เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728


    เพื่อนลองทายสิคะ ว่า T ย่อมาจากอะไร แต่จินตวดีรู้แล้วล่ะค่ะ
     
  2. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    เพื่อนลองทายสิคะ ว่า T ย่อมาจากอะไร แต่จินตวดีรู้แล้วล่ะค่ะ

    สงสัยผมเรียกชื่อเพี้ยนมาตลอด..นะคุณขจรวรรณ
    คุณจินต์..มีคำถามมาให้ทายด้วย
    คงต้องตั้ง 20 คำถามแล้วถ้าเดาไม่ถูก ลองทายดูก่อนนะครับ
    ผู้ช่วย เอาไว้ขี่ อยู่ในรูปของของสี่เหลี่ยม และตามไปทุกหนแห่ง???

    ขอทายว่า TOYOTA
    จะถูกรึเปล่าไม่รู้.. (y)
     
  3. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425

    เหมือนพลอยเลยครับคุณจินต์...ใช้สมองซีกขวาชำนาญมาก
    เอ..ทางคุณโดมหายไปนานแล้วยังไม่มาเฉลย อิอิ?
     
  4. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ตัว T ย่อมาจากอะไร เดาไม่ถูกแฮะ ดันนึกไปถึง Transformer ซะได้ ที่แปลงเป็นรถได้เป็นหุ่นได้ -_-''
     
  5. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    Welcome Back

    Welcome Back ค่ะคุณน้อง mamboo
    [​IMG]
    ทิ้งปริศนาไว้ให้หัวหน้ากับพวกเราชาวห้องวิทย์ฯ แล้วอย่าหายไปนานนะคะ (rose)
     
  6. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    กีฬาหนีหนาว

    คุณ Mead เพิ่งเขียนมาถามเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าอากาศทางนี้เป็นอย่างไรบ้าง คงดีขึ้นหลังจากโดนพายุหิมะไปหลายรอบ
    ช่วงนี้อากาศหนาวจัดมากค่ะ เพราะเข้ากลางฤดูหนาวแล้ว กลางวันอุณหภูมิสูงสุดติดลบประมาณ -8 องศาเซลเซียส กลางคืนลงไปถึง -20 องศาเซลเซียส วันไหนอากาศชื้นก็จะมีหิมะโปรยปรายฟุ้งไปหมด มองผาดๆเหมือนนุ่น แต่มองพิศแล้วจะเห็นเป็นเกล็ดเล็กๆคมชัดสวยงามค่ะแม้จะหนาวเหน็บก็ตาม

    พี่นักเขียนเลยหนีหนาวไปดูกีฬา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นกีฬาในร่มที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อให้นักกีฬาได้หนีหนาวโดยเฉพาะ พี่นักเขียนได้ไปดูกีฬา Basketball ที่ Naismith Court, Allen Field House, University of Kansas ห่างจากบ้านพี่นักเขียนไปเพียง 15 นาทีเท่านั้นแหละค่ะ

    แต่ที่อยากจะนำภาพถ่ายมาให้พวกเราชมก็เพราะว่า ณ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ คือจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์ของกีฬา Basketball ที่ชาวโลกรู้จักกันดี ผู้ที่คิดกีฬา Basketball ขึ้นมาเป็นคนแรกของโลกชื่อ Dr. James Naismith เป็นชาว Canada โดยกำเนิด จบการศึกษาทางด้าน Physical Education, McGill University ที่ Montreal ประเทศ Canada และเป็นดารากีฬายิมนาสติก Lacrosse และ American Football
    [​IMG]

    Dr. James Naismith นอกจากจะจบการศึกษาทางด้าน Physical Education และเป็นนักกีฬาแล้ว ยังไปเรียนจบจาก Medical school และเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้าน sport physiology อีกด้วย Dr. Naismith จึงพยายามคิดค้นกีฬาที่จะพัฒนาทักษะที่ต้องใช้ความแกร่งของร่างกายขึ้นมาโดยเฉพาะ

    Dr. Naismith เคยเป็นเพียงเด็กชายคนหนึ่งที่เล่นเกมส์ที่เขาแต่งขึ้นเองเรียกว่า Duck on the rock เขานำเอาหินก้อนเล็กๆไปตั้งไว้บนฐานซึ่งเป็นหินก้อนใหญ่ จากนั้นพยายามโยนหินอีกก้อนให้โดนหินก้อนเล็กๆเหล่านั้นเพื่อให้มันกระดอนออกไปจากฐาน เขาสร้างกฎเกณฑ์ในการเล่นเกมส์นี้ไว้ถึง 13 ข้อด้วยกัน
    [​IMG]
    เด็กชายคนนี้ไม่เคยหยุดฝันและในที่สุด ในปี 1891 เกมส์เด็กของเขาก็ถูกพัฒนากฎเกณฑ์ต่างๆจนกลายเป็นกีฬาที่เรียกว่า Peach Basket ซึ่งมีผู้เล่นถึงผ่ายละ 9 คน และแต่ละฟากของสนามกีฬามีตระกร้าที่ชาวไร่ใช้ใส่ผลไม้คือลูก Peach ที่ตอกตะปูติดยึดกับผนังไว้ข้างละใบ เป็นกีฬาในร่มที่เล่นกันตามโรงเรียนในฤดูหนาวที่เด็กๆไม่สามารถจะออกไปเล่นกลางแจ้งได้
    [​IMG]
    Dr. Naismith ได้สร้างกฎเกณฑ์อืิ่นๆขึ้นมาอีกมากมาย จนกระทั่งกีฬา Peach Basket แตกแขนงไปเป็นกีฬา Basketball ที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ Dr. Naismith ได้พิมพ์หนังสือตำราเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ของกีฬา Basketball ขึ้นในปี 1892 ในระยะแรกเป็นกีฬาเฉพาะสำหรับนักกีฬาชาย และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกีฬาสำหรับนักกีฬาหญิงในหลายปีต่อมา

    หลังจากปี 1892 เป็นต้นมากีฬา Basketball ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในประเทศ Canada และจากนั้นก็แผ่ขยายมาสู่สหรัฐ ในปี 1904 โดยเล่นเป็นครั้งแรกที่เมือง St. Louis, Missouri และประเทศอื่นๆทั่วโลก จนกระทั่งในปี 1936 ได้รับการต้อนรับให้กลายเป็นหนึ่งในกีฬา Olympic โดยเล่นเป็นกีฬาชายครั้งแรกใน Summer Olympic ที่กรุง Berlin ประเทศ Germany และเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Olympic เกมส์โดยเล่นเป็นกีฬาหญิงครั้งแรกที่เมือง Montreal ปี 1976 ประเทศ Canada

    ปี 1898 Dr. James Naismith ได้ย้ายมาเป็น Professor สอนหนังสือที่ University of Kansas และได้เป็น Basketball Coach คนแรกที่นำกีฬา Basketball เข้ามาสอนในระดับมหาวิทยาลัย ทีม Basketball ของ University of Kansas (KU) จึงมีตำนานที่ยาวนานที่สุดเนื่องจากได้ผู้ประดิษฐ์คิดค้นกีฬา Basketball มาเป็น Coach คนแรก แต่เขาก็ได้ชื่อว่าเป็น Coach ที่ทำสถิติไว้เป็นสุดคือ แพ้มากที่สุดค่ะ 55-60 (แพ้ 55 games จาก 60 เกมส์)

    Dr. James Naismith มีผู้ช่วย Coach ชื่อ Forrest Phog Allen
    [​IMG]
    ซึ่งภายหลังได้ขึ้นเป็น Coach และกลายเป็นผู้สร้างสถิติใหม่ให้กับ ทีม Basketball ของ University of Kansas คือชนะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ Basketball ระดับมหาวิทยาลัย ชาว KU มีคำขู่ขวัญคู่แข่งจากมหาวิทยาลัยอื่นๆว่า "Beware of the Phog" ซี่งจริงๆแล้วคำเตือนนี้มักเป็นป้ายที่ปรากฏตามบ้านว่า "Beware of the Dog" หรือ "ระวังสุนัขดุ"

    จากนั้นมา ทีม Basketball ของ University of Kansas ก็กลายเป็นทีมระดับประเทศที่มีผู้ชมติดตามทั่วประเทศทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง Tournament ซึ่งแข่งกันในระดับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ พวกดาราภาพยนต์ Hollywood จะติดกีฬา Basketball ทีมมหาวิทยาลัยมากยิ่งกว่าทีมมืออาชีพเสียอีกค่ะ และตระเวนไปชมการแข่งขันพร้อมกับต้องไป show ตัวโดยไม่ตั้งใจเสมอๆ

    Basketball Court ของ University of Kansas จึงใช้ชื่อว่า Naismith Court เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับ Dr. James Naismith ผู้ประดิษฐ์กีฬานี้ขึ้นและเป็น Professor คนแรกที่นำกีฬานี้มาสอนในระดับมหาวิทยาลัยนี้เป็นแห่งแรกในสหรัฐ และตัวอาคารได้ชื่อว่า Allen Field House เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับ Forrest Phog Allen ซึ่งเป็น Coach คนที่สองที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับมหาวิทยาลัยและกีฬา Basketball อีกรอบหนึ่งด้วยการแก้สถิติของผู้ประดิษฐ์คือ Dr. James Naismith

    ณ วันนี้ Naismith Court, Allen Field House, University of Kansas ได้ชื่อว่า เป็น Basketball Court ที่ดังที่สุดในประเทศ ไม่ใช่เพียงเพราะชื่อเสียงและตำนานนะคะ แต่หากใครได้มาอยู่ในสนามจริงๆ จะต้องยอมรับว่าเป็นสนามกีฬาที่อึกทึกที่สุด ด้วยเสียงดนตรี เสียงคนดู หากคิดเป็นเงินไทยแล้วตั๋วใบละหลายพันบาท แต่ขายหมดทุกรอบ ไม่เคยเหลือเลยแม้แต่ที่นั่งเดียว ต้องจองกันล่วงหน้ากว่า 6 เดือนทุกเกมส์ ไม่อย่างนั้นก็ต้องรอลุ้นนาทีสุดท้ายเพื่อซื้อต่อจากผู้ที่เปลี่ยนใจไม่ไปรับตั๋ว

    นักข่าว ESPN ขนานนามว่าเป็นที่ที่ดู Basketball ได้อย่างตื่นเต้นที่สุดในดาวนพเคราะห์ค่ะ สามีของพี่นักเขียนทำงานเป็นสถาปนิกให้กับ University of Kansas จึงได้ตั๋วปีละหลายเกมส์ ช่วงนี้เป็นช่วง tournament มีแข่งขันสัปดาห์ละ 2 ครั้ง พี่นักเขียนลืมเอากล้องถ่ายรูปติดมือไปหลายครั้งหลายหน เพราะมักจะได้ตั๋วแบบปุบปับเสมอ คราวนี้ตั้งใจว่าจะถ่ายรูปมาฝากพวกเราเลยไม่ลืมค่ะ

    ทั้งหมดนี้ก็เป็นตำนานความฝันของเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากจินตนาการกับเกมส์เด็กๆ ซึ่งดูเสมือนจะไร้สาระ แต่จินตนาการและความฝันทั้งหมดของเขากลับกลายมาสู่ความเป็นจริงอันยิ่งใหญ่ ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก อย่าดูถูกความฝันของเรานะคะ สักวันหนึ่งมันอาจนำพาเราไปได้กว้างไกลทั่วโลก เช่นเดียวกับความฝันของเด็กชาย Jimmy (Dr. James Naismith) กับก้อนหินเพียงไม่กี่ก้อนของเขา ดังคำกล่าวของท่านอาจารย์อนาลัยที่ว่า
    จินตนาการเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นจริงทั้งหมด
    (rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2697.jpg
      IMG_2697.jpg
      ขนาดไฟล์:
      663.4 KB
      เปิดดู:
      36
    • IMG_2702.jpg
      IMG_2702.jpg
      ขนาดไฟล์:
      799.1 KB
      เปิดดู:
      32
    • IMG_2711.jpg
      IMG_2711.jpg
      ขนาดไฟล์:
      495.5 KB
      เปิดดู:
      29
    • IMG_2703.jpg
      IMG_2703.jpg
      ขนาดไฟล์:
      787.6 KB
      เปิดดู:
      30
    • IMG_2714.jpg
      IMG_2714.jpg
      ขนาดไฟล์:
      744.8 KB
      เปิดดู:
      27
    • IMG_2716.jpg
      IMG_2716.jpg
      ขนาดไฟล์:
      704.8 KB
      เปิดดู:
      26
    • IMG_2722.jpg
      IMG_2722.jpg
      ขนาดไฟล์:
      495.3 KB
      เปิดดู:
      37
    • IMG_2726.jpg
      IMG_2726.jpg
      ขนาดไฟล์:
      374.3 KB
      เปิดดู:
      29
    • IMG_2698.jpg
      IMG_2698.jpg
      ขนาดไฟล์:
      654.4 KB
      เปิดดู:
      30
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2008
  7. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    เล่นด้วยครับ
    เดาว่าน่าจะเป็น Time Machine
    เอาไว้ไปดูอคีต อนาคต ครับ
     
  8. Year of the Cat

    Year of the Cat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +236

    ทายว่า Telephone ค่ะ (ออกนอกทะเลไปนู่นเลย)
     
  9. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    เป็นไปได้ค่ะคุณเฉลยน่าจะเป็น Time Machine เพราะพี่จินต์ฝันเก่งออก..
    คงไปจิ๊กของโดเรม่อนมาน่ะ.. เอาไว้ใช้เวลาอยู่นอกเหนือช่องว่าง - ระยะทางและกาลเวลาใช่เป่า..
    แล้วตกลงพี่จินต์ชื่อพี่จินต์รึพี่จิตต์คะเนี่ย.. เดี๋ยวไปหาถึงสวนนงนุชซะเลยนี่..
    เคยไปมาแล้วครั้งนึงค่ะ เค้าจัดสวนสวยดีนะคะ นักท่องเที่ยวก็เยอะเชียว..

    ช่วงนี้กำลังอยู่ในบทเรียนความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณอยู่ ใครฝันเก่ง ๆ มาตั้งคำถามกับพี่นักเขียนหน่อยจิ เนี่ยช่วงนี้ไม่มีอะไรถามเลยอ่ะ เพราะฝันม่ายค่อยเก่งเท่าไหร่ เป็นพวกหลับลึกน่ะค่ะ เคยมีอยู่ครั้งนึง ตอนนั้นเรียนหนังสืออยู่แล้วอาศัยอยู่หอพักกับเพื่อน มีอยู่คืนนึงนอนหลับอยู่ไฟเกิดไหม้ขึ้นที่หอพักข้าง ๆ ทีนี้เพื่อน ๆ ทุกคนเค้าก็ออกไปดูไฟไหม้กันหมดทิ้งให้เรานอนหลับอยู่คนเดียว ตอนเช้ามาเพื่อนก็เล่าให้ฟัง ก็เลยต่อว่าเค้าว่าทำไมไม่ปลุก เค้าบอกว่าก็วิ่งออกไปดูแล้วไฟยังไม่รุนแรงเท่าไหร่ ถ้าไฟเริ่มลามมาถึงก็จะรีบมาปลุกทันทีเลย ซึ้งมั้ยล่ะ.. เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด.. :)
     
  10. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ขอบคุณค่ะสำหรับทุกความเห็น คำย่อว่า T ตามที่ทุกท่านให้ความเห็นไว้ถูกต้องทั้งหมดค่ะ เพราะเราสามารถที่จะจินตนาการให้มันเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้นที่เราต้องการ แต่สำหรับของจินตวดีแล้ว หลังจากที่ดิฉันฝัน แล้วใช้สติสัมปชัญญะจดจ่อกับคำนี้ ตอนแรกดิฉันนึกว่าเป็นสุนัขที่บ้านที่ชื่อถังทอง เพราะสนิทกับมันมาก แต่ก็ติดที่ว่ามันคงไม่สามารถตามเราไปทุกหนทุกแห่งดังคนสนิทได้ สักพัก คำ ๆนี้ผุดขึ้นมาเป็นอันดับแรกเลยค่ะ TALENT ซึ่งแปลว่า สติสัมชัญญะ หรือพรสวรรค์ แล้วมันก็ใช่เลย เพราะสติสัมปชัญญะติดตัวเราไปทุกหนทุกแห่งตลอดเวลา ตามหนังสือ "โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ" ข้อมูลที่เธอได้รับมาจากความฝันมักจะบิดเบือนเป็นอันมาก เพราะเธอมักจะใช้สัญลักษณ์ที่เธอคุ้นเคยในโลกภายนอกมาคลุมทับไว้ (พอดีไม่ได้ติดหนังสือมา อาจจะไม่ตรงนัก แต่ก็มีความหมายอย่างนี้) เพราะจินตวดีคิดว่าเพียงแค่เราใช้สติสัมปชัญญะจดจ่อในฝัน ก็จะสามารถทำให้เราเข้าใจในความหมายหรือสัญลักษณ์ที่ปรากฏในความฝันได้ดียิ่งขึ้น เปรียบเสมือนการนำกล้องถ่ายรูปเข้าไปถ่ายภาพในความฝันนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น เมื่อคืนวันที่ 23 จินตวดีฝันว่าขึ้นไปบนเขาลูกหนึ่ง ได้ไปเจอบุคคลคนหนึ่ง ยื่นไพ่ให้จินตวดี ให้เราเล่นด้วยกัน ดิฉันได้แต่งงเพราะไม่รู้ว่าเล่นไพ่อะไร เล่นอย่างไร สักพักคนผู้นั้นก็บอกว่า จบเกมส์แล้ว (แต่ใจกลับรู้สึกถึงคำว่าตายแล้วแทน) ดิฉันถามกลับไปว่าตายอย่างไร เขาชี้ให้ดูในไพ่ ดูจำนวนภูเขาในไพ่สิ ดิฉันดูรูปภาพในไพ่ เป็นรูปภูเขานับได้ 9 ยอดพอดี แล้วภาพก็ตัดไปที่ห้องเรียน (อีกแล้ว) มีผู้คนอยู่ในห้องเรียนมากมาย มีอาจารย์ผู้ชายท่านหนึ่งกำลังแจกผลไม้ให้นักเรียนทุกคนอยู่ จินตวดีเข้าไปขอรับบ้าง อาจารย์ผู้ชายท่านนั้นชี้ไปที่กองผลไม้ที่เหลืออยู่ บอกว่าให้หยิบไปเอง ดิฉันก็หยิบไปจนเยอะเชียว (เกือบหมด แบบว่างก) มีคนที่รู้จักเดินตามมาเอาบ้าง พร้อมกับบอกอาจารย์ว่า เหลือนิดเดียว ดิฉันรู้ตัวว่าเอาไปเยอะกว่าเพื่อน แต่ก็เฉยไว้ แล้วก็นำเงินไปจ่ายให้อาจารย์นั้นเป็นค่าผลไม้ แต่อาจารย์ท่านไม่รับประมาณว่าให้ฟรี สักพักหันไปเห็นนักเรียนทุกท่าน กินผลไม้นั้นพร้อมกับทิ้งเปลือกไว้เต็มห้อง ดิฉันรู้แต่ว่าเดี๋ยวจะต้องมีนักเรียนอีกชุดมาเข้าเรียนต่อ จึงไปเก็บกวาดให้ ตอนสุดท้าย ปรากฏเห็นเป็นสุนัขอัลเซเชี่ยนตัวใหญ่กระโจนเข้ามาจนชิดเรา แล้วยกขาหน้าข้างหนึ่งทำท่าจะมาแตะมือกับเรา (แต่หมามันยิ้มให้ด้วย)
    ดูจากความฝันเหมือนจะสับสนและไม่มีอะไร แต่ดิฉันก็พยายามที่จะจับอารมณ์ปรากฏว่า เมื่อนึกถึงการเล่มเกมส์ไพ่ และคำว่าแพ้ ดิฉันคิดถึงแต่ความตาย แต่ไม่น่าจะใช่ความตายของตน คิดถึงคำที่เขาให้ดูรูปไพ่และนับภูเขา เป็นรูปภูเขานับได้ 9 ยอด เลยคิดว่าเลข 9 ในความหมายของตัวเองคือสิ่งศักดิ์สิทธิ หรือพระพุทธรูป เลยคิดว่ามันต้องเกี่ยวกับความตาย ภูเขา ใจมันก็วน ๆ ถึงแต่เรื่องนี้
    1.ปรากฏว่าเมื่อเช้านี้ได้รับข่าว ว่าเจ้าอาวาสวัดเขาบำเพ็ญ ที่อยู่ติดกับบ้าน(เพราะบ้านอยู่หลังเขา) ถูกคนร้ายบุกชิงตู้รับบริจาค คนร้ายได้ใช้มีดแทงท่านจนมรณภาพ เราก็เลยถึงบางอ้อ เพราะในใจมันวนเวียนแต่คำว่าตาย ตลอด มันก็เลยทำให้นึกถึงคำกล่าวในหนังสือ ธรรมชาติชาติภพ ว่า เธอทุกคนสามารถทำได้ มีได้ เสมอเสมือน กับคนที่เธอคิดว่าเขาเป็นผู้วิเศษ ถ้าหากเธอฝึกที่จะใช้สติสัมปชัญญะ เธอจะพบสิ่งนั้นในตัวเธอ ว่าเธอสามารถที่จะทำได้มีได้ เสมอเหมือนกัน เท่าเทียมกันหมดทุกคน (ความหมายคล้ายอย่างนี้ ขอโทษอีกครั้งดิฉันไม่ได้ติดหนังสือมา)

    2. ตอนแรกไม่คิดอยากจะเล่าให้ฟัง เพราะไม่มีเวลาพิมพ์นาน ๆ แต่ใจก็นึกถึงคำว่า "ความฝันของเธอแสดงถึงภาวะจิตของเธอ" (โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ) เลยนึกถึงความฝันตอนที่มีอาจารย์ผู้ชายแจกผลไม้ในห้องเรียน แล้วดิฉันงกไม่แบ่งให้ใคร ไม่บอกด้วยว่าเราได้เกินมา ทั้งที่อาจารย์ให้ฟรี อันนี้แสดงถึงภาวะจิตของตัวดิฉันเอง งกแม้กระทั่งประสบการณ์ หุ หุ

    3. สุนัชอัลเซเชี่ยน ที่แท้มันก็คือตัว T น่ะเอง ที่ดิฉันคิดตอนแรกว่าน่าจะเป็นเจ้าถังทอง (ดิฉันเอาสัญญลักษณ์ของความเคยชินมาคลุมทับไว้ เพราะคิดมาตลอดว่าสุนัขเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์และสนิทที่สุด) มันอุตส่าห์มาแตะมือเป็นทีมกันด้วย (ขนาดฝันยังอารมณ์ขันขนาด)

    สรุป ตอนนี้ดิฉันซื้อสมุดมาเล่มนึงแล้ว ว่าจะจดความฝันไว้เพื่อนำมาใช้ในการวินิจฉัย ความหมาย หรือสัญลักษณ์ที่ปรากฏในความฝัน แม้จะใช้เวลาอีกนานกว่าจะเข้าใจหมด แต่ก็จะพยายามเพราะถือว่านี่เป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่ง ที่ดิฉันต้องทำให้ลุล่วง แล้วเพื่อน ๆล่ะคะ มาจดบันทึกความฝันกันเถอะค่ะ

    ป.ล. น้องขจรวรรณคะ พี่ก็ไม่ทราบว่าคุณมี้ดรุ้ชื่อพี่ได้อย่างไร แต่จินตวดีมีความหมายที่พี่ซ่อนปมไว้ ตรงอักษรเว้นอักษร จินตวดี ตัด และ ออกไป เป็นจิตดี นี่เป็นชื่อที่แท้จริงที่ตั้งใจไว้ค่ะ(deejai) (deejai)
     
  11. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เยี่ยมจริงๆ เลยคุณ Jintawadee ตอนนี้เริ่มจะเข้าใจในการตีความความฝันแล้ว ผมนี่ก็ยังไม่เป็นเท่าไหร่เลย เรื่องที่นักจิตวิทยาบอกว่าความฝันจะสะท้อนภาวะจิตของเรา ก็มีส่วนถูกเหมือนกัน

    เรื่องจดความฝันก็เคยจดเหมือนกันนะ แต่หลังๆ พอตื่นแล้วก็รีบไปทำโน่นทำนี่ก็เลยไม่ได้จดเท่าไหร่ บางวันก็พอจำฝันได้ อย่างวันนี้ก็ฝันว่าเหาะได้ แต่เหมือนว่าต้องเหาะหลบๆ ไม่ได้ถูกทำร้าย มีคนดักยิง ในฝันรู้สึกว่าจะอยู่ต่างประเทศ ก็คิดว่าจะเหาะเลียบๆ ชายฝั่งมากลับไทย แต่แผนที่โลกในฝันแปลกแฮะ เหมือนว่าเริ่มต้นจากแถวๆ โปรตุเกสแล้วก็มาถึงเอเชียเลย ข้ามแอฟริกา ข้ามอิตาลี ตอนใกล้ตื่น ก็ใกล้ถึงอินเดียล่ะ ในฝันก็เห็นแผนที่โลกเห็นเส้นทางเดินทางของตัวเองด้วย

    แต่ว่าทำไมพวกเค้าถึงมาทำร้ายนี่สิ อันนี้จำไม่ได้
     
  12. obniti

    obniti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +305
    คุยกันเรื่องการบันทึกความฝันและแปลความหมายต้องขออนุญาตนินทาพ่อของผมเองน่าจะไม่บาปเพราะท่านเสียไปนานแล้ว ผมคิดว่าท่านน่าจะเป็นบุคคลที่บันทึกความฝันของตัวเองไว้มากที่สุดในโลกไดอารี่ของท่านในแต่ละวันจะบันทึกเรื่องราวความฝันของคืนที่ผ่านมาอย่างละเอียด มีการไฮไล้ท์ส่วนที่ต้องการการใส่ใจเป็นพิเศษส่วนท้ายของแต่ละวันจะมีการพยากรณ้เปรียบเทียบกับผลที่เกิดขึ้นจริงบางครั้งจะมีบทวิจารณ์เสริม เช่นเคยฝันซ้ำเรื่องเช่นนี้มาก่อนน่าจะออกเลขเดิมหรือใกล้เคียงเหตุไดจึงต่างกันสุดกู่เช่นนี้ อาจจะนับได้ว่าท่านน่าจะเป้นนักรียนรุ่นแรก ๆ ที่พยายามจะใช้ประโยชน์จากความฝันซึงสรุปได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จ ที่ผมประเมินได้เช่นนั้นเพราะว่ากิจกรรมนี้ของท่านผมมีส่วนรับรู้ตั้งแต่ผมอ่านหนังสือออกจนท่านเสียชีวิต เสียดายหากท่านได้มีโอกาสมาร่วมชั้นเรียนกับเราท่านอาจได้รับความพอใจจากการวิเคราะห์ความฝันมากกว่านี้
    ขออณุญาตไถลออกนอกห้องแต่คิดว่าอาจจะเป็นข้อมูลที่เป้นประโยชน์กับคุณ mead คือว่าผมไปคุยกับวิศวกรเคมีชาวไต้หวันคนหนึ่งบอกเขาว่าผมกำลังมีส่วนช่วยลดภาะโลกร้อนด้วยการเผาก๊าซมีเทน เขาบอกว่าสุดท้ายก็กลับเป็นคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ดีส่วนเขาดีกว่าผมหนึ่งขั้นด้วยการพยายามเก็บคาร์บอนไว้ในสภาพเดิมให้นานที่สุดด้วยการปลูกป่าเอาไม้มาทำเฟอร์นิเจอร์ อย่างไรก็ตามขณะนี้ไม่ทันการ ทั้ง 2 วิธี เพราะขณะนี้โลกได้ปล่อยความร้อนใต้ผิวออกสู่บรรยากาศด้วยอัตราเร่งทีรวดเร็วมากเพราะมนุษย์ได้ทำลายผิวกั้นความร้อนจากใต้โลกคือฟอสซิลจนหมดสิ้นไปแล้วสังเกตุได้จากการเกิดแผ่นดินไหวในปัจจุบันมักจะเกิดขึ้นใกล้แนวศูนย์สูตรนั่นคือใต้โลกมีโพรงว่างมากกว่าปรกติ สรุปก้คืออาจเกิดน้ำท่วมเร็วกว่าที่คาด
    ส่งการบ้านชุด 3 ด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0003.jpg
      scan0003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.1 KB
      เปิดดู:
      24
    • scan0004.jpg
      scan0004.jpg
      ขนาดไฟล์:
      231.1 KB
      เปิดดู:
      26
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ตั้งแต่คุณจิตดี ได้เจ้าตัว T มาอยู่ด้วยนี่ มีแววว่าต้องได้ผจญภ้ยในโลกแห่งความฝันอย่างจริงจังขึ้นกว่าเมื่อก่อนแน่ๆ เตรียมรับมือให้ดีนะครับเพราะนับวันจะยิ่งเหมือนจริงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนคุณจิตดีเอากล้องถ่ายรูปเข้าไปด้วยจริงๆครับ และยังถ่ายทอดออกมาครบถ้วนและตีความได้ในภายหลังอีก มีโอกาสก็มาเล่าประสบการณ์แบบนี้อีกนะครับ คนฟังสนุก อิอิ

    ขอบคุณ คุณโอบนิธิ ด้วยครับเอาเรื่องฉนวนฟอสซิลกับความเปลื่ยนแปลงสภาพของโลกมาเล่าให้ฟังครับ ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์แจ้งมาว่าน้ำแข็งขั้วโลกจะละลายหมดภายใน 7 ปีนี้แล้ว เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก..โลกจะเป็นอย่างไรก็ถือว่าเป็นการเปลื่ยนแปลงเพื่อปรับสมดุลย์จนกว่าทุกอย่างบนโลกจะเข้าที่ แล้วก็จะกลับสู่สภาพใหม่ ตามเส้นทางใหม่อันเหมาะสมที่เราต้องพบเจอแน่นอนครับ ตามกฎของจักรวาล..เกิดขึ้น-ดำรงอยู่-เปลี่ยนแปลงและสร้างใหม่อยู่เสมอๆ ไม่มีการหยุดนิ่งครับ

    ปล. ลายเส้นคุณโอบนิธิ มีอพลังน่าสนใจดีจริงๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มกราคม 2008
  14. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เรื่องก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เคยอ่านเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของโลก สมัยก่อนนั้นโลกมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่านี้มากกกก เรียกได้ว่าบรรยากาศส่วนใหญ่มีแต่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

    ทีนี้แล้วก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หายไปไหน???

    จริงๆ แล้วมันไม่ได้หายไปไหนหรอก เพียงแต่แปรรูปไปเป็นอย่างอื่น อย่างตอนแรกๆ ที่มีพวกสาหร่ายขึ้นมา มันก็ค่อยๆ เก็บคาร์บอนไว้ในตัวมันเอง พอมีพวกปะการังเกิดขึ้น มันก็เก็บคาร์บอนมาไว้ทำเปลือกแข็ง สิ่งมีชีวิตพวกนี้จะค่อยๆ ดูดคาร์บอนไปเก็บไว้ ทำให้ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศลดลงเรื่อยๆ แน่นอนว่ามันใช้เวลานานมาก เป็นล้านๆ ปี กว่าปรมาณคาร์บอนไดออกไซด์จะลดลงพอที่สิ่งมีชีวิตจะอยู่ได้

    จำได้ว่าในหนังสือนั้นได้พูดถึงภูเขาหินปูนที่ไหนซักแห่ง ที่เกิดจากการทับถมกันของปะการังในสมัยดึกดำบรรพ์นั้นด้วย

    ทุกวันนี้คาร์บอนในอากาศในสมัยดึกดำบรรพ์ ก็แปรสภาพมาเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิต ส่วนหนึ่งของต้นไม้ เป็นฟอซซิล เป็นน้ำมัน เป็นหินปูน เป็นสารอาหาร(คาร์โบไฮเดรตก็มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ) ฯลฯ ซึ่งทำให้เกิดสมดุลจนที่เห็นทุกวันนี้ ซึ่งก็มีปริมาณการคายคาร์บอนสู่บรรยากาศและดูดคาร์บอนไปเป็นอย่างอื่นในอัตราหนึ่ง จนมาหลังๆ ที่สมดุลเริ่มเปลี่ยนไป อัตราการคายสูงขึ้นอันเนื่องมาจากกิจกรรมของมนุษย์ที่สร้างขึ้น การเผาพลาญพลังงานซึ่งทำให้เกิดการคายคาร์บอน แต่ขณะเดียวกันการดูดคาร์บอนกลับก็ลดลง ปริมาณพื้นที่ป่าลดลงเรื่อยๆ ทำให้สมดุลเดิมเสียไป และจะไปสร้างสมดุลใหม่

    พอ zip อ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติโลก ทำให้นึกขึ้นว่า สิ่งมีชีวิตที่เราเห็นอยู่นี่ มันเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถอยู่ได้ในสมดุลนี้ ถ้าสมดุลเปลี่ยน ก็อาจจะมีสิ่งมีชีวิตที่สามารถอยู่ได้ในสมดุลใหม่ขึ้นมาอีกก็ได้ มองว่าโลกไม่ได้ปรับตัวเพื่อเราเพื่อให้สิ่งมีชีวิตที่เราเห็นอยู่ได้ แต่เราแค่สามารถอยู่ได้ในสมดุลที่โลกเป็นอยู่เท่านั้นเอง

    สมดุลที่ว่าก็อ่อนไหวมากซะด้วย การกระทำบางอย่างของเรา บางทีต้องทำให้ปัญหามันเกิดก่อนแล้วถึงจะรู้ ที่คุณ obniti บอกว่าชั้นน้ำมันใต้ดิน เป็นตัวกั้นความร้อนจากใต้ดินขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อมูลวิจัยเอาไว้ หรือมีก็ได้แต่ยังไม่เคยได้ยินเพราะว่าถ้ามีวิจัยนั้นขึ้นมา บริษัทที่ขุดน้ำมันอาจจะโดนมองว่ามีส่วนทำให้โลกเกิดภัยพิบัติก็ได้ แต่เรื่องนี้ก็คงพอมีส่วน เพราะว่าถึงแม้ว่าเค้าจะเอาน้ำไปแทนที่โพรงแต่ความร้อนใต้โลกก็อาจจะผ่านมายังผิวโลกได้มากกว่า เพราะน้ำมันมีจุดเดือดมากกว่าน้ำ การมีชั้นน้ำมันใต้โลก ก็เป็นสมดุลสมดุลนึง ที่ทำให้โลกเป็นอยู่ได้ในแบบนี้

    อ้อ เรื่องนึง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องโลกร้อนอะไรหรอก แค่อ่านมาแล้วอยากมาแชร์เฉยๆ สมัยก่อนนั้นมีเหล็กในบรรยากาศโลกและก็ทะเลมากด้วย ออกซิเจนที่พวกสาหร่ายผลิตได้จึงไปจับตัวกับเหล็กในทะเลเป็นสนิมเหล็ก จนกระทั่งเหล็กเริ่มน้อยลงจากทะเล ออกซิเจนจากทะเลจึงออกไปยังบรรยากาศได้ แต่ในบรรยากาศก็ยังมีเหล็กอีก มันก็จะไปจับกับเหล็กในอากาศต่อ กว่าที่เหล็กในทะเลกับในอากาศลดน้อยลง ก็ใช้เวลานับล้านปี

    อ่านหนังสือเล่มนั้นแล้ว รู้สึกว่ากว่าจะเป็นโลกแบบที่เป็นทุกวันนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันต้องใช้เวลาเป็นแสนล้านปี กว่าจะปรับบรรยากาศให้สิ่งมีชีวิตในทุกวันนี้อาศัยได้
     
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ยังไม่ได้ตอบ PM คุณซิปฯ คุณจิตดีเลย..ช่วงนี้งานเยอะหน่อย ทั้ง E-mail ก็เข้ามาเยอะตอบไม่ทันเลยครับ อิอิ ติดไว้ก่อนนะครับ พรุ่งนี้ก็ต้องไปฟังบรรยายและปฎิบัติเรื่องพลัง Uraus อีก กลับมาอีกทีวันจันทร์...

    เมื่อวานดูสารคดีชุดนึงพูดถึง การเปลื่ยนถ่ายอวัยวะระหว่างมนุษย์
    ที่อาจารย์อนาลัยกล่าวว่า เซลล์ร่างกายแต่ละคนมีความทรงจำ สามารถบันทึกจดจำเรื่องราว รหัสเฉพาะตัวของคนนั้นๆได้..อันนี้ปรากฎเป็นเรื่องจริงออกมาแล้วครับ

    มีผู้หญิงคนนึงประสบอุบัติเหตุ ต้องเปลี่ยนตับ..หลังจากได้รับการผ่าตัดแล้วปรากฎว่า มีความสามารถพิเศษบางอย่างเพิ่มขึ้นและอุปนิสัยการทานอาหารเปลี่ยนไป..และไปตรงกับผู้บริจาคตับซึ่งเป็นหนุ่มผิวดำพอดี เช่นการชอบทานลูกอม M&M ชอบเล่นคาราเต้ Kick..เหมือนกันทั้งที่เมื่อก่อนผ่าตัดไม่เคยชอบทานลูกอม หรือชอบเล่นคาราเต้แบบนี้เลย คือเค้ามารู้ภายหลังจากญาติพี่น้องใกล้ชิดของผู้บริจาค จากสิ่งที่เค้าเปลี่ยนแปลงไปหลังการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ
    ทำให้ได้ข้อสรุปว่าทุกๆเซลล์ในร่างกายเรามีความทรงจำ แม้แต่เปลี่ยนไปอยู่กับอีกคนนึงแล้ว ก็ยังถ่ายทอดความทรงจำของเจ้าของเดิมออกมาได้อีกด้วย แปลกดีเหมือนกันครับ..พี่นักเขียนน่าจะขยายความได้ดีนะครับกับเรื่องความทรงจำของเซลล์แบบนี้:-
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มกราคม 2008
  16. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    บางทีมนุษย์กลุ่มแรกบนโลกรุ่นเหมือนพวกเรา เพิ่งถือกำเนิดมาเพียง 60,000 ปีเท่านั้นเองนะครับตามข้อมูลจากสายอนุตรธรรม ก่อนหน้านั้นก็เป็นพวกมนุษย์หินโครมันยอง สตีฟฟา ยุคต่างๆอาจไม่ใช่เวลามากมายอย่างที่นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ไว้ก็เป็นได้ ที่เค้าตรวจสอบคาร์บอนในวงปีต้นไม้..อาจดูเหมือนว่าใกล้เคียง แต่เราไม่เคยเห็นทุกกระบวนการที่มันดำเนินไปด้วยตาเปล่า..บางทีโลกอาจมีอายุเพียงแค่ 8 ล้านๆปีก็ได้ คงมีตัวแปรอื่นๆมากกว่าที่เราคิดกันนะคุณซิปฯ
    ความเร็วแสงยังแปรเปลี่ยนไม่คงที่ในสภาวะที่ต่างกันได้เลยนะครับ ผ่านความกดดันที่ต่างกัน ความเร่งเปลื่ยนค่าได้เสมอ..ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องนึง เวลาที่แท้จริงนี่ไม่ง่ายที่จะหาตำตอบเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มกราคม 2008
  17. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขอเรียกชื่อใหม่ละกันนะคะพี่จิต เก่งมากเลยค่ะที่สามารถตีความหมายของความฝันได้ เดี๋ยวพี่จิตจดความฝันไปเรื่อย ๆ นี่คงสามารถเขียนหนังสือความฝันได้เป็นเล่ม ๆ เลยค่ะ ไว้เอามาเล่าให้พวกเราอ่านเรื่อย ๆ นะคะ หนุกดี..

    พี่จินอย่าลืมนะคะว่าคุณ Mead เธอเป็น Alien พวกเค้ามีความสามารถทางจิตสูงมาก เรื่องแค่นี้จิ๊บจ้อยค่ะ นี่ยังสงสัยอยู่ว่าคุณ Mead จะเป็นฝ่ายสอดแนมรึปล่าวก็ไม่รู้ เดี๋ยวส่งข้อมูลให้เพื่อน ๆ เค้านี่น่ากัวเหมือนกันแฮะ เพราะเค้ามีเทคโนโลยีสูงกว่าพวกเราชาวโลกเยอะเลย พวกเราคงสู้พวกเค้าไม่ได้ เราต้องรู้เค้ารู้เราด้วยค่ะ.. นี่ขจรวรรณยังเห็นคุณ Falkman แอบเข้ามาเป็นระยะ ๆ เลย นี่ก็น่ากลัวเหมือนกันค่ะเพราะชอบอยู่ในเงามืด.. ( อิอิ.. ล้อเล่นนะคะคุณ Mead, คุณ Falkman ขอยืมมาสร้างสีสันให้ห้องเรียนหน่อยค๊า... )
    (sing)
     
  18. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    อย่าเพิ่งกลัวครับคุณขจรวรรณ+
    ยังไงก็ไม่น่ากลัวเหมือนน้องมายด์หรอกกั๊บ..รายนั้นเค้ากินตับ อิอิอิ
    ช่วงนี้หายไปไหนไม่รู้?...เดี๋ยวส่ง Falkman ไปตามหาก่อน...
     
  19. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    จำไม่ได้เหมือนกันค่ะว่าเคยอ่านหนังสือจากไหนที่ว่า มีการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจของผู้ป่วยคนหนึ่งแล้วอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของผู้ป่วยกลับเปลี่ยนไปเหมือนกับเจ้าของหัวใจ เช่น ยังรักและห่วงใยคนรักของเค้า แต่ก็เคยถาม อ.ปริญญา มาเหมือนกันค่ะ อ.ก็บอกว่าอย่าไปเชื่อเพราะอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของเราอยู่ที่จิตวิญญาณของเรา ก็เลยไม่รู้จะเชื่อใครดีเหมือนกันค่ะ สงสัยต้องขอให้พี่นักเขียนมาขยายความให้ความรู้กับพวกเราให้เรื่องนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะ.. :(
     
  20. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    พี่นักเขียนคะถ้าความคิดและอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมาแล้ว เราจะใช้อะไรเป็นตัวพิจารณาว่าความคิดนั้นหรืออารมณ์นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และควรจะทำตามที่ความคิดหรืออารมณ์ที่ผุดขึ้นมาทุกครั้งหรือไม่? และจะมั่นใจได้ยังไงว่าเราไม่ทำไปตามอารมณ์เหมือนที่ใคร ๆ มักจะพูดว่า " ทำอะไรชอบใช้อารมณ์ " น่ะค่ะ:mad:
     

แชร์หน้านี้

Loading...