อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    [​IMG]
     
  2. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124

    ขอบคุณข้อมูลดีๆครับพี่ชาญ....
     
  3. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124

    เนื้อสวยมากครับ...พระยุคเก่าหายากแล้วครับ...
     
  4. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    [​IMG]
     
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,095
    ค่าพลัง:
    +53,094
    tee_tores, MrCHAN, ddd445

    สวัสดียามเย็นครับพี่โญ พี่ตี๋ วันนี้ยุ่งมากๆ
    :'(
     
  6. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    พระผงรูปเหมือนพิมพ์ห้าเหลี่ยม

    [​IMG]


    [​IMG]



    “พระภาวนาวิศาลเถร” หรือ “หลวงปู่บุญมี โชติปาโล”


    มีนามเดิมว่า บุญมี นามสกุล กุศลคุณ เกิดเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๕๒ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ

    เดือน ๓ ปีระกา ซึ่งตรงกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันมาฆบูชา ณ บ้านเลขที่ ๑๓๖ หมู่ที่ ๒ บ้านนาเมือง ตำบลไร่น้อย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โยมบิดาชื่อ

    นายกุ กุศลคุณ โยมมารดาชื่อ นางเลื่อน กุศลคุณ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๑๐ คน เป็นชาย ๔ คน หญิง ๖ คน ท่านเป็นบุตรคนโต

    หลวงปู่บุญมีท่านเล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่ชื่อว่า บุญมี นั้น มีอยู่ว่า ก่อนที่โยมมารดาของท่านจะตั้งครรภ์ ได้ฝันว่า หลวงปู่สีทา ชยเสโน ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของหลวงปู่ได้เอาพร้ามาให้

    แต่พร้าด้ามนั้นเป็นสนิมไปหมด ในนิมิตนั้นโยมมารดาท่านได้ถามหลวงปู่สีทาว่า “เอาพร้าขี้เมี่ยง (เป็นสนิม) นี้มาให้ทำไม ใช้ประโยชน์อะไรก็ไม่ได้”

    หลวงปู่สีทาได้บอกว่า “ให้เอาไปฝน (ลับมีด) เสียก่อนจึงจะใช้การได้”

    เมื่อโยมมารดาจะคลอด ก็เกิดอาการเจ็บท้อง (เจ็บครรภ์) อยู่นานเป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน ความทราบถึงพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์

    สำเร็จราชการมณฑลอีสาน ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่สีทา ชยเสโน พระองค์จึงได้เสด็จพร้อมกับหลวงปู่สีทา ชยเสโน มาเยี่ยมดูอาการโยมมารดาว่าเป็นเพราะอะไรจึงคลอด

    ยากเย็นหนักหนา ครั้นถึงเวลาเที่ยงตรง ในสมัยนั้นไม่มีเครื่องบอกเวลาเหมือนในปัจจุบัน มีการบอกเวลาโดยการยิงปืนใหญ่เป็นสัญญาณ พอสิ้นเสียงปืนใหญ่ โยมมารดาก็

    คลอดทารกเพศชายออกมาเป็นเวลาเที่ยงพอดี และเสด็จในกรมทรงมีรับสั่งว่า “เด็กชายคนนี้ชะรอยจะเป็นผู้มีบารมีมาเกิด จะดีจะชั่วเพียงใดก็ไม่อาจรู้ได้ ขอให้ชื่อว่า บุญมี นะ”

    และมีรับสั่งให้โยมบิดาของหลวงปู่ห่อพันตัวแล้วนำไปลอดใต้ท้องช้าง กลับไปกลับมา ๓ ครั้งเพื่อเป็นสิริมงคล หลวงปู่จึงได้ชื่อว่า “บุญมี” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา


    • การบรรพชาและการอุปสมบท

    ในขณะเรียนชั้นประถมศึกษา โยมมารดาได้พาหลวงปู่บุญมีไปฝากเป็นลูกศิษย์วัดกับ หลวงปู่สีทา ชยเสโน (ซึ่งเป็นหลวงลุง) ณ วัดบูรพา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัด

    อุบลราชธานี ทำให้ท่านได้มีโอกาสกราบนมัสการรับใช้ใกล้ชิด พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล และพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งท่านอาจารย์ทั้งสองได้แวะเวียนมากราบนมัสการ

    เยี่ยมหลวงปู่สีทา ชยเสโน พระอุปัชฌาย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระในสมัยนั้น อยู่เสมอ

    เมื่อสิ้นหลวงปู่สีทา ชยเสโน ในปีพุทธศักราช ๒๔๖๘ โยมมารดาจึงนำไปบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) จังหวัดอุบลราชธานี และในระหว่างบรรพชา

    เป็นสามเณรนั้น พระอาจารย์มั่นได้เมตตานำสามเณรบุญมีติดตามไปจำพรรษาที่จังหวัดสกลนครด้วย สามเณรบุญมีจึงมีโอกาสได้เรียนรู้ ซึมซับปฏิปทาจริยาวัตรของพระ

    วิปัสสนาจารย์อย่างใกล้ชิดตั้งแต่เยาว์วัย ถือได้ว่าท่านเป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่นอีกองค์หนึ่ง

    เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี หลวงปู่บุญมีได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๗๔ ตรง

    กับวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะแม จุลศักราช ๑๒๙๓ และตรงกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันวิสาขบูชา โดยมี พระเดชพระคุณพระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน)

    เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหาสว่าง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เพ็ง เป็นพระอนุศาสนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “โชติปาโล” อันมีความหมายเป็นมงคลว่า “ผู้มี

    แสงสว่างในธรรม”

    • ช่วงชีวิตสมณเพศ
    หลังจากอุปสมบท หลวงปู่บุญมีได้มีโอกาสกราบนมัสการ ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) ซึ่งเป็นพระเถระผู้ใหญ่ผู้มีคุณูปการต่อกิจการคณะสงฆ์ภาค

    อีสาน และท่านเจ้าคุณฯ ก็ได้เมตตาต่อหลวงปู่บุญมี โดยอนุญาตให้ติดตามท่านไปอยู่จำพรรษา ณ วัดบรมนิวาส ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร และวัดเขาพระงาม (วัดสิริ

    จันทรนิมิต วรวิหาร) ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี อีกด้วย

    ในช่วงชีวิตสมณเพศของหลวงปู่บุญมี ท่านได้ออกจาริกธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆ ครั้งหนึ่งท่านได้ออกจาริกไปพร้อมกับ พระอาจารย์มหาสว่าง ซึ่งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ของ

    ท่าน โดยจาริกไปประเทศพม่า ลาว เวียดนาม และเลยไปถึงประเทศจีน เมื่อกลับจากประเทศจีน หลวงปู่บุญมีท่านได้ช่วย พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม สร้างวัดป่าสาลวัน

    ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา อีกวัดหนึ่ง

    นอกจากนี้หลวงปู่บุญมียังได้มีศรัทธาร่วมสร้างวัดอโศการาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ร่วมกับ ท่านพ่อลี ธัมมธโร เพื่อเป็นศูนย์วิปัสสนากรรมฐานแก่พุทธศาสนิกชน

    และยังได้ร่วมกับ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร สร้างวัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ รวมทั้งได้ร่วมกับ พระ

    อาจารย์ดี ฉันโน สร้างวัดภูเขาแก้ว อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี อีกวัดหนึ่งด้วย

    ปีพุทธศักราช ๒๔๘๐ หลวงปู่บุญมีเดินทางกลับมายังจังหวัดอุบลราชธานี และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสระประสานสุข โดยท่านได้ทำการพัฒนาก่อสร้างวัดสืบต่อ

    จากพระเดชพระคุณพระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน) เจ้าอาวาสวัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) ซึ่งเป็นผู้นำพาในการสร้างวัดสระประสานสุขและเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน

    หลวงปู่บุญมีได้พัฒนาวัดสระประสานสุขซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของท่านให้มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นที่น่าเลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนในจังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดใกล้

    เคียงทั่วไปเรื่อยมาตามลำดับ

    • ทำพิธีต่อพระชนมายุถวายแด่สมเด็จพระสังฆราช

    มีเหตุการณ์ปาฏิหาริย์อีกเรื่องหนึ่งที่โจษขานกันไปทั่ว คือ เมื่อครั้งที่มีงานมหาพิธีพุทธาภิเษกพระกริ่งคชวัตร และพระรูปเหมือนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

    สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ ๙๐ พรรษา (ภายหลังจากที่ทรงหายจากอาการพระประชวรหนักจนจวนเจียนจะสิ้นพระ

    ชนม์ แต่ทรงเจริญอิทธิบาท ๔ จนสามารถเจริญพระชนมายุต่อมาได้โดยสวัสดิภาพอย่างน่าอัศจรรย์ไม่นาน) ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๒๖

    กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๖ โดยครั้งนั้น พระภาวนาวิศาลเถร (หลวงปู่บุญมี โชติปาโล) พระอริยเจ้าผู้เข้มงวดเข้มขลังยิ่งแห่งวัดสระประสานสุข จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับ

    อาราธนามานั่งปรกอธิษฐานจิตในพิธีพุทธาภิเษกด้วย

    เมื่อพิธีพุทธาภิเษกเสร็จสิ้น หลวงปู่บุญมีได้ลุกจากอาสนะสงฆ์ที่นั่งอยู่ แล้วเดินตรงเข้ามาหา ยืนต่อเบื้องพระพักตร์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ โดยมิได้ทรุด

    กายลงกราบ พร้อมกับเอาผ้าขนหนูผืนน้อยที่ไว้สำหรับเช็ดหน้าเช็ดปากลูบไล้เช็ดตามพระวรกาย ตั้งแต่พระเศียร (หัว) พระพักตร์ (หน้า) วนไปวนมาอยู่หลายรอบ เสร็จแล้วลง

    มาที่พระพาหา (ไหล่) พระกร (แขน) และพระอุระ (หน้าอก) อย่างที่ไม่มีใครนึกฝันหรือคาดคิดมาก่อน สร้างความตกตะลึงพรึงเพริดให้บังเกิดขึ้นแก่ศิษย์อุปัฏฐากของสมเด็จ

    พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ และทุกๆ คนที่ไม่ทราบความนัยเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อเห็นทุกๆ คน (ยกเว้นแต่องค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ) บังเกิด

    ความสงสัยแปลกใจอย่างเต็มที่ ศิษย์ติดตามหลวงปู่บุญมีจึงกราบทูลชี้แจงในอริยาการดังนั้นมาทีเดียวว่า “หลวงปู่กำลังทำพิธีต่อพระชนมายุถวายแด่ฝ่าพระบาทอยู่ขอรับ

    กระหม่อม”

    เมื่อถึงที่สุดแห่งการพิธี หลวงปู่บุญมีได้ก้มลงกราบที่พระอุระ (หน้าอก) โดยมิได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ขณะที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เองก็มิได้

    ออกพระวาจา หรือแสดงอาการหลบเลี่ยงอย่างไม่สบพระทัยแต่อย่างใดทั้งสิ้น จากนั้นหลวงปู่บุญมีก็ได้กุมพระหัตถ์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ขึ้น

    อธิษฐานเหมือนหนึ่งจะถวายพระพรให้ทรงพระเจริญด้วยพระชนมายุยิ่งยืนนานกว่า ๑๐๐ พระวัสสา ค้ำชูบูชาคุณบวรพระพุทธศาสนาให้สถาพรสืบต่อไปตราบชั่วจิรกาลเป็น

    ปัจฉิมวาระ

    แม้จะมีพรรษายุกาลมากกว่า แต่หลวงปู่บุญมีก็ก้มลงกราบแทบองค์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ อย่างนอบน้อมในพระคุณธรรมอันประเสริฐสุด เป็นที่

    ประทับตาประทับใจแก่พุทธศาสนิกชนทุกผู้ทุกนามที่มีบุญได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง


    • การอาพาธและการมรณภาพ

    พระภาวนาวิศาลเถร (หลวงปู่บุญมี โชติปาโล) ท่านเป็นทั้งพระเถราจารย์ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง และพระอาจารย์ผู้มีวิทยาอาคมขลัง

    ศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองอุบลราชธานี ได้อาพาธด้วยโรคปอดอักเสบ เกิดโรคแทรกซ้อนมาตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖ ประกอบกับสังขารอันชราภาพมากแล้ว

    คณะแพทย์ตรวจอาการแล้วลงความเห็นว่า ควรให้หลวงปู่กลับมาพักรักษาตัวที่กุฏิวัดสระประสานสุขต่อไป โดยมีการส่งแพทย์และพยาบาลไปดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด ตลอด

    ระยะเวลาที่หลวงปู่จำวัดรักษาตัวอยู่ภายในกุฏิ จะมีลูกศิษย์ลูกหาทุกระดับชั้น อาทิเช่น นายจิรศักดิ์ เกษณียบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี, พล.ต.ต.เดชาวัตร รามสมภพ

    ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี, นายทหารระดับนายพล ข้าราชการในจังหวัด และสาธุชนโดยทั่วไป ฯลฯ เข้ากราบนมัสการเยี่ยมอาการอาพาธโดยไม่ขาดสาย

    ต่อมา เมื่อวันศุกร์ที่ ๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๗ เวลา ๐๙.๐๐ น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ เข้ากราบ

    นมัสการเยี่ยมอาการอาพาธหลวงปู่บุญมีภายในกุฏิ วัดสระประสานสุข ท่ามกลางความปลื้มปีติในพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อหลวงปู่ และคณะศิษยานุศิษย์ที่เฝ้าดูแลอาการ

    อาพาธด้วยความห่วงใย ทั้งนี้ โดยมีนายจิรศักดิ์ เกษณียบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี, พล.ต.ต.เดชาวัตร รามสมภพ ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี พร้อม

    ทั้งข้าราชการระดับสูง ฯลฯ คอยเฝ้ารับเสด็จ พระองค์ได้ทรงเฝ้าดูอาการของหลวงปู่อย่างใกล้ชิดโดยไม่ถือพระองค์นานกว่า ๒ ชั่วโมง ระหว่างนั้นได้ทรงมีพระปฏิสันถารสอบ

    ถามถึงอาการอาพาธกับหลวงปู่เป็นระยะๆ ถึงแม้ว่าหลวงปู่จะพูดตอบไม่ได้ แต่ได้แสดงออกถึงซึ่งความปีติ กับโต้ตอบทางสีหน้า พร้อมกับยกแขนแสดงถึงการรับรู้ถึงเรื่องที่พูด

    จากนั้นเวลา ๑๑.๔๐ น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ ได้เสด็จไปทรงประกอบภารกิจเป็นการส่วนพระองศ์ แต่พอคล้อยหลังได้เพียง ๕ นาที คือ เมื่อเวลา ๑๑.๔๕ น.

    หลวงปู่ได้ถึงแก่มรณภาพ ปิดตาลงด้วยอาการอันสงบ พร้อมกับได้ถอดดวงจิตออกจากร่าง ท่ามกลางความโทมนัสของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ เป็นอย่างยิ่ง

    รวมถึงคณะศิษยานุศิษย์ที่เข้ามาเยี่ยมอาการอาพาธทุกคน สิริอายุของหลวงปู่รวมได้ ๙๕ ปี ๓ เดือน ๘ วัน พรรษา ๗๓ ปัจจุบันทางวัดได้บรรจุสรีระสังขารของหลวงปู่บุญมีไว้

    ในโลงแก้ว ณ ศาลาการเปรียญ วัดสระประสานสุข เพื่อให้พุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าไปกราบไหว้สักการะสืบไป

    เนื่องด้วยข้อวัตรปฏิปทาศีลาจาริยวัตรอันงดงาม เคร่งครัดในพระธรรมวินัย จึงเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของญาติโยมพุทธบริษัททุกระดับชั้น หลวงปู่บุญมีสมควรได้รับการยกย่อง

    เป็น “ปราชญ์” ชาวอุบลราชธานี อย่างแท้จริง
     
  7. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    [​IMG]


    น้อมกราบพระรัตนตรัย
    น้อมกราบหลวงปู่บุญมี โชติปาโล

    ขอบพระคุณพี่ตี๋ครับ

     
  8. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    รับทราบ ครับ เป็นเนื้อผงยุคแรก หายากแล้ว ขอบคุณข้อมูลที่ลงมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ
    ถ่ายภาพได้สวยจริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2014
  9. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    เย็นนี้ ทานข้าวกับอะไรครับพี่ตี๋

    พระเนื้อผงยุคแรกพิมพ์ห้าเหลี่ยม




    [​IMG]
     
  10. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124

    อนุโมทนาครับพี่ตี๋...ยินดีด้วยครับคุณโญ....
     
  11. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    วันนี้กำลังขาใช้ได้หรือยังครับคุณเอ๊ะ
     
  12. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    แกงส้ม มะรุม(ของโปรด) ตักราดข้าวเลย ง่ายดีครับ ฮิ ๆ ๆ
     
  13. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    น่าหม่ำครับพี่ตี๋ [​IMG]

    ของผมท่านผู้กำกับทำแกงเขียวหวานไก่ไว้ตั้งแต่มื้อเที่ยง

    คงยาวต่อรอบค่ำนี้พร้อมไข่เจียวด้วยครับ




    [​IMG]


    [​IMG]

    ปล.วันนี้ว่าง ๆ เลยถ่ายภาพไว้หลายภาพครับ
     
  14. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    มุมมองนี้เห็นองค์พระชัดเจนดีครับ อ.โญ
    แกงเขียวหวานไก่ เมื่อก่อนชอบมากต้องออกเผ็ดหน่อย และจะมีหัวใช้โป๊วหวานสุรินทร์เป็นเครื่องเคียงประกอบด้วย แต่เดี๋ยวนี้ต้องตัดใจหลีกเลี่ยงกะทิ พิมพ์ไปน้ำลายสอไปครับ
     
  15. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    อ.โญ จะเห็นว่า ยันต์นี้ ลป.สิริจันโท ลป.สิม มักจะประทับอยู่ด้านหลังวัตถุมงคลเป็นส่วนใหญ่ ผมไม่รู้ว่าเป็นยันต์อะไรครับ
     
  16. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124

    หลายเวอร์ชั่น....
     
  17. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    แสดงว่าพี่ตี๋ชอบภาพสว่าง ๆ

    <a href="http://emoticon.ohozaa.com" target="_blank"><img src="http://emoticon.ohozaa.com/datas/emoticon/Onion/onion_ha.gif" border="0" alt="onion_ha.gif" /></a>
     
  18. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    สวัสดียามค่ำ อ.โญ คุณชาญ คุณเอ๊ะ คุณปู คุณเอ็ม คุณวุฒิ คุณวรรณและทุกๆท่าน
    เมื่อเย็นฝนลงมาแรงพอสมควร คลายร้อนไปได้เยอะเลยครับ
     
  19. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    ลองเดาดูนะครับพี่ตี๋<a href="http://www.yenta4.com/cutie/view_img.php?d_id=1945&cate_id=1" target="_blank"><img src="http://www.yenta4.com/cutie/upload/945/1945/50126e934d747.gif" border="0" alt="รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com" title="รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com"></a><br />

    อ่านจากคำที่เขียนไว้น่าจะอ่านได้ว่า "นะ มา มิ หัง " ตัวล่าง "อุ"

    นะมามิหัง แปลได้ว่า "ข้าพเจ้าขอนอบน้อม"

    "อุ" ย่อมาจาก "อุตมปัญญา"

    ก็หมายถึงปณิธาน สูงสุด ในพระพุทธศาสนา นั้นคือ ปัญญา ซึ่งปัญญาในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เป็นลักษณะพิเศษซึ่งไม่ปรากฏในหมู่ พระสาวก ในคือพระสัพพัญญุุตญาณ
    ซึ่งเป็นคุณของพระพุทธเจ้า อันปรากฏแก่ หมู่ชน ด้วย ฉัพพันณรังสี เฉพาะพระพุทธองค์เท่านั้น

    โดยรวมน่าจะหมายถึง "ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ครับ



    *** อ่านอีกทีได้ว่า มิ นะ มะ อะ อุ ครับ <a href="http://www.yenta4.com/cutie/view_img.php?d_id=1945&cate_id=1" target="_blank"><img src="http://www.yenta4.com/cutie/upload/945/1945/50126e9068eb5.gif" border="0" alt="รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com" title="รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com"></a><br />
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2014
  20. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    จัดไปอีกครับ จบกี่เซ็ทแล้วครับคุณเอ๊ะ



    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...