อ่าน...เอาเรื่อง ..... ล่าสุด .....

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย แสงแข, 27 พฤษภาคม 2014.

  1. veer

    veer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +356
    ผมเห็นด้วยกับการตรวจสอบต่างๆข้างต้น แต่เหตุใดไม่ตรวจสอบ อปท.เช่น อบต.เทศบาล หรือ อบจ. เพราะว่าจะเอางบประมาณส่วนใหญ่ให้พรรคพวกทำ เช่น ก่อสร้าง ซ่อมแซมถนน ตั้งงบไว้ 100 บาท ทำจริง ไม่เกิน 50 บาท แล้วส่วนที่เหลือก็ไปแบ่งกันระหว่างผู้รับเหมา นายก อบต. พนักงานท้องถิ่น ผมพูดได้ว่าเป็นลักษณะนี้ ถึง 99 เปอร์เซ็น
    เงินโบนัส ท้องถิ่น ได้รับกันน่าเกลียดมาก พนักงานคนละ 3 เท่าของเงินเดือน อะไรจะปานนั้น ข้าราชการทั่วๆไป รับโบนัสนิดเดียว ให้ท่านตรวจสอบด้วยครับ
     
  2. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    ต้านรัฐประหาร "มันลึกกว่าที่คิด" | ไทยโพสต์

    เปลว สีเงิน
    Friday, 30 May, 2014 - 00:00


    ต้านรัฐประหาร "มันลึกกว่าที่คิด"


    นักข่าวถาม "พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง" รองโฆษก ทบ. เมื่อวาน (๒๙ พ.ค.๕๗) ว่า....

    "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะจัดการอย่างไรกับทักษิณ?"

    ประเด็นนี้ ฟังดูง่าย แต่สำหรับคนตอบ ดูจะยาก ลองเดาดูซิครับว่า พ.อ.หญิงศิริจันทร์ จะตอบว่าไง

    เธอตอบว่า....
    "ท่านต้องการทำทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง ไม่ใช่เวลาที่จะพูดเรื่องอดีต และงานทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๒ พ.ค.ที่ผ่านมา ท่านเคยพูดต่อวงประชุมต่างๆ ว่า...เมื่อผมผูกเชือกรองเท้า ผมเดินทันที ไม่หันไปมองข้างหลัง"

    ทำเอาผมนึกถึงทนายนกเขา "คุณนิติธร ล้ำเหลือ" เจ้าของวลีมาดแมน "รองเท้าผ้าใบ กับใจถึงถึง" ขึ้นมาติดหมัด!

    และนี่ก็...กระแทกใจผมนะ....!

    "เมื่อผมผูกเชือกรองเท้า ผมเดินทันที ไม่หันไปมองข้างหลัง" เพียงสามวลีเท่านี้ อธิบายตัวตน อธิบายเป้าหมายของผู้ชายที่ชื่อ "ประยุทธ์ จันทร์โอชา-พลเอก" ได้หมดจด

    สั้นๆ แต่จบจักรวาล พอๆ กับวลี "ผมขอโทษ...ผมจำเป็นต้องยึดอำนาจ" นั่นแหละ!


    ท่านสังเกตมั้ย ตอนพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน รัฐประหาร ๑๙ กันยา ๔๙ พุ่งเป้าที่ตัวทักษิณโดยตรง หนึ่งในหลายความผิดของทักษิณคือ "การบริหารราชการแผ่นดินส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบ"

    บิ๊กบังได้ประกาศ แต่บิ๊กบังไม่ได้ทำ!

    แล้วครั้งนี้ ๒๒ พ.ค. พลเอกประยุทธ์ทำรัฐประหาร ประกาศด้วยเหตุผลเฉพาะหน้า เพราะมีการฆ่ากัน และเหตุผลหลัก ตามแถลงการณ์มีว่า....

    "..........เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรัก ความสามัคคีเช่นเดียวกับห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกันทั่วทุกฝ่าย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วย กองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ"

    จะเห็นว่า พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ยกเอารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้งพฤติกรรมบริหารมาเป็นเงื่อนไข รวมถึงเรื่องทุจริตคอร์รัปชันที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตา

    เพราะอะไร...?

    เพราะช่วงรัฐประหารนั้น พลเอกประยุทธ์ถือว่า "ไม่มีรัฐบาลแล้ว" มีแต่ผลจากอดีตสร้างเหตุการณ์ปัจจุบันที่ต้องแก้ไข คือประชาชนแตกสามัคคี งานปฏิรูปโครงสร้างการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม เป็นภาระที่จำเป็นต้องเข้ามาแก้ไข

    ถามว่า...แบบนี้ หมายความว่า "คณะ คสช." ตีค่าทุจริต-คอร์รัปชันในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็น "อดีตที่ คสช.จะไม่ย้อนกลับไปสะสาง" งั้นหรือ?

    ผมตอบแทน คสช.ไม่ได้ แต่เท่าที่สังเกต ก่อนลงมือรัฐประหาร กองทัพ "สะสมข้อมูล" ทุกด้านไว้พร้อมหมดแล้ว

    และสังเกตในรอบ ๗ วัน ผ่านงานที่ออกมา ก็บอกได้ว่า การออกหมัดของ คสช.คนละสไตล์กับกำนันสุเทพ!

    กำนันสุเทพ เวลาจะนำมวลมหาประชาชนออกปฏิบัติการ จะแถลงถึงเป้าหมาย สถานที่ ตัวบุคคล วัน-เวลา ให้ทราบล่วงหน้าหมด

    แต่ คสช.แต่ละปฏิบัติการ จะรู้เมื่อเป็นคำสั่งออกมาฉบับที่เท่านั้น-เท่านี้ เท่านั้น!

    ดังนั้น...เรื่องตัวทักษิณก็ดี เรื่องทุจริต-คอรัปชันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะเรื่องจำนำข้าวที่ฉาวออกมา คอร์รัปชันไปกว่า ๕ แสนล้านบาท

    ผมว่า โปรดรอซักครู่....!

    "สิ่งที่พลเอกประยุทธ์ไม่พูด ใช่ว่าเป็นสิ่งที่พลเอกประยุทธ์ไม่ทำ"

    ยิ่งเมื่อวาน "องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน" โดยคุณประมนต์ สุธีวงศ์ และคุณสมพล เกียรติไพบูลย์ ผู้เป็นหลักสู้ให้สังคมยึด ออกมากระตุกเร้า คสช.ให้ตั้งกรรมการตรวจสอบเรื่องคอร์รัปชัน ๕ แสนล้าน

    ยิ่งเป็นสัญญาณตอกย้ำให้รู้ว่า ในแผนที่ "คสช.ไม่พูด" เรื่องทุจริต-คอร์รัปชันนั้น วันไหน เป็นวันลงดาบ จากฝ่ายไหนก็เถอะ วันนั้น รัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะตัวยิ่งลักษณ์

    "แผลแบะแฉะ" แน่!

    ประเด็นที่น่าจับตากันเป็นพิเศษภายใต้เงื่อนไขรัฐประหาร อยากจะบอกว่า เรื่องที่พูด ว่าด้วยทักษิณ ว่าด้วยปัญหาภายในนั้น นั่นแค่...ฉากพรางตา!

    เมื่อวาน มีโอกาสคุยกับ "คุณทนง ขันทอง" ผู้สันทัดวิเทศ ค่ายเนชั่น ท่านตั้งข้อสังเกตน่าคิดว่า....

    "ม็อบมดกัดไข่ ชูป้ายต้านรัฐประหาร แถวๆ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีแค่ ๒-๓ ร้อยคน แต่ทำไมจึงมีนักข่าวต่างประเทศแห่มาทำข่าวตั้ง ๔๐-๕๐ คน ต่างกับตอนมวลมหาประชาชนชุมนุมออกมาเป็นล้าน สื่อต่างชาติไม่ให้ความสนใจเท่านี้?"

    "ม็อบมดกัดไข่" ผมเรียกเอง คุณทนงไม่ได้เรียก ตอนนี้เห็นเร่รังไปกัดไข่ยั่วทหารขยี้ที่โน่น-ที่นี่ เมื่อวานโผล่แถวๆ ท่าพระจันทร์

    "นักข่าวต่างประเทศ" ที่ว่านั้น จะมาจากสำนักข่าวตะวันตกเป็นหลัก ก็สอดคล้องกับข้อความที่

    "ขบวนการชักใย"
    เขียนให้ชู ด้วยศัพท์แสงสื่อให้ฝรั่งถ่ายภาพ-ทำข่าวไปเผยแพร่ในประเทศของเขา

    เพราะอะไร...เพราะทักษิณจ้างมางั้นหรือ?

    ตื้นๆ ก็มองอย่างนั้น แต่ถ้าหรี่ตายอนลงไปตามซอกหลืบมะลำ-มะเลือง เราจะเห็นว่า "มือที่มองไม่เห็น" มันซ้อนรูป-ซ้อนรอยเข้ามาเล่นงานประเทศเราแล้ว!

    "มือที่มองไม่เห็น" นั้น คือ...

    "จักรวรรดิอำนาจทุนนิยมตะวันตก" มันสอดแทรกเข้ามาบ่อนทำลาย ตราบเท่าที่ "อำนาจประเทศไทย" หลุดไปจากมือรัฐบาล-บุคคลที่มันกดปุ่มได้

    "แหล่งน้ำมัน-ฐานทัพอู่ตะเภา" จักรวรรดิอำนาจทุนนิยมตะวันตก มันยอมให้หลุดมือไปไม่ได้

    ขืนยอมให้ประเทศไทยหลุดไปจาก "อำนาจคอนโทรล" ตะวันตก นั่นเท่ากับยุโรป-สหรัฐ

    สูญเสีย "อุษาคเนย์" ให้กับจีน!


    ผมจะยกตัวอย่างให้ใคร่ครวญว่า "อำนาจตะวันตก" เนียนมาในรูปแบบ "สำนักข่าว" เพื่อสอดแทรก-ชักใยเป็นแนวร่วมกลุ่มต้านรัฐประหาร คสช.หรือไม่-อย่างไร

    ผู้ใช้นามว่า "เจ้าหญิง ราพันเซล" นำข้อความหนึ่งมาโพสต์ใน fb ของเขาเมื่อวาน ว่า

    "ตอกหน้านักข่าวฝรั่งหงายเงิบเลย 555555555555..."

    ลืมเล่าให้ฟัง วันก่อนเอาน้ำดื่มไปแจกทหารแถวๆ ราชดำเนินแล้วเจอนักข่าวฝรั่งของรอยเตอร์เข้ามาขอสัมภาษณ์ เราก็บอกว่า...ได้ คุณเธอก็ยิงคำถามเข้ามา

    นักข่าว : ทำไมคุณถึงออกมามอบอาหารและน้ำดื่มให้ทหาร?

    แชมป์ : เพราะเราต้องการที่จะให้กำลังใจ และแสดงความสนับสนุนแก่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อบ้านเมืองของเรา (เน้นเสียงที่คำว่า my country)

    นักข่าว :
    แสดงว่าคุณสนับสนุนรัฐประหารครั้งนี้สิ?
    แชมป์ : ใช่ ผมและเพื่อนๆ คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศที่รักประเทศไทยสนับสนุนการรัฐประหารครั้งนี้
    นักข่าว : คุณไม่คิดเหรอว่า การรัฐประหารครั้งนี้เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของคุณ
    แชมป์ : อะไรคือลิดรอนสิทธิเสรีภาพในความหมายของคุณ ทุกวันนี้จะไปไหนก็ไม่มีใครห้าม อยากกินอะไรก็ได้
    นักข่าว : แต่ทหารปิดข่าวสาร จำกัดเวลาออกจากบ้าน ค้นบ้านคนหลายๆ คน ถือเป็นการคุกคามมิใช่หรือ?
    แชมป์ : ผมไม่ได้ทำผิดอะไร จะกลัวทำไมเรื่องค้นบ้าน ส่วนเรื่องปิดสื่อ ก็ไม่เห็นเดือดร้อนอะไร ทุกวันนี้ก็ไม่คิดดูทีวีอยู่แล้ว เพราะมีแต่เรื่องบิดเบือน มีแต่เรื่องไร้สาระ แบบว่าหมีแพนด้ามีเซ็กซ์ หรือว่าบูชาจิ้งจกสองหัวอะไรแบบนี้ ผมว่าปิดก็ดีเหมือนกัน เผื่อพวกรายการจะสำนึกบ้าง
    นักข่าว : คุณคิดมั้ยว่ามันแรงเกินไปที่ทหารออกมาควบคุมทุกอย่างในประเทศ?
    แชมป์ : มันถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องล้างให้สะอาด ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาคุณไม่สบาย คุณหมอให้คุณกินยา แต่ยามันขม คุณจะกินมั้ยล่ะ?
    นักข่าว : แต่ทุกอย่างไม่เป็นประชาธิปไตยเลยนะตอนนี้?
    แชมป์ : แล้วไงล่ะ ประชาธิปไตยคืออะไร? คือให้คนมาฆ่ากันตามถนน หรือว่าคือให้โอกาสนักการเมืองคอร์รัปชันโดยอ้างว่ามาจากประชาชน คุณไม่รู้หรือไง หรือแกล้งไม่รู้ว่า คำว่าประชาธิปไตยในประเทศไทยนั้น มันมาจากการซื้อเสียง นักการเมืองโกงกินภาษีของประชาชน นักการเมืองสร้างความแตกแยกให้ประชาชน แม้กระทั่งยกดินแดนให้ต่างชาติ นี่หรือคำว่าประชาธิปไตยของคุณ เราไม่แคร์หรอกนะว่า จะประชาธิปไตยหรือไม่ ขอเพียงประเทศของเราเดินหน้าไปได้ก็พอ อ้อ...ฝากไปบอกพวกคุณในประเทศของคุณด้วยนะ คนอเมริกันเองก็ใช้คำว่าประชาธิปไตยบังหน้าเพื่อเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ในประเทศอื่นๆ มันแย่มากๆ เลวยิ่งกว่ารัฐประหารอีก แถมยังฆ่าคนในประเทศ.....
    นักข่าว : โอเค...โอเค ขอบคุณมากๆ ฉันต้องไปแล้ว
    แชมป์ : อ้าปากค้าง...กูยังสรรเสริญไอ้กันไม่จบเลย รีบหนีซะแล้ว!

    อ่านแล้วท่านเห็นอะไรในคำถามนักข่าวรอยเตอร์มั้ย สอดคล้องกับที่ "คุณกรณ์ จาติกวณิช" โพสต์วันก่อนว่า....

    "ทาง CNN ขอสัมภาษณ์ผมเรื่องปฏิวัติในมุมเศรษฐกิจ เขาถามว่าสถานการณ์เป็นไงบ้าง

    ผมตอบว่านักธุรกิจก็ดูเหมือนแฮปปี้ดี เพราะต้องทนอยู่กับความวุ่นวายมานาน ผู้สัมภาษณ์ดูเหมือนมีธงจึงสวนผมว่า 'ก็พวกนักธุรกิจเขาเป็นอำมาตย์ (elite) กันหมดไม่ใช่หรือ....."

    แหม...จะเอาแถลงการณ์สหภาพยุโรปวานซืน กับแถลงการณ์นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐมาประกอบ ก็หมดเนื้อที่ซะก่อน

    วันนี้อย่าเพิ่งคัน จะยกมาให้เกากันวันหลัง!.
     
  3. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    ข้อมูลชัดๆ ลักษณะนี้ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งค่ะ

    เรา คนไทย คนรักชาติ มาช่วยกันซ่อมแซมและสร้างชาติ ไปด้วยกันนะคะ

    พบข่าวประชาสัมพันธ์จาก คสช. นำมาฝากไว้ค่ะ



    [​IMG]


    #ด่วน! #27/5/57 #คสช. #ขอเรียน #ให้พี่น้อง #ประชาชน #ทุกท่านทราบว่า
    MAY 27, 2014
    tags: 27/6/57, กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย, คสช.,

    ด่วน!!!, สื่อ facebook, อย่างต่อเนื่อง, เรียนให้พี่น้อง

    คสช. ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทุกท่านทราบว่า ในขณะนี้มีการเผยแพร่ข่าวสารที่บิดเบือน และข่าวลือต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีซึ่งมุ่งสร้างความสับสน ความเข้าใจผิด และความตื่นตระหนกในสังคม รวมทั้งมุ่งทำลายความเชื่อมั่นและความเข้าใจอันดีระหว่างพี่น้องประชาชนกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ทั้งทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือน

    ดังนั้น คสช. จึงขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านได้ติดตามข่าวสารที่ถูกต้องผ่านการแถลงหรือชี้แจงของทีมงานโฆษก คสช. ทางสื่อโทรทัศน์, สื่อวิทยุ, สื่อ facebook “กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย” หรือสื่ออื่นๆ ที่เชื่อถือได้

    ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนท่านใดมีข้อสงสัย หรือต้องการแจ้งข่าวสารที่เป็นประโยชน์ให้กับ คสช. ทราบ สามารถแจ้งได้ตามช่องทาง ดังนี้

    1. โทร. 094-1286273 ถึง 9 และ 094-2349312 ถึง 4

    2. อีเมล์ : ncpo.2014@gmail.com

    จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

     
  4. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842
    แหม...เกือบลืมไปแล้ว ว่ามีเพลงกระบี่ท่านี้อยู่ด้วย
    ตอนประกาศถอดยศ อย่าลืมประกาศความผิด ความชั่วที่มันทำไว้ด้วยนะครับ

    ขอเสนอให้ทำภาษาญี่ปุ่น - จีน - เกาหลี - รัสเซีย - อินเดีย ด้วยนะ
    แล้วเรียกผู้สื่อข่าวประเทศเหล่านี้ มาช่วยกระพือข่าว
    แต่ให้แกล้งลืมเชิญนักข่าวตะวันตกมาด้วย

    ขอแรงสู้กับสื่อตะวันตกซะหน่อยเหอะ 555
    (แล้วแกล้งดุฝ่ายจัดการด้วยนะครับ ที่ลืมเชิญ)

    ...ไม่ได้เล่ ขอเท่ห์ ทำด้วยกล
    ใช้ทั้งมนต์ คาถา มายาไสย
    ใช้จนหมด พุงสิ้น ข้าดิ้นไป
    เปิดพุงใคร ก็ไม่รู้ ตูขอยืม 555



    เล็บครุฑ / นักรบดำ

    .
     
  5. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    http://www.isranews.org/isranews-article/item/29945-seree_29945.html


    "ดร.เสรี"เล่าหมดเปลือก ชีวิตในค่ายทหาร"เช้ากินไข่ลวก เที่ยงต้มข่าไก่"


    “..พอมีถุงยังชีพมา ทั้งสบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ไอ้เราก็นึกเลยว่า เอาละสิ นี่คงไม่ใช่การอบรมไปเช้าเย็นกลับแล้ว สักพักหนึ่ง เจ้าหน้าที่ก็ขนเตียง ที่นอน หมอน ผ้าห่มมาให้ ชัวร์แล้วล่ะ คราวนี้…”

    [​IMG]

    ภายหลังแกนนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ( กปปส. ) ได้รับการปล่อยตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาจากสำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2557

    ล่าสุด "ดร.เสรี วงศ์มณฑา" หนึ่งในแกนนำ กปปส. ให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าวอิศรา สำนักข่าวอิศรา แบบ"เอ็กซ์คลูซีฟ" ถึงความรู้สึกและบรรยากาศโดยละเอียดนับตั้งแต่วินาทีที่อยู่รวมกับฝ่ายเพื่อไทยในหอประชุมกองทัพบกเทเวศน์ กระทั่งถูกพาไปยังค่ายทหารที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่แกนนำ นปช.และนักการเมืองฝ่ายพรรคเพื่อไทยถูกนำตัวมาควบคุมไว้เช่นเดียวกัน

    @ ช่วยเล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่ไปรายงานตัว ก่อนจะถูกควบคุมตัวไว้และพาไปค่ายทหาร

    ดร.เสรี: "ตอนเช้าวันที่ 23 พฤษภาคม ใกล้ๆ 9 โมง ก็ได้ยินข่าวว่าให้เราไปรายงานตัว ก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะคิดว่าเราไม่ได้ทำผิดคิดร้ายอะไร ยังคุยกับลูกน้องว่าตอนเที่ยงจะกลับมาเลี้ยงวันเกิดเลขาฯ แล้วช่วงเช้าก็ไปหอประชุมกองทัพบกเทเวศน์ เดินตัวปลิวเข้าไปอย่างสบายใจ ไปเจอคุณปอง ( นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก ) เธอก็บอกว่า ‘ไม่ต้องกังวลอะไรนะอาจารย์ เดี๋ยวเขาก็ปล่อยเราไป’ แล้วในที่นั้นมีฝ่ายเพื่อไทยอยู่เยอะมาก ฝ่ายเรามีแค่ 11 คน เราก็นั่งก้มหน้าตลอด ก็นั่งอึดอัดอยู่อย่างนั้น"


    "พอถึงเวลาประมาณเที่ยงกว่าๆ ท่านผู้ช่วย ผบ.ทบ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา ก็ประกาศว่า “ทุกท่านในช่วงนี้ อย่าเพิ่งเดินทางออกนอกประเทศ” ตอนที่ได้ยินอย่างนี้เราก็ยังไม่คิดอะไร แต่พอประโยคที่บอกว่า “ เราจะดูแลทุกท่านอย่างดี ยกย่องให้เกียรติอย่างดี”

    แต่ละคนในหอประชุมก็เริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วพอเริ่มมีการขานชื่อ คุณปองเธอก็ยังมองในแง่ดีว่าคงเรียกไปรายงานตัว ไปสัมภาษณ์ แล้วก็ปล่อย" แต่ต่อมามีนายทหารชื่อ คุณโจ ก็มาเรียกพวกเรา แล้วพอเราเดินไป ก็ได้ยินเสียง เจ้าหน้าที่ทหารคนอื่นๆ พูดว่า “รู้แล้ว อาจารย์ ไปอยุธยาแน่เลย” ทำให้เราเข้าใจว่า ถ้าคุณ โจ คนนี้ มาเรียกใคร แปลว่าคนนั้นคงได้ไปค่ายทหารที่อยุธยา ซึ่งถึงตอนนี้คุณปองก็ยังคิดอีกนะ ว่าคงแค่ไปอบรม ไปเช้า-เย็นกลับ”

    @ เมื่อไปถึงค่ายทหารที่ จ.อยุธยาแล้ว เจ้าหน้าที่ให้ทำอะไรบ้าง?

    ดร. เสรี
    : พอไปถึงอยุธยาแล้ว เจ้าหน้าที่เขาก็ให้ลงทะเบียน จดชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ซึ่งเขาจัดจุดลงทะเบียนไว้ที่บ้านหลังใหญ่ที่มีฝ่ายเพื่อไทยอยู่เต็ม ตอนนั้นเราก็รู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ร่วมกับฝ่ายเพื่อไทย เราก็เลยเดินเลี่ยงไป เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แล้วระหว่างนั้น มีถุงยังชีพมา ทั้งสบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ไอ้เราก็นึกเลยว่า “เอาละสิ นี่คงไม่ใช่การอบรมไปเช้าเย็นกลับแล้ว”

    "สักพักหนึ่ง เจ้าหน้าที่ก็ขนเตียง ที่นอน หมอน ผ้าห่มมาให้ “ชัวร์แล้วล่ะ คราวนี้” แล้วเขาก็ให้เขียนลงในกระดาษว่าอยากให้ติดต่อใคร อยากได้สิ่งของอะไร เขียนว่าจะให้เจ้าหน้าที่บอกญาติว่าอะไร"

    @ เจ้าหน้าที่จัดสรรที่พักให้อย่างไร

    ดร.เสรี : "ตอนนั้นเจ้าหน้าที่คุยกันว่าจะให้เราอยู่บ้านหลังนี้ 6 คน อีก 3 คน ไปอยู่อีกหลัง เราก็โวยวาย ว่าไม่เอา เราจะอยู่รวมกัน 9 คน จะอยู่หลังเดียวกัน ในที่สุดเจ้าหน้าที่เขาก็ให้เราอยู่รวมกัน 9 คน แหม เราก็รู้สึกว่าไม่ไหวจริงๆ นะ ด่ากันมา 7 เดือน จะให้เรามาอยู่รวมกันได้ยังไง"

    @ ทั้ง 9 คน มีใครบ้าง

    ดร.เสรี : "เรียงตามลำดับอายุ มีตัวผมเอง มีพล.อ.ปรีชา ( เอี่ยมสุพรรณ ), นกเขา ( นิติธร ล้ำเหลือ) ,ปอง ( อัญชะลี ไพรีรัก ) , ณัฐพล ( ทีปสุวรรณ ) , บี ( พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ ) , สุริยะใส ( กตะศิลา ) , ชุมพล (จุลใส ) และ ทยา ( ทีปสุวรรณ )"

    @ ลักษณะบ้านที่อยู่เป็นอย่างไร

    ดร.เสรี : "เป็นบ้าน 2 ห้องนอน มีเตียงให้อยู่ได้ประมาณ 6 คน เมื่อเรายืนกรานจะอยู่รวมกัน 9 คน เขาจึงจัดเตียงให้อีก เพิ่มให้ที่ห้องโถง 2 เตียง และมีเตียงเพิ่มให้ที่ห้องใหญ่"

    @ เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างไร

    ดร.เสรี : "ทหารดูแลดี อาหารอร่อย อาหารเช้ามีไข่ลวก กาแฟ ตอนสายมีหนังสือพิมพ์ให้อ่าน ตอนเที่ยงมีต้มข่าไก่ อร่อยดี มีกุนเชียงด้วย สาเหตุที่แม่ครัวทำต้มข่าไก่ได้อร่อย มีเจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่า เพราะผู้การที่นี่ ชอบกินต้มข่าไก่"

    @ กิจวัตรในแต่ละวันทำอะไรกันบ้าง

    ดร.เสรี
    : "ส่วนใหญ่กิจวัตรที่ทำก็อ่านหนังสือพิมพ์ อ่านละเอียด อ่านทุกคอลัมน์ แม้แต่กรอบงานศพ อ่านทุกอย่างเพื่อฆ่าเวลาส่วนกิจวัตรบางวันช่วงบ่าย พวกผู้ชายก็เล่นไพ่กัน เพราะไม่มีอะไรทำ"

    @ บ้านของฝ่ายเพื่อไทย ทำอะไรบ้าง ได้พูดคุยกันบ้างไหม

    ดร.เสรี
    : "เห็นบ้านนั้นร้องเพลงกัน กินข้าวกัน เห็นครูประทีปออกมาวิ่งทุกเช้า แต่เราไม่ได้เข้าไปคุยกับใคร เราไม่ยุ่งกับใคร สมชาย ( วงศ์สวัสดิ์ ) ก็อยู่ในนั้น บ้านแต่ละหลังมีชื่อ บ้าน 1 บ้าน 2 เป็นของฝ่ายเพื่อไทย บ้านเราเรียกว่าบ้าน 3"

    @ ถึงตอนนี้ รู้สึกอย่างไร หลังจากที่การชุมนุมยุติลง หลังผ่านมานานกว่า 6 เดือน

    ดร.เสรี : "เมื่อดูโรดแมปที่เขาวางไว้ ก็ได้อย่างที่ต้องการ 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว คือได้ช่วยชาวนา ได้ปฏิรูป ได้นายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งก็คงไม่มีนักการเมืองเข้ามาได้ ดังนั้น ในตอนนี้ก็สบายใจแล้ว"


    ทั้งหมดนี่ คือความในใจของนักวิชาการฝีปากกล้าที่ยืนหยัดคู่เวที กปปส. มานานนับครึ่งค่อนปี ก่อนถูกควบคุมตัวหลังเข้ารายงานตัวต่อ คสช. หลังการยึดอำนาจเพียง 1 วัน กระทั่งถูกปล่อยตัวพร้อมแกนนำ กปปส. ทั้งหมด ในวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา


    (อ่านประกอบ : "เจ๊ปอง"เล่าเบื้องหลังถูกคุมตัว "สมชาย-ธงทอง" บ้านใกล้กัน )
     
  6. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    https://th-th.facebook.com/Paisal.Fanpage

    Paisal Puechmongkol
    ประมาณ 1 ชั่วโมงที่แล้ว


    การให้ทูตไทยในอังกฤษรายงานตัว เป็นแค่ผลิตผลภูเขาน้ำแข็งของความอุบาทว์ที่นักการเมืองทำกับกระทรวงต่างประเทศ อันควรแสดงให้ปรากฎไว้ในแผ่นดินสักครั้งหนึ่ง


    นักการเมืองมันสั่งให้ทูต กงศุลไทยเกือบทั่วโลก ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกแก่ครอบครัวนักการเมืองใหญ่เสมอด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และให้ดูแลรับใช้ลิ่วล้อบริวาร

    จนข้าราชการสถานทูต กงศุลไทยกลายเป็นขี้ข้าอันน่าอัปยศ

    มันทำลายพระราชอำนาจ โดยแจ้งการบรรดาทูตทั้งหลายที่มารับตำแหน่งว่า

    การถวายสาส์นตราตั้งเป็นแค่พิธีการที่ไม่มีความหมายให้ทำงานไปได้เลย

    แต่มีทูตหลายประเทศเช่น จีน อิหร่าน ไม่ยอมทำหน้าที่จนกว่าได้เข้าเฝ้าถวายสาส์นตราตั้งแล้ว


    เมื่อต่างประเทศกราบทูลเชิญพระราชวงศ์เสด็จเยือน มันจะกัก เก็บ ดองเรื่อง ไม่ถวายรายงาน จนบางครั้งเกิดความเข้าใจผิดเป็นที่เสียหายเป็นอันมาก


    การช่วยล้อบบี้ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศและการให้ความสะดวกแก่พวกอาชญากรหลบหนีในต่างประเทศ



    ถ้าหากไม่มีการปฏิวัติ กระทรวงการต่่างประเทศที่ถูกนักการเมืองทำเช่นนี้ ก็จะกลายเป็นองค์กรที่เป็นอันตรายต่อประเทศและสถาบันอย่างร้ายแรง

    พี่น้องข้าราชการกระทรวงต่างประเทศทั้งหลาย ท่านได้รับการปลดแอกแล้ว จะได้กลับมาเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ได้ภาคภูมิใจกันแล้วครับ มาร่วมกับฟื้นฟูบ้านเมืองของเราให้เต็มกำลังเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 พฤษภาคม 2014
  7. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    ������ ʹյ 2 ���.��������Դ�ҧ��� �˵���������� 4 ��ҹ��ж١�ѡ��Ƿ�����ʹ��� - Politics - Manager Online

    งามไส้ อดีต 2 รมต.เพื่อไทยหวิดวางมวย เหตุเล่นไพ่เสีย 4 ล้านขณะถูกกักตัวที่ค่ายอดิศร


    การพนันเป็นเหตุ “ชูชาติ-วรวัจน์” 2 อดีต รมต.เพื่อไทยหวิดวางมวย ขณะถูก คสช.ควบคุมตัวในค่ายอดิศร หลังอีกฝ่ายเล่นไพ่เสีย 4 ล้านแล้วพาล เพื่อนต้องห้ามปรามกันจ้าละหวั่น


    รายงานข่าวจากค่ายอดิศร จ.สระบุรี หนึ่งในสถานที่ควบคุมตัวผู้ที่เข้ารายงานตัวต่อศูนย์รักษาความสงบแห่งชาติ (ศสช.) แจ้งว่า

    ผู้ที่ถูกควบคุมที่ค่ายอดิศรส่วนใหญ่จะเป็นบรรดาอดีต ส.ส.และอดีตรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ในระหว่างที่อยู่ภายในค่ายก็ได้มีการชักชวนกันทำกิจกรรมทั้งการตั้งวงเล่นไพ่ และดื่มสุรา

    ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารก็ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด เนื่องจากไม่ต้องให้ผู้ที่ถูกควบคุมมีความเครียดมากเกินไป


    อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการปล่อยตัวออกมาได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นเมื่อสองอดีตรัฐมนตรีมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน สืบเนื่องมาจากการพนันในวงไพ่ที่หนักขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเล่นกันตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึง


    รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับสองอดีตรัฐมนตรีที่มีปัญหานั้น

    รายหนึ่งรับเป็นเจ้ามือ ขณะที่อีกรายเป็นผู้แทง ปรากฏว่าฝ่ายผู้แทงและเสียพนันเป็นเงินถึง 4 ล้านกว่าบาท จึงออกอาการพาล ประกอบกับมีอาการเมาสุราจึงแสดงความไม่พอใจอีกฝ่ายที่เป็นเจ้ามือ มีการด่าทอทะเลาะเสียงดัง และขว้างปาสิ่งของใส่กันเกือบที่จะวางมวยจนเพื่อนที่เล่นไพ่อยู่ด้วยต้องห้ามปรามกันจ้าละหวั่น

    ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยรายหนึ่งที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวออกมายืนยันว่า เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทของสองอดีตรัฐมนตรีเป็นความจริง

    โดยเป็นนายชูชาติ หาญสวัสดิ์ กับนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ที่มีปัญหากันเองในระหว่างถูกคุมตัว
     
  8. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage?hc_location=timeline

    Paisal Puechmongkol
    2 ชั่วโมงที่แล้ว

    ในบรรดาประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่มีดินแดนติดต่อกันมี พม่า ลาว กัมพูชาและมาเลย์เซียนั้น มีลักษณ์ไม่สม่ำเสมอกัน

    พม่า ไม่ยอมรับให้คนร้ายจากไทยหนีข้ามแดนไปอยู่ในพม่า ใครฝ่าฝืนไปก็รอดอยากและมักไม่ตายดี จึงแทบไม่มีใครหนีไปทางนี้

    มาเลย์เซีย มีไมตรีอันดีต่อกัน จึงไม่ยอมให้คนร้ายจากไทยหนีไปกบดาน ยกเว้นที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไม่สงบและเป็นคนสองชาติ เฉพาะที่ไทยไม่ได้ขอตัวข้ามแดน

    ลาว ก่อนนี้เอื้อเฟื้อกับระบอบทักษิณอยู่มาก ในขณะเดียวกันก็เกรงใจคนไทย จึงมีคนร้ายหนีเข้าไปอาศัยเป็นระยะๆ

    แต่วันนี้คนสำคัญที่อุปถัมภ์ระบอบทักษิน ตกเครื่องบินตายเสียแล้วและเบื้องหลังก็มีเงื่อนงำ จึงมีทีท่าว่าลิ่วล้อบริวารระบอบทักษินที่หลบไปอยู่ลาวเห็นจะไม่เป็นสุขดังแต่ก่อนและอันตรายก็คืบคลานใกล้เข้าไปทุกทีแล้ว

    สหายเอ๊ยร้องเพลงภูสะดอกบัวดังๆเร๊ว

    กัมพูชา เป็นคอหอยลูกกระเดือกกันมานาน กระทั่งดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน แต่นั่นแหละในหมู่โจรไหนเลยจะมีสัจจะต่อกัน จึงเกิดการหักกันขึ้น ตอนนี้พวกที่หนีไปอยู่เขมรจึงชักจะเดือดร้อน เจ้าของบ่อนก็เริ่มรังเกียจ

    นายพลเขมรก็ว่ากูเผ่นดีกว่า พ่อค้าชายแดนก็กลัวภัยลามมาถึงตัว การเตรียมตัวอพยพไปไหนก็ว้าวุ่นหละโยม

    ยิ่งทหารเดินหน้าให้ทั้งทูต ทั้งทูตทหาร กรมข่าว และแม่ทัพภาค ประสานทั้งบนดินใต้ดิน พวกหนีคดีก็ยิ่งผวาว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

    หรือว่าจะได้กลับบ้านแต่กระดูก

    ถ้าไม่แน่จริงกลับตัวกลับใจมามอบตัวกลับสู่อ้อมอกมาตุภูมิจะไม่ดีกว่าหรือ
     
  9. mam_2012

    mam_2012 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +293
    ทุกวันนี้ก็ตรวจสอบอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องทุน เงินโบนัส จ้า...
     
  10. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    http://www.isranews.org/isranews-article/item/30012-sa.html

    ต้านรัฐประหาร แต่ไม่(เคย)ต้านคอร์รัปชั่น

    วันศุกร์ ที่ 30 พฤษภาคม 2557 เวลา 18:46 น.
    เสนาะ สุขเจริญ



    [​IMG]

    องค์กรหลายองค์กร (บางองค์กรแทบไม่เคยเป็นที่รู้จักของสาธารณชน) รวมถึงประชาชนจำนวนหนึ่งออกมาชูป้าย ออกแถลงการณ์ คัดค้านการทำรัฐประหารของคณะรักษาความสงบ (คสช.) หลังวันที่ 22 พ.ค.57 โดยยกเหตุผลว่าเป็นการใช้อำนาจนอกระบบ ไม่เป็นไปตามระบบประชาธิปไตย ไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในสังคม ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง ฯลฯ

    แอบคิดแบบเล่นๆว่า ก่อนหน้านี้ถ้าคนกลุ่มนี้“ตื่นตัว” รับไม่ได้กับคอร์รัปชั่น เหมือนแสดงออก“รับไม่ได้”กับการใช้อำนาจรัฐประหาร ก็คงไม่เกิดรัฐประหารในปี 49 การเมืองไทยก็คงไม่เดินมาสู่จุด ณ ตอนนี้

    ความจริงไม่ได้ยินดีกับประชาธิปไตย (ปลอมๆ) และก็ไม่ได้ปรีดารัฐประหาร แต่ข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ก็คือนโยบายสาธารณะที่ออกมาจากรัฐบาลในยุคประชาธิปไตย ระหว่างปี 2544-2557 (ยกเว้นยุครัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ 9 ต.ค.49-6 ก.พ.51) เอื้อประโยชน์ให้ตัวเองพวกพ้องและบริวารนับสิบ

    (1) กรณีแปลงค่าสัญญาสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต

    (2) กรณีการแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cellular Mobile Telephone)

    (3) กรณีแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการ บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่ออนุญาตให้ใช้เครือข่ายร่วม (Roaming) และให้หักค่าใช้จ่ายจากรายรับและ กรณีการปรับลดอัตราค่าใช้เครือข่ายร่วม เป็นการเอื้อประโยชน์แก่บริษัทชินคอร์ปฯ และบริษัทเอไอเอส แยกเป็น 2 กรณี

    กรณีแรก การแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่ออนุญาตให้ใช้เครือข่ายร่วมและหักค่าใช้จ่ายจากรายรับ
    กรณีสอง กรณีการปรับลดอัตราการใช้เครือข่ายร่วมระหว่าง กสท. กับ บริษัท ดีพีซี ตามสัญญาให้ดำเนินการให้บริการวิทยุคมนาคมระบบเซลลูล่า DIGITAL PCN (PERSONAL COMMUNICATION NETWORK)

    (4) การละเว้น อนุมัติ ส่งเสริม สนับสนุนธุรกิจดาวเทียมตามสัญญาดำเนินกิจการ ดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศโดยมิชอบหลายกรณี เพื่อเอื้อประโยชน์แก่บริษัทชินคอร์ปฯ และบริษัทชินแซทฯ แยกเป็น 3 กรณี ได้แก่

    กรณีการอนุมัติโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ (IP STAR) โดยมิชอบ

    กรณีการอนุมัติแก้ไขสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทชินคอร์ปที่ต้องถือในบริษัท ไทยคมจากไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 เป็นไม่น้อยกว่า ร้อยละ 40

    กรณีการอนุมัติให้ใช้เงินค่าสินไหมทดแทนของดาวเทียมไทยคม 3 ที่ได้รับความเสียหาย 6,700,000 ดอลลาร์สหรัฐไปเช่าช่องสัญญาต่างประเทศเพื่อใช้ทดแทนดาวเทียมไทยคม 3

    (5) กรณีอนุมัติให้รัฐบาลพม่ากู้เงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เพื่อนำไปซื้อสินค้าและบริการของบริษัทไทยคมโดยเฉพาะ

    (6) ทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร 2 หมื่นล้าน

    (7) ทุจริตโครงการสมาร์ทการ์ด 7,900 ล้านบาท

    (8) ทุจริตจัดซื้อกล้ายาง 1,440 ล้านบาท

    (9) ทุจริตจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนขององค์การค้าคุรุสภา

    (10) เลี่ยงภาษีนำเข้ารถหรูหมื่นล้าน

    (11) การเช่าซื้อคอมพิวเตอร์ของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) 2,894 ล้านบาท

    (12) ผลประโยชน์ทับซ้อนกรณีจัดซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาฯ

    (13) ทุจริตโครงการสร้างโรงพักทดแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

    (14) ทุจริตจัดซื้อรถจักรยานยนต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

    (15) ทุจริตจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ สนามบินสุวรรณภูมิ

    (16) ทุจริตโครงการรับจำนำข้าวสร้างความเสียหายหลายแสนล้านบาท

    ใช้อำนาจรัฐแต่งตั้งเครือญาติเป็นข้าราชการเมืองและกรรมการในหน่วยงานของรัฐ อาทิ

    1.นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (คำสั่งกระทรวงศึกษาธิการที่ สลร.651/2544) และเป็นที่ปรึกษานายกฯ
    (คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 59/2548)

    2.พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็นกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (มติครม.11 มี.ค.46) เป็น ผบ.ทบ.ในยุครัฐบาลทักษิณ เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ( คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 146/2554)

    3.นางเยาวเรศ ชินวัตร เป็นนายกสภาประจำสถาบันราชภัฏอุบลราชธานี (26 พ.ย.46 )

    4.พล.อ.อุทัย ชินวัตร เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (คำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 451/2546) เป็นที่ปรึกษารองนายกฯ 4 พ.ค.47 (นายวันมูหะมัดนอร์) และ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 12 ต.ค.47 (คำสั่งกระทรวงเกษตรฯ ที่ 370/2547)

    5.นายวีระพันธุ์ ชินวัตร เป็นกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ ( มติ ครม.19 มิ.ย.49)

    6.ทันตแพทย์หญิงศรีญาดา ชินวัตร เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม 22 ก.พ.51 ยุคนายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ และติดต่อกันจนกระทั่งยุคนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

    7.น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ บุตรสาว นางเยาวเรศ ชินวัตร ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 29 ส.ค.54 (คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 146/2554)

    8.นายสมชัย โกวิทเจริญกุล สามีนางมณฑาทิพย์ ชินวัตร เป็นกรรมการองค์การเภสัชกรรม (มติครม.27 ก.พ.56 )

    9.พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นบอร์ดการบินไทย

    10.พล.ร.อ.เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพเรือ เป็นกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.)

    ไม่นับกรณีโยกย้ายข้าราชการโดยใช้ระบบอุปถัมภ์ อาทิ นายถวิล เปลี่ยนศรี

    น่าสังเกตว่าในช่วงที่โครงการดังกล่าวถูกสื่อหรือองค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบตรวจพบคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย สร้างความเสียหายมหาศาล กรณีชาวนาจำนวนหนึ่งผูกคอตายจากความฉ้อฉลในนโยบายจำนำข้าว เราแทบไม่เคยได้ยินผู้รักประชาธิปไตย (บางคน) เหล่านี้รวมตัวแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ คัดค้านต่อต้านการคอร์รัปชั่น

    ราวกับไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียด้วยซ้ำ

    น่าเศร้าเป็นที่สุด บางคนยังใช้ต้นทุนนักวิชาการ นักกิจกรรม นักธุรกิจ เข้าไปมีตำแหน่งเป็นบอร์ดหน่วยงานของรัฐ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ รับใช้รัฐบาลที่ออกนโยบายฉ้อฉลอย่างสุดลิ่ม

    ด้วยเพราะความเชื่อที่ว่า จะโกงทั้งโคตร หรือโคตรโกงอย่างไรก็ได้ ขอให้มีรัฐบาล ประชาธิปไตย เท่านั้นเป็นพอ

    ถ้าเชื่ออย่างนี้ ก็เป็นได้แค่ นักประชาธิปไตยปลอมๆ เท่านั้น?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 พฤษภาคม 2014
  11. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    คสช.อนุมัติแผนงานด้านพลังงาน

    คสช.อนุมัติแผนงานด้านพลังงาน

    กระทรวงพลังงานหารือ คสช. เพื่อให้พิจารณาอนุมัติแผนงาน ที่ยังคั่งค้างเป็นจำนวนมาก

    การหารือวันนี้ (30 พ.ค.57) ซึ่งมีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และรองหัวหน้า คสช. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นประธาน

    ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้เสนอแผนงานคั่งค้าง 35 แผนงาน

    รวมทั้งอาจพิจารณา ชะลอการขึ้นราคาแก๊สหุงต้มภาคครัวเรือน เพื่อป้องกันการลักลอบใช้แก๊สผิดประเภท

    เบื้องต้น คสช.ได้อนุมัติเรื่องเร่งด่วนแล้ว 3 เรื่องคือ

    อนุญาตให้ขนส่งน้ำมันยามวิกาล

    อนุญาตโรงกลั่นทำงาน 24 ชั่วโมง

    และการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน จากเดิมเป็นอำนาจของรัฐมนตรีฯ ให้มาเป็นปลัดกระทรวงแทน

    ขณะที่เรื่องเร่งด่วนอื่น เช่น การกู้เงินมาใช้ในกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ติดลบ 7,000 ล้านบาท ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ของปั๊มเอ็นจีวี ยังต้องรอการพิจารณาจาก คสช.อีกครั้ง
     
  12. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410

    ข่าวดี อีก หนึ่งเรื่องนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
     
  13. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    http://www.isranews.org/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B2/item/30017-korsorchor_29.html

    “บิ๊กตู่” เผยตั้งรบ.-ครม.ก่อน 1 ต.ค.นี้ ยันประเทศมาก่อนประชาธิปไตย

    วันศุกร์ ที่ 30 พฤษภาคม 2557 เวลา 22:58 น.

    isranews


    “ประยุทธ์” เผยขอบเขตอำนาจ คสช. ต้องรักษาความสงบเรียบร้อย ให้คนรายงานตัวเพื่อสร้างความสมาฉันท์ ปราบกลุ่มรุนแรงเด็ดขาด ขับเคลื่อนบริหารประเทศด้วยระบบราชการ ยันเบิกจ่ายงบโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตั้งรบ.-ครม.ก่อนงบปี ’58 1 ต.ค. 2557 ระบุประเทศชาติต้องมาก่อนประชาธิปไตย


    [​IMG]

    ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการกองทัพบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) ระบุถึงความคืบหน้าในการบริหารประเทศของ คสช.

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า คสช.มีขอบเขตอำนาจอยู่ 2 ประการ คือ

    1.การรักษาความสงบเรียบร้อยทั่วราชอาณาจักร และการประกาศใช้กฎอัยการศึกยามจำเป็น ถือเป็นกฎหมายความมั่นคงสูงที่สุด และให้อำนาจเจ้าหน้าที่ยุติเหตุรุนแรงได้อย่างทันที เพราะที่ผ่านมาการบังคับใช้กฎหมายปกติไม่สามารถยุติความรุนแรงได้เลย ทั้งนี้เพื่อให้ปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ให้ประชาชนเรียนรู้และเคารพกฎหมาย เพื่อลดความขัดแย้งในอนาคต และทั้งหมดยึดตามหลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชน


    “อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะใช้อำนาจที่มีอยู่อย่างจำเป็น และไม่ให้เกินขอบเขต เพื่อให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด และหลีกเลี่ยงการละเมิดสิทธิมนุษยชน หากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ จะบังคับใช้กฎหมายปกติให้เร็วที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การเชิญบุคคลมารายงานตัว มีความจำเป็น ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ยุแหย่ให้เกิดความขัดแย้งทั้งทางตรง และทางอ้อม ซึ่งหมายถึง แกนนำ นักวิชาการ และกลุ่มผู้สนับสนุน อาจเป็นผู้ขัดแย้งทั้งทางตรง และทางอ้อมที่อาจเกิดขึ้นได้ และบุคคลที่มีอิทธิพลในเชิงสัญลักษณ์ ระดมมวลชนสร้างความขัดแย้งอีก หากการแสดงออกดังกล่าวมีผลกระทบต่อความสงบโดยรวม ก็อาจมีการจับแยกผู้ที่ถูกเรียกรายงานตัวให้สงบสติ และทบทวนที่ผ่านมาทำอะไรไปบ้าง อาจมีถูกบ้าง ผิดบ้าง ตามความเชื่อส่วนบุคคล และเพื่อเปิดรับความเห็นต่าง เราจะช่วยทุกกลุ่มนำพาประเทศไปข้างหน้าได้อย่างไร สำหรับผู้ไม่มารายงาน ถือว่าไม่ให้ความร่วมมือในการให้ความปรองดอง และมุ่งมั่นจะเอาชนะฝ่าฝืนกฎอัยการศึกโดยไม่เคารพกติกา ต้องถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาดตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป โดยเฉพาะบางฝ่ายที่ใช้อาวุธสงคราม หรือวัตถุระเบิดต้องถูกปราบปรามอย่างเด็ดขาด

    “เราต่อสู้ด้วยการยึดความคิดของตน หรือกฎหมายแต่ละฝ่ายไม่ได้อีกแล้ว เพราะอาจสร้างความขัดแย้งไม่สิ้นสุด คนส่วนใหญ่ไม่มีความสุข ประเทศขาดเสถียรภาพ ความเชื่อมั่นจากต่างชาติเสื่อมถอย ดังนั้นทุกฝ่ายต้องปรองดอง และสมาฉันท์ ยุติการใช้ความรุนแรงต่อกัน สิ่งใดขัดแย้งหรือเห็นต่างต้องอยู่กันให้ได้ก่อน หารือให้ยอมรับทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และคืนความสงบต่อประชาชนทุกหมู่เหล่า” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า

    2.การขับเคลื่อนบริหารราชการ หลังจากสะดุดอยู่กับที่มาหลายเดือน งบประมาณปี 2557 หยุดชะงัก บางรายการไม่สามารถเบิกจ่ายหรือดำเนินการได้ ประชาชน และส่วนข้าราชการมีความเดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าว และจำเป็นต้องปลดล็อคด้วยรัฐบาลอำนาจเต็ม ดังนั้นต้องดำเนินการงบประมาณปี 2558 ให้ทันกำหนด ซึ่งวาระทำใกล้สิ้นสุด เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ในปี 2558 และให้ทันประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (A.E.C.) ที่จะมาถึงในปลายปีหน้านี้ โดยหลักการสำคัญของ คสช. ในการบริหารราชการในสถานการณ์ไม่ปกติในปัจจุบันคือ การใช้ระเบียบบริหารราชการปกติของทุกส่วนราชการให้มากที่สุด เว้นปัญหาติดค้าง หรือเร่งด่วน ทั้งนี้ คสช. ไม่ได้สั่งการข้าราชการให้ดำเนินการตามปกติ หรือผิดกฎหมาย หรือเพื่อผลประโยชน์ของใคร หรือจัดเองตามใจชอบ เพียงแค่จัดฝ่ายต่าง ๆ ร่วมหารือกับข้าราชการให้การขับเคลื่อนงานมีประสิทธิภาพ และประชาชนพึงพอใจ


    “การใช้จ่ายงบประมาณ เกรงว่า คสช. ใช้งบไม่จำกัด เรียนว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องอยู่ในวินัยการเงินการคลัง รวมทั้งมีการหารือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมาย สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดความรอบคอบ การใช้จ่ายงบประมาณจะไม่ใช้จ่ายเกินกำลังจนเสียวินัยการคลัง และไม่เกินยอดหนี้สาธารณะ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ในงบประมาณปี 2557 จะเริ่มจากแผนงานค้างคาเร่งด่วน ซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชน และเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะความต้องการพื้นฐานของประชาชน เงินทุนหมุนเวียน หรือเงินหมุนเวียนในระบบ

    ดำเนินการจาก การต้องจ่ายเงินค่าจำนำข้าวที่ติดค้างชาวนาอีก 92,000 ล้านบาท โดยขณะนี้จ่ายไปแล้วบางส่วน และแผนงานที่ไม่สามารถดำเนินโครงการได้ เนื่องจากติดขัดในรัฐบาลที่ผ่านมา จะดำเนินการตรวจสอบ และจัดลำดับเร่งด่วนให้เร็วที่สุด

    โดยเฉพาะงบประมาณที่หมุนเวียนภายในระบบ การซ่อมแซมสาธารณูปโภค ความเร่งด่วนเฉพาะหน้า ไม่ใช่ใช้งบประมาณในโครงการขนาดใหญ่แต่อย่างใด ส่วนโครงการ 2 ล้านล้านบาท

    หรือโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท จะพิจารณาใหม่อย่างรอบคอบว่า โครงการใดที่เป็นประโยชน์ และสามารถปฏิบัติได้ จะแยกพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ และดำเนินการใหม่ทั้งหมดให้โปร่งใส


    “จากการไปหารือเพื่อจัดทำงบประมาณปี 2558 ที่ได้มอบหมายนโยบายให้ดำเนินการนั้น และน่าจะอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการ รวมไปถึงการพิจารณาของรัฐบาล หรือคณะรัฐมนตรี ที่จะจัดตั้งให้เร็วที่สุด ให้ทันก่อนการเริ่มต้นงบประมาณในปี 2558 คือ 1 ตุลาคม 2557 เป็นต้นไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


    หัวหน้า คสช. กล่าวอีกว่า สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าว อาจไม่สำเร็จโดยเร็วอย่างที่ทุกคนต้องการ หากไม่มีความสงบเกิดขึ้น การประท้วงโดยไม่เข้าใจประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่เข้าใจเหตุผลการควบคุมอำนาจในครั้งนี้ว่าทำเพื่อประเทศไทย และคนไทยทุกคน ซึ่งจะต้องส่งผลดีต่อประเทศได้ในอนาคตอันใกล้


    “ผมคิดว่าคนไทยคิดเหมือนผม ไม่มีความสุขมา 9 ปีแล้ว ขณะนี้ทุกคนอยู่ในความสงบ มีความสุขมากขึ้นตั้งแต่วันที่ 20 – 22 พฤษภาคม 2557 ทั้งนี้ คสช. ไม่ต้องการเข้าสู่อำนาจหรือผลประโยชน์ใด ๆ แต่ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ถ้าทหารและข้าราชการทุกคนไม่ทำอะไรเลย ใครจะมาดูแลท่าน ใครจะมาแก้ปัญหาให้ท่าน ในเมื่อประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เดินหน้าต่อไปไม่ได้” หัวหน้า คสช. กล่าว

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปิดท้ายว่า ด้วยความขัดแย้ง เจ้าหน้าที่ถูกตำหนิ ประชาชนเกิดความไม่ไว้วางใจ การบังคับใช้กฎหมายปกติทำไม่ได้ ขอให้เชื่อมั่นในการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ประเทศชาติต้องมาก่อนเสมอ ความรู้สึกของชาวต่างประเทศ เราเข้าใจสังคมโลก ที่เป็นโลกของประชาธิปไตย แต่ขอให้เวลาเราในการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ค่านิยม และอะไรอีกหลายอย่างเพื่อแก้ไขประชาธิปไตยของไทยให้เป็นสากล ให้ถูกต้อง ชอบธรรม เสียสละ นึกถึงประโยชน์ของประชาชนทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นประชาชนเสียงข้างมาก หรือเสียงข้างน้อย ได้รับความพึงพอใจทั่วถึงกัน หากทุกคนร่วมมือกันจะนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ปลอดภัย และยั่งยืน และทุกอย่างจะผ่อนคลายตามลำดับ


    “เราเข้าใจว่าทุกคนต้องเลือกประเทศก่อน ประชาธิปไตยที่จะต้องเตรียมการแก้ไขปรับปรุงนั้นจะมาถึงในระยะเวลาไม่นานนัก มีเรื่องอื่นมากมายที่เราต้องช่วยกันทำ ช่วยกันคิด และคงไม่สำเร็จหากมีการประท้วง ขอเวลาให้เราแก้ไขจากนั้นทหารจะกลับไปทำภารกิจ และจะคอยเฝ้าระวังประเทศชาติ พร้อมกับน้อมรับแนวทางการปฏิบัติด้วยความสุขแบบยั่งยืน ตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นที่รักยิ่งของชาวไทยทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
     
  14. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    'แก้ปัญหาชาวนา=แก้ปัญหาชาติ' | ไทยโพสต์


    เปลว สีเงิน
    Saturday, 31 May, 2014 - 00:00

    'แก้ปัญหาชาวนา=แก้ปัญหาชาติ'

    "จบไปอีกเดือน" สำหรับ "พฤษภาอาถรรพณ์" พรุ่งนี้ก็เข้าเดือนที่ ๖ ของปี แผล็บเดียว "ครึ่งปี" อีกจนได้ ก็ต้องระวังสักนิดนะครับ ผมรู้สึกว่า มันจะมีอะไรแปลกๆ พอสมควร!?

    ไม่ใช่ผมนั่งทางใน รู้นั่น-เห็นนี่ แต่ "อากาศ" ปีนี้น่ะครับ ปกติเมืองไทย ตกมีนา-เมษา-พฤษภา ก็ร้อนทุกปี

    แต่ปีนี้ มันร้อนแบบเผาไหม้ ร้อนเครียดๆ ร้อนแบบคนโกรธกันถึงขั้น "เอาเป็น-เอาตาย" ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศไทย

    ผมว่า น่าจะเป็นสัญญาณบอกเหตุอะไรสักอย่างที่จะตามมาทางสภาพ ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ-อากาศ หรือ "มนุษย์" ผสมด้วยก็ไม่แน่ใจ

    ในระยะเดือน-สองเดือนนี่แหละ!

    แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรมา มีแต่ "คณะ คสช." มา รำนำหน้าโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ปรากฏว่าชาวฟ้า-ชาวดิน

    "ชุ่มฉ่ำใจ" กันถ้วนหน้า!

    โดยเฉพาะชาวนา คสช.มาโปรดเป็น "รูปธรรม-นามธรรม" กระเป๋าตุงก่อนเพื่อน

    ก็ไม่มีใครอิจฉาหรอก มีแต่คนอนุโมทนาสาธุถ้วนหน้า-ถ้วนประเทศ ชาวนามีสุข เท่ากับประเทศหมดทุกข์ เมื่อประเทศไม่ทุกข์ แล้วใครล่ะ...จะไม่สุข จริงไหม?

    ยอดเงินที่ชาวนากว่า ๘ แสนรายได้รับ ก็เกือบ ๑ แสนล้าน พูดกันตรงๆ ชาวนาเป็นเพียง "ทางผ่าน" ของเงินเท่านั้น

    เงินจากชาวนา ก็เหมือน "น้ำ" ที่ไขเข้านาแล้ง ชาวนาไม่ได้ใช้น้ำเอง แต่ต้นข้าว ต้นหญ้า กบ เขียด แมลง ตามท้องนาจะได้ใช้น้ำก่อน

    เศรษฐกิจประเทศก็เหมือนกัน กำลังจะตายซาก "หมดลมหายใจ" อยู่พอดี พอ คสช.เอาเงินค่าจำนำข้าวมาจ่าย ผ่านจากมือชาวนา เท่านั้นแหละ....

    ฟื้นทันตาเห็น!

    ฟื้นทั้งชาวนา ฟื้นทั้งระบบเศรษฐกิจ เงิน ๙ หมื่นกว่าล้านนั้น ก้อนแรก ๓-๔ ล้าน ไหลเข้าหล่อเลี้ยงวงจร การผลิต การค้า การขาย การบริโภค-ใช้สอย ทั้งเงินสด เงินผ่อน

    เรียกว่า "กำลังซื้อ" ผ่านชาวนา ไปเป็นพลังฉุดให้ "ทั้งระบบ" ขยับเขยื้อนเคลื่อนเป็นลูกโซ่จนครบวงจร ก่อนที่เงินก้อน ๙ หมื่นกว่าล้านนี้ จะไหลคืนกลับสู่ที่เดิม

    คือ "สถาบันการเงิน"!

    ผมฟังๆ จากชาวนาที่มารับเงินจาก ธ.ก.ส.สรุปได้ว่า เงินที่ได้ไปนั้น เป้าหมายที่จะใช้รออยู่แล้ว ๓-๔ ทาง คือ

    -จ่ายค่ายา-ค่าปุ๋ย
    -จ่ายค่าไถ-หว่าน-เก็บเกี่ยว
    -จ่ายค่าหนี้สินที่ยืมมากิน-มาใช้ และ
    -ใช้เป็นต้นทุนทำนารอบใหม่

    ๒ ปีก่อน ข้าวราคารับจำนำเกวียนละ ๑๕,๐๐๐ บาท แต่ขณะนี้ราคาเป็นจริงตามกลไกตลาดเหลือเกวียนละ ๔,๐๐๐ กว่า

    นั่นหมายความว่า ข้าวนาปี-นาปรัง ของปี ๕๗/๕๘ นี้ ไม่มีแล้ว ๑๕,๐๐๐ จะได้กันเกวียนละ ๔-๕,๐๐๐ บาทเท่านั้น

    "ไม่คุ้มต้นทุนการผลิต"!

    ธรรมชาติคนหาเช้า-กินค่ำ เกษตรกร ชาวไร่-ชาวนา ส่วนมากมักน้อย คิดแค่ "เอารอดเฉพาะหน้า" วัน-ต่อวัน วันนี้ผ่าน พรุ่งนี้ค่อยคิดกันใหม่

    ตรงนี้แหละ คณะ คสช.ต้อง "ช่วยคิด-ช่วยแก้ไข" ให้ชาวนาด้วย เพราะสุขชั่วครู่จากเงินค่าข้าววันนี้ ทุกข์จากข้าวนาปี-นาปรัง ที่จะขายได้ ๔-๕,๐๐๐ นิรันดร์กาลจะทำอย่างไร?

    ชาวนาจะต้องแบกทุกข์มาหา คสช.ทุกปี..ทุกปี งั้นหรือ?

    ไหนๆ คสช.จะปฏิรูปทุกระบบทั้งที ก็ควรสร้างคุณถาวรให้ชาติ "ผ่านชาวนา" เป็นที่ประจักษ์ตา-ประจักษ์ใจตลอดกันไปเลยมิดีกว่าหรือ?

    ปัญหาทุกวันนี้ ชาวนาจะเอาแต่ "ขายข้าวแพง" ซึ่งมันไม่ถูกต้องนัก ครั้นจะปล่อยไปตามกลไกตลาด ชาวนา "ขายข้าวขาดทุน" มันก็ไม่ถูกอีก

    โจทย์อยู่ตรงที่ "ทำอย่างไรให้ชาวนาขายข้าวไม่ขาดทุน"?

    เมื่อดูองค์ประกอบการทำนาทั้งหมดแล้ว จะพบว่า ต้นเหตุที่ชาวนาขายข้าวขาดทุนไม่ได้อยู่ที่ "ข้าวถูก-ข้าวแพง" โดยตรง

    อยู่ที่ "การบริหาร-จัดการ" ระบบนา และการควบคุม "ต้นทุนการผลิต" โดยตรงซึ่งชาวนาไม่มีเลย!

    ต้นทุนผลิตมีอะไร...มีตั้งแต่ จ้างรถไถ ข้างรถดำหว่าน จ้างรถเก็บเกี่ยว จากนั้นก็เป็นค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ค่ายาปราบศัตรูพืช ค่าฉุดน้ำเข้านา ค่าจ้างคนฉีดยา

    สรุปแล้ว การทำนาวันนี้ "ทั้งหมด" อยู่ที่ จ้าง..จ้าง..จ้าง..ซื้อ..ซื้อ..ซื้อ ต่อให้ขายได้เกวียนละ ๒ หมื่น ก็ขาดทุน เพราะเมื่อขายได้ ๒ หมื่น ค่าจ้าง ค่ายา ค่าปุ๋ย มันไม่ยอมให้ชาวนากำไรฝ่ายเดียวหรอก

    แล้วจะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร....ตัดประเด็นไปเลยที่หวังจะขายราคาเกินตลาดตลอดไป?

    "ลดต้นทุนการผลิต" ก็เพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น!

    ผมเห็นว่าการเข้าไปบริหาร-จัดการ "จัดระบบวงจรนา" ด้วยการปฏิรูปใหม่ทั้งหมดเท่านั้น จะสร้างสมดุลระหว่างต้นทุนการผลิตกับราคาขายผลผลิตได้ และนั่น คำว่า "ขาดทุน" จะไม่มีอยู่ในพจนานุกรมชาวนาไทยอีก

    "ทำนา" เพียงหวังได้ "ข้าว" อย่างเดียว แค่คิดก็ "ขาดทุน" แล้ว!

    ก็อย่างที่เคยคุยกัน คนไทยคุ้นกับระบบ "คิดตาม-พูดตาม-ทำตาม" และเมื่อลงมือทำตามแล้ว จะทำได้ดีกว่าคนต้นคิดด้วยซ้ำ

    อย่างเรื่องปฏิวัติการทำนาเหมือนกัน จะไปบอกให้ชาวนาทำอย่างนั้น-อย่างนี้ ไม่มีใครทำหรอก ถึงรู้ก็ไม่ทำ

    ต้องสร้าง "นาต้นแบบ" ให้ชาวเห็น เมื่อเห็นผลจากนาที่มีการบริหาร-จัดการ ควบคุมปัจจัยการผลิต ให้ทุกยูนิตเกิดประโยชน์คุ้มค่า เมื่อได้ข้าวขายแล้ว มีแต่กำไรมาก-กำไรน้อย และกำไรเสริม ขาดทุนไม่มี

    นั่นแหละ...ทีนี้ ชาวนาจะแห่กันทำตาม และเรียกร้องเอาระบบนาใหม่นั้นบ้าง!

    ต้องใช้ระบบสหกรณ์ หรือระบบคอมมูน "นารวม" แล้วใส่การบริหาร-จัดการ และการตลาดเข้าไป รื้อฟื้นการทำนาแบบดั้งเดิมกลับมาทั้งหมด ใช้วัว-ควาย-คน-อินทรี เป็นหลัก ใช้เครื่องจักร เครื่องกลน้อยที่สุด

    รื้อฟื้นการทำนาให้ครบวงจร ตั้งแต่ไถ หว่าน คราด ดำ เก็บ เกี่ยว นวด ปลุกวิถีชาวนาที่เคยเป็น "วัฒนธรรม-ประเพณี" ขึ้นมาให้หมด

    ตรงนี้แหละจะเป็นตัว "สร้างรายได้เสริม" จากการท่องเที่ยวและการขายสินค้าตรงที่จะตามมามหาศาล เผลอๆ จะได้มากกว่าราคาขายข้าวระบบตลาดซะอีก!

    ในช่วง ๔-๕ เดือนของการลงทุน ไม่ต้องไปกู้เงินนอกระบบมากิน เพราะในนารวมจะมีส่วนหนึ่งเป็น "ไร่-นา-สวนผสม" เรียกว่า มีผัก หญ้า หมู เห็ด เป็ด ไก่ ปลา ให้กินตลอดปี

    องค์กรที่พร้อม และน่าทำ "นารวม" ให้เป็นต้นแบบมากที่สุด คือ "สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์"!

    เพราะ "ทรัพย์สินฯ" มีนาให้ชาวบ้านทำมาหากินอยู่เวลานี้มากที่สุด เรียกว่าเป็นแสน-เป็นล้านไร่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภาคกลาง

    ลองทำโครงการ "นารวม" เป็นตัวอย่าง รวบรวมซักหมื่นไร่ ทำนาแบบดั้งเดิม ชาวนาร่วมโครงการ ไม่ต้องห่วง มีกี่ไร่ เคยได้ไร่ละกี่ถัง รวมทั้งหมดเคยได้เท่าไหร่ ประกันราคาให้เลย แถมบวกให้อีก ๒๐% ด้วย

    ใช้ระบบสหกรณ์บริหาร-จัดการ จัดรูปนาใหม่ครบวงจร ถึงขั้นยุ้ง ฉาง นวด ฝัด สี คันนาเล็กๆ ปรับขยายเป็นถนนดินให้คนเดินได้ทั่ว

    เพราะทุกขั้นตอนการทำนาระบบเดิม ใช้แรงวัว-ควาย ใช้ระบบลงแขก นั่นคือ "จุดขาย" ให้ ททท.จัดเข้าโปรแกรมขายท่องเที่ยว ฝรั่ง-ไทย ใครจะมาดู มาลงลุยนาด้วย เชิญเลย

    ข้าวที่ได้ จะเป็นข้าวผลิตธรรมชาติ ปลอดสารเคมี มีคุณภาพครบถ้วน ขี้เกียจจะแย่งกันซื้อ กลัวแต่จะผลิตไม่พอตลาดเท่านั้น

    เพราะทุกวันนี้ คนมีเงิน "กลัวตาย" ต้องการสินค้าคุณภาพ-ปลอดภัย "มีเยอะ" แต่สินค้าที่ไว้ใจได้ให้ซื้อหา "มีน้อย"

    ตลาดข้าวจาก "นารวม" จะอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ข้าวนาปี-นาปรัง จากเครื่องจักรกลและสารพัดสารเคมี และไม่คัดคุณภาพ อย่างข้าวสักแต่ว่าปลูกเพื่อเอามาจำนำรัฐบาล

    เนี่ย...ลองทำ "นารวม" ให้เห็นเป็นตัวอย่างซัก ๒-๓ ปี ได้ทั้งข้าวพรีเมียม ได้ทั้งการท่องเที่ยว ตั้งแต่ ไถ-ดำ-หว่าน "คนเคียงควาย" ไปจนถึง เก็บ-เกี่ยว-เคียว-นวด-สี ขายได้หมด

    แถมครอบครัวชาวนาในโครงการสมบูรณ์พูนสุข อยู่กินด้วย "ไร่-นา-สวนผสม"!

    ถ้าปล่อยให้ "ต่างคน-ต่างทำ"...คิดดู สมมุติ ปุ๋ยกำมือเดียว จะเป็นต้นทุนใน ๑ ไร่ของตน แต่ถ้าเป็นระบบนารวม ปุ๋ยกำมือเดียว ด้วยการบริหาร-จัดการ จะเป็นต้นทุนของนาได้ ๕-๑๐ ไร่!


    ผู้บริหาร "สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" น่าจะสร้าง "ต้นแบบนารวม" เป็นส่วนหนึ่งของการ "ปฏิวัติชีวิตชาวนา" นะครับ.
     
  15. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    Apasiri @rpasiri Instagram photos | Websta

    [​IMG]

    rpasiri เป็น ท.ทหารอดทน
    หากินกับปืนกลพิทักษ์ถิ่นแดนไทย
    กี่คนจะมาเข้าใจ ว่าเขาทำเพื่อใคร
    ถ้าไม่ได้ทำเพื่อคุณ


    Read more at Apasiri @rpasiri Instagram photos | Websta
     
  16. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    https://th-th.facebook.com/Astvmanagerweekend

    [​IMG]

    ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ' ฉบับล่าสุด ประจำวันที่ 31 พ.ค.-6 มิ.ย. 2557 ....พาไปส่อง 'ยุทธนาวา' ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กำลังจะนำพาประเทศไทยให้รอดพ้นวิกฤต



    ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หากถามว่า “การรัฐประหาร” เพื่อยึดอำนาจการปกครองประเทศของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดำรงตำแหน่ง “หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)” ประสบความสำเร็จและมีอุปสรรคขวากหนามที่ชวนให้ปวดหัวอะไรหรือไม่

    คำตอบก็คือ ประสบความสำเร็จ

    เพียงแต่ว่ายังไม่สะเด็ดน้ำ ดังจะเห็นได้จาก “ประกาศ” และ “คำสั่ง” ที่เกี่ยวเนื่องกับผู้คนในระบอบทักษิณยังคงมีให้เห็นเป็นระยะๆ รวมถึงมีปฏิกิริยาต่อต้านจากบรรดา “แดงแปลงร่าง-นักวิชาการสีขาวและประชาชนโลกแคบ” ผู้ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่สนใจการโกงบ้านกินเมืองให้เห็นอย่างต่อเนื่องเพื่อเรียกร้องความสนใจจากประชาชนชาวโลก โดยมีจุดศูนย์รวมอยู่ที่ “อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ” และ “ร้านแมคโดนัลด์” ตามยุทธศาสตร์ที่ชื่อ “กินแมคต้านรัฐประหาร”

    ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์นับตั้งแต่วันแรกของการทำรัฐประหาร จะเห็นว่า คณะ คสช.วางแผนมาอย่างดีจนแทบไม่มีช่องโหว่ให้เห็น กระทั่งสามารถสะกด “แดงฮาร์ดคอร์” ไม่ให้สร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองได้อยู่หมัด ด้วยการควบคุมตัวเอาไว้ในค่ายทหาร รวมทั้งตัดท่อน้ำเลี้ยงเพื่อไม่ให้นำมาใช้ในการเคลื่อนไหวและมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งนั่นทำให้ “นายใหญ่คนเสื้อแดง” ที่ปรากฏภาพลั้นลาควงสาวชอปปิ้งอยู่ที่ชินจูกุ ณ ประเทศญี่ปุ่น ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างถนัดใจนัก

    หลังจากนั้น คสช.ก็เปิดเกมรุกด้วย “ยุทธศาสตร์” และ “ยุทธวิธี” เพื่อเรียกคะแนนเสียงก่อนที่จะเดินหน้า “ปฏิรูปประเทศ” ซึ่งก็ประสบความสำเร็จท่วมท้น ทั้งการประกาศจ่ายเงินให้ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว หรือการล้างบางตำรวจมะเขือเทศและข้าราชการในระบอบทักษิณให้สิ้นซาก

    ขณะที่ในภาพกว้าง คสช.ได้มีความเคลื่อนไหวที่สำคัญ 2 ความเคลื่อนไหวด้วยกันคือ หนึ่ง-การเร่งขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินในทุกๆ ด้าน และสอง-จัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อสลายสีและนำไปสู่แนวทางปฏิรูปในอนาคต

    “หัวหน้า คสช.ได้มอบหมายให้กองทัพภาคต่างๆ จัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ขึ้นในแต่ละพื้นที่ เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ประชาชนได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเป็นศูนย์ให้ข้อมูลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาของประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายต่างๆ นำข้อมูลไปบิดเบือนให้เกิดความไม่เข้าใจ โดยได้สั่งการให้เร่งตั้งศูนย์และแนวทางปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด” พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบกแจกแจง

    สิ่งที่สังคมกำลังเฝ้าจับตามองคือ ศูนย์ดังกล่าวจะปรองดองสมานฉันท์อย่างไรและจะสลายสีเสื้อด้วยวิธีใด

    นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งโครงสร้างการทำงานของ “คณะ 5 เสือ คสช.” เพื่อให้ขับเคลื่อนงานในทางปฏิบัติโดยประสานงานกับกระทรวง ทบวง กรมและหน่วยงานต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะรองหัวหน้า คสช.กำกับดูแลงานด้านเศรษฐกิจ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองหัวหน้า คสช.กำกับดูแลงานด้านสังคมและจิตวิทยา พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะรองหัวหน้า คสช.กำกับดูแลงานด้านความมั่นคง และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองหัวหน้า คสช.กำกับดูแลงานด้านกิจการพิเศษ

    ทั้งนี้ ผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของ คณะ 5 เสือ คสช.นั้นต้องบอกว่าได้รับคำชมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ที่กำกับดูแลงานทางด้านเศรษฐกิจนั้น ดูเหมือนจะโดดเด่นและได้รับคำชมเป็นพิเศษ ซึ่งผลงานที่เข้าตากรรมการของ “บิ๊กจิน” ก็เห็นจะได้แก่ การจ่ายหนี้ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว การเร่งจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 อันเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนประเทศ การเร่งแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เพื่อทำให้การลงทุนจากภาคเอกชนเกิดขึ้น และการเตรียมลดขั้นตอนการขอใบอนุญาตจัดตั้งโรงงาน หรือ “รง.4” ให้กระชับลง โดยโครงการที่มีการประกอบกิจการไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ จากปัจจุบัน 90 วันให้เหลือไม่เกิน 30วัน และโครงการลงทุนทั่วไป จากเดิมจะใช้เวลาพิจารณาไม่เกิน 90 วัน เหลือไม่เกิน 45 วัน ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจเอกชนต่างดีอกดีใจกันยกใหญ่

    โดดเด่นกระทั่ง “ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล” รองประธานคณะที่ปรึกษา คสช.ถึงกับเอ่ยปากชมทีเดียว

    แต่ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นการประกาศแต่งตั้ง “คณะที่ปรึกษา” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำนวน 10 คน เนื่องเพราะทำให้เห็นทิศทางการบริหารราชการแผ่นดิน หรือ “โรดแมป” ภายใต้อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์เป็นอย่างดีว่าจะเป็นอย่างไร

    เพราะทั้ง 10 คน ถ้าจะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างอะไรจาก “ซูเปอร์บอร์ด” ที่จะกลั่นกรอง ตรวจสอบและเป็นที่ปรึกษาสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์และคณะ คสช.

    ทั้งนี้ คณะที่ปรึกษาดังกล่าวมี บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี และ “พี่ใหญ่” ของ “กลุ่มบูรพาพยัคฆ์” เป็นประธาน

    ขณะที่อีก 9 คนประกอบด้วย 1.บิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก พี่คนรองแห่งบูรพาพยัคฆ์ 3.ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล 4.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ 5.นายณรงค์ชัย อัครเศรณี 6.นายวิษณุ เครืองาม 7.นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ 8.พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ 9.พล.อ.นพดล อินทปัญญา 10.พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ

    นี่คือขุมกำลังชุดแรกของ คสช.ที่ปรากฏตัวให้เห็นต่อสาธารณชน ซึ่งเป็นขุมกำลังที่ต้องบอกว่า “ใกล้ชิด” กับ พล.อ.ประยุทธ์ และสามารถกล่าวได้ว่า เป็นคณะที่ปรึกษาที่ถือกำเนิดมาเพราะ “บิ๊กป้อมคอนเนกชัน”

    กล่าวคือ ทางด้านความมั่นคงนั้นมี “พี่น้อง 2 ป.” คือ ป.ป้อมและป.ป็อก เป็นหัวขบวนใหญ่ นั่งเป็นประธานและรองประธานตามลำดับ พ่วงด้วยนายพลผู้พี่อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศต่อจาก พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อย่าง “บิ๊ก เฟื่อง”-พล.อ.อ.อิทธพร แถมด้วย 1 เพื่อนรักนายพลคู่ใจแห่งวงศ์เทวัญอย่าง “บิ๊กหนุ่ย”-พล.อ.ดาว์พงษ์ ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านสุขและทุกข์มากับ พล.อ.ประยุทธ์มายาวนานที่เป็นที่ปรึกษาและเลขานุการ

    ขณะที่ทางด้าน “บิ๊กกี่” -พล.อ.นพดล เพื่อนรักเตรียมทหารรุ่น 6 ของ พล.อ.ประวิตรนั้นต้องบอกว่า เห็นชื่อชั้นแล้วบอกได้คำเดียวว่า “ไม่ธรรมดา” เอาเพียงแค่พะยี่ห้อ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยุคที่ พล.อ.ประวิตรเป็นรัฐมนตรีก็พอจะเห็นแล้วว่า ทำไมบิ๊กกี่ถึงมีชื่อเป็นคณะที่ปรึกษา “ด้านประชาสัมพันธ์” ในเที่ยวนี้ด้วย

    นี่ไม่นับรวมถึงคุณสมบัติพิเศษจากที่ปรึกษาส่วนตัวของบิ๊กกี่ที่เชี่ยวชาญงานทางด้านสื่อเป็นกรณีพิเศษอย่าง “พรรทิภา สกุลชัย” เจ้าของอาณาจักรโน้ต พับลิชชิ่ง ผู้ผลิตนิตยสารและรายการบันเทิงทางโทรทัศน์ หรือที่คนในวงการบันเทิงรู้จักกันดีในชื่อ “ติ๋ม ทีวีพูล” ผู้เป็นภรรยา

    ทางด้านเศรษฐกิจที่มี 2 ทหารเสืออย่าง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร และนายณรงค์ชัยเป็นตัวขับเคลื่อน โดย “หม่อมอุ๋ย” นั้นมีสายสัมพันธ์อันดีกับบิ๊กป้อมเนื่องด้วยอยู่ในเครือข่าย “เซ็นต์คาเบรียลคอนเนกชัน” รับหน้าที่เป็นรองประธานดูแลภาคเศรษฐกิจระดับจุลภาค และมี ดร.ณรงค์ชัยร่วมทีมเป็นที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจมหภาค ขณะที่นายสมคิดอดีตรองนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหลายสมัย รับผิดชอบงานทางด้านต่างประเทศ ส่วนทางด้านกฎหมายก็มีนายวิษณุ เครืองาม ที่สังคมให้การยอมรับว่าเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครดูแลงานด้านนี้ แถมยังเป็นผู้ที่มี “คอนเนกชัน” ระดับซูเปอร์วีไอพีจนเป็นที่ยอมรับของทุกขั้วอำนาจอีกด้วย

    และด้านสังคมทั่วไปมี ศ.ดร.ยงยุทธเป็นที่ปรึกษา ซึ่งเมื่อย้อนหลังดูเส้นทางชีวิตแล้วก็ต้องบอกว่า ไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะถ้ายังจำกันได้ ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์นั้นเคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยรัฐบาลขิงแก่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์มาแล้ว

    ที่สำคัญที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ก็คือ ศ.ดร.ยงยุทธนั้นเป็นหลานชายของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และได้ให้การสนับสนุนในด้านการศึกษามาโดยตลอดหลังจากที่ พ.อ.สรรค์ ยุทธวงศ์ผู้เป็นบิดาถึงแก่กรรมตั้งแต่ยังเล็ก

    เรียกว่าแน่นทุกขุมพลังเลยทีเดียว

    เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เชิญคณะที่ปรึกษา คสช.ทั้ง 10 คนประชุมจัดส่วนงาน กำหนดอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ เพื่อให้การบริหารงานของ คสช.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ โดยกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะที่ปรึกษา คสช.เอาไว้ชัดเจนว่า เป็นผู้เสนอแนะ แสดงความคิดเห็น เรื่องที่อยู่ในอำนาจและความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายจากคณะ คสช. พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะบุคคลทำหน้าที่คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน เจ้าหน้าที่ โดยต้องเสนอผ่าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช.

    ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช.ได้กำกับดูแลส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อหัวหน้า คสช. ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สนข.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในแห่งราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สำนักงบประมาณและสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ พล.อ.อุดมเดชเป็นประธานการประชุมส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อหัวหน้า คสช. เพื่อชี้แจงแนวทางการกำกับดูแลและขับเคลื่อนการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามนโยบายของหัวหน้า คสช. โดยในภาพรวมยังคงยึดถือแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินที่มีอยู่

    นอกจากนี้ ในที่ประชุมได้มีการหารือถึงการปรับโครงสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มีขนาดเล็กและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งลดการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ส่วนสำนักงานข่าวกรองให้พิจารณาบรรจุกำลังพลเพิ่มเติมเพื่อรองรับงานด้านการข่าว พร้อมทั้งแก้ไขกฎหมายบางฉบับของ กอ.รมน. รองรับการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและการบริหารจัดการกำลังพล

    อย่างไรก็ตาม ในส่วนของศูนย์อำนวยการบริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ให้ยึดกลไกศูนย์ปฏิบัติการอำเภอในการบูรณาการเพื่อเชื่อมโยงกับงานด้านการพัฒนาและความมั่นคงตามระดับของพื้นที่ จากการประเมินการทำงานที่ผ่านมาจำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งให้ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ เช่น การเพิ่มปลัดอำเภอและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) รวมทั้งการเพิ่มบทบาทกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน

    ส่วนสำนักงบประมาณ ให้จัดทำร่างงบประมาณประจำปี 2558 เสนอคณะ คสช. รวมทั้งจะหารือส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2557 เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายได้ตามเป้าร้อยละ 95 ในเดือน ก.ย.นี้ พร้อมทั้งปรับปรุงกฎหมายวิธีการงบประมาณ ให้มีความชัดเจนและครอบคลุมสามารถรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้

    ทั้งนี้ ในส่วนสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะรวบรวมแผนงาน หรือโรดแมป ของหัวหน้า คสช.จัดทำยุทธศาสตร์ หากมีเกิดความซ้ำซ้อนให้เสนอให้ หัวหน้า คสช.พิจารณาอีกครั้ง นอกจากนี้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะพิจารณาและนำเสนอความเป็นไปได้และความเร่งด่วนในการจัดเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตามนโยบายหัวหน้า คสช. รวมทั้งจะติดตาม วิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจเพื่อเสนอแนวทางสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในช่วงเวลาที่เหลือของปีงบประมาณ 2557

    หมากแรกในการบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์และ คสช.ก็ได้ปรากฏโฉมให้เห็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหมากต่อไปที่ต้องจับตาคือผู้ที่จะมาเป็น “นายกรัฐมนตรี” และคณะรัฐมนตรี

    อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะคนสำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ที่มีอำนาจสูงสุดในการบริหารราชการแผ่นดิน และคณะที่ปรึกษาทั้ง 10 คนซึ่งถือเป็นขุมพลังอันใกล้ชิด

    ถึงตรงนี้ ก็ได้แต่หวังว่า พล.อ.ประยุทธ์จะนำพาประเทศไทยและปฏิรูปประเทศไทยให้ประสบความสำเร็จ โดยไม่ลุ่มหลงในอำนาจ ดังที่เขาประกาศไว้ในวันได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติว่า “เพื่อให้เกิดความถูกต้องชอบธรรม การใช้อำนาจต้องระมัดระวัง ยิ่งมีอำนาจมาก ยิ่งต้องทำตัวให้เล็กลง อย่าคิดว่ามีอำนาจแล้วทำได้ทุกอย่าง ผมไม่คิดอย่างนั้น”
     
  17. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage?hc_location=timeline

    Paisal Puechmongkol
    25 นาทีที่แล้ว

    ปมเงื่อนทางกฎหมายบางประการที่ คสช. ควรเข้าใจ
    โดย สิริอัญญา
    วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 2557

    ประชาชนชาวไทยพอจะอุ่นใจได้บ้างจากท่าทีของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะ คสช. ที่ว่าจะต้องแก้ไขปัญหาให้เสร็จสิ้นก่อนจึงค่อยเลือกตั้ง เป็นการทำลายความพยายามและเล่ห์กลของนักประชาธิปไตยจอมปลอม ที่มุ่งใช้เล่ห์แบบที่เคยใช้มาเพื่อจะได้คืนอำนาจให้กับการเมืองแบบเส็งเคร็งเหมือนที่ผ่านมา


    เป็นอันว่าคณะ คสช. ไม่หลงกลเหมือนกับที่ คมช. ถูกต้มตุ๋นจนอำนาจหลุดจากมือไปสู่น้ำมือนักร่างกฎหมายในชั่วเวลาแค่ 9 วันเท่านั้น แล้วเป็นเหตุให้ระบอบทักษิณฟื้นคืนอำนาจในระยะเวลาแค่ปีเศษ


    เมื่อกลางสัปดาห์นี้ หัวหน้า คสช. ได้ชี้แจงระยะทำงาน 3 ขั้นตอน โดยสรุปคือการทำประเทศให้กลับสู่ความเป็นปกติสุข การจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติและสภาปฏิรูป และการจัดให้มีการเลือกตั้ง


    นับได้ว่าได้มีการจัดวางขั้นตอนในการดำเนินภารกิจของการปฏิวัติครั้งนี้อย่างชัดเจนแล้ว แต่ทว่ายังคงมีปมเงื่อนทางกฎหมายบางประการที่พึงทำความเข้าใจ ที่สำคัญคือ


    ประการแรก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีหมวกแห่งอำนาจอยู่ 3 ใบ คือ

    (1) ใบแรก ถ้าออกคำสั่งใด ๆ โดยไม่อ้างอิงกฎหมายใด ๆ คำสั่งนั้นมีผลเป็นกฎหมาย และใช้บังคับได้


    (2) ใบที่สอง ถ้าออกคำสั่งโดยอ้างอิงกฎหมายใด ๆ ก็เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายนั้น ๆ และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในกฎหมายนั้น ๆ หากไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ คำสั่งนั้นก็จะเป็นโมฆะและอาจถูกศาลเพิกถอน ดังเช่น คำสั่ง คมช.ที่ย้ายพลตำรวจเอก เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ และคณะที่เคยถูกศาลปกครองเพิกถอนมาแล้ว

    ต้องระวังการร่างประกาศหรือคำสั่งใดในฐานะที่เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ต้องให้มีผลบังคับใช้ได้จริง อย่าไปหลงกลใครไปอ้างอิงกฎหมายมาเป็นฐานแห่งอำนาจเหมือนที่เคยเกิดเหตุมาแล้ว


    (3) ใบที่สาม เป็นการออกคำสั่งในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของฝ่ายทหาร

    ดังนั้นจะใช้หมวกแห่งอำนาจใบไหนก็ต้องใช้ให้ตรงกับกรณี โดยมีข้อควรระวังคือนักกฎหมายจะทำให้มึนงงในทันทีที่มีการใช้หมวกใบที่สอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เลย ขืนใช้อย่างนั้นก็เสียค่าโง่โดยง่าย



    ประการที่สอง การนิรโทษกรรมให้แก่คณะทหาร และผู้เกี่ยวข้องในการยึดอำนาจ ซึ่งเคยมีการวางหมากทางกฎหมายไว้เมื่อครั้ง คมช.ยึดอำนาจ และเป็นบทเรียนอันเจ็บปวดของฝ่ายทหาร

    นับแต่อดีตมา เมื่อมีการยึดอำนาจและก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญจะมีการตรากฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่คณะผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้การกระทำทั้งหมดพ้นจากความรับผิดตามกฎหมายตลอดกาลนาน

    แม้บางครั้งเคยมีการฟ้องคดีต่อศาล ศาลฎีกาก็เคยพิพากษาเป็นบรรทัดฐานว่า แม้จะไม่มีกฎหมายนิรโทษกรรม ก็ถือว่าไม่มีการกระทำความผิดแล้ว เพราะได้เป็นรัฏฐาธิปัตย์ แต่สำหรับในทางกฎหมายนั้นก็ยังวิตกว่าวันหนึ่งอาจจะมีการพิพากษากลับบรรทัดฐานเดิมก็เป็นไปได้ ดังนั้นจึงมีการตรากฎหมายนิรโทษกรรมเสมอมาเพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมาย

    แต่เมื่อครั้ง คมช. ยึดอำนาจ กลับอุตริหรือวางยาไม่ตรากฎหมายนิรโทษกรรมและไปเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2549 ว่าการยึดอำนาจไม่เป็นความผิด

    ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักกฎหมาย เพราะการยึดอำนาจเป็นความผิด แต่ตราบใดที่มีรัฐธรรมนูญเช่นนี้ก็ไม่เป็นความผิด ดังนั้นจึงต้องเฝ้าระวังรัฐธรรมนูญกันทุกวันเวลา พอจะแก้รัฐธรรมนูญหรือเลิกรัฐธรรมนูญ ก็ผวากันเป็นแถว


    และแล้วเมื่อมีการตรารัฐธรรมนูญ 2550 ก็ยังต้องมาเขียนรัฐธรรมนูญคุ้มครองสืบต่อมา


    ดังนั้นการยึดอำนาจในครั้งนี้จึงไม่ควรให้มีปัญหาซ้ำรอยเดิม

    นั่นคือควรตรากฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่คณะผู้เกี่ยวข้องในการยึดอำนาจครั้งนี้ และควรจะเผื่อใบบุญสุนทานให้ครอบคลุมไปถึงการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ด้วย จะได้นอนตายกันตาหลับ


    ประการที่สาม ได้ยินมาว่าเหตุที่ยังไม่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญเพื่อให้มีคณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาปฏิรูป เพราะเกรงว่า คสช. จะหมดอำนาจและจะใช้อำนาจแก้ไขปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองในช่วงนี้ไม่ได้


    ถ้าจริงก็แสดงว่ามีการแนะนำแบบผิด ๆ หรือไม่ก็วางยา หรือไม่ก็ไม่รู้จักคิดหาทางออก


    โดยสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันประกอบกับสถานการณ์โลก จำเป็นจะต้องมีคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในขณะเดียวกัน คสช.ก็จำเป็นที่จะต้องรักษาอำนาจไว้จนกว่าการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองจะเสร็จสิ้น และควรวางอำนาจนี้เมื่อคณะรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกหลังจากรัฐธรรมนูญใช้บังคับเข้ารับหน้าที่


    ถ้าเช่นนี้ก็สามารถกระทำได้โดยสมประโยชน์ทุกประการ เพียงแค่มีบทบัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญที่จะประกาศใช้ดังนี้

    “มาตรา ..... บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ไม่กระทบต่ออำนาจในฐานะรัฏฐาธิปัตย์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติยังคงมีอำนาจและสามารถใช้อำนาจในฐานะรัฏฐาธิปัตย์ได้ทุกประการ จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกได้เข้ารับหน้าที่แล้ว”


    ถ้าเป็นเช่นนี้ก็สามารถประกาศใช้รัฐธรรมนูญและตั้งคณะรัฐมนตรีเข้าบริหารราชการแผ่นดินแบบเท่ห์ ๆ และเป็นแบบสากลได้ทันที โดยที่อำนาจของ คสช. ก็ยังคงดำรงไว้เช่นเดิมทุกประการ!

     
  18. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    https://th-th.facebook.com/Paisal.Fanpage


    กรมพลังงานทหารเคยเป็นหน่วยงานสำคัญของกองทัพ รับผิดชอบดูแลกิจการพลังงานของประเทศในฐานะที่เป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศด้วย ได้ช่วยถ่วงดุลย์ราคาพลังงานและทำให้พลังงานของประเทศมีเสถียรภาพ

    แต่นักการเมืองมันได้ปล้นเอาธุรกิจพลังงานของกรมพลังงานทหารไปแล้วเอาเปรียบประชาชนขึ้นราคาเอาตามใจชอบดังที่เห็นกันอยู่


    อาจถึงเวลาต้องฟื้นฟูกรมพลังงานทหารมาช่วยชาติช่วยประชาชนได้แล้ว

    เริ่มต้นด้วยการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียราคามิตรภาพเข้ามาขายเพื่อลดราคาแก๊สลงสัก ๔๐%

    แล้วขอสัมปทานขุดเจาะพลังงานในแปลงที่เหลือ หรือ ถ้า มีการทบทวนการให้สัมทานแบบขายชาติแก่บริษัทต่างชาติในระยะที่ผ่านมา ก็ให้กรมพลังงานทหารเข้าถือสัมปทานต่อไปเลย


    ดีไหมครับจ้าวนาย ฮ่าๆๆๆ
     
  19. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    ผู้บงการอยู่ต่างแดน | ไทยโพสต์

    ผู้บงการอยู่ต่างแดน

    จำ "ขอนแก่นโมเดล" ได้มั้ยครับ? แผนวางระเบิดรวดเดียวหลายจุด ป่วนเมืองขอนแก่น
    โดยทีมงานคนเสื้อแดงอีสาน


    ลอกการบ้านจากโจรใต้ เพื่อสร้างความวุ่นวายให้กับคนขอนแก่น!

    หวังว่าจะกระเทือนไปถึงคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ


    เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ก๊วนนี้ถูกจับกุมไป 21 ราย ล่าสุดรวบตัวได้ที่สุรินทร์อีก 6 คน ถ้านับทั้งทีม 27 คน มีมาจากนครราชสีมา ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ และสุรินทร์


    มาถึงจุดสำคัญครับ พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง รองแม่ทัพภาคที่ 2 มีหลักฐานว่า ขบวนการขอนแก่นโมเดลมีผู้บงการใหญ่อยู่ต่างประเทศ

    ใครครับอยู่ต่างประเทศ?

    ขอนแก่นโมเดลมี 5 ขั้น

    1.ระดมมวลชนมากที่สุด

    2.เจรจาปลดอาวุธเจ้าหน้าที่

    3.เจรจาฝ่ายทหาร

    4.ทำลายสถาบันการเงินและนำมาแจกจ่ายให้ประชาชน หรือโรบินฮูด

    5.ประกาศนโยบายทั่วปฐพีหนี้เป็นศูนย์


    โดยกลุ่มปฏิบัติการ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มกองทัพปราบกบฏ กลุ่มที่มีส่วนเกี่ยวข้องเดินสายฝึกอาวุธ และกลุ่มหัวใจสิงห์


    สุดท้ายถูกจับยกก๊วน!

    ขอนแก่นโมเดลสอดคล้องกับคำประกาศของแกนนำเสื้อแดง "จตุพร พรหมพันธุ์" ที่เคยประกาศไว้บนเวทีถนนอักษะว่า หากมีการรัฐประหารเมื่อไหร่ คนเสื้อแดงจะไม่ยอม จะสู้จนถึงที่สุด

    แต่การส่งสัญญาณรบไม่ครบวงจร แกนนำถูกรวบตัว ลูกน้องถูกตามล่า

    ขอนแก่นรอดจากการก่อวินาศกรรมโดยฝีมือคนอีสานเอง

    เมื่อกองทัพมีข้อมูลว่าคนแดนไกลอยู่เบื้องหลัง การแก้ไขปัญหาจึงต้องดำเนินไปถึงต้นตอ ไม่เช่นนั้นยากที่จะจัดการกับปัญหาให้สิ้นซากได้

    ผู้บงการใหญ่อยู่ต่างประเทศมีหลายคนครับ นอกจาก "ทักษิณ ชินวัตร" แล้ว ยังมีพวกฮาร์คคอร์ เช่น "จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ, "อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง"

    นี่อาจเป็นสาเหตุว่าคนที่ถูกเรียกตัวบางคนไม่ยอมเข้ารายงานตัวกับ คสช.

    เพราะโทษในฐานความผิดก่อการร้ายอาจถึงขั้นประหาร!.
     
  20. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    เราชนะแล้ว เมียจ๋า .... “สุเทพ เทือกสุบรรณ”

    ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -

    หลังจากวงประชุมประวัติศาสตร์คุยกันไม่รู้เรื่อง บรรดาแกนนำ กปปส. นปช. พรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ ที่ถูกเชิญให้เข้าร่วมประชุมถูกล็อกตัว ตามมาด้วยการประกาศยึดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 พ.ค. 2557 ข่าวคราวของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ก็เงียบหายไป

    นายสุเทพ ปรากฏตั
    วอีกครั้งในวันที่ 26 พ.ค. ด้วยเสื้อผ้าชุดเดิมที่สวมใส่เมื่อวันที่ไปประชุม เขาถูกทหารคุมตัวมาขึ้นศาลอาญาในข้อหากบฏ และคดีที่อัยการส่งฟ้องนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ข้อหาร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเล็งเห็นผลจากกรณีสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.เมื่อปี 2553 ซึ่งศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวภายใต้เงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

    ภายหลังศาลอนุญาตให้ปล่อยตัว นายสุเทพ เดินลงจากตัวอาคารศาลด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมโบกมือทักทายมวลชนที่มาให้กำลังใจ และกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "ขอบคุณ" ก่อนที่ทหารจะควบคุมตัวขึ้นรถออกจากศาลทันที และหลังจากนั้นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ปล่อยตัวนายสุเทพ กลับบ้าน

    ข่าวคราวที่เงียบหายไปของนายสุเทพ พร้อมกับการขึ้นมาเถลิงอำนาจของ คสช. ทำให้มวลมหาประชาชนที่เคยรุมล้อมร่วมใจออกมาชุมนุมขับไล่ระบอบทักษิณ ถามไถ่ใคร่รู้ว่าลุงกำนันของพวกเขาหายไปไหนและเป็นอย่างไรบ้าง

    กระทั่ง นางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ ภรรยาคนสวยของนายสุเทพ ได้โพสต์ภาพหลังจากนายสุเทพ ถูกปล่อยตัว โดยนายสุเทพ ยิ้มแก้มปริ กอดนางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ ภรรยา แน่น สีหน้าแสดงความดีใจสุดๆ นอกจากนี้ ยังมีภาพครอบครัวและเพื่อนสนิทของลุงกำนันที่ร่วมรับประทานอาหารค่ำเลี้ยงรับขวัญนายสุเทพ และนายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้รับการปล่อยตัว เช่นกัน

    กิจกรรมยามว่างของนายสุเทพ หลังถูกปล่อยตัวคือ การเดินทางไปเยี่ยมเยียนผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชุมนุม โดยนายสุเทพ ไม่ขอพูดถึงสถานการณ์ทางการเมือง มีแต่คำยืนยันว่าจะดูแลผู้บาดเจ็บทุกคนอย่างเต็มที่ และนับจากนี้ตนเองและแกนนำ กปปส. ทุกคน จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมต่อสู้ในทุกคดี ยืนยันว่าทุกคนเคารพในกระบวนการยุติธรรม จะไม่มีการหลบหนีแน่นอน

    แกนนำของ กปปส. ต่างหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงสถานการณ์ทางการเมือง ไม่ต้องพูดถึงว่าจะยังพากันยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่สัญญากับมวลมหาประชาชนว่าจะขอสู้จนตัวตายเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณให้ได้หรือไม่ เพราะภารกิจนี้ถูกผ่องถ่ายไปสู่มือของ คสช.แล้ว

    หากถามต่อว่า คสช. จะสืบสานต่อเจตนารมณ์ของ กปปส. และมวลมหาประชาชนหรือไม่ มีเพียง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เท่านั้น ที่จะให้คำตอบได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากดูจากผลงานของ คสช. ในช่วงเวลาร่วมสัปดาห์ก็พอมองเห็นแล้วว่า ขุมกำลังสำคัญคือรัฐตำรวจของระบอบทักษิณ ถูกทลายลงแล้ว

    หากถามแกนนำ กปปส.ว่า นี่ใช่ชัยชนะหรือไม่ คงยังไม่มีใครกล้าประกาศอย่างนั้นชัดเจนเพราะนี่ยังไม่ใช่ตอนจบแต่เป็นเพียงแค่บทเริ่มต้น ถึงแม้ว่าสีหน้าและแววตาของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในวันที่กลับบ้านกอดภรรยาสุดที่รักนั้น บ่งบอกอารมณ์ "เราชนะแล้ว เมียจ๋า" ก็ตาม

    แต่หากถาม ดร.เสรี วงษ์มณฑา หนึ่งในแกนนำ กปปส. ที่ถูกกักตัวในค่ายทหาร ซึ่งสำนักข่าวอิศรา ถามไถ่ "รู้สึกอย่างไรหลังจากที่การชุมนุมยุติลง หลังผ่านมากว่า 6 เดือน" ดร.เสรี ตอบชัดถ้อยชัดคำว่า "เมื่อดูโรดแมปที่เขาวางไว้ ก็ได้อย่างที่ต้องการ 90% แล้ว คือได้ช่วยชาวนา ได้ปฏิรูป ได้นายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งก็คงไม่มีนักการเมืองเข้ามาได้ ดังนั้น ในตอนนี้ก็สบายใจแล้ว"

    นายสุเทพ และแกนนำ กปปส. อาจคิดว่า "เราชนะแล้ว" แต่สำหรับมวลมหาประชาชนเล่า จะรู้สึกอย่างนั้นหรือไม่ เมื่อเห็นโรดแมปเศรษฐกิจที่ คสช.จะลุยเดินหน้าเมกะโปรเจกต์ และเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท


    [​IMG]

    ศรีสกุล พร้อมพันธุ์ โพสต์ภาพนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
    ยิ้มแก้มปริขณะกอดภรรยา หลังได้กลับบ้าน


    [​IMG]

    ขิงกับแม่

    [​IMG]

    นายสุเทพกับครอบครัว

    [​IMG]

    ลุงกำนันกับครอบครัวและน้องตั๊น
     

แชร์หน้านี้

Loading...