อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

​

 

พระที่ผมใส่อยู่บ้านประจำมี7องค์คับ ตามนี้เลยคับ

 

Oh สุดยอดครับ

 

​

พระกริ่ง"ธนปาโล"ครบรอบอายุ 86 ปี หลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย อ.แม่ทะ จ.ลำปาง เนื้อเมฆพัตร ก้นเงิน ปี 2539
พระครูภาวนาทัศนวิสุทธิ (หลวงปู่แว่น ธนปาโล) เจ้าอาวาสวัดถ้ำพระสบาย จ.ลำปาง ได้มรณภาพเมื่อวันอังคารที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ด้วยโรคชรา สิริรวมอายุได้ ๘๘ ปี หลวงปู่แว่นถือได้ว่าเป็นพระเถระผู้ใหญ่รูปหนึ่งที่มีศิลาจริยาวัตรอันงดงาม และเคร่งครัดมาก โดยเฉพาะในเรื่องของพระธรรมวินัยด้วยแล้วถือเอาเป็นแบบอย่างได้เลย เพราะท่านยึดหลักแบบฉบับในปฏิปทาของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถระ มาโดยตลอด แม้แต่ข้อปลีกย่อยเล็กน้อย เช่น การฉันมื้อเดียว การฉันในบาตร ท่านจะไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่นิดเดียว
หลวงปู่แว่น จึงเป็นที่เคารพนับถือมาก และเป็นอาจารย์ของหลวงปู่หลวง กตปุญโญ รวมทั้ง มีศักดิ์เป็นญาติพี่น้องกันด้วย โดยเกี่ยวพันเป็นญาติกันทางด้านฝ่ายโยมมารดา เกิดอยู่บ้านเดียวกันคือ บ้านบัว ต.สว่าง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เมื่อคราวหลวงปู่แว่นได้มรณภาพลง หลวงปู่หลวงก็ได้เป็นประธานจัดการธุระในหลายอย่างเกี่ยวกับงานพระราชทาน เพลิงศพของหลวงปู่แว่น จนเสร็จเรียบร้อยด้วยดีทุกประการ ​

 

​

สวัสดียามดึกครับ สงสัยดูบอลกันหมด เงียบจังเลย

"ลำพะยา" กล่าวแต่เดิมว่าเจ้าพระยาปัตตานี ได้ใช้พื้นที่ตำบลลำพะยา เป็นที่พักผ่อนและท่านโปรดการคล้องช้างเป็นอย่างมาก จึงให้สร้างที่พักขึ้นบริเวณหมู่บ้านทำเนียบในปัจจุบัน ชาวบ้านเรียกที่พักเจ้าพระยาปัตตานีแห่งนี้ว่า "ทำเนียบ" ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของวัดสิริปุณณาราม (วัดลำพะยา) ซึ่งบ้านทำเนียบนี้ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของตำบลลำพะยา โดยการคล้องช้างในสมัยนั้นจะนำช้างมาล่ามไว้ที่บ้านทำเนียบ จนชาวบ้านเรียกกันว่า "ที่ล่ามช้างของพระยา" และต่อมาคำพูดนี้จึงกร่อนสั้นลงเหลือเป็นคำว่า "ลำพะยา"

วัดลำพะยาเป็นที่บรรจุอัฐิ ของพระเกจิอาจารย์ชือดัง คือ "หลวงพ่อไกร" หรือ "สมภารท่านเจ้าไกร"หรือ "หลวงพ่อทวดไกร" ประวัติท่านอาศัยการเล่าต่อกันมาในแถบถิ่นจากรุ่นสู่รุ่น เป็นเวลาถึงประมาณ 400 ปี ท่านเป็นพระภิกษุที่มีชีวิตอยู่ในสมัยอยุธยา ท่านได้ศึกษาสมถวิปัสสนากรรมฐาน พระอาจารย์องค์เดียวกันกับ "หลวงพ่อทวด" วัดช้างให้

“หลวงพ่อไกร” เป็นพระภิกษุรูปหนึ่งในพระพุทธศาสนา ราว พ.ศ. 2055 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ภูมิลำเนาเดิมของท่านเป็นชาวจังหวัดสงขลา หลังจากท่านอุปสมบทแล้ว ได้เข้าศึกษาวิชาทางพุทธศาสนา เคร่งครัดในทางธุดงค์มาก ก่อนที่หลวงพ่อจะเข้ามาอยู่ในวัดนี้ ท่านได้ออกธุดงค์ไปในที่ต่าง ๆ จนประชาชนในสมัยนั้น รู้จักท่านเป็นอันมาก เมื่อท่านเดินทางมาถึงตำบลนี้เห็นว่าสถานที่เป็นทำเลที่เหมาะสม ควรแก่การวิปัสสนา และธุดงค์ จึงเข้ายึดเอาสถานที่นี้ทำเป็นวัดของท่าน ภูมิประเทศ วัดที่หลวงพ่อเข้าไปอยู่นี้มีชื่อว่า “วัดใน” ตั้งอยู่ที่หน้าถ้ำใหญ่ หมู่ที่ 2 ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา

หลวงพ่อทวดไกรเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในแถบนี้มากว่า 400 ปี เพราะปรากฏเลื่องลือในด้านอภินิหารมากมายในสมัยนั้น ตามตำนานกล่าวว่าท่านเก่งไสยเวทย์มากขนาดเส้นผมกลายเป็นทองแดง เวลาจะปลงผมท่านต้องทำพิธีเสียก่อนถึงจะปลงผมได้ หลวงพ่อทวดไกรท่านมีบริวารเป็น เสือ และ งูจงอาง ชาวบ้านทั่วไปมักจะเรียก ทวดเสือ ทวดงู โดย งูจงจาง 2 ท่าน พระเครื่อง "หลวงพ่อทวดไกร" หรือ "หลวงพ่อไกร" ต้องมี ทวดเสือ และ ทวดงู อยู่กับท่านเสมอครับ

จนกระทั่งปี 2505 ได้มีการอัญเชิญอัฐิของท่านหลวงพ่อทวดไกร ในวันที่ 5 มิ.ย. 2505 เพื่อนำมาประดิษฐานใหม่ที่วัดลำพะยา ในการขุดนั้นพบว่าอัฐิของท่านได้บรรจุอยู่ในขวดดินเผาองค์อัฐิเมื่อเคาะแล้วจะมีเสียงดังกังวานคล้ายโลหะ ส่วนรากไม้ที่อยู่ในบริเวณรัศมี 10 วา จากที่ฝังอัฐิ ล้วนแต่มีกลิ่นหอมทั้งสิ้น ซ้ำยังมีสรรพคุณในการรักษาโรคแก่ผู้ที่ศรัทธาและนับถืออีกด้วย และในการนี้อาจารย์ทิมวัดช้างให้ได้จัดสร้างหลวงพ่อไกรเนื้อว่านไว้ให้ชาวบ้านบูชาและแจกจ่ายให้ชาวบ้านที่ร่วมพิธีมีทั้งพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่และพิมพ์พิเศษ

ข้อมูลจาก http://putthakom.com/topic/196

 

​

พระสมเด็จ อยู่-ศุข กรุวัดดักคะนน ชัยนาท
พระกรุวัดดักคะนนพระสมเด็จ กรุแตกเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2530 โดยสร้างจากผงวิเศษของสมเด็จโตหลวงปู่อยู่เอาใส่เรือพายมาวัดปากคลองมะขามเฒ่า ถวายให้หลวงปู่ศุขปลุกเสกเป็นกรณีพิเศษ พระชุดนี้สร้างโดยหลวงพ่ออยู่ แห่งวัดดักคะนน พระผู้มีบารมีธรรมสูงส่งอีกทั้งเป็นพระที่มีวาจาสิทธิ์องค์หนึ่งนอกจากนี้ท่านยังเป็นสหายสนิทกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าพระอาจารย์ทั้งสององค์ชาวบ้านที่ชัยนาทและจังหวัดใกล้เคียงต่างให้ความเคารพนับถือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

พระสมเด็จที่สร้างมีทั้งหมด 5 พิมพ์เสร็จแล้วได้นำบรรุไว้ใต้ฐานพระประธานโบสถ์ จนกาลเวลาล่วงเลยมาพระได้แตกกรุออกมาเพราะพระประธานชำรุดเกินกว่าจะซ่อมแซมได้กรรมการวัดจึงมีมติที่จะรื้อและสร้างใหม่จึงพบพระสมเด็จไหลทะลักออกมาจากใต้ฐานพระประธานหลวงพ่อผลเจ้าอาวาสในขณะนั้นจึงนำมาให้ทำบุญและแจกจ่ายวัดต่าง ๆในละแวกนั้นเพื่อหาทุนสร้างโบสถ์ มีผู้ไม่ทราบข้อมูลเข้าใจผิดว่าเป็นพระสมเด็จของหลวงพ่อผล

 

​

พระเทพวิสุทธาจารย์ (หลวงปู่ดีเนาะ)วัดมัชฌิมาวาส อ.เมือง จ.อุดรธานี เหรียญ"รุ่น 2"หลวงปู่ดีเน๊าะ พิมพ์เต็มองค์ปี 2505

 

​

เหรียญรุ่น 3หลวงปู่ดีเน๊าะ วัดมัชฉิมมาวาส จ.อุดรธานี

ท่านพระเทพวิสุทธาจารย์ หรือหลวงปู่ดีเนาะ นามเดิมว่า บุ ปลัดกอง เกิดที่บ้านดู่ ต.บ้านดอน อ.ปักธงชัย จ. นครราชสีมา พ.ศ. 2415 บิดาชื่อ นายทา ปลัดกอง มารดาชื่อ นางปาน ปลัดกอง เมื่อมีอายุได้ 19 ปี ครอบครัวของท่านได้อพยพย้ายถิ่นฐานอาศัยจากจังหวัดนครราชสีมา มาอยู่ที่บ้านทุ่งแร่ ต.หมูม่น อ.เมือง จ.อุดรธานี ในปัจจุบันนี้

เมื่ออายุได้ 22 ปี ได้บวชเป็นสามเณรที่วัดบ้านโนนสว่าง บ้างทุ่งแร่ นั่นเอง และต่อมาอีกหนึ่งปี ท่านก็ได้รับ การอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดบ้านบ่อน้อย ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี มีพระอธิการกัน วัดสระบัว บ้านสร้างแป้น เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "ปุญญสิริ" เมื่ออุปสมบทเป็น พระภิกษุแล้วนั้น ได้ไปจำพรรษา อยู่ที่วัดบ้านโนนสว่าง บ้านทุ่งแร่ อยู่ 3 พรรษาจึงได้ย้ายสำนัก ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดมัชฌิมาวาส เมื่อ พ.ศ.2440 และท่านหลวงปู่ดีเนาะ ก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ และได้รับเลื่อนสมณศักดิ์ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงแก่มรณภาพ

ข้อมูลจาก [url=http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-dee-nor-hist.htm

 

เอ วันนี้พี่ปูตื่นสายเพราะเป็นวันเสาร์หรือเปล่าน้อ

 

​

เหรียญ"รุ่น 4"หลวงปู่ดีเน๊าะ วัดมัชฉิมมาวาส จ.อุดรธานี

หลาย ๆ คนอาจจะมีความสงสัยว่าเป็นเพราะเหตุใด ท่านพระเทพวิสุทธาจารย์ จึงมีฉายาอีกว่า "หลวงปู่ดีเนาะ" ความเป็นมาของฉายาดังกล่าวนั้น เป็นที่กล่าวขานกันในหมู่ศิษย์และประชาชนทั่วไป ที่เคยใกล้ชิดกับท่านกล่าวว่า ตามปกติวิสัยของท่านหลวงปู่ดีเนาะนั้น ท่านชอบอุทานหรือกล่าวคำว่า "ดีเนาะ" และคำว่า "สำคัญเนาะ" และท่านจะเรียกคนทั่วไปรวมทั้งพระภิกษุและสามเณร หรือคฤหัสถ์ ว่า "หลวง" เวลาท่านหลวงปู่ดีเนาะจะพูดคุยกับใครก็ตาม ท่านก็จะออกปากเรียกคนที่ท่านคุยด้วยว่า "หลวง" และเมื่อท่านจะต้องกลายเป็นผู้รับฟังนั้น ท่านก็จะมีคำอุทานวาจาว่า “ดีเนาะ” อยู่เป็นอาจินต์ ไม่ว่าเรื่องที่ท่านได้รับฟังนั้นจะเป็นดี หรือเรื่องร้ายเพียงใดก็ตาม ท่านหลวงปู่ดีเนาะก็จะเอ่ยปากอุทานว่า ดีเนาะ หรือ สำคัญเนาะ จากคำอุทาน หรือคำพูดที่ท่านหลวงปู่ติดปากนี้เอง ประชาชนและลูกศิษย์ของท่านหลวงปู่ จึงตั้งฉายา หรือสมานาม ท่านหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ดีเนาะ" แม้กระทั่งในการได้รับ พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ของท่านนั้น ราชทินนามของท่านก็ยังมีคำว่า "สาธุอุทานธรรมวาที" ซึ่งแปลว่า "ดีเนาะ" อยู่ในราชทินนามของท่านด้วย

ข้อมูลจาก dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-dee-nor-hist.htm

 

​

เหรียญหลวงปู่ดีเน๊าะ วัดมัชฉิมมาวาส จ.อุดรธานี"นั่งเต็มองค์" ปี 2520 ไม่ทันท่าน

พระเทพวิสุธาจารย์ ได้เลื่อนสมณศักดิ์ตามกาลเวลาเรื่อย ๆ จนกระทั่งสุดท้ายท่านได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ มีราชทินนามว่า "พระเทพวิสุทธาจารย์ สาธุอุทานธรรมวาที ปูชนียฐานประยุต เชษฐวุฒิอิสาน คณาธิกร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี" และซึ่งก่อนหน้านั้นท่าน ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมัชฌิมาวาส เมื่อยังคงเป็นพระบุ (ปุสิริ) เมื่อ พ.ศ.2451 นับว่าเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 3 ของวัดมัชฌิมาวาส

หลวงปู่ดีเนาะ หรือ พระเทพวิสุทธาจารย์ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดมัชฌิมาวาส ตั้งแต่ พ.ศ.2451 จนกระทั่ง พ.ศ.2513 จึงได้ถึงแก่มรณภาพลง ตรงกับวันที่ 10 มีนาคม 2513 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 4 ปีระกา เวลา 09.10 น. ด้วยโรคชรา รวมอายุท่านหลวงปู่ได้ 98 ปี เป็นเจ้าอาวาสวัดมัชฌิมาวาส เป็นเวลา 63 ปี พรรษาได้ 76 พรรษา

ข้อมูลจาก dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-dee-nor-hist.htm

 

สวัสดียามเช้าครับ สมช."อัลบั้มพระ" ทุกท่าน​

 

สวัสดีครับคุณกันต์...

​

​

 

สวัสดีครับ พี่ปู พี่เอ๊ะ พี่กูน พี่ตี๋ พี่โญ พี่ช้าง พี่รุ่ง พี่อ้วน พี่บอย พี่วรรณ น้องโอ๊ต คุณเหน่ง น้องเอ๋ น้องเขี้ยว คุณวุฒิ คุณกันตปัญโญ น้องกานต์ คุณแพน พี่ pp2 และทุกๆสมาชิกอัลบั้มพระด้วยครับผม

 

สวัสดียามเช้าครับพี่เอ๊ะ

 

สวัสดียามเช้าครับคุณเอ็ม...

 

​

จากคุณกูนขอบคุณครับ...

 

​

ปิดตารุ่นแรกหลวงปู่เย่อ

 

​

วันนี้ไม่ได้ทานข้าวเช้าร้านเดิม...เหตุเพราะรถยนต์พังร้านไปเรียบร้อยก่อนหน้าเพียงไม่ถึงชั่วโมงโชคดีที่มาสาย...ถ้ามาเร็วกว่านี้ตามเวลาปกติก็ไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้น ณ ตำแหน่งที่รถชนร้านพังเป็นที่ที่ผมนั่งทานข้าวทุกเช้าก่อนเข้างาน ...เหตุเพราะคนขับรถเมาวิ่งข้ามเกาะกลางถนนมาชนร้านข้าวแกงอีกฝั่ง...รถที่ขับชนร้านตำรวจเอารถมาลากไปพอดีลืมถ่ายไว้ (เพิ่งนึกออกเก็บถาพรถไว้ไม่ทัน)...