อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    [​IMG]
     
  2. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    [​IMG]

    น้อมกราบหลวงปู่สุพจน์...ได้สนทนากับหลวงปู่และหลวงปู่ได้เล่าเรื่องตอนเดินธุดงค์น่าสนใจ...เรื่องเสือ..!! ใครมีโอกาสขอให้ไปกราบหลวงปู่...
     
  3. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,090
    ค่าพลัง:
    +53,094
    สวัสดียามบ่ายครับ พี่ปู พี่เอ๊ะ พี่กูน พี่ตี๋ พี่โญ พี่ช้าง พี่รุ่ง พี่อ้วน พี่บอย พี่วรรณ น้องโอ๊ต คุณเหน่ง น้องเอ๋ น้องเขี้ยว คุณวุฒิ คุณกันตปัญโญ น้องกานต์ คุณแพน พี่ pp2 และทุกๆสมาชิกอัลบั้มพระด้วยครับผม
     
  4. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124

    พระนาคปรกที่วัดเทพธารทองครับคุณโญ...

    [​IMG]
    [​IMG]
    รอคุณปูโพสสถานที่ครับ...​
     
  5. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124


    สวัสดีครับคุณกันต์ คุณเอ็ม...และทุกท่านครับ
     
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,090
    ค่าพลัง:
    +53,094
    [​IMG]
     
  7. Kenny17

    Kenny17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,979
    ค่าพลัง:
    +10,866
    เลิกงานแล้วอาบน้ำ เปิดเบียร์เย็นๆสักกระป๋อง สดชื่นครับ [​IMG][​IMG]
     
  8. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,090
    ค่าพลัง:
    +53,094
    กราบหลวงพ่อสุพจน์

    อยากฟังบ้าง ชอบฟังเรื่องเสือมากครับพี่เอ๊ะ

    เคยฟังแต่ประสบการณ์ เสือ จากพี่กูน แต่กลายเป็นเรื่องตลกซะมากกว่า
    catt3
     
  9. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,090
    ค่าพลัง:
    +53,094

    อ่า บังเอิญผมเข้าพรรษา ไม่งั้นมีชน (deejai)
     
  10. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,090
    ค่าพลัง:
    +53,094
    หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ (๖) โดย อ.เล็ก พลูโต

    ความเสื่อม อีกประการหนึ่ง คือ ผู้ได้รับการสักปฏิบัติตนไม่เหมาะสม ใช้ผลของการสักทางไสยศาสตร์ หรือการอยู่ยงคงกระพันชาตรีไปในทางที่ผิด เช่น โอ้อวด ท้าทาย ประลองต่อสู้กับผู้อื่น ทำตนเป็นมิจฉาชีพ ก่ออาชญากรรม ซึ่งมีส่วนผลักดันให้ค่านิยมของคนที่มีต่อลายสัก เป็นไปในทางลบยิ่งขึ้น

    ผู้ที่มีลายสักจำนวนไม่น้อยที่ อยากจะลบรอยสักนั้นทิ้งเสีย อาจด้วยความรู้สึกว่าเมื่ออายุมากขึ้นลายสักบนผิวหนังกาย ทำให้แลดูสกปรกเลอะเทอะ หรือทำให้คนตั้งข้อรังเกียจไม่อยากเข้าใกล้ เป็นต้น ในบางรายก็ค้นพบด้วยตนเองว่า การสักไม่ได้ให้ผลทางไสยศาสตร์แก่ตนแต่อย่างใดเพราะความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน ทำให้ไม่สามารถยึดถือปฏิบัติสัจจะที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัดได้ ทว่า การลบรอยสักนั้นเป็นไปได้ยากมาก เพราะหมึกที่ใช้สักถูกฝังลึกเข้าไปถึงชั้นของหนังแท้ ถ้าลบออก จะทำให้เกิดแผลเน่าน่าเกลียด แต่ก็อาจทำได้โดยกรรมวิธีศัลยกรรมตกแต่ง คือ ลอกผิวหนังตรงที่มีรอยสักทิ้งไป แล้วเอาผิวหนังส่วนอื่นของร่างกายปะไว้แทน แต่ก็จะเป็นรอยแผลเป็นอยู่ดี ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าการที่จะลบรอยสัก โดยไม่ให้เหลือร่องรอยปรากฎอยู่เลยนั้น คงทำได้ยาก หรือทำไม่ได้เลย

    "ยันต์เสือเผ่น" ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งยันต์รูปสัตว์ ของสำนักสักยันต์ของ “พระอุดมประชานาถ” หรือที่รู้จักกันดีในนาม “หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ” เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่นํ้านครชัยศรี อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

    ว่ากันว่าลูกศิษย์หลวงพ่อเปิ่นทุกคน เมื่อคิดจะสักยันต์เป็นรูปสัตว์ ต้องสักยันต์เสือเผ่น เป็นยันต์แรก

    หนึ่งในจำนวนลูกศิษย์ที่เชื่อในพุทธคุณในยันต์เสือเผ่นหลวงพ่อเปิ่น คือ พ.ต.อ. (พิเศษ) สมพร จารุมิลินท อดีต รองผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.โดยได้สักยันต์เสือเผ่นกับ พระอาจารย์อภิญญา คนุตฺตโม หรือหลวงพี่ญา มาตั้งแต่เมื่อครั้งหลวงพ่อเปิ่นยังมีชีวิตอยู่

    รวมแล้วบนแผ่นหลัง และหน้าอก น่าจะมียันต์เสือเผ่นไม่ตำกว่า ๑๑ ตัว ถึงกระทั่งเพื่อนฝูง และ ผู้ใต้บังคับบัญชาเรียกว่า"ผู้การเสือ" ทั้ง ๆ ที่ควรจะเรียว่า"ผู้การหนึ่ง" เพราะชื่อเล่นของท่านคือ "หนึ่ง"

    ตระกูลของผู้การเสือคลุกคลีพัวพันอยู่กับสีกากีมาโดยตลอด กล่าวคือคุณพ่อเป็นข้าราชการตำรวจ ส่วนตัวเองนั้นเข้าสู่วงการสีกากี ด้วยการข้ามขั้น ติดยศร้อยตำรวจโท หลังจากจบปริญญาโทจากเมืองนอก เกือบทั้งชีวิต ข้าราชการตำรวจทำงานประเภทพะบู๊มาโดยตลอด ประจำทั้งบก.น.เหนือ, บก. น. ใต้, บก.น.ธน และกองปราบ (กอง ๑, ๖ เป็นสารวัตรกอง ๗) ขึ้นรองผู้กำกับ ที่นนทบุรี ผลงานปราบปรามส่วนใหญ่เป็นการ ปิดทองหลังพระ นอกจากนี้ยังมีผล การจับกุม และยึดยาเสพติดให้โทษจำนวนมหาศาล ถึงขนาดได้รับคำชมเชยจากกระทรวง ยุติธรรมสหรัฐอเมริกา

    "ผมสักยันต์หลวงพ่อเปิ่นเกือบครบทุกตัว ยันต์ที่ผมสักครั้งแรก คือ ยันต์เกราะเพชร โดยสักกับ พระอาจารย์อภิญญา คนุตฺตโม หรือ หลวงพี่ญา ส่วนเสือเผ่นตัวแรกสักกับพระอาจารย์ประสิทธิ์ ธมฺมโชโต หรือ หลวงพี่ ต้อย หลานแท้ ๆ ของหลวงพ่อเปิ่น จากนั้นก็ได้สักยันต์เสือลงเขาเป็นตัว ที่ ๒ กับหลวงพี่ญา จากนั้นก็สักยันต์เสือกับ พระอาจารย์ติ่ง สนฺตจิตฺโต หรือ หลวงพี่ติ่ง รวมแล้วมียันต์เสือทั้งหมด ๑๒ ตัว และยังสักยันต์ ราชสีห์ หรือ สิงห์อีก ๒ ตัว มี ยันต์เต่า ยันต์หงส์ ยันต์ปลา ยันต์ จระเข้ รวมทั้งยังมี ยันต์จิ้งจก อีกเกือบ ๑๐ ตัวด้วย แต่เป็นเรื่องแปลก ใน จำนวนยันต์ทั้งหมด กลับไม่มียันต์ในตระกูลลิง หรือหนุมานเลยสักตัว นอกจากนี้ ยังฝังเข็มทองคำ ๒๐๐ กว่าเล่มทั่วตัว เรียกว่า เข็มทองคะนองฤทธิ์ ของหลวงพ่อพิมพ์มาลัย วัดหุบมะกล่ำ ราชบุรี" นี่คือคำยืนยันจากปากของผู้การเสือ

    อย่างไรก็ตามในวันแรกของการสักยันต์สำนักวัดบางพระ ผู้การเสือ ได้ถวายปัจจัยหลวงพ่อเปิ่น ขณะนั้นยังติดยศพันตำรวจโท แต่ไม่ทราบอะไรดลใจให้ ผู้การเสือเขียนลงไปบนซองปัจจัยว่า พันตำรวจเอกสมพร และปาฏิหาริย์แรกก็เกิด ขึ้นคือ ขับรถออกจากวัดได้เพียง ๕ นาที ก็ได้รับโทรศัพท์ถามว่า "เคยเรียน ที่โรงเรียนผู้กำกับหรือยัง" คำถามดังกล่าวถึงกับทำให้ผู้การเสือถึงกับขนลุก เพราะนั่นหมายถึงว่า ได้รับการเลื่อนยศเป็นพันตำรวจเอกในวินาที นั้น ผู้การเสือ บอกด้วยว่า หลังจากสักยันต์แล้ว ชีวิตได้เปลี่ยนชนิดที่ เรียกว่า จากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยทีเดียว หรือ มามืดไปสว่าง เหล้าเลิกได้อย่างเด็ดขาด หลังจากสักยันต์ครั้งแรก จากนั้นข้อห้ามใดที่เกี่ยวข้องสามารถทำได้ทุกอย่าง โดยได้ถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด มาเป็นเวลา ๑๕ ปีแล้ว ซึ่ง ก่อนหน้านี้ศีล ๕ ข้อมีอะไรบ้างก็ไม่รู้ นอกจากนี้แล้ว ยังสามารถบริกรรมคาถากำกับยันต์ได้ทุกตัว รวมทั้งอบายมุขทุกอย่างที่เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง สามารถเลิกได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งบุหรี่ก็เลิกสูบ และสิ่งหนึ่งถือว่า เป็นบุญที่ไม่ได้สร้างบาปโดยหน้าที่ คือ ตั้งแต่เป็นตำรวจ เคยแต่จับคน ร้าย แต่ไม่เคยวิสามัญฆาตกรรม

    สำหรับประสบการณ์อันเหลือเชื่อ ที่เรียกว่าปาฏิหาริย์นั้น ผู้การเสือ เล่าให้ฟังว่า "เกิดขึ้นครั้งแรกจากการเข้าไปเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเปิ่น หลังจากที่ผมลาสิกขาใหม่ ๆ (เคยอุปสมบท ณ วัดธาตุทอง) แล้วเดินทางไปศึกษาต่อที่ สหรัฐอเมริกา ที่โน้นจะมีหิมะตกหนักมาก รถต้องติดโซ่ที่ล้อให้วิ่งได้ แต่บังเอิญลืมติดโซ่ พอขับออกไปบนท้องถนน รถจึงเสียหลักลื่นไถลลงจากท้องถนน ผม เหยียบเบรกจนมิด แต่รถก็ยังคงลื่นไถลต่อไปไม่ยอมหยุด แต่ในวินาทีที่รถจะพุ่งตกไหล่ทาง เหมือนมีมือวิเศษมาฉุดให้รถหยุดกึกตรงนั้น ในจุดที่ห่างจากขอบทางเพียงแค่คืบเดียว ในครั้งนั้นแขวนพระกริ่งที่ได้รับมอบจากวัดธาตุทอง"

    ส่วนปาฏิหาริย์ครั้งที่สองเกิดขึ้น ระหว่างติดตามไล่ล่าบรรดาอาชญากรเหล่าร้ายอยู่นั้น ยังมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับคนร้ายในระยะประชิด ในวันนั้นได้จู่โจมเข้าจับตัวคนร้ายที่กำลังนั่งหั่นกัญชาอยู่พอดี มันหันมาเห็น คว้ามีดดาบกระโดดเข้าฟัน แต่เหมือนโชคช่วย ตรงนั้นมีเก้าอี้ตัวหนึ่งวางอยู่ จึงคว้าเก้าอี้ขึ้นรับไว้ได้ทัน รอดหวุดหวิด แม้ว่ามืออีกข้างที่ถือปืนก็ตวัดปากกระบอกเข้าหาตัวคนร้าย

    มันเหมือนเป็นบุญของผมมากกว่า ที่ในจังหวะจะเหนี่ยวไกยิง เพื่อนร้องห้ามไว้ทัน มิเช่นนั้น ผมก็ขึ้นชื่อว่าได้ “วิสามัญฆาตกรรมคนร้าย"

    ขณะเดียวกันผู้การเสือยังพูดถึงความภาคภูมิใจ ตลอดชีวิตรับราชการตำรวจว่า ตลอดชีวิตข้าราชการตำรวจ การได้ถวายงานรับใช้ใกล้ชิดเบื้องยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเป็นรองหัวหน้าตำรวจราชองครักษ์ พระราชวัง ไกลกังวล หัวหิน อยู่นานถึง ๒ ปี ถือว่าเป็นมงคลชีวิตอันสูงสุด ส่วนมงคลชีวิตอีกอย่างหนึ่ง คือ การได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช มีโอกาสก้มกราบ โดยนำศีรษะไปแตะพระบาทของประมุขศาสนจักร

    นอกจากนี้แล้ว ผมได้รับแต่งตั้งให้ อยู่ในตำแหน่งนี้ ที่ทำงานรับใช้ใกล้ชิด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นวีรบุรุษในดวงใจของผมมานาน ท่านเป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิตที่ดีงามในแทบทุกด้าน ทั้งการประหยัดมัธยัสถ์ ความซื่อสัตย์ สุจริต การทุ่มเทเสียสละเพื่อสังคม เมื่อถามถึงการวางแผนใช้ชีวิตหลังจากเกษียณอายุราชการ ผู้การเสือ บอกว่า อาจจะเข้าโครงการเกษียณก่อนครบอายุราชการ โดยได้ปวารณาตัวช่วย พระศรีญาณโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก หรือ เจ้าคุณศรีฯ สร้างวิทยาลัยสงฆ์ศาสนทายาท (นาลัน ทา) ที่ อ.ภูเลย จ.เลย ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยตั้งใจจะทำให้สำเร็จให้ได้

    การลงนะหน้าทอง ในจำนวนพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาอาคม ที่มีไสยเวทย์แก่กล้าอยูในชั้นแนวหน้าที่ยังอยู่ในปัจจุบันก็ถือกันว่า "หลวงพ่อเปิ่น" วัดบางพระ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ก็เป็นหนึ่งไม่เป็นรองใคร เพราะลูกศิษย์ลูกหาที่ได้รับวัตถุมงคลของท่าน ต่างได้รับประสบการณ์จากอุบัติเหตุต่าง ๆ แล้วรอดปลอดภัย บ้างก็ทำมาค้าขึ้นมีความเจริญรุ่งเรือง มีโชคมีลาภ ร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

    เมื่อมาดู อักขระเลขยันต์ ถือกันว่า ยันต์พุฒซ้อน หรือ ยันต์พระเจ้า ๕ พระองค์ ซึ่งเป็นยันต์ที่โด่งดังมาก มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นมหายันต์สูงสุดกว่ายันต์ทั้งปวง อุปเทห์ใช้ได้สารพัดประโยชน์ โดยเฉพาะยันต์พุฒซ้อนหลวงพ่อเปิ่น ท่านได้นำมาใช้ในการลงนะหน้าทอง เมตตามหานิยม โชคลาภแก่สาธุชนทั้งหลายที่ไปกราบนมัสการท่าน

    การลงอักขระเลขยันต์นี้ เท่าที่มีการบันทึกจำกันได้ ก็ในสมัยพระร่วงเจ้า ที่ขอมดำดินมาเพื่อจะทำร้ายพระร่วง ขณะนั้นพระร่วงกำลังกวาดลานวัดอยู่ ขอมดำดินก็โผล่ขึ้นมาถามหาพระร่วง พระร่วงเจ้าก็เลยใช้วาจาสิทธิ์ สาปพวกขอมจนกลายเป็นหินเป็นเวลาร่วมพันปี เพิ่งจะมีการทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณขอกขอมให้ไปเกิดใหม่ จะเห็นได้ว่าพวกขอมมีวิชาอาคม เนื้อตัวลงอักขระจนตัวดำ ใช้วิชาดำดินเพื่อแฝงกาย ไม่ให้เป็นที่สังเกตในการเดินทาง ไม่ให้คนทั่วไปพบเห็น ส่วนพระร่วงเจ้าท่านเรียนวิชาอาคมแก่กล้า จนมีวาจาสิทธิ์

    จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่คนในสมัยโบราณ ในการศึกษาอักขระเลขยันต์ ชายชาตรีทุกคนนิยมลงอักขระเลขยันต์ตามเนื้อตามตัว เพื่อใช้เป็นการป้องกันภัยให้ร่างกายอยู่ยงคงกระพัน เพราะในสมัยนั้นผู้คนต้องรบทัพจับศึก ต่อสู้กับข้าศึกทุกสารทิศ ช่วยปกป้องบ้านเมืองไม่ให้ตกเป็นเมืองขึ้นของชาติอื่นที่เข้ามารุกราน จนเป็นประเทศให้เราอยู่อาศัยจนทุกวันนี้

    ในเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน เราจะรู้ถึงการศึกษาเล่าเรียนสรรพวิชาความรู้ต่าง ๆ ในสมัยนั้นต้องไปเรียนที่วัด มีพระภิกษุเป็นอาจารย์คอยสั่งสอน มีการเรียนอักขระเลขยันต์ มูลกัจจายนะ ในเรื่องกล่าวถึง ขุนไกร พ่อของขุนแผนที่ต้องโทษพระอาญาจากพระเจ้าอยู่หัว ขณะทรงเสด็จล่าฝูงควายป่า แต่ฝูงควายป่าแตกตื่นวิ่งมาจนถึงที่ประทับ จึงถูกตัดสินประหารชีวิต เพชฌฆาตใช้คมหอกคมดาบ แต่หาทำอันตรายแก่ขุนไกรได้ ตัวขุนไกรรำลึกได้ว่าหากตัวเองไม่ตาย จะเป็นการขัดพระราชอาญา พระเจ้าอยู่หัวตรัสให้ตายก็ต้องตาย เพราะเป็นข้าแผ่นดินของพระองค์ ขุนไกรจึงร่ายพระคาถาปล่อยของที่คุ้มกายออกจากตัว ยอมให้เพชฌฆาตประหารชีวิต

    ส่วนตัว ขุนแผน นั้นมีการกล่าวถึง วิชาสะเดาะกลอน มนต์สะกดให้คนหลับทั้งเรือน ตอนขึ้นไปหานางวันทอง วิชามหาละลวย วิชาการทำดาบฟ้าฟื้น วิชาการทำพรายกุมาร และวิชาปราบพยศม้าสีหมอก

    เราจะเห็นได้ว่าในสมัยโบราณกาล นิยมการลงอักขระเลขยันต์ศึกษาวิชาอาคมกันมาก มีการมอบตัวเข้าเป็นศิษย์เพื่อศึกษาหาความรู้ การสักลงอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ มักนิยมลงหัวใจคาถาเป็นรูปสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น หนุมาน ฤาษี เสือเผ่น หรือ เก้ายอด ใช้ในทางอยู่ยงคงกระพัน ส่วนด้านเมตตามหานิยมก็นิยมใช้รูปหงส์ และนกสาริกา หัวใจตัวนะต่าง ๆ นอกจากนั้นก็มีพวกเครื่องรางของขลัง จะเป็นพวกเสื้อยันต์ ผ้าประเจียด ผ้ายันต์ ตะกรุด พิศมร ลูกสะกด การกินว่าน อาบน้ำว่าน แต่คนสมัยก่อนนิยมการสักยันต์ลงบนร่างกายมากกว่า เพราะสะดวกในการพกพาติดตัว ไม่ต้องกลัวการหลงลืม หรือตกหล่นสูญหาย


    [​IMG] [​IMG]
     
  11. Kenny17

    Kenny17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,979
    ค่าพลัง:
    +10,866
    [​IMG]

    [​IMG]

    อ่านไม่ชัดครับ เลยยังไม่ได้หาประวัติครับ
     
  12. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448


    [​IMG]
     
  13. sellcat

    sellcat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +6,706
    [​IMG]

    สุดยอดของผู้ชอบของพิเศษ พระปิดตาพิมพ์หยดน้ำ แจกกรรมการ
    หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง พระเถรจารย์ 5แผ่นดิน ศิษย์ตัวจริงหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ปลุกเสกมหาพิธี 2วาระ
    พระปิดตา พิมพ์หยดน้ำ แจกกรรมการ หลวงปู่ทองดำ ฐิตวัณโณ วัดท่าทอง อ.เมือง จ.อุดรดิตถ์ เนื้อมหาว่าน,ผงพุทธคุณ,ชานหมาก และ เกศาหลวงปู่ ก้นอุดเทียนชัย หลวงปู่เจิมแป้งเจิมด้วยตัวเอง ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2538 จำนวนการสร้าง 30องค์ (องค์นี้เจ้าของเก่าคือ พระปลัดแดง ศิษย์ใกล้ชิดที่คอยดูแลหลวงปู่ครับ บูชาจากคนสนิทของพระปลัดแแดงมาอีกทีครับ)

    วัตถุประสงค์ : ในโอกาสอันเป็นมหามงคลที่หลวงพ่อทองดำ สิริอายุครบ99ปี

    วาระพิธีพุทธาภิเษก 2วาระ พร้อมพระกริ่ง รุ่นทองดำ99
    วาระที่ 1 : เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2538
    รายนามพระคณาจารย์ที่ร่วมปลุกเสก อาทิ
    1.พระนิมมานโกวิท(ทองดำ) วัดท่าทอง
    2.หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย
    3.หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา
    4.พระมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ
    5.หลวงพ่อสิริ วัดตาล จ.นนทบุรี
    6.หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก
    7.หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
    8.หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน
    9.หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ
    10.หลวงวพ่อสมควร วัดถือน้ำ
    11.หลวงพ่อตี๋ วัดหลวงมหาราช
    12.หลวงพ่ออ่อน วัดเนินมะเกลือ จ.พิษณุโลก
    13.หลวงพ่อเหลือ วัดท่าไม้เหนือ จ.อุตรดิตถ์
    14.พระครูวินัยธรสมโภช(อิฏฐ์)วัดจุฬามณี
    15.พระครูปลัด มล.ทวีศักดิ์ ดารากร(น้ำมนต์เดือด)จ. มุกดาหาร
    16.พระครูปลัดบัวลอย ญาณลกฺชิโต (บัวลอย)วัดท่าตะเคียน จ.พิษณุโลก
    17.พระครูภาวนากิติคุณ วัดเกษม จ.อุตรดิตถ์
    18.หลวงพ่อแกง ปสาโธ วัดน้ำปิง จ.อุตรดิตถ์
    19.พระปลัดไพรินทร์ ทนฺจิตโต วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก (เจ้าพิธี)

    วาระที่ 2 : เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538
    รายนามพระคณาจารย์ที่ร่วมปลุกเสก อาทิ
    1.พระนิมมานโกวิท(ทองดำ) วัดท่าทอง
    2.หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
    3.หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ
    4.หลวงปู่หงษ์ วัดเพชรบุรี
    5.พระครูกาชาด(บุญทอง) วัดดอนศาลา
    6.หลวงพ่อพรหม วัดบ้านสวน
    7.ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี
    8.ครูบาสร้อย วัดมงคลคีรีเขตร์
    9.อ.อิฏฐ์ วัดจุฬามณี
    10.พระสมุห์เจือ วัดกลางบางแก้ว
    11.พระมหาโพธิ์ ญาณสังวโร (โพธิ์)วัดคลองมอญ
    12.หลวงปู่พรหมา วัดสวนหินผานางคอย
    13.หลวงพ่อคง วัดตะคร้อ
    14.หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดบึงบวรสถิตย์
    15.หลวงพ่อบัวลอย วัดท่าตะเคียน
    16.พระปลัดไพรินทร์ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
    พระสวดพิธีกรรม 9 รูป ศิษย์สาย หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว



    หลวงปู่ทองดำ ท่านเป็นลูกศิษย์และลูกบุญธรรมของ ลพ.เงิน พุทธโชติ (วัดบางคลาน จ.พิจิตร) ท่านคอยรับใช้ใกล้ชิดท่านอนุญาตให้พักกุฎิเดียวกับท่าน หลวงพ่อเงินได้สอนสรรพวิชาอาคมไสยเวทต่าง ๆ คาถาที่หลวงพ่อเงินสอนไว้นั้นที่สำคัญคือ “นะโมพุทธายะ” (พระเจ้าห้าพระองค์)ซึ่งต่อมาหลวงปู่ได้ใช้เป็นคาถาประจำตัวของท่านตลอดมาวัดบางคลาน


    ประวัติโดยย่อหลวงปู่ทองดำ ฐิตวัณโณ วัดท่าทอง
    ภูมิหลังชาติกำเนิด
    วันพุธ ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 5 พุทธศักราช 2441 ณ.บ้านไซโรงโขน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร นายบุญนาค นางจ่าย แม่พริ้ง ได้ให้กำเนิดบุตรคนที่ 4 เพศชาย(ในจำนวนพี่น้องชายหญิง 8 คน) บิดามารดาได้ตั้งชื่อ เด็กชายทองดำ เม่นพริ้ง

    การศึกษา
    วัยเด็ก
    ขณะเด็กชายทองดำ อายุ 3 ขวบ บิดามารดาได้นำไปถวายเป็นบุตรบุญธรรมกับหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ (วัดบางคลาน จ.พิจิตร) หลวงพ่อเงินเห็นครั้งแรกได้เอ๋ยคำออกมา "ไอ้หนูเด็กน้อยคนนี้เป็นเทวดามาเกิด ใครเสี้ยงก็ไม่ได้ มาเป็นลูกของเราเถิดนะ" หลวงพ่อเงินเอาผ้าผืนลงปูรองรับเด็กน้อยคนนี้ ทำพิธีรับลูก จากนั้นเด็กคนนี้ได้รับการเลี้ยงดูอุปถัมภ์ สั่งสอน อบรม วิชาความรู้ และสรรพวิชาต่าง ๆ โดยได้พักอาศัยกับหลวงพ่อ เมื่อหลวงพ่อเงินเงินท่องบทสวดมนต์เด็กชายทองดำก็สามารถท่องได้จบเล่มในวันเดียว ชาวบ้านรู้ข่าวต่างแห่มาดูการใหญ่ว่าเด็กน้อยคนนี้มีหน้าตาอย่างไร กระทั่งโตขึ้นบิดามารดามารับเด็กชายทองดำไปเล่าเรียนศึกษากับอาจารย์โต (เจ้าอาวาสวัดท่าทอง ต.วังกะพี้ จ.อุตรดิตถ์ในสมัยนั้น)

    วัยหนุ่มฉกรรจ์
    นายทองดำได้ฝึกฝนและศึกษาศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทยจนมีความชำนาญ จนได้เป็นนักมวยที่มีฝีมือดีคนหนึ่ง ซึ่งช่วงวัยหนุ่มนี้ทองดำได้เพื่อนคนหนึ่งชื่อ "เล็กย่งหลี"(ต้นตระกูลเล็กอุทัย)มีรูปร่างเล็กไปไหนไปด้วยกันประจำ ได้ฝึกชกมวยด้วยกันมา หากออกชกมวยที่ไหนจะให้เล็กย่งหลีขึ้นไปเปรียบหาคู่ชก แต่ตอนเวลาชกนายทองดำจะเป็นผู้ชกแทน ก่อนชกนายทองดำจะบริกรรมคาถาที่ได้ร่ำเรียนมาโยมปู่จนรู้สึกตัวหนา(ของขึ้น)และนายทองดำก็สามารถชกมวยชนะแทบทุกครั้ง อายุครบเกณฑ์ทหาร ได้เข้ารับเป็นทหาร 2 ปี ปลดจากทหารประจำการแล้วจึงได้อุปสมบทสู่ร่มพระศาสนา

    สู่ร่มพระศาสนา
    อุปสมบทเมื่ออายุ 22 ปี ณ. พระอุโบสถ วัดวังหมู ต.หาดกรวด อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ โดยมีพระครูวิเชียรปัญญามหามุนี (เรือง )เจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ เจ้าอาวาสวัดท่าถนน ต.ท่าอฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ในขณะนั้นเป็นองค์อุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2463 พระอาจารย์แส เจ้าอาวาสวัดวังหมู ต.หาดกรวด อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฐิตวณโณ” เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดท่าทอง 1 พรรษา ทางวัดท่าทอง ต.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง คณะศรัทธา วัดท่าทองได้ลงความเห็นพ้องกัน โดยได้ไปกราบนมัสการเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อขออนุญาตจากเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ด้วยดี คณะศรัทธาให้”พระภิกษุทองดำ” เพื่อนิมนต์ให้ไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าทอง ซึ่งหลวงพ่อเองก็มีเจตนาอันบริสุทธิ์และจิตใจอันแน่วแน่ต่อพระพุทธศาสนาและเป็นโอกาสที่จะได้พัฒนาทำนุบำรุงเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุงเรืองยิ่งขึ้นสมความตั้งใจ หลวงพ่อจึงรับภารกิจนิมนต์ครั้งนี้และย้ายมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าทอง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2468เป็นต้นมา

    การศึกษาพระปริยัติธรรม
    การที่หลวงย้ายมาจากวัดท่าทองมาอยู่วัดท่าถนน ซึ่งเป็นวัดของพระอุปัชฌาย์ของท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่นั้น ด้วยความมุ่งมั่นที่จะศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างจริงจัง เพื่อศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพระธรรมวินัยให้ละเอียดและถ่องแท้ หลวงปู่ได้มีความขยันเพียนตั้งใจศึกษาด้วยความวิริยะอุตสาหะภายในปีเดียวก็สอบได้นักธรรมตรี (พ.ศ.2466) ด้วยเหตุแห่งการศึกษาทางพระธรรมวินัยในสมัยนั้นยังไม่เจริญพอการศึกษามีเพียงชั้นนักธรรมตรีเท่านั้น ฉะนั้นการศึกษาของท่านต้องหยุดชะงักลง

    ตำแหน่งการปกครองและสมณศักดิ์ที่ได้รับตั้งแต่ปี พ.ศ.2468
    หลวงปู่มีตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์และสมณศักดิ์พัดยศดังนี้
    - ปีพ.ศ.2468 อายุ 27 ปี พรรษา 5 ดำลงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าทอง
    - ปี พ.ศ.2478 ได้รับสมณศักดิ์แต่งตั้งเป็นพระธรรมธรฐานานุกรมของพระครูวิเชียรปัญญา มหามุณีศรีอุตรดิตถ์ เจ้าคณะอุตรดิถต์
    - ปี พ.ศ.2482 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะเป็นเจ้าคณะตำบลหาดกรวด-วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์และในปีนั้นได้เลือนสมณศักดิ์แต่งตั้งเป็นพระปลัดฐานานุกรม ของพระครูธรรมสารโกวิทย์ (ยศ)เจ้าคณะแขวงเมืองอุตรดิตถ์
    - ปี พ.ศ. ได้รับการแต่งตั้งเป็นสาธารณูปการ อ.เมืองอุตรดิตถ์
    - ปี พ.ศ. 2487 ได้รับพระราชทานเป็นพระครูธรรมมาภรณ์ประสาท
    - ปี พ.ศ.2497 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์
    - ปี พ.ศ.2498 ได้รับการแต่งตั้งเป็นสาธารณูปการจังหวัดอุตรดิตถ์
    - ปี พ.ศ.2504 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชทานคณะชั้นสามัญนาม “พระนิมมานโกวิท”
    - ปี พ.ศ.2510 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นคณะอำเภอเมืองอุตรดิตถ์
    - ปี พ.ศ.2542 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรง ตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จวบจนมรณภาพ(ในปี พ.ศ.2548)

    การศึกษาด้านเวทย์มนต์คาถาอาคม
    ช่วยวัยเด็กหลวงปู่ได้ติดตามบิดาล่องเรือขายยาสูบระหว่างอุตรดิตถ์ จ.พิจิตร จ.นครสวรรค์ บิดามารดาได้ฝากเป็นเด็กวัด เรียนหนังสือกับหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ วัดบางคลาน จ.พิจิตร คอยรับใช้ใกล้ชิดท่านอนุญาตให้พักกุฎิเดียวกับท่าน หลวงพ่อเงินได้สอนสรรพวิชาอาคมไสยเวทต่าง ๆ คาถาที่หลวงพ่อเงินสอนไว้นั้นที่สำคัญคือ “นะโมพุทธายะ” (พระเจ้าห้าพระองค์) ซึ่งต่อมาหลวงปู่ได้ใช้เป็นคาถาประจำตัวของท่านตลออดมา นอกจากนั้นหลวงปู่ยังได้ศึกษาวิชาอาคมกับโยมปู่ของท่าน ซึ่งเป็นวิชาอยู่ยงคงกระพัน เพื่อป้องกันตนเอง หลวงปู่ได้ใช้วิชานี้ปลุกเศกตัวเองก่อนจะขึ้นชกมวยทุกครั้ง โดยก่อนจะขึ้นชกมวยหลวงปู่จะบริกรรมคาถาจนรู้สึกว่าเนื้อเริ่มหน่าขึ้น (ของชึ้น)จึงจะชกได้

    เมื่อขณะหลวงอุปสมบทแล้ว ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดท่าถนน (วัดหลวงพ่อเพ็ชร) ซึ่งอยู่ในตัวเมืองอุตรดิตถ์ หลวงปู่ทราบว่าที่วัดกลางอยู่ห่างจากวัดท่าถนนทางทิศใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร มีพระภิกษุชราอยู่รูปหนึ่ง “หลวงพ่อทิม” ขาดการดูแลเอาใจใส่ หลวงปู่จึงได้ใช้เวลาว่างเดินทางจากวัดท่าถนนมาวัดกลางทุกวัน เพื่อปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อทิมด้วยจิตใจเมตตาและให้ความเคราพนับถึอ โดยหลวงปู่ได้ปฎิบัติภารกิจเป็นประจำทุกวัน ได้แก่ ตักน้ำ ขึ้นมาจากท่าแม่น้ำน่าน นำมาใส่ตุ่มไว้ให้หลวงพ่อทิมได้สรง เก็บกวาดกุฎิ ชำระล้างภาชนะต่างๆ ประจำมิขาด โดยหลวงปู่มิได้หวังสิ่งค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น แต่ทำไปเพราะจิตเมตตาแก่ภิกษุผู้สูงอายุโดยแท้ซึงจากการกระทำความดีของหลวงปู่ ทำให้หลวงพ่อทิมซึ่งขณะนั้นไม่มีผู้ใดทราบความเป็นมาหลวงพ่อทิมว่าเป็นพระภิกษุเชี่ยวชาญมนต์คาถาทุกด้าน

    ซึ่งกิตติศัพท์ ชาวบ้านย่านเกาะบางโพและตำบลใกล้เคียงทราบคือ “ตะกรุดโทน” ซึ่งหลวงพ่อปลุกเศกโดยดำลงน้ำจารึกอักขระบนแผ่นตะกรุดจนกว่าจะเสร็จ *น่าเสียดายวันหนึ่งมีมนุษย์ผู้เขลาด้วยปัญญา นำตะกรุดที่ท่านมอบไปผูกคอสุนัขและยิงสุนัข แต่ปาฎิหารย์กระสุนด้านหมด เมื่อหลวงพ่อทิมเห็นสุขันวิ่งหลบใต้กุฎิจึงถอดออกจากคอสุนัข ท่านโกรธจึงประกาศงดให้เครื่องรางของขลังแก่ชาวบ้าน หลวงปู่เมื่อได้รับมอบวิชาและตำราจากหลวงพ่อทิมไปแล้ว ท่านหมั่นศึกษาภาวนาปฎิบัติ ทุกบท ทุกวรรคตอน จนสิ้นกระบวนความในตำรา จนชาวบ้าน บ้านเกาะต่างกล่าวกันว่าหลวงพ่อทิมไปเกิดที่วัดท่าทอง หลวงปู่ได้ใช้คาถาอาคมช่วยเหลือชาวบ้านตลอดมา ประพรมชาวบ้านที่แวะเวียนมากราบนมัสการท่าน ซึ่งน้ำมนต์นี้หลวงปู่จะปลุกเศกทุกวัน ใส่โองมังกรขนาดใหญ่

    สภาพสวยเดิมๆไม่ผ่านการบูชา เจ้าของเก่าซีลซองเก็บรักษาอย่างดี พิมพ์คมชัดลึกแป้งเจิมเดิม เกศาหลวงปู่เยอะเลย พุทธคุณค้าขายโภคทรัพย์ เมตตามหานิยม คลาดแค้ลว
     
  14. วุฒิ สิงห์

    วุฒิ สิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +13,055
    จองครับองค์นี้.....เก็บของหลวงปู่รับรองดีแน่ครับ..บูชาก็ดี..ปล่อยต่อก็มีกำไรแน่นอนครับ
     
  15. sellcat

    sellcat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +6,706
    ไม่แน่ใจเหมือนกันคับ ถ้าหลวงปู่ดังจะราคาไปด้วยไหม เนื่องจากสร้างน้อยมาก กรรมการสร้างไว้้ใช้กันเอง ไม่รู้เค้าจะเอาลงหนังสือกันไหม แต่เรื่องพุทธคุณนี่หายห่วงแน่ๆ อิอิ
     
  16. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    [​IMG]



    [​IMG]



    พระอาจารย์ไพรวัลย์ ชยทตฺโต


    ท่านเคยบอกว่าไปเรียนวิชากรรมฐานกับ หลวงปู่คำพันธ์ วัดพระธาตุมหาชัย จ.นครพนม เป็นระยะเวลานานเกือบ 6 ปี

    เป็นศิษย์ ครูบาชัยยะวงศา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน

    และสุดท้าย พระอาจารย์บอกว่าเคยไปเรียนวิชากับ หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ จ.ระยอง

    ก่อนที่จะกลับภูมิลำเนา มาตั้งสำนักสงฆ์หาดทรายแดง ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ครับ

    เพราะถ้านับสรรพวิชาสายตะวันออกชั่วโมงนี้ไม่มีใครเกินหลวงพ่อสาครครับ

    จึงถือได้ว่าวิชาที่สุดยอดของหลวงปู่ทิม อิสรโก มีหลักฐานพยานบุคคลพิสูจน์ได้คือ หลวงพ่อสาครเอง

    ท่านบอกกับลูกศิษย์ว่า " ถ้าท่านไม่อยู่ก็โน่นเลย จังหวัดตราด หาท่านไพรวัลย์ได้ "

    ลูกศิษย์ที่เป็นทหารนาวิกโยธินและไปรับใช้ชาติที่ภาคใต้

    ต่างกล่าวยกย่องกันว่าพระเครื่องของพระอาจารย์สุดยอดจริงๆ เพราะทุกคนไม่เคยมีใครเลือตกยางออก

    มีเหตุให้แคล้วคลาดจากอันตรายทุกครั้งไป พระไม่ดัง เพราะไม่มีเจตนาอยากดัง

    แต่ถามว่าขลังหรือเปล่าพูดได้เต็มปากว่าไม่แพ้ใคร...
     
  17. วุฒิ สิงห์

    วุฒิ สิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +13,055
    อนุโมทนาด้วยครับพี่ๆ....สวัสดีพี่น้องทุกๆท่านครับ
     
  18. sellcat

    sellcat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +6,706
    ถ้ามีเวลาอยากไปตระเวนกราบหลวงพ่อแต่ละท่านด้วยมั้งจัง รู้สึกถึงบารมีแต่ละหลวงพ่อที่มีให้ตามรูปถ่ายเลย อิอิ
     
  19. วุฒิ สิงห์

    วุฒิ สิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +13,055
    [​IMG]



    [​IMG]
     
  20. sellcat

    sellcat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +6,706
    [​IMG]

    พระเนื้อผงรูปเหมือนนั่งอยู่ในใบโพธิ์ ผสมเส้นเกศา คณะศิษย์จ.ชลบุรี สร้างถวาย จำนวน 20,000 องค์ รุ่นนี้สังเกตุชื่อหลวงปู่ จะอยู่ใต้ขอบล่างของใบโพธิ์

    พระรุ่นนี้ จะมีเกศาติดแถวสังฆาฏิทุกองค์ สภาพสวย พร้อมกล่อง เป็นของดีราคาเบา ส่วนรุ่นอื่นๆ ไปค่อนข้างไกลแล้ว ราคาคงวิ่งไปอีก รีบเก็บก่อนที่ราคาจะวิ่งไปครับ

    ผู้ใช้พระเครื่องหลวงปู่สีล้วนมากมีด้วยประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด เมตตามหานิยมสูง

    นอกจากนี้แล้วสันนิษฐานว่า พระหลวงปู่สี เป็นพระดีที่คนคิดไม่ถึง หรือว่าลืม ทั้งๆ ที่วัตถุมงคลของท่านเก่ากว่าพระเกจิอาจารย์ในยุคเดียวกันมาก

    สำหรับประวัติของหลวงปู่สี ฉันทสิริ พระเถราจารย์ที่มีอายุยืนยาวที่สุดรูปหนึ่ง คือ ๑๒๘ ปี ถือได้ว่าท่านเป็นพระเถราจารย์ ๗ แผ่นดิน ท่านเป็นชาว อ.รัตนะ จ.สุรินทร์ เกิดปีจอ พ.ศ.๒๓๙๒ ตรงกับสมัยของรัชกาลที่ ๔ ส่วนเกิดวัน เดือนใด ท่านไม่เคยบอก

    หลวงปู่สี เป็นพระสมถะ ไม่สะสมสมบัติพัสถานใด ไม่ยึดติดในความสะดวกสบาย ท่านอยู่กุฏิไม้เก่าๆ หลังเล็กๆ ท่านเจ้าอาวาสจะสร้างกุฏิหลังใหม่ให้ แต่ท่านไม่ชอบ บอกว่าจะไม่ไปอยู่ พอช่างก่ออิฐเสร็จ จะฉาบปูน ปรากฏว่า ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงก็ฉาบปูนไม่ติดจนต้องเลิก พระรักษ์ ซึ่งเป็นพระอุปัฏฐากของหลวงปู่ จึงไปเรียนถามหลวงปู่ว่า "ทำไมไปแกล้งช่างปูน" หลวงปู่บอกว่า "ท่านไม่ได้แกล้ง เพียงแต่ท่านไม่อยากอยู่กุฏิใหม่"

    พระรักษ์จึงบอกว่า "หากหลวงปู่ไม่อยากอยู่ก็ไม่เป็นไร ให้ช่างปูนเขาสร้างให้เสร็จเถิด" หลวงปู่จึงบอกว่า "ให้ช่างมาทำใหม่" ปรากฏว่าทำเสร็จในวันนั้น แต่ท่านก็ไม่เคยใช้กุฏิหลังนี้เลย จนท่านมรณภาพแล้ว จึงนำร่างของท่านบรรจุในหีบแก้ว แล้วประดิษฐานไว้ที่กุฏินี้

    ปาฏิหาริย์หนึ่งของหลวงปู่สีที่พูดกันในหมู่ลูกศิษย์

    เมื่อต้น พ.ศ.๒๕๑๙ วัดเขาถ้ำบุญนาค มีงานประจำปี ตรงกับวันที่วัดแห่งหนึ่ง จ.ชลบุรี มานิมนต์หลวงปู่สีไปเป็นประธาน โดยท่านรับปากว่า จะไปในวันที่ ๑๘ มีนาคม พอถึงวันที่กำหนดไป จ.ชลบุรี พระเณรต่างก็เห็นท่านอยู่ที่วัด ไม่ได้ไปไหน แต่วันที่ ๑๙ มีนาคม ชาวชลบุรีที่ได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงปู่ ได้เหมารถตามมาที่วัดเขาถ้ำบุญนาค ถามหาหลวงปู่สี แล้วถามว่า "เมื่อวานนี้หลวงปู่ใช่ไหมที่ไปพรมน้ำมนต์ให้ญาติโยมที่ชลบุรี"

    พระเณรที่นั่งอยู่ด้วยถึงกับงง ถามว่า "หลวงปู่ไปกับใคร" หลวงปู่ไม่ตอบ ล้มตัวลงนอนตามปกติ พอถึงเพล ชาวชลบุรีก็นำอาหารที่เตรียมไปมาถวาย ท่านก็ลุกขึ้นมารับประเคน แล้วนั่งยองๆ ฉันอาหาร มีแมวหมาล้อมหน้าล้อมหลัง

    ชาวชลบุรีเห็นอย่างนั้นก็หมดศรัทธา ว่าท่านไม่ค่อยสำรวม ได้เดินทางต่อไปวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี เพื่อกราบนมัสการหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และได้เล่าให้หลวงพ่อฤาษีลิงดำฟังถึงหลวงปู่สี ว่าเป็นพระไม่น่านับถือ

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ กล่าวว่า "กราบฉันแสนครั้งยังไม่เท่าได้กราบหลวงปู่สีครั้งเดียว" ต่อมาศิษย์ชาวชลบุรีกลุ่มนี้ กลายมาเป็นศิษย์ที่นับถือหลวงปู่สีมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...