ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

รักษาอาการ ปวดกระดูก โรคเก๊า โรคปวดตามข้อรูมาตอย ด้วย มะกรูด+ผักเสี้ยนผี+เหล้าขาว ช่วยคุณได้

เนื่องจากที่บ้านปลุูกต้นมะกรูด และใบและลูกดกมาก ดังนั้น พอได้อ่านว่า มันเอามาทำประโยชน์อะไรได้บ้าง นอกจากเอามาเผาไฟให้ไหม้เ พื่อเอาน้ำมะกรูดมาหมักผม

ดังตัวอย่างที่จะกล่าวต่อไปนี้ ดิฉันได้จากการอ่านเฟสบุ๊ค ก็รีบส่งไปให้ หมอสุวิ อ่านทันที เพื่อตรวจสอบอีกชั้นหนึ่งว่า ข้อความนี้ชัวร์ หรือมั่วนิ่ม แล้วหมอสุวิจะตอบกลับมาว่ายังไงค่ะ?

ข้อความจากการอ่านเฟสบุ๊ค ดังนี้

มีเพื่อนชาวเฟสบุ๊คได้แนะนำว่า ให้นำมะกรูด10 ลูกล้างให้สะอาด แล้วผึ่งให้แห้ง

จากนั้นนำมะกรูดมาผ่าครึ่ง แล้วหา โหลแก้ว กว้างหน่อยมาใส่

เทเหล้าขาวใส่ให้หมด1ขวด ปิดฝาให้สนิทไว้อย่างนั้นให้ครบ15วัน

หาผ้าขาวมากรองเอาแต่น้ำไว้ใส่ในกระบอกที่เป็นแบบห้วฉีดได้

เทน้ำที่หมักได้ใส่ไว้..สำหรับผู้ที่ปวดกระดูก โรคเก๊า และรคปวดตามข้อรูมาตอย ด้วยการฉีดน้ำหมักไปยังตรงที่มีอาการปวด

เพียงแค่ไม่กี่ครั้ง ความปวดจะลดและหายปวด


ข้อความข้างต้นส่งให้หมอสุวิอ่านดูแล้ว หมอก็ตอบกลับมาว่าดังนี้ค่ะ....

สูตรข้างต้นนี้ ใช้ได้ดีทีเดียว

หากว่า บวก ผักเสี้ยนผีลงไปหมักด้วย สัก ๒ กำมือ นี่ยิ่งสุดยอด

สาธุค่ะ ^ ^







ปล. ผู้ใดสนใจตรวจดูชีวิต สามารถส่งเบอร์โทรศัพท์มาให้ทำนายได้เหมือนเดิมนะคะ

 

เช็คคุณใหม่อีกครั้ง
พบมีสิ่งแปลกปลอม อยู่ที่ข้อเท้าทั้งสอง และที่ที่ขาหนีบทั้งสองข้าง
ปกติหากเจอแบบนี้จะมีบวมน้ำเหลืองด้วย แต่คุณกลับไม่เป็นหากจะมีก็นิดหน่อยเอง
และมีที่ตับอีกจุดหนึ่งด้วย คล้ายไวรัส+เชื้อรา

คล้ายคุณไปเหยียบอะไรบางอย่างที่ไม่ควรเหยียบ
ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรตัวจริง เป็นวิบากกรรมที่มีผู้แทนเข้ารับสมอ้าง ลงโทษคุณ
ช่วงนี้ดวงขึ้น วิบากแห่งบุญกำลังให้ผล
เป็นช่วงเหมาะแก่การรักษาให้หายขาด

 

ขอบคุณครับ สูตรมะกรูดนี้จะลองทำให้คุณพ่อใช้ดูครับ ก่อนนี้เคยใช้ขิงแก่ปั่นละเอียดพอกและใช้ผ้าพันครับ

 

ขอบคุณในความเมตตาของคุณหมอด้วยครับ
ตกใจเลยครับ ผวาเรื่องข้อเท้ากับขาหนีบมากเลยครับ...ลองมานั่งคิด
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะผมก่อนนอนกำพระภาวนาจนหลับไป
แล้วตื่นมาบางทีอาจพลาดไปเหยียบเพราะสาเหตุนี้รึป่าวครับ
...........................
ผมคงต้องไม่ประมาท และใส่ใจอะไรหลายๆอย่างที่ผมอาจพลาดไปซะแล้วครับ

 

ขอสอบถามอ.Suwi เรื่องเม็ดหมามุ่ย ว่ามีคุณสมบัติทางยาเกี่ยวกับเรื่องอะไร และมีผลข้างเคียงมั๊ยค่ะ

 

ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นอีกคนนะคะ คุณ yen-jit

ลองดูเภสัชวิทยาและพิษวิทยาของเมล็ดหมามุ่ย และผลข้างเคียงจากข้อมูลคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีนะคะ

หมามุ่ย - ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์ ม.อุบล : thaicrudedrug.com

ซึ่งเป็นข้อมูลเป็นกลางไม่เป็นบวก แสดงให้เห็นผลการทดลองอีกด้านหนึ่งที่เป็นผลเสียกับหนูตัวเมียซึ่งไม่มีใครอ้างถึง

ตามสรรพคุณโฆษณาของผู้ผลิตจำหน่าย
แม้จะเป็นสถาบันทางการแพทย์แผนไทยที่มีชื่อเสียงหรือมหาวิทยาลัยดังที่ผลิตออกจำหน่าย ล้วนกล่าวแต่ด้านบวกและเตือนให้แยกจากหมามุ่ยไทยเพราะเพียงแต่หมามุ่ยไทยมีแค่ตำรายาโบราณ แต่หมามุ่ยนอกมีรายงานการใช้และทดลอง

ซึ่งเราไม่เห็นว่าในแง่เภสัชวิทยา active ingridients อะไรที่แตกต่าง การทดลองในสัตว์ในคนเป็นอย่างไรถึงขั้นผลิตออกมาจำหน่ายได้
ความเห็นของคณะกรรมการอาหารและยามีความเห็นอย่างไร ตัวยานี้ผ่านมาอย่างไร

แม้จะเป็นของจากธรรมชาติ
ซึ่งเราคนสมัยใหม่ มักคิดว่าไม่อันตราย แต่ก็มีอันตราย
เพราะประกอบด้วยสารอินทรีย์โครงสร้างทั้งซับซ้อนและไม่ซับซ้อน เป็นderivative หรือ isomerกัน แต่คนละตัว ร่างกายสิ่งมีชีวิตสนองตอบต่างกันในทางลบได้

ตัวอย่างการบริโภคทองคำเปลวบนขนมไทยบางชนิด ก็อันตรายต่อไตในการจะขับออก พราะทองคำมีนำ้หนักโมเลกุลสูงกว่าโซเดียมโปตัสเซียมมาก ลองเปิดดูตารางธาตุ

การใช้ยานี้ทดลองกับคน มีแค่ผลทางสถิติเท่านั้น แม้จะมีผลนัยสำคัญอยู่บ้างแต่การวิจัยทางผลเสียข้างเคียงไม่เห็นแสดง

<table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr class=" "><td width="200">ชื่อเครื่องยา
</td><td class="text_normal">หมามุ่ย</td></tr> <tr class=" "><td>ชื่ออื่นๆของเครื่องยา
</td><td class="text_normal">
</td></tr> <tr class=" "><td>ได้จาก
</td><td class="text_normal">เมล็ด</td></tr> <tr class=" "><td>ชื่อพืชที่ให้เครื่องยา
</td><td class="text_normal">หมามุ่ย</td></tr> <tr class=" "><td>ชื่ออื่น(ของพืชที่ให้เครื่องยา)
</td><td class="text_normal">หมามุ้ย ตำแย หมาเหยือง กลออื้อแซ</td></tr> <tr class=" "><td>ชื่อวิทยาศาสตร์
</td><td class="text_normal">Mucuna pruriens (L.) DC.</td></tr> <tr class=" "><td>ชื่อพ้อง
</td><td class="text_normal">
</td></tr> <tr class=" "><td>ชื่อวงศ์
</td><td class="text_normal">Legminosae-Papilionoideae</td></tr> </tbody></table> ลักษณะภายนอกของเครื่องยา:
เมล็ดแข็ง รูปรี แบน ผิวเมล็ดเรียบเกลี้ยง สีดำ เป็นมัน (ภายในฝัก มี 4-7 เมล็ด) ขนาดกว้าง 0.5 มม. ยาว 1.0 ซม. ขอบเมล็ดบริเวณที่ติดกับฝัก มีเนื้อเยื่อเป็นวงสีขาวโดยรอบบริเวณที่เมล็ดจะงอก กึ่งกลางเมล็ดด้านหนึ่งมีรอยบุ๋มลงไปตรงกลาง

ลักษณะทางกายภาพและเคมีที่ดี:
ไม่มีข้อมูล

สรรพคุณ:
ตำรายาไทย: เมล็ดปรุงเป็นยาแก้ไข้ ขับปัสสาวะ บำรุงประสาท รักษาโรคบุรุษ กระตุ้นกำหนัด เป็นยาฝาดสมาน

รูปแบบและขนาดวิธีใช้ยา:
ไม่มีข้อมูล

องค์ประกอบทางเคมี:
L-dopa หรือ L-3,4- dihydroxyphenylalanine

การศึกษาทางเภสัชวิทยา:
สารสกัดทั้งต้นมีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างและการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิ ช่วยให้ผู้ที่มีตัวอสุจิน้อยมีโอกาสมีลูกได้มากขึ้น น้ำต้มมีฤทธิ์ลดการอักเสบของต่อมลูกหมากในคน สาร L-dopa ที่พบในรากและเมล็ด ใช้ในการรักษาโรคพาร์กินสัน มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในสัตว์ทดลอง เอนไซม์ phenol oxidase ทีพบ สามารถนำมาใช้เตรียมอนุพันธ์ของสาร phenolic steroid ได้
การป้อนหนูแรทเพศผู้ด้วยสารสกัดเอทานอลเมล็ดหมามุ่ยที่ความเข้มข้น 200 มก./กก. ของน้ำหนักตัว วันละครั้ง เป็นเวลา 21 - 45 วัน สามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของหนูได้ กล่าวคือมีผลทำให้พฤติกรรมทางเพศของหนูเปลี่ยนไป โดยมีพฤติกรรมการจับคู่และการขึ้นคร่อมตัวเมียถี่ขึ้น และมีระยะเวลาในการเริ่มสอดใส่อวัยวะเพศครั้งแรกจนหลั่งน้ำเชื้อ (ejaculation latency, EL) เพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อนำผงบดของเมล็ดหมามุ่ยมาทดลองในหนูแรทเพศเมีย กลับมีผลทำให้พฤติกรรมทางเพศมีแนวโน้มลดลง กล่าวคือ มีพฤติกรรมการจับคู่กับหนูตัวผู้ลดลง และปฏิเสธการรับการผสมพันธุ์จากหนูตัวผู้ แสดงให้เห็นว่าการรับประทานเมล็ดหมามุ่ยอาจให้ผลแตกต่างในระหว่างเพศชายและ หญิง

การศึกษาทางคลินิก:
ในประเทศอินเดียกับอาสาสมัครเพศชายที่มีภาวะจำนวนสเปิร์มน้อย และสเปิร์มมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ โดยให้อาสาสมัครดื่มนมที่ผสมกับผงบดเมล็ดหมามุ่ยขนาด 5 กรัม วันละครั้ง เป็นเวลา 3 เดือน พบว่า ค่าความเข้มข้นของสเปิร์ม และการเคลื่อนไหวของสเปิร์มเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีค่าเกือบเทียบเท่ากับอาสาสมัครที่มีสุขภาพดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมล็ดหมามุ่ยมีประสิทธิภาพในการช่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำ เชื้อให้ดีขึ้นได้

การศึกษาทางพิษวิทยา:
ขนจากฝัก ทำให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างแรง ทำให้คันเป็นผื่นแดง ปวดและบวม
เมล็ดของหมามุ่ยจะมีสาร L-dopa หรือ L-3,4- dihydroxyphenylalanine อยู่ปริมาณสูง ซึ่งถูกนำมาผลิตเพื่อการค้าในการรักษาโรคพาร์กินสัน สาร L-dopa นี้ เป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประสาท dopamine ซึ่งมีผลต่อสมองส่วนต่างๆ ในหลายเส้นทาง โดยเฉพาะการควบคุมการเคลื่อนไหว และยังมีผลทำให้ความดันโลหิตต่ำลง การรับประทานในปริมาณที่มากอาจมีผล เสียต่อร่างกาย ดังนั้นจึงไม่ควรเก็บหมามุ่ยมารับประทานเอง จนกว่าจะได้รับการยืนยันถึงสายพันธุ์ที่ใช้ทดสอบ และมีการศึกษาถึงความเป็นพิษในคนที่แน่ชัด (ข้อมูลจาก สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, 9 มค.55)
ค้นหาข้อมูลพืชที่ให้เครื่องยา : www.phargarden.com
ตัวอย่างพรรณไม้แห้ง : www.thaiherbarium.com

 

ขอขอบพระคุณอาจารย์พ่อมากครับ ที่ได้รู้คำว่าอาสวะที่จะพาผมลงนรก
เป็นพระคุณอย่างมากครับ

 

เปลือกมังคุดเป็นยา ต้านมะเร็ง



ดิฉันได้รับข้อความจากเฟสบุ๊คที่น่าสนใจมาอีกปล้วนะคะ จึงขอนำมาให้อ่านดู


หากเรานำมังคุดมานึ่งประมาณ 20 นาที สารจากเปลือกมังคุด จะซึมเข้าไปในเนื้อมังคุด

จากนั้นให้เอามังคุดนึ่ง ไปเก็บไว้ในตู้เย็น และเอามากินวันละผล ป้องกันโรคได้มากมาย


ในเปลือกมังคุดจะมีสารต่อต้านมะเร็งระยะสุดท้ายที่ได้ผลชะงัด ดังนั้นถ้ากินเยอะกว่านี้จะมีผลต่อการทำงานของตับค่ะ

( ดิฉัน คอนเฟิร์มกับคุณหมอสุวิแล้วค่ะว่ามีประโยชน์ตามนี้จริง แต่ไม่ควรกินเยอะค่ะ)


อนึ่ง ขณะนี้ดิฉันกำลังนำเรืองเล่าเคล้านิทาน นำมาให้ผู้อ่านได้รับฟังกัน ในกระทู้ที่ชื่อว่า เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ นะคะ ถ้าผู้ใดสนใจ ก็ลองแวะเข้าไปทักทายกันนะคะ อ่านหนุกๆ ค่ะ

http://palungjit.org/threads/เรื่องเล่า-ตื่นนอน-ตอนสายๆ.246180/page-88



ชื่อนิทานในกระทู้ว่า..พลังอธิษฐานของกระทิ อยู่ท้าย ๆของหน้านะคะ

 

สวัสดีครับ ผมได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์สุวิให้เข้ามาแนะนำตัวครับ ผมเป็นศิษย์ของ ท่านอาจารย์สุวิครับ ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับการรักษาโรคภัยครับ หากท่านใดมีปัญหาด้านสุขภาพ สามารถ เล่ารายละเอียดและปรึกษาผมได้ครับ หากสิ่งใดที่เกินความสามารถของผม ผมจะปรึกษาไปทางท่านอาจารย์สุวิครับ

 

ผู้นี้ แนะนำตัวสั้นมาก ไม่มีที่ไปที่มา
แต่เดิมคนผู้นี้ก็เป็นคนไข้ทั่วไปของหมอสุวิ ถูกเบียดเบียนทางจิต จนป่วบไข้ ร่างกายและสมองเสียหายมาก จนแทบใช้งานไม่ได้
มีจิตวิญญานหมุนเวียน เข้าสถิตที่ก้านสมอง และจงใจเบียดเบียนทำร้ายดวงจิตที่ตั้งอยู่กลางกั๊กศรีษะ ตลอดเวลา
เมื่อหมอสุวิ รักษาก็นานพอควรทีเดียวกว่าที่จิตวิญญานเหล่านั้นจะยอมถอย และอาการของคนผู้นี้ก็ค่อยๆดีขึ้น

เขาเลยสนใจขอฝึกวิชาจากหมอ โดยเริ่มต้นจาก สติปัฏฐานสี่ และการฝึกสมาธิแบบ เกสา โลมาฯ ตามแบบหมอสุวิ
ก็ฝึกไปด้วย รักษาร่างกายไปด้วย

วันนีฝึกได้เก่งพอควร หากพูดตามนิยายบู้ลื้ม ก็สมควรไล่ลงจากเขา ให้หาประสพการณ์เอง
แต่ เรื่องราวในมิติ มันซับซ้อน ยังไม่อย่ากให้ห่างหูห่างตานัก
เดี๋ยวจะกลายเป็นการฝึกคน ส่งให้อสูรและมารรับช่วงไป
นี่เสียหายหนัก

ดังนั้นจึงเรียกให้มาแสดงตัวในที่นี้ก่อน เพื่อการฝึกหาประสพการณ์ ที่อยู่ในสายตา
ก่อนให้ลงจากสำนักไปผาดโผนในยุทธจักร

 

ถือว่า โชคดี มาก ครับ
ที่ มี อาจารย์ ห่วงใย คอยดูแล

ตามที่ อ.สุวิ กล่วงไว้ นั่นแหละ
คนที่ฝึก มากระดับหนึ่ง พอ เอาตัวรอดได้ ก็มัก ออกไป ท่องเที่ยว ผาดโผน
หาก บุญวาสดี ก็ ได้ พบ เรื่องดี ๆ เป็นบุญเป็นกุศล ต่อไป

แต่โดยทั่วไป คนเรา ก็มัก มี ทั้งเรื่องดี และ เรื่องไม่ดี ปะปนกันมา

พอไปเจอ ด้าน ร้ายๆ บ้าง เจ้าตัวหลอกลวง บ้าง นี่ยังไม่ได้พูดถึง ระดับหัวหน้า นะ เอา แค่ ตัวประกอบ ก็พอ

ก็ ทำให้ คนเรา หลง ถูก หลงผิด ค่อยเป็นค่อยไป คนไม่รู้ตัว

เป็นกันอย่างนี้ มิใช่น้อย

เป็นกันมา ตั้งแต่ครั้งโนมนาน ปัจจุบัน ก็ ยิ่ง มากใหญ่
สื่อ สาร มันสะดวก เค้าใช้ เป็น เครื่องมือ ได้ สะดวก ตามไปด้วย


สรุปว่า อย่างที่ ท่านอาจารย์สุวิ บอกไว้ แหละ

จะท่องเที่ยวไป ไหนมาไหน ทะลุโลก ฯ อะไร ก็ ตาม ก็ อย่าลืมกลับมา เข้าหมู่ คณะ

อย่างน้อย ก็ มี เพื่อน.

จะได้ ไม่หลง ไป คนเดียว..............55

 

มาเพิ่มความสูงด้วยวิธีธรรมชาติกันเถอะ


อย่างที่รู้กันนะคะ ว่าความสูงจะหยุดลงในช่วงย่างเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ทว่าความสูงที่หยุดลง จะหยุดเพราะส่วนขา แต่ที่กระดูกสันหลังของเรา ยังสามารถยืดให้สูงได้อีก แม้ว่าคุณจะมีอายุเลยวัยสูงช่วงขาไปแล้วก็ตาม


แถมยังเป็นวิธีเสริมสมรรถนะร่างกาย เพื่อป้องกันกระดูกโค้งงอในวัยชราได้ด้วยค่ะ


โดยดิฉันจะขอแนะนำ 3 วิธี

จากคลิปวีดีโอด้วยแพทย์ไทย มี 2 วิธี

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=_psJVqpeFn4]อโรคา - ยืดเหยียดเพิ่มส่วนสูง 17.7.10.flv - YouTube[/ame]





และจากหน้าเว็บอื่น ยกมาอ้างอิง จากแพทย์ญี่ปุ่น 1 วิธีดังนี้ค่ะ


วิธีเพิ่มความสูง และเทคนิคลับที่คุณอาจจะยังไม่รู้




อนึ่ง ขณะนี้ดิฉันกำลังนำเรืองเล่าเคล้านิทาน นำมาให้ผู้อ่านได้รับฟังกัน ในกระทู้ที่ชื่อว่า เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ นะคะ ถ้าผู้ใดสนใจ ก็ลองแวะเข้าไปทักทายกันนะคะ อ่านหนุกๆ ค่ะ

เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ



ชื่อนิทานในกระทู้ว่า..พลังอธิษฐานของกระทิ อยู่ท้าย ๆของหน้านะคะ

 

ถึงอ.สุวิ
หลังจากหายจากอ.สุวิไปนาน เลย ก็เลยกลับมาหาน่ะค่ะ ^^ ตอนนี้เป็นโรค แบบว่าเนื้อตัวเหลวเผะผะ เหมือนลมเยอะ ไม่ค่อยถ่ายแล้วก็ ลมเยอะจริงค่ะ ในตัวในพุง จับตรงไหนก็เผะเผะ แล้วก็แถมด้วยอาการปวดไหล่ ปวดตัว ปวดไหล่ซ้ายบ่อยค่ะ ปวดในตัวบางทีก้อตรงหัวใจ ใต้หัวใจ ด้านเหนือพุงซ้าย บ้าง หัวด้านซ้ายบ้าง และขวาบ้าง รวมรวมแล้ว อึดอัดมากค่ะ เหมือนแบบ ลมตันตัน ไม่ค่อยสบายตัว อาการร้อนในตัวตอนกลางคืน แล้วก็ตื่นมาปวดตามเนื้อตัวอีกค่ะ ช่วยตรวจให้หน่อยไม่รู้โรคอะไรดีแล้ว

จัดยาให้ด้วยนะคะ ที่อยู่เด๋วหนูส่งให้หลังไมค์ค่ะ

ด้วยความเคารพค่ะ

ูู
^^

 

ได้รับยา แล้วค่ะ ^^

 

สวัสดีครับ ทุกท่าน เดียวนี้คนฮิตลาดนำ้แข็งกันมากท้ากันไป ผมจำได้แล้วเคยทำมา5-6ปีมาแล้ว ได้มาจากอาจารย์พ่อสุวิ นี้ละครับจำไม่ได้ว่าหน้าไหน ฮา ฮา

 

ดิฉันได้รับข้อความทางเฟสบุ๊คเขียนไว้ว่า ชาตะไคร้ใบเตย แก้โรคเก๊าต์ได้ดีจนเหลือเชื่อ!! โดยมีข้อความดังนี้ค่ะ....


คำบอกเล่าจากหมอพื้นบ้านที่เคารพท่านหนึ่งได้กรุณาให้สูตร"ชาตะไคร้ใบเตย แก้โรคเก๊าต์"

ส่วนประกอบ

1. ตะไคร้ 4-5 ต้น
2. ใบเตย 2-3 ใบ
3. น้ำสะอาด 2 ลิตร

ต้มสมุนไพรจนเดือด พอเดือดลดไฟลง ต้มต่ออีก 15 นาที ห้ามเปิดฝาโดยเด็ดขาด ครบ 15 นาที ทิ้งไว้ให้เย็น ดื่มแทนน้ำเปล่าติดต่อกัน 1 สัปดาห์ จะล้างกรดยูริคในเลือด สาเหตุของอาการปวดเข่าจากโรคเก๊าต์ได้ดีมากๆแบบไม่ต้องใช้ยาเลยครับ

ดิฉันจึงได้เขียนไปสอบถามผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพร หมอทางเลือก (ซึ่งมีใบประกอบโรคศิลป์ถูกต้องตาม กม. (ไม่ได้แปลว่า กิโลเมตรนะคะ) นั่นก็คือคุณหมอสุวิของพวกเรานั่นเอง โดยดิฉันถามไปเช่นเดิมว่า ข้อความดังกล่าวชัวร์หรือมั่วนิ่มคะ ก่อนจะอ่านคำตอบกัน ผู้อ่านลองทายกันเล่นๆ ในใจนะคะ เวลาที่เราไปอ่านเจอข้อความแบบนี้จากที่อื่นๆ จะได้มีสติก่อนตัดสินใจเชื่อ หรือไม่เชื่อหนะคะ

คำตอบของคุณหมอสุวิ มีดังนี้นะคะ เธอเขียนตอบออกจะเป็นภาษาพูดหน่อยนะคะ เพราะเป็นการคุยกันระหว่างดิฉันกับท่าน(ตามปรกติประสา หนะค่ะ)


มั่วนิ่ม มากๆเลยจ้า แก้ และรักษา เก้าส์ ไม่ได้ แต่แก้อาการปวดเมื่อยเนื้อตัว อันเกิดจากการทำงาน/หรือออกกำลังกาย หนักได้ดี

การทำงานหนัก ก็เกิดกรดยูริกในกล้ามเนื้อของร่างกายนะ แต่ยานี้ แก้หรือขจัดยูริก
ในข้อกระดูกไม่ได้

และหากเติม ใบมะกรูดนิดหน่อย หรือ ผิวมะกรูดก็ได้ จะแก้อาการปวดเมื่อยเนื้อตัว อันเกิดจากอาการไข้หวัดใหญ่ทั่วไปได้ด้วย

แต่ยาสูตรนี้ ห้ามใส่เนื้อไก่ บิบมะนาว น้ำปลา พริกขี้หนูซอยเด็จขาดนะ เพราะมันหย่อย เดี๋ยวจะโอเวอร์โดส


ยาแก้เก้าส์นะ

ให้ใช้ ชาจีน+น้ำต้มมะละกอดิบ+ หญ้าหนวดแมว จะรักษาเก้าส์ได้ดีกว่า
ถ้าได้ ชาดำ หรือชาแดง นี่จะรักษาได้ดี และเร็วกว่า ชาจีนธรรมดา


เคยให้สูตรยานี้ไว้ในกระทู้ปรึกษาปัญหาสารพัดโรคแล้ว (อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ - จำบ่ได้)




อนึ่ง ขณะนี้ดิฉันกำลังนำเรืองเล่าเคล้านิทาน นำมาให้ผู้อ่านได้รับฟังกัน ในกระทู้ที่ชื่อว่า เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ นะคะ ถ้าผู้ใดสนใจ ก็ลองแวะเข้าไปทักทายกันนะคะ อ่านหนุกๆ ค่ะ ในชื่อกระทู้ที่ว่า เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ ชื่อนิทานในกระทู้ว่า..พลังอธิษฐานของกระทิ ลองเข้าไปอ่านขำๆ ดูนะคะ ^ ^

 

อยากทราบว่าโรคระบาดจากไวรัสอีโบลาในปัจจุบัน(ที่ติดต่อในคนมี 5 สายพันธุ์ย่อย) พอมีทางรักษาไหมครับ(ในกรณีใช้สมุนไพร) และการใช้น้ำปัสสาวะของผู้ป่วยรักษาโรคตัวเองพอจะช่วยได้ไหมครับ

รายละเอียดเกียวกับอีโบลา : อีโบลา Ebola virus disease - หาหมอ.com

 

ขอปรึกษาอาจารย์ครับ ผมเป็นโรคหนึ่งที่เท้า จะเป็นตุ่มใสๆ บางทีเป็นตุ่มคันและมีหนอง ผมเองก็ใช้ แอลกอฮอล์ล้างแล้วทายาเหลือง ตุ่มนี้หาย ตุ่มอื่นก็เป็นขึ้นมาอีก เป็น 2 ข้าง มีประมาณสิบที่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรองเท้าหรือเปล่า ผมจะรู้สึกรำคาญมาก เวลาเดินก็เจ็บ ขอรับการช่วยเหลือ และทางออกด้วยครับ

 

ระยะนี้ อ.สุวิ ไม่ค่อยว่าง นานๆที จึงเข้ามาตอบคำถาม

คำถามนี้ ไม่ได้เห็น ตุ่มที่เป็น ชัดๆ
แต่ สันนิฐาน ว่า
เป็นตุ่ม ที่ เกิดจาก ต่อมเหงื่อ บริเวณฝ่าเท้า อับเสก

อาการ คล้ายๆ เป็นสิว นั่นแหละ
ที่ฝ่าเท้า หรือ ผิวหนัง ของเรา ทั่วไป มี ต่อมเหงื่อ อยุ่

ทีนี้ ที่ฝ่าเท้า เรา เวลา ร้อน เค้าก็ อยากจะ ขับเหงื่อ ออกมา เหมือนกัน
แต่ ขับ ออกมา ได้ ยาก
หนัง ส่วนนี้ มัน ก็ หนา แถม ยัง ใส่ ถุงเท้า รองเท้า ห่อหุ้มไว้อีก ระบายออกมายากหน่อย
ผล ก็ จึง ต้อง ผลักดัน ออกมา จนเป็น ตุ่มๆ นี่แหละ
แล้ว หาก เกิดอับเสก ก็ เป็น คล้ายสิวอับเสก

วิธีรักษา

1.รักษาตามอาการไป ไม่ มีอันตราย ร้ายแรง อะไร
2. ทำให้ เท้า มีการ ระบาย ถ่ายเท ของอากาศ ได้ สะดวก
คือ หากต้อง สวมรองเท้า หุ้มส้น เป็นเวลานาน เช่น รองเท้าทำงาน ฯ ควร มี รองเท้าแตะ ไว้ เปลื่ยน บ้าง

โรคนี้ มักเป็น กับ คน ที่สวม รองเท้าหุ้มส้น ติดต่อกันเป็นเวลานาน

รอง ทำตาม นี้ ดู อาการ น่าจะดี ขึ้น

เวลา อาบน้ำ ให้ ทำความสะอาดส่วน นี้ เพิ่ม อีกหน่อย
หากเคยเรียน พลังจักวาล หรือ พลังยูเรอัส ฯ มา ก็ ให้ ส่งพลัง เข้าตรงจุด ที่เกิดตุ่ม โดยตรง หลายๆ วัน ก็ จะ ยุบและหายไป ในที่สุด

 

ดิฉันเคยได้ยินมาว่า กระเทียมสามารถช่วยได้นะคะ คือเอากะเทียมมาตำผสมน้ำแช่เท้าไว้ประมาณ 20 นาที แล้วยกขึ้นมาเช็ดทำความสะอาดให้แห้งค่ะ

อีกกรณีที่ควรพิจารณาคือถุงเท้าที่ใส่ ควรซัก และตากแดดให้มีกลิ่นแดด และไม่ควรใส่น้ำยาที่ทำให้ผ้าฟูหอมค่ะ หรือก็คือควรลดสารเคมีในการซักถุงเท้า และควรซักให้หมดฟองจริง


อีกกรณีที่ดิฉันเคยทำ หลายปีก่อนดิฉันเป็นหนองในร่มผ้า ที่หนักกว่าคุณคือไม่สามารถถอดส่วนนี้ออกมาตากแดดตากลมได้เหมือนเท้าของคุณ ดังนั้นแผลมันจึงแห้งยากมาก

วิธีการที่หมอสุวิแนะนำในตอนนั้นคือ ให้ใช้กระเทียมไทย(กระเทียมหัวเล็ก) 1 ส่วน ข่าแก่(ที่แม่ค้าจะทิ้งแล้ว ส่วนใหญ่จะทิ้งไป) 1 ส่วน ก้านมะกรูด และใบมะกรูด 1 ส่วน เกลือเล็กน้อย น้ำมันมะพร้าวกลั่นเย็น 1 ขวด

นำกระเทียมไทยปอกเปลือกแล้ว +ข่าแก่+ก้านมะกรูดหั่นสับ+ใบมะกรูด = นำมาปั่นหรือตำรวมกัน หรือหั่นก็ได้นะคะ เป็นชิ้นเล็กฝอย

จากนั้นนำไปต้มรวมกันกับน้ำมันมะพร้าวกลั่นเย็น และเกลือ เล็กน้อย(ช้อนชา) จากนั้นคนให้เข้ากันด้วยไฟปานกลาง และอ่อนลง ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็น แล้วนำมาใส่ขวดแก้วแห้งๆ 1 ใบ

นำมาหมั่นคอยทาเท้าด้วยสำลี ทาวันละหลายๆ หนค่ะ อย่างดิฉันตอนที่เป็นเนี่ย จะทาทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำเลย จึงพกใส่สำลีติดไว้ในกระเป๋า

เมื่อเวลาผ่านไป 1-2 วัน แผลมันจะแห้งดำ และพอเราทาลงไป สะเก็ดแห้งดำจะลอกออกมาค่ะ เนื่องจากตอนนั้นเป็นแผลในร่มผ้า ผื่นกระจายไปทั่ว จึงไม่ได้เห็นแผล+สะเก็ตของตัวเอง แต่พอทำไปได้ 1-2 อาทิตย์ แผลสะเก็ตดำหลุดเป็นสะเก็ตเล็กๆ ออกมา และเราทายาซ้ำลงไป ดังนั้นอาการจึงดีขึ้นมาก ไม่แสบร้อนทุรนทุรายค่ะ

ยาที่ทำไว้นี้ หากเหลือเกินใช้ สามารถเก็บไว้ใช้ได้นาน หากต้มอย่างถูกวิธี และไม่ปล่อยให้ขวดโดนน้ำเปล่า จะรักษาไว้ได้นานค่ะ

สำคัญที่การล้างเท้า ตามแพทย์แผนปัจจุบันที่ดิฉันเคยไปหาหมอ หมอไม่แน่นำให้ล้างด้วยสบู่แรงๆ สบู่ยา แต่แนะนำให้ล้างด้วยสบู่อ่อน หรือถ้าไม่ได้มีเหงื่อเช่นตอนตื่นนอน ไม่ได้มีเหงื่อ ให้ทำแค่ล้างเท้าด้วยน้ำธรรมดา เช็ดเท้าให้แห้ง และทายา จะดีกว่า การล้างด้วยสบู่ค่ะ


ถ้าอุทิศกุศลหากว่าคุณเคยล่วงเกินใครเอาไว้ ขอให้คุณตั้งจิตขอขมา และขออโหสิกรรมกับผู้ที่คุณได้เคยล่วงเกินด้วยความสำนึก (ด้วยความจริงใจ) กล่าวออกไป ทำบ่อยๆ ควบคู่กันด้วยกับการรักษาค่ะ


นอกจากนั้นทำตามแนะนำของคุณดาวทะเลทรายด้วยนะคะ ถ้าคุณพอจะเดินพลังสมาธิเป็นค่ะ พอเสร็จจากการออกสมาธิให้ขอขมากรรม และขออโหสิกรรมกับผู้ที่คุณอาจได้เคยล่วงเกินด้วยค่ะ




ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเขียนข้อความให้ความรู้ ในการช่วยให้บุคคลผู้อ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนไว้นี้ทั้งหลาย ได้มีความรู้เพิ่มเติมเสริมตัว หรือมีพัฒนาการในการฝึกปฏิบัติสมาธิสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ในพระพุทธศาสนา ที่ดีขึ้นไม่ว่าด้วยประการใดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญนี้สรรเสริญและบูชาแด่องค์พระปฐมในพระพุทธศาสนา แด่พระพุทธเจ้า 28 พระองค์ในพระพุทธศาสนา และแด่พระธรรมในพระพุทธศาสนาทุกๆ พระองค์ในทุกๆ จักรวาล และขอบุญที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายนี้ จงเป็นพลังบุญส่งเสริมให้ข้าพเจ้ามีความสุขความเจริญในชีวิต อันประกอบด้วย กายธาตุ ทั้งกายหยาบและกายละเอียด มโนธาตุ กายทิพย์ และดวงจิต และขอบุญนี้จงคุ้มครองป้องกันข้าพเจ้าให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนจากมนุษย์และอมนุษย์ทั้งปวง ตลอดสิ้นกาลนานเทอญ ฯลฯ