เรื่องเด่น เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง

หลวงพ่อคือพระที่หลุดพ้นแล้ว จาก เกิด แก่ เจบ ตาย โลกสามัญแล้ว หลวงพ่อทรงจิตอภิญญาขั้นสูงสุด พระของท่านจึงเทียบชั้นกับธาตุกายสิทธิ์ ศิษย์ใกล้ชิดรวมถึง ท่าน พ.อ.ชม เชื่อหลวงพ่อท่านล่องหนเข้าดงไปแล้ว เปนพระในดงตามแบบฉบับครูบาอาจารย์ของท่าน ส่วนตัวแล้วเชื่อว่า ท่านยังไม่มรณภาพ จะปรากฏกายทิพย์รึกายธรรมโปรดศิษย์ย่อมทำได้ตามแบบฉบับพระผู้สำเร็จอันจิตและกายเปนอมตะ สาธุๆๆๆๆๆแด่หลวงพ่อผู้วิเศษและอาจารย์ในดงทุกพระองค์ สุดยอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

สวัสดียามดึกครับพี่หนุ่มเมืองแกลง เพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน และผู้ที่เคารพและศรัทธาหลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต ทุกๆท่านครับผม
มาติดตามข้อมูลจากพี่หนุ่มเหมือนเดิมครับ

 

เคล็ดการอธิษฐานจิต และอุทิศบุญแบบได้ผล

ให้กระทำเบื้องหน้าพระพุทธรูป (โต๊ะหมู่บูชา หรือหิ้งพระ) หรือถ้าในที่พักไม่มี ก็ให้อยู่ในสถานที่อันควร เป็นที่สงบ แล้วน้อมระลึกถึงพระคุณความดี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ผู้มีอุปการะคุณ

1. ก่อนอธิษฐาน ให้ไหว้พระสวดมนต์ก่อน โดยกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย (อรหัง สัมมาฯ)
2. นมัสการพระพุทธเจ้า (นะโม ตัสสะฯ 3 จบ) และรับไตรสรณคมณ์ (พุทธัง สรณัง คัจฉามิฯ)
3. สมาทานศีล (ว่าบาลี หรือไทย ถ้าเพิ่งเริ่มปฏิบัติให้ว่าทั้งบาลีและแปลไทยจะดีมาก)
4. สวดพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ (อิติปิโสฯ) หรือระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
5. กล่าวคำอธิษฐานถวายสังฆทาน /อื่นๆ
6. กรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลผลบุญ ตอนที่เอาน้ำไปเท (ให้เทลงที่พื้นดิน) ก่อนเทน้ำตั้งจิตบอกแม่พระธรณีว่า “ ขอแม่พระธรณีทรงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญบุญกุศลของลูกในครั้งนี้ด้วยเถิด ” อันเป็นเรียบร้อย เสร็จพิธี

• การกรวดน้ำ ถ้าไม่มีอุปกรณ์ (คนโทกรวดน้ำ) ให้ใช้ขวดเล็กๆใส่น้ำแล้วรินใส่แก้วก็ได้ เสร็จแล้วเอาน้ำไปเทที่พื้นดิน
• ให้ทำทุกวันที่ได้ถวายสังฆทาน หรือ วันที่ได้สร้างบุญกุศลให้เกิดขึ้น

หมายเหตุ...กรณีไม่ได้ถวายสังฆทานสามารถประยุกต์ใช้คำอธิษฐานนี้มนการทำบุญชนิดอื่นๆ ในแต่ละครั้งได้ โดยปรับให้เหมาะสมตามสถานการณ์ แล้วน้อมผลบุญทีได้กระทำ อุทิศไปให้แก่บุคคลที่ปรารถนา
ตัวอย่างคำอธิษฐานทั่วๆไป

ข้าพเจ้า (ชื่อ – นามสกุล)...........ขอน้อมเอาผลบุญทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นจาก (กล่าวชื่อของทานอาทิ ถวายปัจจัย ทรัพย์สิน เงินทอง ถวายกฐิน ผ้าป่า สิ่งของ ฯลฯ ตลอดจน การให้อภัยทาน ให้ธรรมทาน การรักษาศีล และการเจริญภาวนา (ถ้ามี)) ในครั้งนี้ / วันนี้ / เมื่อเวลา ...สถานที่... (ในกรณีที่ไม่ได้กล่าวอุทิศในสถานที่ทำบุญนั้น แต่กลับมา กล่าวอุทิศในที่พัก ที่บ้าน ในภายหลัง) อุทิศให้แก่.............ขออานิสงส์ผลบุญนี้ จงเป็นพละปัจจัยให้ข้าพเจ้า.....ชื่อ – นามสกุล... (หรือผู้อื่น กรณีอุทิศให้ผู้อื่น และหากปรารถนาสิ่งใดก็ให้ว่าไป โดยต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม อาทิ เพื่อความสำเร็จต่างๆ ให้ธุรกิจการงานราบรื่น มีผลกำไรดี ให้คิดดี พูดดี ทำดีต่อกัน สนับสนุนกัน ขอให้หายเจ็บไข้ได้ป่วย) ให้พ้นจากภาวะทุกข์ทั้งหลาย ปัญหาอุปสรรคทั้งหลายที่เป็นอยู่ (ระบุ บอกรายละเอียด) ฯลฯ...นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เทอญ

ความสำคัญก็คือ เมื่อบุญเกิดขึ้นแล้ว เราสามารถน้อมเอาผลบุญนั้น มาอุทิศให้แก่ผู้อื่น
เพื่อให้ผู้อื่นนั้นมีความสุขด้วย อีกทั้งยังเป็นการใช้หนี้เวร หนี้กรรม เศษเวร เศษกรรมทั้งหลาย ที่เกิดจากบาปเวรอกุศล กรรมที่เราเคยสร้างไว้กับผู้อื่น อันเป็นผลให้เราได้รับวิบากกรรมชั่วต่างๆนานา (ที่เรามักว่ามาจากเจ้ากรรมนายเวรนั่นแหละ) โดยบุญที่เกิดขึ้นนั้นก็ยังเป็นบุญของเราอยู่ด้วย การอุทิศให้ผู้อื่นก็เพื่อให้เขาได้อนุโมทนาและได้มีส่วนในบุญนั้นด้วย

ต่อจากนั้นเราก็กล่าวอุทิศบุญทั้งหลายนี้ให้กับบุคคลทั้งหลายที่เราปรารถนาจะอุทิศให้ แล้วจึงตั้งจิตอธิษฐานเพื่อให้บุญนั้นเกิดเป็นความสำเร็จในกิจการงานต่างๆ ตามที่เราได้ปรารถนา หรือตั้งเป้าหมายไว้ ส่วนการที่เราจะอุทิศบุญให้แก่ใคร บุคคลใดนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปเกี่ยงพันเชื่อมโยงกับบุคคลต่างๆ ในแง่ใด ในสถานการณ์ใด (ในทุกๆ ภพภูมิ หรือทุกมิติ) แล้วจึงเจาะจงอุทิศให้ไป (การอุทิศบุญต้องเจาะจง)

หมายเหตุ.... ควรทำให้ได้ทุกวันและในแต่ละวันควรทำบุญให้ครบส่วน ทั้งในส่วนของ ทาน ศีล ภาวนา หากไม่มีโอกาสได้ทำทานทุกวัน หรือคิดว่ายังไม่พร้อมเพียงพอในเรื่องทรัพย์ปัจจัยที่จะนำไปใช้ในการทำบุญ ก็ให้หมั่นสะสมไว้ ใช้วิธีหยอดเงินใส่กระปุกออมสินรวบรวมไว้ก้อได้ แล้วนำไปทำทาน ถวายทาน ในแต่ละสัปดาห์หรือตามโอกาส การทำบ่อยๆจะทำให้จิตระลึกถึงบุญกุศลอยู่เสมอ

 

การอธิษฐานจิตสู่ความสำเร็จ

จิตนี้เป็นนาม ไม่ใช่รูป จึงไม่อาจจะมองเห็นได้ เพราะมันไมมีรูปร่าง ไม่มีสี ไม่มีเสียง และไม่มีกลิ่น จึงไม่อาจจะจับต้องได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ใดๆ แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง ซึ่งสามารถรู้ได้และสังเกตได้จากพฤติกรรมที่แสดงออกมา พลังจิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะเป็นองค์ประกอบในการอธิษฐาน เราจะอธิษฐานอะไรได้ผลหรือไม่ได้ผลขึ้นอยู่กับพลังจิตของเรานี่แหละ ที่เป็นเหตุเปรียบเทียบได้กับคนไข้กับคุณหมอที่รักษาคนไข้ คุณหมอไม่สามารถจะทำการรักษาคนไข้ให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ได้เลย จนกว่าจะทำให้คนไข้นั้นมีจิตใจที่แข็งแรงสมบูรณ์เสียก่อน

เรื่องจิตของคนเรานั้นได้ติดตัวกันมาก่อนตั้งแต่เกิดกันทุกคนแล้ว นอกจากจะมีติดตัวกันมาตั้งแต่เกิดแล้ว ยังติดมาจากภพชาติในอดีตก่อนอีกต่างหาก หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องราวของผู้ที่มีพลังจิตสูงๆ ผู้ที่สามารถระลึกชาติได้และสามารถนำมาช่วยเหลือคนอื่นในด้านต่างๆได้ด้วย เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นจิตฐานเดิมที่มีติดตัวกันมาตั้งแต่ก่อน เพราะในอดีตนั้น คนเหล่านี้เคยมีการสะสมและการปฏิบัติมาแล้วหลายภพหลายชาติมาก่อน เรียกว่ามีอยู่ในเชื้อในตัวอยู่แล้ว เพียงแต่มีการฝึกฝนเพิ่มเติมในปัจจุบันเพียงเล็กน้อย จิตก็มีความเข้มแข็งขึ้นมาได้ และเมื่อนำจิตที่มีความเข้มแข็งนี้ไปใช้ จึงประสบความสำเร็จได้เกือบทุกครั้งไป

ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่สำคัญว่า ทำไมบางคนตั้งจิตอธิษฐานในบางสิ่งบางอย่างเพียงครั้งหรือสองครั้งก็ได้รับการตอบสนอง แต่กับบางคนกลับกลายเป็นเรื่องที่ยากแสนยาก เพราะจิตฐานเดิมไม่มีความมั่นคงเพียงพอ หรืออาจจะเป็นเพราะกรรมในอดีตส่งผลมาถึง เช่น ในอดีตอาจเคยติดสุรา หรือมีสิ่งที่คอยรบกวนจิตประสาทให้เกิดความอ่อนแออยู่เสมอ จิตได้เคยถูกทำลายมาก่อน หรือจิตเคยอยู่ในสัตว์ที่อยู่ในภูมิของเดรัจฉานที่มีชีวิตอยู่เพียงโดยสัญชาติญาณ พอได้เกิดมาในภพชาติ ปัจจุบัน จิตจึงไม่มีพลังมากพอ ฝึกเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล หรือจิตก้าวหน้าได้ช้า พอนำจิตไปใช้ก็ไม่มีพลังมากพอจะส่งให้เกิดผลสำเร็จ อธิษฐานอะไรก็ไม่ค่อยเกิดผล

อย่างไรก็ตาม เรื่องได้ผลหรือไม่ได้ผลนั้นต้องมีเรื่องของ “กรรม” เข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญเกี่ยวข้องด้วย เพราะถึงแม้ว่าในอดีตทำบุญเรื่องจิตมาดีแต่ปัจจุบันทำไม่ดีไม่ได้ฝึกฝนต่อ ก็ไม่ส่งผลต่อการอธิษฐานอะไร ส่วนคนที่ทำดีสร้างกรรมดีเป็นพื้นฐานในปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา แต่พลังจิตอ่อน หากได้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจิตก็จะมีความเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนำจิตไปใช้เพื่อการอธิษฐาน แม้อาจจะเห็นผลช้าแต่ก็รับรองว่าจะได้ผลอย่างแน่นอน

ดังนั้นเมื่อทราบถึงเหตุผลและองค์ประกอบของการตั้งจิตอธิษฐานให้ได้ผลแล้ว จะเห็นได้ว่าเราไม่อาจย้อนไปแก้ไขเหตุต้นเดิม หรือจิตฐานเดิมในอดีตชาติได้ สิ่งสำคัญก็คือเราจะเรียนรู้ต่อไปว่าจิตที่มีพลังนั้นคืออะไรและจะฝึกจิตอย่างไรในปัจจุบันให้มีพลัง เพื่อเป็นพื้นฐานในการอธิษฐานที่ทรงพลังและมีอานุภาพต่อไป

ทั้งนี้มีหลายๆคนที่ต้องการเสาะหาคำตอบที่ว่า ถ้าจิตและพลังจิตมีอยู่จริงแล้ว เหตุใดจึงมองไม่เห็นหรือไม่อาจจะจับต้องได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เพราะในเมื่อมีจริงก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ สิ่งที่มองไม่เห็นและไม่มีตัวตนยากจะพิสูจน์ แบบนี้จึงทำให้หลายคนไม่เชื่อในเรื่องของจิตที่มีในตน จึงไม่อาจจะฝึกฝนให้มันแข็งแกร่งขึ้นมา

น้ำที่เคยใสตั้งแต่เกิด ก็คงไม่ใสสะอาดเหมือนเดิมอีกแล้ว
ต้องหาวิธีการทำให้น้ำกลับมาใสเหมือนเดิม จึงจะนำมันไปใช้ได้

 

การอโหสิกรรม

เป็นการประกาศเจตนาแน่วแน่ในการให้อโหสิกรรม ทั้งแก่ตัวเอง เจ้ากรรมนายเวรและแก่ผู้อื่น เพื่อปลดกรรม ลดกรรมที่ทำมาแล้ว มีการเตรียมความพร้อมของตนเองที่จะพบกับความสมบูรณ์ ความร่ำรวยในชีวิต ทั้งหมดได้รับความเมตตาจากเหล่าครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติธรรมหลายท่าน ทั้งที่เป็พระสงฆ์และฆราวาส ที่ได้พิสูจน์มาแล้วว่าดีและเกิดผลอย่างมาก โดยทำจิตให้นิ่งสงบและตั้งใจกล่าวคำดังต่อไปนี้

“ ข้าพเจ้านาย/นางสาว.............ขอประกาศให้อโหสิกรรมแก่ตนเอง ตลอดจนถึงพ่อแม่พี่น้อง ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา บุตรธิดา ภรรยาสามี ลูกหลานเหลนทั้งหลาย ญาติมิตรสหายทั้งหลาย หมู่คณะผู้ร่วมงานทั้งหลาย คู่แข่งคู่ค้า คู่รักคู่แค้น คู่บุญคู่กรรมทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งปวง ทั้งอุปัชฌาย์อาจารย์ทั้งหลาย ตลอดจนพรหม เทพเทวดา มนุษย์ เหล่าสรรพสัตว์ สรรพวิญญาณ และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ทุกท่านทุกพระองค์ ทุกภพทุกชาติ อันรวมทั้งในชาตินี้ด้วย

ที่เคยได้กระทำผิดพลาดต่อกัน ทั้งเข่นฆ่า ทำร้ายรังแก เบียดบังยักยอก ข่มขืน ผิดประเวณี โกหกหลอกลวง ต้มตุ๋นคดโกง ตระบัดสัตย์ เสียดสีด่าว่า บังคับฝืนใจให้เคียดแค้นชิงชัง อาฆาตพยาบาท

ทั้งแก่ตัวข้าพเจ้าเอง หรือแม้ในบุคคลและสิ่งที่ข้าพเจ้ารักหวงแหน ไม่ว่าในชาตินี้ภพนี้ หรือในภพชาติใดๆก็ตาม ในทุกกัปทุกกัลป์ ทุกอสงไขย ทั้งเจตนาหรือไม่เจตนา ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งที่รู้และไม่รู้ อันเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ทุกข์กายก็ดีทุกข์ใจก็ดี ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม และให้อโหสิกรรม แก่ท่านทั้งหลายทั้งปวงจนหมดสิ้น นับตั้งแต่บัดนี้ จนตราบเข้าสู่พระนิพพาน

การอาฆาตพยาบาท สาปแช่ง จองเวรจองกรรมใดๆ ที่ข้าพเจ้าได้เคยประกาศไว้ หรือผูกใจเก็บไว้ ในชาตินี้ภพนี้ หรือในภพชาติใดๆก็ตาม ข้าพเจ้าให้อโหสิกรรม ยกเลิก ให้เป็นโมฆะทั้งสิ้น เพื่อให้หมดเวรสิ้นกรรมต่อกันและกัน นับตั้งแต่บัดนี้ ตราบจนถึงพระนิพพาน

ขอให้เราและท่านทั้งหลายที่ได้กล่าวนามไปแล้ว ที่อยู่ในที่นี้หรือไม่ก็ตาม รวมทั้งพรหมเทพเทวดาที่ปกปักรักษาข้าพเจ้าทั้งหลาย จงทราบว่า บัดนี้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้ให้อโหสิกรรมแก่กันและกันแล้ว และจะไม่เอาการกระทำทั้งหลายในอดีต มาเป็นเหตุทำร้ายทำลาย เบียดเบียนซึ่งกันและกัน อีกต่อไป

ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอโมทนาความดีกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรมเจ้าทุก พระองค์ พระอริยะสังฆเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์สาวกเจ้าทุก พระองค์ ท่านท้าวพระยายมราช ท่านท้าวจตุโลกบาล และ พระสยามเทวาธิราช ทุกพระองค์ ที่ได้โปรดเมตตากรุณา เสด็จมาเป็นสักขีพยานในการให้อโหสิกรรม ของข้าพเจ้าทั้งหลายครั้งนี้

ขอให้กรรมทั้งหลายทั้งปวงจงเป็นอโหสิ ขอให้วิบากกรรมชั่วทั้งหลายทั้งปวง จงยุติการส่งผล ขอให้วิบากกรรมดีทั้งหลายทั้งปวง จงส่งผลสำเร็จโดยพลัน ด้วยอานิสงส์แห่งการให้อโหสิกรรมนี้ ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงของข้าพเจ้า จงกรุณาให้อโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าโดยง่ายนับแต่นี้ต่อไป และขอให้ข้าพเจ้าพร้อมด้วยพรหมเทพเทวดา สรรพสัตว์ สรรพวิญญาณ สรรพเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง จงสำเร็จมรรคผล นิพพาน ในชาติปัจจุบัน โดยเร็วพลันด้วยเทอญ.”

 

ทำงานไม่เจริญรุ่งเรืองในอาชีพ

ปัญหาเรื่องงานแบบนี้เชื่อว่าหลายคนอาจเคยประสบคือ ทำงานมานานแล้วไม่ค่อยประสบความสำเร็จในอาชีพที่ตนเองทำ ต้องเปลี่ยนงานใหม่อยู่เรื่อยๆ พอเปลี่ยนแล้วก็ยังไม่ดี ถึงจะทำดีแค่ไหนพยายามอย่างไร ก็ไม่เจริญก้าวหน้ามากนัก ในขณะที่บางคนอาจได้ทำงานที่ตนเองไม่ได้รักและไม่ค่อยถนัด แต่ก็ประสบความสำเร็จ เจริญก้าวหน้าไม่ต้องเปลี่ยนงาน คือทำงานที่เดียวได้เลื่อนตำแหน่งบ่อย เงินเดือนขึ้นอยู่ตลอด หรือบางคนเป็นเจ้าของธุรกิจที่จับธุรกิจแค่ตัวเดียวทำแล้วรุ่งเรืองไปเลย ในขณะที่มีคนอีกจำนวนมาก พยายามทำธุรกิจหลาย ๆอย่าง ทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่ แต่ทำอย่างไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ แต่เรื่องราวเหล่านี้มีที่มาที่ไป

เหตุจากกรรมเก่า

เกิดจากในอดีตชาติเคยอธิษฐานผูกมัดตนเองไว้ เช่นในอดีตชาติเคยเป็นทหารแล้วได้ทำการอธิษฐานขอให้ ชาติหน้าพ้นจากความเป็นทหารไม่ต้องข้องเกี่ยวกับอาชีพทหารอีกต่อไป พอมาถึงชาติปัจจุบันยังมีกรรมผูกพันเดิมที่ต้องทำให้กลับมาเป็นทหารอีก แต่เพราะในอดีตเคยปรารถนาให้พ้นจากทหาร ก็เลยไม่เจริญก้าวหน้าในอาชีพนี้ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม

บางคนทำอาชีพหนึ่งไม่รุ่งเสียทีแต่พอเปลี่ยนอาชีพใหม่ ได้เครื่องมือทำมาหากินใหม่ที่ตรงกับจริต ก็เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วนั่นเพราะ อาจเคยอธิษฐานจิตไว้หรือเคยไปขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ในอดีตชาติ รวมถึงมีความทรงจำเดิมหรือสัญญาเดิมที่เคยทำมาหลายชาติ ถึงเวลาส่งผลด้วย เช่น พอพ้นจากทหารแล้วขอให้ได้เป็นพ่อค้า พอลาออกจากทหารแล้วหันมาจับการค้าก็เจริญรุ่งเรืองได้

นอกจากสาเหตุเรื่องการอธิษฐานแล้ว ยังเกิดจากกรรมในด้านจิตใจคือ มีจิตริษยา คือแม้ตนเองจะเป็นคนที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งก็ตาม แต่เห็นผู้ใดได้ดีกว่า ก็จะชอบจ้องจับผิดและสร้างเรื่องหลอกลวงให้คนๆนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียง และคอยใส่ร้ายคนอื่นอยู่ตลอดเวลา หรือคอยเพ่งโทษผู้อื่นอยู่เสมอ

หรือเป็นผู้ที่ชอบเยาะเย้ยผู้ที่ปฏิบัติธรรม หรือแม้แต่ขัดขวางไม่ให้เขาเจริญในธรรมได้ เช่นพอมีเพื่อนตัดสินใจจะบวชตลอดชีวิต ก็ไปพาเขาออกมาจากวัด พูดจาหว่านล้อมให้เห็นดีเห็นงามในสุขทางโลก เพราะตนเองเป็นคนมีความเห็นผิดเช่นนั้น จนเป็นเหตุให้เขาตัดสินใจไม่บวช หรือไม่สานต่อความตั้งใจที่จะเจริญก้าวหน้าในทางธรรม หรือแม้กระทั่งเคยสึกพระด้วยสาเหตุต่างๆ เช่นเคยเกิดเป็นผู้หญิงไปหลอกพระให้สึก เคยเป็นพ่อแม่บังคับให้ลูกสึกจากการเป็นพระด้วยกลอุบายต่างๆเป็นต้น

หรือเกิดจากการเคยทำบุญที่มีบาปมาปะปน เช่นชอบทำบุญแบบบีบบังคับให้คนอื่นหรือบริวารคนอื่นให้เข้ามาช่วยเรื่องทำบุญแบบไม่เต็มใจ หรือเบียดบังการทำบุญของคนอื่นมาเป็นของตนเองเพื่อเอาหน้าตา หรือไม่ก็ฆ่าสัตว์เอามาทำบุญ


เหตุจากกรรมใหม่

การที่เราไม่เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ใช่ว่าจะเอาแต่โทษกรรมเก่าอย่างเดียว สาเหตุหลักๆของคนที่ไม่เจริญก้าวหน้า ก็เพราะทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม เกียจคร้านในการทำงานไม่เอาใจใส่ ไม่พัฒนาในเนื้องานที่ตนทำ เพราะจิตมัวแต่คิดเรื่องรายได้ที่น้อย ก็เลยทำงานน้อยตามรายได้ นอกจากนั้นยังเป็นผลมาจากการที่ชอบทำชั่วปะปนอยู่เสมอ แม้ว่าตัวเองจะทำบุญเป็นประจำก็ตาม เช่นทำงานในหน้าที่เก่ง แต่ชอบชวนคนอื่นไปกินเหล้าเข้าหาอบายมุข หรือมีชื่อเสียงในทางด้านชู้สาว หากเป็นหัวหน้างานก็มีนิสัยชอบส่งเสริมให้บริวารนั้นทำผิด ไม่คอยห้ามปรามกลับส่งเสริมให้ทำความชั่ว

เป็นผู้ที่ชอบเอาความดีเข้าตัวแต่เอาชั่วให้คนอื่น หรือไม่เคยตอบแทนบริวารในสิ่งที่เขาควรจะได้ หรือปิดกั้นทางเจริญของผู้อื่นเพราะไม่อยากให้ลูกน้องที่เก่งๆหนีไปจากตน จึงหน่วงเหนี่ยวไม่ให้เขาแยกตัวออกไปพบกับความเจริญก้าวหน้า

กรรมเหล่านี้เป็นกรรมขวางทางเจริญในหน้าที่การงานทั้งสิ้น ถ้าไปขวางใครไม่ให้เจริญ ผลกรรมก็จะตกอยู่กับตัวเรา ที่เป็นคนขวางเขา เราก็จะไม่เจริญก้าวหน้าเช่นเดียวกัน ซึ่งการแก้ไขนั้นขอให้พิจารณาตัวเองเสมอว่า ในปัจจุบันเรากำลังทำอาชีพอะไรอยู่ แล้วตั้งสติใช้ปัญญาพิจารณาโดยมุ่งแก้ไขกรรมทั้งในทางโลกและทางธรรม

 

การแก้ไขทางโลก

เราต้องพิจารณาอยู่เสมอว่า งานที่เราทำนั้นเราได้ทำอย่างสุดความสามารถแล้วหรือยัง เพียงพอแล้วกับความสำเร็จที่เราสมควรได้รับหรือไม่ และงานนั้นเป็นประโยชน์กับตัวเองและคนอื่นๆเพียงใด โดยต้องเพิ่มขีดความสามารถให้ครบ 5 ประการ

1. ความสามารถในการทำงาน
การเพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน พูดง่ายๆก็คือต้องขยันมากขึ้น เคยทำงานในปริมาณงานเดิมก็ต้องทำให้มากขึ้น หากเป็นเจ้าของกิจการเคยเปิดร้าน 8 ชั่วโมง ก็ลองขยายเวลาเปิดร้านเพิ่มและลงมือทำงานอย่างเต็มความสามารถ ไม่ใช่แค่ทำงานหนักกว่าเดิม แต่ทำแบบไม่ตั้งใจไม่ทุ่มเทก็เปล่าประโยชน์ที่จะเพิ่มเวลาทำงาน

2. ความสามารถในด้านมนุษย์สัมพันธ์
มนุษย์สัมพันธ์นั้น มีส่วนสำคัญต่อความเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก เพราะมนุษย์ต่างเป็นสัตว์สังคมต้องการพึ่งทั้งตนเองและผู้อื่น งานใดที่เกินขีดความสามารถก็ต้องใช้มนุษย์สัมพันธ์ขอร้อง ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นอย่างจริงใจ นอกจากนั้น เมื่อผู้อื่นมาขอความช่วยเหลือ ก็ต้องช่วยอย่างเต็มใจด้วยเช่นกัน จึงจะเป็นแรงผลักดันให้ตัวเราเป็นคนใจกว้างมากขึ้น และมีโอกาสเจริญก้าวหน้ามากขึ้นด้วย

3. ความสามารถในการควบคุมอารมณ์
คนที่จุดเดือดต่ำ แม้จะมีมนุษย์สัมพันธ์ดีแต่ก็จะทำให้ขาดเสน่ห์ไปอย่างสิ้นเชิง หากทำตัวเป็นเม่นคอยพองแผงขนไม่ให้คนเข้าใกล้ ก็จะทำให้ไม่มีคนอยากร่วมงานด้วย ยิ่งเป็นคนที่เป็นหัวหน้ามีตำแหน่ง แล้วไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้และยังใช้ความกดดันลูกน้อง นอกจากจะสร้างความอึดอัดไม่สบายใจแล้ว ยังทำให้เกิดความเบื่อหน่ายในการทำงาน แล้วประสิทธิภาพของงานก็จะลดลงไปด้วย

4. ความสามารถในการประสานงาน
การประสานงานนั้นมีความคล้ายคลึงกับความสามารถเชิงมนุษย์สัมพันธ์ แต่ความสามารถในการประสานงานยังมีความหมายรวมไปถึง ความสามารถในการติดต่อสื่อสาร คือไม่ใช่แค่มีมนุษย์สัมพันธ์ดี แต่ต้องเป็นคนที่ฉับไวกระฉับกระเฉง สื่อสารได้ชัดเจนพูดจาชัดถ้อยชัดคำ และมีความมั่นใจเมื่อรวมกับความสามารถในด้านมนุษย์สัมพันธ์แล้ว ก็จะทำให้เกิดความเข้าใจอันดี ระหว่างบุคคลต่อบุคคล ต่อคู่ค้า หรือต่อลูกค้าของหน่วยงานที่เราทำงานอยู่

5. ความสามารถในการวางแผน
ความสามารถในการวางแผนนี้ กล่าวโดยรวมของชีวิตทั้งสามด้านคือ ชีวิตการทำงาน ชีวิตครอบครัวและชีวิตส่วนตัว ให้ลงตัวไม่เหลื่อมล้ำซึ่งกันและกัน เพราะหากเหลื่อมล้ำกันไปด้านใดด้านหนึ่งมากแล้วก็จะเกิดภาวะกดดันในชีวิตทันที บางคนโหมงานมากไปจนชีวิตส่วนตัวและครอบครัวไม่มีความสุข ความเจริญก้าวหน้าก็อาจเกิดขึ้นได้จริง แต่ก็คงไม่สามารถมีความสุขที่แท้จริงได้


การแก้ไขในทางธรรม

1. ทำสังฆทานใหญ่ หรือ ตามกำลังทรัพย์ที่มี
การทำสังฆทานโดยปกติจะกระทำเพียงถวายเครื่องไทยธรรม โดยไม่จำเพาะเจาะจงกับภิกษุรูปใด ถ้าเป็นไปได้ควรถวายพระพุทธรูปประจำวันเกิดของตนเองอย่างน้อย 5 นิ้วขึ้นไป จะสร้างโดยวัตถุใดได้ทั้งสิ้น เครื่องบวชให้ครบชุด รวมไปถึงหนังสือธรรมะ โดยเวลาถวายให้ทำเหมือนการทอดผ้าป่า คือ หากิ่งไม้มาปักที่ชุดของสังฆทาน แล้วเอาผ้าไตรจีวรของต่าง ๆมาพาดบนไม้ ให้พระสงฆ์ท่านได้ชักผ้าไตรจีวรออก เป็นการแสดงการรับทานที่เราทำ

ข้อสำคัญกว่าเรื่องวัตถุทาน ต้องเป็นสิ่งที่เราหามาได้อย่างบริสุทธิ์ เงินที่นำไปซื้อมาต้องมาจากแหล่งเงินที่บริสุทธิ์ไม่ใช่เงินบาป เงินจากการพนัน รวมไปถึงเจตนาที่บริสุทธิ์ทั้ง 3 ระยะ ทั้งก่อนให้ ขณะที่ให้ และภายหลังการให้ไปแล้ว อย่าได้คิดเสียดายของแม้แต่น้อย

2. งดเว้นการรับประทานเนื้อสัตว์ สัปดาห์ละครั้ง
ความจริงการงดเว้นเนื้อสัตว์เป็นข้อวัตรที่ส่งเสริมศีลข้อที่ 1 ซึ่งไม่เว้นก็ได้ แต่ถ้าทำได้ก็จะเป็นผลดีเพราะเป็นการช่วยส่งเสริมไม่ให้เรามีส่วนร่วมในการฆ่าสัตว์มากขึ้น อันถือเป็นการเบียดเบียนชีวิตซึ่งกันและกัน เป็นลดตัวตนลงมีความเมตตาต่อสัตว์ต่างๆ รู้จักพอ รู้จักการให้

3. ต้องถือศีล 5 หรือ ศีล 8ให้เคร่งครัดตลอดไป
ศีลที่ต้องให้การใส่ใจและเน้นเป็นพิเศษก็คือศีลข้อ 4 คืองดเว้นจากการพูดเท็จ อันจะเป็นเหตุให้เกิดความไม่เชื่อมั่นต่อตนเอง คือเวลารับปากใครแล้วต้องทำตามที่พูดให้ได้ หากมีเหตุขัดข้องหรือสงสัยอะไร ก็ตามก็ควรจะบอกกล่าวเขาล่วงหน้า อย่าได้ไปสร้างความหวังให้คนอื่นแล้วไม่ยอมทำตาม เป็นการสร้างกรรมที่จะขวางทางสำเร็จของตนเองไว้ สำหรับศีล 8 นั้นถือในศีลหรือวันพระก็ได้ไม่จำเป็นต้องถือทุกวัน แต่หากใครสามารถถือได้ก็จะยิ่งเพิ่มบุญกุศลให้ตัวเองมากขึ้นไปอีก

4. สงเคราะห์สัตว์ให้เป็นอิสระ
การให้อิสรภาพถือเป็นทานที่สูงค่าอีกอย่างหนึ่ง เช่นปล่อยปลา ปล่อยนก นก กบ หรือเต่า ที่กำลังจะตายหรือมีความทุกข์ยากเท่าที่เรามีกำลังทรัพย์ โดยก่อนที่จะนำไปปล่อยนั้นต้องนำไปถวายให้พระสงฆ์เพื่อให้ท่านร่วมอนุโมทนาบุญและแผ่เมตตาให้ เพื่อเพิ่มอานิสงส์ให้มากขึ้น

หลังจากนั้นให้ทำการผาติกรรม ก็คือการขอซื้อคืนจากท่านด้วยจำนวนเงินที่เราไปซื้อมามากกว่าครั้งแรกเพื่อเป็นการส่งเสริมการละกิเลสเรื่องความโลภ การขอซื้อคืนอาจทำได้ด้วยการขอซื้อคืนด้วยเงินที่เท่ากันหรือต้องมากกว่าเท่านั้น แต่ระวังอย่าไปขอซื้อคืนด้วยเงินที่น้อยกว่าเดิมเพราะจะเป็นการติดหนี้สงฆ์เพิ่มอีก ที่สำคัญเวลาจะนำสัตว์เหล่านั้นไปปล่อย ต้องดูว่าสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับสภาพความเป็นอยู่ของสัตว์เหล่านั้นหรือไม่ หากไปปล่อยในสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้เขาอยู่ได้ลำบาก จะเป็นการสร้างบาปให้มากขึ้นกว่าเดิม

5. หมั่นบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นประจำ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ขอให้เรายึดหลักการปฏิบัติบูชาเป็นสำคัญคือ ศึกษาประวัติของท่านแล้วน้อมนำคุณธรรมคุณงามความดีของท่านมายึดถือปฏิบัติตาม ถือเป็นการปฏิบัติบูชาท่านแบบสูงสุด และเวลาขอพรจากท่านก็คือขอพรเฉยๆ อย่าได้ไปติดสินบน ทำการบนบานเป็นอันขาด เพราะจะเป็นการลดบุญตนเอง ทำให้จิตตกลงไม่เป็นกุศล หรืออย่าขอพรในสิ่งที่เป็นไปในทางผิดหลักศีลธรรม เพราะนอกจากจะไม่ได้สมปรารถนาแล้ว ยังเป็นการสร้างกรรมขวางทางเจริญขึ้นมาใหม่อีกต่างหาก

6. ให้ถอนคำอธิษฐาน
หากพบว่า ตนเองทำงานไม่มีความสุข ไม่เจริญก้าวหน้า ถูกบังคับกดดัน หรือเจริญก้าวหน้าได้ช้าภายหลังจากที่ทำบุญมาแล้วอย่างสม่ำเสมอ ก็ต้องทำการ “ ปลดพันธนาการตัวเอง ” ด้วย คือหมั่นสวดมนต์ แล้วท่องบทถอนคำอธิษฐานที่เคยมีมาตั้งแต่อดีตชาติ เพื่อที่จะได้หมดเวรหมดกรรมในงานนั้นไป โดยให้กล่าวอธิษฐานดังนี้

“ข้าพเจ้า……(ออกชื่อตนเอง) ขอแผ่บุญกุศลที่ข้าพเจ้าเคยได้ทำไว้ในอดีตชาติ ถึงชาติปัจจุบันอันที่สุดประมาณค่าไม่ได้ ส่งถึงผู้ใกล้ชิด อันมี พ่อแม่ ญาติสนิท ผู้มีคุณที่อุปถัมภ์ช่วยเหลือมาก่อน หนใดหนหนึ่ง แม้อยู่ไกลหรือไม่ได้รับรู้ก็ขอให้มีสุข มีสุขด้วยเทอญ

ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวรที่คอยขัดขวางงานที่ทำ ….. (ระบุงานที่ทำ ที่กำลังขัดข้อง) ขอให้ทุกท่าน ทุกสรรพวิญญาณ โปรดมารับบุญกุศลนี้ เมื่อท่านพอใจและได้รับบุญกุศลแล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายโปรดอโหสิกรรม และถอนตัวออกจากอุปสรรคที่คอยขัดขวางในงาน…(ระบุงานที่ทำ) และตัวข้าพเจ้าขอให้อโหสิกรรม ไม่ติดใจในกรรมใดๆต่อท่านทั้งสิ้น หากท่านไม่ได้รับด้วยเหตุผลใดก็ตาม ขอฝากบุญุกุศลนี้กับพระแม่ธรณี ท่านท้าวจตุโลกบาลหากเมื่อพบเห็นท่านเมื่อใด ขอจงโปรดมอบบุญกุศลนี้ด้วยเทอญ และขอพลานุภาพแห่งบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำนี้ ดลบันดาลให้งานที่ทำให้หมดสิ้นไปด้วยอุปสรรคทั้งปวง ด้วยพลังแห่งบุญนี้โดยเร็วพลันเทอญ

 

สวัสดียามดึกครับพี่หนุ่มเมืองแกลง เพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน และผู้ที่เคารพและศรัทธาหลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต ทุกๆท่านครับผม
มาติดตามข้อมูลจากพี่หนุ่มเหมือนเดิมครับ

 

หมายเลขพัสดุ ระบบems ที่ได้จัดส่งไปเมื่อ เช้าวานนี้

EL 6895 38470 TH….. ปราโมทย์
EL 6895 38483 TH….. kao9kao
EL 6895 38497 TH….. Norrachon
EL 6895 38506 TH….. Leonzz

 

ขอบคุณพี่หนุ่มมากๆครับ
ได้รับเหรียญสิทธิมหาโชค หลวงพ่อนิดแล้ว
เหรียญสวยถูกใจจริงๆ
ขอบคุณมากๆครับ

 

สวัสดียามดึกครับพี่หนุ่มเมืองแกลง เพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน และผู้ที่เคารพและศรัทธาหลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต ทุกๆท่านครับผม
มาติดตามข้อมูลจากพี่หนุ่มเหมือนเดิมครับ

 

สวัสดียามดึกครับพี่หนุ่มเมืองแกลง เพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน และผู้ที่เคารพและศรัทธาหลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต ทุกๆท่านครับผม
มาติดตามข้อมูลจากพี่หนุ่มเหมือนเดิมครับ

 

รูปหล่อหลวงตาดำ (เวลานี้อุดผงตอกโค๊ตไว้เสร็จเรียบร้อย) ในส่วนที่มีผู้โอนเงินร่วมทำบุญกับวัดทองไว้แล้วนั้น
ผมจะจัดส่งทางพัสดุให้พร้อมกับหนังสือธรรมทาน(ที่กำลังดำเนินการจัดพิมพ์อยู่ในเวลานี้)
เพื่อจะให้ถึงมือทุกท่านที่ชำระเงินแล้ว ภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2557

กำหนดพิธีถวายพระประธาน ปางประทานพรดรรชนีมุทรา ให้กับศาลาหลวงพ่ออภิชิโต ที่ริมท่าน้ำวัดทองฯ ในเวลาเก้าโมงเช้า
วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม 2557 เพื่อเป็นการถวายสิ่งมหามงคล ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และจะมีของที่จัดทำไว้พิเศษ
เพื่อแจกให้กับทุกท่านที่มาร่วมในพิธีมงคลนี้ เพื่อนำกลับไปเป็นศิริมงคลต่อชีวิตและครอบครัวต่อไป ส่วนจะเป็นอะไรนั้น คอยติดตามต่อไปครับ

 

พระเครื่องชั้นดีของหลวงพ่ออภิชิโต (ท่านอาจารย์ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ) ที่เป็นชุดพิเศษกว่าปกติทั่วๆไปยังมีเหลืออยู่บ้างอีกเล็กน้อย มีทั้งที่เป็นของที่หลวงพ่อท่านเก็บไว้ในกุฏิมานานและท่านก็ส่งมอบให้โดยเฉพาะกับศิษย์คู่ใจเพื่อจะได้แบ่งปันคนที่มีวาสนาต่อกันในวันหน้า และมีทั้งของที่ท่านตั้งใจทำไว้เพื่อส่งเสริมคนที่นับถือศรัทธาให้เจริญรุ่งเรือง ซึ่งจะทยอยนำลงให้คนที่มีศรัทธาได้พิจารณาตามความพร้อม ส่วนจะมีดีพิเศษและเท็จจริงอย่างไร เมื่อใครพบเจอศิษย์ของหลวงพ่อตัวจริงๆลองสอบถามท่านดูเอาเอง อะไรคือของแท้หรือเทียม หากดูแค่กายภาพภายนอกก็จะเหมือนกันกับพระเครื่องในท้องตลาด แต่เนื้อในนั้นต้องลองพิสูจน์กันดูเองด้วยการรู้จักใช้บูชาของที่มีพลังอำนาจต่างไปจากธรรมดาทั่วไป ที่ไปที่มานั้นได้อย่างบริสุทธิ์และดีแท้แน่นอน ไม่ต้องนอนผวาคิดมาก และจะไม่ผิดหวังหากเจตนาร่วมทำบุญกับท่าน แต่ใครมีบุญร่วมกันก็พิจารณาดูเอานะครับ

 

หมายเลข 1021 พระผงรุ่นสุดท้ายปี29 พิมพ์นางพญา ให้บูชา 6,500.บาท

(เจียงใหม่ จองบูชาแล้ว)

 

หมายเลข 1022 พระผงรุ่นสุดท้ายปี29 พิมพ์นางพญา ให้บูชา 6,500.บาท

(viboonc จองบูชาแล้ว)

 

หมายเลข 1023 พระผงรุ่นสุดท้ายปี29 พิมพ์นางพญา ให้บูชา 6,500.บาท


(viboonc จองบูชาแล้ว)

 

หมายเลข 1024 พระผงรุ่นสุดท้ายปี29 พิมพ์นางพญา ให้บูชา 6,500.บาท

(Bakhamnoi จองบูชาแล้ว)

 

หมายเลข 1025 พระผงรุ่นสุดท้ายปี29 พิมพ์นางพญา ให้บูชา 6,500.บาท

(น้าเยาว์ จองบูชาแล้ว)

 

ขอจอง หมายเลข 1025 พี่งจองกับคุณหนุ่มครั้งแรก โอนไปเลขที่บัญชีไหน และต้องโอนในระยะเวลากี่วัน แจ้งใน กระทู้ หรือ PM