่นักเขียนโกยหิมะออกจากถนนหน้าบ้านก่อนละค่ะ
    ใกล้เลี้ยงปีใหม่อีกแล้ว เกรงว่าแขกจะเข้าบ้านไม่ได้ :(
    อาจมีแต่หัวหน้าฯ ที่สบายบรื๋อเพราะมาทางยานอวกาศ
    ส่วนน้องลูกเกดคงจะเข้าบ้านพี่นักเขียนทางปล่องไฟ ?!? :)
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 100_3126.jpg
      100_3126.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.8 KB
      เปิดดู:
      674
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2007
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    พี่นักเขียนอธิบายเรื่องนี้ออกมาได้ชัดเจนมาก ผมเองมองมุมเดียวกับพี่นักเขียนอยู่แล้ว พอยิ่งมาอ่านตรงนี้ยิ่งเข้าใจมากขึ้นไปอีก ขอบคุณจริงๆครับ

    ถ้าเราเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว จุดประสานหรือสื่งที่พ้องกันของศาสนา ล้วนมีที่มาจาก"แก่นธรรม"เดียวกันจริงๆ ซึ่งในสภาวะของธรรมชาติเองก็ล้วนแฝงความหมายเหล่านี้บอกเป็นนัยไว้มากมาย เหมือนเช่น สายน้ำลำคลองที่เป็นล้วนหนึ่งเดียวกับมหาสมุทร หรือ กิ่งก้านสาขาของต้นไม้ที่มาจากรากลำต้นเดียวกัน

    เหมือนกับหนังสือดีๆเช่น หนังสือของอาจารย์โนวา อนาลัย เช่นกันที่กล่าวถึงเรื่องที่เป็นสากล และเรื่องที่เป็นจุดประสานเหล่านี้มากล่าวเสมอ เป็นความรู้ซึ่งปราศจากเส้นแบ่งของศาสนา (จนหลายคนอาจมองข้ามไปเพราะไม่นึกว่าจะมีเรื่องที่เป็นกลางเช่นนี้อยู่บนโลกใบนี้) ถึงแม้ความเชื่อทางศาสนานี้จะเป็นเรื่องล่อแหลมต่อความเชื่อส่วนตัวเพราะเหตุจากความยึดมั่นถือมั่นที่รุนแรง..ว่าศาสนาของฉัน เหนือกว่า-ดีกว่า อะไรพวกนี้ จนโลกปั่นป่วนวุ่นวายเพราะความไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน..พระศาสดาท่านคงไม่เห็นด้วยเป็นแน่ที่มนุษย์คิดเข่นนั้น..ทางที่ดีเห็นว่ามนุษย์เราควรมองหาจุดที่เป็นกลางโดยการปรับเปลื่ยนความเชื่อให้กลมกลืนกันไว้ดี่ที่สุด โลกจะมีสันติสุขอย่างยั่งยืนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2007
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425

    [​IMG]

    มาช่วยพี่ฯโกยหิมะครับปีใหม่นี้คงไม่ไปไหนไกล
    อยู่บ้านวาดรูปเล่นดีกว่า ไว้ไปวันที่เค้าไม่ไปเที่ยวกันครับ อิอิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2007
  15. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    [FONT=ms Sans Serif,]
    <CENTER></CENTER><CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER>

    [FONT=ms Sans Serif,]<CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER>

    [FONT=ms Sans Serif,]<DD></DD>[/FONT]
    </CENTER>
    [/FONT]</CENTER>
    [/FONT]
    <!-- / message --><!-- sig -->

    ____________________________________________________________
     
  16. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    2008 ปีชวด..หนูๆพึงระวัง อิอิ

    หวัดดีปีใหม่กว่าครับพี่เม้าส์..
    เห็นเพื่อนๆต่างประเทศบ่นคิดถึงอยู่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • noname.jpg
      noname.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.7 KB
      เปิดดู:
      31
    • nonameฟ.jpg
      nonameฟ.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.9 KB
      เปิดดู:
      29
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2007
  17. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    มาตามเสียงบ่นครับคุณ mead
    เผลอแผลบเดียว จะหมดปีอีกแล้ว[​IMG][​IMG][​IMG]

    มาคิดดูดีๆ เวลาเราทำอะไร ถ้าไม่มีเงื่อนไขของเวลา
    รู้สึกเราจะทำสิ่งนั้นได้อย่างมีความสุข นะครับ

    รูปที่ลงไว้ดูไม่ได้ครับคุณ mead
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2008
  18. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    เห็นด้วยกับพี่นักเขียนและคุณ Mead อย่างที่สุดค่ะ เราไม่ควรเอาศาสนามาเป็นเครื่องแบ่งแยกตัวเราออกจาก เพราะจริง ๆ แล้วมนุษย์เราทุกคนล้วนต่างก็เป็นหนึ่งเดียวกัน เราควรจะมอบความรักและเคารพในกันและกันจะดีกว่าค่ะ ขจรวรรณคิดว่าทุกศาสนาน่าจะมีความเชื่อร่วมกันอยู่อย่างนึงก็คือเชื่อว่าจิตวิญญาณมีจริง และถ้าเราเชื่อว่าจิตวิญญาณมีจริงก็คงต้องถามว่าเป้าหมายที่แท้จริงของจิตวิญญาณคืออะไร? ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่าเป้าหมายที่แท้จริงของจิตวิญญาณคือการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้หรือการรู้แจ้งในทุกสรรพสิ่งนั่นเอง เพราะฉะนั้นเรามาช่วยกันเปลี่ยนความเชื่อให้เป็นความรู้กันดีกว่าค่ะ..(smile)
     
  19. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ขอบคุณมากค่ะ คุณนักเขียนอธิบายได้เข้าใจมากเลยค่ะ อ่านแล้วคือใช่เลย ว่าแล้วถ้าน้องว่านแอบดูอยู่ ก็เข้าใจซะนะจ๊ะ ไอ้ที่กลัวผีน่ะ เลิกกลัวได้แล้วจ้า คราวหน้าถ้าฝันอีก ก็ให้สมมุติว่าจับผีมาแต่งตัวให้สวยไปเลยก็ได้จะได้เลิกกลัวซะทีนึง หุ หุ
    ดิฉันมีความคิดเช่นเดียวกัน หนังสือชุดนี้ไม่ได้มีความขัดแย้งกับหลักศาสนา แต่ออกจะส่งเสริมด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะบทฝึกในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ ที่ให้เราฝึกในการมองผ่านตัวตนของเรา และในเหตุการ์ณเดียวกัน ก็ให้ลองมองผ่านในมุมมองของคนอื่นด้วย จะเห็นได้ชัดว่าสิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ก็คือเราจะได้รับประสบการ์ณและความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งเมื่อมองผ่านในมุมมองของผู้อื่น อย่างน้อยถ้ามีความโกรธกันอยู่ก็สามารถทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ คล้ายการเอาใจเขามาใส่ใจเรานั้นเอง เพราะถ้ามนุษย์เข้าใจกัน สงครามและความขัดแย้งก็คงจะไม่เกิดขึ้น
    เช่นเดียวกันกับเสียงที่ดิฉันเคยบอกว่ามักจะได้ยินเสมอตั้งแต่เด็ก เสียงที่มักจะกล่าวโทษถึงการละเลยต่อหน้าที่ และอีกหลายอย่างกับการที่ดิฉันมีนิสัยที่ดื้อรั้น และมันทำให้ชีวิตหลายอย่างต้องพบกับการสูญเสีย และผิดหวัง ดิฉันเคยกล่าวโทษว่านี่เป็นการลงโทษจากเจ้าของเสียงอย่างอยุติธรรม ต่อเมื่อจินตวดีได้พบหนังสือชุดนี้ของโนวาอนาลัย และได้อ่านมากขึ้นเป็นลำดับ มันทำให้ดิฉันเปลี่ยนความคิดจากคำว่า "การลงโทษอันอยุติธรรม" มาเป็น "การอบรมทางจิต" แทน ดูเหมือนว่าหนังสือเล่มนี้จะสร้างความคิดและการมองโลกในแง่บวกให้กับดิฉันเพิ่มมากขึ้น ผลกำไรที่ได้น่ะหรือคะ มากมายเกินบรรยาย และคงจะต้องเพิ่มมากกว่านี้แน่ถ้า ได้อ่านครบทุกเล่ม (ตอนนี้เกือบ 8 เล่มแล้วค่ะ) และได้ทำการฝึกฝนตามแบบฝึกหัดที่ได้ให้ไว้ในหนังสือ
    ตอนนี้ดิฉันกำลังพยายามอยากจะติดต่อกับเจ้าของเสียงภายใน ไม่ว่าเขาจะคือจิตวิญญาณเสมือนร่วมร่าง ในมิติใดก็ตาม ดิฉันเคยได้พบกับคนที่ไม่รู้จักแต่พยายามจะพบดิฉัน เมื่อเจอก็หัวเราะ และแค่บอกว่า "อยากรู้ไหมเธอชื่ออะไร" พร้อมชี้ให้ดูตุ๊กตาที่มีลักษณะแตกต่างทั้งเสื้อและท่าทางหลายตัว พร้อมทั้งบอกว่าดิฉันจะรู้เอง และไม่นานนี้ที่ดิฉันก็ได้ยินเสียงเดิมมาบอกชื่อให้ แต่ชื่อนั้นแปลกจริง เพราะควรจะเป็นชื่อของทุกคนมากกว่า มันคือ "จิตจักรวาล"
    แปลกดีไหมล่ะคะ หุ หุ

    สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าทุกคนค่ะ อย่าลืมเที่ยวเผื่อนะคะ เพราะดิฉันคงต้องทำงานทุกวันเหมือนเคย ในวงการของดิฉัน No holiday ค่ะ
     
  20. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403

    จะรู้แจ้งได้อย่างไร ถ้าไม่เข้าใจพื้นฐานก่อน
    มนุษย์ เริ่มจาก เล็ก ไป ใหญ่
    ควรศึกษา จาก ใหญ่ ไป เล็ก
    จาก จักรวาล สู่ อะตอม
    จาก อะตอม สู่ เล็กสุดๆ
    แต่
    มนุษย์ยังค้นหา แสวงหาใหญ่ๆ
    แต่ไม่เข้าใจเล็กๆ ที่ตัวเอง
    เป้าหมายของชีวิต???
    รวมใจ รวมจิต กับทุกชีวิตและสรรพสิ่ง
    :( :( :( (kiss) (kiss) (kiss)

    ขอความสวัสดีมีชัย ไทยทั้งมวลมนุษยชาติ และสรรพชีวิต เทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2007

แชร์หน้านี้

Loading...