ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ช่วงนี้อาการยังกะคนเป็นอัลไซเมอร์จำอะไรไม่ค่อยได้เลยขี้ลืมมากๆ เรื่องอดีตบางเรื่องก็จำไม่ได้เวลาเพื่อนบอกเห้ยจำวันนั้นได้ปล่าว จำวันนั้นที่พูดได้ไหม ผมได้แต่หือหาไรนะ จริงดิ เคยพูดแบบนั้นด้วยเหรอ? เหมือนเหตุการทุกอย่างมันเกิดขึ้นแค่ตอนนี้รับรู้แค่ปัจุบัน ณ ตอนนี้มันรู้สึกตัวแค่ ณ ปัจจุบันที่ทำอยู่เท่านั้นไม่ได้รู้สึกถึงการแบ่งแยกของเวลาเลย แม้แต่เวลาไปกรอกเอกสารวันเดือนปีผมยังลืมเลยหันไปถามพนักงานว่าปีนี้ปี 54 ใช่ไหมทั้งๆที่นี้มัน 57 แล้วฮ่าๆ

 

อาการเดียวกันเลยทำไม่จำอะไรไม่ค่อยแท้แต่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อถูกถามต้องย้อนถามเขาอีกทีว่า...อ้าวเหรอทำไมจำไม่ได้..รู้สึกว่าอะไรที่เกิดขึ้นไม่ว่าร้ายหรือดีก็ไม่มีการเก็บเอามาคิดหรือจดจำผ่านแล้วผ่ายเลย รู้สึกตัวเบา ใจโล่งๆไม่นึดติดกับอะไรเลย....

 

Is Ascension really happening
IS ASCENSION REALLY HAPPENING?
การเลื่อนระดับกำลังเกิดขึ้นจริงหรือ?
ผู้แปล: อจิตตะ

ตอนที่ 1
การเลื่อนระดับกำลังเกิดขึ้นจริงหรือ?
แน่นอนที่สุด...โลกได้วิวัฒนาการมาจนถึงจุดที่เธอ (แม่ธรณี)
มีความพร้อมที่จะเคลื่อนสู่ความสั่นสะเทือนของมิติที่สูงขึ้นไป
ซึ่งนี่เป็นขั้นตอนธรรมดาของวิวัฒนาการที่มีต่อสรรพสิ่งในจักรวาล
และกระบวนการนี้คือ “การเลื่อนระดับของมิติที่ 5 “
ทุกคนและทุกสิ่งจะเลื่อนระดับเมื่อพลังงานคลื่นความถี่ของพวกเขา
สามารถดิ่งตรงและเจาะเข้าสู่คลื่นความถี่ของพลังงานแสงสว่างได้
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกมีรูปแบบที่แตกต่างกันมากมาย
เช่น มนุษย์ สัตว์ แร่ฐาตุต่างๆ ต้นไม้…ฯลฯ.
ซึ่งทุกสรรพสิ่งล้วนอาศัยอยู่กับธรรมชาติที่ไหลเลื่อนไปตามบัญชาของพระเจ้า
ที่มีความสั่นสะเทือนเดียวกันกับโลก และ จะเลื่อนระดับไปด้วยกันอย่างอัตโนมัติ
ตัวอย่างของชีวิตความเป็นอยู่ที่เป็นบัญชาของพระเจ้า
ก็จะเห็นได้จากปฏิกิริยาของพืชและสัตว์เมื่อเปลี่ยนฤดูกาล
ผู้คนบนโลกขณะนี้กำลังตัดสินใจ,ในบางระดับ
ไม่ว่าพวกเขาเลือกที่จะอยู่ระนาบเดียวกับบัญชาของพระเจ้า
และเลื่อนไปมิติที่ 5 หรือ พวกเขายังหวังที่จะอยู่เรียนรู้ที่ มิติที่ 3 ต่อไปก็ตาม

ซึ่งมิติที่ 3 ก็คือการเรียนรู้โดยการเกี่ยวข้องและประสบกับหลากหลายสถานะ
การณ์ที่แตกต่างกัน
เพื่อช่วยสอนเราในเรื่องของ ปัญญาที่ยิ่งใหญ่ และ ความรัก
ใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้นี้.
ไม่ว่าจะเป็นมวลมนุษย์หรือสัตว์บางสายพันธ์ก็ตาม
ย่อมมีจุดของการสั่นสะเทือนที่แตกต่างกัน
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้และความใส่ใจ
เช่น…หากมีการดำเนินชีวิตในด้านบวกก็จะก่อให้การสั่นสะเทือนในระดับสูง
ส่วนในด้านลบ เช่นความกลัว ก็จะสร้างการสั่นสะเทือนที่ต่ำกว่า

ฉันไม่รู้ว่า อะไรที่ฉันต้องทำ ?...
คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่า คุณต้องทำอะไร ? มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของสัญญา!
มันเป็นธรรมดาของจิตหรือตัวตนที่ต้องการรู้ในรายละเอียดและความหมาย
วิญญาณที่พร้อมและการยอมจำนนต่อบัญชาของพระเจ้า
ปฏิบัติได้ง่ายๆ คือ...สิ่งใดก็ตามที่ให้ความรู้สึกที่ดีที่เต็มไปด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น
โดยไม่มีความลังเลสงสัและเคลื่อนไปสู่ความตื่นเต้นต่อไปในทุกขณะ

ฉันเป็น Light worker หรือ?
หากคุณมีความปรารถนาที่จะให้ความช่วยเหลือ
ซึ่งบางทีคุณก็ไม่รู้ว่าคุณจะได้อะไรกับการให้การช่วยเหลือนั้นๆ...
นั่นล่ะ “ใช่เลย”

ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าฉันกำลังให้ความช่วยเหลือ?
ถ้าคุณทำสิ่งใดแล้วรู้สึกว่ามันถูกต้องโดยไม่คำนึงถึงว่ามันเป็นอะไร
ถ้าเป็นเรื่องที่โดนใจคุณแล้ว คุณก็เข้าไปช่วย .
นั่นก็เท่ากับคุณกำลังทำในสิ่งที่คุณได้ลงมา(บนโลก=ผู้แปล)ทำแล้วล่ะ.
กับเรื่องที่น่าสนใจและน่าตื่นเต้นที่โดนใจ
และรู้สึกได้ถึงความถูกต้องอยู่ในส่วนลึกๆ
ความปรารถนาก็จะปรากฏเส้นทางเดินที่ถูกต้องของคุณให้ในทุกขณะจิต
ดังนั้น...จงเชื่อมั่นในความรู้สึกส่วนลึกของคุณเอง...

จำเป็นไม๊…ที่ฉันต้องรู้รายละเอียดเพื่อวางแผนงานของฉัน ?
แค่รู้สึกดีและมันได้ทำให้คุณตื่นเต้น
เพราะเมื่อเวลาที่เรายอมรับและใช้สัญชาตญาณแล้วละก็
เราไม่มีความต้องการรายละเอียดและผลที่ตามมา
ที่จะไปทำให้เกิดการสร้างเรื่องราวในโลกมิติที่ 3ของเรา
หากคุณต้องการในรายละเอียดหรือต้องการ “คิดให้ออก”
มันเหมือนรู้สึกดีในขณะที่ได้ทำนะ
และนี่คือความแตกต่างของการทำงานที่ผ่านออกมาจากจิตจากที่คุณคิดว่าคุณ “ต้องทำ”
และถ้าหากคุณหมายที่จะกระทำบางสิ่งเพื่อต้องการพลังงานที่พิเศษ
ที่คล้ายกับพลังงานของจันทคราส หรือ พลังของวันพระจันทร์เต็มดวงละก็
แผนงานของคุณต้องอยู่ภายใต้ความเป็นธรรมชาติและอยู่กับปัจจุบันขณะ
แต่ส่วนใหญ่ คุณจะเดินหน้าต่อไปได้เอง
และคุณวางแผนงานได้โดยไม่ต้องรู้ว่าวันนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงหรือไม่
แต่มันก็เป็นไปได้ในบางเหตุผลของพระเจ้าเหมือนกัน
ที่คุณต้องรู้ว่าคืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง
และเมื่อเป็นดังนั้น ความรู้สึกของคุณก็จะดียิ่งขึ้น
สรุปโดยรวมแล้ว...หากคุณมีแผนงานที่เป็นธรรมชาติจริง ๆแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็อยู่ตรงที่มันอยู่ ....และก็อยู่ตรงนั้นแหละ
มีงานบางอย่างที่เหล่า Light workers ทำไปแล้ว
และได้มีส่วนเกี่ยวโยงกับผลที่ตามมาและกับเรื่องปลีกย่อย (กรรม=ผู้แปล)
ฉนั้น…จงจดจำความรู้สึกชอบธรรมนี้ไว้เหนือสิ่งอื่นใด
ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งของผู้มีอำนาจหรือของคุรุที่สอนเรื่องเลื่อนระดับก็ตาม…

ฉันต้องเข้าร่วมประชุมบ่อยๆไม๊?
ไม่ว่าจะเป็นการประชุม (workshop),หนังสือหรืออะไรก็ได้,
หากทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นที่จะทำ...ก็ทำไปเลย...แต่ถ้าไม่รู้สึกอะไรเลย ก็อย่าไปทำ...
เพราะในการช่วยเหลือใครบางคน มันไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งดีสำหรับคุณ...
ดังนั้น...สัญญาณของความตื่นเต้นต่างหากเล่าที่เป็นเส้นทางเดินของคุณ

มีความจำเป็นต้องเดินไปตามรูปแบบของกายแห่งแสงสว่างนี้หรือไม่?
Lightworkers ส่วนมาก ก็มีกายแสงสว่างอยู่แล้ว
คุณเพียงเก็บวางไว้”ที่นั่น” จนกว่ามีความจำเป็นต้องใช้
คุณอยู่ในกระบวนการของการผสมผสานกับกายแสงสว่างนี้
หากโอกาสใดที่คุณยังไม่มีกายแสงสว่างนี้ มันก็จะสร้างขึ้นมาเอง
เพราะนี่เป็นส่วนหนึ่งของความสมดุลย์ที่เกิดขึ้นต่อการเลื่อนระดับ
คุณไม่จะเป็นจะต้องทำอะไรที่จำเพราะเจาะจงลงไป
มันจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เหมือนการเรียนรู้ที่คุณได้นำมาใช้ใหม่
เพียงแค่คุณยอมจำนนต่อบัญชาของพระเจ้า....แค่นั้น...มันก็จะเกิดขึ้นเอง

ฉันเป็นผู้กำหนดสถานที่และตัวฉันเองใช่ไหม?
อืม...ลองตรวจสอบดู, ถามตัวเองซิ “ ถ้าฉันรู้แจ้งในทุกๆที่บนโลกนี้
และทำสิ่งที่ฉันต้องการได้ในขณะนี้...ที่ใดหนอที่ฉันควรจะอยู่?
หากคำตอบของคุณคือ “ฉันจะทำที่นี่และเดี๋ยวนี้”
แล้วคุณก็เดินตามไปตามคำแนะนำที่เป็นธรรมชาตินั้นทันทีทันใด
นั่นแหละ….ก็เท่ากับคุณได้กำหนดตัวคุณเองแล้ว…

ฉันจะรู้ได้อย่างไรถ้าตัวตนของฉันเป็นผู้สั่งการ ?
หากคุณมองไปรอบ ๆ แล้วมองดูซิว่ามีใครได้เห็นคุณ นั่นแหละเป็นเครื่องชี้วัดที่ดีที่สุด
คุณสามารถที่จะถามตัวเองได้บ่อยครั้งว่า “ถ้าฉันไม่เคยบอกใครว่าฉันทำสิ่งนี้
และไม่มีใครได้เคยรู้เลยว่าฉันทำสิ่งนี้
แล้วฉันจะยังคงทำต่อไปอีกหรือไม่? จงให้คำตอบที่แท้จริงแก่ตัวเองด้วยนะ...

ฉันจะรู้ได้อย่างไรหากฉันไปเชื่อมต่อกับพลังงานลบ ?
คุณมีของขวัญที่ยิ่งใหญ่-
มันเป็นความสามารถที่สัมผัสได้เมื่อสถานะการณ์หรือบางคนมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับคุณ
จงตระหนักกับความรู้สึกครั้งแรกและจงเชื่อมัน
ไม่ว่าโลกทั้งโลกจะบอกว่าผู้นำเสนอนี้ ,หนังสือหรือเทคนิค, ผลิตภัณฑ์ หรือ คุรุ นี้
คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็ตาม ก็จงเชื่อมั่นในสัญชาติญาณของคุณในทุกๆครั้ง

แล้วคุณจะรอดพ้นจากความเจ็บปวดที่นับครั้งไม่ถ้วนที่จะตามมาเหล่านั้น
เพราะการขาดความมั่นใจในตนเองและมีสภาวะล้มเหลวในการเชื่อมั่นตนเอง
จะสาสามารถนำคุณไปสู่หม้อแกงเดือด ๆได้ทุกครั้งไป

ทำอย่างไรฉันจึงจะรู้ว่ามันเป็นความจริง ?
หัวใจของคุณจะบอกคุณทุกๆครั้ง ,
ทั้งหมดที่คุณต้องการคือเชื่อมั่นในสัญชาติญาณเมื่อเวลาที่มันบอกคุณ
เหมือนตอนที่คุณอ่านหรือฟังบางอย่าง ให้บันทึกไว้เมื่อมีบางสิ่งที่คุณรู้สึกไม่ดี
ซึ่งอาจจะเป็นคำพูดหรือข้อความ อย่าได้มองข้ามความรู้สึก และจงอย่าได้ยอมรับกับสิ่งที่รู้สึกไม่ดี

 

Is Ascension really happening
IS ASCENSION REALLY HAPPENING?
การเลื่อนระดับกำลังเกิดขึ้นจริงหรือ?
ผู้แปล: อจิตตะ

ตอนที่ 2
ทำไมความทรงจำของฉันจึงหายไป ?
เพราะคุณกำลังจะออกจากโลกของ 3-D ที่ต้องใช้ความทรงจำในการสั่งการเพื่อจะให้รับรู้บางสิ่ง
และคุณกำลังเดินหน้าไป 5-D ที่ใช้”ตัวรู้” ในการปฏิบัติการ
ความทรงจำของคุณกำลังจะหายไปเพื่อเปิดทางให้คุณได้ตอบสนองกับสัญชาติญาณของคุณ
บัดนี้...ถึงเวลาแล้วที่ให้คุณเพียงแค่รู้ในสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ ณ.ขณะใดขณะหนึ่งนั้น
การเกิดขึ้นของความทรงจำที่หายไปนี้เป็นเรื่องที่ส่งผลดีให้แก่ทุกกลุ่มอายุ
ที่เกิดขึ้นเฉพาะกับเล่า Lightworkers ทั้งหลายที่ได้มาอยู่ที่นี่นานแสนนานแล้วเท่านั้น

ทำไมจึงได้มีผลกระทบต่อการมองเห็นของฉัน ?
ทุกคนต้องการที่จะเลื่อนระดับเพื่อให้ได้นำทุกแง่ทุกมุมของพวกเขาสู่ความสมดุลย์
และเพื่อให้เข้าถึงการสั่นสะเทือนของคลื่นความถี่ที่เหมาะสม
ซึ่งหมายรวมถึง “I AM Present”ด้วย (ซึ่งไม่ใช่ส่วนของความเป็นตัวเป็นตนของคุณ)
การมองเห็นของคุณจะถูกปรับ
จึงทำให้กลายเป็นคุณไม่สามารถมองตัวอักษรเล็กๆ ในที่ที่แสงสว่างไม่เพียงพอได้
(ส่วนปัญหาของประเภทอื่นๆ อาจเกิดจากเหตุผลอื่นได้)
ไม่จำเป็นต้องไปหาจักษุแพทย์แต่อย่างใด เพียงแค่หาซื้อแว่นขยายถูก ๆ มาใช้ไปพลางก่อน
เพื่อรอให้การปรับตัวนี้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งก็อาจเป็นเพียงแค่ระยะหนึ่งเท่านั้น
แต่ก็ต้องแล้วแต่คุณนะ
และนี่ก็เป็นเรื่องดีอีกเรื่องที่จะทำให้ “คุณกับ I AM ของคุณ”มีการหลอมรวมได้เร็วยิ่งขึ้น
ซึ่งนั่นจะทำให้คุณได้รับสิ่งดีดีเพิ่มมากยิ่งขึ้น

ดูเหมือนว่าฉันทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง?
คุณยังอยู่กับ 3-D และมีเรื่องของ “เวลา”...
และก็ยังจะเดินหน้าไปสู่ 5-D ในเขตของ”ขณะจิตหนึ่งที่ไม่สิ้นสุด”
ดังนั้น…ในมิติที่ 5 จึงไม่มีความจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องของ “เวลา”
ในขณะที่โลกก็ยังคงหมุนอยู่นี้แหละ แต่ไม่มีเรื่องของ “เวลา”
คลื่นความถี่ของโลกได้เพิ่มขึ้น “เวลา”ของโลกจึงได้หายไป
“เวลา” ของโลกได้หายไปวันละ 6 ชั่วโมง 54 นาที
นี่หมายรวมถึงความเป็นจริงที่คุณได้พยายามจะทำสิ่งที่คุณคิดว่า คุณ”ควรทำ”หรือ”ต้องทำ”
นี่คือเหตุผลที่คุณไม่ได้รับความสำเร็จ…
จงยกเลิกคำว่า “ควรทำ””ต้องทำ”และ”จำเป็นต้องทำ” ออกไปจากชีวิตคุณได้แล้ว
ให้มีไว้แต่ความรู้สึกที่ดีที่จะทำ ซึ่งมันก็อาจจะไม่ตื่นเต้นไปซะทุกเรื่อง
หรืออาจจะไม่ใช่เรื่องที่ได้รับความพอใจเสมอไป แค่ว่ารู้สึกดีที่จะทำ ก็ “โอเค” ละ
ในบางครั้งอารมณ์และความคิดของเราก็นำพาให้เกิดความสับสนได้…
ดังนั้น…จงวางปฏิกิริยานี้ไว้ข้าง ๆ แล้วตรวจสอบ “เผื่อนั่นจะเป็นความรู้สึกที่ดี”

ไม่เป็นการเห็นแก่ตัวหรอกหรือที่ทำสิ่งที่รู้สึกดีสำหรับฉัน ?
ไม่เลย ! มันคือการเสียสละต่างหากเล่า นี่เป็นหนึ่งเดียวในบัญชาพระเจ้า
ทุกคนที่ได้ปฏิบัติตามด้วยการเลื่อนไหลไปตามธรรมชาติที่ถูกที่ถูกเวลา
จะนำมาซึ่งความช่วยเหลือที่ดีที่สุดเพื่อช่วยพวกเขาอยู่ได้ ณ.ขณะนั้นๆ
ให้มีความกล้าหาญและเชื่อมันในสิ่งนั้น ไม่ว่าจะมีปฏิกิริยาใดๆจากคนอื่นๆก็ตาม
การกระทำของคุณก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขา
(ความจริง… อากัปกิริยาของพวกเขาได้กระทำเพื่อคุณ
หากเขาปฏิบัติอย่างเป็นธรรมชาตินะ)
เพราะบางทีการตอบสนองนั้นได้ออกมาจากจิตหรือตัวตนของพวกเขา
บางทีคุณกำลังช่วยให้พวกเขานำอารมณ์ต่างๆขึ้นมาสู่พื้นผิวของจิตสำนึก
และคุณก็ไม่จำเป็นต้องไปรู้หรอกว่า ทำไม… เพียงแค่ทำไปก็แล้วกัน
ปล่อยมันไปกับการคาดการณ์ทั้งหลายที่คุณคิดว่ามันจะเกิดขึ้น
และไปใสใจแต่สิ่งที่คุณรู้สึกดีต่อไป ๆกับทุกๆ ขณะ ก็พอ...

ฉันจะหยุดความคิดที่มีอยู่ตลอดเวลาได้อย่างไร?
ในแต่ละวันให้หาเวลาอยู่กับความสงบสัก 10 นาที โดยปราศจากการรบกวน
และเมื่อไหร่ที่ความคิดของคุณแล่นเข้ามา ก็ให้พูดว่า “ยกเลิก”( CANCEL)
แล้วก็เริ่มโฟกัสไปที่ความเงียบ,อย่าได้ปล่อยให้ความสนใจของคุณไปอยู่กับความคิดแม้วินาทีเดียว
และจงอย่าได้หยุดการฝึกฝนนี้ ให้ฝึกฝนทุกวันจนกว่าจิตของคุณจะทำได้โดยไม่ต้องควบคุมอีกต่อไป
จิตก็จะอยู่ในความสงบเงียบ และจะตอบสนองก็ต่อเมื่อได้รับการเรียกใช้จากจิตวิญญาณของคุณ...
ซึ่งก็ไม่ได้ใช้เวลานานเลย...

ฉันจะหยุดอารมณ์ที่วุ่นวายในชีวิตฉันได้อย่างไร?
อันดับแรกคือ ให้”กำหนด”ให้ไวๆ...
ถ้าคุณมีปฏิกริยากับผู้คนหรือต่อสถานะการณ์ใด ต้องระวังมันให้ดี
และรีบปลดปล่อยปฏิกิริยาของคุณออกไป เพราะถ้าคุณไม่ปลดปล่อยมันออกไป
หรือประสบความล้มเหลวในการปลดปล่อยมันออกไป
ก็เท่ากับคุณยังคงดึงดูดมันไว้อย่างเหนียวแน่น
ซึ่งนั่น ก็จะนำมาซึ่งสถานะการณ์ที่สร้างความปวดร้าวยาวนานไปจนกว่าคุณจะได้รับข้อความอีก...
ดังนั้น...การ”กำหนด”ไวๆ ...คือวิธีที่จะทำให้คุณไม่ต้องเข้าไปสู่ความปวดร้าวที่น่าสยดสยองนั้น

ทำอย่างไรฉันจึงจะเข้าถึงหัวใจของฉันได้?
จงขับไล่ความคิดและตัวตนออกไปและอย่ามันได้มีที่อยู่อาศัย.
เอาล่ะ...และนี่เป็นเรื่องของวินัย จงให้เวลาสักเล็กน้อยในแต่ละวัน
กับการ”กำหนด”เพื่อตรวจสอบตนเอง ถามตัวเองว่า
“ตัวฉันนี่อยู่ในหัวหรืออยู่ในหัวใจ”?
และถ้าคุณเห็นว่าคุณกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดีละก็....จงหยุดมันทันที
และให้หายใจลึก ๆ แล้วค่อย ๆ เคลื่อนไปสู่หัวใจของคุณ
จงถามตัวคุณเองว่า... อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการจะทำ ณ. ขณะนี้?
และมีสิ่งใดที่จะทำให้หัวใจของคุณร้องเพลงได้ และไม่อ่อนแอลงไป…ทำเลย…
หรืออย่างน้อยก็นำขั้นตอนนั้นตั้งไว้เพื่อเริ่มต้นที่จะทำมันก็เป็นเรื่องดี…

 

Is Ascension really happening
IS ASCENSION REALLY HAPPENING?
การเลื่อนระดับกำลังเกิดขึ้นจริงหรือ?
ผู้แปล: อจิตตะ

ตอนที่ 3

ฉันจะเรียนรู้“ความรักที่ปราศจากเงื่อนไข”ได้อย่างไร?
เมื่อมีความตระหนักรู้ในทุกครั้งที่คุณวิพากวิจารณ์, ตัดสิน
หรือ ประณามใคร ซึ่งรวมถึงตัวคุณเองด้วย
ก็จงหยุดมันทันที! และวินัยเป็นสิ่งจำเป็นที่ตัวคุณเองต้องการ
ทั้งการคิดบวก และทัศนคติในด้านความรัก
อย่าปล่อยให้ตัวคุณวิ่งตามความคิดในเชิงลบไป
บางทีคุณน่าจะมองหาสิ่งที่เป็นไปได้ดังนี้:
“ทุกคนเขาก็ทำดีที่สุดเท่าที่เขาทำได้ ด้วยข้อมูลที่พวกเขามีอยู่ในมือ”
“ทุกคนบนโลกต่างก็ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน”

ใครจะเป็นผู้บอกทางให้ฉัน?
ในแต่ละวันจะมีสัญญาณที่เป็นนัยยะในกิจกรรมชีวิตของคุณอยู่แล้ว
ที่คุณต้องทำก็แค่เพียงอยู่กับปัจจุบันขณะ เพื่อที่จะเห็นสิ่งเหล่านั้น
เพราะหากคุณทิ้งระยะห่างเกินไปหรือเร่งรีบเกินไป
คุณก็จะพลาดโอกาสที่จะได้เห็นสิ่งที่มันตั้งอยู่ตรงหน้าของคุณ
และผู้นำนี่…ไม่มีหรอกนะ…เพราะกระบวนของการเลื่อนระดับ
คือการเรียกความรอบรู้ที่อยู่”ภายใน”ออกมาใช้
ซึ่งก็ด้วยเหตุผลนี้ คุณจึงควรมองหาความจริงที่อยู่ภายในของคุณเอง
และให้เป็นผู้นำของคุณเอง… เหมือนในภาพยนต์เรื่อง The Wizard of Oz ที่บอกว่า
“จงเดินไปตามทางที่ปูด้วยอิฐสีเหลือง” แล้วจะพบคำตอบข้างใน...

เราทุกคนต่างก็เท่าเทียมกัน...หากคุณเข้าใจในเรื่องนี้
ความรู้สึกที่จะเรียกหาเพื่อหยิบยื่นพลังอำนาจ
ให้แก่กูรูหรือผู้นำที่เราคิดว่าเขาเหนือกว่าเราก็จะเป็นอันหมดไป
บ่อยครั้งที่ต้องผ่านไปเพราะขาดความมั่นใจในตัวเอง
แล้วเราก็ได้หยิบยื่นพลังของเราให้แก่ใครบางคนที่เราเชื่อว่าเขาจะให้ความช่วยเหลือ
ทั้งด้วยวิธีนี้ ก็ทำให้เรามีความหวังว่าอย่างน้อยเราจะได้รับความช่วยเหลือ
ที่จริง ...การหยิบยื่นพลังอำนาจให้นี่...มันดูง่ายและเป็นภาพที่น่ารักสำหรับใครบางคน
กับการใช้พลังทางความคิดไปในทิศทางของพวกเขา
ก็ต้องระวังกันให้ดีนะ...กับการเชื่อมโยงที่คุณสร้างขึ้นมา...
เพราะบางคนก็ไม่ได้เป็นอย่างที่น่าจะเป็น ตามที่ในส่วนลึกได้บอกคุณในครั้งแรก

จะให้ฉันแน่ใจได้อย่างไรว่าฉันได้เชื่อมโยงกับแสงสว่างระดับสูงสุด ?
ตอนนี้ต้องนำบัญชาสวรรค์มาช่วยละ…
เพื่อให้แน่ใจว่าคุณอยู่ในระนาบเดียวกันแสงสว่างระดับสูงสุด
ให้ทำตามนี้ดู: (ตั้งจิต) .....”ด้วยบัญชาสวรรค์ในนามของพระเจ้า
ฉันขอวิงวอน ต่อเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีม่วง
จงช่วยปรับเปลี่ยนทุกความคิด ทุกการเชื่อมโยง พันธมิตร การสื่อสาร
หรือความภักดี ที่เป็นไปในด้านลบ...
และต่อพลังงานหรือจุดมุ่งหมายที่ได้ทำลงไป
ที่ไม่ได้สอดคล้องกับต้นกำเนิดพลังงานของบัญชาสวรรค์ที่มีต่อโลก
ไม่ว่าจะด้วยรู้หรือไม่รู้ก็ดี และขณะนี้...กายเนื้อในระนาบที่ต่ำสุดและสูงสุดของฉัน
พร้อมที่จะรับคำบัญชาสวรรค์ และฉันก็ให้อนุญาตโดยอยู่ภายใต้กฏของจักรวาล
ต่อความศักดิ์สิทธิใดๆ และ โจทย์ต่างๆของโปรแกรม
ที่ฉันต้องรับผิดชอบ ฉันต้องทำ หรือได้ทำแล้วหรือกำลังจะต้องทำ
ขอจงนำสู่อาณาจักรแห่งความบริสุทธิให้เป็นไปและสอดคล้องกับบัญชาสวรรค์ ณ.บัดนี้
และขอให้คงอยู่เช่นนั้นตลอดไป”
แค่นี้แหละ…และคุณต้องพูดอย่างนี้ 3 ครั้ง
นี่เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะมีอิสระต่อสภาวะที่ไม่ค่อยดีนักในการเชื่อมต่อที่เป็นอยู่
และจะได้ทำให้คุณเลิกคลางแคลงใจกับขีดความสามารถของคุณที่จะรู้ว่า
” อะไรคือสิ่งที่ถูกต้องสำหรับคุณ”

ฉันจำเป็นต้องมีความสามารถที่จะเป็นช่องทางการสื่อสาร(channel)หรือไม่ ?
ทุกคนก็เป็นช่องทางของแสงสว่างและประสานกับบางระดับอยู่แล้ว
ในเรื่องของ channalling …โดยเฉพาะข้อมูลที่มาจากเบื้องบน
หากนี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงของคุณ ,
ตัวอัตตาก็จะหลีกทางและเป็นช่องทางให้ข้อมูลได้ผ่องถ่ายสู่คุณ
แต่ถ้าพลโลกพันล้านคนต่างก็มุ่งหมายที่จะเป็น channel
ทั้งที่สิ่งที่ต้องทำก่อนคือการเลื่อนระดับ
บางทีพวกเราอาจต้องเวียนวนไปอีก 26,000 ปีก็เป็นได้
และหากคุณหมายมั่นที่จะเป็น channel …
นั่นหมายถึงคุณก็ต้องเข้าฝึกอบรมสำหรับการนี้
(ในขณะที่ Light workers พากันไปทำหน้าที่ที่เฉพาะสำหรับพวกเขา)
ฉนั้น...คุณไม่จำเป็นต้องไปเรียนเพื่อเป็น channel ที่ไหน
และถึงแม้ว่า channeling ดูเหมือนจะมาพร้อมกับเสน่ห์ที่น่าดึงดูดใจ
แต่มันก็เป็นเพียงแค่งานชนิดหนึ่ง
ซึ่งก็มได้หมายความว่าจะต้องไปพัฒนาใครขึ้นมาเป็นพิเศษ
ถ้าchanneling เป็นผู้ที่มีลักษณะนอบน้อมยอมรับและให้ความช่วยเหลือ
“สัจจะในระดับสูง”ก็จะส่งข้อความผ่านเขาทันที
ซึ่งหากคุณลักษณะนี้ไม่ปรากฏออกมา
channeling ก็อาจจะมีการบิดเบือน
เพราะต้องไปผ่านตัวกรองที่มีกายเนื้อที่ต่ำกว่า
เพราะพวเกเขาไม่ได้มีการตกลงกับอาณาจักรที่สูงขึ้นไป
ผู้คนที่ channel จากความต้องการของego ตนเอง
มักจะเป็นการกระตุ้นของมิติที่ต่ำแล้วมาอ้างว่ามาจากมิติที่สูง
ซึ่งในที่สุด เราทุกคนก็ได้เรียนรู้คุณค่าของเรื่องเหล่านี้ว่า
อะไรคือสิ่งที่หัวใจของเราสะท้อนออกมาอย่างแท้จริง
และที่นั่น ก็คือที่ตั้งแห่ง”ความสุข”

ฉันจะทำหน้าที่เป็น Master ได้อย่างไรในเมื่อฉันรู้สึกว่าฉันตกเป็น”เหยื่อ”
จงหยุดความรู้สึกที่ว่าตกเป็นเหยื่อซะ...
และอะไรที่เหลืออยู่...นั่นแหละคือทางเลือก...A Master

ทำอย่างไรฉันจึงจะรู้ว่านั่นเป็น “ข้อมูลไม่ถูกต้อง” ?
ถ้าคุณรูสึกมีบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง...หรือรู้สึกว่ามันไม่ใช่...
ก็จงเชื่อในคุณสมบัติของขีดความสามารถคุณ
ว่ามันสามารถแยกแยะความแตกต่างได้
เพราะไม่มีอะไรที่จะน่าเชื่อถือไปกว่าคำแนะนำจาก “ภายใน” ของคุณเอง...
จงเชื่ออย่างสุดหัวใจและจิตวิญญาณ จงเป็นที่ปรึกษาของตนเอง
แต่ถ้าคุณไปรับเอาพลังงานในด้านลบเข้า ก็ไม่ต้องไปตัดสิน ว่ามัน ดีหรือเลว ถูกหรือผิด
เพราะนั่นคือรูปแบบของความเชื่อใน 3-D
ซึ่งเป้าหมายของพลังงานลบก็คือพลักดันให้ผู้คนเดินออกห่างจากแหล่งพลังงาน (source)
และในฐานะที่คุณเป็น Light Worker…นี่ก็ไม่ใช่เป้าหมายที่คุณได้วางแนวไว้
ดังนั้น... คุณอาจเลือกที่จะถอนตัวออกจากที่ที่คุณได้ให้การสนับสนุน
ทั้งในด้านพลังงานและอำนาจจากกิจกรรมนี้
แต่...คุณไม่จำเป็นต้องถอน “ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข”ของคุณออกไปหรอกนะ
เพราะคำว่า“ไม่มีเงื่อนไข” มันหมายถึง “ก็ตามนั้น”
มันไม่ได้หมายความว่า
“ฉันจะรักเธอถ้าเธออยู่กับพลังงานในด้านบวก และทำสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น”

 

Is Ascension really happening
IS ASCENSION REALLY HAPPENING?
การเลื่อนระดับกำลังเกิดขึ้นจริงหรือ?
ผู้แปล: อจิตตะ

ตอนที่ 4 จบ

เมื่อไหร่ฉันจึงจะเลื่อนระดับ?
มันจะเกิดขึ้นเมื่อบัญชาสวรรค์ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์อย่างแท้จริง
ไม่ต้องห่วง...คุณจะไม่ถูกเหวียงออกจากที่นี่ในเวลาที่ไม่เหมาะสมหรอกนะ
เพราะมันไม่ใช่บางสิ่งที่คุณได้ทำ
แต่สำหรับการเลื่อนระดับมันเป็นเรื่องที่คุณต้องทำด้วยตนเอง คุณจะก้าวไปเมื่อคุณพร้อม
การเลื่อนระดับจะเกิดขึ้นและเสร็จสิ้นสมบูรณ์
เมื่อคุณรู้ว่าอะไรที่ทำให้คุณมาทำบางสิ่งบางอย่างบนโลกนี้
พลังงานที่หนาทึบที่อยู่ในกายใจและอารมณ์ของคุณนี้
ก็จะได้รับการปรับเปลี่ยนไปสู่คลื่นความถี่ที่สูงกว่าเพื่อให้คุณเกิดความสมดุลย์
ภาพลักษณ์ของคุณจะดูสงบ มีไมตรี และเบิกบาน
และคุณก็ไม่ต้องคอยทำตัวแบบเดิมๆอีกเช่น “ ถ้าฉันถูกยั่วยุ ฉันจะออกไปจากที่นี่ทันที”
และ “ฉันหวังว่านี่จะเป็นชาติสุดท้ายในกายเนื้อนี้นะ”
เพราะ “การที่คุณปรารถนาที่จะไป ก็เท่ากับคุณปรารถนาที่จะอยู่”
สุดท้าย...เมื่อทั้งหมดทั้งมวลได้เป็นไปตามความประสงค์แล้ว
คุณก็จะพบว่าตัวคุณได้เลื่อนระดับไปพร้อมกับ Twin Flame ของคุณ
และมุ่งหน้าไปสู่ งานฉลองความสำเร็จในภาระกิจนั้นร่วมกัน

ถ้างั้น…ฉันต้องทำอะไรบ้าง?
ก็เป็นตัวของตัวเองซิ... ซึ่งหมายถึง “ปล่อยมันไป “(LET GO)
กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ใช่ “คุณ”
ปล่อยมันไปกับอุปสรรคต่าง ๆ ที่คุณได้สร้างมันขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ การตัดสิน ความสมเหตุสมผล
ความคิดในเชิงลบ อารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์ อะไรที่ว่าควรไม่ควร
อะไรที่ว่าต้องการหรือขาดไม่ได้ และอะไรที่คุณพยายามใส่มันไว้เพื่อควบคุมชีวิตของคุณ....
นั่นแหละ...จงปล่อยมันไปให้หมด...
เพราะความคิดที่จะปล่อยมันไปกับการยอมจำนนต่อการควบคุม
จะนำ “ความกลัว” เพิ่มขึ้นยิ่งมาให้แก่พวกเรา
แต่ก็...ไม่มีอะไรต้องกลัว
คุณไม่ได้สูญเสียความเป็นคุณและจะกลายไปเป็นดูดซับในสิ่งที่คุณไม่รู้ว่ามันคืออะไรหรอกนะ
เพราะการยอมจำนนนั้น มันหมายถึงการปรับแต่งที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างจิตสำนึกกับจักรวาล
และจะทำให้คุณมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้กับสิ่งที่ดีที่สุดทั้งหมดของคุณ
ตัวคุณที่แท้จริงและจิตวิญญาณ จะได้รับการดูแล
ความรักและความเห็นอกเห็นใจอย่างลึกซื้งก็จะก้าวไปไกล
สิ่งใดที่เป็นประสบการณ์ของคุณมันจะถูกส่งผ่านออกไปกับสภาวะทางอารมณ์
ความสะดวกสบายด้วยการอยู่ง่ายขึ้นและเบิกบานกับชีวิต...
ซึ่งจะทำให้คุณเองต้องมานั่งสงสัยว่า “ก่อนหน้านี้ ทำไมคุณไม่ทำมันนะ”

แล้วกับการพูดล่ะ ?
ด้วยการหยั่งรู้โดยสัญชาติญาณ (Intuition (inner-tuition)

เมื่อคุณปลดปล่อยและปล่อยพระเจ้า
เมื่อคุณได้ให้ความช่วยเหลือที่ดีที่สุดเท่าที่คุณทำได้เสร็จสมบูรณ์
ตามคำมั่นสัญญาของคุณแล้ว นั่นก็เท่ากับคุณ :-
-ได้จัดการปรับสมดุลย์ให้กับ”กรรม” (Karma) ของคุณแล้ว
-ได้เป็นหนึ่งเดียวกับ “I Am Presence” แล้ว
-ได้สร้างสรรค์และผสมผสานกายแห่งแสงสว่างแล้ว
-ได้มีคุณลักษณะของพระเจ้า (GOD) ที่คุณได้เลือกแล้ว
-ได้แปรสภาพพลังงานที่หนาทึบในกายคุณให้ลดลงแล้ว
-ได้เริ่มต้นใหม่ในการเรียนรู้ ปัญญา ความสามารถ และพลังอำนาจแล้ว
-ได้ผ่านหรือแลกเปลี่ยนรหัสกับใครบางคนหรือบางสถานที่แล้ว
-ได้รับการแนะนำอย่างสูงสุดแล้ว
-ได้ประสบกับ “ช่วงเวลาที่พอเหมาะพอดี”(synchronicities)ไปตามลำดับอย่างต่อเนื่องแล้ว
-ได้อยู่บนเส้นทางของการเลื่อนระดับแล้ว
-ได้เชื่อมต่อกับผู้คนที่ “ใช่เลย” แล้ว
-ได้ดึงสัมผัสพิเศษมาเป็นเครื่องนำทางของคุณได้แล้ว
-ได้อยู่ “ถูกที่ถูกเวลา” แล้ว
-ได้อยู่ร่วมและใกล้ชิดกับ “Twin Flame” ของคุณแล้ว
-ได้ประสบกับสถานะการณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุณแล้ว
-ได้ตระหนักถึงพลังอำนาจและความสามารถที่คุณสามารถกำหนดได้แล้ว
-ได้รับ ความมั่นใจ เรื่องของด้านบวก ความมั่นใจ ฉลาด ความรัก ความเข้าใจ
ความเห็นอกเห็นใจ ความเป็นกลาง และการไม่ตัดสิน แล้ว
-ได้ความตระหนักรู้ของหลากมิติกลับคืนมาแล้ว
-ได้เคลื่อนไปสู่ความเบิกบาน “ภายใน” แล้ว
-ได้รับความสนุกสนาน ความกระตือรือล้น ความรัก และความสมหวังแล้ว
-ได้เชื่อมั่นในตนเองอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
สุดท้าย....และได้รับความภาคภูมิใจในกระบวนการของบัญชาสวรรค์นี้แล้วด้วย

WHEN YOU LET GO AND LET GOD
Article by Sandy Stevenson

 

ขอบคุณครับ คุณ อจิตตะ

 

ขอบคุณค่ะที่แนะนำ
เป็นแฟนหนังสือของอาจารย์เหมือนกัน
หนังสือเพิ่งออกเหรอคะ หาซื้อได้ที่ไหนบ้าง?

 

ใช่แล้ว หนังสือพึ่งออกครับ ผมเจอด้วยความบังเอิญ ไปเดินดูหนังสือเล่นๆที่ B2S จนได้เจอะกับเล่มนี้แหละครับ

หาซื้อได้ ที่ SE-ED และ B2S และร้านหนังสือชั่นนำทั่วไปครับ

 

มิน่า หลังจากโดนรุมสกรัมมานาน จนแทบหมดเรี่ยวหมดแรง หมดกำลังใจ
ข้าพเจ้ารู้สึกว่าพลังงานด้านลบ รอบๆตัว มันเบาบางลง ค่อยรู้สึกปลอดโปร่ง
รู้สึกมีความหวังขึ้นมาหน่อย
ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ แล้วกลับมาแปลให้อ่านเร็วๆ นะ

 

หากความบังเอิญเชื่อมโยงกับพลังอันยิ่งใหญ่
และคุณเป็นคนโชคดีมากๆ
มันอาจจะช่วยคุณค้นหาใครบางคนที่ใช่สำหรับคุณก็เป็นได้
(อ่านเจอมาจากไหน จำบ่ได้)

 

อารมณ์ต่างๆสามารถเปลี่ยนเข้าสู่ด้านลบได้
ขณะที่ความรู้สึกต่างๆจะไม่สามารถเปลี่ยนเข้าสู่ด้านลบใดๆได้เลย
เพราะอารมณ์เป็นเรื่องของภายนอก
ความรู้สึกเป็นเรื่องของภายใน มั่นคงและไม่คลอนแคลน

 

ฝากแนะนำเพื่อนๆที่สนใจครับ
ประชาสัมพันธ์ งานบรรยายพิเศษจากอาจารย์ไก่ เรื่อง"จิตอวตาร"
ซึ่งเป็นข้อมูลความรู้แนวทางเดียวกันกับข้อความต่างมิติฯจากคุณชยุตครับ
หากท่านใจสนใจเชิญติดต่อได้ตามรายละเอียดข้างล่างนี้นะครับ


​

 

ช่วงนี้คุณ Nunono ลาพักร้อนไปท่านนึง
เหลือแต่คุณชยุต กับคุณอจิตตะ สองท่าน ที่ยังแปลอยู่อย่างต่อเนื่อง ขอบคุณนะครับ
ผมก็ยังติดตามอยู่เหมือนเดิม แต่ไม่ค่อยมีเวลาแปลยาวๆน่ะครับ
ขอเข้ามาช่วยแปล Update แบบเล็กๆน้อยๆแล้วกันนะครับ ^^




"ระฆังแห่งเสรีภาพ"
มีข่าวดีจาก St. Germain เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 14 ได้แจ้งมาครับว่า " ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้วิธีการแบบเก่าๆทั้งหลายบนโลกใบนี้จะใช้การไม่ได้และจะค่อยๆหมดสิ้นไป และจุดเริ่มต้นของเสรีภาพใหม่ที่เคยสัญญามาเป็นเวลานานจะเกิดขึ้น อิสระเสรีภาพจะเป็นจุดเริ่มต้น และสิ่งตที่เกิดขึ้นนั้น มันจะซักล้างขยายวงออกไปในส่วนอื่นๆของโลกทั้งหมด และงานคืนสู่เหย้านั้นก็ใกล้เข้ามาแล้ว พวกเขาอยู่ที่นี่ ด้วยความรักและความยินดีสำหรับการเดินทางของเรา ที่เขากำลังจะนำมาให้อย่างใกล้ที่สุดเท่าที่เราจะสัมผัสได้ เพื่อที่จะไหลไปสู่การเดินทางใหม่ ที่มีพวกเราทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ....."

สำหรับเดื่อนนี้ จับตาดูกันหน่อยนะครับ เรื่องราวกำลังเข้มข้นทั้งระบบการเงินการธนาคารโลก ผู้นำโลกต่างกดดันกันอยู่ทั้งเบื้องหน้า-เบื้องหลัง ในสถานการณ์ที่จำเป็นแบบนี้ ใครที่จะก้่าวออกมาประกาศการเปลี่ยนแปลงหรือรีเซทระบบ รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลความจริงเกี่ยวกับการติดต่อต่างดาวฯตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน..เมื่อผู้คนโลกรู้จักและเริ่มคุ้นเคยกับความจริงที่ไม่เคยสนใจมานานแสนนาน เมื่อถึงวันนั้น....เราจะได้เห็นสิ่งอัศจรรย์ที่จะถ่ายทอดผ่านสื่อทุกแขนง ผ่าน TV ทุกช่องเลยทีเดียว รวมทั้งเรื่องของพลังงานฟรีและเทคโนโลยี่ที่จะแก้ปัญหาความอดอยากขาดแคลน (สำหรับพื้นที่ที่ขาดแคลน) ที่จะแพร่หลายตามมาในสองสามปีข้างหน้านี้ก็ได้ครับ..รู้สึกอยู่ลึกๆว่ามันจะไม่ใช่แค่ความฝัน...^^


-----------------------------------------------------------------------------------------------

Wake up Call: St. Germain
by Nancy Tate ~ May 04, 14

I am here today to give you all a piece of news. This is something that you can take to sleep with you and to dream with in your waking hours. It is something that you can share with others you come in contact with. It is that there is a freedom bell that will be tolling for everyone who chooses to listen in the next few months. It is something that will tell those who understand what it is saying that there is an end to the old way of being on this planet and the beginning of the new freedom that has been promised for so long. It is a freedom that so many are beginning to accomplish in their own lives and as that happens it washes out into the rest of the world.
As you begin to see and feel this freedom you will realize that it is definitely something that you haven’t even felt the absence of in your lives. You will realize that the words of freedom that were given to you through the schools, history and the internet’s early days have been only words, with no truth behind them. You will realize that the true freedom is far beyond what you have been living, in lifetime after lifetime. You will also realize that there is a coming time when the freedom you will be living may bring with it an outpouring of good deeds that will fill certain people with instances in their lives that may bring on some feelings of distrust. That is because the freedom these deeds represent isn’t something that has been lived in their lifetime, only been promised in an empty and untrusting way.

Those days are over. The times for believing in oneself are now radiating out to humanity in a way that brings the truth of the words to a new perspective. They are going to see the reality that is coming for them, and they will realize that they are the only ones who can set it in place for them within their beingness. Then it will shine forth out to the rest of the world. The people around them will tune in and recognize their own freedom that lives within, and they will bring it forward to be another example to the rest of humanity.
Yes, that is the way it works dear Ones. It is the example you present to the others that makes a difference not only in your world, but also in theirs, once they see how it accomplishes in their world their own example of the treasure that they hold. It is a wondrous thing to see the people of this world set in place their newness of the energies that have been available to them for so long. They are now beginning to listen to the voice within, rather than the voices that came to them from outside of them. They are seeing that there is no more powerful example than the one you produce from within yourself, no matter how it looks from the outside. The power will create anything that comes from within.
When you realize what that means in your life, you know that it is the answer that you already have as to why your life is the way it is. You will see that your thoughts and feelings vibrate with your actions. In that way you will begin to see how to create a world in which you live the wondrous desires and feelings that you are in harmony with and that reverberate throughout the rest of life on earth. You will also see how it also affects the rest of the life in this universe and beyond.

It is a time of truth, my dear Ones, more powerfully than ever before you are in the midst of creating the wondrous examples of what you are capable of. You are in the process of releasing the fear-based movements, and replacing them with the Love-based, free-flowing of the world in the best way you can think of, and beyond. With every thought you have of the utmost freedom, love and creativity you have in expression with the power within, you will see the beginning of the expansion of that ability.
I take my leave in this moment from this reminder of who you are and what you can do. You can let it soften within your heart and then let it increase in power for what you see that you can accomplish. There will be a time when we will all be back in touch with each other in a way that knows no boundaries. Till then, know that I, and all of the others who have been communicating with you, are but a second of time away from you. You are the power that brings that recognition to all of us. Our reunion is imminent. I am here in Love and gratefulness for this journey that you are about to bring to a close as you then flow into the new journey that includes us all together in the Oneness of us all.
Happy Journey, One and All!
Thank you dear St Germain,
Much Love, Nancy Tate

 

อยากจะบอกคุณชยุตว่าเรา copy ใส่ Word ไว้เยอะมากเลย แล้วเราก็ทำเป็นเล่มเล็กไว้อ่าน ตอนไหนที่เรางานยุ่งอ่านไม่ทันเราก็จะ copy ไว้ก่อนแล้วค่อยมาอ่านตามอยากบอกว่ามันสุดยอดมากเลยค่ะ

 

ขอบคุณมากมายเรางานยุ่งไม่มีเวลาเข้ามาอ่าน เจอเหตการณ์หลายอย่างมากมายการปล่อยพลังงานลบลบมากระทบเรา อยู่เฉยๆก็โดนมันน่าแปลกมากแต่ก็เข้าใจว่าตัวเองต้องโดนเยอะเป็นเรื่องปกติ แต่ก็หลุดตลอด จริงๆอยากจะน้อบรับทุกอย่างแต่ด้วยความที่คิดว่าฉันไม่ผิด มันเลยปล่อยพลังงานลบกลับไป รู้ทั้งรู้แต่มันก็มาแบบไม่ยั้งเลย ตอนนั้นอยากเข้ามาอ่านมากเพราะเชื่อว่าที่นี่มีทางออก แต่งานก็เยอะจนปล่อยให้ลายอย่างผ่านไปและคลี่คลายด้วยตัวมันเองและค่อยๆแก้จนคลายไปได้ พอมามีเวลาอ่านพระเจ้า มันใช่ที่ฉันโดนช่วงก่อนหน้านี้เลย อุ๊ต๊ะ อิอิ ขอบคุณทีมงานผู้แปลโดยเฉพาะคุณอจิตตะ กะคุณชยุต มากมาย

 

มีข้อความใหม่ของครายออน
ที่ผมเพิ่งแปลและโพสต์เสร็จไปสดๆร้อนๆ
อยู่ในกระทู้ตามลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ

http://palungjit.org/posts/8987821

................................

 

อ้าว คนกันเอง นึกว่าใคร อาจารย์คนหนึ่งของผมนี่เอง


อ้อ ใครอยากมาเรียนรู้กับผมไม่ต้องนะครับ ผมไม่ได้
เกิดมาเพื่อเป็นอาจารย์ ก็ไปเรียนรู้กับอาจารย์ผมเอง
ละกันหรือหาหนังสือของอาจารย์มาอ่านก่อนก็ได้ครับ


ผมแค่สนทนาด้วยเฉยๆ สำหรับคนที่มาดี เท่านั้นครับ

 

คนๆ นั้น ใช่จริงอ่ะป่าว?


ผมไม่ได้สนใจคำพูดที่ออกมาจากปากคนหรอกครับ
หรือแม้แต่ออกมาจากปลายนิ้วพิมพ์ก็ไม่ใช่เหตุที่ทำ
ให้ตัดสินได้ว่าเขาใช่จริงหรือไม่? ผมไม่คล้อยเคลิ้ม
กับคำคน เพราะว่ามันอาจออกมาจากสมอง ไม่ใช่ใจ
และที่สำคัญไม่ใช่จิตก็มี คนเรียนมากเรียนเยอะ เขา
ก็ใช้สมองมาอ่านเรื่องธรรมะแล้วใช้ความเข้าใจได้นะ


แต่สำคัญกว่านั้นคือ ธรรมะ ธรรมชาติจริงๆ เมื่อเราได้
สัมผัสเขาแล้ว เราได้รับธรรมะ ธรรมชาติอะไรมา เช่น
อาจารย์ผมคนหนึ่ง ท่านพูดธรรมะไม่ได้เรื่องเลย จริงๆ
ก็สองท่านคับ คนนึงเหมือนเฮ้งเต้งเฮี้ยง คนหนึ่งคล้าย
อาจารย์หญิงสุสานโบราณ สองท่านเก่งทั้งคู่ แต่ไม่ถูก
กัน เข้ากันไม่ได้ แต่หลังจาก ผมได้สัมผัสธรรมมาแล้ว
ผมก็ได้พลังธรรมจักร ผมจึงทราบได้ว่าผมได้มาจากคน
ไหน? เพราะจักรของอาจารย์ชายมีพลังร้อนแต่อาจารย์
หญิงจะเย็น ผมก็ใช้วิธีวัดแบบนี้ ก่อนจะเชื่อถือใครครับ


มีคนเตือนผมเหมือนกันว่าการเขียนธรรมะทางเน็ตนี่ เรา
เขียนให้อ่านง่าย เข้าใจได้ง่าย ก็จะมีพวกลักขโมยอ่าน
แล้วตั้งตัวเป็นอาจารย์ มาเล่นงานเราเสียอีก อันนี้ผมเข้า
ใจครับ ของแบบนี้ แล้วแต่ใครจะเลือกทางไหน เรารู้อยู่
ว่าทางไหนไปสู่อะไร? แต่ถ้าใครไม่รู้ ก็แล้วแต่เขาละอิๆ

 

อ่านมากเป็นได้แค่หนอน
จำเขามาได้แค่คราบดักแด้
ผู้แจ้งแท้จริงเท่านั้ัน


จึงโบยบินไปอย่างอิสระ